มากกว่าเพื่อน...ได้มั้ยวะ ตอนที่ 13 ปีนภู (2) P.10 20/2/11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มากกว่าเพื่อน...ได้มั้ยวะ ตอนที่ 13 ปีนภู (2) P.10 20/2/11  (อ่าน 107963 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9

TeuyHom

  • บุคคลทั่วไป
สุดยอดจิงๆๆ ดูเสร็จก็ทำตายเลยเนอะ  ฮ่าๆๆ

เสียวน่าดูเลยอ่ะ  อิอิ

Huasia

  • บุคคลทั่วไป
มารอต่อค่ะ  น่ารักมากอ่ะ

ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
 o13 สุโค่ย  สนุกมั่กๆ
ตามมาอ่านจากเรื่องนู้นเลยนะเนี่ย
อ่านเรื่องแรกจบก็ว่าอารมณ์มันยังค้างๆคาๆอยู่
ที่ไอ้เพื่อนสองคนนี้(นัย+เอก)มันต้องมีซัมธิงรองอะไรกันอยู่แน่ๆ
แล้วก็ใช่จริงๆด้วย คนเขียนมาเฉลยให้แล้วเขียนต่อให้อีก
ดีใจๆ อยากอ่านต่ออีกค่ะ จะมีเรื่องใหม่อีกมั้ยค่ะ
แล้วเรื่องนี้จบหรือยัง?

 :pig4: มากๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้แต่งเรื่องต่อไปสนุกๆ+หื่นๆด้วยนะค่ะ  :z1:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
^_____^  ขอบคุณค่ะ สำหรับการติดตาม

ทัดตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตอนของ เอก+นัย

ตั้งใจทำเป็นตอนพิเศษไม่กี่ตอน แต่มันจบไม่ลง 

มีคน ขอให้แต่งเป็นอีกเรื่องเถอะ  เลย เลยตามเลยค่ะ ย ( ^___^)

ส่วนเรื่องใหม่ก็มีคิด ๆ อยู่บ้างค่ะ  แต่ยังไม่แ่น่ใจ  หึหึ



ออฟไลน์ i-love-you

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3
ปิงปอง กะ เป้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
รอหน่อยนะคะ  คาดว่าวันนี้คงจะเสร็จอีกตอน  ^______^ 
ขอไปธุระก่อน  หุหุ

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
และแล้วก็ได้เวลาคลอด บทใหม่
รอนานหน่อยนะคะ  ตอนนี้สติพินาศไปแล้ว
ฮ่า ๆ คนทำงานก็อย่างนี้แหล่ะค่ะ
อารมณ์พอ ๆ กับคนกำลังสอบ  แค่กำลังย้ายออฟฟิศ
ต้องติดตามเรื่องย้ายที่อยู่ ในส่วนราชการทั้งหลาย
ต้องทำเรื่องวีซ่า เวิร์คเพอมิทนาย ต้องดูแลช่างโทรศัพท์ที่มาติดต่อ
ต้องโทรหาองค์การโทรศัพท์ที่โทรไปต่างประเทศไม่ได้
ฯลฯ   เรียกได้ว่าสติแตกดี ๆ นี่เองค่ะ 


บทที่ 10 ซ่อน
 
เช้าวันจันทร์ผมตื่นขึ้นมามองไอ้ตัวป่วนของผม

(ที่เมื่อคืนผมทำมันขาอ่อนปวกเปียกจนแทบยืนไม่ไหว หึหึ)

มันยังคงหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของผม ลมหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวยังหลับสนิท

กลิ่นตัวไอ้ป่วน หอมจาง ๆ ส่งมาถึงจมูกผม จนอดไม่ได้ที่จะสูดดมกลิ่นหอมนั่น

น่าปรารถนานัก  ผมไม่เคยเข้าใจ.....กับมันเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ มีแต่ต้องการมากขึ้นๆ

จนแม้แต่ผมก็เริ่มกลัวตัวเอง...ว่าจะขาดมันไม่ได้   ผมจ้องริมฝีปากอิ่มที่แดงระเรื่อนั่น

ช่างดูเย้ายวนซะเหลือเกิน ผมเส้นเล็กนุ่มสลวยยุ่งเหยิงเพราะมันดิ้นยุกยิกไปมา

ผมค่อย ๆ เกลี่ยผมที่ปิดบังใบหน้าไอ้ป่วนออก หน้าขาว ๆ ของมันที่ทั้งนุ่มทั้งหอม

จนน่ากัดเบา ๆ  ก่อนจะไล้มือเบาๆ ไปตามแขนไอ้ป่วนกลัวมันจะตื่น  ผิวที่เนียนลื่นซะจน

ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นผู้หญิงซะมากกว่า ไม่มีขนสักเส้นตามแบบฉบับของผู้ชาย 

(นี่มึงเป็นผู้ชายจริง ๆ ป่าวว่ะนัย)  ผมไล้มือลงไปเรื่อย ๆ  จนถึงเอวคอด ก่อนจะลาก

ต่อไปถึงสะโพกกลมกลึงของมัน เน้นคลึงอยู่สักพัก  มันไม่ได้มีมากเหมือนผู้หญิง

แต่ก็มีนิด ๆ ก้นที่นิ่มกว่าผู้ชายปกติ ก้นที่ทำผมแทบคลั่งเวลาได้สัมผัส

แค่มองก็ทำผมเริ่มร้อนขึ้นมาตะหงิด ๆ ซะแล้ว  ทั้งที่ไอ้ป่วนยังนอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น

จนผมต้องเผลออมยิ้มให้กับความน่ารักของมัน  ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็..น่ารักจริง ๆ หึหึ

ดีจังที่มันหลับสนิทได้ขนาดนี้  ...  ถ้าเป็นเมื่อก่อน (ตอนที่ผมกับมันเป็นแค่ “เพื่อนธรรมดา”)

ถ้ามีปัญหาขนาดนี้ คงไม่ได้เห็นมันหลับลงง่าย ๆ มันมักจะมานอนกับผมเสมอ

แล้วแกล้งทำเป็นหลับไปก่อน พอผมหลับมันก็มักจะกอดผมเบา ๆ ซุกหน้ากับอกผม

ปล่อยน้ำตาร้อน ๆ ให้ไหลไปเรื่อย ๆ ไม่มีเสียงสะอื้น มีแต่เพียงความเงียบกับน้ำตา

กว่าผมจะรู้สึกตัวไอ้ป่วนก็หลับไปทั้งคาบน้ำตาที่อกผมแล้ว   ผมมักจะกอดมันไว้

ในเวลาแบบนั้น แค่รู้สึกว่าอยากปกป้องมัน...ถึงไม่เคยขัดใจ  ตัวมันบางจนผมคิดว่า

มันคงไม่อาจทนกับเรื่องหนัก ๆ ไหว แม้จะเคยเจอเรื่องหนัก ๆ มาหลายเรื่อง

แต่มันก็ทำให้ผมกลัวทุกครั้งว่าร่างบาง ๆ ตรงหน้าจะแหลกสลาย อยากกอดมันไว้

ป้องกันมันจากทุกสิ่งที่จะทำให้มันเจ็บรวมถึงเรื่องเมื่อวานนี้ ถึงสายตาของมันจะกังวล

แต่ความเจ็บปวดของมันก็เบาบางลง  อย่างน้อยผมก็ได้เห็นรอยยิ้มของมันที่ไม่ใช่แค่...แกล้งยิ้ม

แค่ความสุขเล็ก ๆ ที่เข้ามาแทรก ระหว่างที่ร้อนใจ  แค่นี้......ก็ดีแล้ว ให้มันรู้ว่ายังมีใครเป็นห่วงอยู่

“โอ๊ย...” ไอ้ป่วนพลิกตัวซกหน้าเข้ากับอกผมแล้วกัดหยอก ๆ เล่นทำเอาผมสะดุ้งทันที

ไม่ทันคิดว่าจะโดนไอ้คนที่มันหลับตาพริ้มเมื่อกี้แกล้งเอาได้

“หึหึ...เจ็บมั้ย” มันหัวเราะ...ยิ้มหวาน ๆ ส่งมาให้ผม  ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

ก้มลงจูบที่ปากไอ้ป่วนเบา ๆ มันยังหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี 

“แกล้งคนอื่นระวังจะโดนทำโทษนะ”  ผมว่าส่งสายตาเจ้าชู้ไปให้

“ชิส์....กลัวที่ไหน” มันย่นปาก ทำท่าอยากลองดี   (หึหึ  ...จัดให้อีกสักทีดีมั้ย)

“อย่าเก่งแต่ปากแล้วกันนะ” ผมว่า   ขยี้หัวไอ้ป่วนเบา

“กุไม่เคยเก่งแต่ปากหรอก.......อืมมมม” ผมประกบปากไอ้คนปากดี  แทรกลิ้นหวานเร่าร้อน

มือไล้มันทั้งตัว ไอ้ป่วนดิ้นยุกยิกขัดขืนเหมือนพยายามต่อรองกับผม แต่ผมไม่อยากฟัง

แค่นั่งมองมันตอนเช้านี้ผมก็อดทนมาพอแล้ว  มันดันจนปากผมหลุดจากปากมัน

“อะ..เอก   เดี๋ยววันนี้มีเรียน     อืมมมม” ผมสอดมือตรึงท้ายทอยไอ้ป่วนก่อนจะก่อนจูบเร่าร้อน

อีกครั้ง  เลื่อนตัวขึ้นคร่อมอีกฝ่ายที่พยายามดิ้นยุกยิกหลบหนี  (หึหึ  ไม่แน่จริงนี่หว่า)

“อ่ะ..”  ไอ้ป่วนดีดตัวผึง  มื่อลิ้นร้อน ๆ ของผม ไล้เลียวนรอบเม็ดสีจนแข็งไต เม็ดสีที่แสนหวาน

ก่อนจะกดปากดูดแรง ๆ แล้วดึงขึ้น  จนไอ้ป่วนของผมต้องแอ่นตัวขึ้นตาม 

มันครางกระเส่าหอบหายใจแรง ๆ พอกับผมที่ใจเต้นรัวเป็นกลองชุด   ผมสอดมือเข้าไป

ในบอกเซอร์ของอีกฝ่ายลูบไล้ไอ้นัยน้อยที่ตัวพองเต็มมือผม ใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเบาที่ส่วนหัว

“อ๊ะ....อือออออ” มันครางเสียว ผมดึงบอกเซอร์ไอ้ป่วนทิ้งไป ยกขาสองข้างให้พลาดไหล่ผม

ก่อนจะครอบปากชิมไอติมรสหวาน ลิ้นละเล็มไปทั่วแท่ง ก่อนจะเน้นคลึงยอดที่มีน้ำเยิ้ม ๆแสนหวาน

ให้ผมได้ชิมรส ไอ้ป่วนจิกไหล่ผมแน่น ก่อนจะกระแทกน้องชายมันเข้าปากผม

แรง ๆ ทำหน้าเสียวปานจะขาดใจ   ผมคลายความแน่นของแรงดูด ปล่อยให้ไอ้ป่วน

กระแทกแรงได้ตามอัธยาศัย   ไอ้ป่วนเลื่อนมืออีกข้างกดหนักที่หัวผม เดินเครื่องเต็มที่

สักพักร่างกายได้ป่วนก็บิดเกร็ง  กระตุกเล็ก แล้วปล่อยน้ำรักในปากผมจนหมด

ผมจนมันปล่อยน้ำจนหมด แล้วค่อย ๆ ดูดกลืนน้ำรักที่แสนหวานของมัน ส่งท้ายด้วยการเม้มปากแน่นๆ

ที่โคนไอติมร้อน ก่อนจะกระชากออกเร็ว ๆ ทั้งที่ยังเม้มอยู่

“อ่าส์ ...ซีสสสสสสส   เอก”  ไอ้ป่วนเสียวจนตัวงอ  สองมือจิกแน่นที่ไหล่ผม  ก่อนจะทิ้งตัวล้มลง

ไปนอนหอบจนหมดแรง  ผมเอื้อมมือหยิบเจลเย็นป้ายไปที่ทางหวานของไอ้ป่วน

ก่อนจะชะโลมที่แท่งร้อนของผม  จับไอ้ป่วนนอนคว่ำ สอดมือเข้าใต้เอวแล้วยกตัวมันขึ้น

เพื่อให้ไอ้ป่วนชันเข่า  ค่อย ๆ กด หัวน้องชายมุดไปยังช่องหวาน อย่างอดทน

กลัวจะเผลอกระแทกแรงๆ จนคนตรงหน้าต้องเจ็บปวด

“อ๊ะ ...เอก  เบา ๆ ”ไอ้ป่วนว่า ผมค่อย ๆสอด  ค่อย ๆสอดอย่างใจเย็นจนหัวมุดเข้าไปได้

“อืมมมมมมม  ซีสสสส แน่น...โคตร ๆ .ว่ะ.”  ผมกัดฟันแน่น พยายามข่มอารมณ์ที่พุ่งพล่าน

ค่อย ๆ ดันเข้าจนสุด

“อ่าส์......นัย”  ผมครางเสียงต่ำ  ก้มลงไปดึงหน้าไอ้ป่วนขึ้นมาจูบ สูดดมซอกคอหอม ๆ นั่น

ไล่จูบไปทั่ว  ขบกัดเบา ๆ สองมือก็พลางลูบไล้  จนได้นัยผ่อนคลาย ผมค่อย ๆ ขยับ

เข้าออก เบา ๆ  จนไอ้คนข้างล่างก็เริ่มครางเสียว มันแอ่นสะโพกรับสัมผัสเต็มที่

ผมขยับเร็วขึ้น ๆ  เริ่มกระแทกจนคนข้างหน้าตัวโยน 

“อ่ะ  ซีสสสสสสสสส  อืมมมม  นัย”  ผมครางเรียกไอ้ป่วนดึงขึ้นมาจูบอีก

“ระ....เร็วอีก อืมมมมมม  แรง ๆ ... เอก”  และแล้วความอดทนทั้งหมดก็ขาดผึง

สองมือผมเลื่อนมากระชับแน่นที่สะโพกกลมกลึงนั่น   กระแทกทั้งเร็ว  และแรงใส่ไม่ยั้ง

“เอก..”

“อะ”

“อะ”

“อะ”   ไอ้นัยบิดเกร็งอีกครั้ง พ่นน้ำรักของมันอีกครั้ง ช่องด้านหลังมันบีบรัดแน่น

“อืมมมมมมมมมมมม  นัย”  ผมเสียวแทบกลั้นหายใจ ก่อนจะกระแทกแรง ๆ

แรงจนตัวทั้งตัวของไอ้ป่วนเซไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง มันหันมามองเคือง ๆ

ผมไม่สนใจกระแทกต่อ แรง ๆ อีกดอกสองดอก  เกร็งกระตุกปล่อยน้ำรักใส่ไอ้ป่วน

แล้วค่อย ๆ ถอนตัวออก ทิ้งตัวลงไปนอนหอบ แล้วดึงไอ้ป่วนมากอด  มันย่นปากใส่ผมเคือง ๆ

ที่ผมกระแทกแรงเกินไป ผมรีบอ้อนไอ้ป่วน  หอมแก้มแรง ๆ

“ขอโทษคร๊าบ...อย่าโกรธนะ ...นะ...นะครับ”   ผมอ้อน  ไอ้ป่วนไม่มองหน้าผม

ตวัดหางตาใส่  ผมดึงมันมากอดแน่น ๆ ขบที่คางมันเบา ๆ

“นะ..นะ  เดี๋ยวกุพาไปเลี้ยงข้าว ” ผมว่า  มันเหล่หางตามามองนิดนึง

ทำผมอมยิ้ม  รู้แล้วว่ามันเริ่มสนใจ

“อาหารอีสานที่มึงชอบไง  ร้านนั้นน่ะ  ที่มีไก่ย่าง แกงเรียง ชื่อร้านอะไรน๊า” 

ผมเกริ่นถึงร้านที่มันชอบ    แต่มันยังเงียบไม่ตอบ แต่สายตาเหมือน ๆ กำลังครุ่นคิด

“ร้านอะไรน๊า...ตรงเอกมัยอ่ะ  ชื่อร้าน  สบาย...สบาย” ผมว่า แกล้งจำชื่อร้านไม่ได้

“สบายใจไก่ย่าง”  ไอ้ป่วนว่า  (หึหึ..  ในที่สุดมันก็หลงกล  อยากกินหล่ะสิ)

“นะนะ  ไปด้วยกันนะ”  ผมอ้อนต่อ ซุกจมูกบนหัวไอ้ป่วนไปมา อย่างหยอกเย้า

“อืม” มันว่าพยายามทำหน้าตึง ทั้งที่หลุดยิ้มออกมาแล้วแท้ ๆ ยังแกล้งเก๊กไปงั้น

“ป่ะ ...อาบน้ำกัน”  มันเด้งตัวผึงวิ่งไปห้องน้ำเลย  เล่นทำผมขำพรืดดดดดดด

(หึหึ  ท่าทางมึงไม่อยากไปเลยใช่ไหม   ไอ้ป่วน)  ผมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะตามเข้าไป

รีบอาบน้ำกับไอ้ป่วน  มันหันมามองหน้าผม แล้วทำสีหน้าไม่พอใจ

“เร็ว ๆ ดิมึงอ่ะ”

“ทำไมหิวแล้วเหรอ”  ผมว่าขำ ๆ มันยักคิ้วตอบกวน ๆ

“กินกุก่อนมั้ย...นัย”  ผมว่าส่งสายตากรุ้มกริ่มอีกรอบ  มันหันมามอง ก่อนจะกระแทกศอกใส่

เบา ๆ  (เบา ๆ แต่ทำไมกุจุกว่ะ)  มันก็หน้าแดงหูแดงกันไป  (หึหึ น่ากินกว่าสบายใจไก่ย่างอีกนะมึง)

ว่าแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัว  ไปร้านที่ประทับจิตของไอ้ป่วนกัน  ทานอาหารเที่ยงเสร็จตอน 11 โมง

ก็ตรงไปที่มหาลัย วันนี้เป็นวันจันทร์ครับมีเรียนช่วงบ่าย ไปถึงประมาณเที่ยงครึ่ง

กำลังจะไปนั่งโต๊ะประจำหน้าคณะ  ก็เหลือบไปเห็นไอ้ปิงปองเดินมาเลยเดินไปหา 

"ไงมึง...ดีขึ้นยังวะ  อ่า..เอ่อทำใจได้รึยัง " ไอ้นัยทักขึ้นเสียงขาดช่วง น้ำเสียงมันเป็นกังวล

ผมแอบบีบมือมันแน่น ๆ มือไอ้ป่วนเย็นเฉียบ ส่วนไอ้ปิงปองอีกคนดูหน้ามันซีด ๆ   พอทัก

มันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หน้ามันก็แดงขึ้น  คงเป็นเพราะความโกรธ มันคงไม่อยากจะเอ่ย

ถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ 
 
"เออ ...พูดยากว่ะ   อย่าพูดได้มั้ยวะ กูอยากลืม  แต่แค่นี้กูไม่ตายหรอกเว่ย  " ไอ้ปิงปองตอบ

ทั้งที่สีหน้าและแววตาของมัน กำลังบอกว่า  มันอยากจะตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไป ชัด ๆ

ยังจะทำปากดี ตีฝีปากว่ามันไม่เป็นอะไร

"พวกมึง.........ช่วยไรกูหน่อยดิ" ไอ้ปิงปองเอ่ยปากขึ้น  ผมกะไอ้นัยมองหน้ากัน

เลิกคิ้วเป็นเครื่องหมาย Question Mark? มันจะให้ช่วยอะไรว่ะ

หรือว่า...หรือว่า  มึงจะให้พวกกุเก็บไอ้เป้   (ว่าแต่กุจะเอามันไปเก็บไว้ไหนดี)

ไอ้นัยหน้าเจื่อน สีหน้ามันไม่สู้ดีนัก  ผมเองก็ไม่อยากจะฮามากไปกว่านี้

พอเห็นหน้ามันทีไร ขำไม่ออกทุกที  ไอ้ความเป็นห่วงมันพุ่งขึ้นมาชนที่หัวใจ

ซึ่งตอนนี้พลอยเต้นแรงไปด้วยกับมัน

"กูยังไม่อยากเจอหน้ามัน  มึงช่วยกูหน่อย"  ไอ้ปิงปองบอกวัตถุประสงค์ หรืออีกอย่างคือ

แจ้งความจำนงค์ให้พวกผมรับทราบกัน  ได้ฟังแล้วเล่นเอายืนไม่ติดที่เลยทีเดียว

จะถึงขนาดต้องตัดเพื่อนเลยรึเปล่าวะ  ผมไม่กล้าคิด  แต่ผมว่าไอ้คนข้าง ๆ ผม แม่งคงคิดไปแล้ว

มือมันสั่นนิด ๆ บีบมือผมกลับแน่น ๆ ก่อนจะปล่อยเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุมากนัก

"เหี้ยไรวะ........เพื่อนกัน กูรู้ว่ามึงเสียใจ แต่มึงก้อให้อภัยมันไม่ได้เลยเหรอ คบกันมาเป็นสิบปี

แม่งจะมาเลิกคบกันเรื่องผู้หญิงคนเดียวอ่ะ อ่า...ยังไงซะก้อไม่ใช่ความผิดไอ้เป้ซะทีเดียว อ่ะนะ "

ผมเอ่ยขึ้น พอนึกได้ว่าไม่น่าพูด ก็เลยหน้าเจื่อนนิด ๆ หันไปมองไปป่วนที่มองมาตาเขียว

พร้อมกับคำด่าทางสายตาที่ว่า  “แล้วมึงจะไปย้ำทำเหี้ยไร” ส่งกลับมาให้ผม แต่มันไม่มองเฉย ๆ

“จิ๊  เหี้ยนี่ ...”  ไอ้ป่วนด่า  แล้วฟาดแฟ้มที่มันถืออยู่มาเต็ม  ๆ ที่หัวผม 

(กุว่าแล้ว...ทำไรเจ็บตัวฟรีตลอดศก   )

“โอ๊ย........... เชี่ยเจ็บ” ผมร้องเสียงหลง เอามือลูบหัวตัวเองป้อย ๆ หันมามองหน้าไอ้นัย ค้อนน้อย ๆ

“อ้าว!!  ก้อปากดีทำไมอ่ะมึง”  ไอ้ป่วนว่า  ก่อนจะโอบมือวางบนไหล่ไอ้ปิงปอง แบบให้กำลังใจ

(ขอเน้นครับ  ...แค่ให้กำลังใจเฉย ๆ  หึหึ  อย่ามากกว่านี้นะมึง  ไอ้ปิงปองยิ่งน่ารักอยู่)

“มีไรให้พวกกูช่วยบอกมาได้เลย... แต่กูเตือนไรมึงอย่าง มึงจะทำใจนานแค่ไหนก้อได้ แต่มึงต้องกลับมา

เป็นเหมือนเดิม  มึงเข้าใจนะ”  ไอ้ป่วนของผมบอก จ้องหน้าไอ้ปิงปองเขม็ง มันที่ทั้งมือสั่น หน้าซีดเมื่อกี้นี้

ยังมีสติได้ขนาดนี้  มันพยายามทุกอย่างที่เห็นว่าพอจะทำได้  ทำให้เราทุกคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม

แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหรือวิธีไหน  สิ่งที่อยู่ในใจมัน  ...ก็คงเป็นสิ่งนี้ เพื่อน ...ก็คือเพื่อน  และ

คงอยากจะอยู่เป็นเพื่อนกันตลอดไป เมื่อมันส่งเจตนาที่ดีขนาดนี้ผมจะไม่สนับสนุนมันได้ไง

ถึงยังไงทั้งไอ้เป้และไอ้ปิงปองมันก็เป็นเพื่อนผมเช่นกัน  อย่างน้อยผมเองก็หวังลึก ๆ

ว่าอยากให้พวกเราทุกคนรักกันเหมือนเดิม  ถึงผมกับไอ้นัยจะรักกันเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว

เพราะตอนนี้ผมรักมัน...มากกว่าเดิม   และไม่ได้รักมันในฐานะเดิม  แต่อย่างน้อย ๆ

ผมก็อยากให้ทุกคนยังคงเป็นเหมือนเดิมเป็นเพื่อนรักกันอย่างนี้ต่อไป

“เออ .. กูเห็นด้วย  มึงอย่าลืมหล่ะ พวกเราสี่คนคบกันมานานแค่ไหน  ยังไงกูก้อยังอยากให้พวกเรา

กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” ผมย้ำ เอื้อมมือไปกอดคอไอ้ปิงปองอีกข้าง มันพยักหน้ารับรู้

แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะรับปาก  คงกำลังพยายาม   ถ้าเป็นผมก็คงยากเช่นกัน

ไม่ใช่แค่มันหรอก   ความไว้เนื้อเชื่อใจ  ความศรัทธา  มันค่อย ๆ สร้างขึ้นมาด้วยเวลา

และการกระทำ  ในเมื่อวันนี้การกระทำต่างๆ ได้ทำลายความศรัทธาที่สั่งสมมาเป็นสิบๆ ปี

ให้พังทลายลงไป   ก็ไม่ใช่ว่ามันจะกลับคืนมาได้ในคืนเดียวซะหน่อย 

ผมเองยังคิดไม่ออกว่า ไอ้เป้มันจะทำยังไงให้ไอ้ปิงปองกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหตุผลที่มากมาย   ไม่ว่าจะสมเหตุสมผลหรือเปล่าก็ไม่สำคัญ

สำคัญที่ว่าไอ้คนตรงหน้านี้มันพร้อมจะฟังรึเปล่า  พร้อมที่จะฟังเหตุผลจริง ๆ

หรือจะคิดว่านี่คือคำแก้ตัวกันหล่ะ    แค่คิดก็ปวดหัวแล้วครับ  เรื่องของจิตใจจะห้าม

จะบังคับกันมันคงไม่ได้จริง ๆ 

“อืม ขอเวลากูหน่อย  กู..จะพยายาม”  ไอ้ปิงปองตอบในที่สุด  หลังจากเงียบอยู่นาน

ผมกับไอ้นัยส่งยิ้มให้กัน  อย่างน้อยนี่ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่สุดแล้วตอนนี้ 

แค่มันบอกว่าจะพยายาม ก็ทำให้สีหน้าไอ้ป่วนของผมดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ

หน้าทีซีดเมื่อกี้ดูปกติขึ้น มันยิ้มออกนิด ๆ นั่นก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาก

“อืมม......ถ้างั้นตกลง” ผมตอบ ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้นัยเลิกคิ้วเป็นคำถาม                           

“อ่ะ...เอ่อ ...อืมมมม  ช่วยก้อช่วยว่ะ”  ไอ้นัยตอบลังเลเล็กน้อย หันหน้าไปมองไอ้ปิงปอง

มันคงคิดว่าถ้าช่วยหลบขนาดนี้  แล้วพวกมันจะคืนดีกันได้ไหม ผมเองก็แอบหวั่น ๆ

แต่ในใจหนึ่งก็กลับคิดว่า  อย่างนี้คนเราก็คงต้องการพื้นที่ส่วนตัวในการคิดทบทวน

หรือแม้แต่ทำใจ  ...การจะก้าวไปข้างหน้า  ก็ต้องเดินข้ามอุปสรรคที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ได้ก่อน

เวลา...อาจจะเป็นยาที่ดีที่สุดในการรักษาคราวนี้ก็ได้  อย่างน้อย สิ่งดี ๆ หลายๆ อย่างที่ผ่านมา

ก็คงจะทำให้มันพอที่จะอภัย  และเิดินข้ามอดีตอันเจ็บปวดไปได้ (กุหวังให้เป็นยังงั้นว่ะ ...ไอ้ปิงปอง)

“ขอบใจว่ะ” ไอ้ปิงปองส่งยิ้มตอบ  เหมือนๆ กับว่ามันโล่งอก

จากนั้นก็แยกกันไปห้องเรียน ไอ้นัยกับไอ้ปิงปองเรียนห้องเดียวกันมันก็แยกไป

ส่วนผมก็ไปที่ห้องผม  ไปถึงก็เจอได้เป้รออยู่แล้ว  ... มันนั่งหน้าเครียด 

คล้าย ๆ กับอดนอนมาหลายวัน

“ไงมึง...หน้าโทรมเชียว”  ผมทักขึ้น

“เออ...นอนไม่หลับว่ะ” มันตอบ

“มึงเคลียร์กับไอ้ปิงปองไม่จบสินะ” ผมว่า

“อืม...มันหลายๆ อย่างว่ะ กุไม่รู้จะพูดยังไง  ว่าแต่มึงเจอมันรึยัง” ไอ้เป้เอ่ยถายขึ้น

“อืม  เจอ  ก็คุยอะไร ๆ กันหลายอย่าง  เฮ้อ....”ผมถอนหายใจยาวเริ่มรู้สึกเหนื่อยแทนไอ้เป้

เสียอย่างนั้น  ผมมองมันนึกไม่ออกว่าควรจะบอกมันยังไง แล้วจะบอกมันดีรึเปล่า

เรื่องที่ไอ้ปิงปองมันขอความช่วยเหลือ ถึงยังไงมันก็เพื่อนทั้งสองคน 

“มันหลบหน้ากุ...มึงรู้ใช่ไหม”  ไอ้เป้ว่า  หันมาสบตาผมคาดคั้นเอาความจริง

“เฮ้อ.....”  ผมถอนหายใจอีกครั้ง หันไปมองตอบมันก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบ

“มันขอให้พวกมึงช่วยสินะ...” ไอ้เป้  เดาถูกทุกอย่าง  สมแล้วที่พวกมึงเป็นเพื่อนสนิทกัน

ผมมองตอบได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ  รู้สึกผิดนิด ๆ ที่แพร่งพรายความลับ

ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยกุก็ไม่ได้ พูดมันคิดของมันเองทั้งนั้น 

แค่บังเอิญ...ไปพยักหน้าตอนมันถามพอดี  (เป็นเรื่องบังเอิญสุด ๆ อ่ะ จริง ๆ นะ)

“แล้วพวกมึงก็ช่วย..” มันยกคิ้วเป็นคำถาม

“อืม...แล้วพวกกุมีทางเลือกไหม”ผมว่า  หันไปถามมันตรง ๆ

“คราวนี้มึงผิด  หรือมึงจะเถียง” ผมต่อว่ามันอีก

“อืม...กุไม่เถียง  คราวนี้ผิดจริงๆว่ะ”  ไอ้เป้ตอบก้มหน้าก้มตา มองเท้าตัวเองที่เขี่ยพื้นไปมา

สีหน้าสลดอย่างบอกไม่ถูก  เหมือนกับจนหนทางที่จะแก้ปัญหา

“กุยังเป็นเพื่อนมึงอยู่รึเปล่า” ไอ้เป้ถามขึ้น  ผมพยักหน้าตอบ

“แล้วมึงจะช่วยกุบ้างได้ไหม” มันว่า น้ำเสียงเหมือนขอความเห็นใจ กึ่ง ๆ ขอร้อง

ผมหล่ะแปลกใจ ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยมีครั้งไหนที่มันจะยอมขอร้องใคร 

มันคนที่ไม่เคยพึ่งใครมีแต่เป็นที่พึ่งของคนอื่น  ยอมลงทุนขอร้องผม 

(แล้วกุจะไม่ช่วยมึงได้ไงว่ะ....มึงเล่นขอมางี้ ก็ต้องกล้าช่วยดิเนี่ย  จะโดนไอ้ปิงปองด่าป่ะว่ะ)

“มึงจะให้กุช่วยยังไง” ผมยกคิ้วเป็นเครื่องหมายคำถาม  สีหน้าก็ยังคงแสดงความแปลกใจไม่น้อย

กับการขอร้องในครั้งนี้  (มึงยอมขนาดนี้...เพื่อไอ้ปิงปองเลยเหรอว่ะ)

“แค่บอกกุว่ามันอยู่ไหน...แค่นั้นก็พอ”  มันตอบ ยังส่งสีหน้าขอความเห็นใจมาที่ผม

“เฮ้อ.............งานเข้ากุหล่ะทีนี้  นกสองหัวของจริง”  ผมรำพึงรำพันกับตัวเอง

หันไปมองหน้ามันเซ็ง ๆ นึกถึงตอนโดนไอ้ป่วน กับไอ้ปิงปองจับได้

(โดนหนักแน่กุ................คิดแล้วเหมือน ๆ ตัวเองจะชะตาขาด แต่เพื่อให้พวกมันคืนดีกัน

ผมยอมครับ  ^^’)

“เออ  ..กุจะช่วยแต่มึงต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ” ในที่สุดก็ตอบตกลงไปจนได้

“อืม”  ไอ้เป้พยักหน้าตอบ  หน้าเศร้า ๆ เมื่อกี้มันหายไปไหนว่ะ  มีแต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์

ผมเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองหลงกลมันรึเปล่าที่รับปากไปอย่างนั้น สีหน้าและแววตา ที่ดีใจสุดๆ

และดูจะโอเวอร์ไปหน่อย  เหงื่อผมเริ่มตกนิด ๆ ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อท่านอาจารย์ที่เคารพ

ก็เดินเข้ามาในห้อง แล้วสติสัมปชัญญะทั้งหมดที่ผมมีก็พุ่งไปที่ท่านอาจารย์ทั้งสิ้น

แม้จะเกิดความงงงวยสงสัยขึ้นเล็ก ๆ ในใจก็ตาม

------------------------------------------------------

TeuyHom

  • บุคคลทั่วไป
เป้สู้ๆๆนะ ขอให้เคลียร์กันได้หละ

เป้รักปิงปองอ่ะป่าวน๊าาาา.....อิอิอิ

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่ 10 ซ่อน  (Part 2)

จบคลาสที่อาจารย์ที่เคารพรัก  เพราะท่านเข้มงวดมาก ถ้าเกิดไม่สนใจ

ชีวิตนี้อาจจะหาไม่ได้  แต่คงต้องยกเว้นไอ้เป้  ไอ้นี่เป็นศิษย์รักของท่านครับ

เรียกได้ว่ามีอภิสิทธิ์พิเศษอย่างเห็นได้ชัด  ไม่ว่าจะทำอะไร

ท่านไม่เคยจะตำหนิ  อาจจะเพราะแม่งเก่งเทพเหลือเกิน 

คาดว่าเรียนจบคงไม่พ้นเกียรตินิยมเหรียญทอง ผมมองหน้ามันที่อมยิ้มนิด ๆ

อย่างแปลกประหลาดใจ  ดีใจอะไรหนักหนาว่ะ 

“มึงโทรไปบอกมันได้เลย  ...ว่ากุกำลังไป”มันหันมาสั่ง

เก็บของวิ่งตัวปริวออกนอกห้องเรียบร้อยแล้ว  ผมกดโทรหาไอ้ปิงปองทันที

หน้าเสียนิด ๆ ไม่รู้ไอ้เป้มันคิดอะไรอยู่  ได้ยินเสียงรอสาย

..

“เธอมีคนนั้นแต่ชั้นไม่เหลือใคร เธออยู่กับเขาฉันเหงาสุดหัวใจ ลืมตาก็คิดหลับตาก็ฝัน

มันทรมานเหมือนตาย ในคืนเดียวกันฉันเหงาสุดหัวใจ เธอคงกอดเค้าจนความหนาวคลาย

ทนกอดตัวเองแต่กอดยังไงกอดไปก้อไม่อุ่น

“อืม...ว่าไง”มันรับสาย

“มันกำลังไป...เอาไง” ผมบอก ในใจก็ลุ้นระทึก แม่งมันไปถึงรึยังวะ

“อืม..ขอบใจ กูกลับก่อนแล้วกัน ค่อยเจอกันพรุ่งนี้”  ไอ้ปิงปองว่า

“เออ” ผมตอบ   ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เหมือน ๆ มันจะเข้าตัวตลอด

ผมไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไร  จนไอ้นัยมาเล่าให้ฟังทีหลังว่าพอไอ้ปิงปองวางสายผมปุ๊บ

ไอ้เป้ก็โผล่มาพอดี แต่ไอ้ปิงปองมันไหวตัวทัน  ชิ่งหนีแบบเฉียดฉิว

เห็นแต่ไอ้เป้ทำหน้าเศร้า แล้วก็หนีกลับไปทันที  ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น 

แต่ถ้าให้พวกผมเดา  มันก็คงไปตามหาไอ้ปิงปองที่คอนโดนั่นแหล่ะผมว่า

ผมกดเบอร์ไอ้ปิงปอง  ....คาดว่าตอนนี้มันคงถึงคอนโดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ฮัลโหล” ไอ้ปิงปองรับสาย

“ไง...มึงอยู่ไหน” ผมถามด้วยความรู้สึกเป็นห่วง

“อยู่ห้องว่ะ...วันนี้ขอบใจนะ” มันตอบเสียงแผ่ว  ผมเดาไม่ถูกว่ามันดีใจ หรือเสียใจ

กันแน่  ที่คอยหลบไอ้เป้ 

“อืม” ผมตอบเสียงเนือย ๆ 

“มึงแน่ใจแล้วเหรอ  ที่ซ่อนตัวแบบนี้”  ผมถามมันต้องการความแน่ใจ

“อืม...ขอเวลากุหน่อยว่ะ”  มันตอบ  ทั้งที่เงียบเสียงไปนาน เหมือนมันค่อย ๆ

กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  ถ้าผมเดาไม่ผิดน้ำเสียงมันดูสั่น ๆ

(ก็ถ้ามึงเสียใจขนาดนั้น ทำไมมึงไม่คุยกันให้รู้เรื่องเลยว่ะ ปิงปอง)

ผมได้แต่คิด แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะพูดอย่างนั้น

มันอาจจะเป็นแค่ความคิดของผมคนเดียวเท่านั้นเองก็ได้ แต่ผมว่าผมคิดไม่ผิด

“อืม...ถ้ามึงแน่ใจอย่างนั้น   ก็ตามใจ ถ้ามีอะไร  อย่าลืมมึงยังมีกุกะไอ้นัยอยู่นะเว้ย”

ผมย้ำเสียงเข้ม  จริงจังรู้สึกเป็นห่วงมันอยู่เหมือนกัน

“เออ...ขอบใจพวกมึงมาก  กุไม่เป็นไร  ไม่ต้องห่วง” มันตอบน้ำเสียงแผ่วเบา

“อืม ...แค่นี้แหล่ะ” ผมว่า  และกดวางสายในที่สุด 

และกดอีกเบอร์ที่คุ้นเคย  รอไม่นานปลายสายก็รับสายอย่างรวดเร็ว

ราวกับรออยู่ก่อนแล้ว

“มึงอยู่ไหน” 

“กำลังขับรถไปคอนโดไอ้ปิงปอง  มันอยู่ที่นั่นใช่มั้ย”

“หึหึ ...มึงก็รู้อยู่แล้วนิ” ผมตอบ รู้สึกขำที่มันโคตรจะรู้ใจไอ้ปิงปอง แต่ยังมาขอร้องผม

“กุแค่อยากแน่ใจ ..ขอบใจว่ะเพื่อน”  มันกรอกเสียงมา

“อืม ...มึงมีแผนแล้วเหรอเป้”ผมถามอย่างสงสัย

“ยัง” มันตอบสั้น ๆ

“เอ๊า...แล้วมึงจะทำยังไง”

“ไม่รู้...กุรู้แต่กุจะรอ   รอจนกว่ามันพร้อมจะฟังกุ” มันตอบในที่สุด

“แล้วมึงจะรอถึงเมื่อไหร่กันวะ” ผมสงสัย กับการรอคอยแบบไร้จุดหมายเช่นนั้น

“จนกว่ามันจะฟังกุ  นานแค่ไหนกุก็จะรอ”  มันตอบเสียงหนักแน่น

“มึงว่ามันจะยอมฟังมึงเหรอว่ะ เป้” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย  เรื่องที่เกิดไม่ใช่เล็ก ๆ

ถ้าเป็นผม  ...  ผม...จะยอมฟังมันรึเปล่านะ  คำตอบเหรอ...ยากว่ะ

“ฟัง...มันต้องฟังกุแน่ ๆ  ถ้ามันยังเห็นกุเป็นเพื่อนมันอยู่” ไอ้เป้ตอบน้ำเสียงค่อนข้างเชื่อมั่น

ผมหล่ะกลัวว่าสิ่งที่มันคิดจะไม่เป็นจริง   กลัวความเชื่อมั่นของมันถ้าไม่สมหวังแล้วจะพังไม่เป็นท่า

แต่ในใจก็หวังให้เป็นอย่างที่มันคาดหวังเช่นกัน    ผมลอบถอนใจน้อย ๆ

(เร็ว ๆ นะเป้ กุอยากได้เพื่อนคนเดิมกุกลับมาเร็ว ๆ)

“อืม  ...โชคดีว่ะเป้”  ผมว่า  และวางสายไปในที่สุด ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นไอ้ป่วน

กำลังวางแผนอะไรสักอย่างเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ภูเขา, น้ำตก,  +มิตรภาพ

ผมมองงง ๆ ดูแล้วไอ้อันสุดท้ายไม่ค่อยจะเกี่ยวกัน มิตรภาพระหว่างเพื่อน  ผมนั่งลงข้าง ๆ

เอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มที่ว่ามาดู แล้วก็ดูไอ้สถานที่ท่องเที่ยวที่ไอ้ป่วนเพียรหา

มึงไม่ดูสถานการณ์เลยมั้ย จะไปเที่ยวกันตอนนี้  เพื่อนแม่งทะเลาะกันจนไม่มองหน้าอยุ่แล้ว

“ทำอะไรว่ะ ..นัย”  ผมถามขึ้นอย่างสงสัย  เงยหน้ามองไอ้ป่วนที่ดูจริงจังเกินไปกับเรื่องเที่ยว

“กุกำลังวางแผน...และมึงก็ต้องช่วยกุด้วย” มันว่าหน้าตาขึงขัง จนผมแปลกใจ

“แผนอะไรของมึงว่ะ ...แผนท่องเที่ยวนี่นะ” ผมว่า ทำหน้าสงสัยส่งไปอีก

“มึงยังไม่ต้องรู้หรอก  ...มึงรอไปก่อน กุยังตัดสินใจไม่ถูก”ไอ้ป่วนหันมาตอบทิ้งปริศนาไว้ให้ผม

(ว่าแต่ แค่ไปเที่ยวมึงถึงขนาดทำหน้าซีเรียสขนาดนี้เลยเหรอวะนัย  ทั้งที่ตอนกลางวัน

มึงยังทำหน้าเครียดเรื่องเพื่อนอยู่เลย  ตอนนี้หันไปสนเรื่องเที่ยวซะแล้ว  =.= )

“เหรอ...เออมึงตัดสินใจได้ก็บอกกุแล้วกัน” ผมตอบ แล้วเลิกสนใจ

เดินไปอาบน้ำเสร็จไอ้ป่วนก็ยังวนเวียนอ่านหนังสือที่ว่า วนไปวนมา

เดี๋ยวหยิบเล่มนั้นอ่านเล่มนี้ อยู่อย่างนั้น    จนผมต้องลากมันไปอาบน้ำ

และบังคับให้นอน  มันถึงยอม แต่ก็หันมามองผมค้อน ๆ   ผมแกล้งไม่สนใจ

นอนกอดไอ้ป่วนอยู่ในอ้อมกอด 

“มึงว่าไอ้ปิงปองจะยอมให้อภัยไอ้เป้มั้ย” มันถามทั้งที่ซุกหน้าอยู่กับอกผม

วันนี้ไม่มีน้ำตา  แต่ว่าคำถามคำนี้วนมาอีกแล้ว  ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่

แต่ไม่มีครั้งไหนที่มันไม่กังวล น้ำเสียงสั่นเล็ก ๆ จนผมสับสน

(เมื่อกี้มึงยังตั้งอกตั้งใจหาที่ท่องเที่ยวอยู่แท้ ๆ พอนอนกอดกุนี่เครียดขึ้นมาทันที)

แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ตอบ แต่เปลี่ยนเป็นกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

กดจูบเบา ๆ ที่หัวไอ้ป่วน  ลูบหัวมันเบา ๆ ทำได้แค่ปลอบใจจริง ๆ ครับ

เพราะผมไม่รู้คำตอบจริง ๆ ผมไม่ใช่ไอ้ปิงปอง  คงมีแค่มันที่จะตอบได้ว่า

ในที่สุด คำว่า”เพื่อน”  จะสิ้นสุด  หรือ จะยังมีมันต่อไป

“นอนเถอะนัย  มึงเครียดไปก็เท่านั้น พวกมันเครียดกันเองก็จะแย่อยุ่แล้ว

ยังจะต้องมาเห็นหน้าเครียด ๆ ของมึงอีก แทนที่พวกมันจะดีขึ้น

กุว่าพวกมันคงจะรู้สึกผิดมากขึ้นที่ต้องทำให้มึงเป็นแบบนี้

มึงยิ้มได้มั้ยวะนัย  มีความสุขเผื่อพวกมัน  มาช่วยกันหาทางให้

พวกมันคืนดีกันดีกว่า  ถ้าแม้แต่มึงก็ยังหมดหวังหมดกำลังใจ

แล้วจะมีใครมาคอยช่วย ให้ไอ้สองตัวนั่นคืนดีกัน  หายโกรธกันล่ะวะ”  ผมว่า

กอดไอ้ป่วนแน่น ๆ โน้มน้าวให้มันเห็นด้วย  อยากให้มันใจเย็นลงอีกสักนิด

“อืม...กุก็รู้ แต่...”มันตอบเสียงแผ่ว

“ไม่มีแต่...มึงต้องทำให้ได้ด้วย” ผมว่า ดันตัวไอ้ป่วนออกให้เงยหน้ามามองผม

ผมกดจูบเบา ๆ ที่หน้าผากมันส่งสายตาที่แสนห่วงใยไปให้ 

มันมองผมนิ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ  ราวกับเป็นเรื่องยากหนักหนาที่จะรับปากผม

“อืม” ไอ้ป่วนตอบเสียงเบา   ซุกหน้ากับอกผม  ผมกอดมันแน่น ๆ เช่นเดิม

“กุรักมึงนะนัย   และกุก็ไม่มีความสุขที่เห็นมึงทำหน้าทุกข์ใจอย่างนี้

เวลามึงเจ็บกุก็เจ็บ  เวลามึงปวดกุก็ปวด เวลามึงเสียเศร้าใจ

มึงรู้ใช่มั้ยว่ากุ ก็ไม่ต่างจากมึง  กุก็รู้สึกเป็นนะนัย  แค่กุไม่แสดงมันออกมา

มึงอย่าแคร์แต่คนอื่น  แค่รักตัวเองบ้าง..จะได้มัยวะนัย” ผมพูดเสียงแผ่ว

อยากให้คนในอ้อมกอดรับรู้ความรู้สึกผมบ้าง

“ขอโทษ...” มันตอบเสียงอู้อี้ น้ำตาร้อน ๆ ซึมพอให้รู้สึก มันกอดผมแน่นขึ้น

แค่นี้ก็ดีใจแล้ว  ...ผมก็แค่รักมันมาก  และไม่อยากเห็นมันเศร้าเป็นหมาเหงาขนาดนี้

รู้ทั้งรู้ว่ามันห้ามตัวเองไม่ได้  แต่อย่างน้อยช่วยรักตัวเองกว่านี้ได้มั้ยวะนัย....กุขอร้อง
.
.
.
2 อาทิตย์ผ่านไป  ทุก ๆ อย่างเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน ๆ เหมือนเป็นวงจรชีวิตสัตว์โลก

-ตอนเช้า  ผมกับไอ้นัยจะนัดเจอไอ้ปิงปองที่ม้าหินอ่อนที่เรานั่งกันประจำ

              โดยที่ไอ้เป้จะตรงไปที่ห้องเรียนและนั่งรอผมที่นั่น  ถามคำถามเดิม ๆ ทุกวัน

              “ไอ้ปิงปองเป็นไง? สบายดีมั้ย? มันถามถึงกุรึเปล่า?กินเข้าเช้ารึยัง? กินกับอะไร? “

              พร้อมกับคำตอบเดิม ๆ “ปกติ-ก็ดี-ปล่าว-กินแล้ว-ไม่รู้”

-ตอนเที่ยง  เป็นไอ้ปิงปองที่หนีไปกินข้าวกับเพื่อนกลุ่มอื่น นอกมหาลัย

                ไอ้เป้ได้แต่ชะเง้อหา  กับคำถามที่ 

                 “มันไปกินข้าวที่ไหน? กับใคร? นัยทำไมมึงไม่ไปเป็นเพื่อนมัน?”

              พร้อมกับคำตอบเดิม ๆ เช่นเคย “ข้างนอก-กับเพื่อนกลุ่ม บลา~บลา~บลา~-

               มันบอกไม่ต้องก็ได้”

-ตอนเย็น    “ไอ้เป้จะหันมาสั่งมึงโทรไปบอกมันได้เลยว่ากุกำลังไปหา” พร้อมกับวิ่งหางจุกตูดออกไป

                  ผมกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ปิงปอง “มันไปแล้วนะ”  “อือ..ขอบใจ เจอกันพรุ่งนี้”

                  ไอ้ปิงปองวิ่งหนี ทันบ้าง ไม่ทันบ้างแต่มีไอ้นัยช่วยขวาง ซึ่งมันก็รอดตัวทุกที

                    ไอ้เป้ทำหน้าเศร้าเป็นหมาหงอย ออกไปขับรถตามกลับไปที่คอนโดไอ้ปิงปอง

ตอนค่ำ  ผมกดโทรไปหาไอ้ปิงปอง  “มึงอยู่ไหน” “อยู่ห้อง วันนี้ก็ขอบใจนะ” “อืม”

             ผมวางสาย  กดโทรหาไอ้เป้  “มันอยู่ไหน” “มันอยู่ห้องอ่ะมึง”

            ไอ้เป้ไปยืนเฝ้าหน้าห้องไอ้ปิงปองทุกวัน  อยู่อย่างนั้น จนทุกวันนี้

   
ไอ้สเต็ปที่ว่าทำผมเบื่อจนแทบคลื่นไส้  พวกมึงเป็นอะไรกันมากมั้ย  กุเหนื่อย

แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องยุติ  เมื่ออีก 2 อาทิตย์จะถึงเวลาสอบ mid term

ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ไอ้สองตัวนั่น ต่างคนต่างวุ่นเรื่องสอบ ผมกับไอ้นัย

ติวหนังสือกันอย่างวุ่นวาย  เรื่องอย่างว่านะเหรอครับ หึหึ ก็มีบ้าง

แต่น้อยมาก 2 อาทิตย์นี่ แค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นครับ  สงสารไอ้ป่วนดูมันเหนื่อย

ผมเองก็เหนื่อย ๆ เช่นกัน  ส่วนไอ้เป้กับไอ้ปิงปองที่ปกติจะติวหนังสือด้วยกัน

ก็ขอติวเดี่ยวๆ กันไป ผมกับไอ้นัยเองก็ต้องเลิกสนใจพวกมันไปสักพัก

จนถึงเวลาสอบ แล้วก็ปิดเทอม  ผมถูกเรียกตัวให้กลับบ้านด่วนครับ

เพราะคุณปู่ไม่สบาย  สอบเสร็จก็ตรงกลับบ้านปู่ที่เชียงใหม่เลย 

ทำได้แค่จูบลาไอ้ตัวป่วนอย่างเสียดาย

 (ในใจนี่คิดจะจัดเต็มซะหน่อย เฮ้อ..........เสียดาย)

 ผมบอกให้มันตามไปที่เชียงใหม่ด้วย แต่มันก็ต้องกลับบ้าน 

พ่อกับแม่มันไปเที่ยวต่างประเทศ เหลือน้องสาวน่ารัก ๆ อยู่บ้านคนเดียว

มันก็ต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนด่วนเช่นกัน น้องสาวมันติดครอบครัวมากๆ

ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่  ยังไงพี่อย่างมันต้องไปสแตนด์บายเป็นเพื่อนครับ

และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไป ปิดเทอม 2 เดือน  เหลือเวลาอีก 2 อาทิตย์ก็จะเปิดแล้ว

ช่วงปิดเทอมผมกับไอ้นัย โทรคุยกันทุกวัน ผมก็แอบลวนลามทางคำพูด

ยิ่งพูดยิ่งคิดถึงครับอยากกอดไอ้ป่วนของผมเหลือเกิน 

“เป็นไงสบายดีมั้ย?  คิดถึงกุป่าว? กินข้าวรึยัง? 

นอนเร็ว ๆ นะเดี๋ยวไม่สบาย อย่าลืมห่มผ้าหล่ะ?”

คำถามมากมายที่ผมกับมันผลัดกันถามผลัดกันตอบ

และมักจะลงท้ายด้วยคำว่า  “อยากกอดมึงว่ะ , อยากจูบว่ะ” จากผมเสมอ

พ่อแม่ไอ้นัยกลับมาแล้ว หลังจากไปตะลุยทั่วญี่ปุ่น

ช่างเป็นการฮันนีมูนที่มีความสุขเหลือเกิน  พ่อกับแม่มันน่ารักครับ

ชอบแอบหนีลูก ๆ ไปเที่ยวกันสองคน  แล้วก็ทิ้งน้องสาวไว้ให้ไอ้ป่วนผมดูแล

แต่กลับมาก็จะมีของฝาก ๆ ที่ลูก ๆ เห็นแล้ว ลืมเรื่องงอนไปเลยหล่ะครับ หึหึ

ส่วนคุณปู่ผม  ตอนนี้สบายดีแล้วท่านเป็นโรคหัวใจครับ ช่วงที่แล้วพักผ่อนไม่พอ

เลยทำให้อาการกำเริบ แต่พักนิดหน่อยก็หายครับ ปกติคุณปู่ท่านดูแลตัวเองดีมาก

ที่สำคัญ เหล่าบรรดาน้า  ๆ ทั้งหลายก็ดูแลท่านเป็นอย่างดี  ผมตั้งใจจะกลับ กทม.

พรุ่งนี้  และแน่นอนไอ้ป่วนก็กลับมาเช่นกัน  ส่วนเรื่องไอ้เป้กับไอ้นัย ไม่ต้องพูดถึงครับ

แม่งหายหัวยกแพ็คเกจเลย โทรหาใครไม่มีคนรับสักคน แม่งตายกันหมดแล้วป่ะวะ

ทั้งผม ทั้งไอ้นัยนึกฉุน  ที่ไม่สามารถรู้ชะตากรรมเพื่อนสนิทได้  ทั้ง ๆที่เป็นห่วงมาก ๆ

แต่สุดท้ายก็เลิกโทรพวกมัน  กะว่าจะไปบุกห้องแม่งเลย ปกติไอ้สองคนนี้ไม่กลับบ้านอยู่แล้ว

ไอ้ปิงปองมักจะไปซ้องแบต ไอ้ปิงปองก็ตามไป หรือไปออกค่าย  อะไรก็แล้วแต่ที่ทำได้

พวกมันทำหมด 

.
.
ผมนั่งเครื่องบินมาถึง กทม. บ่าย 3.30 น.  ยังไม่ได้เช็คเอ๊าไปไหน  รออีก 20 นาที

โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น 

“ฮัลโหล...อยู่ชั้นไหน  อืม  ได้เดี๋ยวกุไปหา”  ผมวางสาย เดินไปหาไอ้ป่วนที่พึ่งมาถึง

ก่อนจะตรงไปที่แท็กซี่มิเตอร์ที่ให้บริการที่สุวรรณภูมิครับ  ขับตรงไปยังคอนโดผม

เราสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  ไปหาข้าวกิน...  วันนี้ผมกับมันไปที่ตลาดนัด

แถว ๆ ในซอย เค้ามีอะไรขายเยอะแยะครับเราก็เดินเล่นเพลิน ๆ ก่อนจะซื้อนั่นซื้อนี่กินจนอิ่ม

กลับมาห้อง ก็มานั่งดูหนังที่ห้องดูทีวี จิบเบียร์เย็นกัน จนดึก  ผมหันไปจูบไอ้ป่วนเบาๆ

ดูเหมือนมันเองก็รอสัมผัสผมเช่นกัน  คิดถึงเหลือเกิน  ไม่เจอเกือบ ๆ สองเดือน

ใจแทบขาด  ริมฝีปากอุ่นกำลังดูดดื่มกันอย่างเร่าร้อนไม่มีใครยอมใคร

สัมผัสที่เหมือนกับไฟ ทว่าเป็นไฟแห่งแรงปรารถนา  ที่เปลวเพลิงโหมกระหม่ำ

ราวกับจะทำให้อีกฝ่ายมอดไหม้ ไปเพียงเพราะสัมผัสเร่าร้อน ก่อนจะกระชาก

สวรรค์ให้มาอยู่ตรงหน้า  พันธนาการที่เกี่ยวกัน ก่อนจะพ่นน้ำรักอย่างสุขสม


ผมกับไอ้ป่วน กระพือไฟแห่งแรงปรารถนาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกือบเช้า

ก่อนจะผลอยหลับลง  ...จากความเหนื่อยล้า แต่หรรษาเกินจะบรรยาย

อ้อมโอบกอดคนร่างบางตรงหน้า ที่ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจถี่ ๆ ราวกับเพิ่งผ่านสงครามมา

ก่อนจะค่อย ๆ สูดหายใจหนัก ๆ ราวกับคนขาดอ๊อกซิเจน  ดวงตาหนักอึ้งก็ค่อยปิดลง

--------------------------------------------------------------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
รบกวน ขอให้คอมเม้นต์บ้างนะคะ

หึหึ  ขอกำลังใจหน่อย  หุหุหุ

^__________________^

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
คนแต่งไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้กำลังใจนะครับ
คนอ่านมีกำลังใจให้เสมอ ทุกเมื่อเชื่อวันนะครับ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
แอบสงสารแฮะ ปิงปองคงลืมง่ายๆไม่ได้
เป้เองก็พยายามอีกมาก

แต่หายไปคู่ๆ แบบนี้มีอะไรแน่เลยใช่มะ

ออฟไลน์ ขนมหวาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +190/-2
ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกก ถึงมากที่สุด
คู่นึงสมหวังมีความสุข อีกคู่หายไปไหนเนี่ย
เพื่อน ๆ และคนอ่านแอบเป็นห่วง
ที่หายไปนี่เค้าแอบไปตกลงกันอยู่ใช่มะ :กอด1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เอกน่ารัก เป็นผู้ชายอบอุ่นอ่อนโยน อยากได้มาไว้ในอ้อมกอด

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เวลานัยอยู่กับเอกแล้วดูอ้อนๆจัง น่ารักมากๆเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
นัยโชคดีเนอะ ที่ได้คนรักอย่างเอก

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เอากำลังใจไปเลยจ๊า :L2:
กด+เป็ดเลี้ยงให้ดีดีล่ะ

วายร้ายหน้าหวาน

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดีครับ ^^

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจ

พอเห็นคอมเม้นน้อย ๆ ก็แอบคิดนิดๆ ว่าไม่อยากอ่านกันแล้วรึเปล่า

ง่อย ไปเลยค่ะ  ฮ่า ๆ ยังไงก็ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ 

รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก  ถึงวันนี้จะยังเขียนได้ไม่ดี  แต่จะพยายามค่ะ 
^____________^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอกหื่นนนนนนนนน ><

แต่ก้อสองเดือนแหนะ ยกประโยชน์ให้จำเลย(รัก) อิอิ

อย่าลืมมาต่ออีกน้า อิอิ รอรอค๊าฟฟ

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆๆนะคนเขียน

TeuyHom

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาก้อจัดหนักเรยนะ นัยกะเอก  อิอิ!!   รอตอนเป้กะปิงปองอ่ะ  ขอให้รักกันๆๆๆ

ออฟไลน์ nincja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอกหืื่ืนตลอดๆ :haun4:
นัยก้อน่าหยิกแก้มจริงๆ

เป็นกำลังใจให้นะคร่า^^
 o13 o13 o13 o13

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
รักคู่นี้จนหัวทิ้มแล้ว

ออฟไลน์ Rouk_Uknow

  • Delitto
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ปวดหัวแทนเอกจริงๆ
ต้องมายุ่งกับ คู่รัก มหาปรัย :z3:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจ :กอด1:
ตอนนี้มีแรงใจ  และไอเดียก็แต่ง ๆ กันไปเยอะ ๆ
เวลาต้องหายจะได้ชดเชยกันได้ o22  จริงรึเปล่าคะ  อิอิ
 อ่านให้สนุกนะคะ  ^_________^

 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:


บทที่ 11  มิตรภาพ (1) 


ผมตื่นขึ้นมาในเที่ยงอีกวันหนึ่ง  ควานมือหาไอ้ป่วน....แต่ไม่เจอ

ผมหลี่ตาขึ้นมามองหา แต่ไม่เจอใคร   ผมยันตัวลุกขึ้นเดินไปดูที่ห้องน้ำ

แต่ก็ไม่เจอมันหายไปไหนว่ะ   ผมเกาหัวแกรก ๆ  เดินไปเปิดประตูห้องนอน

มองเห็นไอ้ป่วน ก้ม ๆ เงย ๆ ขีด ๆ เขียนๆ  ในสมุดโน๊ต  เล่มหนึ่ง

พร้อมกับเปิดหนังสือ อยู่สองเล่มไปมา  ไอ้เล่มเดิมที่ผมเคยเห็น

หนังสือที่มีชื่อว่า  “มิตรภาพ” กับ “ภูเขา” สถานที่ท่องเที่ยว

ดูมันจริงจังเกินไปอีกแล้ว  ศึกษาเส้นทางอย่างดี  อุปกรณ์และช่วงเวลา

มันวงวันที่ในสมุดโน๊ต เป็นช่วงอาทิตย์หน้า โทรไปสอบถามที่สถานที่ที่มันเลือก

ทำการจอง เลือกวันเวลาเรียบร้อย  เหมือน ๆ กับว่ามันจะไป”ภูกระดึง”

ผมไม่ได้ใส่ใจมาก  เดินไปอาบน้ำเสร็จก็กลับออกมาอีกครั้ง เห็นไอ้ป่วนยังยุ่ง

อยู่กับแผนที่ท่องเที่ยว  ผมเดินมาหยุดยืนเท้าสะเอวมองมันตรงหน้า

มันเงยหน้ามามองนิดนึง ก่อนจะก้มลงไปเหมือนเดิม เหมือนเช็คอุปกรณ์

สำหรับปีนเขาที่ว่านี่ 

“หิวรึยัง...”  ไอ้ป่วนถามขึ้นทั้งที่ไม่มองหน้าผมเลยสักนิด

“ก็...ก็นิดหน่อย” จริง ๆ ก็หิวมากอยู่ครับ  (แทบจะแด๊กไอ้นัยได้ทั้งตัว  หึหึ)

“กับข้าวอยู่ในตู้อ่ะ ...กุไปซื้อมาเมื่อเช้านี้  แค่เวฟก็กินได้เลย” มันว่า  ไม่เงยหน้ามามองสักนิดเลย

“อืม..” ผมตอบเบา ๆ เดินเลี่ยงไปในห้องครัวก่อนจะเวฟอาหารที่ว่า

“น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ก็มีนะ  ขนมหวานกับผลไม้อยู่ในตู้เย็นอ่ะ

อ้อ...โจ๊กหมูเจ้าที่มึงชอบก็อยู่ในตู้เย็นนะเวฟแล้วกินได้เลย

อ้อ....ข้าวมันไก่ 2 กล่อง ,ข้าวหมูกรอบ กับข้าวไก่ทอดด้วย  อย่ากินนะ

เอาไว้กินตอนเที่ยง  กุขี้เกียจออกไป”  ไอ้ป่วนตะโกนบอกตามหลังมา

นึกภาพไม่ออกที่มันถือของพลุงพลังแบบนี้  ขึ้นมาที่ห้อง 

ขนมาไหวได้ไงว่ะ  ผมแอบทึ่งในใจ เพราะของกินเต็มไปหมด ทั้งตู้กับข้าว

ทั้งตู้เย็น ถือคนเดียวคงลำบากน่าดู  ปกติมันไม่ชอบถืออะไรพลุงพลังแบบนี้

“มึงกินรึยังอ่ะ...” ผมถอยหลังไปตะโกนถาม เห็นไอ้ป่วนยังก้มหน้างุดอยู่ที่หนังสือ

“ยัง  ..รอมึงน่ะแหล่ะ” มันตอบ  ทำผมอมยิ้ม  ...มันน่ารัก  น่ารักมาก ๆ ครับ

ทั้งที่หิวแต่ก็ยังรอสินะ  อยากหอมแก้มมันแรง ๆ จังครับ

ผมเวฟของกิน ยกเว้นที่มันห้าม  หยิบผลไม้มาเทใส่จาน น้ำเต้าหู้ก็ใส่แก้วแล้ว

ร้อนกำลังดี  เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็เหลือแต่ไอ้ป่วนที่จะเสด็จมา

“นัย...กุเทเสร็จแล้ว” ผมว่า ตะโกนบอกมันไป

“อืม  เดี๋ยวไป”มันตอบ  ผมนั่งรอ ยิ้มหน้าบาน  ผ่านไปสักพัก มันยังไม่มา

ผมเดินไปชะเง้อมอง มันยังขลุกอยู่กับเหล่าบรรดาหนังสือท่องเที่ยวที่ว่า

“นัยมากินก่อน.. มา” ผมบอกอีกครั้งนั่งรอ  น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย

 “อืม  เดี๋ยวไป”ไอ้ป่วนตะโกนตอบ คำตอบเดิม ๆ แต่ยังนิ่งอยู่กับที่

ผมเริ่มหิวตะหงิด ๆ ก็เพราะได้กลิ่นของอาหารที่หอมฉุยมาเตะจมูกผม

ผมกลืนน้ำลายลงคอ อยากจะกิน แต่ก็....อยากกินพร้อมไอ้ป่วนนี่นา

พอเห็นว่ามันไม่ยอมลุกมาง่าย ๆ แน่ ผมเดินกลับไปหามันที่ห้องดูทีวี

ยืนเท้าสะเอวมองไอ้ป่วนนิ่งรู้สึกฉุนขึ้นมานิด ๆ ที่มันสนใจแต่เรื่องเที่ยวอยู่ได้

“เฮ้ย...”  ไอ้ป่วนร้องลั่นเมื่อผมดึงหนังสือท่องเที่ยวออกจากมือมัน

มันมองมาที่ผมอย่างอารมณ์เสีย  เซ็งเลยผม ....ผมทำหน้าเครียดตอบ

เริ่มไม่พอใจเหมือนกัน  ที่มันปล่อยให้ผมรอ

“เอาคืนมา”มันว่า หน้าตาหาเรื่อง

“ไปกินข้าวก่อน”ผมบอก สีหน้านิ่ง 

“มึงก็กินก่อนดิ  กุไม่ค่อยหิว”มันย่นปาก ทำหน้าเซ็งจะแย่งหนังสือกลับ

“ไม่เอาอ่ะ  ...กุจะกินพร้อมมึง” ผมเอาหนังสือไปซ่อนไว้ข้างหลัง มันยื่นมือมา

แย่งหนังสือคืนเป็นพัลวัน   เหมือน ๆ มันโอบกอดรอบตัวผมไว้

“ชิส์  ปากกุกะมึงติดกันรึไง” มันว่าส่งสายตางอน ๆ มาให้ พยายามแย่งผมสุดฤทธิ์

“ติด” ผมว่า ดึงเอวไอ้ป่วนมาชิดแนบลำตัว ทำเอามันที่ไม่ทันตั้งตัวเซมาทั้งตัว

กดจูบดูดดื่มที่ทำให้ไอ้ป่วนหน้าแดงได้ทุกครั้ง   ลิ้นหวานที่แทรกไปหาอีกความหวาน

มันยืนนิ่งให้ผมจูบ เผลอจูบตอบเป็นพัก ผมละจูบก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเลยไปกว่านี้

ผมยิ้มหวานมองไอ้ป่วนที่ตอนนี้ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ผม

“ไง ปากกุกะมึงติดกันยัง  แล้วจะทีนี้จะไปกินข้าวได้รึยัง”ผมถาม

แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบสักเท่าไหร่ โยนหนังสือที่ว่าทิ้งลงบนโต๊ะ

มันตวัดตามามองผมฉุน ๆ กัดริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างขัดใจ  แค่ขัดขืนไม่ไหว

แล้วผมก็ลงมือลากไอ้ป่วน ให้มากินข้าวกับผมก่อนที่อาหารที่เตรียมไว้จะเย็นซะก่อน

มาถึงไอ้ป่วนก็ลงมือสวาปามอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว  เล่นเอาผมงง

(เมื่อกี้มึงใช่ไอ้คนที่กุพึ่งบังคับเพื่อจะลากมากินข้าวใช่มั้ยว่ะ ก็ถ้ามึงหิวขนาดนั้น

แล้วจะนั่งทนหิวหาพระวิหารอะไรของมึงเนี่ย )

กลายเป็นผมเองที่ยังไม่ได้ลงมือกินอะไร มัวแต่มองไอ้ป่วนอึ้ง ๆ

“ไมไม่กินว่ะ  แล้วลากกุมาเพื่อ?”  มันหยุดกินกระทันหันเงยหน้ามาถามผม

“เออ ..ๆ” ผมสะดุ้งเริ่มมีสติ เมื่อกี้กุนี่หว่าที่หิวข้าวจนทนไม่ไหวเลยต้องไปลากมันมา

ผมลงมือกินแข่งกับมัน  ซึ่งแม่งไม่รู้จะรีบไปไหน  รีบซะ 

“อิ่มแล้ว” ไอ้ป่วนว่า พร้อมกระดกน้ำเปล่าแก้วสุดท้ายในมือ เข้าปาก 

ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบแก้วน้ำเต้าหู้ร้อนๆ เดินถือกลับไปที่ห้องดูทีวี 

“มึงล้างด้วยนะ” มันว่า ส่งท้าย ผมที่กินข้าวไอ้แค่ครึ่งจานได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ

มองหน้ามันงง ๆ รีบติดสปีดกินตามไป   เก็บจานทำความสะอาด ตามไปนั่งลงข้าง ๆ ไอ้ป่วน

ที่ตอนนี้ตาดูหนังสือ แต่มือถือแก้วน้ำเต้าหู้กระดกไม่ขาดปาก

(มึงเลือกทำสักอย่างดีมั้ยนัย  จะกินก็กิน จะอ่านก็อ่าน เอาสักอย่างกุตาลาย)

และแล้วความอดทนที่พยามยามมองดูการกระทำของอีกฝ่ายมาตั้งนานก็หมดลง

“มึงทำอะไรอยู่นัย...”  ผมถามออกไปในที่สุด

“กุกำลังพยายามให้ไอ้เป้กับไอ้ปิงปองคืนดีกัน” มันตอบ  ยังคงทั้งอ่านทั้งลิสอุปกรณ์

“ยังไง....กุไม่เข้าใจ”

“กุกำลังจะทำให้มิตรภาพระหว่างเพื่อนมันกลับคืนมา” มันเงยหน้ามาสนใจผมเป็นครั้งแรกของวัน

“แล้วเกี่ยวอะไรกับที่มึงอ่านหนังสือท่องเที่ยวอยู่นี่”

“กุอ่านหนังสือเรื่องมิตรภาพ ส่วนมากเวลาคนพูดถึงเพื่อนก็มักจะพูดถึงแต่เรื่องเที่ยวกัน

ความประทับใจ ในการช่วยเหลือกันมันก็ยิ่งทำให้มิตรภาพระหว่างเพื่อนยิ่งแน่นแฟ้น

ความลำบากมันเป็นตัวพิสูจน์ในการซื้อใจกันไงหล่ะ  ถ้ามึงจริงใจพอ

จากที่เป็นแค่เพื่อนก็จะกลายเป็นเพื่อนรัก  เพื่อนตาย หรือจะกลายเป็นแค่เพื่อนกิน

ก็ยังได้  เพราะเวลาคนเราเหนื่อยจนถึงที่สุดก็มักจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา

และถ้าไอ้เป้มันดีจริง และตั้งใจจริงที่จะขอโทษไอ้ปิงปอง  กุว่างานนี้ไอ้ปิงปองหายโกรธชัวร์

แล้วไอ้ระหว่างทะเล กับภูเขา สถานที่ที่เดินทางลำบากก็คงจะเป็นภูเขาว่ะ 

ยังไงถ้าไอ้ปิงปองลำบากมึงคิดเหรอว่าไอ้เป้จะอยู่เฉย  มันต้องวิ่งรี่หน้าตั้งไปช่วยไอ้ปิงปอง

แล้วมีเหรอคนใจอ่อนอย่างไอ้ิปิงปองถ้าไอ้เป้ช่วยแล้ว มีเหรอที่มันจะใจแข็งอยู่ได้

อย่างน้อยก็คงทำให้มันนึกถึงเรื่องที่ผ่าน ๆ มาที่ไอ้เป้คอยอยู่ข้าง ๆ มันไอ้บ้างน่ะแหล่ะ

มึงว่ามั้ย  สรุปแล้วยังไงอาทิตย์นี้ พวกเราก็ต้องลากไอ้สองตัวนี้ไปเที่ยวให้ได้กุจองที่

ที่ภูกระดึงไว้แล้ว”

ไอ้ป่วนร่ายยาวแล้วสรุปในตัวเอง  เออ...ง่ายดีบอกกุตั้งแต่แรกก็จบแล้ว

“แล้วไมมึงไม่บอกกุสักคำหล่ะ” ผมเอ่ยถาม

“บอกแล้วไง...ว่าตอนนั้นกุยังตัดสินใจไม่ได้  แล้วถ้าบอกมึง ..มึงจะช่วยกุหาเหรอ” มันว่า

“เอ๊า.......ช่วยดิคร๊าบบบบบ” ผมตอบอ้อน  นั่งลงข้าง ๆ ไอ้ป่วน ฉกหอมแก้มมันทีนึง

ก่อนจะนั่งมองตาแป๋ว ...น่ารักไปเลยกุนี่  หึหึ 

“มึงไม่ต้องช่วยหรอก  ...กุเตรียมของและสถานที่ที่จะไปหมดแล้ว

แต่เรื่องที่กุอยากให้ทำก็คือ ...เราจะทำยังไงให้ไอ้ปิงปองยอมไปกับไอ้เป้ได้ว่ะ” มันทำหน้าครุ่นคิด

ซึ่งผมเองก็ว่านี่แหล่ะที่ยากที่สุด การที่จะลากคนที่แม่งเกลียดกันจนไม่มองหน้า 

พาไปเที่ยวกัน  ...เพื่อให้คืนดีกัน  (กุว่าทัวร์นี้ คงมีมาม่า~ กันตลอดทาง)

แต่ที่ยากกว่านั้นคือ  พวกแม่งสองตัวนี่มันไปอยู่ไหนกันวะ ติดต่อไม่ได้ ไม่รับสายและไม่โทรกลับ

“นั่นแหล่ะประเด็น ติดต่อพวกแม่งก็ไม่ได้” ผมเอ่ยในที่สุด มองหน้าไอ้ป่วนทำหน้ายุ่ง ๆๆ

เหลือบไปมองไอ้ป่วนที่ทำหน้ายุ่งพอกัน  เฮ้อ.............  ผมกับไอ้ป่วนถอนหายใจยาว ๆ พร้อมกัน

เราหันมามองหน้ากัน อมยิ้มนิด...ขำกับเรื่องบัญเอิญ    ผมเอื้อมมือไปจับแก้มไอ้ป่วนลูบเบา ๆ

มันน่ารักจริง ๆ ครับ ยิ่งเวลาที่มันยิ้มยิ่งน่ารัก  ผิวขาวๆ นั่น ริมฝีปากอิ่มที่แดงระเรื่อ

ดวงตากลมโตที่จ้องมองตอบผมซะตาแป๋ว  ทำผมแทบจะจับมันซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็นเลย

แต่ก็ทำได้แค่คิด   ....ถ้าทำอย่างนั้นแล้วมันเศร้าผมก็แย่น่ะสิ  หึหึ ได้แต่เผลออมยิ้มกับความคิดตัวเอง

“ยิ้มไรอ่ะ  ....บ้าป่าว” ไอ้ป่วนถาม มองผมยิ้ม ๆ คิดว่ามันน่าจะรู้ว่าผมคิดอะไร

“ป่าว”ผมตอบ

“ป่าว....ป่าวแล้วยิ้มทำไมอ่ะ”มันว่า

“ก็แค่...” ผมหยุดพูดแค่นั้น .....  แต่จ้องมองคนตรงหน้า ขณะที่นิ้วผมยังเกลี่ยบนแก้มไอ้ป่วน

ไม่หยุด  (น่าสัมผัส...มึงน่าสัมผัส  น่ามอง ...น่าหลงไหล  )  ผมยิ้มตอบ แต่ไม่มีคำตอบ

“ก็แค่อะไรหล่ะ  ...พูดมาดิ  ชิส์”  ไอ้ป่วนเริ่มหงุดหงิดเล็ก ๆ ทำปากพองหันมาสบตาผมนิ่ง

เริ่มทำตัวปั่นปวนอีกแล้วครับ  (ชอบจริง ๆครับ  ชอบทุกอย่าง ทุกท่าทางที่มันแสดงออก)

ผมเลื่อนตัวเข้าไปใกล้ แนบริมฝีปากชิดหูของอีกฝ่ายกระซิบแผ่วเบา

“ก็แค่......มึงน่ารัก....จนกุอยากรัก” ผมถอยตัวออกอยากเห็นปฏิกิริยาคนตรงหน้า

ที่ทำผมอมยิ้ม  ไอ้ป่วนหน้าแดงจนถึงหู ก้มหน้างุด ทำปากพองไม่เลิก

ใบหน้าที่เหรอหราแบบทำตัวไม่ถูก อาจจะเพราะเขินจัด ได้แต่เอามือจิ้มไปจิ้มมา

บนหมอนอิงบนโซฟาแอบเงยหน้ามาสบตาผมเป็นระยะ  เริ่มโยกตัวเล่นไปมา

คงแค่ทำอะไรแก้เขิน  ผมมองท่าทางของไอ้ป่วนอย่างเผลอไผล

อยู่ไอ้ป่วนก็ยื่นหน้ามาชิดหูผม เล่นเอาผมสะดุ้งเพราะมัวแต่ดูมันเพลิน

มือข้างหนึ่งของไอ้ป่วนวางพิงไหล่ผมเพื่อทรงตัว ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว

แต่กลับดังกึกก้องในหูผม คำๆ นั้น  คำ....ที่ผมรอมานาน  ....

“มึงก็น่ารัก  จนกุอยากให้มึงเป็นคนรัก...ที่รักกุแค่คนเดียว”

ผมรวบตัวไอ้ป่วนเข้ามากอด ไอ้ป่วนของผมหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิม

มันวางหัวที่ไหล่ผมและกอดผมตอบแน่น ๆ

“แน่ใจแล้วใช่มั้ย...นัย” ผมถามอีกครั้ง  อยากแน่ใจกับคำตอบนั้น

“อืม...    ไม่รักมึงแล้วจะให้กุไปรักใครได้อีก”  ไอ้ป่วนตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“หึหึ ครับ... รักกุนะ  รักแค่กุคนเดียวกุพอ” ผมตอบ ดีใจที่สุด

ไม่อยากจะเห็นหน้าตัวเองตอนนี้เลย ไม่รู้ว่ายิ้มกว้างขนาดไหน

คิดว่าแก้มแทบปริแล้ว  .

(แม่ง...อยากปิดร้านฉลอง อยากตะโกนบอกไอ้เพื่อนสองตัวที่ยังทะเลาะกัน

หน้าดำหน้าแดงว่า  กุมีแฟนแล้ว  ...กุเจอคนที่กุรักแล้ว  ถ้าเป็นไปได้

อยากจะวิ่งถือโทรโข่งประกาศบอกทุกคนที่เดินผ่านว่าผม 

“มีแฟนแล้วครับ”  แล้วมีป้ายไฟเป็นลูกศรชี้ไปที่ไอ้ป่วน คนนี้แฟนผม)

ในที่สุด ก็มากกว่าเพื่อนแล้ว.........  ไม่ใช่แค่ “เพื่อนรัก” 

ผมกำลังจะกลายเป็น...”คนรัก”   อย่างเต็มตัวของไอ้ป่วน

“คนรัก” ทีไม่ใช่มีแค่ผมคิดแค่ฝ่ายเดียว  แต่มันก็กำลังลงมาใช้คำนี้กับผมด้วย

ผมกอดไอ้ป่วนแน่นขึ้นอีก เหวี่ยงมันไปมาเบาๆ อย่างดีใจ

ไอ้ป่วนโวยวายขำ ๆ  ทุบเบา ๆ ที่ไหล่ผมให้หยุดเหวี่ยงมันบอกเวียนหัว

มันคงคิดว่าผมจะดีใจอะไรหนักหนา  แต่ดูหน้าตามันสิ ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม

ยิ้ม....จนตาปิด หน้าแดงระเรื่อเพราะความเขินอายนั่น    น่ามองจริง ๆ

(ดีใจใช่มั้ยหล่ะ.....มึงก็ดีใจไม่ต่างจากกุใช่มั้ย...ฮ่า ๆๆๆๆๆ  อารมณ์ดีเป็นพิเศษครับ)

ผมมองสบตากับมัน   เหมือนกับมันที่มองกลับมาที่ผม สายตาที่ประสานกัน

ไม่หวั่นไหว  มีแต่ความโหยหา  และเรียกร้องต้องการซึ่งกันและกัน

ผมไม่ต้อง “รักมันข้างเดียว”  อีกต่อไปแล้วใช่มั้ย  .....

ผมใช้คำว่า  “มันเป็นของของผม”  ได้แล้วใช่รึเปล่า...

ผมจะ “หึง หวง มัน”  ได้ตามสิทธิ์ของคนรักใช่มั้ย...

และที่สำคัญ  “ผมเขี่ยไอ้คนทุกคนที่มาตามวุ่นวายกับคนรักของผม”  โดยไม่ผิดใช่รึเปล่า

ไอ้ป่วนค่อย ๆ โน้มใบหน้าขาวๆ ของมันใกล้เข้ามาชิดใบหน้าผมเรื่อย ๆ

จนริมฝีปากเราจรดกัน มันแตะจูบเบาก่อนละออก สบสายตาในระยะประชิด

 สองมือของมันตรึงใบหน้าผมเอาไว้ ขณะที่สองมือของผมก็เกาะเอวไอ้ป่วนแน่น.

ให้มันทรงตัวได้  ไอ้ป่วนก้มลงจูบผมอีกครั้ง แทรกลิ้นหวาน ๆ ของมัน

มาลองชิมลิ้นหวาน ๆ ของผม  ผมดึงตัวมันให้มาแนบชิดตัวผม กดจูบตอบ

ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลอ่อนหวาน แต่เนิ่นนาน  เราละจูบออกจากกัน

แต่กลับนั่งกอดกันอยู่อย่างนั้น  ....อยากจะอยู่อย่างนั้น ตลอดไป

.

.

.
เวลาผ่านไปสักพัก ไอ้ป่วนดันตัวขึ้นส่งยิ้มมาให้ผม ผมมองหน้ามันแล้วยิ้มตอบ

“เมื่อพวกเรารักกันแล้ว  ก็มาทำให้ไอ้สองตัวนั่นคืนดีกันซะทีนะ” มันว่าไม่ละความพยายาม

ผมพยักหน้าตอบ  รู้สึกดี ...คำว่า “เพื่อน” ไม่ว่าตอนไหน

เวลาไหน ก็อยู่ในใจมึงเสมอสินะ...........นัย   ไอ้ป่วนยิ้มกว้างตอบผม

“งั้นพรุ่งนี้เราไปหามันกันทั้งไอ้เป้ และไอ้ปิงปอง”  ไอ้คนน่ารักที่สุดของผมสรุป

“อืม....ได้สิ   พวกเราไปทำให้พวกมันคืนดีกันซะที มึงจะได้มีเวลาคิดถึง

แต่เรื่องของกุ  โดยที่ไม่ต้องมีเรื่องไอ้เพื่อนสองตัวนั่นมาแทรกตลอดเวลาแบบนี้”

ผมแอบแซวขำ  ๆ  ไอ้ป่วนหน้างอ  ย่นหน้าใส่ผม

“ชิส์”  มันทำปากพองแล้วหนี ไปอาบน้ำ เมื่อเช้ามันแค่ล้างหน้าแปรงฟัน หึหึ

ผมรอไอ้ป่วนอาบน้ำเสร็จพวกเรามาช่วยวางแผนการเดินทางกันต่อ

สรรหาวิธีที่จะทำให้ไอ้สองตัวนี้ต้องช่วยเหลือกัน จนกลับมาคืนดีกัน

ผมทำหน้าที่ศึกษาเส้นทางต่อ  เนื่องจากว่าเป็นทางที่ไม่คุ้นเคย

และคิดว่าผมคงต้องได้รับหน้าที่สารถีแน่นอน  ถึงไอ้ป่วนจะช่วยแต่ยังไงซะ

ผมว่าคนขับ 80% เป็นผม ฉะนั้น ดูมันตั้งแต่ตอนนี้แหล่ะครับ

พวกเราวางแผนกันไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าเรื่องเวลาออกเดินทาง  ระหว่างทางที่จะแวะ

สถานที่ที่เราจะพัก จริงๆ ก็โทรเพื่อจองที่พัก   พอตกเที่ยงก็เอาข้าวกล่องต่างๆ

ที่ไอ้ป่วนเตรียมไว้ มาเวฟกินกัน เมื่อวางแผนกันเสร็จสรรพ  ก็เย็นย่ำ

ผมกับไอ้ป่วนออกไปนั่งชิว ๆ ร้านเบียร์ริมทาง ดื่มกันแก้เมื่อย  วันนี้ไม่ได้ไปร้าน

ที่เป็นผลับประจำ  พวกผมแค่อยากจิบเบียร์เย็น ริมทางแก้วสองแก้วเท่านั้น

หาอาหารอีสานกินกันบ้างอะไรบ้าง เดินเล่นไปเรื่อย ๆ จน 2 ทุ่ม ก็เดินกลับคอนโด

พ่วงของกินมาอีกมากมาย  กินกันไปหยอกกันไปตามประสา

ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาทั้งตัว พาดขาไปตามแนวยาวของโซฟา  โดยมีไอ้ป่วนแทรก

กลางตรงหว่างขา อิงหลังมันมาพิงตัวผม  นอนดูทีวีสบายใจเฉิบ 

จนเวลาล่วงเข้า 5 ทุ่ม  ผมกับมันก็พาร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยจากการใช้สมองอย่างหนัก

ไปอาบน้ำนอนกอดกันจนหลับ  ....และฝันดี 

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :mc4:  เย้ ในที่สุดเอกกับนัยก็ได้เป็นแฟนกันสักที

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
 :mc4:ในที่สุดก้อเป็นแฟนกันแล้วววววว


ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
 :กอด1:

เอาใจช่วยให้แผนสำเร็จนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด