ตอนที่ 10 ซ่อน (Part 2)
จบคลาสที่อาจารย์ที่เคารพรัก เพราะท่านเข้มงวดมาก ถ้าเกิดไม่สนใจ
ชีวิตนี้อาจจะหาไม่ได้ แต่คงต้องยกเว้นไอ้เป้ ไอ้นี่เป็นศิษย์รักของท่านครับ
เรียกได้ว่ามีอภิสิทธิ์พิเศษอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะทำอะไร
ท่านไม่เคยจะตำหนิ อาจจะเพราะแม่งเก่งเทพเหลือเกิน
คาดว่าเรียนจบคงไม่พ้นเกียรตินิยมเหรียญทอง ผมมองหน้ามันที่อมยิ้มนิด ๆ
อย่างแปลกประหลาดใจ ดีใจอะไรหนักหนาว่ะ
“มึงโทรไปบอกมันได้เลย ...ว่ากุกำลังไป”มันหันมาสั่ง
เก็บของวิ่งตัวปริวออกนอกห้องเรียบร้อยแล้ว ผมกดโทรหาไอ้ปิงปองทันที
หน้าเสียนิด ๆ ไม่รู้ไอ้เป้มันคิดอะไรอยู่ ได้ยินเสียงรอสาย
..
“เธอมีคนนั้นแต่ชั้นไม่เหลือใคร เธออยู่กับเขาฉันเหงาสุดหัวใจ ลืมตาก็คิดหลับตาก็ฝัน
มันทรมานเหมือนตาย ในคืนเดียวกันฉันเหงาสุดหัวใจ เธอคงกอดเค้าจนความหนาวคลาย
ทนกอดตัวเองแต่กอดยังไงกอดไปก้อไม่อุ่น
“อืม...ว่าไง”มันรับสาย
“มันกำลังไป...เอาไง” ผมบอก ในใจก็ลุ้นระทึก แม่งมันไปถึงรึยังวะ
“อืม..ขอบใจ กูกลับก่อนแล้วกัน ค่อยเจอกันพรุ่งนี้” ไอ้ปิงปองว่า
“เออ” ผมตอบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เหมือน ๆ มันจะเข้าตัวตลอด
ผมไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไร จนไอ้นัยมาเล่าให้ฟังทีหลังว่าพอไอ้ปิงปองวางสายผมปุ๊บ
ไอ้เป้ก็โผล่มาพอดี แต่ไอ้ปิงปองมันไหวตัวทัน ชิ่งหนีแบบเฉียดฉิว
เห็นแต่ไอ้เป้ทำหน้าเศร้า แล้วก็หนีกลับไปทันที ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น
แต่ถ้าให้พวกผมเดา มันก็คงไปตามหาไอ้ปิงปองที่คอนโดนั่นแหล่ะผมว่า
ผมกดเบอร์ไอ้ปิงปอง ....คาดว่าตอนนี้มันคงถึงคอนโดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฮัลโหล” ไอ้ปิงปองรับสาย
“ไง...มึงอยู่ไหน” ผมถามด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
“อยู่ห้องว่ะ...วันนี้ขอบใจนะ” มันตอบเสียงแผ่ว ผมเดาไม่ถูกว่ามันดีใจ หรือเสียใจ
กันแน่ ที่คอยหลบไอ้เป้
“อืม” ผมตอบเสียงเนือย ๆ
“มึงแน่ใจแล้วเหรอ ที่ซ่อนตัวแบบนี้” ผมถามมันต้องการความแน่ใจ
“อืม...ขอเวลากุหน่อยว่ะ” มันตอบ ทั้งที่เงียบเสียงไปนาน เหมือนมันค่อย ๆ
กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ถ้าผมเดาไม่ผิดน้ำเสียงมันดูสั่น ๆ
(ก็ถ้ามึงเสียใจขนาดนั้น ทำไมมึงไม่คุยกันให้รู้เรื่องเลยว่ะ ปิงปอง)
ผมได้แต่คิด แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะพูดอย่างนั้น
มันอาจจะเป็นแค่ความคิดของผมคนเดียวเท่านั้นเองก็ได้ แต่ผมว่าผมคิดไม่ผิด
“อืม...ถ้ามึงแน่ใจอย่างนั้น ก็ตามใจ ถ้ามีอะไร อย่าลืมมึงยังมีกุกะไอ้นัยอยู่นะเว้ย”
ผมย้ำเสียงเข้ม จริงจังรู้สึกเป็นห่วงมันอยู่เหมือนกัน
“เออ...ขอบใจพวกมึงมาก กุไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง” มันตอบน้ำเสียงแผ่วเบา
“อืม ...แค่นี้แหล่ะ” ผมว่า และกดวางสายในที่สุด
และกดอีกเบอร์ที่คุ้นเคย รอไม่นานปลายสายก็รับสายอย่างรวดเร็ว
ราวกับรออยู่ก่อนแล้ว
“มึงอยู่ไหน”
“กำลังขับรถไปคอนโดไอ้ปิงปอง มันอยู่ที่นั่นใช่มั้ย”
“หึหึ ...มึงก็รู้อยู่แล้วนิ” ผมตอบ รู้สึกขำที่มันโคตรจะรู้ใจไอ้ปิงปอง แต่ยังมาขอร้องผม
“กุแค่อยากแน่ใจ ..ขอบใจว่ะเพื่อน” มันกรอกเสียงมา
“อืม ...มึงมีแผนแล้วเหรอเป้”ผมถามอย่างสงสัย
“ยัง” มันตอบสั้น ๆ
“เอ๊า...แล้วมึงจะทำยังไง”
“ไม่รู้...กุรู้แต่กุจะรอ รอจนกว่ามันพร้อมจะฟังกุ” มันตอบในที่สุด
“แล้วมึงจะรอถึงเมื่อไหร่กันวะ” ผมสงสัย กับการรอคอยแบบไร้จุดหมายเช่นนั้น
“จนกว่ามันจะฟังกุ นานแค่ไหนกุก็จะรอ” มันตอบเสียงหนักแน่น
“มึงว่ามันจะยอมฟังมึงเหรอว่ะ เป้” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย เรื่องที่เกิดไม่ใช่เล็ก ๆ
ถ้าเป็นผม ... ผม...จะยอมฟังมันรึเปล่านะ คำตอบเหรอ...ยากว่ะ
“ฟัง...มันต้องฟังกุแน่ ๆ ถ้ามันยังเห็นกุเป็นเพื่อนมันอยู่” ไอ้เป้ตอบน้ำเสียงค่อนข้างเชื่อมั่น
ผมหล่ะกลัวว่าสิ่งที่มันคิดจะไม่เป็นจริง กลัวความเชื่อมั่นของมันถ้าไม่สมหวังแล้วจะพังไม่เป็นท่า
แต่ในใจก็หวังให้เป็นอย่างที่มันคาดหวังเช่นกัน ผมลอบถอนใจน้อย ๆ
(เร็ว ๆ นะเป้ กุอยากได้เพื่อนคนเดิมกุกลับมาเร็ว ๆ)
“อืม ...โชคดีว่ะเป้” ผมว่า และวางสายไปในที่สุด ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นไอ้ป่วน
กำลังวางแผนอะไรสักอย่างเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ภูเขา, น้ำตก, +มิตรภาพ
ผมมองงง ๆ ดูแล้วไอ้อันสุดท้ายไม่ค่อยจะเกี่ยวกัน มิตรภาพระหว่างเพื่อน ผมนั่งลงข้าง ๆ
เอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มที่ว่ามาดู แล้วก็ดูไอ้สถานที่ท่องเที่ยวที่ไอ้ป่วนเพียรหา
มึงไม่ดูสถานการณ์เลยมั้ย จะไปเที่ยวกันตอนนี้ เพื่อนแม่งทะเลาะกันจนไม่มองหน้าอยุ่แล้ว
“ทำอะไรว่ะ ..นัย” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย เงยหน้ามองไอ้ป่วนที่ดูจริงจังเกินไปกับเรื่องเที่ยว
“กุกำลังวางแผน...และมึงก็ต้องช่วยกุด้วย” มันว่าหน้าตาขึงขัง จนผมแปลกใจ
“แผนอะไรของมึงว่ะ ...แผนท่องเที่ยวนี่นะ” ผมว่า ทำหน้าสงสัยส่งไปอีก
“มึงยังไม่ต้องรู้หรอก ...มึงรอไปก่อน กุยังตัดสินใจไม่ถูก”ไอ้ป่วนหันมาตอบทิ้งปริศนาไว้ให้ผม
(ว่าแต่ แค่ไปเที่ยวมึงถึงขนาดทำหน้าซีเรียสขนาดนี้เลยเหรอวะนัย ทั้งที่ตอนกลางวัน
มึงยังทำหน้าเครียดเรื่องเพื่อนอยู่เลย ตอนนี้หันไปสนเรื่องเที่ยวซะแล้ว =.= )
“เหรอ...เออมึงตัดสินใจได้ก็บอกกุแล้วกัน” ผมตอบ แล้วเลิกสนใจ
เดินไปอาบน้ำเสร็จไอ้ป่วนก็ยังวนเวียนอ่านหนังสือที่ว่า วนไปวนมา
เดี๋ยวหยิบเล่มนั้นอ่านเล่มนี้ อยู่อย่างนั้น จนผมต้องลากมันไปอาบน้ำ
และบังคับให้นอน มันถึงยอม แต่ก็หันมามองผมค้อน ๆ ผมแกล้งไม่สนใจ
นอนกอดไอ้ป่วนอยู่ในอ้อมกอด
“มึงว่าไอ้ปิงปองจะยอมให้อภัยไอ้เป้มั้ย” มันถามทั้งที่ซุกหน้าอยู่กับอกผม
วันนี้ไม่มีน้ำตา แต่ว่าคำถามคำนี้วนมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่
แต่ไม่มีครั้งไหนที่มันไม่กังวล น้ำเสียงสั่นเล็ก ๆ จนผมสับสน
(เมื่อกี้มึงยังตั้งอกตั้งใจหาที่ท่องเที่ยวอยู่แท้ ๆ พอนอนกอดกุนี่เครียดขึ้นมาทันที)
แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ตอบ แต่เปลี่ยนเป็นกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
กดจูบเบา ๆ ที่หัวไอ้ป่วน ลูบหัวมันเบา ๆ ทำได้แค่ปลอบใจจริง ๆ ครับ
เพราะผมไม่รู้คำตอบจริง ๆ ผมไม่ใช่ไอ้ปิงปอง คงมีแค่มันที่จะตอบได้ว่า
ในที่สุด คำว่า”เพื่อน” จะสิ้นสุด หรือ จะยังมีมันต่อไป
“นอนเถอะนัย มึงเครียดไปก็เท่านั้น พวกมันเครียดกันเองก็จะแย่อยุ่แล้ว
ยังจะต้องมาเห็นหน้าเครียด ๆ ของมึงอีก แทนที่พวกมันจะดีขึ้น
กุว่าพวกมันคงจะรู้สึกผิดมากขึ้นที่ต้องทำให้มึงเป็นแบบนี้
มึงยิ้มได้มั้ยวะนัย มีความสุขเผื่อพวกมัน มาช่วยกันหาทางให้
พวกมันคืนดีกันดีกว่า ถ้าแม้แต่มึงก็ยังหมดหวังหมดกำลังใจ
แล้วจะมีใครมาคอยช่วย ให้ไอ้สองตัวนั่นคืนดีกัน หายโกรธกันล่ะวะ” ผมว่า
กอดไอ้ป่วนแน่น ๆ โน้มน้าวให้มันเห็นด้วย อยากให้มันใจเย็นลงอีกสักนิด
“อืม...กุก็รู้ แต่...”มันตอบเสียงแผ่ว
“ไม่มีแต่...มึงต้องทำให้ได้ด้วย” ผมว่า ดันตัวไอ้ป่วนออกให้เงยหน้ามามองผม
ผมกดจูบเบา ๆ ที่หน้าผากมันส่งสายตาที่แสนห่วงใยไปให้
มันมองผมนิ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ ราวกับเป็นเรื่องยากหนักหนาที่จะรับปากผม
“อืม” ไอ้ป่วนตอบเสียงเบา ซุกหน้ากับอกผม ผมกอดมันแน่น ๆ เช่นเดิม
“กุรักมึงนะนัย และกุก็ไม่มีความสุขที่เห็นมึงทำหน้าทุกข์ใจอย่างนี้
เวลามึงเจ็บกุก็เจ็บ เวลามึงปวดกุก็ปวด เวลามึงเสียเศร้าใจ
มึงรู้ใช่มั้ยว่ากุ ก็ไม่ต่างจากมึง กุก็รู้สึกเป็นนะนัย แค่กุไม่แสดงมันออกมา
มึงอย่าแคร์แต่คนอื่น แค่รักตัวเองบ้าง..จะได้มัยวะนัย” ผมพูดเสียงแผ่ว
อยากให้คนในอ้อมกอดรับรู้ความรู้สึกผมบ้าง
“ขอโทษ...” มันตอบเสียงอู้อี้ น้ำตาร้อน ๆ ซึมพอให้รู้สึก มันกอดผมแน่นขึ้น
แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ...ผมก็แค่รักมันมาก และไม่อยากเห็นมันเศร้าเป็นหมาเหงาขนาดนี้
รู้ทั้งรู้ว่ามันห้ามตัวเองไม่ได้ แต่อย่างน้อยช่วยรักตัวเองกว่านี้ได้มั้ยวะนัย....กุขอร้อง
.
.
.
2 อาทิตย์ผ่านไป ทุก ๆ อย่างเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน ๆ เหมือนเป็นวงจรชีวิตสัตว์โลก
-ตอนเช้า ผมกับไอ้นัยจะนัดเจอไอ้ปิงปองที่ม้าหินอ่อนที่เรานั่งกันประจำ
โดยที่ไอ้เป้จะตรงไปที่ห้องเรียนและนั่งรอผมที่นั่น ถามคำถามเดิม ๆ ทุกวัน
“ไอ้ปิงปองเป็นไง? สบายดีมั้ย? มันถามถึงกุรึเปล่า?กินเข้าเช้ารึยัง? กินกับอะไร? “
พร้อมกับคำตอบเดิม ๆ “ปกติ-ก็ดี-ปล่าว-กินแล้ว-ไม่รู้”
-ตอนเที่ยง เป็นไอ้ปิงปองที่หนีไปกินข้าวกับเพื่อนกลุ่มอื่น นอกมหาลัย
ไอ้เป้ได้แต่ชะเง้อหา กับคำถามที่
“มันไปกินข้าวที่ไหน? กับใคร? นัยทำไมมึงไม่ไปเป็นเพื่อนมัน?”
พร้อมกับคำตอบเดิม ๆ เช่นเคย “ข้างนอก-กับเพื่อนกลุ่ม บลา~บลา~บลา~-
มันบอกไม่ต้องก็ได้”
-ตอนเย็น “ไอ้เป้จะหันมาสั่งมึงโทรไปบอกมันได้เลยว่ากุกำลังไปหา” พร้อมกับวิ่งหางจุกตูดออกไป
ผมกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ปิงปอง “มันไปแล้วนะ” “อือ..ขอบใจ เจอกันพรุ่งนี้”
ไอ้ปิงปองวิ่งหนี ทันบ้าง ไม่ทันบ้างแต่มีไอ้นัยช่วยขวาง ซึ่งมันก็รอดตัวทุกที
ไอ้เป้ทำหน้าเศร้าเป็นหมาหงอย ออกไปขับรถตามกลับไปที่คอนโดไอ้ปิงปอง
ตอนค่ำ ผมกดโทรไปหาไอ้ปิงปอง “มึงอยู่ไหน” “อยู่ห้อง วันนี้ก็ขอบใจนะ” “อืม”
ผมวางสาย กดโทรหาไอ้เป้ “มันอยู่ไหน” “มันอยู่ห้องอ่ะมึง”
ไอ้เป้ไปยืนเฝ้าหน้าห้องไอ้ปิงปองทุกวัน อยู่อย่างนั้น จนทุกวันนี้
ไอ้สเต็ปที่ว่าทำผมเบื่อจนแทบคลื่นไส้ พวกมึงเป็นอะไรกันมากมั้ย กุเหนื่อย
แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องยุติ เมื่ออีก 2 อาทิตย์จะถึงเวลาสอบ mid term
ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ไอ้สองตัวนั่น ต่างคนต่างวุ่นเรื่องสอบ ผมกับไอ้นัย
ติวหนังสือกันอย่างวุ่นวาย เรื่องอย่างว่านะเหรอครับ หึหึ ก็มีบ้าง
แต่น้อยมาก 2 อาทิตย์นี่ แค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นครับ สงสารไอ้ป่วนดูมันเหนื่อย
ผมเองก็เหนื่อย ๆ เช่นกัน ส่วนไอ้เป้กับไอ้ปิงปองที่ปกติจะติวหนังสือด้วยกัน
ก็ขอติวเดี่ยวๆ กันไป ผมกับไอ้นัยเองก็ต้องเลิกสนใจพวกมันไปสักพัก
จนถึงเวลาสอบ แล้วก็ปิดเทอม ผมถูกเรียกตัวให้กลับบ้านด่วนครับ
เพราะคุณปู่ไม่สบาย สอบเสร็จก็ตรงกลับบ้านปู่ที่เชียงใหม่เลย
ทำได้แค่จูบลาไอ้ตัวป่วนอย่างเสียดาย
(ในใจนี่คิดจะจัดเต็มซะหน่อย เฮ้อ..........เสียดาย)
ผมบอกให้มันตามไปที่เชียงใหม่ด้วย แต่มันก็ต้องกลับบ้าน
พ่อกับแม่มันไปเที่ยวต่างประเทศ เหลือน้องสาวน่ารัก ๆ อยู่บ้านคนเดียว
มันก็ต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนด่วนเช่นกัน น้องสาวมันติดครอบครัวมากๆ
ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่ ยังไงพี่อย่างมันต้องไปสแตนด์บายเป็นเพื่อนครับ
และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไป ปิดเทอม 2 เดือน เหลือเวลาอีก 2 อาทิตย์ก็จะเปิดแล้ว
ช่วงปิดเทอมผมกับไอ้นัย โทรคุยกันทุกวัน ผมก็แอบลวนลามทางคำพูด
ยิ่งพูดยิ่งคิดถึงครับอยากกอดไอ้ป่วนของผมเหลือเกิน
“เป็นไงสบายดีมั้ย? คิดถึงกุป่าว? กินข้าวรึยัง?
นอนเร็ว ๆ นะเดี๋ยวไม่สบาย อย่าลืมห่มผ้าหล่ะ?”
คำถามมากมายที่ผมกับมันผลัดกันถามผลัดกันตอบ
และมักจะลงท้ายด้วยคำว่า “อยากกอดมึงว่ะ , อยากจูบว่ะ” จากผมเสมอ
พ่อแม่ไอ้นัยกลับมาแล้ว หลังจากไปตะลุยทั่วญี่ปุ่น
ช่างเป็นการฮันนีมูนที่มีความสุขเหลือเกิน พ่อกับแม่มันน่ารักครับ
ชอบแอบหนีลูก ๆ ไปเที่ยวกันสองคน แล้วก็ทิ้งน้องสาวไว้ให้ไอ้ป่วนผมดูแล
แต่กลับมาก็จะมีของฝาก ๆ ที่ลูก ๆ เห็นแล้ว ลืมเรื่องงอนไปเลยหล่ะครับ หึหึ
ส่วนคุณปู่ผม ตอนนี้สบายดีแล้วท่านเป็นโรคหัวใจครับ ช่วงที่แล้วพักผ่อนไม่พอ
เลยทำให้อาการกำเริบ แต่พักนิดหน่อยก็หายครับ ปกติคุณปู่ท่านดูแลตัวเองดีมาก
ที่สำคัญ เหล่าบรรดาน้า ๆ ทั้งหลายก็ดูแลท่านเป็นอย่างดี ผมตั้งใจจะกลับ กทม.
พรุ่งนี้ และแน่นอนไอ้ป่วนก็กลับมาเช่นกัน ส่วนเรื่องไอ้เป้กับไอ้นัย ไม่ต้องพูดถึงครับ
แม่งหายหัวยกแพ็คเกจเลย โทรหาใครไม่มีคนรับสักคน แม่งตายกันหมดแล้วป่ะวะ
ทั้งผม ทั้งไอ้นัยนึกฉุน ที่ไม่สามารถรู้ชะตากรรมเพื่อนสนิทได้ ทั้ง ๆที่เป็นห่วงมาก ๆ
แต่สุดท้ายก็เลิกโทรพวกมัน กะว่าจะไปบุกห้องแม่งเลย ปกติไอ้สองคนนี้ไม่กลับบ้านอยู่แล้ว
ไอ้ปิงปองมักจะไปซ้องแบต ไอ้ปิงปองก็ตามไป หรือไปออกค่าย อะไรก็แล้วแต่ที่ทำได้
พวกมันทำหมด
.
.
ผมนั่งเครื่องบินมาถึง กทม. บ่าย 3.30 น. ยังไม่ได้เช็คเอ๊าไปไหน รออีก 20 นาที
โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล...อยู่ชั้นไหน อืม ได้เดี๋ยวกุไปหา” ผมวางสาย เดินไปหาไอ้ป่วนที่พึ่งมาถึง
ก่อนจะตรงไปที่แท็กซี่มิเตอร์ที่ให้บริการที่สุวรรณภูมิครับ ขับตรงไปยังคอนโดผม
เราสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปหาข้าวกิน... วันนี้ผมกับมันไปที่ตลาดนัด
แถว ๆ ในซอย เค้ามีอะไรขายเยอะแยะครับเราก็เดินเล่นเพลิน ๆ ก่อนจะซื้อนั่นซื้อนี่กินจนอิ่ม
กลับมาห้อง ก็มานั่งดูหนังที่ห้องดูทีวี จิบเบียร์เย็นกัน จนดึก ผมหันไปจูบไอ้ป่วนเบาๆ
ดูเหมือนมันเองก็รอสัมผัสผมเช่นกัน คิดถึงเหลือเกิน ไม่เจอเกือบ ๆ สองเดือน
ใจแทบขาด ริมฝีปากอุ่นกำลังดูดดื่มกันอย่างเร่าร้อนไม่มีใครยอมใคร
สัมผัสที่เหมือนกับไฟ ทว่าเป็นไฟแห่งแรงปรารถนา ที่เปลวเพลิงโหมกระหม่ำ
ราวกับจะทำให้อีกฝ่ายมอดไหม้ ไปเพียงเพราะสัมผัสเร่าร้อน ก่อนจะกระชาก
สวรรค์ให้มาอยู่ตรงหน้า พันธนาการที่เกี่ยวกัน ก่อนจะพ่นน้ำรักอย่างสุขสม
ผมกับไอ้ป่วน กระพือไฟแห่งแรงปรารถนาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกือบเช้า
ก่อนจะผลอยหลับลง ...จากความเหนื่อยล้า แต่หรรษาเกินจะบรรยาย
อ้อมโอบกอดคนร่างบางตรงหน้า ที่ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจถี่ ๆ ราวกับเพิ่งผ่านสงครามมา
ก่อนจะค่อย ๆ สูดหายใจหนัก ๆ ราวกับคนขาดอ๊อกซิเจน ดวงตาหนักอึ้งก็ค่อยปิดลง
--------------------------------------------------------------------