มากกว่าเพื่อน...ได้มั้ยวะ ตอนที่ 13 ปีนภู (2) P.10 20/2/11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มากกว่าเพื่อน...ได้มั้ยวะ ตอนที่ 13 ปีนภู (2) P.10 20/2/11  (อ่าน 107796 ครั้ง)

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
เพื่อนก็เพื่อน หึหึ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ผมนอนมองได้ตัวป่วน ตรงคำว่าได้คือไอ้หรือเปล่า

ออฟไลน์ MapleZelpaM_68

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แสดงว่านัยกับเอก ฟิชเจอริ่งกันก่อน เป้กับปิงปองเหรอเนี่ย .... แหม ไม่บอกไม่กล่าวเลยนะ อิอิ ล้อเล่นจ้า

น่ารักทั้ง2คู่เลย

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณ คุณ Goosongta ด้วยนะคะ เข้าใจถูกแล้วค่ะ

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
อื้อหือ เป็นเพื่อนกันได้เนียนมากๆ เลยนะ แสดงว่าทั้งสองคู่นี้เนียนพอๆ กันเลยสิ จะดูซิว่าความลับของใครจะถูกจับได้ก่อนกัน  :laugh:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
รอหน่อยนะคะ ภายในวันนี้จะอัพตอนใหม่ ช่วงแรก ๆ อาจจะคล้าย ตอนเก่านะคะ
แต่กรุณาอ่านต่อ  ตอนนี้ส่งกอง เซ็นเซอร์เรท
 (จริง รบกวนน้องเค้าให้เช็คคำผิดให้อ่ะค่ะ)   ภายในวันนี้แน่นอนค่ะ
( ^  ^ )      ^____________^

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่ 7  เพื่อนรัก
 
 
ผมนอนกอดไอ้ตัวป่วนที่นอนหลับอย่างเพลีย ๆ อยู่ในอ้อมแขน รู้สึกดีใจเหลือเกินที่มันเองก็เปิดใจรับผม
 
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่แอบมีใจให้มันอย่างนี้  มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรกันแล้ว
 
บอกได้เลยถ้าคำตอบของมันคือ...ไม่ ผมคงแทบทนไม่ไหว   
 
ในตอนนั้นแค่เข้าใจผิดก้อเสียใจแทบแย่...ถ้าทำได้ก็แทบอยากจะหายไปซะ
 
แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนอยู่ดี....แค่นี้ก็ดีแล้ว   การได้อยู่ใกล้   
 
ได้สัมผัสคนที่เรารักมันดีแค่ไหน  แค่ได้มองเห็นกันและกัน ได้อยู่ด้วยกัน
 
แค่มันยอมรับผมก็ดีเกินพอ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาชอบผู้ชายด้วยกัน 
 
โดยเฉพาะกับมัน  เราเป็นเพื่อนกันมานาน
 
จนผมมองข้ามความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ของตัวเอง  บางครั้งก้อเคยคิดสงสัย
 
ว่าเวลาไม่มีมันอยู่ทำไมถึงหงอยเหงาทำไมถึงได้คอยมองหามันอยู่อย่างนั้น 
 
ทุกครั้งที่มันเอาแต่ใจ ผมก็ยอมมันทุกอย่าง  ทั้ง ๆ  ที่กับไอ้เป้  ไอ้ปิงปอง
 
ผมไม่เคยจะยอมพวกมันสักครั้ง   แต่จะว่าไปพวกมันเองก็ไม่เคยจะทำอะไร
 
เอาแต่ใจอย่างไอ้ตัวป่วนเช่นกัน    และทุก ๆ ครั้งคำตอบที่ผมได้รับก็คือ 
 
เพราะความเคยชิน เพราะผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก 
 
ถึงต้องคอยยอมและเอาใจมันอยู่อย่างนี้
 
และเพราะ............เพราะอะไรก็ช่างมันเถอะ  รู้เพียงแต่ว่าผมพอใจและ
 
เต็มใจที่จะยอมมันก็น่าจะพอแล้ว  คำถามที่มันวกวนซ้ำไปซ้ำมา   แต่ค้นหาคำตอบไม่เคยเจอ
 
สำหรับวันนี้ทุกอย่างเคลียร์แล้ว ที่แท้ก็แค่...”รัก”  ..      .รักเท่านั้นเอง   
 
(หึหึ  โง่อยู่ได้ตั้งนาน กว่าจะรู้ใจตัวเองก็เกือบสายไปแล้ว
 
อยากขอบคุณเหตุการณ์คืนนั้น... คืนที่เหมือนทุกอย่างผิดพลาด
 
แต่กลับกลายเป็นว่า....มันกลายเป็นกุญแจเปิดหัวใจตัวเอง)
 
 
 
 
.
.
ผมอมยิ้มเล็ก ๆ มองไอ้ป่วนขยับตัวยุกยิกในอ้อมกอด 
 
ปากสีแดงระเรื่อค่อย ๆ ย่นขึ้นมาเหมือนตูดเป็ด
 
ทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม แม้ว่าไอ้ป่วนจะตื่นแล้วแต่ก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาสักที
 
ผมกดจูบหวาน ๆ อย่างรักใคร่ไปที่ไอ้คนที่แกล้งทำเป็นหลับ เกี่ยวลิ้นหวานมาครอบครอง
 
“อือออออออออออ”  ไอ้ป่วนส่งเสียงประท้วงลืมตามามองหน้าผมงอน ๆ
 
“มึงอ่ะ ......ตลอดอ่ะ  ฮึ”  มันว่าทำปากพองลม  (หึหึ  น่ารักชะมัด)
 
“ก็มึงน่ารักอ่ะ  ...หึหึ”    ฟอดดดดดดด  ผมก้มลงไปหอมแก้มไอ้ป่วนอีกที
 
แล้วเงยหน้ามายิ้มกวน ๆ ยักคิ้วหล่อ ๆ ใส่มันอีกทีเผื่อมันจะหลงเสน่ห์ผม
 
(บ๊ะ...ว่าเข้านั่นว่าแต่กุหล่อจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย  หึหึ)
 
“ตื่นแล้วทำไมไม่ลืมตา.....หืม” ผมว่ามองไอ้ป่วนด้วยสายตาเอ็นดู
 
“ก้อกุไม่ได้อกตัญญูนิ  กุเลยไม่ลืมตาไง  ฮ่า ๆ”   มันว่า ยักคิ้วกวนๆ ตอบผม หัวเราะร่า
 
(อ๋อ...ตาของมันหมายถึงคุณตา  แต่ตาของกุหมายถึงลูกกะตาเว้ย!!! 
 
อย่ามากวนกุบ่อยนะนัย  เดี๋ยวกุจัดเต็ม…จะหาว่าไม่เตือน  กร๊ากกกกกกกก  อยากทำ)
 
“เออ!!.. ว่าแต่ไอ้คนกตัญญูนี่  หิวข้าวรึยังคร๊าบบบบบ”ผมว่า พลางส่ายหน้าขำ ๆ
 
กับมุขโบราณของมัน  ที่ตอนนี้ไอ้ตัวดียังขำจนตัวงอภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุด   
 
“หิวดิ....หิวมากกกกกกก    ก็กุโดนไอ้คนต่างด้าวชาวอิงลิชแดกจนหมดแรงข้าวต้ม
 
ขนาดนี้ไม่หิวยังไงไหววะ  ชิส์”   มันว่า หันมามองผมค้อน ๆ ก่อนจะสะบัดหน้างอน ๆ หนีแต่พองาม
 
(ห่า ...มึงไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย    เอ่อ...ว่าแต่ทำไมน่ารักว่ะ  หึหึ)
 
“ป่ะ ...อาบน้ำกัน”ผมว่า ลุกขึ้นพยายามดึงอีกฝ่ายให้ลุกตาม
 
“อือออออ  ไม่เอามึงอาบก่อนเดี๋ยวกุค่อยอาบต่อ” ไอ้ป่วนต่อรอง
 
“ไม่เอา...อาบด้วยกันนะ...นะ” ผมพูดน้ำเสียงออดอ้อนสุด ๆ
 
“มะเหงกนิ!!  กุอาบกับมึง...อาบไม่เสร็จกันพอดี” มันว่าโวยวาย ทำท่าหงุดหงิดนิดหน่อย
 
“เสร็จดิ...ไมไม่เสร็จอ่ะ  ยังไงกุทำมึงเสร็จชัวร์   ไม่เชื่อลองดิ ”ผมว่า ทำเสียงแหบพร่าแทบจะกระซิบ
 
พร้อมส่งสายตาแพรวพราวส่งไปที่มัน มองตั้งแต่หัวจรดเท้ากัดปากตัวเองเล็ก ๆ แค่พอเซ็กซี่ 
 
อยากขย้ำไอ้คนข้างหน้าแทบขาดใจ
 
“แหวะ...ไอ้โรคจิต  มึงไปเลย.  ห่านี่...หื่นตลอด  กุไม่ได้กินข้าวกันพอดี” มันว่า
 
ทำหน้าแดงซ่าน  รีบดึงผ้าห่มมาปิดบังหน้าอกขาวๆ ของตัวเอง ที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ค
 
สีม่วงแดง เป็นหย่อม ๆ ฝีมือผม  ก่อนจะเขวี้ยงหมอนใบโตใส่ผม ไล่ให้ไปอาบน้ำซะที
 
ผมค่อย ๆ ถอดบอกเซอร์ ทิ้งลงตระกล้าผ้า (ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่บอกเซอร์อย่างเดียว
 
 และมันเองก็คงไม่ต่างจากผม)  ไอ้ป่วนนิ่งเงียบเผลอไล้สายตามองตัวผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
สายตาที่วูบไหวของมันมาหยุดลงตรงที่เอกน้อยของผม  ที่ตอนนี้กำลังอวบได้ที่กึ่งหลับกึ่งตื่น
 
มันถึงกับดวงตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้างไว้ อยู่อย่างนั้น ตะลึงกับสิ่งที่เห็น 
 
(ที่จริงได้สัมผัสแล้วเหอะ  ดังคำโบราณที่ว่า  สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หึหึ ค้างเลยสิมึง)
 
“อะแฮ้ม!! …”  ผมยืนนิ่งให้ไอ้ตัวป่วนสำรวจสักพักเห็นว่ามันค้างนานไปเลยกระแอม
 
ให้เจ้าตัวตื่นจากภวังค์  มันสะดุ้งนิด ๆ เสตาเลี่ยงไปทางอื่นเหรอหรา
 
ใบหน้าที่แดงกล่ำหงิกเป็นมะเหงก ก่อนจะพึมพำเบา ๆ (แต่กุได้ยิน)
 
“ห่า...มิน่าทำไมกุเจ็บ  สัด”  มันว่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างอาฆาตแค้น
 
ผมได้แต่อมยิ้มขำ ๆ มองดูอากัปกิริยาของมัน
 
“รีบไปอาบน้ำเลยมึง  กุหิวข้าว” ไอ้ป่วนโวยวายต่อ 
 
ดึงผ้าห่มคลุมหัวซ่อนตัวจากสายตาผม  (หึหึ  อายละสิมึง)
 
ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ยิ้มแก้มปริหยิบผ้าเช็ดตัวจะเข้าห้องน้ำ
 
“คร๊าบ...ว่าแต่มึงจะไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอนัย” ผมหันไปยั่วไอ้ตัวป่วนอีกที
 
อยากแกล้งมันขึ้นมาตะหงิด ๆ  หึหึ  มันดึงผ้าห่มลงมาเล็กน้อยแค่พอโผล่พ้นตา
 
ส่งสายตาเย็นชามาที่ผม  ผมยักคิ้วตอบกวน ๆ
 
“ตุ๊บ........โอ๊ย.”  มาแล้วครับ หมอนทั้งใบให้เธอคนเดียว มันหยิบหมอนอีกใบขว้างมาเต็ม ๆ หน้าผม
 
(โอยได้ข่าวว่าเมื่อก่อนมึงจะปาแมว ยังโดนไก่ตาย ตอนนี้เสือกจะมาปาแม่นซะงั้น เวรแท้ ๆ กุ)
 
แค่หมอนปาอ่ะไม่เจ็บหรอกครับ ที่เจ็บเพราะหัวผมไปกระแทกโดนขอบตู้เสื้อผ้า
 
ผมลูบหัวป้อย ๆ หันไปยิ้มเจื่อน ๆให้มันอย่างยอมแพ้  แม้มันจะยังส่งสายตาเย็นชามาที่ผม
 
“ไปอาบแล้วครับ ...แฮ่ ๆ” ผมเลยตัดสินใจชิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะโดนฝ่ามือหรือฝ่าเท้ามัน
 
ไม่ช้าไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จ ...มองเห็นไอ้ตัวป่วนหลับปุ๋ยอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง
 
“นัย...กุอาบเสร็จแล้ว ตื่นเร็ว” ผมบอก กระชากผ้าห่มแรง ๆ จนลงมากองที่พื้น
 
“อืม...” มันว่า  ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตาเล็กน้อย มองไปรอบๆ อย่างงงๆ เกาหัวแกรก ๆ
 
ก่อนจะลุกเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป 
 
ผมจัดเตียงให้เข้าที่ ก่อนจะกลับมาแต่งตัวเสริมหล่อ ตามปกติ
 
แล้วออกมารอไอ้ป่วนที่ห้องดูทีวี  สักพักไอ้ป่วนก็ออกมาจากห้องนอน
 
มันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
 
“ไปกินไหนดีอ่ะ  กุหิวแล้ว เอาแบบใกล้ อร่อย ๆ อ่ะ ถูก ๆ ก็ดีนะกุชอบ”
 
มันร่ายยาวเสร็จสรรพ  ดีและถูก  (มึงจะเอาให้คุ้มเลยใช่มั้ยนัย)
 
“มึงอยากกินอาหารอะไรอ่ะ  จะได้พาไปให้ถูกใจ” ผมถาม
 
ไอ้ป่วนหันมาหาผม ยกคิ้วสูง นิ่งคิดแป๊บนึง  ก่อนจะบรรยายอาหารที่อยากกิน
 
“มึงว่าหน้าหล่อ ๆ อย่างกุจะอยากกินอะไรได้วะ  นอกเสียจากข้าวเหนียว
 
ส้มตำปูปลาร้า ไก่พันอ้อย ลาบ และซุปหน่อไม้”  มันยกตัวอย่าง
 
ลืมบอกไปไอ้นี่มันเป็นแฟนคลับอาหารอีสานคับ  แต่เสือกกินเผ็ดไม่ได้
 
เห็นมันเคยบอกไว้ว่า  “เผื่อกุจะหล่อเหมือน ณเดช” ที่ผมกลัวว่ามันจะกลายเป็น “ส่งเดช” หึหึ 
 
(แต่กุว่ามึงไม่ต้องหล่อมากหรอกแค่น่ารัก ๆ แบบนี้ กุก็แทบใจละลายแล้วเหอะ เหอๆ)
 
“เออ  งั้นไปเลยสบายใจไก่ย่างเอกมัย อร่อย ถูก ใกล้ ตามคอนเซ็ปที่มึงต้องการ”
 
ผมเลือกสถานที่ตามบรรยาย ลักษณะอาหารที่มันอยากจะกิน ก็เป็นที่ถูกใจไอ้ป่วน
 
“ดี ๆ”  มันยิ้มกว้าง เอามือลูบหัวผมเบา ๆ เหมือนให้รางวัลหมา หึหึ 
 
เราสองคนขับรถออกจากคอนโดไม่นานก็ถึงร้านอาหารที่ว่า  ร้านนี้เค้าแบ่งเป็น 3 โซน
 
โซนแรกเป็นห้องแอร์  โซนที่สองเป็นที่นั่งสำหรับทานไปคุยกันไป  ส่วนใครชอบไปจะฟังเพลง
 
ก็มีโซนที่จะมีนักร้องมาร้องประจำทุกวันศุกร์ตอนเย็น ๆ เท่าที่ผมเคยมา 
 
แต่ไม่รู้วันอื่นมาร้องด้วยรึเปล่า   มันเลือกโซนที่สอง เน้นกินอย่างเดียว
 
มาถึงเด็กเสิร์ฟก็มารอเตรียมพร้อมบริการเป็นอย่างดี มันดูเมนูสักพักก่อนจะสั่งอาหาร
 
“น้องครับ พี่เอา ไก่ย่างครึ่งตัว ส้มตำปูปลาร้าไม่ต้องเผ็ดมากนะครับ
 
ลาบหมู ตับหวาน แหนมซี่โครงหมู ต้มยำกุ้งยอดมะพร้าวอ่อน แล้วก็....
 
แกงเลียง ข้าว 2 ครับ  เอ้อ...มึงเอาไรป่ะ”  ไอ้ป่วนสั่งเสร็จ มังยังมีน้ำใจถามผม
 
(เออ ได้ข่าวมึงสั่งเยอะขนาดนั้นแล้วจะให้กุสั่งอะไรได้อีกมิทราบ  ^^’)
 
“ไม่อ่ะ...แค่ที่มึงสั่งก็กินไม่หมดสองคนแล้วอ่ะ”  ไม่รู้มันหิวมาจากไหนครับ หึหึ
 
“เหรอ...หึหึ  กุลืมตัว หิวมากไปหน่อยอ่ะ  เพราะมึงแหล่ะ” มันว่ายิ้ม ๆ หลังสั่งอาหารอย่างลืมตัว
 
ผ่านไปสักพักอาหารก็ค่อยทยอยมาเสิร์ฟ ผมกับไอ้ป่วนก็สวาปามอย่างเอาเป็นเอาตาย
 
เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลยสักคน
 
เลยรวบยอดมาเป็นมื้อเช้า+เที่ยงแทนครับ  จัดไปเต็มคราบ ไอ้ป่วนมันเก่งจริง ๆ
 
เลือกอาหารแต่ละอย่างแซ่บ ๆ ทั้งนั้น  (หรือว่าหิวว่ะ )  เมื่อจัดการอาหารมื้อหลักเสร็จ
 
ไอ้ป่วนก็ทำหน้าที่ของมันทันที
 
“น้อง ๆ  .... น้องครับ”มันกวักมือเรียกหยอย ๆ (คงถึงเวลาเช็คบิลแล้วสินะ) 
 
เด็กเสิร์ฟก็รีบกระวีกระวาดวิ่งมาหาทันที  มาถึงก็ยืนยิ้มแป้นแล้นมาให้
 
“ครับพี่” มันว่า พลางยืนอย่างสุภาพรอคำสั่ง
 
ส่วนผมก็ก้มลงกำลังจะล้วงหยิบกระเป๋าตังค์ที่อยู่ในเป้  .... แต่ก็ต้องชะงัก กึกก
 
“ขอเมนูหน่อยครับ” ไอ้ป่วนว่า  ผมเงยหน้ามองมันทันทีเลิกคิ้วเป็นคำถาม
 
(มึงยังไม่อิ่มอีกเหรอว่ะเนี่ย...ไม่ทราบที่haveไปเมื่อกี้เอาไปเก็บไว้ในซอกหลืบตรงไหนของกระเพาะวะ)
 
“ก็กุยังไม่ได้กินของหวานเลยอ่ะ กุอยากกินอ่ะ นะนะ  เลี้ยงกุหน่อย” มันทำหน้างอนิด ๆ
 
“เออ  ...  ลืมไป ๆ มากุสั่งด้วย มึงกินไรอ่ะ  สั่งเผื่อกุเลยนะนัย”ผมบอก  ไอ้ป่วนยิ้มหวาน
 
ที่ผมตามใจมันเรียกว่ายิ้มจนตาปิด  เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ชะมัด
 
อยากหอมแก้มมันแรงให้แก้มช้ำเลยทีเดียว  หึหึ  ติดตรงที่ว่าที่นี่มันที่สาธารณะหรอกนะครับ
 
“เอาบัวลอยเผือกไข่หวาน เพิ่มไข่หวาน 2 ลูกได้มั้ยอ่ะ  ”มันว่า
 
“ได้ครับ”
 
“งั้นเอามา 2 ที่ครับ มึงเอาไข่สองฟองป่ะ” มันหันมาถาม ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
 
“ครับเพิ่มไข่หวาน ที่เดียวครับ” มันว่า เด็กเสิร์ฟรับคำพร้อมทวนorder 
 
จากนั้นมันก็ยื่นเมนูกลับไปให้เด็กเสิร์ฟ   ระหว่างรอเราก็คุยหยอกล้อกันไปเรื่อย ๆ
 
หนักไปทางด้านที่ผมพยายามแทะโลมมัน แหะ ๆ ก็ถ้าคุณมาเห็นมันตอนนี้
 
อดใจไหวก็แปลกแล้วครับ ยิ่งอากาศร้อนทานอาหารที่ร้อนและเผ็ด
 
ไอ้คนตรงหน้าที่ผิวขาวราวกับโอโม่  ก็ยิ่งแสดงอากาศตัวแดงปากแดง  ที่ปากไม่ใช่แค่แดงระเรื่อ
 
แต่ยังเห่อขึ้นมาเพราะความเผ็ดร้อนของอาหารอีสาน มองเผิน ๆ ก็เหมือนมันโดนจูบจนปากเจ่อ
 
ผมจ้องมองริมฝีปากอิ่ม สีระเรื่อนั่นจนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ  อยากจะกดจูบไอ้คนตรงหน้า
 
บดขยี้ริมฝีปากระเรื่อนั้นให้บวมเป่งยิ่งกว่านี้ อยากชิมแม้กระทั่งลิ้นหวานที่มันใช้เลียรอบ
 
ริมฝีปากเพื่อบรรเทาความเผ็ด โดยที่ไอ้ป่วนไม่รู้ตัว  แล้วผมก็ต้องหลุบตาลงต่ำเมื่อ
 
เด็กเสิร์ฟยกของหวานมาวางตรงหน้า  ไอ้ป่วนยิ้มแป้น (ช่างดีใจง่ายซะเหลือเกินนะ..ไอ้เด็กน้อย)
 
ผมแอบอมยิ้มกับท่าทางน่ารัก ๆ ของมัน ทั้งผมและมันจัดการขนมหวานตรงหน้า
 
ทั้งที่มันอร่อยมาก  แต่ผมกลับรู้สึกว่าไอ้ตัวป่วนของผม...อร่อยกว่าเยอะ
 
“น้อง....น้องครับ”  ไอ้นัยครับมันเรียกเด็กเสิร์ฟ อีกครั้งและครั้งนี้แน่นอนต้องเป็นการเช็คบิล
 
ผมก้มเตรียมจะหยิบกระเป๋าตังค์    แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้ง
 
“เอาบัวลอยเผือกไข่หวานพิเศษอีก 2 ครับ เอากลับบ้านนะครับ
 
เช็คบิลเลยนะครับน้อง” มันหันไปสั่ง
 
ก่อนจะหันมามองหน้าผม  ที่ตอนนี้มองมันอึ้ง ๆ คือไม่เคยเห็นมันกินเยอะขนาดนี้มาก่อน
 
(ปกติเห็นมันกินเหมือนแมวดม   ไหงวันนี้กลายเป็นสิงโตทะเลไปซะแล้วว่ะ)
 
“น๊า..นะ  กุขอสั่งแค่นี้แหล่ะ ก็มันอร่อยอ่ะมึง  เดี๋ยวกลับห้องกุแบ่งมึงด้วยก็ได้” มันว่า
 
ทำน้ำเสียงออดอ้อน ยื่นมือมาบีบมือผมอย่างเว้าวอน
 
“นะนะ  เอก..นะครับ”  มันอ้อนต่อ (ไอ้ข่าวว่ามึงสั่งน้องเค้าจนเสร็จแล้วจะขอกุทำไมวะเนี่ย)
 
“อืมได้ดิ” ผมตอบ  อมยิ้มนิด ๆ กับท่าทางออดอ้อนของมันที่ทำให้ผมต้องยอมทุกทีสิน่า
 
ไอ้นัยยิ้มปากกว้างส่งมาให้ผม  แล้วเด็กเสิร์ฟคนเดิมก็ส่งขนมหวานที่สั่งมาให้พร้อมบิล
 
ค่าอาหารทั้งหมด  ผมจ่ายตังค์ค่าอาหาร+ทิป อีกเล็กน้อยให้เด็กเสิร์ฟ กำลังเดินกลับไปที่รถ
 
“ครืดด ครืดดด “ โทรศัพท์ไอ้นัยก็ดังขึ้น มันหยิบมาดูชื่อก่อนจะกดรับ
 
“ว่าไงมึง  ไหนจะกลับมาอาทิตย์หน้าไง  ทำไมกลับเร็ว” ผมหันไปมองนิด ๆ แค่อยากรู้ว่ามันคุยกับใคร
 
“กุอยู่เอกมัย กับไอ้เอก  ...อืม  มากินข้าวกัน ...แล้วมึงอยู่ไหน” ใครวะ
 
ผมแอบฟังมันต่อแต่ทำท่าเหมือนไม่สนใจ  ในใจเต้นตึกตัก ท่าทางจะสนิทมาก
 
“ทำไมไม่ให้น้องปางสุดที่รักมึงไปรับหล่ะ หึหึ” อ้อ  ...ถึงบางอ้อแล้วครับไอ้ปิงปองชัวร์
 
“เหรอ  อืม ...ได้ ๆ เดี๋ยวพวกกุไปรับ อือ ประมาณ 30 นาที เออๆ  เจอกัน” ไอ้ป่วนวาง
 
“ไอ้ปิงปองมันกลับมาแล้วเหรอ  ทำไมเร็วอ่ะ”
 
“อ้อ พอดีทางผู้จัดเค้าขอเลื่อนการแข่งขัน แมชของมันมารวมกัน เลยเสร็จเร็ว
 
เดี๋ยวมึงขับรถไปรับมันที่สุวรรณภูมิด้วยนะ” ไอ้ป่วนออกคำสั่ง
“อ้าวแล้วน้องปางอ่ะไมไม่ไปรับมัน” ผมถามด้วยความสงสัย
 
“น้องปางไม่สบายว่ะ ไอ้เป้ดูแลอยู่ วันนี้มันเลยรีบกลับไทยเร็ว ๆ จะได้ไปหาน้องเค้า
 
มันอยากให้ปางพักผ่อนอ่ะ” ไอ้ป่วนตอบ
 
“เออ พูดถึงปางมึงว่าน้องเค้าแปลก ๆ มั้ยช่วงนี้” ผมเปิดประเด็น
 
“แปลกไงว่ะ”
 
“กุรู้สึกว่าช่วงหลัง ๆ เวลาไอ้ปิงปองไม่อยู่น้องปางจะไม่สบายทุกครั้ง แถมไอ้เป้ต้องไปดูแลด้วย
 
ที่สำคัญสายตาที่ปางมองไอ้เป้ กุรู้สึกว่ามันแปลก ๆ มันเหมือนมีอะไรมากกว่าที่เราเห็น
 
ถึงสายตาไอ้เป้จะเฉยๆ ก็เถอะ แล้วเวลาไปไหน ก็เหมือนปางอ้อนให้ไอ้เป้ไปด้วยตลอด
 
ทั้งที่เวลาไอ้ปิงปองกลับมากุไม่เห็นว่าน้องเค้าจะอยากไปไหนเลยสักที
 
กุว่ามันแปลกอ่ะ  มึงรู้สึกเหมือนกุรึเปล่า” ผมว่าไปตามที่ผมเห็น
 
“อืม......กุก็นึกว่ากุคิดมากไปเองคนเดียวซะอีก  กุว่าน้องปางแปลกไปจริงๆ
 
ความจริงวันก่อนกุเดินที่CTW จอน้องปางอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่ดี ๆ
 
พอน้องเค้าเห็นไอ้เป้เดินกำลังขึ้นบันไดเลื่อนเท่านั้นหล่ะ  เห็นปางหัน
 
มาลาเพื่อนกลับทันทีเลย บอกว่ามีธุระด่วนรีบกลับ  แต่กุเห็นว่าน้องเค้า
 
วิ่งตามไอ้เป้ไป พอไปถึงก็กอดแขนไอ้เป้ทันทีอ่ะ” มันเล่า
 
พวกผมมองหน้ากันครุ่นคิดว่าควรจะบอกไอ้ปิงปองดีหรือเปล่า แล้วพวกเรา
 
ก็ไม่รู้ว่าไอ้เป้กับน้องปางมีอะไรกันจริงมั้ย  เลยตัดสินใจเงียบเพื่อสังเกตุการณ์
 
ต่อไปค้นหาความจริงก่อน  ....ว่าควรจะทำไงดี  จากนั้นพวกเราก็เงียบกันมาตลอดทาง
 
ผมขับตรงไปยังสุวรรณภูมิ วันนี้โชคดีโคตร ๆ ขับรถแค่ 25 นาทีก็ถึงรถไม่ติดเลย
 
(เยี่ยมมาก  ขอให้เป็นอย่างนี้ทุกวันนะครับพี่น้อง  วันเสาร์วันอาทิตย์กรุณาอยู่ให้ติดบ้าน)
 
ได้ข่าวว่าตอนนี้มึงก็ขับรถอยู่นอกบ้าเช่นกันนะ  ....เชี่ยเอก  หึหึ
 
ผมขับตรงไปยังลานจอดรถ จากนั้นก็เดินไปยังที่รอรับผู้โดยสารขาเข้า
 
เห็นไอ้ปิงปองนั่งรอ อย่างสบายอารมณ์ มีกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ๆ ใบหนึ่ง
 
เสียบหูฟังเพลงรออย่างสบายอารมณ์ พอผมกำลังจะเรียก มันก็หันมาทางนี้พอดี
 
(เหมือนมีเซ็นต์ว่ะปิงปอง.... หรือมึงจะเลี้ยงกุมารทองว่ะ  ผมแอบคิด)
 
ไอ้ป่วนโบกมือสะบัดไปมา เพื่อเรียกไอ้ปิงปอง ไอ้ปิงปองก็ยื่นขึ้นลากกระเป๋าตรงมาที่ผมกับไอ้นัย
 
“ไงมึง...ชนะมั้ยวะทริปนี้” ผมเอ่ยถามขณะกำลังขับรถกลับไปส่งมันที่คอนโด
 
“ได้แค่ที่สองว่ะ ... คราวนี้กุสมาธิไม่ดีอะ  กังวลเรื่องปางเกินไป” มันตอบ
 
ผมกับไอ้นับแอบสบตากันแต่ไม่พูดอะไรออกมา 
 
“แล้วแม่มึงไม่ไปด้วยเหรอวะคราวนี้  ทุกทีก็เห็นไปด้วยกันนี่นา” ไอ้นัยถามขึ้นบ้าง
 
“อืม  แม่กุไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน ๆ ว่ะ เห็นบอกว่านานๆ จะรวมตัวกันได้สักที” มันตอบ
 
“กุนอนก่อนนะง่วงว่ะ  เมื่อเช้ารีบขึ้นเครื่องน่ะ  ไม่ค่อยได้นอนเลย”
 
“เออ... นอนเถอะ เดี๋ยวถึงแล้วกุปลุก”  จากนั้นเสียงสนทนาก็หายเงียบไปเลย
 
เพราะพวกผมอยากให้มันได้พักผ่อน ท่าทางจะเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน
 
ขากลับนี่ไม่ได้โชคดีเหมือนขามา รถติดมาก 3 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถึงคอนโดไอ้ปิงปอง
 
แต่ก็เกือบแล้วครับ  ไอ้ป่วนชิ่งหลับไปอีกราย เหลือเพียงผมที่ต่อสู้กับรถติดอยู่ลำพัง
 
แต่ก็ไม่เป็นไร  เสียงเพลงที่คลอเบา ๆ ในรถ บวกกลับไอ้ป่วนหน้าหวานที่หลับอยู่ใกล้
 
ทำให้หายเซ็งไปได้เยอะครับ ขณะที่รถติดไฟแดงสุดท้ายก่อนจะถึงคอนโดไอ้ปิงปอง
 
ผมก็ก้มแอบไปหอมแก้มไอ้ป่วนเบา ๆ ดีที่รถติดฟิล์มหนาทำให้คนข้างนอกมองไม่เห็น หึหึ
 
...
 
ไฟเขียวผมขับเลี้ยวเข้าซอยประมาณ 5 นาที รถผมก็เข้าจอดที่ใต้คอนโดไอ้ปิงปองเป็นที่เรียบร้อย
 
“นัย..นัย  ตื่น”  ผมเขย่าตัวไอ้ป่วนที่ตอนนี้ทำหน้างัวเงียสุด ๆ มันมองหน้าผม
 
เป็นคำถามว่าปลุกทำไม
 
“กุรู้สึกไม่ค่อยดีวะ  เดี๋ยวเราขึ้นไปเป็นเพื่อนไอ้ปิงปองดีกว่า” ผมกระซิบเบา ๆ
 
มันพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย 
 
“ปิงปอง ...ปิงปอง ถึงแล้ว” ไอ้ปิงปองค่อย ๆ ลืมตาขึ้น  ยังตัวลุกขึ้น สั่นศีรษะไล่ความง่วง
 
ก่อนจะเดินลงรถมา
 
“ขอบใจนะ” มันหันมาบอกผม 
 
“เดี๋ยวกุไปด้วย  อยากเข้าห้องน้ำว่ะ” ผมว่า ใช้แผนนี้แหล่ะ ไม่รู้บอกยังไงว่าอยากไปเป็นเพื่อนมัน
 
“กุด้วยอ่ะ  ปวดฉี่” ไอ้ป่วนว่า หน้ามุ่ย
 
 (นี่มึงปวดจริงหรือแกล้งวะนัย  ถ้าแกล้งเหมือนกุ บอกได้คำเดียวเหมือนมาก
 
คงต้องมอบโล่ให้มันงานนี้แหล่ะครับ ในฐานะนักแสดงดีเด่น ดูดิมีกุมเป้าด้วยเว่ย)
 
“อืม  ป่ะไปกัน” ไอ้ปิงปองว่า ท่าทางจะสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนอน
 
มาตลอด 3 ชั่วโมง  มันเดินนำพวกผมไปที่ลิฟท์กดชั้นที่มันอยู่
 
แล้วลิฟท์ก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่พาพวกเราไปยังจุดหมาย  ทั้งที่ไม่มีอะไรแต่ผมกลับ
 
รู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีอะไรมากระซิบบอกว่าวันนี้ มันต้องมีปัญหา
 
ผมมองหน้าไอ้ปิงปองอยู่ครู่หนึ่งก่อน พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ให้ตื่นตูม
 
-----------------------------------------------------------------
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2012 12:18:27 โดย Tassanee »

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ค้างงงงงงงงงง
มาต่อด่วนนนนน

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
ลางสังหรณ์ แม่นซะด้วย อ่ะเอก ปิงกลับมาเจองานพุ่งเข้าใส่ปั๊บเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
เอกนัยมีsomethingก่อนเป้ปิงปองอีกง่า
ไวจริงๆ ตอนต่อไปนี้
เจอะปางกับเป้ใช่ป่าววว

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ใช้ขนาดตัวอักษรเล็กกว่ามั๊ยคะ  มันอ่านไม่ถนัดน่ะ
....  รอดูปิงปองโดนเซอร์ไพรส์ตอนหน้า

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มาถึงตอนงานงอกแระสินะ แหะๆ!!

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกน้า อยากรู้มุมมองของสองคนนี้ อิอิ^^

รอรอน้ออ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
อย่าให้เป็นแบบที่คิดเลย :กอด1:

TeuyHom

  • บุคคลทั่วไป
ค้างๆๆ รีบมาต่อนะคร้าบบบบ

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
เอกเปนหมอดู ใช่ไหม บอกความจริงมาซะดีๆ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ fox

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แล้วเหตุการณ์ต่อไปก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องโน้น
ช่ายปะ? ^___^

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
แล้วต่อไปก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องโน้น

ออฟไลน์ Rouk_Uknow

  • Delitto
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
โอ๊ะ! เอก นัย ได้กันก่อน เป้ ปิงป่อง อีกเหรอนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
มันมีที่มาที่ไปอย่างนี้นี่เอง

วายร้ายหน้าหวาน

  • บุคคลทั่วไป
นายเลี้ยงกุมารชิมิ ทำมาว่าปิงเลี้ยงโด่   รอครับน่าฟัดเอ่อ.....น่ารักดี

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9

ออฟไลน์ nincja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นัยน่ารักมากมากอ่า  :-[ :-[

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
จะเจอเหมือนน้องเปิ้ลมั๊ยเนี่ย?  :a5:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่ 8  หักหลัง


“ติ๊ง….”  เสียงลิฟท์ดังขึ้น  และแล้วลิฟท์ตัวที่ว่าก็พาเรามาถึงชั้นที่ไอ้ปิงปองอยู่

สีหน้ามันทั้งตื่นเต้นและมีความสุขอย่างมาก มันคงรอที่จะได้เจอปาง

ผมเห็นแล้วได้แต่ลอบถอนใจ ภาวนาอย่าให้สิ่งที่ผมกลัวมันเป็นจริง

ผมหันไปสบตาไอ้ป่วนมันเป็นคนที่ sensitive เรื่องเพื่อนมาก ๆ เป็นที่รู้กันดี

ไม่ว่าเรื่องใครในกลุ่มจะส่งผมกระทบกับมันตลอด ผมยื่นมือไปบีบมือไอ้ป่วนเบา ๆ

ไอ้ป่วนที่หน้าซีดเผือด  บีบมือผมกลับแน่น ๆ มันยังคงมองไปที่ไอ้ปิงปอง

ก่อนจะละมือจากผมแล้วหันไปโอบไหล่ไอ้ปิงปองแทน 

“ไง..มึงปวดฉี่มากเหรอวะ  อดทนอีกนิดเดียวจะถึงห้องกุอยู่แล้ว ” ไอ้ปิงปองว่า

ยิ้มหน้าระรื่นหันมาแซวไอ้นัยอย่างอารมณ์ดี  เดินนำพวกผม

ที่อีกไม่กี่ก้าวจะถึงห้องมันอยู่แล้ว

“ป่าว” ไอ้นัยตอบยิ้มจืด ๆ มันคงยิ้มได้มากสุดแค่นี้   ผมเดินตามทั้งคู่

มองดูอยู่เงียบๆ  พูดอะไรไม่ออก  เพราะไม่รู้จะพูดอะไรจริง ๆ

“ปิงปอง...”  ไอ้นัยเรียก   ดึงไอ้ปิงปองให้หยุดก่อนจะไขกุญแจ

“มึงรู้มั้ยในบรรดาเพื่อนกุเป็นห่วงมึงที่สุด  ฉะนั้นถ้ามึงมีอะไรไม่สบายใจ

ช่วยคิดถึงกุคนแรกได้มั้ยวะ”  ไอ้นัยพูดขึ้น ขยี้มือที่หัวไอ้ปิงปองจนหัวอีกฝ่ายโยกคลอน

“หึหึ.. ห่า   เป็นเชี่ยไรของมึงเนี่ย อย่ามาเข้าโหมดซึ้งโดยไม่มีเหตุผลนะโว้ย

กุไม่ปลื้ม”ไอ้ปิงปองว่าขำๆ  ยื่นมือมาแตะหน้าฝากไอ้ป่วน

“มึงไม่สบายป่ะวะ  กินยาผิดป่ะนัย  ไอ้เอกมึงมาดูเพื่อนมึงดิ๊ว่ามันเป็นอะไร”

ไอ้ปิงปองผลักไอ้นัยหน้าหงาย แล้วกวักมือเรียกผมหย๋อย ๆ  พอผมมาถึง

มันก็จับมือผมไอ้แตะหน้าฝากไอ้นัยซะงั้น  รู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อย

“ไป ๆ รีบมาดูแลลูกมึง ท่าจะอาการหนักแล้ว  ฮ่า ๆ”  ไอ้ปิงปองว่า

“ปิงปองงง.........”ไอ้นัยเรียกเสียงเบา ก่อนเดินเข้าไปใกล้ดึงไอ้ปิงปองมากอดแนบอกแน่น

(จ๊ากกกกกกกกก กอดทำไม  อย่า ๆ  อย่ากอดคนอื่นนอกจากกุ ไอ้ปิงปองมันยิ่งตัวเล็กน่ารัก

ตาโต ปากแดง ผิวขาว  ...ถึงจะขาวไม่เท่ามึง แต่มันก็น่าทนุถนอมที่สุดในกลุ่ม 

แล้วถ้ามึงเกิดไปหลงรักมันขึ้นมากุจะทำไง....ล่ะเว้ยเห้ย  ) 

ผมแอบกัดปากตัวเองแน่น แม้จะเข้าใจสถานการณ์ แต่ทนไม่ไหวจริงๆ

เรียกได้ว่าหึงจนหน้ามืด.............ก็คนเค้าหวงของเค้าอ่ะ  เริ่มคิดหาวิธีแยกไอ้คู่นี้ออกจากกัน

ว่าแล้วผมก็แทรกมือไปตรงกลางระหว่างมันทั้งสองคนแล้วดันให้ทั้งคู่ออกจากกัน

ก่อนแทรกตัวไปกอดไอ้ปิงปองแทนไอ้นัย มันทั้งคู่หันมามองหน้าผมงง ๆ

(มึงจะงงก็เรื่องของพวกมึงดิ  แต่กุแยกพวกมึงออกจากกันได้แล้ว ถือว่าสำเร็จ

กร๊ากกกกกกกกกก  แนบเนียนจริง ๆ กุ)

ผมยิ้มหน้าบานในความฉลาดของสมองตัวเอง โดยลืมเรื่องต่างๆไปซะสนิท

ไอ้ปิงปองดันตัวผมออก ผมหน้ามุ่ยใส่มันพอเป็นพิธีกลัวไอ้นัยมากอดมันอีก

“ทีไอ้นัย...มึงไม่เห็นผลักมันออกเลย” ผมว่างอน ๆ

“ผั๊วะ ...โอ๊ย”  ว่าแล้วมืองาม ๆ ของไอ้ปิงปองก็ประเคนใส่หัวผมทันที

“ห่า...โตเป็นควายแล้วอย่ามาทำเป็นงอนกุ  มึงไม่น่ารักเหมือนไอ้นัยหรอกมึงอ่ะ”

มันว่าขำ ๆ ก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราทั้งสามคน

(ไอ้ปิงปอง จริงๆ มึงไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน ทั้งเตี้ย ทั้งบาง ตัวขาว

ปากแดง  กุถึงไม่อยากให้ไอ้นัยอยู่ใกล้มึง กลัวมันจะเปลี่ยนใจไปหลงมึงแทน

ดีนะที่มึงมีเมียแล้ว ...หึหึ กุให้อภัย  ยอมให้ไอ้นัยกอดมึงนิด ๆ หน่อยๆ แล้วกัน )

และแล้ววินาทีระทึกก็มาถึง .....ไอ้ปิงปองหยิบกุญแจห้องมาไขที่ลูกบิด

มันดันประตูให้เปิดออกอย่างเบาที่สุด จนพวกผมสงสัยว่าห้องของมันจริงรึเปล่า

รึว่ามันเป็นนักย่องเบากันแน่ ประตูที่เปิดออกเผยให้เห็นพื้นที่ภายในห้องพัก ..

แต่ก็ไม่พบใครอยู่ในห้องรับแขก พวกเราเดินเงียบ ๆ เข้ามาในห้อง

(เลียนแบบไอ้เจ้าของห้องที่มันยังทำท่าเป็นนักย่องเบาไม่หยุด)

“มึงจะเข้าห้องน้ำก็เข้าดิ เบา ๆ นะ เดี๋ยวปางตื่น”  ไอ้ปิงปองหันมาบอกไอ้นัย

เลยทำให้พวกผมถึงบางอ้อ  ที่แท้...กลัวเมีย    ...ตื่น  หึหึ 

(แต่ย่องมาอย่างนี้กุกลัวมึงจะเจออย่างอื่นที่ไม่พร้อมจะเจออ่ะดิ)

ไอ้ป่วนพยักหน้ารับแต่กลับไม่เดินไปเข้าห้องน้ำ  ยังคงเดินตามไอ้ปิงปองเข้ามาที่ห้องรับแขก

ไอ้ปิงปองวางของสัมภาระทิ้งไว้ที่ห้องดูทีวีก่อนจะดิ่งตรงไปที่ห้องนอน

โดยมีผมกับไอ้นัยเดินตามไปติด ๆ มันเองไม่แม้แต่จะสนใจ

 สีหน้าระรื่นของมันราวกับว่าจะได้เจอของรัก ที่มันรอมานานแสนนาน

มันค่อยเปิดประตูห้องนอนอย่างเบาที่สุดหวังจะได้เห็นคนรักที่กำลังนอนหลับสบาย

อยู่บนเตียง  แต่ภาพที่เห็นกับเป็นภาพคนรัก (น้องปาง) กำลังหลับตาพริ้ม

กับเพื่อนรัก(ไอ้เป้) ที่บรรจงจุมพิศที่ปากอวบอิ่มแดงระเรื่อของอีกฝ่าย

ผมตกใจจนพูดไม่ออก หันไปมองไอ้ปิงปองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผม

ใบหน้าขาวที่ยิ้มระรื่นอยู่เมื่อกี้นี้ เปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำบูดบึ้ง กัดกรามจนนูนขึ้นสัน

คิ้วทั้งสองข้างขมวดรวมกันแทบจะเป็นเส้นเดียว

 เหมือนสิงโตที่พร้อมจะกำจัดเหยื่อ

ไอ้ปิงปองตั้งท่าจะกระโจนส่งคนทั้งคู่ที่ขึ้นชื่อได้ว่า “เพื่อนรัก”กับ”คนรัก”

ผมกระโดดจับมันไว้ทันทีก่อนที่จะเกิดอะไรที่คาดไม่ถึง

 “เชี่ยเอก!!  ...ปล่อยกู แม่ง..ไอ้เหี้ยเป้  มึงทำงี้ได้ไงวะ” มันตะโกนด่า

ทั้งที่ผมพยายมจับมันไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่....มันก็ดิ้นหลุดจากมือผมไปจนได้  ทั้งที่มันตัวเล็กขนาดนั้น

(แม่ง........มึงเอาแรงมาจากไหนหนักหนาว่ะ   เชี่ยนี่)

“เชี่ย...  เมียกู” มันว่า กระโดดเข้ากระชากคอเสื้อ และตะบันหน้าไอ้เชี่ยเป้ 

“ว๊าย..  พี่ปิงปองอย่า” ปางร้องลั่น ตัวสั่นงันงก ...ตกใจ เข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้น

“ฮือๆ” เสียงปางสะอื้น ปางทำได้แค่นั่งร้องไห้ นั่งจ้องศึกระหว่างคนรัก กับ

คนที่กำลังแอบรัก แล้วปากก็พร่ำแต่ว่า

“ปางขอโทษ ๆ  พี่ปิงปองหยุดเถอะค่ะ ...หยุด..ฮือ ๆ”

“โอ้ย!!....แม่งเอ้ย ฟังกูก่อนไม่ได้รึ งะ.”   ผั๊วะ ไอ้ปิงปองซัดไอ้เป้อุตลุด ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

 “ห่า”  เสียงไอ้เป้ตอบกลับ ใช้มือข้างหนึ่งจับแขนไอ้ปิงปองที่กำลังจะต่อยมันไว้ทัน

ก่อนจะสวนหมัดอีกข้างกระแทกหน้าไอ้ปิงปอง

“ โอ๊ย!!...เหี้ยเอ้ย” ไอ้ปิงปองด่า ไอ้เป้ตามมาจะค่อมมันแต่มันถีบไอ้เป้ทัน

และเป็นไอ้เป้ที่ล้มลงเสียเอง ไอ้ปิงปองเลยทำหน้าที่นั่งค่อม

จากนั้นพวกมันก็แลกหมัดกันพันละวัน ทั้งปากแตก คิ้วแตก กลิ้งหลุน ๆ ไปมา

อยู่อย่างนั้น จนหมดแรง พวกผมถึงค่อยแยกมันสองคนออกจากกันไปอยู่คนละมุม

คนอย่างพวกมันทั้งคู่มันไม่เคยยอมใครหัวเด็ดตีนขาดยังไง ถ้าไม่หยุดเอง

ใคร....ก็อย่าหวังไปหยุดมัน  พวกผมถึงต้องรอ...รอให้พวกมันได้ระบายอารมณ์

ที่เดือดดาลไปก่อน  รอจนกว่าว่าพวกมันจะมีสติพอที่จะรับฟังคนอื่นได้

เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถึงพวกผมจะแยกมันได้ตั้งแต่เริ่ม

แต่ถ้าความโกรธที่พุ่งทะยานขนาดนี้ คุยอะไรก็ไม่รู้เรื่องสินะ

พวกมันนั่งหอบเหนื่อยให้พวกผมพยาบาล สายตายังคงจ้องกันไปมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ผมเข้าใจมันดีทั้งสองคน  ความรู้สึกตอนนี้ยิ่งกว่าคำว่า “พังทลาย” 

ไอ้ปิงปอง...เพราะมันฝากคนที่มันรักไว้กับเพื่อนที่มันไว้ใจ

ไม่ใช่แค่ไว้ใจนะ  แต่ทั้งไว้ใจ เชื่อใจ และศรัทธาต่างหาก ตั้งแต่คบกันมา

ก็มีแต่ไอ้เป้ที่เป็นเพื่อนกับมันมาตลอดคอยดูแล คอยใส่ใจ ทำทุกอย่างให้มันมาตลอด

(มึงคงไม่คิดสินะ...ว่าสักวันมันจะแย่งของรักของมึง   บอกตรงๆ กุก็คาดไม่ถึง)

ใบหน้าที่แดงกล่ำเครียดเขม็ง มึงคงเจ็บปวดสินะปิงปอง สายตาที่เพ่งมอง

มาที่ไอ้เป้มันบ่งบอกว่ามึงเจ็บปวดแค่ไหน  ไอ้นัยมองที่ไอ้ปิงปองตาละห้อย

ผมรู้ว่ามันเจ็บปวดเช่นกัน 

“เจ็บมั้ยวะ” ไอ้นัยเอ่ยถามเสียงเบาด้วยความเป็นห่วง เพราะรูปร่างที่แตกต่างกัน

ไอ้ปิงปองมันสูงแค่ 175 ซม. แต่ไอ้เป้มันสูงตั้ง 188 ซม. ไม่มีคำตอบจากไอ้ปิงปอง

มันส่ายหน้าเบา ๆ จ้องมองไปที่คนรัก และเพื่อนรักสลับไปมา

ไอ้เป้........กุรู้ว่ามึงก็เจ็บ  เจ็บอย่างที่ไม่เคยมาก่อนใช่ไหม เพื่อนที่มึงเคยดูแล

เพื่อนที่มึงเคยใส่ใจ เคยทำให้มันมีความสุข  คนที่มึงปกป้องมัน คนที่มันศรัทธามึง

เชื่อมึง และไว้ใจมึง คนที่ไม่ว่าเพราะอะไรมึงก็อยู่ข้าง ๆ มันมาตลอด

(ถึงกุจะไม่รู้ Background พวกมึง แต่สิ่งที่พวกมึงแสดงให้กุเห็นตลอดมา

คือ พวกมึงรักกัน  และไม่มีวันที่พวกมึงจะทิ้งกันไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน

แต่...ด้วยเหตุผลวันนี้  กุ....ไม่แน่ใจแล้วว่ะ)

 ไอ้เป้แล้วตอนนี้กลับเป็นมึงที่...ทำลาย มันเองกลับมือ  เจ็บใช่ไหมเป้

มึงที่เห็นสายตาเจ็บปวดของไอ้ปิงปอง .....มึงก็เจ็บเหมือนกันใช่ไหม

ผมพยาบาลไอ้เป้แต่ไม่ได้ถามว่ามันเจ็บไหม สีหน้าที่เย็นชาไม่แสดงอารมณ์

แต่ผมรู้ว่ามันคงกำลังเจ็บแสบปวดร้อน เป็นแน่แท้ สายตาที่มองไปยัง

ไอ้ปิงปองยังคงอ่อนโยนเช่นเดิม 

(กุรู้ถ้ามึงเอาจริงไอ้ปิงปองคงลงไปนอนกับพื้นแล้ว   กุรู้ว่ามึงยอมมัน สู้กับมัน

เพื่อให้มันได้ระบายใช่ไหมว่ะ ...... มึงก็ห่วงมันแล้วทำไมมึงต้องทำอย่างนี้ว่ะเป้

กุไม่เข้าใจ.......   ถ้ากุเป็นมัน  คงเจ็บปวดไม่แพ้มันแน่นอน ไม่รู้ชาตินี้

จะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกรึเปล่า)

 “ปาง...ทำยังงี้ได้ไง” ไอ้ปิงปองว่า น้ำเสียงแทบตะคอกส่งไปยังคนรัก

“ปาง... ปาง ขอโทษ ” หญิงสาวสะดุ้งเฮือก พลางตอบเสียงสั่น ๆ

“ปางผิดเองค่ะ ปาง  ฮือ ๆๆๆ   ปาง ชอบพี่เป้” คำตอบของปางเล่นทำเอาพวกผมอึ้งแดก

ไอ้ปิงปองมันแทบทรุดลงกับพื้น สายตาทุกคู่ส่งไปที่มัน

ดวงตาคู่โตแดงกล่ำน้ำใส ๆ คลอหน่วย แต่ไม่ปล่อยให้ไหลออกมา

มันจ้องมองมาที่ไอ้เป้เหมือนเป็นคำถาม  แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา

ไอ้เป้ยังคงมองตอบด้วยสายตาที่ห่วงใย...

(แต่ช้าไปไหมเป้ ถ้ามึงรู้สึกผิดมึงก็ไม่ควรคิดจะทำอย่างนี้แต่แรกสิ)

“เหี้ย”  ไอ้ปิงปองสบถคำด่า ราวกับแค่ระบายความอัดอั้นในใจของมัน       

ไอ้นัยโอบกอดเบาๆ ที่แผ่นหลังไอ้ปิงปอง ถ้ามันทำได้คงอยากจะกอด

ไอ้ปิงปองไว้ทั้งตัว คงอยากจะแชร์ความเจ็บปวดของเพื่อน

ดวงตาของมันแดงกล่ำไม่ต่างจากไอ้ปิงปอง น้ำตาคลอหน่อยมันพร้อม

จะร้องไห้ไปกับเพื่อนทุกคน  และมันก็เจ็บที่เพื่อนกับเพื่อนต้องมาเป็นอย่างนี้     

“ปาง..ปางขอให้พี่เป้ลองจูบปางดู เพื่อให้ปางแน่ใจตัวเองว่าคิดยังไงกันแน่ ”

ปางพูดพร่ำด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น  ขณะที่ไอ้ปิงปองกัดปากตัวเองแน่นจนเลือดซึม

 “ตั้งแต่เมื่อไหรกัน ปางเอาพี่ไปไว้ไหน?”  เสียงของมันเบาจนแทบไม่ได้ยิน 

ผมเห็นแต่ดวงตาที่ปวดร้าวของมัน แทบจะแหลกสลายอยู่ตรงหน้า

เมื่อความจริงค่อย ๆ เปิดเผยออกมา  ว่าใครเป็นคนเริ่มต้นเหตุการณ์นี้

(ผมคนต้องขอชื่นชมปาง อย่างน้อยน้องเค้าก็มีน้ำใจมากคนหนึ่งไม่คิดจะปิดปัง

ความจริงเอาไว้  ปางที่ผมรู้จักจริง ๆ แล้วน้องเค้าก็เป็นคนดีมากคนหนึ่ง

อาจจะเป็นเพราะความห่าง  และทุก ๆ อย่างมันก็มักจะฝากไอ้เป้ให้ดูแลปาง

ไม่ว่าจะเรื่องความใกล้ชิด ความเห็นใจ ก็มีแต่ไอ้เป้ที่คอยดูแลปาง

ถ้ามาคิดดูให้ดี ๆ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ปางอยู่กับไอ้เป้มากกว่าไอ้ปิงปองซะอีก

ถ้าจะให้ยุติธรรม  ปิงปอง ....มึงก็ผิดเหมือนกัน  ผิดที่มึงไม่เคยมีเวลาให้เค้าไง)

“ปาง  ฮึก ฮึก ขอ...โทษ”  หญิงสาวพร่ำบอก  ผมเห็นไอ้ปิงปองหลับตานิ่ง 

 “งั้นเรา...คงจบแค่นี้” สุดท้ายมันก็เอ่ยคำพูดที่ทำให้ตกใจ  แต่มันก็ไม่เกินความคาดหมาย

มันหันมามองไอ้เป้  ชี้หน้าคาดโทษ ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าดังค์ กุญแจรถ

เหมือนมันไม่สามารถจะทนอยู่ที่ตรงนี้ได้อีกแล้ว

(มึงคงอยากจะลืมและหายไปซะ....จากตรงนี้สินะ )

“มึงจะไปไหน  กูไปด้วย” ไอ้นัยคว้าแขนไอ้ปิงปองไว้ ก่อนจะระร่ำระรักถาม

  ไอ้ปิงปองสะบัดมือมันออก

“เชี่ย!  มึงอย่ายุ่ง   กู.....กูอยากอยู่คนเดียว ...”  มันรีบวิ่งไปขึ้นรถ เหยียบรถด้วยความเร็วสุดตีนนน 

พวกเราทุกคนมองด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะไอ้เป้  แต่คงต้องยอมปล่อยมันไปก่อน

ปางที่ยังคงนั่งร้องไห้ทำตัวลีบอยู่ซอกเตียง  ผมกับไอ้นัยมองตากัน

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา ไม่ว่าจะเป็นคำถามของที่มาที่ไป คำปลอบ หรือ แม้กระทั่งคำด่า

“มึงจะเอายังไง” ผมหันไปถามไอ้เป้ที่ยังนั่งทำหน้าเครียด

(มึงรู้ไหมมึงทำหน้าเหมือน  แม่ง...ตายไปแล้วครึ่งตัว)

“พวกมึงกลับไปก่อน เดี๋ยวกุไปตามหามันเอง กุรู้ว่ามันอยู่ไหน

เรื่องปางก็ฝากส่งน้องเค้าด้วย”  มันหันมาตอบผม ดวงตาแดงกล่ำ

มันทำเหมือนตอนนี้มันพร้อมจะร้องไห้แล้ว  เพียงแต่มันอดทนอยู่เท่านั้นเอง

“เออ ... มึงไม่ต้องห่วง เรื่องทางนี้กุจัดการเอง” ไอ้นัยตอบ

“พี่เป้....ปาง  ..ฮึก ฮึก  ปางขอโทษ” เธอว่าส่งสายตาเว้าวอนขอร้องให้มันให้อภัย

“พี่ก็ผิด ปางอย่าคิดมากเลย เรื่องวันนี้เราเองก็ผิดทั้งคู่” มันว่าหันไปสบตาปาง

“พี่ขอโทษนะ  ... แต่พี่คิดกับปางแค่น้องสาวแค่นั้น  ไม่เคยคิดเกินกว่านั้น

เรื่องวันนี้พี่ทำให้ก็เพราะพี่คิดว่าอย่างน้อยถ้าปางได้ทำมันแล้วคงจะได้รู้ใจตัวเอง...

.ว่ากับพี่ปางแค่หวั่นไหว  ..แต่พี่ว่ามันไม่ใช่รัก  ที่พี่ดูแลปางเป็นอย่างดี

เพราะไอ้ปิงปองมันฝากพี่ไว้  เพราะถึงปางจะไม่ได้เป็นแฟนกับมัน 

แต่พี่ก็คง....จะไม่รักปาง อยู่ดี   ไม่ใช่ไม่ดี  แต่แค่...ไม่ได้รัก ขอโทษนะ”  ไอ้เป้ตอบ

หยิบกระเป๋าของมัน ก่อนจะหันมาลาพวกผมแล้วเดินออกไป

“กุไปนะ”  พวกผมพยักหน้าเป็นคำตอบ   ในที่สุดก็เข้าใจโดยไม่ต้องมีคำถาม

ว่าทำไมคนอย่างไอ้เป้ถึงยอมจูบปาง  ... มันไม่ได้หักหลัง  แต่แค่พยายามจะทำให้จบ

(จบจริงว่ะเป้....แต่คงเจ็บไปอีกนาน   ตามหามันให้เจอนะ..สำหรับมัน

คงขอแค่มึงเท่านั้นที่อย่าทำร้าย ทำลาย หรือหักหลังมัน  กุว่ามันคงเจ็บ..

เจ็บยิ่งกว่าเลิกกับปาง   กับคำว่า เพื่อนรักที่คบกันมาเป็นสิบ ๆ หักหลัง และทำลายความไว้ใจ)

“มึงไปส่งปางนะ” ผมหันไปบอกไอ้นัยที่ตอนนี้สติมันเหมือนจะกลับมาแล้ว

แต่มันเงียบจนผมใจหาย  (มึงก็อีกคนช่วยอย่างเงียบอย่างงี้เถอะว่ะ...กุใจไม่ดี)

“อืม”  มันว่าเดินไปหยิบกุญแจรถ แล้วเดินตรงไปที่ปาง

หญิงสาวก้มหน้าลงกับเตียงตัวสั่นระริก  สะอึกสะอื้นจนตัวโยน 

ร้องไห้จนเหมือนไม่มีน้ำตาจะไหล ใบหน้าแดงกล่ำ ดวงตาปูดบวม

เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกลั้นสะอื้น

“กลับนะครับเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ไอ้นัยแตะเบา ๆ ที่หลังปาง ส่งสายตาอ่อนโยนไปให้

ไม่มีการตำหนิ หรือต่อว่าจากมัน  มีแค่ความสงสาร ที่ส่งไปให้จาง ๆ

(นี่แหล่ะน๊า...ความเหงา  เขาถึงว่า  ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน)

ปางลุกขึ้นช้าๆ แต่ขาก็พับอ่อนลงไป ราวกับไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วตอนนี้

ไอ้นัยประครองปาง ผมเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าปางส่งไปให้มันถือ

แล้วมันก็พาน้องเค้าออกจากห้องไป  ทั้งห้องเหลือเพียงผมที่กำลังนั่งจ้องซาก

ข้าวของที่กระจุยกระจายจาฝีมือไอ้สองตัวนั่น  ดีที่มันตีกันในห้องนอน

ถ้าเป็นห้องรับแขกคงมีทีวีพังอ่ะ  ตอนนี้ชั้นเตี้ย ๆที่วางอยู่ชิดผนังทางฝั่งปลายเตียง

ล้มเทกระจาดลงมาอย่างไม่เป็นท่า แผ่นซีดีกระจายหลายแผ่นหักฟังเสียหาย

ไอ้ชั้นที่ว่านี่ก็เหมือนกัน ท่าคงจะได้ซื้อใหม่ เพราะตอนกระแทกล้มลง

มันคงแรงเนื้อไม้ถลอกเป็นทางยาว ประตูด้านล่างสุดคงไม่ได้ล็อคไว้

พอกระแทกลงพื้นมันคงเปิดอยู่ถึงได้ประตูหักอย่างที่เห็น

ผมเริ่มทำการเก็บกวดเช็ดถู  เอาของที่พังแล้วแม่งทิ้งให้หมด

รวมถึงไอ้ชั้นนั้นด้วย  ข้าวของที่เหลือที่พอใช้ได้ก็เก็บใส่ตระกล้าเล็ก ๆ ของมัน

หรือไม่ก็วางกองไว้บนชั้นจนเสร็จเล่นเอาเหงื่อท่วมตัวเลยครับ  เหนื่อยโคตร

ผมกระแทกก้นนั่งพักเหนื่อยที่เตียงไอ้ปิงปอง 

“ติ๊งต่อง ๆๆๆ” ผมเดินไปที่ประตูเปิดออกมาเจอไอ้นัยครับ

(ผมว่า แม่ง...เล่นของชัวร์ กุพึ่งเก็บห้องมันเสร็จตะกี้มึงก็มาถึงเลย

สบายเลยสินะ  เหี้ยนี่  ปล่อยกุเหนื่อยคนเดียว)

มันเดินเข้ามาในห้องสีหน้าเรียบเฉยจนผมรู้สึกตกใจ

ผมเดินเข้าไปกอดมันข้างหลัง

“ 3 ทุ่มแล้ว หิวมั้ย ไปกินข้าวกันนะ” ทั้งที่ความจริงผมก็ไม่หิว

แต่ผมเป็นห่วงมัน  กลัวว่ามันจะเครียดจนเป็นโรคกระเพาะซะก่อน

“กุไม่หิว...”

“แต่กุหิวนิ  กินเป็นเพื่อนกุหน่อยนะ กินคนเดียว กุกินไม่ลงอ่ะ”

ผมอ้อน ซุกหน้าลงที่ซอกคอหอม  อยากปลอบใจมัน

“ครืดดด  ครืดดด”  เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อไอ้เป้

“ฮัลโหล  เจอมันมั้ย”

“อืม เจอแล้วแต่กุยังไม่เข้าไปหามัน มันกินเหล้าอยู่

พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวกุพามันกลับไปเอง

จะกลับเลยก็ได้นะ”  มันว่า น้ำเสียงเหน็ดเหนื่อย

“แล้วมึงจะเข้าห้องนี้ยังไง”  ผมถามขึ้น

“กุมีกุญแจสำรองอยู่แล้ว พวกมึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวให้มันเมาก่อน

กุค่อยลากมันกลับ ไปลากมันตอนนี้มีหวังร้านเค้าพัง”    

“เออ งั้นพวกกุกลับก่อนมีไรค่อยว่ากันทีหลัง”

“อืม” มันตอบกลับ   ผมลากไอ้ป่วนของผมกลับบ้าน เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง

ผมเห็นมันกิน ๆ หยุด ๆ จนผมหันไปทำหน้าดุ บอกให้มันกินให้หมด

มันก็ทำตามอย่างว่าง่าย   แล้วเราก็ขับรถกลับมายังคอนโดผม

-----------------------------------------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2012 13:11:00 โดย Tassanee »

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
เรามากินมาม่า  อีกเรื่องกันเถอะค่ะ  หลังจากช่วงนี้หลาย ๆ
เรื่องกินมาม่าไปแล้ว  เราก็มาเตรียมท้องอืดกัน

อ่านให้สนุกนะคะ

toyyou

  • บุคคลทั่วไป
รีบมาต่อ้า หนุกดี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด