ตอน : สิ้นลาย ตั้งแต่วันที่อีพีท อีราชินีพลาสติกรีไซเคิ่ล(หรือไมเคิ่ล แจ๊คสัน ฉบับตุ๊ดเกรียน) กระซิบบอกบางสิ่งกับฉันในห้องน้ำ ฉันก็ยังไม่ได้เสนอหน้าเหียก ๆของตัวเองไปเหยียบที่ทำงานอีกเลย ซึ่งเวลาก็ผ่านมาสามวันแล้ว ฉันขาดงานโดยไม่ได้ลา จะมีก็แต่คน ๆนั้น ที่มารับฉันไปกินดินเนอร์ แต่เขาไม่ได้เจอฉันหรอก เพราะฉันให้ตาแก่ลงไปบอกว่าฉันป่วย อยากพักผ่อนอยู่คนเดียว ซึ่งถ้าอีตาหัวหน้ามันจะคิดไปเองว่าฉันออกหัด หรือเป็นอีสุกอีใสก็จะดีมาก.....
ฉันไม่เชื่อมันหรอก ไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว ถ้าหากว่าอีนังพีท...มันไม่เอาบางอย่างให้ฉันดู
รูปนั้นเก่าแล้ว แต่คน ๆนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย หล่ออย่างไรก็อย่างนั้น เขาในชุดครุย ในมือเต็มไปด้วยช่อดอกไม้ มีคนมาร่วมแสดงความยินดีกับเขาเยอะแยะมากมาย แล้วหนึ่งในนั้นก็สวมชุดนักเรียน ถึงหัวจะเกรียน แล้วสิวก็เยอะไปหน่อยจากฮอร์โมนวัยหนุ่ม แต่ไม่ผิดแน่ ๆ ว่านั่นน่ะมันอีลูกสาว ทั้งสองคนนี้รู้จักกัน รู้จักกันนานแล้ว ก่อนที่จะมารู้จักกับฉัน พี่ชายนังปาล์มเป็นเพื่อนกับหัวหน้า โอ้จอร์จ.....กูนี่เองที่เป็นเหยื่อ รับไม่ได้....ร๊าบบบบบม่ายยยยด้ายยยย
อันที่จริงเรื่องนี้ นังพีทมันไม่ได้เก่งกาจขนาดที่จะไปสืบรู้เองได้หรอก แต่ความจริงมันก็คือความจริง มันรู้โดยบังเอิญจากเพื่อน ที่รู้มาจากเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที บังเอิญว่ามันไปสังสรรค์กับกลุ่มเก๋เก้ง ก็เลยได้เห็นรูปนั้น แล้วมันก็คงจะหมั่นไส้ฉันเต็มแก่ก็เลยแจ้นมาบอกฉัน กะว่าฉันคงจะต้องอกแตกตาย ซึ่งก็เกือบ ๆแล้วล่ะ
....สองคนนั่นเขารู้จักกัน เราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ลองเดาสิเคี้ยง เขาเล่นเกมส์กับเธอไงล่ะ เธอมันเป็นได้แค่สิ่งบันเทิงแก้เครียด ในชีวิตคนทำงานอย่างพวกเขามันก็เท่านั้นแหละ แม่จำอวด...ได้ตบหน้ามันไปที แล้วก็เดินสวย ๆจากมา กลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหล แม่มเลวกันทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง เนียนขั้นเทพทั้งคู่ ที่ผ่านมาพวกนั้นคงจะเอาเรื่องของฉันไปคุยกันในวงเหล้าขำ ๆ แล้วก็หัวเราะในความเสร่อของฉันจนอุจจาระแตก อุจจาระแตนกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“ไอ้เหี้ย!!!! ไม่ต้องมา เพื่อนกูอยู่ อยู่ยาวด้วย เสี้ยนนักก็ไปเที่ยวอาบอบนวดไปไอ้ควายยยย!!!!!”
นังอาร์ม เพื่อนชายแท้....ที่ตอนนี้ไม่แท้แล้ว เพียงคนเดียวของฉัน เดินเข้ามาพร้อมกับนมถั่วเหลืองแก้วโตรสวานิลลา(หลังวางสายจากผัวโหดสัดของมัน) มันส่งแก้วนมให้ฉัน ฉันส่ายหน้า แล้วมันก็กระดกแดกเสียเอง ถึงมันจะมีผัวหน้าเถื่อน แต่สันดานมันโครตของโครตต้นฉบับแห่งความเถื่อน เสร็จแล้วมันก็เรอเอิ๊ก
“มึงจะเอาไง ลาออกเลยดีมั้ย เดี๋ยวกูช่วยหางานให้ แต่บอสัดกูไม่ดีนะ พวกบัญชีอ่ะ เงินเดือนน้อย แถมส่วนใหญ่เป็นพวกหวงเก้าอี้สุดฤทธิ์ ประมาณว่าหัวแข็งแต่ไม่ไหนไม่รอด อืมมมม เดี๋ยวต้องถามไอ้พี่ริทดูนะ ว่าบอสัดมันขาดคนมั้ย หรือไม่อยากทำแล้ว บัญชีน่ะ”
“ฉันอยากเป็นนางโชว์ ฉันอยากเต้นสวย ๆบนเวที ไอ้ทิปคืนละหลาย ๆพัน”
“เพ้อเจ้อ เฉาะก็ยังไม่ได้เฉาะ”
“อาร์ม......เวรกรรมอะไรของฉันวะแก ทำไมชีวิตปีนี้มันถึงได้ชงแบบนี้ เจอแต่เรื่องซวย ๆ”
มันลูบแขนฉันอย่างนุ่มนวล ถึงหน้ามันจะตึง ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ทางสีหน้าก็เถอะ มันโดดงานมาอยู่เป็นเพื่อนฉันอีกแล้ว แต่คนอย่างมันไม่เป็นไรหรอก มันเก่งใช้ได้อยู่ ก็เลยได้ทำงานตามความรับผิดชอบ ไม่ใช่โง่อย่างฉัน ที่ต้องทำงานตามเวลา เงินเดือนมันก็เยอะกว่า เพื่อนได้ดีอีเคี้ยงก็อยากจะยินดี เสียแต่นิสัยขี้อิจฉานี่มันแก้ไม่หาย....แต่ฉันก็รักมันนะ
“เหนื่อยก็หยุดเถอะเคี้ยง มึงมันทำชั่วไม่ขึ้น เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว กูเชื่อว่ามึงน่ะเป็นคนดีคนหนึ่ง พ่อมึงก็หางานได้แล้วนี่ เงินเก็บมึงก็มี ก็หยุดมาอยู่บ้านซักเดือนสองเดือนก่อนเป็นไง ค่อย ๆหางานไปเรื่อย ๆ เบื่อก็มานอนค้างห้องกู ช่วยกูกันหมาหน่อย”
“อีสัดดดด”
“หัวเราะแล้ว....ลุก ๆ ไปหาข้าวแดกกัน แดกอะไรหรู ๆ ดีวันนี้ ฟูจิมั้ย......พูดเล่นนะ ไปกินเตี๋ยวไก่ข้างล่างดีฝ่าไป”
~ลาออก อย่างนี้ต้องลาออก ตายซะให้รู้แล้วรู้รอด ไปเลย...ไปเลย....ไปเลย.....ไปเลย~.
.
.
.
.
.
“นี่มันอะไรกันคุณสรจักร ขาดงานโดยไม่ลาไปเกือบอาทิตย์ แล้วไอ้นี่มันคืออะไร”
“ใบลาออกไงคะ จะไล่ออกก็ได้นะ แต่บริษัทต้องจ่ายเงินชดเชยให้เคี้ยง”
หัวหน้าเดือดจัด แต่ก็มีความประหลาดใจเคลือบแฝงบนสีหน้า วันนี้ฉันเข้างานเกือบเที่ยง แต่ก็ไม่ได้ไปที่โต๊ะทำงานเลยหรอก เพราะฉันเดินไปขอใบลาออกกับฝ่ายบุคคลมาน่ะ
“คุณเป็นอะไรของคุณเคี้ยง”
“เป็นตัวตลกไงคะ เป็นเรื่องสนุก ๆ ให้คนเก่ง ๆ อย่างพวกคุณเอาไว้คลายเครียดไง ไปเรียกปาล์มมาด้วยสิ จะได้คุยกันทีเดียวเลย”
เขาหน้าซีด เหมือนเด็กที่ถูกจับได้เวลาทำผิด ตอนนี้ฉันเหมือนครูฝ่ายปกครอง ที่กำลังต้อนนักเรียนเกเรจนหงอ ฉันกระตุกยิ้มแบบนางมารให้เขา ก่อนจะกระแทกใบลาออกลงบนโต๊ะ
“เกมส์โอเว่อร์แล้วคุณ ถึงเวลาปิดบัญชีแล้วคุณประวิทย์”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเคี้ยง”
“เคี้ยงจะไปเก็บของ เคี้ยงลาไม่ถูกระเบียบนะ เพราะงั้นเงินค้ำประกันของเคี้ยง เคี้ยงยกให้บริษัทก็แล้วกัน ใบผ่านงานก็ไม่ต้องออกให้เคี้ยงหรอก เพราะเคี้ยงทำงานห่วยจะตาย จะได้ไม่ต้องลำบากใจกัน”
ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ บทจะไม่เอา ก็คือไม่เอา เห็นแบบนี้แต่ฉันก็เด็ดขาดนะ นังลูกสาวนั่งหน้าเหวอ มันเหมือนจะพูดอะไรกับฉัน แต่ว่ามันก็ไม่กล้าเข้ามา มีทั้งเสียงซุบซิบ เสียงนินทาดังพอให้ได้ยิน มีทั้งสีหน้าสะใจของพวกป้าแก่ และสีหน้างุนงงของพวกน้อง ๆ ในแผนก แต่ไม่เห็นเงาหัวของอีพีท ไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยกับฉัน คงเพราะกลัว ไม่ก็เกลียดฉัน ก็คนอย่างฉันใครมันจะมารักวะ เหี้ยออกปานนั้น....
โล่งจัง โล่งเกินไปแล้ว ฉันเดินออกมาอย่างมึน ๆ กับลังกระดาษใส่ของ แล้วอีอาร์มก็แย่งมันไปจากมือฉัน และพยายามดึงมือฉันให้ขึ้นไปบนรถกับมัน ฉันร้องไห้อย่างหมดท่า ส่วนมันก็กอดฉันแน่น
“ไม่เป็นไรเคี้ยง มันจบแล้วเพื่อน”
“มันเร็วไปอ่ะแก...ฮือออออออ”
ใครสักคนพยายามโทรหาฉัน แต่ก็ถูกอีอาร์มกดตัด สุดท้ายมันก็ปิดมือถือของฉัน แล้วพาฉันไปไกลแสนไกล......
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“นั่น ๆ อีเคี้ยง คนนั้นก็หล่อนะ มึงดูดิ”ตอนนี้เรามานั่งแหมะกันอยู่ที่สวนสาธารณะ มันซื้อโค้กให้ฉัน แล้วก็ชวนฉันดูผู้ชายหล่อ ๆ แหงล่ะ เนื่องจากมัน(เคย)เป็นผู้ชาย ดังนั้นสเปค....ไม่สิ มุมมองของมันที่มีต่อคนหล่อ ก็เลยติดลบ(เท่าที่รู้จักกันมานาน มันเป็นคนที่มั่นใจว่าตัวเองหล่อ แล้วใครที่เสือกหล่อกว่ามัน มันก็สามารถมองให้ขี้เหร่กว่ามันได้ ดังนั้นคนที่ดูหล่อของมัน ถ้าไม่หน้าตาแบบมัน ก็แย่กว่า....) แต่ล่ะคนที่มันชี้ให้ฉันดู แบบว่าทั้งล่ำ ทั้งเถื่อน หลายคนมีโครงหน้าละม้ายคล้ายผู้ก่อความไม่สงบ หรือพวกกองโจรอะไรเทือกนั้น มันคงคิด(ไปเอง)ว่าพวกตุ๊ดอย่างฉันคงจะชอบผู้ชายล่ำ ๆ ที่ดูผู้ช๊าย....ผู้ชาย เอิ่ม....ไม่ก็....มันคงจะชอบเสียเองมากกว่า ดูจากหน้าผัวของมันแล้ว...ก็ไม่ค่อยจะต่างกันนัก
บางครั้งมันก็ชี้ให้ดูหนุ่มหน้าตี๋ผอมแห้งในชุดเสื้อกล้าม กางเกงวอร์ม ที่ดูยังไง๊....ยังไงก็เป็นอาแป๊ะจากร้านกาแฟมากกว่าตี๋อินเทรนด์สุดฮิป แล้วบางครั้งมันก็ชี้ให้ดูเก้งหน้าว่อก ปากแดง ใส่ตุ้มหูข้างเดียว นุ่งห่มด้วยเครื่องทรงฟิตเปรี๊ยะ จนห่อหมกทะล้นทะลัก อันเป็นเทรดมาร์คของชาวเรา สุดท้ายฉันต้องหันไปยกมือไหว้มัน บอกมันว่าพอเถอะ ให้กูดูของกูเงียบ ๆจะดีกว่า อย่าช่วยกูเลือกเลย......
“ผู้ชายคนนั้นไงแก ชอบ ๆ”
“ห่า....นั่นมันไอ้ริท....เฮ้ยยยย หนีเร็ว หากูเจอได้ไงวะ”
ฉันดูมันวิ่งหนีผัวหน้าโหดแล้วก็ขำ ไม่ใช่ตลกอะไร แต่รู้สึกสมเพชตัวเองมากกว่า คนที่ไม่ได้ไขว่คว้าอะไร กลับได้กลับมี ไอ้คนที่ต้องการจะเป็นจะตาย ดันไม่มีเข้ามาซักคน ฉันรู้ว่าอีอาร์มมันก็คงจะมีใจให้พี่เขาบ้างแหละ ไม่งั้นมันคงไม่ทนมาจนป่านนี้หรอก คู่นี้น่ะ เค้าคบกันมาหลายปีแล้ว
“อาร์ม ชั้นกลับก่อนนะแก พี่ริทคะ สวัสดีค่ะ ไปนะ”
“เฮ้ยเดี๋ยวสิ เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่ต้องห่วง ชั้นโอเค แกก็รู้ คนอย่างชั้นรักตัวเองจะตาย ไม่ทำร้ายตัวเองหรอก”
ฉันจากมา เพราะทนเห็นคนเขารักกันไม่ไหว ฉันอยากกลับไปกอดป๊า กลับไปกินข้าวเย็นกับครอบครัว กลับไปฟัดอีม้งเด็กอืดให้จมเขี้ยว.....
.
.
.
.
.
.
.
ที่บ้านไม่มีใคร พ่อออกไปเที่ยวกับอีพี่ดิน ส่วนอีม้งก็ไปทำการบ้านที่บ้านอีเฟิร์สเด็กเปรต ฉันกลับมาถึงก็อาบน้ำนอน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบสามทุ่ม เพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จากนั้นก็มีเสียงลงส้นเท้าตึงตังขึ้นมาข้างบน แล้วประตูห้องฉันก็เปิดออก....
“พี่เคี้ยง พี่รูปหล่อกับพี่หัวฟูเค้ามาหาพี่แน่ะ”
“ห๊า......ได้ไงอ่ะ”
“ไม่รู้ เค้าต่อยกันด้วย ตอนนี้ลุงกับพี่ดินช่วยกันห้ามอยู่เนี่ย”
นังปาล์ม.....คุณประวิทย์ต่อยกันพันพรือ?......ไม่ใช่เวลามาทำฮานะอีเคี้ยง มีมันยังไง สองคนนั้นมา แล้วต่อยกันงั้นเหรอ ต่อยกันแย่งฉันหรือเปล่า ถึงขนาดนี้แล้ว ฉันว่าฉันควรจะหยุดสำคัญตัวเองแบบผิด ๆ เสียที ฉันหันไปบอกอีม้ง ที่ยังคงหน้าตาตื่น หน้ามันตลกโครต ๆ
“อีม้ง แกลงไปบอกสองคนนั้น บอกว่าพี่ตายแล้ว ตายเมื่อกี้นี้ ไปเร็วสิ”To be con
ค้างอีกแล้ว ขอประทานโทษ เค้าแต่งได้เท่านี้แหละ แต่กลัวคนอ่านจะรอนานจนลืมกัน ก็เลยขอมาลงก่อนให้หายคิดถึงกัน....แหม่...คนแต่งนี่มั่นใจเหมือนอีเคี้ยงเลยนะ 5555+
ใกล้จบแล้วเด้อ ฝากฟิคเรื่องนี้ด้วย แนวฝาแฝดฟาดกัน สำหรับคนชอบอะไรผิดศีลธรรม ขอโฆษณาฟิคตัวเองไปในตัวก็แล้วกันนะเคอะ 5555+
น้องบิ๊กกับพี่บู้
www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30388.0……………………………………………………………………….