พอเพื่อน32
“หือ? กินอะไรนะ อ๋อ...ได้ๆ แค่นี้? อะเหอ...เยอะนะเยอะคุณชาย เอาล่ะอยากรับอะไรเชิญคุณชายมู่สั่งข้ากระผมมาเลยครับ” นุชค่อนแคะอีกฝ่ายที่โทรมางุ้งงิ้งอยู่ในสาย
พ่อหนุ่มตาหวานอมยิ้ม สายตามองถนนเบื้องหน้า ก่อนจะค่อยๆ เลี้ยวไปตามทาง
“ที่อยากกินจริงๆ คือ ชะมดหวาน” มันมีเมนูนี้ด้วย? แต่นั่นแหละ ทำไมเจ้าตัวจะไม่รู้ล่ะ...
“อันนั้นอะ กินเยอะแล้วยังไม่อิ่ม?”
“อื้อออ ไม่อะ...เอามาฝากด้วยนะ” ได้ยินแค่เสียงนุชก็สั่นแล้วเหอะ ให้ตาย! มู่ลี่มันขี้อ้อนได้ขนาดนี้เลยหรือไง ทำไมที่ผ่านมาไม่เคยทำน่ารักแบบนี้
อยากเลี้ยวรถกลับ... เป็นบ้าเลยเว้ย!
เสียงออดเสียงอ้อนยังอยู่ในสายตอนที่เขาเลี้ยวเข้ามาจอดที่บานจอดรถในร้านอาหารริมแม่น้ำบางปะกง เขาอมยิ้มฟังอีกคนเม้าท์เรื่องนั้น เรื่องนี้ ทั้งที่เมื่อคืนก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน
แต่ก็อย่างว่าตอนกลางคืนเขาทำให้มู่ไม่มีเวลาเล่าอะไรเองนี่
แถมไอ้เรื่องที่เล่าก็ดันเป็นเรื่องคุณแม่ทั้งสองของเขาอีกต่างหาก ดูท่าอีกไม่ถึงอาทิตย์ มู่คงขึ้นแท่นลูกรักแล้วล่ะ แค่สองวันยังทำเอาสองแม่เรียกหาไม่ขาดปาก
นุชเปิดประตูรถลงไปยืนรอลิลลี่ลงจากรถ ไม่แน่ใจว่าเขาลืมหรือจงใจกันแน่สาวเจ้ามองไม่ออก ทั้งที่อีกฝ่ายดูเต็มใจที่จะพาเธอออกมาทานกลางวันหลังจากที่เมื่อวานพามาทานเข้าเย็นแล้ว...
แต่พี่นุชตาสวยกลับดูไม่ได้กระตือรือร้นอะไรเลยสักนิด แถมพอมีสายเข้าจากพี่มู่ อีกฝ่ายก็คุยแต่โทรศัพท์จนเหมือนกับลืมไปแล้วว่าเธอนั่งรถมาด้วย
“ก็กำลังลงจากรถ... อืม...ยังไม่รู้เลย ฉันไม่ค่อยกลับบ้านแกก็นะ ถามมาได้ว่าอะไรอร่อย แล้วนี่แม่ๆ ไปไหนถึงปล่อยให้มาโทรศัพท์ได้”
“แม่ขวัญเตรียมเครื่องครัวเห็นว่าจะทำอาหารไปทำบุญที่วัดพรุ่งนี้ ส่วนแม่ใหญ่นั่งคุมเด็กคัดดอกไม้อยู่บอกว่าจะทำพวงมาลัยถวายพระ” นุชพยักหน้าเข้าใจ ผายมือให้ลิลลี่เดินเข้าไปในร้านอาหารก่อน แล้วตัวเองก็เดินตาม
“เรานั่งตรงไหนดีคะพี่นุช” นุชแค่ยิ้มแล้วก็ผายมือให้เธอเลือกอีกตามเคย ส่วนปากก็...
“พรุ่งนี้วันครบรอบวันเสียของพ่อน่ะ”
“รู้แล้ว...แม่ขวัญบอกแล้ว แล้วจะสั่ง’ไรมากินอะ” ฟังแล้วก็นึกหน้ามู่มันทำตาปริบๆ
เฮ้อออ...ไม่อยากทานอะไรแล้ว
“ยังไม่รู้เลย” นุชตอบคนในโทรศัพท์ ทรุดกายลงนั่งตรงข้ามกับลิลลี่ เขาส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับเธอพอเป็นพิธี ก่อนจะรับเอาเมนูจากเด็กเสิร์ฟมาเปิดดู
“มีเมนูอะไรแนะนำบ้างครับ” นุชเงยหน้าถามเด็กเสิร์ฟ
“วันนี้ทางร้านของเรามีเมนูพิเศษคือปลากะพงหนึ่งมะนาวมะม่วงหิมพานต์ ปลากรอบสามรส สับปะรดทอดมันปลากลายครับ” นุชพยักหน้า ครางรับในลำคอ
“แกอยากทานอะไร?” ตอนแรกเด็กเสิร์ฟก็ทำหน้าตกใจนิดๆ ที่นุชใช้คำพูดค่อนข้างหยาบสักนิดกับคุณผู้หญิงผู้น่ารัก แต่พอสังเกตเจ้าบลูทูชที่กำลังทำงานอยู่ก็ถึงบางอ้อ...
แต่ก็ทำให้งงนะ มานั่งทานข้าวกับสาวสวยแต่กลับไม่ยอมวางสายสักที...
ขนาดคนอื่นยังรู้ขนาดนี้แล้วคนที่มาด้วยมันจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงเล่า...
ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ว่าอะไรๆ ๆ ๆ พี่นุชก็สนใจแต่เพื่อนสนิทที่ไม่ได้มาด้วย ทำเอาคนที่มาด้วยทำตัวไม่ถูกแล้ว!
มันชักจะยังไงแล้วนะ
“งั้นเอาปลากะพงมาหนึ่ง ...อะไรนะ แกอยากทานอะไรนะ โอเคๆ เอาสับปะรดทอดมันปลากายหนึ่ง แล้วก็...อืมมมม มู่ แกจำที่ไอ้เจมันสั่งตอนไปปราณฯ ได้มั้ย? กุ้งอะไรนะ? อ่อ... กุ้งแก้วมีไหมครับ?” เด็กเสริฟพยักหน้ารับ จดออร์เดอร์ไป นุชพอแค่นั้นจึงปิดเมนูวางไว้ ไม่มีการเอื้อนเอ่ยอะไรกับสาวเจ้านอกจากยิ้มบางๆ เท่านั้นจากนั้นก็หันไปสนใจวิวด้านนอกร้านที่เป็นแม่น้ำบางประกงและคุยกับมู่ลี่ต่อหน้าตาเฉย...
“เอ่อ...คุณผู้หญิง ต้องการอะไรเพิ่มมั้ยครับ”
สรุปแล้ว...งานนี้นุชมาทานข้าวกับใครกันแน่....
เสียงสั่งอาหารสองสามอย่างดังแว่วๆ แต่นุชไม่ได้สนใจ ส่วนคนในสายน่ะเหรอ?
“สมน้ำหน้า ยัยชะนีกะปิเน่า!”
เกือบห้ามหัวเราะไม่ทันอะ...มู่น่ะมู่!
..........................................................................
“พี่ซอ...เขาเป็นแฟนพี่เหรอครับ” แม้จะไม่มีคำตอบในทันที แต่เขาก็ยังคงยืนรอคำตอบไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลาในการเค้นคำตอบนานเท่าไหร่...
หลังจากที่เจอกันโดยบังเอิญเขาก็ขอเสียมารยาทด้วยการเอ่ยต้องการคุยกับหนุ่มหน้าสวยเป็นการส่วนตัว ซึ่งก็แค่การแยกออกมาคุยที่หน้าร้านเท่านั้น...
พื้นที่ที่ไม่มีใครคนนั้นที่ยืนจับมือกับพี่ซอ...
“ประมาณนั้น” คำตอบไม่ชัด...ไม่เคลียร์ ไม่กระจ่าง แต่บางอย่างทำให้ปั๊บแน่ใจ...
เขามันจอมตื้อ...พี่ซอรู้ดี...
“แสดงว่าไม่ใช่” แม้อีกฝ่ายจะหันมามองเขาด้วยแววตาไม่พอใจ แต่แววบางอย่างไม่สามารถซ้อนไปได้... “ปั๊บรู้จักพี่ดีครับ”
ใช่แล้วปั๊บรู้จักซอดี
ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ มีแค่ขาวกับดำ
ไม่มีคำว่าก่ำกึ่ง แค่นี้ก็รู้แล้วว่าอยู่ในสถานะไหน...“ปั๊บ”
“ผมยังเหมือนเดิม ตั้งแต่วันนั้น ไม่เคยเปลี่ยนครับ” ความมั่นคงในน้ำเสียงนั้น ความจริงแล้วปั๊บไม่อยากจะเปิดเผย...หัวใจของเขามันหวั่นไหวและหวาดกลัวเหลือเกินว่าพี่ซอจะปฏิเสธเขา
“....” ซอทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่ก็เงียบสายตาเหลือบมองเข้าไปในร้าน... แฮมยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองมาทางเขาทั้งคู่ ส่วนเพื่อนตัวสูงของปั๊บก็นั่งเล่นมือถือ ไม่ใช่พฤติกรรมของคนที่เป็นแฟนกันแน่ๆ
“ปั๊บรู้ว่าปั๊บงี่เง่าจนพี่ทนไม่ไหว ปั๊บคิดถึงพี่...คิดถึงพี่มาตลอดพี่ซอ” ไม่มีอะไรตอบกลับมาจากซอนอกจากความเงียบ
ไม่มีอะไรเลย...ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเลี่ยงกลับเข้าไปในร้าน แตะมือกับแขนของคุณหมอที่ไม่ว่าจะมองยังไงปั๊บก็เข้าข้างตัวเองได้อย่างสนิทใจ...
พี่ซอยังไม่ลืมเขา...เพราะถ้าลืมได้ไม่มีทางจะเลือกใครอีกคนที่หน้าเหมือนกับเขาอย่างกับแกะขนาดนั้นหรอกเด็กหนุ่มยืนมองหน้าตัวเองในกระจกเงา ลูบไล้สันกรามของตัวเองช้าๆ ก่อนสายตาจะมองภาพในกระจกเป็นภาพใบหน้าของใครอีกคน
คุณหมอแฮม...
“ขอโทษนะครับ...ผมรู้ว่ามันไม่ดี แต่คนของผม...ผมต้องได้คืน!!”.........................................................
“เด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนพี่มากเลยนะ” ซอยืนกอดอกมองใบหน้าด้านข้างของแฮมที่กำลังเลือกเสื้อเชิ้ตอยู่ น้ำเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยเรื่องของปั๊บขึ้นมาราวกับเป็นเรื่องสัพเพเหระไม่ได้สำคัญอะไร แต่แววตาที่สั่นไหวนั้นทำให้รู้ได้ว่า อีกฝ่ายไม่มีทางคิดว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ
“อืม” เขาครางตอบไปง่ายๆ ก่อนจะดึงเชิ้ตสีชมพูดออกมาทาบกับตัวของแฮม สีของมันสว่างขับให้คนผิวของคุณหมอดูสว่างขึ้นอีก
“ซอจะทำยังไงต่อไป” ใบหน้าสวยของซอส่ายช้าๆ ถือเสื้อตัวนั้นไว้ แล้วก็ดึงเอาเสื้ออีกสีออกมาสีเหลืองนวลสบายตา... “ซอ..” แฮมเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นไหว มองอีกฝ่ายที่ยังคงมีเพียงอาการคิ้วขมวดและแววตาอ่านไม่ออก หัวใจอ่อนเปลี้ยลงราวกับหมดแรงจะเต้น
“มันจบไปแล้ว” ซอพูดเสียงเรียบ มองเสื้อสองตัวในมือชั่งใจเลือก
“...” แฮมพูดอะไรไม่ออก มองท่าทีของอีกฝ่ายก็ปวดหนึบๆ ที่ขั้วหัวใจ รู้สึกเหมือนมีคีมเหล็กมาบีบรัดเอาไว้จนขยับดิ้นไม่ไหว...
สุดท้ายแล้วซอก็เอาเสื้อทั้งตัวแขวนกลับไว้ที่เดิม แล้วหันหน้าหนีไปมองทางอื่น
“ไปนั่งรอตรงโน้นนะ” เขาว่าแล้วเดินห่างออกไป ปล่อยให้แฮมยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว
คุณหมอมองเสื้อทั้งสองตัวที่ซอแขวนทิ้งไว้...
เพราะเลือกไม่ได้หรือเปล่า เลยตัดใจทิ้งไป...เดต...สองต่อสองล่มไม่เป็นท่า แม้ว่าจะไปครบทุกโปรแกรมที่วางไว้ เดินดูของ ทานข้าว ดูหนัง...แต่ทุกอย่างกลับทำให้คนทั้งสองเหมือนกินยาขมคนละสองกำมือ
ต่างคนต่างดู ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างจมอยู่กับตัวเอง...
มือที่จับกันก็ไม่อุ่น ความใกล้ชิดที่มีกลับยิ่งทำให้รู้สึกห่างไกลมากกว่าเดิม...
ทั้งที่เปิดใจให้กันแล้ว... แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น...
หรือความจริงแล้ว นี่ต่างหากที่เรียกว่า
เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น“ฝันดีครับ”
“ซอ” หนุ่มหน้าสวยชะงัก มองหน้าคุณหมอ... “จะโทรมามั้ย”
คำถามง่ายๆ แต่ทำไมการเอ่ยคำตอบถึงได้ยากเย็นนัก...
จะโทรมามั้ย?... อยากโทร... แต่สมองกลับคิดไม่ออกว่าจะชวนคุยเรื่องอะไร คิดแล้วก็อยากจะชกหน้าตัวเองให้เจ็บ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้อะไรขึ้นมา...
คนเอ่ยถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ ก็เหนื่อยหัวใจขึ้นมาเสียดื้อๆ จากที่ล้ามาแล้วทั้งวัน ตอนนี้รู้สึกอยากจะให้มันหยุดเต้นไปเสียเฉยๆ
“ไม่เป็นไรหรอก..กลับไปพักผ่อนเถอะ” ก็ยังคงเงียบอยู่ดี
แฮมได้แต่กระพริบตา แล้วหมุนกายเพื่อหันมาเปิดประตูเข้าคลินิก แต่ท่อนแขนของตัวเองก็ถูกดึงรั้งเอาไว้จากอีกคน พอหันมาสบตากันก็ทำเอาเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ แทบจะร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น เมื่อซอขยับเข้ามาใกล้แล้วซบหน้ากับไหล่ของเขานิ่งๆ
“รอผมหน่อยได้ไหม? ขอเวลาให้ผมอีกนิด” เสียงแผ่วเบานั้นราวกับเสียงกระซิบ ซึ่งก็ใช่ แต่อีกนัยหนึ่งมันเหมือนน้ำเสียงของคนที่เหมือนจะขาดใจรอนๆ
ฝ่ามือที่จับแขนเลือนลงไปกุมมือของแฮมเอาไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ ประสานเข้าหากันทีละนิ้ว กระชับไว้เบาๆ ราวกับต้องการความมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง...
“อย่านานได้ไหมซอ การรอคอยมันทรมาน พี่ไม่อยากเจ็บ”ความรัก...ถ้าจะทำให้คนอย่างหมอแฮมเห็นแก่ตัวบ้าง...คงไม่ผิดใช่ไหม?.............................................................
สวัสดีปีใหม่ไทย สนุกสุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ
จำนิมาได้ไหม???? แหะๆ
ยังคงเขียนได้มึนเหมือนเดิมค่ะ ไม่เสถียรเอาซะเลย.... ตอนหน้าจะพยายามนะคะ
ว่าแต่ว่า นิมาจะให้ใครคู่ซอกันแน่เนี่ย หรือว่า แฮมปั๊บ ปั๊บแฮม แทน เบื่ออิซอหน้าสวย
อิอิ...อย่าสนใจความคิดของนิมาค่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านปายยยย มีความสุขวันหยุดยาว แล้วก็....ระวังตัวด้วยนะคะ
วิ้ววววว