ตอนที่ 16
บนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวที่คงเกินความสามารถในการกินของทั้งห้าคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารแห่งนี้ ห้องอาหารของโรงแรมขนาดใหญ่ที่เป็นหนึ่งธุรกิจที่ ‘รัตนศักดิ์’ บริหารอยู่ ไม่ต้องบอกถึงความมีระดับเพราะทุกคนที่เข้ามาในโซนอาหารแห่งนี้ได้มีแค่แขกระดับวีไอพีของโรงแรมเท่านั้น
ดังนั้น...คนร่างบางที่นั่งห่อไหล่หน้าซีดอยู่เลยเหมือนกับ ‘แกะดำ’ เพราะทั้งเสื้อผ้าหรือท่าทางที่เก้กังทำให้กรณ์เหมือนคนที่อยู่ผิดที่ผิดทาง โชคดีที่ว่ามีสิงห์และโยรินที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ กรณ์เลยไม่ทำอะไรที่น่าอายไปมากกว่านี้
วันนี้สิงห์นัดพ่อและแม่ของเขามาคุยธุระเรื่องที่เขาปฏิเสธการหมั้นหมายกับภัทร และอยากจะแนะนำให้รู้จักกับ ‘คนรักที่สิงห์เลือกเอง’ ถึงแม้จะมั่นใจว่าพ่อและแม่ต้องรู้เรื่องพวกนี้จากคนที่คอย ‘ส่งข่าว’ เรื่องของเขาอยู่แล้ว แต่เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่ถูกเล่ห์เหลี่ยมที่มีมากมายเหลือเกินของทั้งสองคนสิงห์จึงหาตัวช่วยคือ...คุณหญิงเนตร
หลังจากวันที่สิงห์ได้ก้าวผ่านความสัมพันธ์มาเป็นคนรักกันกรณ์ แม้จะยังไม่เคยพูดกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวแต่สิงห์ก็อยากจะบอกทุกคนให้มันถูกต้อง เพราะว่ามั่นใจว่ากรณ์คือคนที่ใช่สำหรับเขาที่สุดแล้ว สิงห์เลยนัดผมคุณหญิงเนตรผู้ซึ่งที่เหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่กรณ์เคารพ บอกเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขาและกรณ์รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่มี
ทันทีที่คุณหญิงเนตรรู้ก็เกิดความกังวลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอยอมรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของครอบครัวของสิงห์มากกว่า ครอบครัวของสิงห์ดูจะเป็นครอบครัวที่ ‘น่ากลัว’ อยู่ไม่ใช่น้อย คนในแวดวงเดียวกันไม่มีใครที่ไม่รู้จักนามสกุลของสิงห์
กลัว...กลัวว่ากรณ์ต้องมีอันตรายจนอยากจะห้ามความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไว้แค่นี้ แต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะแววตาที่มุ่งมั่นของสิงห์ ยอมรับเลยว่า ราชสีห์หนุ่มคนนี้เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญมากขนาดไหน และอีกเรื่องที่ทำให้คุณหญิงเนตรกลัวมากไปกว่านั้นคือการที่สิงห์ปฏิเสธการหมั้น เพราะคุณหญิงรู้จักน้องสาวต่างมารดาอย่างนารีดี และคนของคุณหญิงที่สั่งให้ไปตามหากรรณ์ก็รายงานมาว่านารี ‘อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง’ ตอนแรกนั้นคุณหญิงไม่แน่ใจเพราะกรรณ์กับครอบครัวของนารีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันซักอย่าง
แต่ทว่า...ตอนนี้คุณหญิงเนตรเริ่มจะกลัวแล้วว่าสิ่งที่ลูกน้องของเธอรายงานมาจะเป็น...ความจริง
“คุณกรณ์ทานนี่ซิ อร่อยนะครับ”
“ข...ขอบคุณครับ”
“แหม...คุณกลอนนนนนน.....อะไรมันจะหวานกันขนาดนี้ ไปจีบกันตอนไหนอะไรยังไงทำไมโยไม่เคยจะรู้เรื่อง”โยรินอดที่จะแซวขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนของ ‘สมหวังในความรัก’ แม้จะกังวลแบบเดียวกับผู้เป็นแม่แต่ความดีใจแทนเพื่อนก็มีมากกว่า เพราะว่าในช่วงเวลาที่กรณ์ตกอยู่ในห้วงของการ ‘แอบรัก’ ก็มีแค่โยรินแค่คนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ และเธอก็อยากให้กรณ์สมหวังในความรัก อยากให้กรณ์มีความสุขบ้าง
แม้ว่าการที่สิงห์ชอบกรณ์ตอบมันดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ด้วยหน้าตาและนิสัยที่กรณ์มีไม่ยากเลยที่จะทำให้ใครคนหนึ่งตกหลุมรัก แต่ที่โยรินแปลกใจคือ...ทำไมกรณ์ถึง ‘ยอมรับ’ ใจตัวเอง ทั้งๆที่ผ่านมากรณ์พยายามปิดกั้นอยู่คนเดียว ไม่เปิดเผยออกมาให้ใครรู้ มีความสุขอยู่แค่ได้รักข้างเดียว
มันเลยเป็นเรื่องแปลกที่กรณ์ทำแบบนี้ ยิ่งท่าทีดูอิดโรยของกรณ์ก็ยิ่งทำให้สงสัย กรณ์ไม่เหมือนคนที่ดีใจเพราะสมหวังในความรัก แต่กลับเหมือนคนที่กำลัง ‘สมเพช’ ตัวเองเพราะความรักมากกว่า
“ผมก็ยังงงๆอยู่เลยครับพี่โยริน”เหมราชที่นั่งอยู่ตรงข้ามพูดยิ้มๆ เขาเองก็เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของสิงห์ ถึงจะรู้สึกแปลกๆที่พี่ชายตัวเองไปรักไปชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าเป็นกรณ์คงไม่เป็นไร
“แล้วลูกกรณ์เป็นอะไรไปจ่ะ หน้าตาดูไม่ดีเลย...ลูกกรณ์!”เขาสะดุ้งตัวหน่อยๆเมื่อคุณหญิงเนตรเรียก ทุกคนในโต๊ะมองมาที่กรณ์ด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่อยากจะพูดจะถามอะไรออกไปเพราะรู้ว่ากรณ์กำลังคิดถึงเรื่องอะไร
กรณ์กำลังนั่งคิดถึงเรื่องของน้องชายที่กลางวันนี้ยังไม่ได้โทรมานี่ก็ปาเข้าบ่ายโมงกว่าแล้ว ปรกติกรณ์คงได้ยื่นทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟแต่วันนี้เขาถูกสิงห์ลากตัวมาทานข้าว พอมาถึงจะพบว่ามีทั้งคุณหญิงเนตร โยรินและเหมราชนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งยังมีเก้าอี้ว่างระหว่างเหมราชและคุณหญิงเนตรอีกสองตัว แต่เพราะใจกำลังคิดถึงน้องชายที่ตอนนี้เขาปลีกตัวโทรไปหาไม่ได้ ได้แค่รอกรรณ์โทรมา แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ากรรณ์จะโทรมาซักที
“ป..เปล่าครับคุณหญิง..พอดีผมเหนื่อยๆ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”กรณ์หันไปยิ้มและส่ายหน้าให้คนข้างตัวเท่านั้น
“คุณกรณ์เป็นอะไรก็บอกพี่นะ”
“...เอ่อ..ครับ...ผมขอตัวไปห้องน้ำได้มั้ยครับ”
“ได้ซิ ให้พี่ไปด้วยมั้ย”
“ม...ไม่ต้องครับ”
“หึหึ...รีบไปรีบมานะพี่คิดถึง”ปากหนากระซิบบอกที่ข้างหูไม่ได้สนใจว่าจะมีใครมองมาด้วยซ้ำ แค่เห็นใบหน้าที่มีเปื้อนสีแดงด้วยความเขินอายก็ทำให้ใจเขาพองโตจนอดไม่ได้ที่จะกดปากลงอย่างรวดเร็วที่ข้างหูของกรณ์จนทำให้คนถูกแกล้งต้องรีบลุกขอตัวไปห้องน้ำอย่างเร็ว
ทันทีที่มาถึงห้องน้ำกรณ์ก็กดโทรศัพท์ไปหาเบอร์ที่ใช้คุยกับน้องชายประจำ เขายืนฟังเสียงรอสายอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็ไม่มีคนรับสายซักที นานหลายนาทีที่กรณ์กดโทรไปแต่ก็ต้องรอจนตัดสาย ทำให้ตอนนี้เขาเกิดความกังวลในใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“อ๊ะ!!”ร่างบางที่รีบร้อนออกมาจากห้องน้ำโดยลืมดูว่ามีคนกำลังเดินผ่านมาพอดี ทำให้เขาชนเข้ากับชายร่างสูงที่เดินมาแต่กลายเป็นว่ามีแค่กรณ์เท่านั้นที่ล้มพับลงไปกับพื้น
“เดินประสาอะไรเนี้ย”เสียงเข้มติดดุบวกกับแววตาที่คมกริบคู่นั้นทำให้กรณ์นึกกลัวขึ้นมาทันที อีกทั้งคนที่เขาชนก็ดูมีอายุเลยทำให้กรณ์เกร็งเข้าไปกันใหญ่
“ข...ขอโทษครับ”
“เด็กสมัยนี่มันขอโทษกันแบบนี้รึไง ก้มหน้าก้มตาแบบนั้นพูดกับใคร....”
“นี่คุณเสือ หยุดได้แล้วแค่นี้เราก็สายมากแล้ว”ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเสือเดินเข้ามาแล้วบ่นออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไรก่อนจะฉุดร่างสูงใหญ่ให้เดินผ่านกรณ์ไปแบบไม่สนใจใยดี
“ฮึ่ย...ทีหลังจะเดินจะเหินอะไรก็ดูคนหน่อย!”
กรณ์ลุกขึ้นและเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ ก่อนจะแต่งเสื้อผ้าที่ยับให้เรียบร้อยและเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารโดยไม่ลืมที่โทรหากรรณ์อีกครั้งแต่ก็เหมือนเดิม...ไม่มีคนรับสาย
ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะตาโตๆของกรณ์ก็เบิกกว้างมากกว่าเดิม เพราะเก้าอี้ที่ว่างเมื่อครู่มีคนมานั่งแล้วและสองคนที่นั่งคือคนที่พึ่งเดินชนเขาที่หน้าห้องน้ำ คนที่มาใหม่ก็ดูเหมือนจะตกใจหน่อยๆที่กรณ์เป็นคนที่ลูกของพวกเขาเรียกมาเพื่อ ‘แนะนำ’
“กรณ์ครับ นี่พ่อกับแม่พี่ พ่อแม่นี่กรณ์ คนที่ผมบอก”
“เออ...ถึงว่าเมื่อกี้หน้าคุ้นๆ”เสือรับไหว้ลวกๆก่อนจะหันไปพูดกับผู้หญิงที่สิงห์แนะนำว่าเป็นแม่ ความจริงทั้งเสือและนลินีแม่ของสิงห์เคยเห็นหน้าตาของกรณ์มาก่อนแล้วแต่แค่เห็นจากรูปที่สั่งให้คนมาแอบถ่าย ทันทีที่เห็นก็ยอมรับว่าผู้ชายคนนี้ทั้งหวานและสวยจนไม่แปลกใจว่าทำไมลูกชายของเขาถึงได้ชอบ
แต่ถ้าถึงขั้นจะ ‘รัก’ คงต้องดูกันอีกที
“เมื่อกี้น้าขอโทษแทนคุณเสือด้วยนะจ้ะ”
“ขอโทษอะไรกันครับ?”
“ก็เมื่อกี้พ่อของสิงห์เดินชนกับหนูกรณ์หน้าห้องน้ำน่ะซิ ดุจนทางนั้นหน้าซีดไปเลย”
“ฮ่ะๆ ว่าแล้วเชียว กรณ์ไม่ต้องกลัวนะ พ่อพี่ก็งี้แหละ ชอบทำดุแต่จริงๆเป็นคนใจดีนะ”
“ดิชั้นว่าเราเริ่มทานอาหารกันเถอะคะ ทานไปคุยไป”
เสียงพูดคุยของผู้หญิงมีอายุทั้งสองคนช่วยทำให้โต๊ะอาหารนี้ไม่เงียบจนเกินไป หลายคนก็พลอยสนุกไปกับเรื่องบนโต๊ะอาหารไปด้วยขนาดเสือที่นั่งทานอาหารนิ่งๆยังแอบยิ้มจางๆที่มุมปาก มีแค่กรณ์เท่านั้นที่เงียบไปเพราะกรณ์ที่รู้พึ่งรู้ว่าถูกสิงห์หลอกให้มาทานอาหารกับพ่อแม่ของเขา หนำซ้ำยังเอาเรื่องส่วนตัวของเขามาคุยอีกยิ่งไม่พอใจเข้าไปกันใหญ่
“เรื่องของเด็กสองคนนี้ เราจะเอายังไงดีคะ ราชสีห์เขามาคุยกับดิฉันให้ดิฉันช่วยเป็นพูดให้ ดิฉันรับรองได้คะว่าลูกกรณ์ของดิฉันเป็นเด็กดีจริงๆ”เมื่อของหวานหมดคุณหญิงเนตรก็เริ่มเข้าประเด็นทันทีจนทำให้คนที่ ‘ไม่รู้เรื่องรู้ราว’ อะไรเลยอย่างกรณ์ออกอาหารงงงันอย่างเห็นได้ชัด
“คือทางเราก็พอรู้เรื่องพวกนี้บ้างแล้ว พูดตามตรงก็หนักใจอยู่เหมือนกันคะแต่ถ้าตาสิงห์แกอยากทำอะไรเราก็คงไม่ขัด”
“แล้วคุณเสือละคะ”
“ถ้าถามผมผมก็ไม่เห็นด้วยแน่นอนล่ะครับ แต่ถึงห้ามไปไอ้ลูกชายคนนี้ก็คงไม่ยอมหรอกครับคุณหญิง ขัดใจมันได้ซะที่ไหน”
“เอ่อ...นี่พูดเรื่องอะไรกันอยู่ครับ?”กรณ์แทรกขึ้นมาอย่างเสียมารยาทแต่คล้ายว่าเรื่องมันชักแปลกๆขึ้นทุกทีเขาเลยต้องยอมเสียมารยาทเพื่อความกระจ่าง
“คุณแม่กำลังคุยเรื่องที่กลอนกับคุณสิงห์ ‘คบ’ กันไง”
“หา!...อะไรนะ มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็คุณสิงห์มีคุณภัทรอยู่แล้วนี่!!”ดวงตาโตเบิกขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับพูดเสียงดังอย่างลืมตัวจนคนหันมามองกันหมด
“...อ่าว นี่พี่สิงห์ไม่ได้บอกพี่กรณ์เหรอว่าพี่กับภัทรเลิกกันแล้ว”
เหมือนมีฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อมของกรณ์ร่างกายของกรณ์ชาทั้งตัวไม่รับรู้หรือรู้สึกอะไรอีก ความกังวลที่โทรหากรรณ์ไม่ติดแรเปลี่ยนเป็นความกลัวที่กัดกินภายในใจ
หรือเพราะนี่จะเป็นสาเหตุที่ติดต่อกรรณ์ไม่ได้....แล้วกรรณ์จะมีอันตรายอะไรหรือเปล่า....
หยดน้ำตาเม็ดใสร่วงหล่นมาจากดวงตาคู่สวยอย่างไร้สาเหตุ คนในโต๊ะอาหารนิ่งอึ้งทันทีที่เห็นน้ำตาของกรณ์ ไม่มีใครรู้ไม่มีใครได้นึกถึงสาเหตุ และก่อนที่ใครจะรู้สึกตัว ร่างบางของกรณ์ก็ลุกขึ้นออกวิ่งไปข้างนอกอย่างรีบร้อน
ไม่มีจุดหมาย...แค่...ต้องไปหากรรณ์
‘เพราะพี่...พี่ทำให้กรรณ์ต้องเป็นอันตราย พี่มันเลว...พี่ขอโทษ’
“กรณ์!!!!”สิงห์ลุกขึ้นตามออกไปทันทีท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
“เอ่อ...เกิด...อะไรขึ้นคะเนี้ย?”
“คือสงสัยว่า..ลูกกรณ์จะคิดถึงน้องชายน่ะค่ะ...”
“คิดถึงน้องแล้วเป็นแบบนี้เลยเหรอครับ”
“คือกรรณ์ น้องชายของพี่กรณ์หายตัวไปครับคุณพ่อ”
“...เดี๋ยวนะ น้องชายของกรณ์ชื่ออะไรนะ?”
“กรรณ์ครับ”คำตอบที่ลูกชายบอกทำให้เสือต้องหันไปสะกิดคนข้างๆให้ลุกตามออกไปที่ด้านนอกด้วยสีหน้าที่ ‘ตกใจ’ จนทำให้นลินีไม่กล้าขัดเดินตามออกไปเงียบๆ โชคดีที่ทุกคนสนใจเรื่องที่กรณ์หุนหันออกไปเลยไม่มีใจมาสังเกตุท่าทีของเขาทั้งสองคน
◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌
“คุณเสือ...คุณคิดมากไปหรือเปล่า คนเราชื่อเหมือนกันมีอยู่ออกเยอะแยะนะ”
“ผมก็ไม่อยากจะคิดเยอะหรอกนะแต่แค่มองหน้าเด็กกรณ์นั่นผมก็คิดถึงไอ้เจ้าเสกขึ้นมา ยิ่งพอรู้ว่าน้องชายชื่อกรรณ์ผมยิ่งเห็นภาพไอ้เสกชัดยิ่งกว่าเดิมอีกนะ”
“คุณแน่ใจเหรอ ไหนบอกว่าลูกของมัน ‘ตาย’ไปแล้วยังไงละ”
“ใครจะไปรู้แน่ละ เฮ้อออ เอาไงดีว่ะเนี้ย”
“ฉันว่าคุณอย่าพึ่งคิดเยอะดีกว่า มันอาจแค่เรื่องบังเอิญ”
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่อยาก ‘ผูกเวร’ อะไรกับใครอีกแล้ว”
“ฉันถึงบอกให้คุณเลิกทำธุรกิจพวกนั้นเสียที”
“มันเลิกได้ง่ายๆซะที่ไหน ลูกน้องเป็นร้อยเป็นพันคนถ้าเลิกแล้วพวกนั้นมันจะทำอะไรกิน?”
“เฮอะ...ฉันถึงได้เลิกกับคุณนี่ไง!”นลินีเดินกระแทกส้นเท้ากลับเข้าไปในร้านอาหาร ตามหลังด้วยร่างสูงใหญ่ของเสือ ที่มีใบหน้าเคร่งเครียดต่างกันคนที่แอบยืนอยู่ในมุมมืด ผู้ที่ได้ฟัง ‘ความจริง’ ทุกๆอย่างอย่างบังเอิญ โชคดีที่วันนี้ ‘กฤษณ์’ แอบตามกรณ์ตั้งแต่ออกมาจากมหาวิทยาลัย เห็นทุกๆอย่างตั้งแต่พวกเขาเริ่มทานอาหาร จนกระทั้งตอนที่สิงห์วิ่งตามกรณ์ที่ร้องไห้หนีออกไป กฤษณ์เลยคิดจะตามไปดูกรณ์ต่อ แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อได้ยินเรื่องราว ‘ดีดี’ โดยบังเอิญ
ดวงตาที่คมเฉียวดูเจ้าเล่ห์หรี่ลงพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นนิดหน่อยและเสียงหัวเราะในลำคอที่ฟังดูน่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ
‘ได้เวลาที่จะส่งตัวน้องชายคืนแล้วซินะ’
◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌
ในห้องเรียนรวมที่มีนักศึกษากำลังเรียนมากกว่าร้อยคน บรรยากาศที่ควรจะครึกครื้นด้วยเสียงพูดคุยของนิสิตที่รอเรียนกลับกลายเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียน ทุกคนทุกสายตามองมาที่เธอคนนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ปริยาภัทร...ผู้หญิงที่ดูจะเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ทั้งรวยสวยเรียนเก่งเกินกว่าใครๆ หนำซ้ำยังเป็นคนที่เรียบร้อยซะจนเหมือนผ้าพับไว้แม้ด้านมนุษย์สัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนักดูจากจำนวนเพื่อนที่ภัทรคบหาในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็น ‘ศูนย์’ ไม่ใช่ว่าภัทรไม่อยากคบหาเพื่อนแต่เพราะคำสั่งของผู้เป็นแม่ว่าต้องรู้จักคบเพื่อน...เลือกที่ฐานะเหมาะสม แต่ภัทรก็ไม่ชอบนิสัยของพวกลูกคนรวยพวกนั้นเสียเลย เธอจึงเลือกที่ไม่คบใครเป็นเพื่อน
เพราะคำสั่งของแม่ก็ ‘ขัดไม่ได้’ เช่นกัน
เรื่องราวการเลิกรากันระหว่างราชสีห์และปริยาภัทรดังกระฉ่อนไปทั่วมหาวิทยาลัย แค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นตั้งแต่ที่สิงห์ปฏิเสธการหมั้น ข่าวลือที่ว่าภัทรถูกบอกเลิกเพราะสิงห์มี ‘คนใหม่’ และคนใหม่ในที่นี่ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘โยริน’
ตั้งแต่วันนั้นสิงห์ก็เข้ามาทานข้าวพร้อมๆกับกรณ์ โยริน พร้อมด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มจนใครๆที่เห็นก็รู้ว่าสิงห์กำลังตกอยู่ในโลกของความรัก แต่เพราะทุกคนไม่คิดว่าคนที่สิงห์รักเป็นผู้ชายหน้าหวานที่นั่งอยู่ด้วยกัน ข่าวลือของคนที่เป็นมือที่สามระหว่างสิงห์และภัทรเลยกลายเป็นของโยรินแทน
หนำซ้ำเรื่องเมื่อเดือนก่อนที่พวกกรณ์เข้ามามีเรื่องกับโยรินกลางโรงอาหารยังเป็นที่จำได้ของหลายๆคน จึงไม่แปลกที่จะมีคนจับเรื่องนู้นมาโยงกับเรื่องนี้จนทำให้มีข่าวแบบนี้ออกมา
ถึงมันจะเป็น ‘ข่าวลือ’ ที่หลายคนพูดกันเพื่อความสนุกปาก แต่ก็สร้างบรรยากาศที่ไม่ดีต่อจิตใจกับภัทรซะเหลือเกิน
โชคดีที่ภัทรมีพี่ชายที่ค่อนข้างเป็นที่นับหน้าถือตาของรุ่นน้อง และภัทรก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากเท่าไรเลยทำให้ไม่มีคนกล้าเดินเข้ามาถามเรื่องราวโดยตรงกับภัทร ภัทรเองก็รู้ว่าหลายคนอยากรู้อยากเห็นเรื่องนี้จะให้ภัทรทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็คงจะไม่ได้
“คะพี่กฤษณ์”ปริยาภัทรรีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็วเมื่อมองเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา ช่วงนี้เหมือนพี่ชายของเธอค่อนข้างจะเกรี้ยวกราดเป็นพิเศษ ยิ่งกับภัทรแล้วเจอหน้ากันทีไรก็ด่าก็ว่าตลอดจนขนาดที่นารีถึงกับเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยว่าลูกชายหงุดหงิดอะไร แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
“แกอยู่ไหน?”เสียงปลายสายตวัดขึ้นสูงเล็กน้อยบอกถึงความหงุดหงิด
“อยู่ห้องเรียน กำลังรออาจารย์”
“วันนี้แกไม่ต้องเรียน แล้วมาหาฉันที่คอนโด”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะพี่กฤษณ์?”
“อย่างถามมากได้มั้ย! ฉันสั่งก็ทำ รีบมาด้วยไม่อยากรอ”ภัทรมองดูโทรศัพท์ตัวเองที่บอกว่าปลายสายว่างไปแล้ว นึกเอะใจว่าจะเกิดเรื่องอะไรร้ายๆขึ้นหรือเปล่า แต่ภัทรก็พยายามทำใจให้ไม่คิดฟุ้งซ่าน อย่างไรซะถึงกฤษณ์จะเกรี้ยวกราดและโหดร้ายมากขนาดไหนแต่ก็ยังเป็นพี่ชายของเธอ กฤษณ์คงไม่ทำร้ายเธอแน่ๆ
ภัทรอาจจะคิดถูกที่ว่ากฤษณ์ไม่ทำร้ายเธอผู้เป็นน้องสาว
แต่...สิ่งที่กฤษณ์คิดจะทำคือ ‘ทำลาย’ ทุกคนที่เป็นศัตรูกับตัวเอง
พักดราม่าไว้ก่อน ช่วงนี้มาแนว horror หน่อยๆ เดี๋ยวค่อยกลับมาดราม่าต่อ (สรุปเรื่องนี้ไม่มี แนวน่ารักๆใช่มั้ยเนี่ย?? เหอะๆๆ)
ตอนนี้ก็วางพล็อตดราม่าไปอีกหนึ่งอย่าง อิอิ แต่รอไปก่อน ขอเคลียร์เรื่องอีกฤษณ์ก่อน
คนอ่านบอกยิ่งอ่านยิ่งเกลียดกฤษณ์
แต่คนเขียน ยิ่งเขียนยิ่งหลอนอีกฤษณ์ แมร่ง โผล่ได้ทุกที ๕๕๕๕
ขำๆ ครับ
ขอบคุณทุกคอมเม้นเหมือนเดิมครับ
