สวัสดีค่ะ เพิ่มอีกตอนแล้วนะคะ ตอนนี้ก็ยังไม่จบค่ะ กำลังเขียนอยู่
แต่คิดว่าน่าจะ Part 1 มาให้อ่านก่อน ส่วนอีก Part มันยังไม่เสร็จ
แต่น่าจะเสร็จวันนี้อ่ะ ค่ะ อ่านให้สนุกนะคะ
อย่าลืมเม้นนะคะ ... เรื่องคะแนนไม่เป็นไรค่ะ แค่อยากอ่านความคิดเห็น
คิคิ
บทที่ 12 ซักฟอก
พวกผมขับรถมาถึงหอไอ้ปิงปอง เราก็ตรงรี่ไปยังจุดมุ่งหมายทันที
…..สถานที่เกิดเหตุ ..จำได้มั้ยครับ เรื่องวันนั้นที่ทำให้เพื่อนผมทั้งสองคนเป็นแบบนี้
บางครั้งน้ำตาก็ไม่ช่วยอะไร ที่สิ่งผ่านมาแล้วก็ได้แต่ปล่อยให้มันผ่านไปชีวิตจริงไม่ใช่ละคร
สิ่งที่ทำไปแล้วไม่มีทางที่เราจะกลับไปแก้ไขได้ บางครั้งผมก็คิดว่าถ้าชีวิตจริงเป็นเหมือนละครบ้างก็คงจะดี
ถึงจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิตของพระเอกนางเอกสักเท่าไหร่ ....แต่สุดท้ายแล้ว
มันก็มาลงเอยตรงที่ได้อยู่ด้วยกัน ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ถึงเหตุผลมันจะน่ายอมรับหรือไม่
แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างนี้ ให้อภัยกันได้ง่าย ๆ ลืมเรื่องเลวร้ายที่ยากแสนยาก ทั้ง ๆที่ความจริง
มันเจ็บปวดขนาดนั้นแท้ๆ .....แต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับมายืนที่เดิม ๆ ใช้ชีวิตอย่างเดิม
เริ่มนับหนึ่งใหม่โดยที่ไม่มีใครหวาดระแวงกัน ... ถ้าขอได้ผมก็อยากจะขอให้เพื่อนผมทั้งคู่
ของผมรีเซ็ทตัวเองใหม่ กลับมาเป็นเพื่อน ...เพื่อนที่รัก ไว้ใจ เชื่อใจ และศรัทธากันเช่นเดิม
อยากเห็นรอยยิ้ม ...มากกว่าสีหน้ากังวล มากกว่าสีหน้าที่เศร้าสร้อย
ราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรให้มีความสุขอีกแล้ว ผมหยุดความคิดที่คงเป็นไปได้.....ยาก
หันจะกุมมือไอ้ป่วนที่ตอนนี้ระริกระรี้มีความสุขมากขนาดไหน
แผน....ที่ช่วงกันคิดทั้งคืนจะสำเร็จมั้ยนะ? มันยังเป็นแค่คำถาม....
แล้วถ้าไม่สำเร็จหล่ะ ไอ้ป่วนข้าง ๆ ผมคงไม่พ้นน้ำตานอง
“นัย....มึงคิดว่าจะสำเร็จมั้ย?” ความกังวลอันเปี่ยมล้นของผม เริ่มก่อตัวขึ้นช้า ๆ
เมื่อเราเดินมาถึงหน้าห้องไอ้ปิงปอง ผมอยากทำความเข้าใจกับมันก่อนเพราะดูไอ้ป่วน
จะเชื่อมั่นเหลือเกินว่าสิ่งวางแผนมานั้นจำสัมฤทธิ์ผล
“สำเร็จดิ....มึงไม่เชื่อความคิดกุเหรอ?” ไอ้ป่วนถามกลับ สีหน้าที่มุ่งมั่นทำเอาผมเป็นห่วงมากขึ้นอีก
“แล้ว......ถ้าไม่สำเร็จหล่ะ?” ผมลองแยบถามมันดู ไอ้ป่วนหน้าเจื่อนลงนิดหน่อย คงไม่ได้คิดเผื่อไว้
“ต้องสำเร็จดิ ...ยัง...ยังไงมันก็ต้องดีกันแหล่ะกุว่า.” มันตอบเสียงแผ่วลงก้มหน้ามองพื้นหน่อย ๆ
เริ่มกังวลอีกครั้ง ผมเอื้อมมือไปบีบไหล่ไอ้ป่วน มันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม
“สัญญากับกุก่อนไม่ว่าผลจะออกมายังไง ...มึงก็จะไม่เสียใจ
มึงทำดีที่สุดแล้วนะนัย...จำไว้ ...มึงทำดีที่สุดแล้ว อย่าพึ่งท้อและเสียกำลังใจ
ยังไงมึงต้องทำพวกมันกลับมาคืนดีให้ได้นะนัย ..สัญญาสิ ว่ามึงจะยังไม่ท้อ” ผมย้ำกับมันอีกครั้ง
“อือ..กุสัญญา.” มันพยักหน้ารับ ย่นปาก สูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ เรียกกำลังใจ
“พร้อมนะ” ผมว่า ถามมันอีกครั้ง
“อืม...กุพร้อมแล้ว” ไอ้ป่วนตอบอีกครั้งสีหน้ามันดีขึ้นมาก อย่างน้อยผมก็อยากให้มันเผื่อใจไว้
เผื่อใจสำหรับความไม่สมหวัง เหรียญยังมีสองด้าน แล้วมึงจะหวังผลด้านเดียวได้ยังไงหล่ะนัย
ถ้าไม่ใช่อย่างที่หวัง อย่างน้อย...........ก็ควรทำใจรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นบ้าง
“ก็อก ๆ ก็อก ๆ” ไอ้ป่วนลงมือเคาะเองกะมือ มันสูดลมหายใจอีกครั้ง
“แกร๊ก ๆ แอ๊ดดดดดดดดดด” เสียงประตูห้องไอ้ปิงปองเปิด...
“เห้ยยยยยยย” เราสามคนตะโกนพร้อมกัน ไอ้ป่วนดึงประตูปิดหันไปอ่านเลขห้องอีกครั้งให้แน่ใจ
“A1209 ก็ห้องไอ้ปิงปองนี่หว่า” มันว่า ผมพยักหน้าหงึก ๆ
“เออใช่ห้องไอ้ปิงปอง แล้วเมื่อกี้มึงเห็นเหมือนกุใช่มั้ย” ผมเอ่ยถามขึ้น ต้องการยืนยันกับไอ้ป่วน
เช่นกัน (กุตาไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ยว่ะ.....ไอ้เป้ มันคือ....ไอ้เป้ คร๊าบบบบบบบบบบ)
“เออ..กุว่า เมื่อกี้กุเห็นไอ้เป้เดินมาเปิดประตู” มันตอบ พยักหน้าหงึก น้ำเสียงร้อนรน แล้วดันประตูเปิด
ไอ้เป้ยืนอยู่จริง ๆ ด้วย ผมกับไอ้ป่วนอ้าปากค้าง ก่อนจะพูดซะพร้อมเพียงกันยังกะนัดกันมา
“ไอ้เป้...มึงจริงๆ ด้วย” ผมกับไอ้ป่วนหันมามองหน้ากัน ประมาณว่า แล้วมึงจะพูดพร้อมกุทำไม
ก่อนจะหันไปมองไอ้เป้ต่อ มันหัวเราะขำ ๆ กับท่าทางของพวกผม
“เออ กุเองไม่ใช่ผีอย่างที่พวกมึงคิดหรอก ฮ่า ๆ แล้วแม่งจะตกใจทำไมวะ” ไอ้เป้ตอบ ยังขำไม่หยุด
แต่ก็หลบให้พวกผมเดินเข้าไปข้างใน แต่พวกผมยังนิ่งไม่ขยับ แถมรัวคำถามไม่ยอมหยุด
โดยไอ้ป่วน .....
“นี่ห้องไอ้ปิงปอง?” ไอ้ป่วนชี้นิ้วไปที่ห้อง
“เออ” ไอ้เป้ตอบ ยืนพิงผนังไปเรียบร้อยแล้ว
“แล้วมึงไอ้เป้?” ไอ้ป่วนชี้นิ้วไปที่ไอ้เป้อีกที
“เออ กุชื่อเป้ จำกุไม่ได้?” มันยักคิ้วถามกลับกวน ๆ
“แล้วมึงแก้ผ้า?” มันจิ้มมือไปที่อกไอ้เป้
“กุแค่ถอดเสื้อ.. ไม่ได้แก้ผ้าซะหน่อย มึงอย่าเยอะไอ้นัย” ไอ้เป้ว่า ยังยียวนกวนประสาทไม่เลิก
“แล้ว...แล้ว..” ไป้ป่วนอ้าปากจะถามต่อ แต่ไม่ทันจะจบ
“แล้วมึงจะถามกุอีกนานมั้ย? กุเมื่อย และตอนนี้กุมีทางเลือกให้พวกมึงสองทาง
หนึ่งถ้าจะถามต่อ ก็ขออัญเชิญพวกมึงเข้ามาในห้องซะ กับ
สองถ้ามึงไม่อยากเข้า ก็เชิญไสหัวกลับ กุจะปิดประตูเพื่อไม่ให้ยุงเข้า
แล้วกุจะอัญเชิญตัวเองไปนั่งรอในห้อง
ส่วนพวกมึงถ้ายังอยากจะถามอะไรกุ ก็โทรถามกุเอาแล้วกันนะ ” ไอ้เป้ว่า ยิ้มๆ
ก่อนจะเดินนำพวกผมเข้าไปในห้องไอ้ปิงปอง
ไอ้ป่วนยังอ้าปากค้างหันหน้ามาหาผมเป็นคำถามว่า ”มันเกิดอะไรขึ้น?”
ผมยกทั้งมือยกทั้งไหล่แทนคำตอบ “กุไม่รู้” ก่อนจะเดินตามไอ้เป้เข้าห้องไป
พวกผมนั่งลงที่โซฟาขนาบข้างไอ้เป้ที่มันนั่งอยู่ตรงกลาง ไอ้เป้มามองซ้ายทีขวาที
แล้วถอนหายใจแรง ๆ ประมาณทำใจว่า “กุต้องเหนื่อยแน่ๆ”
“จะถามไรก็ถามมา” ไอ้เป้เอ่ยขึ้นเหล่ตาไปมองไอ้ป่วนที่จ้องมันเขม็งแบบไม่ให้คาดสายตา
“กุว่ามึงเล่ามาน่าจะง่ายกว่าให้กุถามมึงทีละคำถาม มึงว่ามั้ย?” ไอ้ป่วนว่า
ผมอ้าปากค้าง ทึ่งนิด ๆ (เออนัย...ความคิดมึงนี่ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ หึหึ)
และเหมือนไอ้ป่วนมันจะรู้ความคิดผม มันส่งสายตาโหดส่งมาให้ ทำเอาผมหุบปากแทบไม่ทัน
แล้วมันก็หันไปซักฟอกไอ้เป้ต่อ
“เออ กุก็ว่างั้น” ผมเอ่ยสนับสนุนในที่สุดหลังจากเงียบมานาน ไอ้ป่วนเหล่หางตามามองนิดนึง
ประมาณว่า”ตอบซะช้า..แม่งไม่ตอบพรุ่งนี้เลยหล่ะ” (หึหึ ...กุรู้หรอกนัยว่ามึงคิดอะไร)
ไอ้เป้ก็หันมามองผมด้วยสายตาประมาณว่า ”มึงกุเอากะเค้าด้วย?”
“ก็...” ไอ้เป้เอ่ย แล้วหันมามองผมที ไอ้ป่วนที ที่กำลังตั้งใจฟังมันอยู่ตอนนี้
“ก็อะไร...เร็ว ๆ ดิมึง อย่าลีลา กุไม่ชอบ” ไอ้ป่วนว่า
(แหม..เก่งใหญ่นะมึง หึหึ ลองเก่งกะกุดิ เดี๋ยวจัดเต็ม) ผมได้แต่อมยิ้ม ชะอุ้ย ... ไอ้ป่วนส่งสาย
ตาโหดส่งมาให้อีกแล้ว แม่งรู้ทันความคิดผม ...ผมเลยหลบตามัน แม่งดุอ่ะ ...ชิ่งหนีด้วยการ
กระแทกศอกใส่ไอ้เป้เบาๆ เร่งให้มันเล่า
“มึงอ่ะ...เร็ว ๆ ดิ” ผมว่า และตั้งใจฟังต่อไป
“ก็ไม่มีอะไร พวกมึงก็รู้ กุตามง้อไอ้ปิงปองอยู่ แล้วตอนช่วงสอบกุก็ยังมาอยู่
มาเรื่อย ๆ จนปิดเทอม ก็ยังมา ...มาทุกวัน แต่มีวันหนึ่ง..กุกำลังรอมันอยู่ที่หน้าห้อง
พี่กระเทยห้องท้ายสุดก็เดินมา ตรงดิ่งมาหากุเลย กุไม่ได้คิดไปเองนะสายตาแม่งส่อมากๆ
ส่งยิ้มสายตาหื่น ๆ มาให้กุ ไม่พอยังแลบลิ้นเลียรอบปากตัวเองอีก บรื้ออ... สยอง
พวกมึงก็รู้ใช่มั้ยว่าพี่เค้าเคยจะลากกุเข้าห้อง กุก็ทุบห้องไอ้ปิงปองรัวเลย
แม่ง......ไม่สนใจห้องข้างๆ แล้ว เดี๋ยวอีกระเทยนั่นลากกุไปอีกไม่มีใครช่วย
แล้วก็เหมือนไอ้ปิงปองมันก็รู้อยู่แล้ว... สักพักมันก็เปิดห้อง นั่งเงียบกันอยู่นาน
จนกุว่ามันน่าจะพร้อม ...ที่จะฟังกุแล้ว กุก็เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้มันฟัง
มันคงมีสติมากพอแล้ว ที่สำคัญกุไม่เคยโกหกมัน พวกมึงก็รู้” ไอ้เป้ว่า
“แล้วมันก็ให้อภัยมึงงั้นเหรอ..??” ไอ้ป่วนซักต่อ
“ก็อะไรหลาย ๆ อย่าง บวกกับที่ปางเค้าพูดตอนนั้นก็ช่วยได้เยอะเลยแหล่ะ
มันก็คิดอยู่นานเหมือนกัน กุแทบจะขอร้องมันเลยทีเดียว
แต่สุดท้ายมันก็เข้าใจอ่ะนะ.... แล้วจากนั้นน้องปางก็มาขอคืนดีกับมัน
แล้วมันก็เคลียร์อะไรหลายๆ อย่าง ทุกๆอย่างที่กุพูดกับน้องเค้าพูด
มันคงจะตรงกันอ่ะ มันเลยกลับมาเหมือนเดิมกับกุไง” ไอ้เป้อธิบายจนจบ
“พวกมึงมีอะไรสงสัยอีกมั้ย?” มันถามต่อ พวกผมส่ายหน้า จริงๆ ก็ควรเป็นแบบนั้น
บอกตามตรงขนาดผมกับไอ้นัยยังเชื่อไอ้เป้เลย ถึงจะคบกับพวกมันไม่นานเหมือนกับไอ้ปิงปอง
แต่ไอ้เป้มันก็แสดงความจริงใจออกมาให้เห็นเสมอ แทบจะไม่มีครั้งไหนที่มันจะโกหก
(ยกเว้นเรื่องที่มันล้อเล่น...อ่ะนะ ไอ้นี่มันช่างอำ)
ไอ้ป่วนกับผมยิ้มแป้น แต่ไอ้ป่วนท่าจะอาการหนักว่ายิ้มกว้างจนแทบไม่เห็นตาแล้ว
“มึงเก่งว่ะเป้ ...กุรักมึงจริง ๆ เล้ย..” ไอ้ป่วนว่า แล้วบรรจงกอดไอ้เป้แน่น ๆ
ไอ้เป้ก็ยิ้มหน้าบาน..อย่างโล่งใจ มึงจะโล่งใจทำไม พวกกุไม่ได้มาจับผิดมึงซะหน่อยแค่ถาม
(ว่าแต่...ฉิบหายแล้ว แล้วมึงจะกอดเค้าทำม้ายยยยย ไอ้นัย ปล่อยยเซ่)
“มึงพอเลย ตากุกอดมั่ง ชิส์” ผมว่า ผลักไอ้ป่วนหน้าหงาย แต่มันยังยิ้มหน้าบาน
ด้วยอาการอารมณ์ดี ผมยื่นมือกำลังจะกอดไอ้เป้แทนไอ้ป่วนก็ต้องชะงัก ..กึกกก
“พอ...พอเลยมึง กอดกุฟ้าผ่าตายพอดี” ไอ้เป้ว่า ทำหน้าเหวอ (ประมาณว่ารังเกียจกุมาก)
ผลักผมจนหน้าหงาย และกลายเป็นผมที่ทำหน้างอซะเอง
“ทำไมทีไอ้ปิงปองกับไอ้นัย กอดมึงไอ้อ่ะ” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัยมานานมากแล้ว
“มึงอย่าเอาตัวเองมาเทียบกับไอ้ปิงปอง กะ ไอ้นัยดิว่ะ มึงมันแค่ดอกหญ้า
ส่วนไอ้พวกนี้ ..มันเทวดาตัวน้อย ๆ เว้ย .. หน้าปลวก ๆ แบบมึง
ไปไกลๆ เลยไป ชิ้วๆ” ไอ้เป้ว่า ยกมือมันไล่ผมไปไกล ๆ เล่นเอาฮากันยกก๊วน
ยกเว้นผมคนเดียว งุงิ....งอนอ่ะครับ...งอน
“กุไม่ได้หน้าปลวก แต่กุ....หน้าหล่อว่ะเชี่ยเป้ หึหึ” ผมยืมท่าถูกต้องแล้วครับ ของคุณปัญญา
เอามาใช้ วาดมือท่าถูกต้องแล้วครับมาไว้ใต้คาง ส่งยิ้มหล่อ ๆ บวกยักคิ้วให้ไอ้สองตัวนั่น
เล่นทำเอามันขำกร๊ากกกลงไปนอนกับพื้นโซฟา (แม่งจะฮาไปไหน ..กุเสีย self)
“ฮ่าๆ เออ ๆ กุยอมมึงแล้ว...ไอ้หล่อ” ไอ้เป้ว่า ขำไม่เลิก แต่ผมพอใจแล้วครับยิ้มหน้าบาน
(คึคึ ในที่สุดพวกมึงก็ยอมรับว่ากุหล่อ .... ยอมรับความจริงซะทีนะ กุให้อภัยไอ้พวกหล่อน้อยกว่ากุ)