::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55  (อ่าน 145868 ครั้ง)

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
พิชญ์ถูกหลอกล่อด้วยสารพัดวิธี

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
คุณพยุตม์แอบร้ายอ่า
ชอบเค้าก็บอกไปซี่!!!

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
พยุตม์ร้ายที่สุด แต่ชอบแบบนี้ 555

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
อาทิตย์อัสดง บทที่ 9

พิชญเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านต่ออีกครู่ใหญ่จึงเดินออกมายืนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน เห็นแผ่นหลังกว้างไม่สวมเสื้อของชายคนที่จะไปดูปลาโลมากระโดดน้ำอยู่ลิบๆ
วิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชะง่อนผา ปลาโลมาใต้แสงดาว จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือแค่แกล้งพูดให้เราอยากดู
พิชญนั่งลงบนขั้นบันได รู้สึกเบื่อมากเพราะไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านี้ เขายังอามณ์เสียอยู่เพราะคนขับเรือผิดนัด
“บ้าจริงๆ แล้วทำไงเราถึงจะกลับกรุงเทพฯ ได้ล่ะทีนี้ อีตานั่นก็ไม่เห็นท่าทางจะเดือดร้อนด้วย จะหาทางช่วยหน่อยก็ไม่มี อะไรกัน ยังจะมีหน้ามาชวนไปเดินชมธรรมชาติ” พิชญบ่นอยู่คนเดียว
ชะง่อนผา มองลงไปเห็นทะเลกว้างใหญ่ วิวพระอาทิตย์ยามเย็น ตามด้วยท้องฟ้ามืดสนิทมีดาวระยิบระยับเต็มไปหมด จากนั้นก็ชมฝูงปลาโลมากระโดดเล่นน้ำ
โอย อยากดู อยากเห็น
พิชญถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินลงจากบ้าน มุ่งตรงไปตามทางที่ผู้ชายตัวโตคนนั้นเดินไป แม้ขณะนี้ร่างของคนที่ไม่ชอบสวมเสื้อนั้นลับจากสายตาไปแล้วแต่พิชญคิดว่าหากเขาเร่งเท้าขึ้นอีกหน่อยก็คงจะตามทัน

พิชญคิดผิด เขาเดินมาครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตามผู้ชายตัวโตคนนั้นทัน แต่พิชญไม่หนักใจเพราะรู้ว่านี่คือเกาะส่วนตัว หากจะหลงทางก็คงได้แต่เดินนวนไปวนมาบนเกาะ ถ้าผิดสังเกตผู้ชายคนนั้นคงมาตามหาและไม่นานก็คงเจอเขา
ท่าทางเขาคุ้นกับเกาะมากนี่นา แต่ละวันที่หายใปก็ไปเดินอยู่รอบเกาะจนน่าจะรู้จักพื้นที่แทบทุกตารางนิ้ว
เมื่อเดินมาได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงพิชญก็ได้ยินเสียงหนึ่งซึ่งคิดว่าเป็นเสียงเครื่องยนต์ คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือคำว่า 'เรือ'
พิชญรีบเร่งเท้า เดินตรงไปยังทิศตะวันตก ตั้งใจจะไปให้ถึงสุดเกาะซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นโขดหินหรือหน้าผาเพราะภูมิประเทศด้านทิศตะวันตกของเกาะเป็นโขดหินสูง
กว่าจะมาถึงหน้าผาเล็กๆ สูงประมาณสิบเมตรจากระดับน้ำทะเลพิชญก็เหงื่อโทรมกาย แต่เมื่อมองออกไปยังทะเลกว้างเบื้องหน้ากลับไม่เห็นเรือสักลำ ชายหนุ่มพ่นลมออกมาจากปากด้วยความหงุดหงิดปนกับความเหนื่อย แต่อีกใจหนึ่งก็นึกว่าตัวเองอาจจะหูแว่ว
พิชญนั่งพัก มองไปทางทิศใต้และทิศเหนือสลับกัน ทิศใต้มีโขดหินสูงมากซึ่งสูงชันขึ้นไปสลับกับพุ่มไม้ทึบ ไม่มีทางที่เดินลัดเลาะไปได้ แต่ทิศเหนือเป็นโขดหินเล็กสลับใหญ่ค่อยๆ ลาดชันขึ้นไปทีละน้อยซึ่งน่าจะพอปีนป่ายขึ้นไปอย่างไม่ลำบากเท่าใดนัก
เอ๊ะ หรือว่านี่คือทางไปชะง่อนผาอย่างที่อีตานั่นพูด
แล้วนี่ชวนเรามา พอเราปฏิเสธหน่อยก็หายไปเลย เวลาเดินน่าจะรอกันบ้าง ไม่คิดหรือไงว่าเราอาจจะเปลี่ยนใจตามมา
พิชญบ่นให้คนที่อยู่ร่วมเกาะในใจแล้วลุกขึ้น ค่อยๆ เดินลัดเลาะไปตามทางสลับกับการปีนโขดหินขึ้นไปทางทิศเหนือ ลมเริ่มแรงขึ้น พัดเอาไอ้ร้อนผสมไอเย็นมาปะทะใบหน้า รู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด เสียงนกนางนวลร้องฟังราวกับเป็นจังหวะดนตรีธรรมชาติ คลื่นกระทบโขดหินดังค่อยๆ ส่งเสียงสะท้อนก้องกังวาน พิชญเริ่มฮัมเพลง รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที จากนั้นก็เริ่มส่งเสียงดังขึ้นเป็นการร้องเพลงเต็มเสียง และไม่นานก็กลายเป็นการแหกปากร้องเพลงโดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยินและมองเขาเป็นตัวแปลกประหลาด
พิชญหยุดพักแล้วนั่งลงบนโขดหินเล็กๆ มองออกไปยังทะเลเวิ้งว้างเบื้องหน้า แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบผิวน้ำทะเลราบเรียบ ทำให้เกิดแสงสะท้อนระยิบระยับ
สวยงามแบบนี้เอง มิน่า คนเขาถึงได้ทุ่มเงินซื้อเกาะแล้วสร้างบ้านพักเอาไว้ คอยดูนะ รอให้เราทำงานเก็บเงินได้เยอะๆ ซะก่อน เราก็จะซื้อเกาะเหมือนกัน
พิชญยิ้มกว้างอยู่คนเดียว รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีทั้งที่รู้ว่าเมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ จะต้องเผชิญกับปัญหาอีกมากมาย
การหลบมาพักที่เกาะกลางทะเลช่วยได้มากจริงๆ ได้ปลดปลอย ได้...ได้...
เอ...แล้วการที่ได้ทะเลาะกับผู้ชายคนนั้นและไม่เหงาปากนี่มันช่วยด้วยหรือเปล่านะ
พิชญหัวเราะหึๆ ในลำคอและทันใดก็รู้สึกอยากจะปลดปล่อยอารมณ์จึงลุกขึ้นตะโกนออกมาดังๆ
“เฮ้อ รู้สึกดีจัง” พิชญพูดแล้วกระโดดและตะโกนอีกครั้ง
แต่คราวนี้เขายืนนิ่ง ขมวดคิ้ว เพราะคิดว่าตัวเองเห็นอะไรบางอย่างขณะที่กระโดด
ยอดสีขาวๆ แบบนั้นมันคือปลายเสากระโดงเรือหรือว่าธง
พิชญกระโดดสุดแรงอีกครั้งเพื่อดูให้ชัดขึ้น
เรือ ต้องมีเรือจอดอยู่ฟากโน้นแน่ๆ
พิชญรีบปีนขึ้นโขดหินทางทิศเหนือเพื่อขึ้นไปยังจุดที่สูงขึ้น จริงอย่างที่คิด เขาเห็นเสาสีขาวโผล่ขึ้นมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แนวโขดหินของเกาะโค้งไปทางทิศตะวันตกและสูงชันขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งพิชญคิดว่าน่าจะเป็นที่เรือลำนั้นจอดหลบอยู่
พิชญเร่งฝีเท้า ตรงไปข้างหน้าอย่างมุ่มมั่น และไม่นานก็มายืนอยู่บนหน้าผา มองลงไปเห็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง
เรือยอท์ชสีขาวขนาดกลางจอดนิ่งอยู่ในเวิ้งอ่าวเล็กๆ!
พิชญหันซ้ายหันขวา มองหาทางที่จะลงไปยังเรือลำนั้น เขาคิดว่าวิธีง่ายที่สุดคือกระโดดลงไปในน้ำและว่ายน้ำเข้าไปหาเรือ แต่เขาคงไม่บ้าบิ่นขนาดนั้น
พิชญมองไปทางทิศเหนือ ทางเดินลาดต่ำลงแต่ก็เป็นระยะทางกว่าสามร้อยเมตร หากเดินลงไปทางนั้นก็จะห่างจากเรือมากขึ้น แต่เขาก็สงสัยว่าอาจจะปีนลงไปยังโขดหินที่ปริ่มน้ำทะเลได้ แล้วคงจะต้องเดินลัดเลาะไปตามโขดหินใต้หน้าผาเพื่อไปยังจุดที่ใกล้เรือที่สุด
เท้าไว้เท่าความคิด พิชญเดินไปทันทีแต่เมื่อถึงจุดที่ต่ำสุดเขาก็ยังมองไม่เห็นทางที่จะปีนลงไปยังโขดหินข้างล่างได้ จุดที่เขายืนอยู่ถึงแม้จะต่ำแต่ก็ยังมีความสูงประมาณกว่าสี่เมตร
พิชญบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินขึ้นเนินย้อนกลับไปจุดที่เรือจอด ตั้งใจจะตะโกนเรียกคนที่อยู่ในเรือ
ลืมไปได้ยังไง ถ้าเรียกดังๆ คนที่อยู่ในเรืออาจจะได้ยิน เราจะขอร้องหรือไม่ก็จ้างให้ไปส่งที่กระบี่ หรือไม่ก็ไปส่งที่เกาะไหนซักแห่งที่จะเช่าเรือชาวประมงได้

พิชญตะโกนจนคอแห้งแต่ก็ไร้ผลเพราะไม่มีเสียงขานรับจากเจ้าของเรือยอท์ชหรู ชายหนุ่มนั่งลงอย่างหมดแรง รู้สึกแทบจะหมดหวัง ใจหนึ่งบอกตัวเองว่าให้รออย่างอดทน เจ้าของเรืออาจกำลังออกไปพายเรือแคนูเล่นหรือไม่ก็ไปดำน้ำ แต่อีกใจหนึ่งบอกให้กลับไปบ้านก่อนนแล้วค่อยกลับมาอีกทีพรุ่งนี้เช้าเพราะพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว
ไม่ได้หรอก เผื่อเขากลับมาแล้วขับเรือไปซะก่อนล่ะ และอีกอย่าง พอใกล้ค่ำ ถ้าไปเที่ยวอยู่ที่ไหนเจ้าของเรือก็คงจะกลับมานอนที่เรือของตัวเอง
พิชญจึงนั่งรออย่างอดทน เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เวลาเย็นเข้ามาเยือน แสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงและไม่นานก็หายลับไปกับทะเลเวิ้งว้าง ความเงียบและความมืดเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณแต่ก็ไร้วี่แววว่าเจ้าของเรือจะกลับมา บนเรือเงียบและมืดสนิท
ขออีกซักหนึ่งชั่วโมง ถ้าไม่มาเราก็จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะรอ แล้วค่อยเสี่ยงดวงกลับมาใหม่พรุ่งนี้
เขาไปไหนของเขานะ ไม่ห่วงเรือตัวเองหรือไง ถ้าเกิดมีคนไม่ดีขึ้นไปบนเรือแล้วขับหนีไปจะว่ายังไง
พิชญเอนตัวลงนอนหงาย ตามองขึ้นไปท้องฟ้า เห็นดาวเริ่มทอแสงประกายระยิบระยับ แม้ดาวยังปรากฎไม่มากแต่ก็ดูสวยงามยิ่งนัก พิชญรู้ว่ายิ่งดึกดาวก็จะยิ่งเต็มฟ้า
แล้วผู้ชายคนนั้นไปนั่งดูดาวกับปลาโลมาอยู่ที่ชะง่อนผาตรงไหน ตรงจุดนี้ก็เรียกว่าชะง่อนผา วิวก็สวย ทำไมเขาไม่มาตรงนี้ อย่างน้อยจะได้ช่วยหาทางติดต่อเจ้าของเรือ
แต่เอ๊ะ เขาเดินท่องไปทั่วเกาะ ยังไงก็ต้องผ่านมาแถวนี้บ้าง นายคนนั้นจะไม่เห็นเลยหรือว่ามีเรือยอท์ชจอดอยู่ตรงนี้
หรือว่า!
หรือว่ามันเรือของเขา

สองทุ่มครึ่งแล้วแต่คนที่เคยอยู่ร่วมบ้านกับเขาได้ครึ่งเดือนยังไม่กลับ อาหารเย็นที่ทำเอาไว้เผื่อชายหนุ่มคนนั้นตอนนี้เย็นชืด พยุตม์จึงลงจากบ้านเพื่อออกไปตามหา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เห็นร่างของชายหนุ่มชาวกรุงเดินมาตามทางเดินกลางเกาะ ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง
“คุณหายไปไหนมา” พยุตม์ถาม “อย่าบอกนะว่าไปนอนเล่นที่เปลใต้ต้นไทรแล้วลงมาไม่ได้”
“อย่ามากวนอารมณ์นะคุณ” พิชญตอบเสียงเย็น
“อ้าว คนถามเพราะเป็นห่วง”
“ผมหลงทาง” พิชญตอบแล้วนั่งลงกับพื้นเพื่อพักเหนื่อย “นี่ดีนะที่เดินขึ้นเหนือไปจนเจอเปลกับต้นไม้เลยกลับถูก”
“คุณไปไหนมา” พยุตม์นั่งยองๆ ลงข้างๆ พร้อมกับถามเสียงนุ่ม
“ไปดูชะง่อนผากับปลาโลมาเล่นน้ำทะเลใต้แสงดาวมั๊ง” พิชญกระแทกเสียง “แล้วคุณล่ะ เห็นบ้างหรือเปล่า”
“เปล่า” พยุตม์ส่ายหน้า “ผมไม่ได้โชคดีเสมอไปหรอก”
“หรือว่าคุณหลอกผม”
“หลอกเรื่องอะไร”
“ชะง่อนผาน่ะมีจริง แต่ปลาโลมาเล่นน้ำตอนกลางคืนนี่คงเป็นราคาคุย คุณต้องการให้ผมหยุดเดินไปเดินมาและออกมานอกบ้าน ก็เลยพูดหลอกล่อให้ผมทำตาม”
“ผมจำได้ว่าผมชวนคุณแต่คุณไม่ไปกับผม” พยุตม์จ้องหน้าพิชญ “แล้วอยู่ๆ ทำไมเกิดเปลี่ยนใจ ถ้าคุณยอมไปกับผมตั้งแต่ตอนนั้นก็คงไม่หลงทางแล้วก็ไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้”
“ช่างเถอะ ผมไม่ได้กลัวอะไรเท่าไหร่ เกาะก็แค่นี้ ผมรู้ว่าตัวเองอยู่ทิศตะวันตก ถ้าเดินเลียบไปตามแนวโขดหินก็คงขึ้นไปถึงทิศเหนือซึ่งเป็นหาดทรายและเจอต้นไม้ใหญ่...”
“ต้นไทร” พยุตม์แทรก
“นั้นล่ะ ต้นอะไรก็ช่างเถอะ แล้วผมก็จะใช้ทางเดินตัดผ่านกลางเกาะกลับมาที่บ้านได้อยู่แล้ว ผมไม่ใช่คนโง่”
“อืม...ก็ดี” พยุตม์พยักหน้า
“ผมไม่ใช่คนโง่” พิชญพูดซ้ำอีกครั้งช้าๆ ชัดๆ
“อืม...ผมก็ว่ายังงั้นล่ะ”
“คุณมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า” พิชญจ้องตาอีกฝ่าย
“เรื่องอะไรครับ”
“ถ้าผมรู้ว่าเรื่องอะไรผมจะถามคุณทำไม”
“ทำไมผมต้องปิดบังคุณ หรือทำไมผมต้องปิดบังใคร” พยุตม์หันไปมองด้านข้าง
“คนเรามีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันที่จะไม่พูดความจริง”
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร”
“คุณรู้ไหมว่าวันนี้ผมไปเจออะไรมาบ้าง” พิชญพูดเสียงเข้ม
“ทำหน้าอย่างนี้แสดงว่าไม่เป็นปลาโลมา” พยุตม์ยิ้มกว้าง “บอกแล้วว่าให้ไปกับผม”
“ถึงไปกับคุณก็ไม่เห็น เมื่อกี้คุณก็บอกว่าคุณโชคไม่ดี ไม่เห็นปลาโลมาซักตัว”
“ไปกันสองคนอาจจะโชคดีก็ได้” พยุตม์ยักไหล่แล้วลุกขึ้น “ไปกันเถอะคุณ นี่จะสามทุ่มอยู่แล้ว ผมว่าคุณดูเหนื่อย กลับบ้านอาบน้ำเย็นๆ นอนเตียงสบายๆ จะได้พักผ่อน”
“ผมเห็นเรือ” พิชญพูดโพล่งขึ้นมา
“อยากกลับกรุงเทพฯ มากจนตาฝาด” พยุตม์พูดเบาๆ
“เรือยอท์ช หรูไม่ใช่เล่นเลยล่ะ”
“คุณคงเดินเร็วไม่ไหว ผมล่วงหน้าไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันที่บ้าน” พยุตม์เร่งเดิน
ใช่แน่ๆ เรือของอีตานี่แน่ๆ ทำเฉไฉออกนอกเรื่องแบบนี้เพราะไม่อยากโดนซักไซร้ไล่เลียง
พิชญหรี่ตามองแผ่นหลังกว้างอวดผิวสีเข้มและมัดกล้ามแกร่งแล้วรู้สึกอยากจะหยิบก้อนหินขว้างให้หายเจ็บใจ
อยู่ด้วยกันบนเกาะมาตั้งสองอาทิตย์เขาไม่เคยปริปากเลยว่ามีเรือยอท์ช เอาแต่คุยว่าสร้างบ้านเองและเกาะเป็นของเขา
แต่เราก็ไม่เชื่อนี่นา ใช่ไหมล่ะ ถ้ายังงั้นเขาจะเอาเรื่องเรือยอท์ชมาพูดให้โดนแขวะว่าอวดรวยทำไม ปากเราก็ยิ่งร้ายอยู่ด้วย
ไม่รู้ล่ะ แต่เมื่อเช้านี้ที่เรือเบี้ยวนัดเราทำให้กลับไม่ได้ เขาก็น่าจะพูดออกมา น่าจะเสนอตัวไปส่งด้วยซ้ำ ไม่ใช่ทำเป็นใจเย็นอยู่แบบนี้ ไร้น้ำใจ และกวนอารมณ์มากจนถึงมากที่สุด

เมื่อกลับถึงบ้านพิชญยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อ 'เจ้าของเรือยอท์ช' ใช้เวลาอาบน้ำนานมากจนเขาต้องไปเคาะประตู
“คุณอาบน้ำขัดผิวให้ขาวหรือไง อย่าลืมนะ บ้านหลังนี้อยู่กันสองคน ผมก็ต้องอาบน้ำเหมือนกัน” พิชญพูดเสียงดัง
“จะเสร็จแล้วครับ” คนที่อยู่ในห้องน้ำตอบเสียงดังเช่นกัน
“หรือคุณจะหลบหน้าผม”
“ผมจะหลบหน้าคุณทำไม เรื่องหลบหน้าคุณไม่เคยอยู่ในสมองผมเลยคร้าบ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้หลบหน้าผม” พิชญพูดเสียงเย็นชา
“นอกเสียจากว่าผมรู้สึกว่าคุณอยากหาเรื่อง”
“ผมไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใคร”
“ผมก็ไม่ใช่คนที่อยากมีเรื่องกับใคร ผมชอบอยู่เงียบๆ อาบน้ำเสร็จก็คงรีบเข้านอน”
พิชญเบ้ปาก ตอนนี้รู้อย่างไม่สงสัยอะไรแล้วว่าผู้ชายคนนี้ปิดบังเรื่องเรือยอท์ช
แต่รู้จักพิชญน้อยไปแล้วพ่อตัวดี อย่าหวังว่าจะได้หลับง่ายๆ
ร้ายจริงๆ ร้ายแบบหน้านิ่งๆ
แล้วแสดงออกแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าเราจะจับได้
ก็ใช่สิ เขาหาทางเอาตัวรอดไม่ได้นี่นา มันชัดเจนเสียจนไม่รู้จะชัดเจนยังไง เรือจะเป็นของใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ของตัวเอง ลองดูหน่อยสิว่าอีตานี่จะปฏิเสธหรือจะเล่นลิ้นกับเราไปถึงไหน
“คุณเคยรู้มาก่อนหรือไม่ว่ามีเรือมาจอดอยู่ที่ใต้หน้าผา” พิชญถามต่อ
“หา อะไรนะครับ”
“คุณรู้หรือเปล่าว่ามีเรือจอดอยู่ใต้หน้าผาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ”
“ผมกำลังอาบน้ำ เราค่อยคุยกันตอนอื่นได้ไหมครับ ผมไม่ค่อยได้ยิน”
“ผมอยากคุยตอนนี้” พิชญพูดเสียงเข้ม
“ถ้ายังงั้นก็เข้ามาคุย” เสียงห้าวนั้นตอบและไม่กี่อึดใจประตูห้องน้ำก็เปิดออก พิชญสะดุ้ง ก้มลงมองเนื้อตัวคนที่ยืนเปลือยกายมีหยดน้ำพราวเต็มตัว
“คนบ้า” พิชญอุทาน
“คุณอยากคุยก็คุยมาสิ” พยุตม์ทำหน้าจริงจัง
“เปิดประตูออกมาได้ยังไง” พิชญตำหนิ ละสายตาจากกลางลำตัวของ 'ชีเปลือย' ให้มองสูงกว่าเดิมแต่ทำได้แค่เพียงหยุดสายตาอยู่ที่แผ่นอกกว้าง
“ก็คุณเร่ง ผมมีเวลานุ่งผ้าเช็ดตัวที่ไหนเล่า ไหนล่ะ อยากคุยนักไม่ใช่หรือ” พยุตม์พูดเสียงเข้ม
“คุณไปหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งให้เรียบร้อย” พิชญสั่ง
“คุณครับ นี่จะรอจนกว่าผมอาบน้ำเสร็จไม่ได้เลยหรือไง”
“คุณอาบมานานแล้ว”
“ผมยังไม่เสร็จ” พยุตม์ตอบแล้วหัวเราะในลำคอ “แต่ความจริงใกล้จะถึงจุด เอ๊ย เสร็จแล้ว ถ้าไม่โดนรบกวนกลางคันจนอารมณ์ค้าง”
“บ้าจริงๆ” พิชญหันหลัง เดินออกไปจากห้อง ปากบ่นพึมพำว่า “โด่เด่เปิดประตูออกมาได้”

::: End of chapter 9 :::


ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
แหง่มมม เจ้าเลห์

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
เอามือตบตัก ป๊าดดดดด !!
นั่นไงตูว่าแล้ว มันต้องซุกเรือไว้
ไม่ใช่เรือธรรมดา เรือยอท์ชซะด้วยอย่างหรู 
หล่อ รวย ลูกเล่นแพรวพราวเชียวนะพ่อคุ๊ณณณณ
โดนจับได้แบบนี้  รีบๆจับกดซะก่อนที่เค้าจะหนีนะคุณหฤษ เจ้ยย คุณพยุตม์  :laugh:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ตลกดี

อัพไว  ทันใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

member

  • บุคคลทั่วไป
อร้ายยยยย  วันนี้สองตอนอีกแล้ววว 

แหมม  พิชยจะมองก็มองไปเหอะ พ่อพยุตย์เค้าชอบโชว์อยู่แล้วว  :haun4:

รอตอนต่อไปจ้า

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
ก็เขาไม่อยากให้ไป
แล้วเขาจะบอกล่ะจริงม่ะ
เจอชีเปลือยเข้าไป
ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ถ้าพี่คทาวุฑจะอัพไวขนาดนี้...   โฮะๆๆๆๆ  คนอ่านก็รักตายเลยสิคะ

เริ่มจะสงสัยมากขึ้นแล้วนะ  พระเอกเป็นใครกันล่ะนี่ 

เป็นแผนการของใครสักคนรึป่าว  หรืออาจจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ 

โอ้ยยยย  อยากรู้ๆๆๆ

เรื่องนี้จะยาวเท่ากายมั้ยเนี่ย.... 

+1 ค่า

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
พิชญเถียงยังกะเด็ก ตลกปนน่าตบหัวเล็กๆดี
พยุตม์นี่ดูนิ่งๆแต่ทำให้หลงเอาได้ง่ายๆเหมือนกันนะ
อยู่ต่อไปอีกห้าวันเถอะจ้า รอดูคนเขาทำคะแนนหน่อย

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ยโด่เด่ คนอ่านหละอยากจะเห็นมั้ง

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 :o8: อ่านแล้วเขินวุ้ย

มารอตอนต่อไปอีก

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ตีกันให้ตายไปข้างนึงก่อนค่อยรักกัน ตอนรักกันจะได้ไม่มีเรื่องตีกันแล้ว(เหรอออออ)

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
อ่อยกันจริงเดี๋ยวหนูพิชญใจละลายกันพอดี

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
บ้าจริง...โด่เด่ออกมาได้ :z1:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
รอตอนต่อไปนะ
+ 1 นะคะ

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
ทะเลาะกันได้ทุกวันเลยคู่นี้ แต่เป็นแบบพ่อแง่แม่งอนนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
อัพไวมากกกกกกกกกกกกกกกกก จนกลัว...ว่าจะหายไป 5555 เป็นโรคขี้ระแวง อิอิ

รวยใช่เล่นนะคุณยุตเนี่ย ชอบเค้าก็รีบๆสารภาพไปเถ๊อะ เดี๋ยวจะเหลือเวลาอยู่กันตามลำพังน้อยนะจ้ะ

ขอบคุณมากค๊าาา กอดแน่น  :กอด1:

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
คุณพยุต์ร้ายจริงๆ
จับรวบหัวรวบหางไปเลยยยยย 55

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
เรือใครเอ่ย??
นายเอกเรางอนยาวแล้ว

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
อาทิตย์อัสดง บทที่ 10

พิชญอยู่บนเก้าอี้ที่ระเบียงหน้าบ้านอยู่นานจนแน่ใจว่า 'คนอาบน้ำนาน' อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอน แต่ภาพที่เห็นทำให้เขาฉุนกึกเพราะผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงและท่าทางหลับไปแล้วเรียบร้อย
“คุณ...นี่คุณ” พิชญเรียก
“หือ” คนที่นอนอยู่ทำเสียงอู้อี้
“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อน”
“อือ...” พยุตม์ไม่กระดุกกระดิกตัว
“ตอบมาก่อนว่าเรือนั่นเป็นของคุณหรือเปล่า”
เงียบ ไม่ตอบ พิชญเม้มปาก อยากหาอะไรฟาดเข้าที่ต้นขาด้านหลังของนายท่อนซุงแรงๆ
“คุณไม่ตอบ งั้นก็คงไม่ใช่ ดึกขนาดนี้เจ้าของเขาคงกลับมาที่เรือแล้ว ผมไปคุยกับเขาทีเรือดีกว่า เผื่อจะได้จ้างให้ไปส่งที่ฝั่ง” พิชญพูดแล้วเดินลงส้นเท้าออกจากห้อง
“เชื่อเขาเลยจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้” พยุตม์พึมพำ หน้ายังคงซุกอยู่กับหมอน ยิ้มมุมปากบางๆ แต่ใจนึกหวั่นเกรงฤทธิ์เดชของชายหนุ่มเจ้าอารมณ์อยู่ไม่ใช่น้อยที่มารู้ความจริงเข้า
และที่สำคัญ เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เพราะอะไรนะหรือ
เพราะเขาอยากยืดเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันออกไปให้นานขึ้นนะสิ
แล้วนี่ทำไมเงียบไป ปกติถ้าไม่พอใจอะไรจะทำกระแทกกระทั้น
พยุตม์ลุกขึ้นและเดินย่องไปที่ประตูห้องนอน ค่อยๆ แง้มประตูออกไปดูว่าชายหนุ่มที่อยู่ร่วมบ้านนอนอยู่บนโซฟาหรือไม่ แต่ทันใดนั้นหางตาเขาก็มองเห็นร่างหนึ่งเดินห่างออกจากบ้านไป กำลังจะหายไปในความมืด
“เฮ้ย จะไปที่เรือจริงๆ หรือนี่” พยุตม์ตกใจ รีบเดินลงจากบ้านตามหลังพิชญไปทันที ปากก็บ่นไปด้วยว่า “โอ้โห ใจถึงไม่ใช่เล่นแฮะ”
ไม่นาน พยุตม์ก็ใกล้ถึงคนที่เดินนำหน้า เขาร้องเรียกแต่ฝ่ายนั้นยิ่งเพิ่มความเร็ว แต่ขาพยุตม์ยาวกว่า เขาจึงเร่งตามจนทัน
“นี่คุณ จะออกไปมืดๆ แบบนี้ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวได้โดนงูกัด ไม่ก็สะดุดหินล้มขาหักขาแพลง”
“ผมจะไปที่เรือ” พิชญตอบ
“แล้วกระโดดตูมลงไปในน้ำให้เจ้าของเรือรู้ว่าคุณไปหาหรือไง”
“ผมจะทำแบบนั้นทำไม” พิชญหยุดเดินทันทีและหันมาเผชิญหน้าคนที่เดินตามมา”
“หือ” พยุตม์ชะงัก
“ก็ในเมื่อผมรู้ว่าเจ้าของเรืออยู่ที่นี่” พิชญกระแทกเสียง กำมือแล้วกระทุ้งหน้าอกเปลือยเปล่าของเจ้าของเรือ “ยอมรับมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณเป็นเจ้าของเรือ ผมต้องการได้ยินคำตอบว่าใช่หรือไม่ใช่”
“ก็แล้วคุณจะเดินออกมาจาบ้านทำไมตั้งใกลเพื่อจะเอาคำตอบนี้ล่ะ”
“เมื่อกี้คุณแกล้งนอนหลับ” พิชญชี้หน้า
“ตกลงคุณจะคุยเรื่องอะไรกันแน่”
“เรื่องเรือ”
“เอาไว้คุยกับพรุ่งนี้ได้ไหมครับ นี่ถึงเวลานอนแล้ว ผมง่วง” พยุตม์อ้าปากหาว
“ถ้าคุยกันไม่เคลียร์ก็อย่าหวังว่าจะได้นอนตาหลับ” พิชญเอาเรื่อง
“เอางั้นเลยหรือ” พยุตม์ยกมือเกาศีรษะ
“ใช่หรือไม่ใช่”
“แต่ก่อนไม่ใช่หรอกครับ แต่พอดี...”
“ใช่หรือไม่ใช่” พิชญจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง
“ใช่คร้าบ” พยุตม์ลากเสียง ในที่สุดก็ยอมรับ “แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร เรือเสีย น้ำมันหมด ต้องจอดทิ้งไว้อย่างนั้น คุณเลยปีนขึ้นมาบนเกาะ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็เลยถือโอกาสครอบครองบ้านซะเลย”
“เอาอีกแล้ว นี่คุณก็ยังหาว่าผมไม่ใช่เจ้าของเกาะ ไม่ใช่เจ้าของบ้าน ทำไมไม่คิดว่าผมไม่ใช่เจ้าของเรือบ้าง”
“พรุ่งนี้คุณไปส่งผมที่ฝั่ง จะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามา แต่ขอให้ราคาสมเหตุสมผล” พิชญสรุป
“คุณคร้าบ ราคาเช่าเหมาลำเรือยอท์ชนี่ไม่ใช่สี่ห้าพันอย่างที่เหมาเรือหาปลามาส่งผิดที่นะคร้าบ”
“หนึ่งหมื่น” พิชญชูหนึ่งนิ้ว
“ดูถูก” พยุตม์ทำเสียงเหมือนพิชญ
“นี่คุณ อย่ามากวนอารมณ์ผม ไม่รู้ล่ะ ถือซะว่าคุณต้องไถ่โทษที่ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ พรุ่งนี้คุณต้องไปส่งผม”
“น้ำมันผมมีไม่พอ”
“ก็ไปเติมสิ”
“ที่ปั๊ม ปตท. ปากซอยใช่ไหม” พยุตม์พูดสวน
“คงใช่มั๊ง” พิชญกระแทกเสียง
ทั้งสองหนุ่มยืนมองหน้ากันครู่หนึ่ง ต่างคนต่างเงียบ ในที่สุดพิชญก็พูดขึ้น “แล่นไปซักหน่อยก็คงเจอเกาะ ถามซื้อน้ำมันเขาก็คงมีขาย”
“เผื่อน้ำมันหมดกลางทะเลล่ะครับ”
“ก็ตายมันกลางทะเลนั่นล่ะ” พิชญตอบเสียงห้วน
“ผมรอให้เรือผ่านมาเหมือนคุณ จะได้จ้างให้เขาไปหาน้ำมันมาเติมให้”
“ผมไม่เชื่อ คนขับเรือยอท์ชที่ไหนจะปล่อยให้เรือตัวเองน้ำมันหมด” พิชญโวย
“ผมไม่ได้บอกว่าหมด ผมบอกว่าน้ำมันไม่พอพาคุณไปส่งที่กระบี่”
“เอาแค่หมู่บ้านชาวประมงที่ไหนก็ได้ ผมจะเช่าเรือต่อเอง” พิชญพูดเสียงเข้ม
“แต่ว่า...”
“ผมแค่ต้องไปจากที่นี่” พิชญยกมือขึ้นกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เฮ้อ เอางั้นก็ได้ แต่ว่าตอนนี้กลับบ้านนอนกันก่อนนะ”
“เชิญคุณกลับไปก่อน ผมจะเดินดูธรรมชาติ”
“มันมืด มองเห็นธรรมชาติที่ไหนกันล่ะ” พยุตม์แย้ง
“ผมจะดูดาว” พิชญยืนกอดอกนิ่ง หันหน้าไปด้านข้าง มองไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่ได้แสดงท่าทางว่าจะแหงนหน้ามองดูดาวเลยแม้แต่นิด
“นี่คุณ อย่ามาโกรธกันแบบนี้เลย ถ้าคุณจะดูธรรมชาติก็ไปดูที่ระเบียงหน้าบ้านหรือตรงสะพานไม้ข้างบ้านเถอะ ไม่ก็ที่เปลใต้ต้นไม้ใกล้ๆ บ้าน”
“นอนที่เปลใต้ต้นไม้แล้วจะมองเห็นดาวหรือเปล่าล่ะ ไม่นึกหรือว่าใบไม้จะบัง”
“ระเบียงหน้าบ้านหลังบ้านก็กว้าง จะนอนแผ่หรือเอาเก้าอี้เอนมานอนดูก็ได้ อย่ามายืนอยู่ตรงนี้เลย”
“คุณมายุ่งอะไรกับผม”
“ผมไม่อยากให้คุณถูกงูกัด”
“ช่างผม”
“เฮ้อ จะงอนไปถึงไหนว๊า” พยุตม์ถอนหายใจ
“ผมไม่ได้งอน ผมโกรธ” พิชญเน้นเสียง
“ก็หายโกรธสิครับ ผมก็รับปากคุณแล้ว” พยุตม์พูดเสียงอ่อน
“รับปากว่ายังไง” พิชญทำสีหน้าคาดคั้น
“ก็คุณบอกว่ายังไงล่ะ”
“บอกตรงๆ ผมไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใจคุณได้แค่ไหน ที่คุณเล่นอยู่นี่มันตลกนักหรือไง ผมต้องกลับไปทำงาน นี่ถ้าคุณเสนอตัวตั้งแต่เช้า ป่านนี้ผมก็คงถึงกรุงเทพฯ แล้ว”
“เอาล่ะ ผมผิดเอง ขอโทษ กลับบ้านได้หรือยัง”
“ยัง ผมจะเดินเล่น”
“เชื่อจริงๆ เลย” พยุตม์ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นกอดอกบ้าง
“คุณจะไปไหนก็ไป” พิชญไล่อีกฝ่าย
“คุณไม่ไปผมก็ไม่ไป”
“ผมอยากอยู่คนเดียว” พิชญพูดเสียงห้วน
“ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว” พยุตม์ตอบ “ไม่อยากเหนื่อยช่วยตอนคุณถูกงูกัด ยายิ่งไม่มีอยู่ด้วย”
“ไม่ต้องมาขู่ผมหรอก ไม่ได้ผล ผมไม่ใช่คนกลัวงู”
“นี่คุณกลับกรุงเทพฯ ช้าวันสองวันมันจะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย ตอนนั้นก็เห็นท่าทางพักผ่อนสบายอารมณ์ อยู่ดีๆ พอถึงวันกำหนดกลับแต่ไม่ได้กลับก็ดูหงุดหงิดขึ้นมาทันที”
“ผมมีงานต้องทำ”
“ผัดไปก่อนซักวันสองวันจะเสียหายอะไรนักหนา คุณต้องกลับไปเซ็นสัญญามูลค่าร้อยล้านหรือไงครับ”
“ใช่” พิชญตอบเสียงห้วนเช่นเคย
“ถ้างั้นก็กลับไปนอนผักผ่อนเอาแรง เตรียมตัวเดินทาง”
“ไม่”
พยุตม์ถอนหายใจเบาๆ เพราะเจอฤทธิ์ความดื้อรั้นของอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว เขาไม่อยากทิ้งชายหนุ่มเอาไว้คนเดียวมืดๆ กลางเกาะ ความจริงคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เขาหวั่นก็คือคนดื้นรั้นคนนี้อาจจะไม่กลับบ้านและหาที่นอนค้างคืนเอง
เปลใหญ่ใต้ต้นไทรนั่นไง ถ้าให้เขาเดาก็คงไม่มีทางเป็นอย่างอื่น นี่ต้องหาทางทำอะไรประชดเราแน่ๆ
แล้วทำไมเราจะต้องห่วงใยเขาถึงขนาดนี้
“ถ้าอยากชมธรรมชาติผมจะพาไป” พยุตม์เอ่ยขึ้น “ไปขับเรือวนรอบเกาะซักรอบดีไหม หรือไม่ก็ออกเดินทางเลย พอเช้าก็ถึงเกาะชาวประมง ผมจะหาซื้อน้ำมันแล้วไปส่งคุณที่กระบี่เลยก็ยังได้ เร็วกว่าเช่าเรือชาวประมงเป็นไหนๆ”
“จะลงเรือได้ยังไง”
“ผมมีวิธี” พยุตม์ตอบ
“วิธีอะไร”
“เถอะน่า ตามผมมาเถอะ” พยุตม์ยิ้มกว้างเพราะนึกว่าอีกฝ่ายยอมทำตามที่เขาโน้วน้าว
“ไม่เป็นไร รอจนพรุ่งนี้เช้าค่อยไปก็ได้ ตอนนี้ผมอยากอยู่เงียบๆ” พิชญยักไหล่แล้นเดินไปข้างหน้าตามทางโรยกรวดซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งสองคนว่าเป็นทางนำไปสู่ตอนเหนือของเกาะ
“คุณจะไปไหน” พยุตม์พูดขึ้นหลังจาก 'ยิ้มค้าง'
“ก็บอกแล้วไงว่าเดินเล่นชมธรรมชาติ”
“กลับบ้านนอนเถอะน่า” พยุตม์ทำเสียงอ่อนใจ
“อย่ามายุ่งกับผมนักเลย ไม่ดีหรือ คุณจะได้นอนเตียงสบายๆ ไม่ต้องแย่งกันกับผมแล้ว”
“ผมนอนโซฟาก็ได้ เสียสละให้ คืนสุดท้ายของคุณที่บ้านหลังนี้ ให้คุณนอนเตียง”
“ผมไม่อยากนอน”
“นี่คุณ...ทำไมดื้ออย่างนี้” พยุตม์โคลงศีรษะ
“คุณไม่ต้องมาเดินตามผม”
“เฮ้อ คืนนี้คงไม่มีใครได้นอนเตียง” พยุตม์ถอนหายใจ สองเท้ายังคงเดินตามคนดื้อรั้น
“บอกว่าไม่ต้องตามมาไงเล่า”
“ผมไม่ได้ตาม ผมจะไปที่เรือ หมดอารมณ์จะกลับไปนอนบ้านแล้ว ผมจะเอาเรือออกไปนอนอยู่กลางทะเล ดูดาวสวยๆ ที่กำลังส่องแสงระยิบระยับเต็มฟ้าอยู่ตอนนี้ พอเบื่อก็นอนฟังเสียงปลาโลมากระโดดน้ำเล่นดังตูมตาม นั่นล่ะเรียกว่าสัมผัสธรรมชาติแท้ๆ”
“ไม่ต้องเอาปลาโลมามาหล่อล่อ” พิชญเบ้ปาก
“เผลอๆ มีปลาวาฬ”
“เฮอะ” พิชญทำเสียงหยันๆ ในลำคอ
“คุณระวังงูเอาไว้เถอะ” พยุตม์ขู่
“งูไม่กลัวหรอก” พิชญพูดแดกดัน “กลัวแต่ไอ้ที่เหมือนงูหรือหัวงูนั่นล่ะ”
พยุตม์หัวเราะในลำคอแล้วเดินแซงหน้าพิชญไปเงียบๆ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี และเมื่อใกล้ถึงต้นไทรใหญ่ก็เปลี่ยนเส้นทางมุ่งตรงไปยังทิศตะวันตก พิชญลังเล มองต้นไม้ใหญ่ยืนต้นทะมึนในความมืดและไม่นานก็เปลี่ยนใจ เดินตามผู้ชายตัวโตคนที่เขาเพิ่ง 'ไล่' ไปให้พ้นๆ หน้า
“ตกลงคุณกำลังตามมาใช่ไหม” พยุตม์พูดขึ้นมาเบาๆ โดยไม่หันกลับไปมองด้านหลัง พิชญไม่ตอบ
เสียงรองเท้ากระทบพื้นเบาๆ แทรกด้วยเสียงน้ำทะเลซัดโขดหินดังเป็นจังหวะ เสียงหายใจของพิชญหอบกระชั้นขึ้นเพราะเดินมาเป็นระยะทางไกลพอสมควรและเป็นการเดินขึ้นเนิน ในใจก็อดบ่นให้คนน้ำหน้าไม่ได้ว่า
อีตานี่ ไม่คิดจะหยุดพักบ้างเลยหรือไงนะ หรือว่าพอรู้ว่าเราตามมาก็เลยแกล้งเดินไปเรื่อยๆ กะจะให้เราเหนื่อยและยอมแพ้ขอร้องให้พัก เฮอะ ถ้าเราจะพักก็จะพักเลย อย่าคิดว่าจะขอให้หยุดรอนะ
“เหนื่อยใช่ไหมคุณ” พยุตม์หันกลับไปถามแต่คนที่เดินตามหลังมาไม่ตอบ กลับทรุดตัวลงนั่งไปเฉยๆ
“อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“ผมจะพัก” พิชญพูดแล้วเหยียดขาออกไป “ผมอยากพักผมก็จะพัก คุณอยากจะเดินต่อไปก็เดินไป”
พิชญแหงนหน้าขึ้น อ้าปากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเบิกกว้างเพราะเหนื่อย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเพราะชื่นชมกับภาพที่เห็นบนท้องฟ้า
ดาวดวงเล็กๆ เต็มท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับประหนึ่งใครหว่านเพชรจำนวนมหาศาลขึ้นไปไว้บนนั้น สวยงามจับใจจนเขาคิดว่าคงไม่มีทางจะลืมได้ลง
ไม่ต้องไปลอยเรือเท้งเต้งอยู่กลางทะเลเพื่อดูดาวหรอก นั่งอ้าปากพะงาบๆ ดูตรงนี้ก็สวยแล้ว
“สวยใช่ไหมล่ะ”เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้หู “ออกไปทะเลยิ่งสวยกว่านี้”
“ก็ท้องฟ้าเดียวกัน มันจะต่างกันตรงไหน”
“ต่างสิ มุมต่างกันมันก็สวยต่างกัน” พยุตม์ตอบ “เร็วเข้า เดี๋ยวก็พลาดการแสดงระบำเหนือน้ำของปลาโลมา”
“ขอให้มีจริงนะ ไม่งั้นล่ะน่าดู” พิชญคาดโทษอีกฝ่ายแล้วลุกขึ้น เดินตามพยุตม์ไปช้าๆ

สวยงามอย่างที่เขาว่าจริงๆ สวยจับใจจนอยากจะมีกล้องวิเศษถ่ายรูปเก็บเอาไว้ดู
พิชญแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าจนรู้สึกปวดต้นคอ มือจับอยู่ที่ราวสเตนเลสของกราบเรือเริ่มรู้สึกเกร็ง ขาก็ปวดหนึบเพราะยืนดูดาวมาเป็นเวลานาน
“ผมเห็นแบบนี้มาร้อยกว่าคืนแต่ผมก็ไม่เคยเบื่อ ธรรมชาตินี่มันสวยจริงๆ คุณว่าไหม” เสียงห้าวดังขึ้นข้างหู ลมหายใจอุ่นกระทบข้างแก้มจนพิชญต้องหันไปมอง
“อือ” พิชญพยักหน้าแล้วบิดคอไปมา ก่อนจะทำหน้าดุใส่คนตัวโตที่หัวเราะขำซึ่งกำลังเดินกลับไปนั่งอยู่ที่พื้นเรือ
“อยากถ่ายรูปเอาไว้จังเลย” พิชญพึมพำ
“กล้องแพงขนาดไหนก็จับภาพพวกนี้ไว้ไม่ได้หรอกครับ เฉพาะสายตาและความทรงจำของมนุษย์เท่านั้นที่จะจำได้” พยุตม์พูด
“ใครจะถ่ายได้ล่ะ ผมก็แค่พูดไปยังงั้นเอง ผู้รู้หรอกว่าไม่มีกล้องยี่ห้อไหนจะทำได้ แล้วนี่ทำไมปลาโลมาไม่มาซะที”
“อย่าใจร้อน รอหน่อยสิคุณ”
“ชักจะง่วงแล้วนะ” พิชญทรุดตัวลงนั่งแหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่ครู่ จากนั้นจึงเปลี่ยนท่าเป็นเอนตัวลงนอนและพูดว่าา “เฮ้อ แบบนี้มองชัดกว่าเยอะเลย”
พยุตม์หัวเราะชอบใจแล้วขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดขึ้นว่า “น่าจะนอนดูตั้งนานแล้ว”
“ก็เพิ่งคิดได้นี่นา” พิชญพูดแล้วอุทานเบ้า “เฮ้ นั่นดาวตก จริงๆ ด้วย นั่นดาวตก”
“ทำยังกะไม่เคยเห็นดาวตก”
“เคย แต่นี่เป็นครั้งที่สาม”
“จริงหรือ” คราวนี้พยุตม์อุทานเสียงดัง ไม่อยากจะเชื่อ
“คุณดูดาวเป็นหรือเปล่า นั่นดาวอะไร ทำไมส่องแสงสว่างกว่าดาวดวงอื่น แล้วนั่นทำไมมีดาวเป็นกระจุกอยู่ตรงนั้น ไม่กระจายออกไปเหมือนตรงอื่น”
“เป็นสิ” พยุตม์เอนตัวลงข้างๆ คนที่กำลังชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า “คุณดูตามมือผมนะ ผมจะอธิบายให้ฟัง นั่นเขาเรียกว่ากลุ่มดาวลูกไก่”
“อย่าโกหกนะ” พิชญท้วง
“เอ๊ะ คุณนี่ ผมจะโกหกคุณทำไม”
“เรื่องเรือคุณยังโกหก”
“เรื่องเรือกับเรื่องดาวมันคนละเรื่อง” พยุตม์หัวเราะเบาๆ แล้วบอกให้อีกฝ่ายเงียบและตั้งใจมองตามที่เขาชี้เพราะกำลังจะเริ่มอธิบายเรื่องดาวให้ฟัง
“ทำไมคุณรู้จักชื่อดาวเยอะจัง” พิชญพูดขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่
“ผมก็ศึกษามา” พยุตม์ตอบ
“มีดาวไหนที่คุณมั่วนิ่มหรือเปล่า”
“หมายความว่ายังไง” พยุตม์อมยิ้ม
“บางดวงคุณอาจไม่รู้แต่ก็บอกชื่อดาวขึ้นไปงั้นๆ เพราะคุณรู้ว่ายังไงผมก็ไม่รู้จักชื่อมันอยู่แล้ว”
“หาเรื่อง” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“ใครจะไปจำอะไรได้เยอะขนาดนั้น”
“นี่คุณ จะดูดาวต่อหรือเปล่าครับ ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะให้ผมพาดูทำไมเล่า” พยุตม์ทำเสียงอ่อนใจ
“คุณทวนอีกได้ไหมล่ะ ผมจะทดสอบว่าแต่ละดวงที่คุณชี้ให้ดูมันชื่อเดิมหรือเปล่า”
“คุณจำได้ด้วยหรือ”
“อ๊ะๆ อย่าดูถูกความจำผมเชียวนะ ผมเป็นคนความจำดี ใครทำอะไรผมไว้ผมไม่ลืมง่ายๆ หรอก”
“มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องดาว” พยุตม์กลั้นหัวเราะ
“ก็หมายความว่าผมจำชื่อดาวได้ไงล่ะ”
“จำได้ก็จำได้สิ จะให้ผมทวนอีกครั้งก็ได้นะ” พยุตม์ท้า
“ไม่ต้องหรอก”
“อ้าว”
“ผมพูดไปยังงั้นเอง อยากดูปฏิกิริยาของคุณเฉยๆ
“ช่างเข้าใจคิด” พยุตม์ส่ายหน้า
“ผมแค่ต้องการสื่อสารบางอย่างให้คุณเข้าใจว่า ถ้ามีการโกหกกัน มันก็จะเสียความเชื่อมั่นกัน”
“จะให้ผมขอโทษเรื่องเรือใช่หรือเปล่า” พยุตม์ถาม “ก็ได้ครับผม ผมขอโทษอีกที ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
“ยินดีรับคำขอโทษ” พิชญพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้ายังงั้นเชิญแนะนำดาวดวงต่อไป”
“ได้ครับ” พยุตม์หัวเราะ “คุณจำให้ดีๆ นะ เวลาทบทวนจะได้ไม่ต้องมาว่าผมอีกว่าบอกผิดดวง”
“ใครจะไปว่าคุณ เคยว่าคุณที่ไหน”
“จริงๆ ด้วย ไม่เคยว่าผมเลยซักครั้งเดียว” พยุตม์พยักหน้า

::: End of chapter 10 :::

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
«ตอบ #174 เมื่อ18-01-2012 14:29:16 »

พามานอนดูดาว โอ้ว โรแมนติกซะ
บรรยากาศพร้อม ฉากพร้อม
พรุ่งนี้หนุ่มเมืองกรุงเค้าจะกลับแล้ว
กดเลยเห๊อะ !!!
  :z2:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
«ตอบ #175 เมื่อ18-01-2012 14:31:13 »

 :-[ :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2012 14:36:21 โดย Horizon »

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
«ตอบ #176 เมื่อ18-01-2012 14:32:49 »

โรแมนติคสุดๆ

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
«ตอบ #177 เมื่อ18-01-2012 15:24:31 »

คุณพยุตม์น่ารักอีกแล้ว  :-[(เห็นพูดอย่างงี้ทุกตอน 555)
พิชญอย่ารีบกลับเลยน้า อยู่ต่อนานๆจิ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
«ตอบ #178 เมื่อ18-01-2012 15:28:29 »

อยากนอนดูดาวกับพยุตม์จัง

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
«ตอบ #179 เมื่อ18-01-2012 15:32:33 »

เอ..มนต์ของดวงดาวพราวฟ้านี่จะขลังมากพอที่จะทำให้คนบางคน ลืมความดื้อรั้น
ลืมการคิดเข้าข้างตัวเองจนเหมือนกับ เป็นการหาเรื่องคนอื่นลงได้บ้างรึเปล่าน้อ
และมนต์นี้จะขลังมากพอให้ใครอีกบางคน กล้าสารภาพรึเปล่าว่า รู้สึกดี่ที่มีอีกคนอยู่ต่อปากต่อคำด้วย
รู้สึกดีจนต้องสร้างสถานการณ์เพื่อยืดเวลาให้อีกคนได้อยู่ด้วยนานขึ้น เพี้ยง ! เพี้ยง ! เพี้ยง ! ขอให้ขลัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด