Chapter 4He's my Villain “วิษณุ...”
ไม่มีเสียงขานรับจากบุคคลที่อาจารย์เรียก ทั้งห้องมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะตอบอะไร
“วิษณุ... มารึเปล่า”
อาจารย์หน้าห้องถามย้ำอีกครั้ง ลูกน้องหน้าแหยคนเดิมหันมากระซิบกับมิค
“เจ้ครับ วันนี้เฮียไปไหน”
“กูจะไปรู้มันเรอะ”
มิคตอบไปส่งๆ ชักจะรำคาญกับคำถามนี้เต็มทน
“ใครเป็นเพื่อนมันบอกให้มันมาเรียนด้วยนะ” อาจารย์สรุป ก่อนจะย้ายไปขานชื่อนักเรียนคนต่อไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ณุโดดเรียน ไอ้นักเลงตัวแสบคนนี้มันก็โดดเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ช่วงนี้มันแทบจะไม่โผล่หน้ามาโรงเรียนอีกเลย เป็นบ่อยๆติดกันหลายวัน แถมบางทีโทรไปมันก็ไม่รับ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เป็นกังวล แต่เขาเป็นห่วงเสียจนเลิกกังวลไปแล้ว เสียงพูดของมันที่ตอบในโทรศัพท์ก็ดูเบื่อหน่ายเต็มทน คาดคั้นก็แล้ว แวะไปหาที่บ้านก็แล้ว ทำทุกอย่างก็แล้ว แต่ณุก็ยังทำตัวเบื่อโลกน่ารำคาญอยู่เหมือนเดิม
อยู่ดีๆก็เป็นเชี่ยอะไรมากมายก็ไม่รู้ ตอนนี้เขาเหลือแต่ความเอือมระอาไปเสียแล้ว
เลิกคาบเรียน มิคหมดอารมณ์เดินออกจากห้องไปคนเดียว คิดจะซื้อของทอดกินเป็นอาหารกลางวัน ขี้เกียจจะเบียดเสียดกับคนมากมาย แต่สุดท้ายก็ต้องมาเจอเรื่องอีกจนได้
กะจะเดินเล่นกินลูกชิ้นไก่ทอดสบายใจ ทว่าสิ่งที่เห็นหลังตึกเรียนก็คืออดีตลูกน้องของณุสองคนกำลังทะเลาะวิวาทกันอย่างเมามัน แทบจะไปล้มลุกคลุกคลานกันอยู่บนพื้น แถมยังมีไทยมุงลูกน้องคนอื่นๆยืนเชียร์อยู่ข้างๆกันสลอน
พอณุไม่อยู่ก็ทำเขางานเข้าทุกทีสิน่า
“เฮ้ย พวกมึง!”
มิคตะคอก แต่สองคนนั้นก็ยังไม่หยุด ก็เลยต้องเพิ่มระดับเสียงยิ่งกว่าเดิม
“พวกมึง...
หยุด!!!!”
คำสั่งนั้นฟาดลงมากลางวง เด็กหนุ่มสองคนแทบจะหยุดไปในทันที
“เจ้...”
หนึ่งในสองเงยหน้าขึ้นมาอย่างงงๆ แต่อีกคนกลับยิ่งดูไม่พอใจ
“เจ้ เจ้อ อะไรวะ... ไอ้ณุไม่ใช่ลูกพี่เราแล้ว”
คำพูดคำนั้นแทงลึกลงไปในใจคนฟัง... ความจริงที่เขาแทบลืมไปแล้วมันกระแทกกลับเข้ามาที่เดิม
“เออ กูไม่ใช่เจ้... แต่พวกมึงจะมาต่อยอะไรกันในโรงเรียนวะ อยากโดนไล่ออกรึไง”
“ขอโทษว่ะเจ้... เอ้อ มิค” เด็กหนุ่มแก้ รู้สึกไม่คุ้นชินกับการเรียกชื่อเขา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามายุ่งเลยดีกว่า”
“แล้วมันไม่เกี่ยวยังไง” มิคเริ่มหงุดหงิด... หลายเดือนที่ผ่านมากับการขลุกอยู่กับแก๊งค์เด็กหนุ่มพวกนี้ มันพาลทำให้เขารู้สึกว่าทุกคนก็เป็นลูกน้องเขาไปด้วยแล้วจริงๆ
“ณุถอนตัวไปแล้ว... ต้องมีใครซักคนขึ้นแทน”
คำตอบเพียงสั้นๆ ก็ทำให้มิคเข้าใจทุกอย่างได้แจ่มแจ้ง... นี่เองคือผลทั้งปวงจากการกระทำในวันนั้น
หลายอาทิตย์ที่แล้ว ณุลั่นประกาศิตว่าเขาจะถอนตัวจากการเป็นหัวหน้าแก๊งค์ตลอดไป ไม่คาดคิดเลยว่าผลของการกระทำจะกลายมาเป็นลูกโซ่เช่นนี้ การต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่คงจะดำเนินต่อไป แม้ว่าจะมีใครได้ขึ้นแทนอำนาจนั้นก็คงจะไม่อยู่จีรัง
และผลอีกอย่างของการกระทำนั้น... คือทำให้ณุหายหน้าไปจากสังคมด้วยหรือเปล่า
“เจ้ครับ ปล่อยพวกมันเหอะครับ” ลูกน้องคนเดิมดึงแขนเขา... ยังมีไอ้หมอนี่คนเดียวที่ยังเรียกเขาว่าเจ้ แม้ว่าจะโดนเขากับณุต่อยหน้าระบายโทสะไปหลายรอบแล้วก็ตาม
“ทำไมมึงยังเรียกกูว่าเจ้อยู่วะ...”
“สำหรับผม ต่อให้เฮียจะถอนตัวไปแล้ว เจ้กับเฮียก็ยังจะเป็นหัวหน้าผมน่ะแหล่ะครับ” ไอ้หนุ่มหน้าสิว ตัวเตี้ย หัวเกรียน พูดออกมาอย่างจริงจัง... แปลกที่มันทำให้เขาตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก
“ผมเชื่อแหล่ะเจ้ ว่าจริงๆทุกคนก็อยากให้เฮียกลับมา... แต่ตอนนี้ทุกคนแค่เคว้งเท่านั้นเอง”
หันกลับไปมองภาพตรงหน้า การตะลุมบอนกลับมาดำเนินต่ออีกครั้ง... แต่ทว่าสมองของเขากลับปล่อยความคิดให้หลุดลอยไปไกลแสนไกล
อาจารย์หนวดสุดเหี้ยมโผล่เข้ามาหยุดการวิวาทอยู่เป็นฉากหลัง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ... ตอนนี้สิ่งที่คิดอยู่มีเพียงสิ่งเดียว
...เขาต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
...................................................................
กดกริ่งหน้าบ้าน ใช้เวลาไม่นาน ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็มาเปิดประตูต้อนรับ
“อ้าว มิค มาหาณุเหรอ”
ชายผู้เป็นแม่ของณุยังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน สงสัยว่าคงกำลังทำอาหารเย็นอยู่กระมัง
“อ่า ครับ ผมมาเอาการบ้านให้ณุ”
“ดีดี ไอ้อ้วนไม่ยอมไปโรงเรียนหลายวันแล้ว” บอลบ่น ก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องครัว “มันอยู่ข้างบนนะ ขึ้นไปหามันได้เลย”
“ครับ...” มิครับคำ รู้ดีแก่ใจว่าการบ้านอะไรนั่นมันข้ออ้างชัดๆ
เดินขึ้นบันไดไปตามทางที่เขารู้จักดี... ห้องนอนของณุไม่ได้ล็อกไว้ เคาะประตูก่อนเปิดเข้าไปเสียงเงียบกริบ
“แม่ ผมยังไม่หิว”
ณุพึมพำมาจากบนเตียง ห้องก็ไม่ได้เปิดไฟ แถมจะนอนตะแคงหันหลังไม่ยอมหันมามองเสียอีก มิคเกือบจะตอบออกไปแล้ว แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าขอแกล้งเสียหน่อยจะดีกว่า
ย่องเข้าไปแผ่วเบา ก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหู
“ยังไม่หิวจริงๆเหรอ...”
แกล้งให้น้ำเสียงส่อความนัย ณุสะดุ้งแทบถดตัวหนีไม่ทัน
“เฮ้ย มิค!!! เวรเอ๊ย นึกว่าแม่!”
แฟนหนุ่มหัวเราะร่า นึกดีใจที่แกล้งได้สำเร็จ
“ไม่เอาน่ะ ตกใจอะไรมากมาย”
ณุดึงตัวเขาให้กลิ้งลงนอนบนเตียงเป็นการแก้แค้น ดึงให้มิคลงมานอนหนุนแขนเขาข้างๆไม่ยอมให้หนีไปไหน
“โธ่เว้ย...” เด็กหนุ่มบ่นเบาๆ ถอนหายใจกับตัวเอง
“เป็นไรวะณุ... แล้วช่วงนี้ทำไมไม่มาโรงเรียน”
“กูไม่อยากไป” ณุแทบไม่มองหน้าเขา หันไปจ้องมองเพดานอันว่างเปล่า
ไอ้นักเลงคนนี้มันเปลี่ยนไปจริงๆด้วย ปกติถ้าเขาแวะมาหาอย่างนี้ก็ต้องโดนแกล้งเสียจนเลยเถิดไปไกลไปแล้ว... แล้วนี่อะไร? เหนื่อยหน่ายเฉื่อยชา ไม่เหมือนกับณุเลยจริงๆ
“มึงเบื่อกูแล้วรึไง”
“บ้า... กูไม่เบื่อมึงหรอก”
“ก็ดี ไม่งั้นกูคงคิดว่ามึงไปหาคนใหม่แล้ว”
ณุมองหน้าเขา เหมือนจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก
“กูจะไปมีปัญญาหาใครใหม่ที่ไหน”
“งั้นถ้ามึงมีปัญญามึงจะหารึไง”
“โอ๊ย อย่าเพิ่งงอนสิคร้าบ กูมีมึงคนเดียวนะคร้าบ... นะ”
มิคหลุดหัวเราะ ยังไม่ทันงอนอะไรไอ้หมอนี่ก็คิดไปไกลเสียก่อนแล้ว
เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ แต่พลิกตัวกลับขึ้นมานอนหนุนอยู่บนอกณุ รู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นกับจังหวะหายใจเนิบช้าคล้ายคนหมดกำลัง
บางทีหลายสัปดาห์ก็นานเกินกว่าที่เขาจะทนไหว...
“ณุ... กูเหงา...”
ใช้เวลาหลายวินาทีกว่าที่มิคจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไปชัดเจนขนาดนั้น แล้วผลที่ได้ก็คือโดนพลิกตัวให้เป็นฝ่ายนอนอยู่ข้างล่างซะแทน
“จริงเหรอ...”
ณุเป็นอะไร ทำไมดูเศร้า ปกติต้องนึกหื่นอยากจะขย้ำเขาไปนานแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาตกใจ นึกจะพูดไม่ตรงกับใจก็หาคำมาได้ไม่ทัน
“อืม...”
“ขอโทษนะ”
แม้แต่คำขอโทษก็ยังดูประหลาด มันเศร้าเกินกว่าที่เขาจะทนได้
“มึงเป็นอะไร ณุ กูคิดถึงมึงจะตายห่าอยู่แล้ว”
ดึงคอณุเข้ามากอด ร่างกายที่คุ้นเคยกอดเขากลับ หายใจเนิบช้า... รู้สึกถึงลมหายใจวนเวียนอยู่ตรงต้นคอ ริมฝีปากงับลงไปเบาๆ พาให้ร่างสะท้านไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้แต่การกระทำเหล่านี้ มันอ่อนโยนเกินไปจนเขาสะพรึงกลัว…
To be Continue...
ปล.แอบกระซิบว่าอาจารย์หนวดสุดโหดจะมีเรื่องของตัวเองด้วยแหล่ะ แวบๆมาfeatเรื่องนี้เล็กน้อย จะเป็นเช่นไรโปรดติดตาม!