::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55  (อ่าน 145661 ครั้ง)

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
คุณพยุตม์ไปลากมาสำเร็จโทษเลยค่า  :z1:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
พิชญฝันอีกสักรอบ....... คราวนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศเป็นขับรถแข่งแล้วจับเกียร์กระปุกแทนไมค์ คิ คิ คิ

 :z2: :z2: :z2:


katawoot

  • บุคคลทั่วไป
อาทิตย์อัสดง บทที่ 6

เสียงฮัมเพลงดังขึ้นเบาๆ ในห้องครัวพิชญจึงรู้ว่าคนที่อยู่ร่วมบ้านนั้นกลับมาแล้วและกำลังทำอาหารเย็น เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ก็ยังไม่ออกไปจากห้องนอนเพราะยังไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นบนเสื่อใต้ต้นไม้ริมชายหาดวันนี้ทำให้พิชญรู้สึกอายยิ่งนัก
ฝันบ้าๆ พิชญเอ๊ย ใครบอกให้ฝันแบบนั้น ขนาดนอนกลางวันยังอุตส่าห์ฝันระทึกใจ
แต่ถึงจะฝันอย่างไร หากนอนอยู่คนเดียวก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่นี่ เพราะอีตานั่นมานอนอยู่ข้างๆ ถึงได้เกิดเรื่อง ทุกวันก็เห็นหน้าหายตาไป ทำไมวันนี้จะต้องมาแย่งเสื่อเรานอนด้วย เป็นเพราะอีตาท่อนซุงนี่ล่ะ เรื่องแบบนี้เลยเกิดขึ้น
ในที่สุดพิชญก็ตัดสินใจโทษผู้ชายตัวโตคนนั้น เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงมีความกล้าพอที่จะเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับ 'ท่อนซุงลอยน้ำ' ในความฝันซึ่งกำลังทำอาหารเย็นอยู่ในครัวพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อพ่อครัวเงยหน้าขึ้นมามองและยิ้มมุมปากให้ พิชญก็หันหลับกลับเดินออกไปยังระเบียงหน้าบ้านและยืนลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจว่าต้องหาอะไรทำเพื่อเลี่ยงการพูดคุยกับผู้ชายคนนั้น
เขาจะพูดอะไรยั่วโมโหเราหรือปล่าก็ไม่รู้ อาจจะพูดกระทบกระเทียบทำนองว่าตัวเองโดนล่วงเกิน ตัวเองเสียหาย นอนอยู่ดีๆ เราก็ตะกายขึ้นไปนอนคล่อมเขาหน้าตาเฉย
โธ่เอ๊ย ก็คนนอนดิ้นนี่นา แล้วในความฝันเราตั้งใจที่ไหน่ะ ใครอยากให้มานอนสิ่งเป้นท่อนซุงอยู่ข้างๆ แบบนั้น
พิชญหันซ้ายหันขวา มองเห็นไม้กวาดวางอยู่ใกล้กับประตูจึงคิดอะไรได้บางอย่าง เขาหยิบไม้กวาดแล้วระเบียงหน้าบ้านจนสะอาด จากนั้นจึงเข้าไปในบ้านแล้วกวาดพื้นห้องนอน เวลาผ่านไปกว่ายี่สิบหาทีพิชญจึงรู้สึกผ่อนคลายปนเหนื่อย คราวนี้เขาจึง 'กล้า' ที่จะออกมา 'เผชิญหน้า' กับคนที่เคยร่วมเสื่อ เอ๊ย คนที่อยู่ร่วมบ้านอีกครั้ง
เสียงฮัมเพลงยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะที่พิชญฟังไม่ออกมาว่าเป็นเพลงอะไร เขาคิดว่าเป็นทำนองที่คนฮัมเพลงแต่งขึ้นมาเองสดๆ เพียงเพื่อจะทำเสียงเป็นท่วงทำนองเพราะความสบายใจ
สบายใจงั้นหรือ นายคนนั้นไม่รู้สึกกระดากหรือไงที่เพิ่งนอนกอดก่ายกันกลางแจ้งแล้วต้องมายืนมองหน้ากันอยู่ในพื้นที่แคบๆ แค่นี้
แน่ะ ยังผิวปากอย่างอารมณ์ดี นี่เมื่อไหร่จะทำอาหารเสร็จ ชักหิวแล้วนะ
พิชญเผลอเบ้ปากด้วยความไม่สบอารมณ์แล้วก้มลงกวาดพื้นต่อไปจะกระทั่งเกือบเสร็จอารมณ์จึงสงบลง เขารู้สึกแปลกใจที่ตัวเองทำงานบ้านได้นานเป็นชั่วโมง ปกติเขาจะทำอย่างมากก็แค่ล้างจานหรืออะไรง่ายๆ ที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที แต่นี่เขากวาดบ้านทั้งเกือบทั้งหลัง รู้สึกมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังทำไปบ่นไปเรื่องผู้ชายคนนั้น
อืม การทำงานบ้านนี่ก็เป็นทางออกในการจัดการกับเรื่องยุ่งยากใจได้เหมือนกันแฮะ
แต่ว่า เอ๊ะ นี่คืออะไร
พิชญชะงัก ก้มลงมองอุปกรณ์กลมๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งฟุตซึ่งกำลังหมุนไปมาช้าๆ อยู่ที่มุมห้องใกล้กับประตูห้องทำงาน แต่ไม่นานพิชญก็รู้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้คืออะไร
หนอยแน่ะ ปล่อยให้เรากวาดบ้านอยู่ได้ นี่มันเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัตินี่นา
ได้เวลาหาเรื่องนายยักใหญ่แก้เซ็งแล้วล่ะ
พิชญก้มลงหยิฐเครื่องดูดฝุ่นแล้วเดินกระแทกเท้าไปยังห้องครัว เสียงฮัมเพลงหยุดลงเมื่อ 'พ่อครัว' หันมาคนที่ยืนอยู่ปลายโต๊ะทานอาหารและทำหน้าบึ้ง
“นี่อะไรครับ” พิชญถาม
“คุณไม่รู้จักหรือ หนุ่มเมืองกรุงอย่างคุณน่าจะรู้จัก”
“มิน่า ผมถึงสงสัยอยู่ว่าทำไมบ้านมันสะอาดนักทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้กวาดได้ถู”
“ผมเปิดทิ้งเอาไว้ก่อนออกจากบ้าน” พยุตม์ก้มหน้าพูด
“เมื่อกี้คุณก็เห็นว่าผมกวาดบ้าน ทำไมไม่บอก กวาดบ้านหลังเบ้อเริ่มขนาดนี้เป็นชั่วโมง รู้ไหมว่ามันเหนื่อย”
“สี่สิบสองนาทีเอง ยังไม่ได้ถูด้วยซ้ำ” พยุตม์เถียง
“คุณปล่อยให้ผมกวาดพื้นจนเหนื่อยทั้งที่เปิดไอ้นี่ให้ทำงานอัตโนมัติ” พิชญยื่นเครื่องดูดฝุ่นออกมาข้างหน้า
“เครื่องทำไหนจะสะอาดเท่าคนทำ” พยุตม์ยักไหล่ “แล้วที่คุณกวาดบ้านนี่เหนื่อยหรือครับ ผมเห็นคุณกวาดไปบ่นไป ผมว่าคุณเหนื่อยเพราะบ่นอยู่คนเดียวมากกว่า”
พิชญเม้มปาก วูบหนึ่งอยากขว้างเครื่องดูดฝุ่นในมือใส่พ่อครัวคนที่พูดเสร็จแล้วก้มหน้าปรุงอาหารต่อโดยไม่สนใจเขา
“ผมไม่ได้บ่น คุณได้ยินหรือไง” พิชญเถียงเสียงเข้ม “ผมคิดอะไรอยู่ในใจต่างหาก คุณอ่าน...”
“ผมอ่านใจคุณได้ ผมรู้ว่าคุณกำลังตำหนิผมอยู่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ เต่ต้องมีอะไรซักอย่าง” พยุตม์พูดสวน “อ๋อ ไม่สิ ผมรู้ว่าเรื่องอะไร แต่ถึงผมพูดจะพูดไปคุณก็คงไม่ยอมรับ”
“ถ้าผมทำ ทำไมผมจะไม่ยอมรับ”
“อาหารเสร็จแล้วนะครับ คุณรีบทำให้เสร็จๆ จะได้มากินกัน หิวมากแล้วใช่ไหมล่ะ”
“ยัง”
“คนหิวมักหงุดหงิด”
“ผมยังไม่หิว” พิชญยืนกราน
“พระอาทิตย์ตกทะเลไปแล้ว เสียดาย ไม่ทันได้กินข้าวชมบรรยากาศเพราะเราสองคนมัวแต่ยุ่งกันอยู่”
พิชญทำปากยื่นอย่างฉุนๆ แล้วกดปุ่ม TURBO บนเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ จากนั้นจึงวางบนพื้นใกล้เท้าของพ่อครัว เครื่องกลมๆ สีดำหมุนแรงและครางเสียงดังหึ่งๆ พร้อมกับขยับไปมาด้วยความเร็วพอประมาณ
“เฮ่ยคุณ อย่าเพิ่มมาทำห้องครัวสิ” พยุตม์โวยแต่พิชญไม่ฟัง เดินออกจากห้องครัวไปหน้าตาเฉย แต่อดปรายตาไปมองไม่ได้ ชายหนุ่มร่างใหญ่คนนั้นยกเท้าขึ้นทีละข้างเมื่อเครื่องดูดฝุ่นหมุนไปทำความสะอาดบริเวณที่ตัวเองยืนอยู่
“นี่คุณ มาเอาออกไปก่อน” พยุตม์ร้องเรียกพิชญซึ่งเดินลิ่วไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้ายิ้มๆ รู้สึกสบายใจยิ่งนัก

วันนี้หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จพิชญก็ไปนั่งจ้องทะเลอยู่ที่ชายหาดด้วยความหวังว่าจะได้เห็นปลาโลมา มือแกว่งแว่นตาว่ายน้ำเล่นเป็นจังหวะ เท้ากระดิกตามทำนองเพลงที่ตัวเองร้องหงุงหงิง
พิชญรู้สึกร้อนและแสบแผ่นหลังเพราะนั่งตากแดดอยู่นาน แต่เขาก็อดทน พิชญจำได้ว่าเวลานี้คือเวลาที่ตัวเองเห็น 'อีตาท่อนซุงลอยน้ำ' ลงไปว่ายน้ำเล่นกับปลาโลมา
วันนี้ไม่เห็นออกไปไหน เอาแต่เดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน ทำอะไรของเขาก็ไม่รู้ ทุกวันเห็นทานข้าวเช้าแล้วก็หายไปเลย
พิชญนึกถึงภาพใบหน้าของคนที่อยู่ร่วมบ้านแล้วอดคิดเรื่อง 'บ่ายวันนั้น' ไม่ได้
ช่างเป็นฝันกลางวันที่ระทึกใจและน่าอายมาก
เมื่อภาพของบ่ายวันนั้นผุดขึ้นมาในความคิดของพิชญ ใบหน้าเขาก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที ภาพของคนที่ของคนที่เขาชอบเปรียบว่าเป็น 'ท่อนซุง' นอนหงายอยู่บนเสื่อ สวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว มีเขาคว่ำหน้าคล่อมอยู่ มือตะกุยตะกายไปตามเนื้อตัว
แล้วไมโครโฟนร้อนๆ ที่เขากำและดึงจนสุดแรงนั่นล่ะคืออะไร
โอ๊ย น่าอายจริงๆ หวังว่าคงไม่ใช่...คงไม่ใช่...คงไม่ใช่ 'ตรงนั้น' ของอีตาท่อนซุงหรอกนะ
นี่ถ้ามีใครแอบมาถ่ายวิดิโอคลิปเอาไว้แล้วแอบไปโพสลงยูทูปเราคงเจอความ 'หายนะ' แน่นอนทีเดียว เรื่องภาพหลุดที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้คงถือว่าเป็นเรื่องจิ๊ยจ้อย
พิชญถอนหายใจแรงๆ แล้วต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงห้าวๆ ดังขึ้นข้างหู
“ปลาโลมาเขาไม่มาหรอกคุณ”
“นี่คุณ...” พิชญหันขวับ
“รอไปก็เหนื่อยเปล่า”
“คุณรู้หรือว่าเขาจะมาเมื่อไหร่” พิชญหรี่ตา เอียงหน้าถาม
“เอาเป็นว่า เมื่อผมชวนคุณลงทะเล คุณก็รีบตามผมลงไปก็แล้วกัน” พยุตม์ยักไหล่แล้วยื่นขวดพลาสติกแบนๆ สีดำให้พิชญ “อ้าว ทาซะ เดี๋ยวผิวบางๆ ขาวๆ ของคุณจะกลายเป็นกุ้งต้ม”
“ผมไม่แคร์” พิชญยักไหล่
“ดื้อรั้นจริงๆ”
“คุณแน่ใจนะว่าโลมาไม่มาแน่นอน”
“ดูจากสภาพน้ำและอากาศ” พยุตม์กวาดสายตาไปรอบทิศทางแล้วสรุปว่า “ไม่มาแน่นอนครับ เสียเวลารอเปล่า แต่พรุ่งนี้ไม่แน่”
“คุณโม้หรือเปล่านี่” พิชญไม่อยากจะเชื่อ
“ผมนัดกับสามสามนั่นไว้พรุ่งนี้บ่ายๆ” พยิตม์ยักคิ้ว
“พูดเป็นนิยาย” พิชญเบ้ปาก
“พนันกันไหมล่ะ” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “ถ้าผมผิด ผมยอมให้คุณนอนเตียงในห้องนอนทุกคืนจนถึงวันที่คุณกลับกรุงเทพฯ แต่ถ้าผมถูก ผมก็ได้เตียงนอนไป คุณนอนโซฟา”
“คุณแน่ใจหรือว่าจะพนันกับผมแบบนี้” พิชญถามอีกฝ่าย แต่ความจริงแล้วเขาถามตัวเอง
“ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง”
“ก็ได้” พิชญรับคำท้า
“คุณนี่ก็ใจถึงเหมือนกันนะ”
“คุณยังรู้จักผมน้อยไป” พิชญเอียงหน้าท้าทาย
“เสียดาย ผมน่าจะพนันกับคุณด้วยเดิมพันสูงกว่านี้”
“ยังเปลี่ยนเงื่อนไขได้นะ ผมอนุญาต” พิชญยักไหล่
“แน่ใจนะ”
“ไม่แน่ก็ไม่ใช่...” พิชญหยุดคำพูดไว้ทัน
“หรือ” พยุตม์ทำเสียงในลำคอ ตาฉายแววสงสัย
“ไม่แน่ก็ไม่ใช่ผม” พิชญพูด
“ทำไม” พยุตม์ถามเบาๆ มองใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
“อะไรหรือ”
“ทำไมคุณไม่ยอมบอกชื่อผม และไม่ถามชื่อผม และไม่ให้ผมบอกชื่อด้วย”
“เปล่านี่” พิชญส่ายหน้า “เพียงแต่...เอ่อ...”
“หรือคุณคิดว่าแบบนี้มันสนุกตื่นเต้นดี ใช้เวลาสองสัปดาห์อยู่กับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แย่งที่นอนกัน แย่งความเป็นเจ้าของบ้านกัน”
“ผมไม่ได้บอกว่าบ้านเป็นของผม มีแต่คุณนั่นล่ะที่บอกว่าคุณเป็นเจ้าของบ้าน ผมบอกว่าพี่ชายเพื่อนผมให้ยืมบ้านพักตากอากาศ”
“พี่ชายของเพื่อนคุณที่ชื่อคณินทร์” พยุตม์ยักคิ้ว พิชญพยักหน้า
“แต่น้องชายผมไม่ได้ชื่อคณินทร์” พยุตม์ส่ายหน้า “ไม่รู้จักใครเลยที่ชื่อคณินทร์”
“คุณว่าผมมาผิดเกาะ” พิชญหรี่ตา เตรียมตัวจะเถียง
“คุณนี่ ถ้าไม่เป็นคนที่มีความมั่นใจสูงมาก ก็เป็นคนที่ดื้อรั้นมาก”
“ผมเป็นทั้งสองอย่าง” พิชญกระแทกเสียง
“อืม...ดี” พยุตม์พยักหน้าแล้วยื่นขวดโลชั่นกันแดดให้อีก
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ” พิชญปฏิเสธ
“แบบนี้เรียกว่าดื้อรั้น” พยุตม์พูด
“ใช่แล้ว” พิชญยักไหล่ ตามองไปยังทะเลเบื้องหน้า
“ผมก็แค่ห่วงว่าผิวคุณจะไหม้”
“โดนแดดแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
“แนบนี้เรียกว่ามั่นใจ”
“แน่น๊อน” พิชญลงท้ายเสียงสูง
“ไปเถอะคุณ โลมาไม่มาแล้วล่ะ มานั่งตากแดดให้ตัวเองร้อน ทรมานร่างกายเฉยๆ พรุ่งนี้บ่ายๆ ค่อยมาอีกที” พยุตม์พูดแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดว่า “แบบนี้ผมเรียกว่าความมั่นใจและมีเหตุผล”
“คุณจะไปไหนก็ไป” พิชญไล่
“ผมจะไปอีกฝากหนึ่งของเกาะ ฝั่งโน้นเป็นหน้าผาน้ำลึก บ่ายๆ สดใสอย่างนนี้ เผลอๆ ได้เห็นปลาวาฬ”
“อะไรนะ” พิชญหันขวับ สายตาปะทะเข้ากับต้นขากำยำเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้ว ลมทะเลพัดมาทำให้กางเกงขาสั้นของตัวโตลู่แนบติดเนื้อ เช่นเคย เผยให้เห็นเป้าอวบอูม
ไมโครโฟน!
ภาพที่เขายืนถือไมโครโฟนร้องเพลงอยู่กลางเวทีผุดขึ้นมาในหัวของพิชญอย่างช่วยไม่ได้
“คุณอย่ามาหลอกผมเล่นหน่อยเลย” พิชญพูดอุบอิบ
“บางทีก็เป็นปลาพยูน”
“ไม่จริงหรอก”
“แล้วคุณคิดว่าที่ผมหายไปตอนกลางวันทุกวันเพราะอะไรล่ะ” พยุตม์พูด “คุณนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่จุดเดิม ไม่เสาะแสวงหา จะเจออะไรดีๆ ได้ยังไง”
“ถ้าไม่เห็นละก็...” พิชญยันตัวลุกขึ้นช้าๆ
“ผมบอกว่าบางทีนะครับ ผมไม่ได้การันตี”
“ถ้าไม่เห็นก็เดินเหนื่อยเสียเที่วสิ” พิชญบ่น
“ถือซะว่าเดินชมธรรมชาติ”
“เดินชมธรรมชาติกับคุณนี่นะ กลางแดดร้อนเปรี้ยงแบบนี้สนุกตายล่ะ” พิชญเบ้ปาก
“เมื่อกี้ยังเก่งอยู่เลยว่าไม่ร้อน”
“ผมไม่ได้บอกว่าไม่ร้อน ผมพูดว่า ไม่เป็นไร ขอบคุณ” พิชญเน้นเสียง
“เชื่อเค้าเลย” พยุตม์หัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วเดินนำหน้า แต่เมื่อ 'คนดื้อรั้นและมั่นใจในตัวเองสูง' ยังยืนนิ่งอยู่จึงหันไปมองและเลิกคิ้วถามอีกครั้ง “ไปไหมครับ”
“ผมอยากเห็นปลาฉลาม” พิชญพูดและเดินตามช้าๆ
“ต้องออกไปทะเลไกลๆ”
“จริงหรือ” พิชญตาโต “คุณอย่ามาหลอกเล่นนะ”
“ผมเคยเจอมาแล้ว”
“คุณว่ายน้ำได้ไกลขนาดนั้นเลยหรอ”
“ผมเป็นนักว่ายน้ำมาราธอน ตอนเรียนมหา'ลัยผมแข่งได้เหรียญทองระดับภาคเลยนะจะบอกให้” พยุตม์อวด
“ผมได้เหรียญทองโต้วาที” พิชญอวดบ้าง
“เชื่อโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว” พยุตม์พูดเสียงราบเรียบ
ได้ผล คนที่เดินตามหลังมาช้าๆ เพิ่มความเร็วฝีเท้าทันใดเพื่อให้เดินทัน 'ไกด์นนำเที่ยว' ก่อนที่จะเปิดฉากการโต้วาทีรอบพิเศษกลางแจ้ง

เช้าวันนี้พิชญทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน วันนี้เขาถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่เพราะ 'คนที่นอนตื่นเช้า' เคาะประตูชวนเขาออกไปวิ่งออกกำลังกายแต่เขาปฏิเสธ
“เอาแต่นอน มิน่าไม่เห็นอะไรดีๆ”
พิชญเผลอขย้ำนิตยสารในมือเมื่อนึกถึงคำพูดเหน็บแนมเมื่อเช้านี้ของคนรักการออกกำลังกาย
พอเขาปฏิเสธไม่ไปวิ่งด้วยก็มาพูดกระทบ ผู้ชายคนนี้ปากร้ายไม่ใช่เล่น เห็นนิ่งๆ แบบนั้นก็กวนอารมณ์ได้อย่างสม่ำเสมอ แล้วนี่ไปวิ่งมาราธอนเตรียแข่งโอลิมปิกส์หรือไงถึงได้นานขนาดนี้ สายแล้วก็ยังไม่กลับมากินข้าวเช้า อุตส่าห์ทำเผื่อ นี่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยนะรู้หรือเปล่า
พิชญเดินออกไปยืนมองทะเลกับท้องฟ้าที่ระเบียงหน้าบ้านแล้วถอนหายใจเบาๆ เพราะวันนี้เมฆครึ้มเหมือนฝนจะตก ไม่มีแสงแดดส่องผ่านลงมาแม้แต่นิดเดียว วันนี้เขาตั้งใจจะอาบแดดให้ผิวคล้ำขึ้น จะได้ไม่ต้องโดนใครมาค่อนขอดว่าผิวขาวๆ จะกลายเป็นกุ้งต้ม

พิชญได้ยินเสียงตึงตังที่บันไดจึงหันไปมอง ร่างสูงใหญ่วิ่งขึ้นมาบนบ้าน ผิวสีแทนเข้มโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แผงอกกว้างสะท้อนขึ้นลงเพราะหายใจหอบถี่ กางเกงขาสั้นสีขาวเปียกชุ่ม ผ้าแนบติดลำตัว ราวกับว่าเพิ่งขึ้นมาจากทะเลไม่ใช่กลับจากวิ่งออกกำลังกาย
ชายหนุ่มนักวิ่งเปลือยอกยกมือขึ้นสองข้าง ชูนิ้วสิบนิ้ว พร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงเหนื่อยหอบว่า “สิบกิโล”
พิชญเดินเข้าไปใกล้ ผู้ชายตัวโตวิ่งเหยาะๆ อยู่กับที่ กางเกงขาสั้นสีขาวชุ่มเหงื่อทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายสวมกางเกงชั้นในสีดำ เป้าตุงขยับตามจังหวะการเคลื่อนไหว
“ผมก็วิ่งได้สิบกิโลเหมือนกัน”
“บนเครื่องวิ่งสายพานในยิมใช่หรือเปล่า” นักวิ่งตอบยิ้มๆ “แบบนั้นผมวิ่งได้ถึงยี่สิบกิโลโดยไม่มีพัก”
“ผมวิ่งรอบสนามกีฬาทองทัพบกได้สิบรอบ” พิชญอวด
“นั่นแค่สี่กิโลเมตร”
“ตั้งสิบรอบเลยนะคุณ” พิชญท้วง
“แล้วคุณคิดว่าหนึ่งรอบสนามฟุตบอลนี่ระยะทางเท่าไหร่ล่ะ”
“สิบรอบสนามนี่ก็ไม่ใช่น้อยล่ะ” พิชญยักไหล่
“ผมวิ่งครอสคันทรี่นะครับ มันเทียบกันไม่ได้ สิบกิโลเมตรของครอสคันทรี่กับสิบกิโลเมตรรอบลู่วิ่งสนามกีฬามันคนละเรื่องกันเลยนะคุณ ยิ่งสิบกิโลเมตรบนสายพานในยิมติดแอร์ เปิดเพลงดังๆ มีทีวีให้ดูด้วยยิ่งคนละเรื่อง”
“คุณรู้ว่าเค้ามีแบบนี้กันด้วยหรือ” พิชญประชด
“ผมไม่ได้อยู่แต่บนเกาะกลางทะเลนะครับคุณ”
“ผมก็ไม่ได้อยู่แต่ในห้องแอร์ในกรุงเทพฯ” พิชญพูดสวนกลับ
“เอาอีกแล้ว หากเรื่องอีกแล้ว” พยุตม์หยุดวิ่ง ยืนกางขา เท้าสะเอว หอบหายใจ มองคนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าด้วยสายตายิ้มๆ
“ผมหิวข้าว”
“คุณต้องไปอาบน้ำก่อนจึงจะกินข้าวได้ เหงื่อโทรมตัว เหม็นจะแย่” พิชญทำจมูกย่น
“ครับท่าน แต่ผมว่ากลิ่นเหงื่อเซ็กซี่ดีออก” พยุตม์ยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์เหมือนทหารแล้วหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินเข้าบ้านตรงไปยังห้องนอนเพื่ออาบน้ำ 'ตามคำสั่ง' ทิ้งให้พิชญยืนนิ่งด้วยสีหน้าฉุนๆ ที่โดนล้อเลียน

วันนี้ฝนตกปรอยๆ ทั้งวัน พิชญนอนเบื่อๆ อยู่บนเตียง แผนที่วางไว้สำหรับวันนี้ต้องล้มเลิกเพราะดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ
แผนนอนอาบแดดงั้นหรือ ตลกซะไม่มี ตอนอยู่กรุงเทพฯ ความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในหัวของเราเลย จู่ๆ ก็เกิดอยากจะผิวคล้ำขึ้นมา
เพราะอีตานักวิ่งคนนั้นทีเดียว ใครใช้ให้มาแสดงความิดเห็นเรื่องผิวของเรา แล้วไอ้การวางแผนเพื่อทำสิ่งเดียวในหนึ่งวันนี่ช่างเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ เลย คณินทร์กับพี่ปานมาได้ยินเข้าคงหัวเราะจนท้องแข็ง
ชีวิตที่นี่ช่างแตกต่างจากชีวิตในกรุงเทพฯ วันนี้วางแผนจะอาบแดด พรุ่งนี้วางแผนจะไปปูเสื่อนอนอ่านหนังสือให้จบ วันต่อไปวางแผนจะไปเดินเล่นรอบเกาะ ตอนอยู่กรุงเทพฯ มีสมุดจดรายการที่ต้องทำในแต่ละวันแล้วต้องมีเหตุให้สับเปลี่ยนเลื่อนโน่นเลื่อนนี่ตลอด ขนาดผู้จัดการส่วนตัวเก่งๆ อย่างพี่ปานยังแทบรับมือไม่ไหว
พิชญถอนหายใจเบาๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองไม่ง่วงเสียทีทั้งที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงเป็นเวลานานแต่กลับไม่ง่วง ต่างกับครั้งอื่นๆ ที่พอนอนเล่นแล้วไม่นานก็จะรู้สึกง่วง
ฝนตกอย่างนี้นายคนนั้นจะทำอะไรอยู่ ทุกทีเห็นออกจากบ้าน แต่วันนี้เขาจะทำยังไง คนแบบนั้นคงชอบชีวิตกลางแจ้ง ถ้ามาต้องมาติดแหงกอยู่ในบ้านเหมือนเราคงขาดใจตาย แต่เราเอกปกติก็เป็นคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วทำไมรู้สึกอึดอัดอย่างนี้ อยากออกไปนอกบ้านแล้วนอนเล่นกินบรรยากาศให้สบายๆ จะแย่อยู่แล้ว
“นี่คุณ...คุณ...ทำอะไรอยู่” เสียง 'คนแบบนั้น' ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง พิชญเกือบจะตะโกนตอบไปแล้วว่า 'กำลังหลับอยู่' แต่ก็ยังปากไว้ทัน เขานิ่งเงียบ จงใจไม่ตอบอีกฝ่าย ปล่อยให้เคาะประตูต่อไป
“คุณ นอนหลับอยู่หรือเปล่า อย่าเอาแต่นอนนักเลย ไปเล่นกับน้ำกับผมไหม”
แน่ะ ยังมาว่าเขาอีก ไปเล่นน้ำงั้นหรือ ฝนตกปรอยๆ แบบนี้จะชวนออกไปเล่นน้ำได้ยังไง ไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะได้ไปวิ่งเล่นตากฝน
แต่เอ๊ะ หรือว่าเขาหมาถึงเล่นน้ำทะเล ใครจะไปเล่นน้ำทะเลตอนฝนตก พิลึกคนจริงๆ เลย
พิชญทำจมูกย่น ประหนึ่งว่าทำใส่ 'คนพิลึก' ที่ชวนเขาออกไปเล่นน้ำในเวลาเช่นนี้ แต่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูก็รีบหลับตาลง แกล้งทำเป็นนอนหลับ
“นี่คุณ...คุณ...” เสียงคนพิลึกเรียกเบาๆ แล้วบ่นว่า “ว๊า หลับอีกแล้ว นี่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ไกลขนาดนี้เพื่อมานอนอย่างเดียวหรือเนี่ย”
ใครบอก เขาหลบมาหาที่เงียบๆ เพื่ออยู่คนเดียวและคิดไตร่ตรองเรื่องปัญหาสารพัดที่กำลังเผชิญอยู่ต่างหาก แต่เป็นไงล่ะ ไม่มีโอกาสคิดแก้ปัญหาเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่างเพราะมัวแต่ทะเลาะกับคนกวนอารมณ์อย่างคุณ
พิชญเถียงอยู่ในใจ พยายามไม่สนใจเสียงเรียกไม่ยอมหยุดของคนกวนอารมณ์
“นี่คุณ...ตื่นเถอะ ออกไปข้างนอกกัน”
ไม่ ไม่ไป ทำมาเซ้าซี้ ทุกทีเห็นหลบไปอยู่คนเดียว ทำไมหลังๆ มานี่ชอบยุ่งกับเรานัก
“คุณ...หลับจริงหรือเปล่า”
อีตาบ้า ก็หลับสิ คนนอนหลับตาอยู่บนเตียงไม่ให้เรียกว่าหลับได้ยังไง
“คุณ...คุณ...ขี้เซาจริงๆ”
ใครว่า...ได้ยินคุณพูดทุกอย่างเลยล่ะ
“นี่คุณ...คุณ...”
เฮ่ย ไม่ยอมหยุดเรียกซะที
พิชญกลั้นหายใจ ทั้งๆ  ที่อยากให้คนกวนอารมณ์เลิกปลุกแต่เขากลับรอฟังว่าผู้ชายคนนี้จะพูดอะไรต่อ
เอ๊ะ ทำไมเงียบไป นี่ยังอยู่หรือเปล่า จะแอบลืมตามองก็กลัวจะถูกจับได้ว่าแกล้งหลับ คนอะไร ตัวโตยังกะยักษ์แต่เดินเงียบเหมือนแมว
“นี่คุณ...”
โอ๊ะ โชคดียังไม่ไป ดีนะเมื่อกี้ไม่ลืมตามอง”
“เฮ่ย นั่น...” เสียงคนที่ตัวโตเหมือนยักษ์อุทานขึ้นมา มือดึงม่านออกกว้างจนสุดแล้วเปิดหน้าต่างออก ทำให้ลมเย็นๆ พัดเข้ามาในห้อง
“ปลาโลมาเล่นน้ำ เป็นฝูงเลยแฮะ”
“ไหนๆ” พิชญลืมตัว รีบลุกขึ้นนั่งแล้วคล้านไปโผล่หน้าขึ้นเหนือหัวเตียงเพื่อมองออกไปข้างนอก
“โน่นไงครับ เห็นหางลิๆ คุณมองดีๆ” พยุตม์ก้มมองคนที่อยู่บนเตียงขำ แล้วชี้มือไปยังกลางทะเล
“มองไม่เห็น”
“นั่นไงเล่า” พยุตม์พูดแล้วรีบผลุนผลันออกจากห้อง พิชญมองตามแล้วถามว่าจะไปไหน คนที่กำลังรีบตอบว่าจะไปว่ายน้ำเล่นกับปลาโลมา
“จะบ้าหรือคุณ นี่ฝนกำลังตก คุณจะลงไปในทะเลทั้งที่ฝนตกแบบนี้งั้นหรือ”
“แค่ตกปรอยๆ ตามผมมาเถอะน่า อย่าลืมก๊อกเกิ้ล”
พิชญวิ่งตามร่างสูงใหญ่ไปติดๆ มือซ้ายถือแว่นตาว่ายน้ำ มือขวากำโทรศัพท์ พยายามระวังตัวไม่ให้ลื่นล้ม ไม่นานก็มายืนอยู่บนชายหาด น้ำทะเลเย็นจนพิชญเผลอยกเท้าขึ้นและก้าวถอยหลัง
“เย็นตายเลย” พิชญบ่น
“เร็วๆ เข้า” ผู้ชายตัวโตเดินลุยน้ำลงไปพร้อมกับสวมแว่นตาว่ายน้ำ
“ผมกลัว” พิชญพูดขึ้นมาเบาๆ
“มากับผมจะกลัวอะไร”
“แต่ว่า...” พิชญลังเล
“รีบสวมแว่นเร็วเข้า” คนพูดหันหน้ามาเร่งแล้วก็ต้องส่ายหน้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนเก้ๆ กังๆ “คุณจะเอากล้องมาด้วยทำไม ไม่กลัวมันจมน้ำหรือเปียกน้ำหรือคร้าบ”
“โทรศัพท์ผมกันน้ำได้” พิชญกระแทกเสียง เถียงไปข้างๆ คูๆ
“เอาวางไว้บนก้อนหินโน่น หาอะไรคลุมเอาไว้จะได้ไม่เปียก”
“พูดง่ายๆ จะหาอะไรคลุมล่ะ แถวนี้มีแต่ทรายกับก้อนหิน”
“ช้าอดเล่นกับปลาโลมานะครับ”
“ผมว่ายน้ำไม่เก่งเท่าคุณนะ” พิชญพูดเสียงหวั่นๆ หันซ้ายหันขวาแล้ววางโทรศัพท์ไว้ในซอกหินที่โชคดีเห็นว่าพอจะบังฝนที่กำลังตกปรอยๆ ได้
“ผมรับผิดชอบชีวิตคุณเอง มาเถอะ” พยุตม์พยักหน้าเรียก
พิชญเดินลงไปในทะเลช้าๆ ใจเต้นตึกตักเพราะกำลังจะได้ประสบการณ์แปลกใหม่เป็นครั้งแรกในชีวิต เขายอมรับว่ากลัว แต่น้ำเสียงหนักแน่นของผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่ข้างหนน้าทำให้พิชญมีความมั่นใจขึ้นอย่างประหลาด
เขาคงไม่ปล่อยให้เราจมน้ำตาย ถ้าไม่ไหวจริงๆ เราก็จะตะกายเกาะเขาเอาไว้เหมือนเกาะท่อนซุงลอยน้ำในความฝันตอนบ่ายวันนั้นเลยทีเดียว
คราวนี้จะระวังไม่คว้าไมโครโฟนมาร้องเพลง

::: End of chapter 6 :::


ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #93 เมื่อ16-01-2012 01:12:17 »

มาแล้ววว

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #94 เมื่อ16-01-2012 01:27:52 »

ตามมาติดๆ ไปดูโลมาด้วยคน

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #95 เมื่อ16-01-2012 02:22:04 »

อุ๊ย ตามไปดูปลาโลมา  แต่ว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นปละชะโด  ฮิฮิ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #96 เมื่อ16-01-2012 04:59:14 »

ไมโครโฟนเอาไว้ใช้ซ้อมในห้องนอนเถอะจ้า ^^

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #97 เมื่อ16-01-2012 05:43:32 »

เริ่มจะมีใจกันแล้วใช่ไหมเนี่ย :o8:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #98 เมื่อ16-01-2012 10:22:44 »

ผมรับผิดชอบชีวิตคุณเอง
อ๊าร๊ายย เหมือนบอกรักกลายๆเลยอ่ะ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #99 เมื่อ16-01-2012 10:39:49 »

 :jul3: ไมโครโฟนจะช่วยไม่ให้จมน้ำได้รึเปล่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
« ตอบ #99 เมื่อ: 16-01-2012 10:39:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






member

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #100 เมื่อ16-01-2012 12:23:44 »

พิชย ชนะโต้วาที 5555  รอตอนต่อไปจ้าาาาา

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #101 เมื่อ16-01-2012 13:43:47 »

อ๊า...
อยากดูปลาโลมาด้วยคนอ่า 555

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #102 เมื่อ16-01-2012 15:24:54 »

เรื่องนี้ดูเย็นๆ  ไปเรื่อยๆอย่างที่บอกแฮะ  จะมีเซอร์ไพรส์อะไรรึป่าวคะเนี่ยยย

5555

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #103 เมื่อ16-01-2012 15:31:17 »

“ผมรับผิดชอบชีวิตคุณเอง มาเถอะ” พยุตม์พยักหน้าเรียก

ชอบก็ตรงนี้แหละ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #104 เมื่อ16-01-2012 15:48:28 »

ถูกหลอกหรือเปล่าน้าาาาา

ออฟไลน์ ~l3aml3ery~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #105 เมื่อ16-01-2012 16:26:54 »

เรื่องน่ารักดีค่ะ คุณนาย :impress2:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
«ตอบ #106 เมื่อ16-01-2012 16:31:22 »

อาทิตย์อัสดง บทที่ 7

พิชญก้มหน้าทานอาหารเย็นโดยไม่พูดไม่จา เขาไม่กล้าสบตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายทำให้เขารู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก พิชญไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถว่ายน้ำในทะเลได้ไกลและนานถึงเพียงนั้น แต่คงเป็นเพราะฝูงปลาโลมาทำให้เขารู้สึกสนุกและเพลิดเพลินจนลืมความเหนื่อยไปชั่วขณะ และคงเป็นเพราะ 'ซุงท่อนใหญ่' ที่ลอยคลออยู่ใกล้ๆ ทำให้เขาลืมความกลัวการหมดแรงและจมน้ำ แต่เมื่อฝูงปลาโลมาจากไป การว่ายน้ำเข้าฝั่งเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของของเขา ยาวนานยิ่งกว่าการเดินทางไปนิวยอร์ค ยาวนานยิ่งกว่าการเดินทางทั้งวันจากกรุงเทพฯ มายังเกาะที่ห่างไกลแห่งนี้เสียอีก
เขาหมดแรงจนต้องตะกายเข้าหา 'ท่อนซุง' ที่ว่ายน้ำอยู่ข้างๆ เขารู้ว่าผู้ชายตัวโตคนนั้น 'รอ' เขา หากไม่มีเขาเป็นตัวถ่วง นักว่ายน้ำมาราธอนเหรียญทองคงกลับถึงฝั่งไปนานแล้ว ไม่ต้องมาลากเขาจนแทบหมดแรง
เสียงผู้ชายคนนั้นโวยวายอยู่กลางทะเลเมื่อบ่ายนี้ดังแว่วขึ้นมาในหัวของพิชญ

“คุณ อย่ากอดคอผมสิ ผมหายใจไม่ออก”
“คุณ เกาะไหล่ผมไว้เฉยๆ อย่าดิ้น ผมไม่ปล่อยให้จมหรอกน่า”
“โอ๊ย เจ็บ คุณอย่าข่วนกันสิ”
“รอยเก่าวันนั้นยังไม่หายเลย อย่าเพิ่งให้รอยใหม่สิครับ”
“นี่คุณ ตีเท้าเบาๆ อย่ามาเกี่ยวขาผมไว้”
“คุณ เอาล่ะ ปล่อยตัวให้ลอยอยู่เฉยๆ ไม่ต้องขยับขาขยับแขน ไม่ต้องเกร็ง ผมจะลากคุณเอง”

กว่าจะถึงฝั่งได้ก็หมดแรงกันทั้งสองคน นักว่ายน้ำเหรียญทองนอนแผ่หรา ปล่อยให้ฝนปรอยๆ ตกลงมากระทบใบหน้า ปากอ้าสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ เหมือนปลาขาดน้ำ พิชญนอนคว่ำ เอียงหน้าหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่เพิ่งจะพาชีวิตของเขากลับถึงฝั่ง

“อร่อยไหมครับ” เสียงห้าวทุ้มถามขึ้น พิชญพยักหน้าแล้วจามเบาๆ ติดกันสองครั้ง
“กินข้าวเสร็จคุณก็ดื่มนมอุ่นๆ แล้วไปนอนในห้อง อ้อ อย่าลืมกินยากันไว้ก่อนล่ะเดี๋ยวจะเป็นไข้ไม่สบายขึ้นมา ผมไม่ใช่หมอ ฉีดยาให้ไม่ได้นะ”
“ทะลึ่ง” พิชญพึมพำแล้วก้มหน้าลงยิ่งกว่าเดิม รู้สึกใบหูร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ในใจนึกถึงเหตุการณ์ที่ชายหาดต่อ

กว่าจะหายใจเป็นปกติได้เขากับผู้ชายคนนั้นก็นอนตากฝนอยู่ครู่ใหญ่ พิชญเป็นคนลุกขึ้นนั่งก่อน เผลอกวาดสายตามองร่างแกร่งของคนที่เขาชอบเปรียบว่าเป็น 'ท่อนซุง' แต่ทันใดก็ต้องรีบหันหน้าหนีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องเขาอยู่ด้วยนัยน์ตาพราวระยับ
พิชญพยายามลุกขึ้นแต่ก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งเพราะยังเหนื่อยอยู่ ตอนนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่ากางเกงของตัวเองหลุดออกจากตัว เหลือเพียงกางเกงชั้นในสีขาวที่เปียกน้ำจนเห็นผิวเนื้อ พิชญสวมกางเกงบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียวขณะที่แกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงเมื่อถูกปลุกให้วิ่งไปที่ทะเลเพื่อออกไปว่ายน้ำเล่นกันปลาโลมา
ถ้าเขาล้อซักหน่อย ยั่วอารมณ์ให้เราฉุนแล้วหาเรื่องชวนทะเลาะก็คงไม่รู้สึกอายขนาดนี้ แต่นี่ทำเป็นไม่พูดถึง ทำเป็นเงียบ ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาแน่นั่งทำหน้ายิ้มๆ
“ผมนับถือคุณจริงๆ ที่ใจกล้าออกไปว่ายน้ำกลางทะเลตอนฝนตกพรำๆ แบบนั้น” คนที่ทำหน้ายิ้มๆ พูดขึ้นมา “เห็นไหมล่ะ ถ้ากล้าหน่อย คุณก็ได้ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลยในชีวิตนี้”
คงลืมได้หรอ นอนคว่ำเกือบเปลือยอยู่ริมหาดแบบนั้น ถึงใส่กางเกงชั้นในสีขาวแต่มันก็บางและเปียกน้ำจนไม่เหลืออะไรให้จินตนาการ แล้วตอนที่นอนหอบหายใจพักเหนื่อยกันอยู่ เขาจะกวาดตามองเราเหมือนที่เราแอบมองเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้
คนบ้า จะจมน้ำตายกลางทะเลอยู่แล้วยังมีหน้ามาเกิดอารมณ์อีก ตุงจนเห็นเป็นลำพาดเป็นรูปเป็นร่าง
นั่นล่ะสิคือไมโครโฟนร้อนๆ ที่เราทั้งคว้าทั้งดึงตอนที่ฝันว่าจะจมน้ำแล้วเกาะท่อนซุง โชคร้ายดันมีเสียงเพลงดังขึ้นมา วิญญาณนักร้องเลยเข้าสิง จะร้องเพลงท่าเดียว
ตอนที่เดินกลับบ้านก็อีกแน่ะ เราเดินช้าก็เดินช้าตามหลังอยู่นั่นล่ะ ไม่แซงไปซักที พอเราเด็นเร็วก็เดินเร็วตาม
“คืนนี้ผมสละเตียงให้คุณ ทั้งๆ ที่เป็นคิวของผมนอนเตียง”
“ไม่ต้องหรอก” พิชญส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ จะว่าไป เรื่องใครได้นอนเตียงผมก็ไม่ซีเรียสเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าเพียงแต่...”
“อะไร” พิชญเงยหน้าขึ้น จ้องตาของอีกฝ่าย ลืมไปว่าตัวเองกำลังหลบตาผู้ชายคนนี้อยู่ แต่เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูก 'ชวนทะเลาะ' เขาก็ลืมตัว
“ถ้าเพียงแต่คุณจะยอมรับว่าบ้านหลังนี้เป็นของผม”
“แสดงว่าถ้าผมยอมรับว่าคุณเป็นเจ้าของบ้าน คุณก็จะให้ผมนอนเตียงในห้องนอนทุกคืนใช่หรือไม่” พิชญถาม
“อือ ฮึ” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามพยักหน้า ทำเสียงตอบรับในลำคอ
“ถ้ายังงั้นก็...” พิชญพยักหน้าช้าๆ “ผมขอยอมรับว่าคุณเป็นเจ้าของบ้าน และขอบคุณที่ให้ที่พักพิงแต่นักท่องเที่ยวอย่างผม”
“อ๊ะๆ คุณไม่จริงใจ” พยุตม์ชี้หน้านักท่องเที่ยว
“ผมก็เป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ”
“คุณไม่ได้ยอมรับจริงๆ ว่าผมเป็นเจ้าของบ้าน คุณเพียงแต่แกล้งยอมรับเพื่อตัวเองจะได้นอนเตียงในห้องนอนทุกคืน”
“เอาอะไรมาพูด ผมก็เพิ่งยอมรับไป คุณอยากให้ผมยอมรับผมก็พูดไปแล้ว”
“พูดจากใจสิครับ” พยุตม์พูดเสียงเนิบนาบ “ความจริงใจของคนเรามักจะสะท้อนออกมาทางดวงตา”
“คุณหาว่าผมโกหก หลอกลวง ตอแหล” พิชญทำตาค้อนเล็กน้อย
“ผมไม่ได้พูดแบบนั้นซักหน่อย”
“คนเพิ่งว่าผมว่าไม่จริงใจ”
“ผมบอกว่าความจริงใจของคนเรามักจะสะท้อนออกมาทางดวงตา เป็นประโยคบอกเล่า” พยุตม์ยืนยัน
“ผมนอนโซฟาทุกคืนก็ยังได้” พิชญเบ้ปาก ยักไหล่ ทำท่าไม่แคร์
“เอางั้นเลยหรือ”
“ถ้าคุณคิดว่าข้อตกลงที่เราทำกันไว้ไม่มีความหมาย” พิชญพูดต่อ
“ว่าแล้วเชียว” พยุตม์เบ้ปาก ส่ายหน้า แล้วแค่นหัวเราะเบาๆ “คุณนี่ไม่ยอมเสียผลประโยชน์แม้แต่น้อย”
“ยังกะคุณยอมนี่”
“ทำไมผมจะไม่ยอม เมื่อกี้ผมยังบอกว่าผมเสียสละให้คุณนอนเตียงในห้องเลย แต่คุณปฏิเสธเอง”
“งั้นผมยอมรับการเสียสละของคุณ” พิชญพยักหน้า “คุณจะได้สบายใจซะทีว่าทำดีแล้วไม่เสียเปล่า”
“เอาดีเข้าตัว” พยุตม์พึมพำ
“ว่าไงนะ” พิชญถามเพราะได้ยินไม่ชัด
“ผมว่าดีครับดี” พยุตม์ตอบเสียงชัดเจน
“เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้” พิชญไม่ยอม
“พูด” พยุตม์เถียง
“ไม่ได้พูด”
“พูด”
“ใช่ พูด แต่เมื่อกี้คุณพูดอย่างอื่น” พิชญเสียงแข็ง
“ผมพูดว่าอะไร” พยุตม์เลิกคิ้วข้างเดียว
“ผมได้ยินไม่ถนัด แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณบอกแน่นอน” พิชญยืนกราน
“หาเรื่อง” พยุตม์ส่ายหน้าแล้วอดยิ้มไม่ได้ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมรู้สึกสบายใจที่ได้ต่อล้อต่อเถียงในเรื่องไม่เป็นเรื่องกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้
หาเรื่องเถียงกันก็เพลินดีเหมือนกัน แปลกจริงๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ปกติเขาไม่ชอบคุยกับใครนานๆ แต่กับชายหนุ่มท่าทางรั้นๆ คนนี้คุยได้ไม่เบื่อทั้งที่บางเรื่องเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไร้สาระ
เคยมีคนบอกเขาว่าเขาเป็นคนเงียบ หยิ่ง เข้าถึงยาก แต่เขาเป็นคนตรงไปตรงมา พูดอะไรชัดเจน ไม่อ้อมค้อมและไม่พูดมาก
ชายหนุ่มทั้งสองนั่งเงียบ ทานอาหารต่อ แต่ไม่นานก็มี 'การหาเรื่อง' กันเกิดขึ้นอีกราวกับเป็นการชกมวยยกที่สอง จากนั้นพิชญรับหน้าที่ล้างจาน ส่วนพยุตม์เก็บสิ่งของในครัวให้เป็นระเบียบ และขณะที่ล้างจานใกล้จะเสร็จ 'การหาเรื่อง' ยกต่อไปก็เริ่มขึ้นเมื่อพิชญมองเห็นคนตัวโตเปิดตู้เก็บอาหารและทำท่าเหมือนยืนนับของแล้วหันมาพร้อมกับชูสิ่งที่อยู่ในมือให้ดู
“ก็ผมไม่ค่อยหิว” พิชญพูดขึ้นมาทันที
“คุณจะกินครึ่งซองแล้วทิ้งไว้ครึ่งซองแบบนี้ไม่ได้” พยุตม์กรอกตา
“ทำไมจะไม่ได้ ไม่ดีหรือ ประหยัดตั้งครึ่ง ซองเดียวกินได้สองมื้อ ตอนนั้นคุณยังว่าผมเลยว่าสองมื้อทำไมกินสามซอง”
“ผมไม่ได้ว่า ผมแค่ถามว่ามื้อไหนคุณกินสองซอง มื้อไหนกินหนึ่งซอง” พยุตม์อธิบาย
“มันต้องมีแบบแผนขนาดนั้นเลยหรือ” พิชญทำหน้าอ่อนใจ
“ผมก็ไม่ได้บอกหรือกำหนดว่าต้องมีแบบแผน ผมถามเพราะผมอยากรู้” พยุตม์ลากเสียงยาว
“ผมก็ตอบไปแล้วว่าผมหิวน้อย”
“คุณก็เลยกินครึ่งซอง”
“จะให้กินสองซองหรือไง คนหิวน้อยก็กินน้อย หิวมากก็กินมาก เป็นเหตุเป็นผลที่เหมาะสมแล้ว”
“สมกับที่ตอนเรียนเป็นแชมป์โต้วาทีจริงๆ เลย” พยุตม์ส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่โต้วาทีอย่างเดียวนะ ชนะร้องเพลงด้วย จะให้เถียงคุณเป็นทำนองไหมล่ะ”
“ผมไม่เคยคิดจะเถียงกับคุณ” พยุตม์ยักไหล่
“คิดแต่จะหาเรื่อง”
“ผมว่าผมน่าจะเป็นคนได้พูดประโยคนี้มากกว่า”
เสียงถกเถียงกันของชายหนุ่มทั้งสองยังคงดังต่อไปเป็นช่วงๆ เสียงสายฝนกระทบหลังคาบ้านริมทะเลดังประสานเสียงคลื่นที่ซัดหายทรายและโขดหิน เวลาแห่งค่ำคืนผ่านไปอย่างอ้อยอิ่ง คืนนี้ทั้งสองหนุ่มนอนดึกกว่าปกติเพราะต่างผลัดกัน 'หาเรื่อง' กันคนละหลายยก

วันนี้แดดจ้า พิชญดีใจเพราะได้อาบแดดอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เขาจึงใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ที่ชายหาด แต่ครั้นตกบ่ายก็ถูกรบกวน
“นี่คุณ ต้องพลิกตัวบ้างนะ คุณอาบแดดแต่ข้างหลังเดี๋ยวได้ผิวสีทูโทนแทนที่จะได้ผิวสีกุ้งต้มทั้งตัว”
“ขอบคุณที่แนะนำ...ปากร้าย” พิชญพูดเบาๆ แต่ยังคงนอนคว่ำหน้าต่อไป
แสบหน้าจะตาย นอนหงายได้ที่ไหน เขาอยากลองมีผิวสีแทนก็จริง แต่ไม่อยากให้หน้าดำนี่นา
แล้วนี่อีตายักษ์ใหญ่กำลังมองก้นเราอยู่หรือเปล่า ทำไมจะต้องมายุ่งกับเราด้วยนะ ช่วงเช้าเห็นหายไป ตอนกินข้าวกลางวันด้วยกันก็บอกว่าตัวเองจะไปปีนเขาเล่น แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้
“ด้วยความยินดีครับ” พยุตม์พูดเบาๆ และแนะนำต่อ
“ระวังผิวไหม้นะครับ ผมว่าคุณอาบแดดนานเกินไปแล้ว”
“คุณเฝ้าสังเกตผมงั้นหรือ”
“ก็ไม่เชิง อยู่ในบ้าน มองออกมาที่ชายหาดก็เห็นเอง และทุกครั้งที่มองออกมาก็เห็นคุณเอาแต่นอนคว่ำ เวลาตากปลาหมึกหรือปลาแดดเดียวเขายังพลิกกันเลย จะได้สุกทั้งสองด้าน”
“งั้นคุณก็ไปสิ ผมจะได้พลิกตัว”
“คุณอายหรือ”
“เปล่า”
“ผมว่าคุณอาย เพราะผมนั่งอยู่ตรงนี้” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “แปลกดีนะ แทนที่จะอายข้างหลังกลับมาอายข้างหน้า”
“นี่คุณ” พิชญหันหน้ามามองคนที่ชอบออกความเห็น แต่สายกลับปะทะเข้ากับหว่างขาของคนที่นั่งยองๆ อยู่ข้างๆ จึงรีบหันหน้าไปอีกด้านเพราะไม่อยากจะมองต้นขาแน่ๆ ปลีน่องแกร่งและ 'ความกำยำ' ของคนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น
พิชญยอมรับว่าตัวเองใจสั่นเพราะผู้ชายตัวใหญ่คนนี้หุ่นดีและมีแรงดึงดูดทางเพศมาก หากใกล้ชิดกันเกินไกลเขากลัวเหลือเกินว่าอะไรที่ไม่ควรเกิดขึ้นอาจจะเกิดขึ้น
เขาจะรู้ไหมว่าตัวเองเซ็กซี่มาก
ต้องรู้สิ ดูท่าทางเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง รูปร่างหน้าตาแบบนี้คงผ่านใครต่อใครมาเยอะ เผลอๆ ถูกไล่ตามจีบจนต้องหนีมาอยู่บนเกาะกลางทะเลแบบนี้
“อะไรหรือครับ ที่ผมพูดก็เพราะว่าเป็นห่วง ผิวขาวๆ บางๆ อย่างคุณ เล่นอาบแดดแบบไม่บันยะบันยังแบบนี้ ไม่อยากจะนึกเล๊ย”
“ไม่อยากจะนึกอะไร คิดว่าผมจะมีผิวสีแทนเหมือนคุณไม่ได้งั้นหรือ”
“อ้าว หาเรื่องอีกแล้ว ผมไปท้าคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมก็ไม่ได้ว่าคุณท้า”
“แต่เมื่อกี้คุณพูดว่า...”
“คุณจะไปหรือยัง ผมจะได้พลิกตัว” พิชญตัดบท ไล่อีกฝ่ายตรงๆ
“ไปก็ได้ ผมจะหนีลงน้ำซักชั่วโมง คุณจะได้พลิกตัวอย่างสบายใจ หรือจะอาบแดดแบบไม่ใส่อะไรก็ได้นะครับ จะได้ผิวสีแทนทั้งตัวจริงๆ”
“ผมก็วางแผนไว้แบบนั้นล่ะ แต่เสียดาย พอมาถึงเกาะ นึกว่าจะได้อยู่คนเดียว ทีนี้เลยทำแบบนั้นไม่ได้”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะไปดำน้ำทั้งวัน คุณจะได้ทำอะไรตามใจอยาก รับรองว่าไม่แอบดู” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“ขอให้จริงเถอะ”
“ไม่ลองก็ไม่รู้” พยุตม์ส่วมแว่นแล้วเดินลุยลงทะเลแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนที่กำลังนอนอาบแดดอยู่เงยหน้าขึ้นมา ดันตัวขึ้นเล็กน้อยและถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า
“แล้วปลาโลมาจะมาหรือเปล่า”
“ไม่ทราบครับ ผมไม่รู้กำหนดการกิจกรรมออกกำลังกายประจำวันของมัน” พยุตม์ยักไหล่
“ผมว่าคุณรู้ แต่ไม่ยอมบอกผม”
“หาเรื่อง” พยุตม์ส่ายหน้า “ก็ได้ ถ้าจะทำให้คุณสบายใจ ผมบอกก็ได้ว่าบ่ายนี้พวกมันไม่มาเพราะแดดมันร้อนและอากาศอบอ้าวเกินไป และจะมีฝนตกตอนเย็นๆ ปลาโลมาไม่ชอบ”
“ว๊า วันนี้ก็ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกดินน่ะสิ” พิชญพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย
“อ้าว คุณเชื่อผมด้วยหรือ” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลาโลมาและการพยากรณ์อากาศหัวเราะขำ มองคนที่ชอบดูปลาโลมาทรุดตัวลงนอนนิ่ง ยุติการสนทนากับเขาทันทีทันใด
พยุตม์มองชายหนุ่มผู้อยากมีผิวสีแทนด้วยใบหน้ายิ้มๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วว่ายน้ำออกไปในทะเลกว้าง รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก
เขารู้สึกเริ่มจะคุ้นเคยกับการมีใครคนหนึ่งอยู่ด้วยทั้งที่ปกติเคยชอบอยู่คนเดียว

พยุตม์เดินไปเดินมาอยู่ในบ้านด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ฝนเริ่มตกปรอยๆ และกำลังมืด แต่คนที่อยู่ร่วมบ้านนั้นยังไม่กลับจาก 'การวิ่งออกกำลังกาย'
พยุตม์นับหนึ่งถึงยี่สิบอยู่ในใจช้าๆ บอกตัวเองว่าหากนักถึงยี่สิบแล้ว 'คนดื้อ' คนนั้นยังไม่กลับเขาจะออกไปตามหา แต่พอนับได้ถึงสิบหกเขาก็เห็นร่างเปียกโชกของ 'นักวิ่ง' กำลังวิ่งเหยาะๆ ตรงมาที่บ้าน เขารอจนคนที่ออกไปวิ่งตากฝนขึ้นมาบนบ้านก่อนแล้วจึงเปิดประตูให้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เข้ามาและยืนตากฝนหอบหายใจแรง ชูนิ้วสามนิ้วให้เขาดู
“สามสิบกิโลเมตร” พยุตม์อุทานเสียงดัง ทำหน้าตกใจมาก
“จะบ้าหรือ สามกิโลเมตร” คนตอบโวยวาย
“อ้าว ก็นึกว่าคุณจะเอาชนะผม”
“ไม่ต้องมาประชดหรอก” พิชญค้อน
“เข้ามาสิครับ” พยุตม์บอกให้คนที่ยืนตากฝนเข้าบ้าน
“เข้าไปได้ยังไง เปียกอยู่”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เข้ามาเถอะ”
“ผมตัวเปียก” พิชญยืนกราน
“เปียกก็เช็ดให้แห้งได้” พยุตม์เข้าใจว่าอีกฝ่ายกลัวทำให้พื้นบ้านเปียก แต่คนที่ยืนตากฝนอยู่ยังไม่ยอมขยับตัวจนเขาต้องพยักหน้าและบอกให้เข้ามาในบ้านอีกครั้ง
“คุณไม่เข้าใจจริงๆ หรือ” คนที่ยืนตากฝนพูดเสียงห้วน สีหน้าเย็นชา
“อะไรครับ” พยุตม์เลิกคิ้ว แต่คนที่ถามไม่พูดอะไรต่อ ก้มหน้าเดินเข้าไปในบ้านทันที
“เป็นอะไรของเค้าเนี่ย” พยุตม์ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์ของอีกฝ่าย
หรือจะโกรธที่เขาไม่ออกไปตามทั้งที่มืดแล้ว ไม่น่าจะใช่ เขาไม่รู้นี่นาว่าไปวิ่งที่ไหนจะให้ออกไปตามได้ยังไง
ผมตัวเปียก!
อ๋อ ต้องเรื่องตัวเปียกแน่ๆ เพราะไม่ยอมเข้าบ้านทั้งที่ตัวเปียก นี่คงอยากให้เขาเดินเข้าไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ล่ะสินะ
แค่นี้ก็งอน

ตั้งแต่คนขี้งอนเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำพยุตม์ก็ไม่เห็นฝ่ายนั้นออกมาจากห้องอีกเลย จนกระทั่งเวลาสองทุ่มครึ่งเขาจึงไปเคาะประตูห้องแตก็ไม่มีเสียงขานตอบ
“นี่คุณ กินยากันไว้หน่อยสิ เดี๋ยวเป็นหวัด อย่าเพิ่งนอนนะ”
ไม่มีเสียงตอบเช่นเคย พยุตม์เคาะประตูอีกครั้งแต่ก็ยังเหมือนเดิมเขาจึงเปิดประดูแล้วเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ สายตาจับอยู่ที่ร่างใต้ผ้าห่มซึ่งอาจจะแกล้งทำเป็นนอนหลับอยู่บนเตียง
“กินยาหน่อยนะคุณนะ กันเอาไว้ เดี๋ยวเป็นไข้ ผมวางยากับน้ำอุ่นไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงนี่นะ รีบลุกขึ้นมากินก่อนแล้วค่อยนอนต่อ เดี๋ยวน้ำจะเย็น” พยุตม์ก้มลงพูดกับคนที่นอนตะแคงหลับตาพริ้ม
“คุณ...คุณ...” พยุตม์เรียก ก้มหน้าลงมาใกล้จนได้ยินเสียงหายใจเบาๆ ของคนที่นอนอยู่
แกล้งหลับ ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าแกล้งหลับ
“อืม...หลับจริงๆ ด้วย สงสัยคงเหนื่อยมาก แต่งอนอะไรก็ไม่รู้ เรียกก็ไม่ตื่น คนอุตส่าห์มาง้อแล้ว” พยุตม์พึมพำแล้วเดินออกไปจากห้อง

เมื่อแน่ใจว่าคนที่เอายามาให้เดินออกไปจากห้องแล้ว พิชญจึงลืมตาขึ้นมาและนอนนิ่ง สายตาจับอยู่ที่แก้วน้ำซึ่งอีกฝ่ายวางไว้ให้
งอนอะไรก็ไม่รู้ คนอุตส่าห์มาง้อแล้ว
เขาคิดยังไงกับเรา ทำไมถึงพูดแบบนั้น ไอ้ที่เรางอนน่ะก็งอนจริงๆ แล้วมาง้อทำไมล่ะ นี่ก็แสดงว่า...แสดงว่า...
ไหนจะยาที่เอามาให้กินอีก แสดงว่าเขาแคร์เรางั้นหรือ ถ้าแคร์และง้อก็หมายความว่า...
โอย ไม่อยากจะคิด
ไม่ได้นะ ไม่ได้ มันไม่เหมาะ มันเร็วเกินไป

::: End of chapter 7 :::


samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #107 เมื่อ16-01-2012 17:25:06 »

จิ้มๆ  :z13: :z13:

เร็วๆนี่แหละดีคนอ่านชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2012 17:35:25 โดย samsoon@doll »

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #108 เมื่อ16-01-2012 18:02:55 »

รักกันเหอะ แก้เบื่อ 555

ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #109 เมื่อ16-01-2012 18:05:01 »

จับปล้ำเลย ฮ่าๆ :laugh:
ตกลงใครมาผิดกันแน่เนี่ย รอเฉลย^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
« ตอบ #109 เมื่อ: 16-01-2012 18:05:01 »





ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #110 เมื่อ16-01-2012 19:21:28 »

ไม่เร็วไปหรอกหนู ถ้าเป็นคนอื่นนะป่านนี้มีลูกกันแล้ว :laugh:

member

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #111 เมื่อ16-01-2012 19:40:06 »

วันเดียวสอนตอน อ่ะ เริ่ด 

ชอบพยุตย์อ่า ชอบๆๆๆ

Peppermint

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #112 เมื่อ16-01-2012 19:40:20 »

เชื่อเลยว่าตาพระเอกเราอยู่ในห้อง

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #113 เมื่อ16-01-2012 19:57:12 »

พิชญนี่ก็ขยันจ้องเป้าซะจริง (จริงๆเ้ป็นชั้น ชั้นก็มอง กรี๊ดดดดดดดดดด >< )
ง้อๆงอนๆ คุณพยุตม์น่าร้ากกกก  :-[

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #114 เมื่อ16-01-2012 19:58:25 »

ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของแต่ละคนเท่าไหร่เลย
แต่จะฟิทเจอริ่งกันก่อนก็ไม่มีปัญหานะ หึหึหึ :z2:

wdaisuw

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #115 เมื่อ16-01-2012 19:59:26 »

โอ๊ย เขิลค้าาา
พ่อไมโครโฟนเคลื่อนที่  :z1:

อยากเห็นฉากสวีทๆ กันเร็วๆจัง :impress2:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #116 เมื่อ16-01-2012 19:59:40 »

อิ อิ ในบทที่6 ที่7 เนี่ย ดูเหมือนจะขยันส่งภาพลักษณ์เซ็กซี่ๆของพยุตม์บ่อยจังเนอะ
จะเอาให้พิชญใจแกว่งให่ได้ในเร็ววันละซี เราว่าแกว่งไปแล้วล่ะ แต่คนดื้อคนมั่นขนาดนั้น ไม่แสดงออกหรอกว่าแกว่ง
คนอ่านนี่ซี้อิจฉาพิขญ์ซะงั้น ได้ไปอยู่เกาะเพียงลำพังกับหนุ่มเซ็กซี่ขนาดนั้น

ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #117 เมื่อ16-01-2012 20:13:31 »

 :sad4:อยากให้มาบ่อยๆอย่างงี้ชอบคะ :L1:

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #118 เมื่อ16-01-2012 20:14:21 »

มันไม่เร็วหรอก
มันเหมาะแล้ว มากม๊ากกกกกกกกกกกก

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
«ตอบ #119 เมื่อ16-01-2012 20:14:33 »

เอ๊ะ ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้มันน่ารักกว่าปกติ เขิลๆ  :o8:

ปล. พิชญมาติดเกาะอยู่กี่วันแล้วค่ะเนี่ย ... เวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด