## เรื่อง “เรื่องของเค้ากะแก” ๒๓ ##
งานเยอะไม่จบไม่สิ้นจริงๆ....
พรุ่งนี้ก็ดันมีสอบอีก..... วิชายากซะด้วย.....
นี่แอบพักสมองมาเล่าต่อให้อ่านกันอีกตอน..................
*******************************************************************
หลังจากกลับถึงบ้าน.... ก็ยังคงอยู่ในช่วงของการปิดเทอม
ช่วงปิดเทอมประมาณหนึ่งเดือนนั้นเราก็อยู่แต่บ้านไม่ค่อยจะได้ออกไปไหนสักเท่าไหร่... จะมีบ้างก็เล็กๆน้อยๆ เช่นไปเที่ยวกับที่บ้านบ้าง... หรือบางทีก็ออกไปกับเพื่อนๆบ้าง เพราะหลังจากที่เพื่อนๆทั้งหมดกลับมาจากค่ายแล้วมันก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมเอ็นฯกันซึ่งก็รวมถึงเราด้วย แต่ก็มีบางวันที่นัดออกมากินข้าวดูหนังกันบ้างเพื่อเป็นการคลาดเครียด... และแน่นอนว่าครั้งไหนที่ภีมมาด้วยเราก็จะไม่มา.... ซึ่งเพื่อนๆในกลุ่มหลังจากที่รู้เรื่องราววันนั้นแล้วก็โทรมาหาเรากันเกือบทุกคน.... บ้างก็บอกว่าอย่าคิดมาก... บ้างก็โทรมาให้กำลังใจ
เราก็เข้าใจพวกมันนะ... มันคงไม่อยากให้เรากะภีมต้องมามองหน้ากันไม่ติดทั้งๆที่อยู่กลุ่มเดียวกัน... คงอยากจะให้อะไรๆมันกลับไปเป็นเหมือนเดิม... แต่ก็อย่างที่เราเคยบอกอ่ะนะ... ว่าเหตุการณ์วันนั้นมันทำให้เรารู้สึกแย่มากๆจนไม่สามารถกลับไปเป็นเพื่อนภีมเหมือนเดิมได้ในตอนนี้... มันคงต้องใช้เวลา....
เพื่อนอีกคนนึงที่ยังโทรมาหาเราตลอดในช่วงที่ปิดเทอมก็คือ เจมส์.. เจมส์ค่อนข้างที่จะเป็นห่วงเรามาก... เจมส์ก็เลยมักจะโทรมาหาเราเกือบจะทุกวัน... ซึ่งมันก็ทำให้เรารู้สึกดีนะ.. ว่าถึงแม้เราจะเป็นคนที่ไม่มีค่าสำหรับภีมไปแล้วก็ตามแต่เราก็ไม่ได้อยู่คนเดียว... เรายังมีเพื่อนที่รักและเป็นห่วงเรา... มีเจมส์ที่คอยให้กำลังใจและบอกรักเราอยู่ทุกๆครั้งที่โทรมาหา... สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้เรามีกำลังใจมากๆทั้งที่ต้องเจอกับอะไรๆรร้ายๆแบบนี้....
ในช่วงที่ปิดเทอมนี้ภีมก็ยังโทรมาหาเราเกือบจะทุกวัน บางวันก็โทรมาหาวันละหลายๆครั้ง ซึ่งเราก็ไม่เคยรับโทรศัพท์ภีมเลย บางที่เราก็ปิดเครื่องไปเลย... เพราะทุกๆครั้งที่ภีมโทรมาเราก็จะร้องไห้ทุกครั้ง... คนอื่นอาจจะมองว่าเรากำลังหนีปัญหา... แต่สำหรับเรา..เราก็มีเหตุผลของเราที่ต้องทำแบบนี้... เราแค่อยากจะทำใจ มันเหมือนเป็นการหยุดพักเมื่อเจอกับอะไรร้ายๆ เพื่อเป็นการเติมพลังเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่.. และก้าวเดินไปข้างหน้า... ในฐานะของคำว่าเพื่อน.. ที่เราจะมอบให้ภีมหลังจากนี้....
*********************************************************************
ในที่สุดวันเปิดเทอมก็มาถึง... นับจากวันนี้ไปเราคงหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว... เราจะต้องเผชิญหน้ากะภีม...
วันนั้นเรามารร.ค่อนข้างเช้าเพราะต้องมาจองที่นั่ง.. เพราะเป็นการเริ่มต้นภาคเรียนใหม่ (ม.6 ) ก็เลยจะต้องมีการย้ายห้องโฮมรูม .. หลังจากที่จองที่นั่งกันได้เรียบร้อยซึ่งส่วนใหญ่ก็นั่งตำแหน่งเดิมเหมือนห้องที่แล้วนั่นแหละ... เพื่อนส่วนใหญ่ก็สาละวนอยู่กับการเมาท์ ก็นะ... ปิดเทอมไปตั้งสองเดือนก็ต้องคิดถึงกันบ้างแหละ.. ซึ่งกลุ่มเราก็มานั่งรวมตัวกันคุยนั่นนี่เรื่อยเปื่อย.....
ตลอดช่วงเช้าในวันนั้นเรากะภีมไม่ได้คุยกันเลย.... ไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภีมซะเองที่หลบหน้าเรา... เพื่อนๆในกลุ่มก็พลอยอึดอัดใจกันไปด้วย....
ผ่านไปเกือบเดือน... เรากะภีมก็ยังไม่คุยกันเหมือนเดิม.. มีบางทีที่เผลอหันมาสบตากันแต่แล้วก็ต่างฝ่ายต่างหันหน้าหนีไปทางอื่น... เรายอมรับนะว่า.. เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากะภีมกลายมาเป็นแบบนี้.. เราก็รู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน มีหลายครั้งทีเดียวที่เราแอบไปร้องไห้....
เพื่อนๆในกลุ่มก็ช่วยกันวางแผนวางสถานการณ์ให้เรากะภีมได้ปรับความเข้าใจกันเพื่อที่จะได้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่แล้วก็ไม่เป็นผลเพราะยังไงเรากะภีมก็ยังคงไม่พูดกัน...
*********************************************************************
เวลาล่วงเลยมาจนมาถึงวันเกิดเราประมาณช่วงเกือบปลายเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นวันเกิดเรา...
พอเรามาถึงห้องเรียน แล้วมองไปที่กระดานดำก็เห็นคำว่า “ HAPPY BIRTHDAY.... ปอ ” ตัวใหญ่มากอยู่บนกระดานพร้อมกับคำอวยพรมากมายจากเพื่อนๆ แล้วเพื่อนก็ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เรา.... มีเป่าเค้กด้วย... โครตจะเขินเลย... จริงๆเราเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาเซอร์ไพร์สหรือทำอะไรแบบนี้ให้อ่ะ.. ไม่รู้ดิมันเขินอ่ะ... ทำหน้าไม่ถูก จากนั้นเพื่อนๆก็เอาของขวัญมาให้เราด้วย... (เพื่อนตรูนี่... น่ารักกันจริงๆ)
ถึงแม้ว่าเราจะได้ของขวัญจากเพื่อนๆหลายคน.. แต่เราก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆว่า... ภีมจะซื้อของขวัญให้เรารึป่าว??? แต่ก็ไม่มี...
จนมาถึงตอนช่วงพักกลางวัน พอเรากะเพื่อนๆกินข้าวกินเค้กกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วเราก็เดินขึ้นมาบนห้อง.... แล้วเราก็เห็นจดหมายน้อยวางอยู่ใต้โต๊ะเรา เราก็เลยหยิบมาดู.. ข้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า....
ปอ....
ลงมาหาเค้าหน่อยสิ... เค้าจะรอปออยู่ที่หลังอาคาร 1 นะ
ขอร้องเถอะ... มานะ เค้าจะรอจนกว่าปอจะมา
ภีม
พอเราอ่านจดหมายน้อยเสร็จเราก็ลงไปที่หลังอาคาร 1 ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีคนพลุกพล่านค่อนข้างจะลับสายตาคนหน่อย
เราเห็นภีมนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนที่อยู่หลังสุดเราก็เลยเดินเข้าไปหา ตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย...ก็ไม่ได้คุยกันมาตั้งนาน แต่ก็พยายามทำให้เป็นปกติที่สุดอ่ะนะ
“ภีม...... มีอะไรรึป่าว???” เราเป็นคนเริ่มพูดก่อน เพราะตอนนั้นภีมนั่งหันหลังอยู่ ภีมจึงหันมาหาเราแล้วพูดว่า
“นั่งก่อนสิ...” เราก็ลงนั่งตรงข้ามกับภีม แล้วภีมก็พูดว่า...
“ปอ.... อ่ะนี่.. ของขวัญ ” ภีมพูดพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญสีชมพูขนาดกะทัดรัดให้เรา
“ขอบใจนะ...” เราตอบออกไปแบบยิ้มๆ แหม...ใครๆก็ต้องดีใจที่ได้ของขวัญ (นี่เป็นของขวัญครั้งแกรและครั้งเดียวที่ภีมซื้อให้เรา.... ขี้งก)
“อืม ........” ภีมตอบแล้วก็ทำท่าอ้ำอิ้งเหมือนมีอะไรจะพูด เราก็เลยพูดขึ้นว่า.
“ภีมมีอะไรรึป่าว.... มีไรก็พูดมาสิ” เห็นแบบนี้เราก็รู้แล้วแหละว่าเรื่องที่ภีมจะพูดคือเรื่องอะไร ไหนๆก็มาจนถึงป่านนี้แล้ว เราก็อยากจะเคลียร์ให้มันจบๆเหมือนกัน
“เอ่อ... คือ... เค้าขอโทษนะ เรื่องเค้ากะเก๋หนะ ... เค้ารู้ว่าเค้ามันไม่ดีที่ทำให้ปอต้องร้องไห้ เราขอโทษนะ..” ภีมพูดแล้วยื่นมือมาจับมือเรา
“เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเหอะ..” เราพูดออกไปด้วยน่าตาเศร้าๆ เพราะแม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมาแล้วแต่ทุกๆครั้งที่นึกถึง.. เราก็ยังคงรู้สึกเศร้าเสมอ
“ปอไม่โกรธเค้าแล้วจริงๆเหรอ....” ภีมพูดแล้วยิ้มที่มุมปากเพราะยังไม่ค่อยแน่ใจ
“จริงๆเค้าไม่เคยโกรธภีมเลยต่างหาก... ภีมมีสิทธิ์ที่จะไปคบกับใครก็ได้ เพราะเราก็ไม่ได้คบกันหนิ.. ” เราตอบและพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
“แต่ภีมรักปอนะ...” ภีมพูดออกมาเสียงดัง
“อย่าพูดแบบนี้เลย.... ภีมเก็บคำพูดนี้เอาไว้ให้กับคนที่ภีมรักจริงๆดีกว่า”
“เค้ารักปอ เค้ารักปอจริงๆนะ รักมากด้วย... ปอรู้ไหมตลอดเวลาที่เราไม่ได้คุยกันไม่เจอหน้ากันมันทำให้เค้ารู้สึกแย่ขนาดไหน... เค้าจะมาพูดกะปอเค้าก็ไม่กล้าเค้ากลัวว่าปอจะเกลียดเค้าจนไม่อยากพูดด้วย แต่ในที่สุดเค้าก็ทนไม่ได้.... เค้าอยู่คนเดียวโดยไม่มีปอไม่ได้...” ภีมพูดด้วยหน้าเศร้า.. พอเราเห็นแบบนี้.. น้ำตาที่เรากลั้นเอาไว้มันไหลออกมาอาบทั้งสองแก้ม
“.....................................” เราเงียบพูดไรไม่ออก ภีมก็เขยิบมานั่งข้างๆเราแล้วบอกว่า
“เราเป็นเหมือนเดิมนะปอ...” ตอนนั้นเราเริ่มสับสนว่าจะเอายังไงดี เราเลยถามสิ่งที่อาจจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น.....
“แล้วเก๋ล่ะ...” ภีมก็ตอบว่า
“ตั้งแต่กลับมาจากค่ายเค้ากะเก๋ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เค้าไม่ได้ติดต่อกันแล้ว... เชื่อเรานะ..” ภีมพูดแล้วจับมือเราไว้แน่น
“อืม... เค้าเชื่อ” เราพยักหน้าตอบ
“เค้ารู้นะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเค้ามันแย่..... เค้าทำลายความไว้ใจที่ปอมีต่อเค้า แต่เค้าขอแก้ตัวใหม่ได้มั้ย??? เค้าจะไม่ทำให้ปอเสียใจอีก นะ... นะ...ปอ นะคับ..” ภีมพูดด้วยน่าเศร้าแล้วก็อ้อนเราอีกแล้ว ใครไม่ใจอ่อนก็บ้าแล้ว
“ก็ตามใจดิ..” เราพูดยิ้มๆ ภีมก็เลยโผมากอดเรา ภีมแอบหอมแก้มเราด้วย...
“ขอบคุณนะปอ..” ภีมพูดด้วยเสียงดีใจ
“อืม.....” เราตอบ... ในที่สุดเราก็ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกครั้ง....
“ใจแข็งนักนะ... เค้าโทรไปหาก็ไม่เคยรับเลย...” ภีมพูดงอนๆทั้งที่เรายังกอดกันอยู่
“ก็สมควรมั้ยล่ะ?? มาทำให้เค้าร้องไห้หนิ” จริงป่ะล่ะ....
“คร๊าบ.... โทษคร๊าบบบบ.. ไม่ทำอีกแล้ว เข็ดแล้วคร๊าบ...” ภีมพูดล้อเลียนเรา
“พูดไรอ่ะทำให้ได้นะ.... ถ้ามีอีก... คราวนี้ไม่ต้องมาคุยกันแล้ว” เราพูดคาดโทษไว้
“คร๊าบบบบบบบ....” ภีมพูดลากเสียงยาว
แล้วเราก็เดินขึ้นห้องเรียนด้วยกัน เพื่อนๆในกลุ่มเห็นก็งงไปกันใหญ่ว่าเรากะภีมไปคืนดีกันตั้งแต่ตอนไหน.... เวลาที่มันช่วยจัดฉากให้ที่ไรก็ไม่เคยสมหวังซะที พอมาเป็นแบบนี้มันก็งงกันใหญ่... แต่มีเหรอที่เราจะเล่าให้พวกมันฟัง... จิส์... มันเป็นฟามลับของสองเรา บอกใครไม่ได้... (อ้าวกรรม...
เราเอามาเล่าแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องของเราสองคนแล้วดิ... เย้ย.... ฟามลับแตกเลย
)
##############################################################
จบแล้วอีกตอนนึง....
เพื่อนๆบางคนอาจจะคิดว่าเราเป็นคนเจ็บไม่จำ เพราะถ้าเป็นคนอื่นที่เจอแบบเราอาจจะเลิกไปเลย แต่เราคงรักภีมมากล่ะมั้ง... แล้วอีกอย่างก็เรียนห้องเดียวกันอยู่กลุ่มเดียวกัน เราก็เลยใจอ่อนอ่ะนะ.......ก็เรารัเค้าอ่ะ..ให้ทำไงได้
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้... ทุกเม้นเป็นกำลังที่ดีสำหรับเรามาก.....
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า....
ขอไปนึกก่อนนะ... จำไม่ค่อยได้แล้วว่าหลังจากนี้เกิดไรขึ้นต่อ