พิมพ์หน้านี้ - ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: katawoot ที่ 10-01-2012 21:11:04

หัวข้อ: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 10-01-2012 21:11:04
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

 จุดประสงค์ของนิยายเรื่อง อาทิตย์อัสดง คือเพื่อให้คนที่เชื่อในความรักได้อมยิ้มเ่ล่น
เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องให้ลุ้นครับ อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนลอยเรือตุ๊บป่องอยู่กลางทะเล

เมนท์ได้เต็มที่นะครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-01-2012 21:12:29
ลงเรือด้วยคน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 10-01-2012 21:14:28
อาทิตย์อัสดง บทที่ 1

พิชญกระโดดลงจากเรือเพื่อเดินลุยน้ำเข้าไปที่ชายหาด โชคดีที่เป็นช่วงน้ำลงและเรือหาปลาเล็กๆ ลำนั้นก็เข้าใกล้ชายหาดได้มากพอสมควร เขาหันไปย้ำกับคนขับเรือถึงวันเวลาที่จะให้มารับแล้วยกกระเป๋าใบเดียววางบนบ่าเดินลุยน้ำไปที่ชายหาดช้าๆ ในใจนึกถึงน้ำฝักบัวเย็นๆ และที่นอนนุ่มๆ ทั้งที่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ารู้สึกแปลกๆ ที่เกาะกลางทะเลไกลแสนไกลแห่งนี้ดูเงียบเกินไป แม้แต่ท่าเทียบเรือก็ไม่มี
แต่เขายอมรับว่าชายหาดสวยมาก เม็ดทรายละเอียด ขาวสะอาด น้ำใสแจ๋วราวกระจก ปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายไปมาอย่างไม่เกรงกลัวคน ที่ชายหาดมีต้นใม้ต้นหนึ่งสูงใหญ่มาก มีชิงช้าซึ่งแผ่นรองนั่งเป็นไม้เก่าๆ แขวนกับกิ่งไม้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเปลญวณขนาดใหญ่มากแขวนอยู่ที่กิ่งไม้ของต้นไม้นั้น เปลแขวนอยู่สูงในระดับเหนือศีรษะสุดมือเอื้อมถึง หากจะขึ้นไปนอนบนนั้นได้จะต้องใช้บันไดเพื่อปีนขึ้นไป หรือไม่ก็ปีนขึ้นต้นไม้แล้วไต่มาตามกิ่งไม้เพื่อหย่อนตัวลงนอน พิชญอดคิดไม่ได้ว่าพี่ชายของเพื่อนเขาเป็นคนแปลกประหลาดพอสมควรที่จะแขวนเปลกับชิงช้าไว้สูงขนาดนั้น
พิชญวางกระเป๋าลงบนทางเดินกรวดเพราะเริ่มรู้สึกหนัก ถอนหายใจออกมายาวๆ และมองไปรอบๆ เพื่อชื่นชมกับธรรมชาติของเกาะทรายงามที่เขาอุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมาทั้งวันเพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่สักสองอาทิตย์ก่อนจะกลับไป 'สู้' ชีวิตในกรุงเทพฯ
เขาเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยเครื่องบิน เหมารถเช่าไปส่งที่ท่าเรือ โดยสารเรือแฟรรี่ไปลงที่เกาะใหญ่ นั่งเรือหางยาวไปหมู่บ้านชาวประมงเพื่อจ้างเรือประมงให้มาส่งที่เกาะทรายงามเพราะมีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักว่าเกาะแห่งนี้อยู่ที่ไหน
พี่ชายของคณินทร์เพื่อนของเขาให้ใช้บ้านพักตากอากาศบนเกาะส่วนตัวเพื่อหลบมาพักชั่วคราวและตั้งสติก่อนกลับกรุงเทพฯ ไปรับมือกับปัญหาหลายอย่างซึ่งกำลังเผชิญอยู่
พิชญเดินไปตามทางเดินโรยกรวดอย่างอ่อนแรง รู้สึกสงสัยยิ่งนักว่าทำไมบ้านพักอยู่ห่างจากชายหาดถึงเพียงนี้ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน หันไปมองด้านขวาเห็นแสงสีทองจับขอบฟ้าสวยงามยิ่งนัก เมฆบนท้องฟ้าวันนี้ดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น ดูเป็นริ้วเหมือนใครสะบัดพู่กันสีม่วงปนแดงขึ้นไปวาดภาพบนท้องฟ้า ถ้าเมฆยามเย็นของท้องฟ้าด้านนี้สวยงามอย่างที่เห็น พระอาทิตย์ที่กำลังตกดินทางทิศตะวันตกจะสวยงามขนาดไหน เขาใช้ชีวิตอยู่แต่ในเมืองใหญ่ แทบไม่เคยได้สัมผัสกับธรรมชาติ คราวนี้ล่ะ เขาจะใช้เวลาให้เต็มที่ ธรรมชาติที่สวยงามจะช่วยให้เขาพบกับความสงบและตั้งสติได้
ลมทะเลพัดมาเอื่อยๆ พิชญสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์พร้อมกับแหงนหน้าขึ้น หลับตาพริ้ม ลืมไปว่าตัวเองกำลังเดินลากกระเป๋าอยู่บนถนนโรยกรวดเล็กๆ จึงทำให้เท้าสะดุดก้อนหินล้มคว่ำไม่เป็นท่า
กว่าจะถึงบ้านพักตากอากาศซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะก็ทำให้พิชญแทบจะหมดแรง

พิชญแปลกใจเพราะบ้านเปิดไฟเอาไว้ บ้านพักตากอากาศของพี่ชายเพื่อนของเขาออกแบบอย่างสวยงามจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าอยู่บนเกาะเล็กๆ ไกลแสนไกล ผนังเกือบรอบด้านเป็นกระจก โครงเป็นเหล็กสีน้ำตาลเข้ม ระเบียงไม้หน้าประตูเข้าบ้านกว้างมาก พิชญนั่งลงบนพื้นเพื่อค้นหากุญแจบ้านที่เพื่อนให้มา กระเป๋าแอร์เมสของเขาแทบไม่เหลือสภาพความสวยงามเพราะโดนลากกับพื้นกรวดมาตลอดทาง
ไม่เจอ!
กุญแจอยู่ที่ไหน
พิชญเหนื่อยมาก รู้สึกอยากจะเอนตัวนอนโดยใช้กระเป๋าหรูที่ซื้อมาจากฝรั่งเศสหนุนต่างหมอนเสียเดี๋ยวนั้น แต่ค้นกระเป๋าแล้วก็ไม่เจอกุญแจ
ชายหนุ่มหันไปมองบ้านพักชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตรแล้วจึงนึกอะไรได้บางอย่าง เมื่อไฟหน้าบ้านเปิดอยู่ก็แสดงว่าจะต้องมีคนดูแลและเปิดให้เขาเข้าไปในบ้านได้ พิชญจึงแข็งใจลากกระเป๋าไปวางไว้ที่ขั้นบันไดหน้าบ้านแล้วเคาะประตูอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู เขาจึงเดินไปรอบบ้านเพื่อหาเรือนพักของคนดูแลบ้าน แต่คำพูดของเพื่อนเขาดังแว่วขึ้นมาในหัวว่า
...แกจะอยู่คนเดียวได้หรือ เกาะนั้นไม่มีอะไรเลยนะ มีบ้านพี่ชายเราหลังเดียวเพราะเป็นเกาะของเขา คนดูแลอะไรก็ไม่มี ต้องทำอะไรเองหมดทุกอย่าง ไม่มีคนปรนนิบัตินะบอกให้...
แล้วใครเปิดไฟ
พิชญหยุดเดิน ยืนนิ่งมองบ้านพักตากอากาศ เลิกคิดที่จะเดินหาเรือนพักของคนดูแลบ้าน เพราะมองไปรอบๆ มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ไม่มีวี่แววว่าจะมีสิ่งปลูกสร้างอื่นใด
ชายหนุ่มเดินกลับไปที่บ้าน ตั้งใจว่าจะเทของทุกอย่างในกระเป๋าออกมาและค้นหากุญแจดูอีกครั้ง หรือถ้าถึงที่สุด เขากะจะใช้วิธีงัดประตู หรือไม่ก็ทุบกระจกปีนเข้าไปเสียเลย เมื่อครู่เขาเห็นว่าหน้าต่างเล็กใกล้ประตูด้านหน้าเป็นกระจกบานเล็กที่ไม่ใช่กระจกหนาแบบที่ใช้ทำเป็นผนัง จากนั้นค่อยลากตู้หรืออะไรมาตั้งขวางเอาไว้ แล้วค่อยไปสารภาพผิดกับเพื่อนและยอมจ่ายค่าเสียหาย
พิชญเดินโผเผขึ้นบันไดไปยืนพิงประตูกระจกบานใหญ่ที่สูงเกือบสองเมตรแล้วเคาะประตูดังๆ อีกครั้งราวกับหวังว่าจะมีใครมาเปิดให้แต่ก็ไม่มีวี่แวว นานเข้าเขาเริ่มจะทนไม่ไหวจึงจับลูกบิดประตูเขย่าด้วยความหงุดหงิด ประตูกลับเปิดออกได้โดยง่าย พิชญเดินเข้าไปข้างในช้าๆ และเปิดไฟให้สว่าง บ้านพักตากอากาศตกแต่งไว้อย่างสวยงามราวกับห้องพักของรีสอร์ทหรูหรา พิชญเหนื่อยแทบขาดใจ อยากจะโผเข้าห้องนอนและทิ้งตัวลงบนเตียงและหลับไปทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำ แต่เขาก็กัดฟันเดินไปลากกระเป๋าเข้ามาในบ้านและปิดล๊อคประตูให้เรียบร้อย ก่อนจะเข้าไปในห้องนอน ล้างหน้าอย่างลวกๆ และล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนนุ่มๆ ทันที

แสงแดดจ้าส่องเข้ามาในห้องนอนกว้างที่มีผนังห้องเป็นกระจกตลอดแนวทั้งสองด้าน เผยให้เห็นวิวทะเลอันสวยงามอย่างชัดเจน พิชญจำต้องตื่นขึ้นมาเพราะทนนอนในห้องที่สว่างจ้าแบบนั้นไม่ได้ ความจริงเขาเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว ครั้นเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลา 8:05 น. ซึ่งก็ถือว่าได้นอนเต็มที่อยู่เหมือนกัน
พิชญชะเง้อมองออกไปด้านนอกเห็นวิวทะเลสวยงามจับใจ แสงอาทิตย์ส่องกระทบผิวน้ำระยิบระยับ ท้องฟ้าเป็นสีครามสดใส พิชญยิ้มออกมาบางๆ รู้สึกไม่เสียดายที่ดั้นด้นเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้ แต่ทันใดก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นปลาโลมากระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำและทิ้งตัวลงจนน้ำทะเลแตกกระจายเป็นฟองสีขาว
พิชญหายงัวเงียทันที รีบกระโจนลงจากเตียงและวิ่งออกไปจากห้องเพราะต้องการจะดูปลาโลมาในธรรมชาติจริง เขาเห็นสะพานไม้อยู่ทางด้านขวาของระเบียงกว้างหน้าบ้านทอดตัวลดหลั่นลงไปตามโขดหินจนถึงชายหาดซึ่งห่างออกไปประมาณสองร้อยเมตร เมื่อมีแสงสว่างชัดเจนเขาจึงเห็นได้ว่าบ้านพักตากอากาศหลังนี้ตั้งอยู่บนโขดหินซึ่งยื่นออกไปราวกับเป็นแหลมเล็กๆ ด้านหนึ่งเป็นโขดหินลาดลงไปจนถึงชายหาด มีทางเดินซึ่งเป็นสะพานไม้ช่วงสั้นๆ ลัดเลาะไปตามโขดหินลดหลั่นลงไป ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเนินหญ้ากว้างลาดชันขึ้นไปจรดทิวไม้เขียวขจีเชิงเขา
ทั้งที่เจ็บเท้าแต่ด้วยความอยากชมปลาโลมาใกล้ๆ พิชญก็แข็งใจเดินสลับวิ่งลงไปจนถึงชายหาดและได้ดูฝูงปลาโลมาเล่นน้ำจนพอใจก่อนโลมาฝูงนั้นจะว่ายน้ำหายไป
พิชญเสียดายที่ลืมคว้าโทรศัพท์มาเพื่อที่จะถ่ายภาพเอาไว้ ชายหนุ่มเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ ชั่วครู่จนรู้สึกหิวจึงเดินกลับ แต่เมื่อแหงนมองทางเดินที่เป็นสะพานไม้ช่วงๆ สั้นๆ กว่ายี่สิบช่วงที่หักมุมลัดเลาะไปตามโขดหินจนขึ้นไปถึงบ้านพักก็แทบจะถอดใจเพราะดูสูงกว่าที่คาดคิด เมื่อตอนลงมานั้นเป็นเพราะอยากดูปลาโลมาเขาจึงไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยเท่าใดนัก แต่คราวนี้เป็นการเดินขึ้นและแดดก็เริ่มร้อน หนำซ้ำยังรู้สึกหิวอีกด้วย
แต่ในที่สุดพิชญก็มาถึงประตูหน้าบ้านพักตากอากาศจนได้ เขาก้มลง ใช้มือเท้าหัวเข่าทั้งสองข้างและหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตอนนี้เองจึงสังเกตเห็นตัวหนังสือเล็กๆ สลักอยู่กลางกระจก
The House of Dusk and Dawn
พิชญยืดตัวขึ้นและมองออกไปยังชายหาดเบื้องล่างซึ่งเขาลงไปชมปลาโลมาเมื่อครู่จึงตระหนักได้ว่านั่นคือทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตกนั้นเป็นอีกด้านหนึ่งของบ้าน
อยู่ที่บ้านหลังนี้ ได้เห็นทั้งวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกอย่างอย่างชัดเจน น่าอยู่จริงๆ คณินทร์เพื่อนของเขาไม่เห็นพูดเรื่องนี้ บอกแต่เพียงว่าบ้านพี่ชายสวยมาก แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียด ตอนแรกเขาเกือบจะไม่มาเพราะเห็นว่าไกลเกินไป แต่หากคณินทร์อธิบายภาพอย่างที่เขากำลังเห็นอยู่นี้เขาคงหนีจากกรุงเทพฯ มาอยู่ที่นี่นานแล้วแทนที่จะหลบหน้าอยู่แต่ในห้องคอนโดแคบๆ ของปานฤทัย ผู้จัดการของเขาตั้งหลายวัน
อาบน้ำให้สบายตัวแล้วค่อยไปทำอะไรทาน
พิชญมองเข้าไปด้านในเห็นห้องครัวอยู่ทางด้านขวาสุดของบ้าน ตู้เย็นขนาดใหญ่น่าจะมีทุกอย่างพร้อม ความจริงเขาทำอาหารไม่เก่ง แต่ในตู้เย็นคงมีไข่ อย่างน้อยเขาก็พอเจียวไข่เป็น หรือถ้าแย่จริงๆ ต้มไข่ก็ยังได้
พิชญฮัมเพลงเบาๆ Time Is A Jailer เป็นเพลงที่เขากำลังหัดร้องเพราะต้องขึ้นแสดงในงานครั้งสำคัญเดือนหน้า เขาตั้งใจจะหลบมาอยู่ที่นี่สักสองอาทิตย์ก่อนจะกลับไปสู้รบปรบมือกับปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้น
No one can hear me, 'cause no one is around
But I still hear your whisper in the dark
I know I can go, I know I can leave whenever I please
But time is a jailer for me
เมื่อฮัมเพลงถึงท่อนนี้พิชญก็ต้องชะงัก เขาเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่กลางห้องนอนและได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ ในห้องน้ำ พิชญขมวดคิ้ว รู้สึกสงสัย แต่เสียงนั้นก็หายไปในทันที เขาจึงสะบัดศีรษะเบาๆ เพราะคิดว่าตัวเองหูแว่ว
พิชญก้มลงมองหากระเป๋าแอร์เมสของตัวเองซึ่งจำได้ว่าทิ้งไว้กลางห้องแต่ก็ไม่เจอ เขาหันซ้ายหันขวาอยู่ชั่วครู่จึงเห็นว่ากระเป๋าของตัวเองวางอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าใกล้กับประตูห้องน้ำ พิชญเดินไปเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำให้สบายตัว เขาถอดเสื้อของตัวเองออกและปลดตะขอกางเกงแต่ทันใดก็ต้องยืนนิ่งตัวแข็งเมื่อเห็นประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างเปลือยของผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา
“นี่คุณ” พิชญร้องอย่างตกใจแต่ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นทำหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจแต่อย่างใด ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั้งตัว ผิวสีแทนเข้ม หุ่นดีไม่มีที่ติ มือขวากำลังใช้ผ้าเช็ดตัวขยี้ผมให้แห้ง โชคดีที่ผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนใหญ่ทิ้งชายลงมาปิดกลางลำตัวเอาไว้ แต่พิชญพอจะมองเห็นว่าสิ่งที่อยู่ใต้ชายผ้าสีขาวนั้นตุงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณเป็นใคร” พิชญรวบรวมสติ ถามเสียงดังกว่าเดิม “มาจากไหน เข้ามาได้ยังไง มาทำอะไรในนี้”
“เจ้าของบ้าน มาจากข้างนอก เดินเข้ามาทางประตู มาอาบน้ำ” ชายหนุ่มหน้าเข้มคนนั้นตอบทุกคำถามด้วยเสียงราบเรียบ
“ออกไปเดี๋ยวนี้” พิชญชี้นิ้วไปที่ประตูห้อง ออกคำสั่งเฉียบขาด
“ทำไม”
“คุณบุกรุกเข้ามาแบบนี้มันผิดกฏหมาย ออกไป”
“ผิดกฎหมายมาตราไหนไม่ทราบ” หนุ่มหน้าเข้มถาม
“คุณเป็นใคร” พิชญถามเสียงเข้ม
“ผมต่างหากน่าจะเป็นฝ่ายถามว่าคุณเป็นใคร”
“นี่บ้านของผม” พิชญตอบเสียงห้วน
“บ้านคุณ” ชายหนุ่มคิ้วเข้มเลิกคิ้ว
“บ้านพักตากอากาศของเพื่อนผม” พิชญตอบเสียงอ่อนลงกว่าเดิม
“อ๋อ มิน่า คุณถึงนอนหลับสบายบนเตียงทั้งๆ ที่อยู่ในชุดเดินทาง ไม่อาบน้ำด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มจมูกโด่งคมยิ้มมุมปากเยาะๆ
“คุณเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืน” พิชญขมวดคิ้ว
“งั้นผมก็คงกลายเป็นผู้บุกรุกยามวิกาลแล้วล่ะ” ชายหนุ่มคนนั้นหัวเราะเบาๆ
“ผมปิดล๊อคประตูแล้ว” พิชญพึมพำกับตัวเอง
“งั้นผมเข้ามาได้ยังไงล่ะว่าไหม”
“คุณเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้” พิชญเสียงเข้มขึ้น
“ผมก็เป็นเจ้าของบ้านสิ ถามได้” ชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จลดผ้าเช็ดตัวลงและทำท่าจะโยนลงตะกร้า พิชญจึงรีบยกมือขึ้นห้าม
“นี่อย่านะ อุจาด”
“ทำไมคุณ มีเหมือนกันไม่ใช่หรือ อย่าทำเป็นไม่เคยเห็นไปหน่อยเลยน่า” ชายหนุ่มหน้าเข้มอมยิ้ม “เอ๊ะ หรือว่าคุณไม่มี”
“ทะลึ่ง” พิชญถลึงตา
“แต่คุณนี่ก็หุ่นดีเหมือนกันนะ ผิวขาวจั๊วะเหมือนไข่ต้ม”
“คุณ” พิชญเม้มปาก รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อและกางเกงรูดซิบลงไปครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นขอบกางเกงชั้นในสีขาวจึงรีบรูดซิบขึ้น
“ขอเวลาส่วนตัวหน่อยได้ไหมครับ ผมจะแต่งตัว” ชายหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นแล้วโยนผ้าเช็ดตัวลงบนพื้น พิชญหันหน้าหนีพอดีและเดินลงส้นเท้าหนักๆ ไปที่ประตูเพื่อออกไปรวบรวมสติ
เขาไม่เข้าใจ คณินทร์บอกว่าบ้านพักตากอากาศของพี่ชายนั้นว่างตลอดเวลา แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่ถ้าบอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน ก็แสดงว่าอาจเป็นพี่ชายของคณินทร์ ซึ่งอยู่ดีๆ ก็เกิดอยากจะมาพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศของตัวเอง
แต่เขาไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายของคณินทร์เพราะหน้าตาไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย คณินทร์เป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่ผู้ชายหน้าเข้มคนนี้มองอย่างไรก็ไม่มีเค้าเหมือนเพื่อนของเขาเลย ความสูงของเพื่อนเขาก็ไม่ถึงไหล่ของอีตายักษ์ใหญ่คนนี้ด้วยซ้ำ
ผิวสีแทน ใบหน้าคมสัน คิ้วเข้มเฉียงขึ้นด้านบนทำให้ดูหน้าดุ ตาคบกริบเหมือนเหยี่ยว โหนกแก้มสูง จมูกโด่งคมเป็นสันตรง ปากเต็มได้รูปอย่างผู้ชาย ผู้ชายคนนี้รูปหล่อราวแกะสลัก

“ว่าไงคุณ คิดได้หรือยังว่าจะเถียงผมยังไง” เสียงห้าวดังขึ้นข้างหลัง พิชญสะดุ้ง หันไปมอง แต่สายตาเห็นแผ่นท้องแกร่งกร้ามขึ้นเป็นลอน ชายคนนั้นสวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว ไม่ได้แต่งตัวเรียบร้อยอย่างที่พูด
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักของพี่ชายเพื่อนผมชื่อ คณินทร์” พิชญพูดขึ้น “อ้อ อย่ามาอ้างว่าคุณเป็นพี่ชายคณินทร์นะเพราะหน้าตาไม่เหมือนกันซักนิด”
“ผมก็มีน้องชาย แต่ไม่ใด้ชื่อนี้ และผมก็ไม่รู้ว่าใครชื่อคณินทร์ แต่ผมรู้ว่าบ้านหลังนี้สร้างขึ้นมาเมื่อไหร่”
“คุณเล่นตลกอะไร คุณผ่านมาแล้วแอบเข้ามาพัก แล้วมาอ้างว่าเป็นบ้านของตัวเอง”
“ช่างคิดได้นะ” ชายหนุ่มผิวเข้มหัวเราะเสียงหยัน “ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมเป็นเจ้าของบ้าน เอายังงี้ เรามาเล่นยี่สิบคำถามกันหน่อยไหมล่ะ คุณว่าบ้านหลังนี้ชื่อว่าอะไร”
“The House of Dusk and Dawn” พิชญตอบทันที
“ผิด”
พิชญหันขวับไปมอง แต่ก็ยังเห็นแต่แผ่นท้องเกร็งแน่นของอีกฝ่ายซึ่งยื่นอยู่แทบชิดเขา พิชญจึงขยับตัวออกห่างเล็กน้อย
ทำไมจะต้องมายืนโชว์เป้าตุงอยู่ได้ คิดว่าตัวเองใหญ่นักหรือไง หุ่นดีก็จริง แต่ไม่เห็นจะต้องมาอวดกันเลยนี่นา
“งั้นเอาคำถามที่ง่ายกว่านี้หน่อย เกาะนี้ชื่อเกาะอะไร”
“ทรายงาม” พิชญตอบเสียงสั้นๆ ห้วนๆ
“อืม ก็มาถูกที่นี่นา แล้วคุณเป็นใครล่ะเนี่ย” ชายคนนั้นขมวดคิ้ว ทำหน้าตาสงสัย
“ผมต่างหากควรถามว่าคุณเป็นใคร” พิชญหันขวับไปอีกครั้งและลุกขึ้นยืน แหงนหน้ามองชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาฉุนๆ
เมื่อยืนอยู่ใกล้ๆ กันพิชญจึงได้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ตัวสูงใหญ่มาก
เขาสูง176 แต่ก็ยังต้องแหงนหน้ามอง แสดงว่าผู้ชายคนนี้น่าจะสูงเกือบ 190
คนอะไรตัวใหญ่ยังกับยักษ์
“ผมชื่อ...” พิชญชะงัก แล้วถามตัวเองในใจว่า ทำไมเขาต้องบอกชื่อตัวเอง ผู้ชายคนนี้ไม่รู้หรือว่าเขาเป็นใคร
“ชื่ออะไรครับ” ผู้ชายหน้าเข้มเลิกคิ้ว
“คุณไม่รู้หรือว่าผมเป็นใคร” พิชญถาม
“อ้าว ก็คุณไม่บอก” ชายร่างยักษ์ส่ายหน้าช้า “คุณจะแนะนำตัว แล้วจู่ๆ คุณก็หยุดพูด แล้วมาถามผม คุยกับคุณนี่ปวดหัวดีพิลึก”
“ช่างเถอะ” พิชญพูด
“ช่างเถอะอะไรครับ” ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านเลิกคิ้ว
“ไม่สำคัญหรอกว่าผมจะชื่ออะไร”
“แสดงว่าเราจะไม่แนะนำตัวกันใช่ไหมเนี่ย”
“ผมก็ไม่อยากรู้หรอกว่าคุณชื่ออะไร” พิชญอดพูดจากระทบกระเทียบอีกฝ่ายไม่ได้เพราะหน้าตากวนๆ แบบนั้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก
ใบหน้าดูยิ้มๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าทำท่าเอือมระอาเขาอยู่ในที แบบนี้ จะให้พูดดีด้วยได้ยังไง
แล้วนี่เขาไม่รู้จักเราจริงๆ หรือ ถ้าแกล้งทำก็ถือว่าทำหน้าได้แนบเนียนมาก
“ก็ได้ คุณไม่ต้องบอกชื่อผมก็ได้ เอาไว้ให้คุณพร้อมก่อนก็ได้ ยังไงก็ได้” ผู้ชายตัวโตยักไหล่
“แล้วคุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่” พิชญถาม
“อ้าว คุณนี่ ทีตัวเองไม่อยากให้เขารู้จัก แต่กลับอยากรู้จักชื่อคนอื่น ผมว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมนะคร้าบ”
“ก็ได้ ไม่ต้องรู้จักชื่อคุณก็ได้ แต่ถึงคุณพร้อมจะบอกผมแล้วก็ไม่ต้องมาบอกผมหรอกนะ เพราะไม่เห็นจะสำคัญ” พิชญยักไหล่เหมือนกัน “เรื่องที่สำคัญก็คือว่า คุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
“ก็วนกลับมาที่คำถามเดิมนั่นล่ะ และผมก็จะตอบว่า นี่บ้านผมไงครับ ผมก็ควรจะถามคุณด้วยคำถามเดียวกัน ว่าคุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
“ผมเป็น....” พิชญอ้าปากแล้วชะงักอีกครั้ง
ทำไมเขาจะต้องบอกว่าเขาเป็นใคร อีตานี่ท่าทางคงจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ถ้าเขาบอกว่าเป็นใครก็คงจะหัวเราะแล้วทำหน้าตาน่าหมั่นใส้
พีช พิชญไง ไม่รู้จักหรือ อีตาบ้าเอ๊ย
หรือ พีช พีพี
“เป็น...” ชายคนนั้นก้มหน้าลงมาใกล้ เลิกคิ้วขึ้นข้างเดียว รอฟังคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย
“ช่างเถอะ”
“เอาอีกแล้ว ช่างเถอะอีกแล้ว” คนพูดส่ายหน้าแล้วเดินออกห่างไปยืนมองทะเลพร้อม ทำท่าทางเลิกที่จะคุยกับคนแปลกหน้าที่จู่ๆ ก็มาโผล่อยู่ในห้องนอน
พิชญถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ก้มลงค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋า ทันใดนั้นเสียงห้าวๆ ก็ดังขึ้นข้างหลัง ทำให้เขารู้ว่าผู้ชายตัวสูงคนนั้นเดินตามเข้ามาเงียบๆ
คนอะไร ตัวใหญ่ยังกับไดโนเสาร์ แต่เดินเงียบมาก
“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณหรอกคุณ”
“ถ้ายังงั้นผมก็โทรไปเช็คกับเพื่อนไม่ได้” พิชญยืดตัวขึ้นแล้วหันมาพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า นี่คือบ้านพักตากอากาศของพี่ชายเพื่อนผมซึ่งเขาอนุญาตให้ผมมาพัก ส่วนคุณเป็นใครผมไม่...”
“สรุปเลยก็แล้วกัน” ผู้ชายคนนั้นพูดแทรก “บ้านนี้มีคนอยู่สองคน เพราะอีกคนคงไม่ยอมย้ายออกไปอย่างแน่นอน ทั้งที่เป็นคนที่มาผิดที่”
“ผมไม่ได้มาผิดที่ คุณจะบ้าหรือ ไม่ตลกเลยนะ ผมมาจากกรุงเทพฯ ไกลขนาดนี้ ต่อรถต่อเรือตั้งหลายจุด ผมไม่หลงทางมาหล่นตุ๊บกลางเกาะห่างไกลความเจริญแบบนี้หรอก”
“ใครพาคุณมา”
“คนขับเรือสิ แล้วก่อนจะจ้างให้เขามาส่ง ผมก็คงต้องบอกเขาว่าให้ไปส่งที่ไหนใช่หรือเปล่า คุณคิดว่าผมสื่อสารกับคนขับเรือด้วยภาษาใบ้หรือไง ผมรู้หรอกว่าต้องบอกให้เขามาส่งที่ไหน”
“ปวดหัว” ผู้ชายตัวโตโคลงศีรษะ “เอางี้ ไหนๆ เราก็มาติดอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยกันแล้ว มาตกลงกันดีกว่าว่าจะอยู่กันยังไงในเมื่อมีห้องนอนห้องเดียว”
“ผมไม่ออกไปนอนข้างนอกเด็ดขาด” พิชญพูดสวนกลับทันที
“ผมก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าคุณต้องพูดแบบนี้ ท่าทางคุณนี่คงคุ้นเคยกับการได้อะไรอย่างที่ใจอยากจะได้”
“คุณ”
“อ๊ะๆ ผมไม่ได้ว่าคุณถูกตามใจจนเคยชินนะครับ”
“ใช่ คุณไม่ได้พูด” พิชญเบ้ปากประชด
“ถามจริงเถอะ คุณเป็นคุณหนูไฮโซหนีพ่อแม่มาเที่ยวเปิดโลกทัศน์ตัวเองใช่หรือเปล่า ทำไมมาไกลถึงขนาดนี้ แค่หัวหินก็น่าจะพอไม่ใช่หรือ ที่นี่ไม่มีแสงสีนะคุณ เดี๋ยวได้ขาดใจตายพอดี”
“คุณนี่ ทำไมช่าง...”
“ช่างอะไรครับ”
“ช่างเถอะ” พิชญถอนหายใจแล้วลดเสียงลง “ออกไปก่อนได้ไหม ผมจะอาบน้ำแต่งตัว”
“ตามสบาย” ผู้ชายผิวเข้มยักไหล่แล้วเดินตรงไปที่ประตู แต่ก่อนที่จะออกจากห้องก็พูดว่า “แต่เรื่องใครจะได้ครอบครองห้องนี้ยังไม่จบนะครับ เรายังต้องคุยกันอีก”



หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 10-01-2012 21:15:13
อาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากห้องนอน พิชญก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุย เขาปรายตาไปทางห้องครัว เห็นผู้ชายตัวโตไม่สวมเสื้อคนนั้นกำลังสาละวนอยู่ที่หน้าเตาจึงเดินเลี่ยงออกไปนั่งอยู่ที่ระเบียงกว้างหน้าบ้าน
วิวสวยจริงๆ น่าอิจฉาพี่ชายของคณินทร์ที่มีบ้านพักตากอากาศบนเกาะที่สวยงามมากแห่งนี้
แต่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน เขาดูคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มาก เสื้อผ้าในตู้ก็มีแต่ตัวใหญ่ๆ ขนาดพอดีกับรูปร่างบึกบึน
ขณะนี้พิชญยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่จะให้ทำยังไงล่ะ จะให้เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินไปรอเรือผ่านมาจะได้โบกให้แวะรับพาไปหาที่พักบนเกาะอื่นยังงั้นหรือ และเกาะที่อยู่ห่างไกลขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีเรือผ่านมาเมื่อไหร่
อีกตั้งสิบสามวันเรือที่นัดไว้ถึงจะกลับมารับ
มาผิดเกาะยังงั้นหรือ ไม่มีทางหรอก เขาถามย้ำตั้งหลายคน ทั้งคนที่เขาเช่ารถ ทั้งคนที่ท่าเรือ ทั้งคนขับเรือ ทุกคนดูมั่นใจ ไม่มีอะไรให้น่าสงสัยว่าจะพาเขามาผิดที่
ผู้ชายคนนั้นล่ะผิด
ไม่แน่ เขาอาจจะมาถึงก่อนและเห็นว่าไม่มีใครอยู่ เลยถือโอกาสเข้าครอบครองและทำตัวเป็นเจ้าของบ้านเสียเลย ไอ้เรื่องคุ้นเคยกับบ้าน ถ้าอยู่สองวันก็คุ้นแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเดินสำรวจทุกซอกมุมก็รู้แล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน ส่วนเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ที่แขวนอยู่ในตู้ พอมาถึงก็เอาออกจากกระเป๋าแล้วแขวนเอาไว้ไม่เห็นจะแปลก
“ว่าไงคุณ ไตร่ตรองดีแล้วล่ะสิ คราวนี้ก็คงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าอะไรเป็นอะไร” เสียงห้าวดังขึ้นข้างหลัง พิชญสะดุ้งเล็กน้อย กำลังจะหันหน้าไปแต่ก็ยังไว้ได้เพราะคิดว่าสายตาของตัวเองคงอยู่ที่ระดับเอวของอีกฝ่าย และเห็นแต่แผ่นท้องมัดกล้ามเป็นลอนของคนที่ไม่ชอบสวมเสื้อ
พิชญไม่ตอบ ตามองออกไปยังทะเลสีครามเบื้องหน้า ลมทะเลพัดมาเอื่อยๆ ทางด้านข้าง ทำให้ผมของเขาที่เริ่มยาวปลิวสะบัดปิดซีกหน้าบางส่วน
“อาบน้ำสระผมให้สะอาดสะอ้านแล้วคุณนี่ก็ดูเด็กอยู่นะ เพิ่งจบมหา'ลัยหรือเปล่า”
“เปล่า” พิชญตอบเบาๆ ละสายสายตาจากทะเลสีครามมามองใบหน้าคมเข้มของคนที่นั่งลงตรงหน้าเขาและเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ อย่างอร่อย
“มีอีกจาน อยู่ในครัว ถ้าคุณหิวก็เดินไปหยิบเอา” ชายหนุ่มคนนั้นใช้มือที่ถือช้อนชี้เข้าไปในบ้านก่อนจะตักข้าวผัดในจานที่ตัวเองถืออยู่เข้าปาก
“ผมไม่หิว” พิชญตอบ
“ไม่หิวแต่เห็นกลืนน้ำลาย” คนพูดยิ้มเยาะๆ “สายมากแล้วนะคุณ เลยเวลาอาหารเช้าไปแล้วด้วย ระวังจะเป็นโรคกระเพาะ”
พิชญถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามไม่โต้ตอบคนที่กำลังกวนอารมณ์แต่ฝ่ายนั้นยังไม่ยอมหยุด
“ตกลงว่าไง”
“ว่าไงอะไร” พิชญถาม
“ก็เรื่องห้องนอน”
“ผมบอกจุดยืนของผมไปแล้ว”
“ผมไม่ได้คุยเรื่องจุดยืน ผมถามเรื่องจุดนอน” ชายหนุ่มตัวโตยักไหล่ “ผมเป็นเจ้าของบ้าน ผมไม่นอนพื้น หรือโซฟา หรือในห้องทำงานเป็นคืนที่สองหรอก คืนแรกอุตส่าห์เสียสละให้แล้วเพราะคุณเล่นนอนพาดกลางเตียงขนาดนั้น ปลุกก็ไม่ตื่น”
“คุณเข้ามาได้ยังไง ผมล๊อคประตูหน้าบ้านแล้ว”
“นั่นไง” คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านใช้ช้อนชี้หน้าพิชญ “นั่นตอบคำถามได้ดีที่สุด ผมเข้าบ้านมาได้ยังไงนะหรือ ก็เพราะผมมีกุญแจยังไงล่ะ”
“แล้วถ้างั้นผมเข้ามานอนได้ยังไงล่ะ” พิชญย้อน
“ก็เพราะผมไม่ได้ล๊อคประตูเอาไว้”
“นี่คุณ” พิชญสูดลมหายใจลึกๆ แล้วผ่อนออกมาช้าๆ พยายามใจเย็น “ผมไม่บ้าเดินทางมาไกลขนาดนี้เพื่อเข้ามานอนเล่นในบ้านใครก็ไม่รู้หรอกนะ คุณรู้ไหม กว่าผมจะมาถึงนี่ได้ผมเหนื่อยขนาดไหน บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพี่ชายเพื่อน เขาให้ผมหลบมา...”
“หือ” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้รอฟัง แต่พิชญยังไม่พูดต่อ กลับหันหน้าไปมองทะเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า
“ตามใจ คุณจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่แล้ว ผมก็จะอยู่ที่นี่ต่อไป”
“โอ้โห พูดง่ายดีแฮะ”
“ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เมื่อตกลงกันไม่ได้ผมก็ยินดีพิสูจน์ ถ้ามีโทรศัพท์ผมจะโทรไปหาเพื่อนเพื่อยืนยันให้รู้กันไปเลย แต่มันมีสัญญาณไหมล่ะ แล้วถ้ามีเรือผ่านมาผมก็จะเหมาให้เขาไปส่งผมที่รีสอร์ทไหนก็ได้ ไม่ทนอยู่นี่หรอก ขี้เกียจทะเลาะ”
“แถวใกล้ๆ นี้ไม่มีรีสอร์ทหรอกคุณ ไม่ใช่เกาะแถวภูเก็ตนะครับ”
“แล้วพูดทำไม”
“เรื่องจะย้ายไปอยู่รีสอร์ทคุณเป็นคนพูดเองนะ”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
“แล้วคุณหมายถึงเรื่องไหน ผมว่าผมก็เป็นคนฉลาดนะ แต่ตอนนี้รู้สึกจะตามคุณไม่ทัน”
“ช่างเถอะ” พิชญเมินหน้าหนี
“ผมว่าคุณชอบที่นี่ พนันกันไหม ที่นี่สวยจะตาย กว่าผมจะได้เกาะนี้มาเลือดตาแทบกระเด็น สร้างก็ยาก เกินงบไปตั้งเยอะเพราะต้องขนของมาไกลมาก แต่ก็คุ้มนะ คุณว่าไหม” คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านเล่าเรื่องการสร้างบ้าน
“ทำยังกะสร้างเอง”
“ผมนี่ล่ะทั้งออกแบบ ทั้งสร้าง”
“ทั้งเป็นเจ้าของ” พิชญเติม “โม้เก่งจริงๆ เลย”
“จะทำยังไงให้คุณเชื่อน๊า” ผู้ชายหน้าเข้มเอียงหน้า ขมวดคิ้ว ทำหน้าหนักใจ
“รูปถ่ายไงเล่า รูปภาพตอนที่คุณตอกตะปูตอนสร้างบ้านหลังนี้”
“อ๊ะๆ ที่นี่ไม่ใช้ตะปูนะครับคุณ” ชายหนุ่มนักสร้างบ้านยกช้อนชึ้นส่ายไปมาต่อหน้าพิชญเป็นการปฏิเสธ “ตะปูเป็นเทคโนโลยีสมัยเก่า ตอนออกแบบบ้านหลังนี้ผมใช้หลักการของ...”
“ผมแค่ประชด” พิชญพูดเสียงเข้ม “ผมไม่ได้โง่จนมองไม่ออกหรอกว่ามันเป็นโครงสร้างเหล็กกับกระจก”
“ไม่ใช่เหล็กครับ” สถาปนิกผิวเข้มส่ายหน้าแล้วชี้มือไปยังโครงหลังคา “ที่คุณเห็นนั่นน่ะไม่ใช่เหล็ก แต่กระจกนั่นใช่แน่นอน ถ้าไม่เชื่อก็ลองวิ่งชนดู แต่ไม่แตกง่ายๆ หรอกนะเพราะเป็นกระจกชนิดพิเศษ...”
“เทมเปอร์แกลส เด็กมัธยมก็รู้” พิชญแทรก
“แต่วัสดุที่คุณคิดว่าเป็นเหล็กนั้น ความจริงคือ...” ชายหนุ่มผิวเข้มพูดต่อโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายพูดกระทบ
“คืออะไรก็ช่างเถอะ ผมไม่อยากรู้วิธีสร้างบ้าน ผมไม่เคยสนใจเรียนสถาปัตย์ฯ” พิชญสวนกลับแล้วลุกเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้คนที่ต้องการคุยเรื่องสร้างบ้านมองตามด้วยรอยยิ้มขันๆ

::: End of Chapter 1 :::
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 10-01-2012 21:36:28
ว๊าวววว เรื่องใหม่ของพี่คฑา ชอบอ่าาาาาา พีช หน้ามึนมากค่ะ เหอๆ พระเอกชื่ออะไร ยังไม่รู้ตามสไตล์พี่คฑา 55+
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 10-01-2012 22:11:34
เรื่องใหม่ๆ, ติดตามนะคะ
 :z2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 10-01-2012 22:21:50
รับเรื่องใหม่ของคุณนาย :mc4:
+1
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sakuracity ที่ 10-01-2012 22:57:27
กรี๊ดดดดดดดดดด ดีใจจังได้อ่านเรื่องใหม่แล้วว...ตอนที่ 1 มาได้แบบว่ายาวจุใจดีมากก กำลังสนุกเลยอะ อิอิ :z2:

พระเอก(รึป่าว)ยังคงรักษาconceptได้เลิศเหมือนเดิม จินตนาการภาพแล้ว  :m25:

13 วันบนเกาะนี้ต้องสนุกมากๆแน่เลย ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 10-01-2012 23:34:48
ตกลงบ้านใครกันเนี๊ย
หรือมีบ้านสองหลัง
แล้วพีชก็เข้าผิดเพราะตอนนั้นก็เริ่มมืดเเล้วนี่น่า
มัวถูกป่าวเนี๊ย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 10-01-2012 23:45:26
ต้อนรับเรื่องใหม่คุณนายครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 10-01-2012 23:47:51
ตอนแรกมาแบบงงชวนติดตามมาก  มาต่อบ่อย ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-01-2012 00:50:37
ดื้อๆแบบนี้น่าจับปล้ำเสียจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 11-01-2012 22:23:35
ชอบพลอตจังเลยค่าพี่ น่ารักน่าติดตาม อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 11-01-2012 22:52:16
+ 1 ฉลองเรื่องใหม่   :mc4: :mc4:

เอากะเค้าสิ น้องพีชคนดัง ตกลงมันบ้านใครฟร่ะเนี่ย !! 

อยากติดเกาะกะสถาปนิกสุดหล่อแบบนั้นบ้าง

ไหนๆก็ติดแล้ว 13 วันคงไม่พอ อยู่ตลอดไปเลยได้ก็ดีนะ 

ปล. เรื่องนี้นับแต้มชื่อตัวละครตอนแรก เริ่มต้นที่ 4 คนแล้วนะ 555+


หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-01-2012 10:35:51
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 12-01-2012 11:39:22
เรื่องนี้น่ารัก กวนๆกันดีจัง แต่กลัวตอนจบจริงๆเล้ยยย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 12-01-2012 14:23:12
ตามมาอ่านด้วยคนครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 12-01-2012 15:35:54
เรื่องนี้น่ารัก กวนๆกันดีจัง แต่กลัวตอนจบจริงๆเล้ยยย
แหม ตัวเองอ่ะ
เรื่องนี้เีขียนจบแบบสมบูรณ์แล้วครับ ตอนนี้พิมพ์ตามลายมือของอีตาคฑาวุธอย่างเดียว ตอนจบก็โอเค นะ เรื่องนี้ไม่มีลุ้นครับ เพราะไม่ซับซ้อน ลอยไปลอยมาเรื่อยๆ เหมือนลอยน้อยกลางทะเล ตอนจบก็เหมือนตอนเรือถึงฝั่งล่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 12-01-2012 15:44:00
อาทิตย์อัสดง บทที่ 2

พิชญแปลกใจมากที่คนซึ่งบอกว่าเป็นเจ้าของบ้านคนนั้นหายไปเลยหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เขาค้นเจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในห้องครัวจึงทานเป็นอาหารกลางวัน หลังจากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และหนังสือสองเล่มเดินลงไปที่ชายหาด หาร่มไม้เหมาะๆ แล้วใช้เวลาตลอดบ่ายนอนอ่านหนังสือสลับกับเดินลุยน้ำเล่นและคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
สามเดือนอันหนักหน่วงในชีวิตของเขา
เขารู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เหมือนการปีนขึ้นยอดภูเขา ตอนนี้เขาแค่กำลังตะกายอยู่ที่เชิงเขา กว่าจะถึงยอดก็คงสะบักสะบอมเพราะยังมีอะไรขวางทางอีกเยอะ แต่การได้หลบมาอยู่ในที่ไกลๆ แบบนี้ก็อาจช่วยให้ได้สงบสติอารมณ์และไตร่ตรองถึงปัญหาเรื่องต่างๆ
ถ้า...
ถ้าไม่มาเจอนายหน้าเข้มคนนั้น
นึกว่าจะได้อยู่คนเดียวอย่างสงบ แต่พิชญพอจะนึกภาพออกว่าสิบสามวันข้างหน้านี้ คงไม่ใช่สิบสามวันแห่ง 'สันติ' เป็นแน่แท้
แต่เอาเถอะ ถ้านายคนนั้นหายตัวไปในตอนกลางวันแบบนี้ แล้วมาเจอกันเฉพาะตอนเช้าเขาก็คิดว่าน่าจะพอทนได้
แต่กลางคืนล่ะ ผู้ชายคนนั้นต้องกลับมานอนที่บ้าน และเห็นย้ำหนักย้ำหนาว่าจะไม่ยอมเรื่องใครจะได้ครอบครองห้องนอน
แล้วนายคนนั้นเป็นเข้าของบ้านจริงๆ หรือเปล่า หรืออาจเป็นเพื่อนพี่ชายของคณินทร์
พี่ชายของเพื่อนเขาก็ให้เพื่อนของตัวเองมาพักเหมือนเขา
แต่ว่าคณินทร์บอกว่าบ้านว่างนี่นา คณินทร์บอกว่าคุยกับพี่ชายแล้ว
ช่างเถอะ ถึงขนาดนี้แล้วก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าทนอยู่ต่อไป แม้ท่าทางกวนนิดๆ แต่ดูๆ ไปก็ไม่ได้เหมือนเป็นคนเลวร้ายอะไร
พิชญยอมรับว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนหน้าตาหล่อเหลาและรูปร่างดีไม่มีที่ติ แต่บุคลิกน่าหมั่นใส้
แล้วนี่หายไปไหนของเขาทั้งวัน

เมื่ออ่านหนังสือเล่มที่สองจบ แสงสีทองก็เริ่มจับขอบฟ้า พิชญเดินกลับไปที่บ้านและยืนชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปก่อนจะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานเป็นอาหารเย็น จากนั้นก็เดินไปเดินมารอบบ้าน กดโทรศัพท์เล่นเกมส์ ฟังเพลง แล้วมานั่งเซ็งๆ อยู่บนโซฟากลางห้อง
ดูเอาเถอะ หนีมาไกลถึงขนาดนี้เพื่อจะคิดเรื่องปัญหาต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ แต่กลับต้องมานั่งสงสัยว่านายหน้าเข้มคนนั้นหายไปไหน มืดค่ำแล้วก็ยังไม่กลับ
พิชญลุกขึ้นเดินสำรวจบ้านทุกซอกทุกมุมอีกครั้ง ยกเว้นห้องทำงานซึ่งเปิดเข้าไปไม่ได้เพราะประตูล๊อคอยู่ เขาแนบหน้าเข้ากับกระจก สำรวจในห้องนั้นด้วยสายตาจึงสังเกตเห็นหมอนอิงสีเดียวกันกับใบที่อยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่นวางอยู่บนพื้นข้างโต๊ะทำงาน เขาคิดว่าห้องนี้วิวสวยกว่าห้องนอนเสียอีกเพราะผนังทั้งสามด้านเป็นกระจก ส่วนผนังด้านในที่ติดกับห้องครัวเป็นวัสดุซึ่งเขาบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร
ที่คุณเห็นว่าเป็นเหล็กนั่นน่ะ ความจริงไม่ใช่
ฮึ แล้วไอ้ที่เขาเห็นอยู่แล้วคิดว่ามันเป็นไม้นี่น่ะก็คงไม่ใช่ไม้สินะ เพราะว่าบ้านหลังนี้ก็คงสร้างด้วยโทคโนโลยีล้ำยุคล้ำสมัย
พิชญอดคิดประชดในใจไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็ยอมรับว่าค่อนข้างทึ่งกับบ้านพักตากอากาศหลังนี้ว่าสร้างได้แบบไม่มีที่ติจริงๆ
พิชญหันหน้าไปมองฉากกั้นด้านซ้ายถัดจากประตูห้องทำงานแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คำถามแรกที่แวบเข้ามาในหัวก็คือว่านี่คือวัสดุที่ทำจากอะไร
ที่แน่ๆ ไม่ใช่เหล็กหรอก นี่ถ้านายคนนั้นยืนอยู่ตรงนี้ เขาจะบอกว่าเป็นอลูมิเนียม แล้วอีตาสถาปนิกหน้ากวนก็คงโวยวายว่า 'ดูถูก บ้านหลังนี้ไม่ใช้ของกระจอกแบบนั้นหรอก ผมสร้างเองกับมือ'
พิชญพยายามเปิดฉากกันนั้นก็แต่ไม่สามารถทำได้ เขาคิดว่าหากเปิดออกไปก็คงเป็นระเบียงกว้างที่ยื่นไปเหนือโขดหินเพราะมองตัวบ้านจากข้างนอกเขาเห็นว่ามีระเบียงยื่นออกไปด้านหน้าซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่กว้างมาก
แล้วปิดเอาไว้ทำไม ส่วนอื่นๆ ของบ้านส่วนมากเป็นกระจก โปร่ง โล่ง มองเห็นอะไรต่อมิอะไร แต่ตรงนี้กลับทึบ แล้วเปิดออกไปก็เป็นระเบียง จะปิดทึบเอาไว้ทำไม ไหนๆ ก็จะให้เปิดออกไปแล้วเป็นระเบียงกว้างยืนมองวิวทะเลแบบพาโนราม่าอยู่แล้ว

พิชญมองเวลาแล้วถอนหายใจ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกง่วงทั้งที่เวลายังไม่ถึงสามทุ่ม หากเป็นในกรุงเทพฯ เวลานี้ยังถือว่าหัวค่ำ แต่นี่อยู่บนเกาะกลางทะเล เงียบสนิท มีแต่ความมืดรอบบ้าน อากาศสบาย ทำให้เขารู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แบบนี้เองที่เขาพูดกันว่าร่างกายเรียกร้องความต้องการที่จะพักผ่อน อยู่เฉยๆ ก็รู้สึกง่วง
พิชญอ้าปากหาวติดต่อกันหลายครั้งแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา และไม่นานก็หลับไป
ในฝัน เขาเห็นตัวเองยืนเด่นอยู่กลางเวทีประกวดร้องเพลง แสงสปอตไลท์สาดมาที่เขา ดนตรีเริ่มบรรเลง เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รอจังหวะที่จะเริ่มร้อง
เพลงที่เขาเตียมเอาไว้ว่าจะร้องในรอบชิงชนะเลิศ แต่เขาก็ไม่มีโอกาสเสียแล้ว
...ฉันมีความหวัง ฉันมีพลัง...
...ฉันยังมีลมหายใจ...
...คืนนี้ คืนที่ฝันใฝ่...
...คืนที่ดวงใจ เฝ้ารอมานาน...
...หัวใจไม่ท้อ จะขอเป็นดาว...
...ส่องแสงแพรวพราวอยู่บนนภา...
...ดนตรีบรรเลง ขับขานเสียงเพลง...
...เพื่อ...
ทันใดนั้น ดนตรีหยุดบรรเลง ไฟทุกดวงเปิดสว่าง พิชญยืนนิ่ง มองลงไปข้างล่างเวทีไม่มีคนดูแม้แต่คนเดียว เก้าอี้นั่งว่างเปล่า ในห้องเงียบกริบ หันไปมองข้างหลัง ไม่มีแม้แต่เครื่องดนตรี บนเวทีมีเพียงตัวเขายืนถือไมโครโฟนเย็นเฉียบอยู่เพียงคนเดียว
เกิดอะไรขึ้น!
พิชญสะดุ้งตื่น ถอนหายใจแรงเมื่อรู้ว่าเป็นเพียงความฝัน เขามองไปรอบๆ จึงตระหนักได้ว่าตัวเองยังนอนอยู่ที่เดิม ไฟในบ้านทุกดวงดับหมดแล้ว เหลือเพียงไฟดวงเล็กหน้าประตูบ้านเปิดทิ้งไว้พอมองเห็นระเบียงด้านนอก
ใครปิดไฟ เขาจำได้ว่าตัวเองเปิดไฟเอาไว้สว่างแล้วนั่งอยู่บนโซฟา มองประตูบ้านด้วยความเบื่อก่อนจะรู้สึกง่วงมากและหลับไป
ถ้ายังงั้น นายคนนั้นคงกลับมาแล้วและปิดไฟ แต่กลับไม่ปลุกเขาให้เข้าไปนอน และตัวเองเลยถือโอกาสครอบครอบเตียงนอนไปหน้าตาเฉย

พิชญลุกเดินไปตรวจดูประตูหน้าบ้านก็พบว่าประตูปิดล๊อคเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอน และจริงอย่างที่ตัวเองคาดเอาไว้ ร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ของผู้ชายคนนั้นนอนหงายอยู่บนเตียง ไม่สวมเสื้อเช่นเคย แผ่นอกกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามสะท้อนขึ้นลงช้าๆ แสดงให้เห็นว่ากำลังหลับสบาย
พิชญยืนนิ่งมองร่างของผู้ชายคนที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขด้วยความรู้สึกฉุนๆ ที่โดนแย่งเตียงนอน
อยากถีบลงจากเตียงจังเลย ถือโอกาสตอนเราเผลอหลับที่โซฟาแอบย่องเข้ามาครอบครองเตียงนอน จะปลุกกันซักนิดก็ไม่มี
แต่ตัวใหญ่ขนาดนี้จะสะดุ้งสะเทือนหรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอๆ จะเจ็บน่องเพราะแรงถีบไม่มากพอ
เล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้เลย อย่าคิดว่าคนอย่างพิชญจะยอม
พิชญคลานขึ้นเตียงอีกข้างซึ่งเหลือพื้นที่ไม่มาก ตอนนี้เขาถึงตระหนักได้ว่าเตียงนอนไม่ได้มีขนาดมาตรฐานอย่างที่เคยเห็น ผู้ชายคนนี้ตัวสูงมากแต่เมื่อนอนอยู่บนเตียงเท้ากลับไม่โผล่พ้นขอบเตียง ส่วนความกว้างของเตียงก็ไม่ใช่สำหรับนอนสองคน แต่ก็ไม่แคบเท่ากับขนาดเตียงนอนคนเดียว เหมือนกับว่าสั่งทำพิเศษตามขนาดที่เจ้าของต้องการ
ผู้ชายคนนี้ตัวอุ่นมาก แค่นอนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ถูกเนื้อตัวกันกลับรู้สึกได้เลยว่าเหมือนมีไออุ่นแผ่ออกมาจากร่างกาย แล้วก็นอนนิ่งไม่ไหวติง
แต่เรานี่สิ นอนนิ่งเป็นที่ไหน เวลาเข้าพักโรงแรมแล้วได้นอนห้องเตียงคู่ เคยดิ้นจนตกเตียงด้วยซ้ำ แบบเราต้องนอนเตียงขนาดคิงไซส์ จะได้พลิกตัวไปมาสะดวก แต่เตียงนี่ขนาดคิงไซส์ก็ไม่ใช่ ควีนไซส์ก็ไม่เชิง ยาวแต่ค่อนข้างแคบ เหมือนทำสำหรับให้นอนคนครึ่ง แล้วนี่ยังมีผู้ชายตัวโตๆ นอนอยู่ข้างๆ เหมือนท่อนไม้ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ตัวใหญ่ขนาดนี้ต้องบอกว่าเหมือนท่อนซุง กินพื้นที่ ขยับตัวก็ไม่ถนัด
ช่วยไม่ได้ ใครบอกอยากแอบเข้ามาจับจองพื้นที่ก่อน อย่าคิดว่าเราจะยอมให้นะ ไม่ได้นอนคนเดียวก็ทนนอนเบียดกันนี่ล่ะ เรานอนไม่สบาย เขาก็คงนอนไม่สบายเหมือนกันละมั๊ง
ไหนบอกว่าจะต้องตกลงกันเรื่องห้องนอนก่อน ยังไม่เคลียร์ก็แอบเข้ามานอน รู้ยังงี้ไม่เผลอหลับที่โซฟาซะก็ดี ตัวเองหายไปไหนทั้งวันก็ไม่รู้ ค่ำแล้วสองทุ่มกว่าก็ไม่กลับ เราก็ไม่กล้าล๊อคประตูเพราะกลัวเขาจะเข้าบ้านไม่ได้
เฮ้อ อะไรกันนี่ อุตส่าห์หลบมาไกลเสียขนาดนี้แทนที่จะได้คิดไตร่ตรองเรื่องแก้ปัญหาที่กรุงเทพฯ ให้เคลียร์ แต่กลับต้องมาเสียเวลาคิดเรื่องงี่เง่าเกี่ยวกับนายยักษ์หน้ากวนๆ คนนี้ เสียเวลาเดินทางมาจริงๆ เลย

พยุตม์กะพริบตาช้าๆ หลังจากนอนมองเพดานห้องเป็นเวลาครู่ใหญ่ เขาถอนหายใจลึกๆ แล้วเอียงหน้าไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันกลับมามองเพดานจุดเดิม เขาหายใจแรงขึ้นกว่าปกติอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังขบกรามอยู่จึงค่อยๆ ผ่อนคลายและพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
ปกติพยุตม์เป็นคนหลับง่ายและหลับลึก พอลืมตาอีกทีก็คือตื่นนอนตอนเช้า แต่เมื่อคืนแทบไม่ได้หลับเพราะมีคนรบกวน ทั้งแขน ศอก เข่า และขาของชายหนุ่มแปลกหน้าท่าทางรั้นๆ ที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันยื่นมากระแทกเขาอยู่เป็นระยะๆ เหมือนละลอกคลื่นในทะเล พอเคลิ้มๆ จะหลับฝ่ายนั้นก็พลิกตัวเอาเข่ากระทุ้งเอวหรือต้นขาของเขา พอหลับอยู่ดีๆ ก็ต้องสะดุ้ง เกือบหายใจไม่ออกเพราะมีแขนกระแทกหรือวางพาดที่ต้นคอ แล้วก็มีตามมาอีกเรื่อยๆ จนเขารู้สึกตัวแทบจะทุกครึ่งชั่วโมง
และที่สำคัญ ตอนนี้ขาของ 'คนร่วมเตียง' กำลังวางพาดอยู่บนต้นขาของเขา ส่วนแขนนั้นวางอยู่บนหน้าท้อง
คนอะไรนอนขี้เซามาก และนอนดิ้นอย่างสม่ำเสมอเหมือนตั้งโปรแกรมไว้
แต่ผิวเนียนเหลือเกิน เนื้ออุ่นๆ ที่วางแนบกับผิวกายของเขาทำให้เขาหายใจไม่เป็นจังหวะ ตอนนี้เขานอนเกร็งกล้ามเนื้อจนปวด
ไม่ไหวแล้ว!
ขณะที่พยุตม์กำลังคิดจะลงจากเตียง คนที่นอนหงายแบะขาวางพาดอยู่บนต้นขาขวาของเขาก็ขยับตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มทำท่าเหมือนจะพลิกตัวนอนตะแคงด้วยการดึงแขนและขาของตัวเองกลับไป แต่หลังจากขยับตัวขยุกขยิกชั่วครู่ก็ทิ้งแขนและขากลับมานอนท่าเดิม คราวนี้งอเข่ามากขึ้นกว่าเดิมและเลื่อนขึ้นมาวางพาดอยู่กลางลำตัวของพยุตม์
“อูย” พยุตม์ครางเบาๆ พร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นมาดันแขตซ้ายของอีกฝ่ายที่พาดทับอยู่บนต้นคอของเขาให้ลงไปพาดอก ส่วนกลางลำตัวของเขานั้นขยับเองโดยที่เจ้าของควบคุมไม่ได้
อาการแข็งตัวยามเช้าของเขาเช้านี้ไม่เหมือนทุกวัน ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คงแย่แน่ๆ
พยุตม์ค่อยๆ เลื่อนตัวลงจากเตียงและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ยืนมองตัวเองในกระจกครู่หนึ่งแล้วเปิดน้ำเย็นๆ ล้างหน้าประหนึ่งจะบรรเทาความร้อนรุ่มที่กำลังแผ่ซ่านอยู่ในกาย
ต้องคุยเรื่องที่นอนกันอย่างจริงจังเสียแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ทุกคืนเขาแย่แน่ คนอะไร ก็เห็นอยู่ว่าเขานอนบนเตียงไปแล้วก็ยังขึ้นมานอนเบียด ใจกล้าและดื้อรั้นไม่ใช่เล่น
นี่คงฉุนไม่น้อยที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาข้างนอกและเราแอบเข้ามานอนในห้องไปก่อน

พิชญบิดขี้เกียจและครางเบาๆ อย่างมีความสุขเพราะได้นอนหลับเต็มที่ทั้งที่ตอนแรกกลัวว่าจะไม่หลับเพราะเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน แม้ม่านสีเบจรูดปิดตลอดแนวกระจกของผนังห้องทั้งสองด้านแต่แสงแดดอ่อนๆ ก็ยังส่องลอดเข้ามาในห้อง
พิชญหันไปมองด้านข้างจึงเห็นว่าผู้ชายตัวโตคนที่นอนด้วยกันมาทั้งคืนลุกจากเตียงไปแล้ว เขาไม่สงสัยเลเพราะแน่ใจว่าผู้ชายท่าทางรักสันโดษและรักธรรมชาติคนนั้นน่าจะเป็นคนตื่นแต่เช้า
ตื่นแต่เช้าสิ นอนหลับสบายเป็นท่อนไม้ตั้งแต่หัวค่ำขนาดนั้น ถ้าตื่นสายก็แย่มากล่ะ คิดแล้วยังรู้สึกฉุนๆ อยู่เลย แอบเข้ามาแย่งที่นอนตอนที่คนเผลอหลับอยู่บนโซฟานอกห้อง ขี้โกง
พิชญล้างหน้าแปรงฟันและคิดว่าจะอาบน้ำแต่ก็เปลี่ยนใจเพราะนึกถึงปลาโลมาที่อาจจะมาเล่นน้ำ เขาอยากจะเห็นปลาโลมาอีก ดังนั้นจึงเดินออกมาจากห้องนอน แต่เมื่อเปิดประตูออกมาก็ได้กลิ่นอาหารเช้าหอมกรุ่น ผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหารในห้องครัวและเงยหน้าขึ้นมามองเขาทันทีเหมือนกับรู้ว่าเขาจะเปิดประตูห้องนอนออกไปเมื่อไหร่
พิชญรู้สึกว่าบ้านกว้างขึ้นกว่าเดิม คงเป็นเพราะฉากกั้นทางเดินกลางห้องถัดไปทางด้านขวาของห้องครัวถูกเปิดออกจนโล่ง มองออกไปเห็นวิวทะเลและท้องฟ้าสีครามอ่อน ระเบียงกว้างมาก มีเก้าอี้แบบปรับเอนนอนได้ตั้งอยู่ใต้ร่มขนาดสีขาวขนาดใหญ่
คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านก้มหน้าลงรับประทานอาหารต่อพลางอ่านหนังสือ ทำทีเป็นไม่สนใจเขา พิชญจึงเดินเข้าไปในห้องครัวช้าๆ ลืมความคิดที่อยากจะดูปลาโลมาเสียสิ้น
“ผมทำเผื่อคุณไว้หนึ่งที่ น่าจะพอนะครับ โทสสองชิ้น กับไข่ดาวหนึ่งฟอง นมสดในตู้เย็น” พยุตม์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับพิชญแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อทั้งที่พูดยังไม่จบประโยค “แต่แก้วเดียวนะครับ ต้องประหยัด”
“ผมกินไม่เยอะ บางทีก็ไม่กินอาหารเช้าด้วยซ้ำ” พิชญพูดเสียงเย็น ยังยืนนิ่ง ไม่มีท่าทีจะแตะอาหารในจานซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่เหมือนมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นที่กินอะไรก็ได้พอประทังชีวิต” พยุตม์พูดเบาๆ ยังสนใจกับหนังสือที่วางอยู่ข้างจานอาหารของตน
พิชญไม่ตอบโต้ เอื้อมมือไปหยิบจานแล้วเดินไปจนสุดของด้านหนึ่งตามความยาวของโต๊ะและนั่งให้ห่างอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณเบาๆ สำหรับความมีน้ำใจของผู้ชายตัวโตที่ทำอาหารเผื่อ 'คนอยู่ร่วมบ้าน'
พิชญเริ่มทานอาหารโดยใช้มีดขูดขนมปังเสียงดังจนพยุตม์เงยหน้าขึ้นมามองหลายครั้งก่อนจะพูดออกมาว่า
“อ้อ ขอผมถามหน่อย อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลยนะ เมื่อวานนี้คุณกินอะไรเป็นอาหารกลางวันกับอาหารเย็น”
“คุณอยากรู้ไปทำไม” พิชญถามเสียงราบเรียบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะอาหาร
“เห็นมาม่าหายไปสามซอง” พยุตม์ยักไหล่ “ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ แค่อยากจะรู้ว่าปกติคุณหนักมื้อไหน เที่ยงหรือเย็น”
“อยากรู้ทำไม”
“มื้ออาหารสองมื้อ แต่มาม่ากินไปสามซอง” พยุตม์เงยหน้าขึ้นมาพูด ตามองไปข้างหน้า ทำเหมือนกำลังเปรยกับตัวเอง “ก็ต้องเหลืออยู่...”
“ถ้ารู้ว่าคุณหวงผมไม่กินเกินหรอก พอดีมื้อเย็นหิวก็เลยกินไปสองซอง”
“ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ คือยังงี้ เกาะนี้มันห่างไกลความเจริญมาก และอยู่แบบนี้ก็ต้องเตรียมอาหารให้เพียงพอและเหมาะสมกับเวลา ต้องมีการวางแผน และผมก็วางแผนเอาไว้สำหรับยี่สิบวัน ทีนี้พอมีคุณมาเพิ่มก็แสดงว่ามีตัวหารสอง อาหารก็จะอยู่ได้สำหรับสิบวัน”
“ถ้าผมอดข้าวเย็นเหมือนพระ ตัวหารคุณคงเหลือแค่หนึ่งจุดห้า”
“หนึ่งจุดเจ็ดห้าน่าจะใกล้เคียงกว่า”
“ผมอดมื้อกินมื้อก็ได้ ถ้าจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจ”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ” พยุตม์ยักไหล่และอมยิ้มมุมปาก “ไม่ต้องทำเป็นโกรธหรอก ผมก็แค่ถามไปยังงั้นเองจะได้เตรียมตัว ถ้าอาหารมันหมดจริงก็หาปูหาปลาในทะเลกินก็ได้ ว่าแต่คุณแพ้อาหารทะเลหรือเปล่าล่ะ”
“ผมแพ้กุ้ง หอย ปู และปลา”
“ถ้ายังงั้นก็แย่หน่อย” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “เพราะแถวนี้กุ้งกับปูหาง่ายพอๆ กับหาปลา”
“คุณพูดเหมือนกระโดดลงทะเลแล้วไปจับขึ้นมาง่ายๆ ยังงั้นล่ะ”
“ผมยิงด้วยปืนฉมวก” พยุตม์แสดงท่าทางประกอบ “ผมมีอุปกรณ์ครบ แถวนี้อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องกลัวอดตาย”
“แล้วพูดเรื่องมาม่าสามซองที่กินภายในสองมื้อทำไม คุณคิดว่ามนุษย์ควรมีมาตรฐานในการกินมาม่าหนึ่งซองต่อหนึ่งมื้อหรือไง” พิชญอดกระแทกเสียงไม่ได้
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ว่าอะไรคุณ ผมแค่ถามเพื่อการวางแผนเรื่องเสบียงอาหาร”
“คุณนับเอาไว้หมดแล้วใช่หรือเปล่า ไข่ในตู้เย็นมีกี่ฟอง ผมกินได้มื้อละฟองใช่หรือไม่ หรือเฉพาะมื้อเช้า”
“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น” พยุตม์พยักหน้า พูดเบาๆ แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม ก่อนจะหันหน้ามาถามพิชญเหมือนไม่ได้ยินคำพูดประชดประชันของอีกฝ่าย “กาแฟหน่อยไหมครับ”
“ไม่ครับ ขอบคุณ ผมไม่ดื่มกาแฟมื้อเช้า ผมดื่มกาแฟเฉพาะตอนบ่ายๆ”
“มิน่า กลางคืนถึงได้นอนหลับสบาย”
“เมื่อวานคุณหายไปไหนมาจนค่ำมืด” พิชญได้ทีเพราะฝ่ายนั้นพูดกระทบกระเทียบเรื่องนอนเขาจึงถือโอกาสเปิดประเด็นเรื่องที่ยังเคลียร์กันไม่จบ
“คุณนี่ถามเหมือนภรรยาถามสามีเลยแฮะ ผมควรจะตอบว่าไปตีกอล์ฟดีหรือเปล่า”
“ผมนั่งคอยจนมืด ง่วงก็ง่วง จะล๊อคประตูก็ไม่กล้า กลัวคุณเข้าบ้านไม่ได้ คุณเอาใจเขามาใส่ใจเราดูซิ แล้วพอเข้ามา คุณก็ไม่ปลุกผม กลับแอบเข้าไปนอนในห้องหน้าตาเฉย”
“นั่นบอกอะไรบางอย่างแล้วใช่ไหม”
“บอกอะไร”
“ว่าบ้านหลังนี้เป็นของผม เพราะผมไม่กลัวว่าคุณจะล๊อคประตู แต่ถึงคุณล๊อคประตูผมก็เข้ามาได้เพราะผมมีกุญแจ”
“แล้วสมมุติว่าคุณไม่ได้เอากุญแจไปด้วยล่ะ แค่สมมุตินะ เพราะว่าผมก็ยังไม่เชื่อที่คุณอ้างอยู่ดี”
“ผมรู้ว่ากุญแจสำรองอยู่ตรงไหน ผมเป็นคนซ่อนไว้เองแถวหน้าประตูบ้าน” พยุตม์ยักคิ้ว
“เรายังตกลงกันไม่จบเรื่องห้องนอน” พิชญพูดเสียงเข้ม
“ยังจะต้องตกลงอะไรกันอีก” พยุตม์พูดเสียงเนือยๆ
“คุณเป็นคนพูดเองว่าเราต้องตกลงกันเรื่องห้องนอน”
“โอ้โห คุณนี่ความจำดีแฮะ” พยุตม์ส่ายหน้ายิ้มๆ “ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมเป็นเจ้าของบ้าน ผมก็ต้องได้นอนบนเตียงนอนในห้องนอนของตัวเอง ผมจะไม่ยอมนอนบนพื้นหรือโซฟา หรือในห้องทำงานเหมือนคืนแรกที่โดนคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในบ้านและแย่งที่นอนของผม”
“ผมบอกคุณแล้วว่านี่เป็นบ้านพักตากอากาศของพี่ชายเพื่อนผม เขาอนุญาตให้ผมมาพักสองอาทิตย์ เพื่อนสนิทผมยืนยันว่าบ้านว่าง พี่ชายของเขาโอเคให้มาพักได้ คุณคิดว่าผมเป็นเด็กงี่เง่าเลยมาเล่นอะไรตลกๆ กลางทะเลหรือไง” พิชญพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“เฮ้อ” พยุตม์ถอนหายใจยาวแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็นี่มันบ้านผม จะให้ว่ายังไงล่ะ คุณมาผิดที่หรือเปล่า”
“ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก” พิชญกระแทกเสียงแล้วเมินหน้าออกไปมองด้านข้าง แสดงท่าทีเลิกที่จะเถียงกับอีกฝ่าย
“มองไปที่โล่งๆ แบบนั้นแล้วสบายตาใช่ไหมล่ะ วิวหน้าบ้านสวย ยิ่งเดินออกไปยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องทำงานยิ่งสวย โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก ที่มันโปร่งโล่งสบายตาก็เพราะผมเปิดฉากกั้นออก”
“คุณมาบอกผมทำไม”
“เพราะผมรู้ว่าคุณเปิดไม่ได้” พยุตม์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ “แต่ผมเป็นคนสร้างบ้านหลังนี้มากับมือ ผมรู้วิธีเปิด”
“ก็ได้” พิชญหันมาเน้นเสียงกับอีกฝ่าย “คุณจะเป็นเจ้าของบ้านก็เป็นไป ผมจะไม่เถียงเรื่องนี้อีกแล้ว ขี้เกียจ แต่ยังไงก็แล้วแต่ ผมก็จะอยู่ที่นี่จนครบตามกำหนด คุณต้องทนเห็นหน้าผมต่ออีกสิบสองวัน”
“สิบสองวันเลยหรือ” พยุตม์กรอกตา
“เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ลำบากอะไรนักหรอก ที่ก็ออกกว้างขวาง ตื่นเช้ามาคุณก็อยู่ของคุณไป ผมก็อยู่ของผม เหมือนเมื่อวานนี้ คุณหายไปทั้งวัน ผมก็นอนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมชายหาดทั้งวัน”
“แล้วมานอนด้วยกันตอนกลางคืนเหมือนเมื่อคืนนี้ คุณแน่ใจหรือว่าอยากจะทำแบบนั้น ผมไม่ใช่คนที่จะอดทนได้นานเท่าไหร่หรอกนะกับเรื่องแบบนี้” พยุตม์พูดเสียงเข้ม สีหน้าจริงจัง
“ยังไงก็ต้องอดทน” พิชญเลิกคิ้ว “เพราะมันเป็นปัญหาของคุณเอง เพราะตัวคุณใหญ่เกินมาตรฐานชายไทย แล้วก็นอนกินพื้นที่ขนาดนั้น”
“ช่างไม่รู้อะไรเล๊ย” พยุตม์ส่ายหน้า ตักอาหารเข้าปากเป็นชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นถือจานไปล้าง แสดงท่าทางว่าต้องการจบการสนทนา พิชญรอจนอีกฝ่ายล้างจานเสร็จจึงลุกขึ้นไปเพื่อล้างจานของตัวเองเช่นกัน แต่เมื่อพยุตม์มองเห็นจานในมือของชายหนุ่มจึงโวยวายขึ้นมาว่า
“อ้าวคุณ ทำไมกินเหลือ กินให้หมดสิครับ กินทิ้งกินขว้างแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน เราอยู่บนเกาะกลางทะเล ต้องประหยัด”
“ผมกินมื้อเช้าไม่เยอะ”
“ผมอุตส่าห์มีน้ำใจทำเผื่อ”
“คุณทำไข่ดาวครึ่งฟองกับโทสหนึ่งชิ้นครึ่งสิ หรือไม่ก็ชิ้นเดียว”
“ผมว่าเราต้องคุยกันอีกเยอะเลยล่ะ” พยุตม์ถอนหายใจแล้วเอื้อมมือไปหยิบอาหารที่เหลือบนจานของพิชญเข้าปาก
“คุณ...” พิชญอุทาน
“ผมเสียดายของ” พยุตม์พูดทั้งที่กำลังเคี้ยวอาหารเต็มปาก ครั้นกลืนลงเกือบหมดจึงพูดต่อว่า “ล้างจานเสร็จคุณอย่าเพิ่งไปไหนนะ คุยกันก่อน เรื่องที่นอน เรื่องอาหาร เรื่องปิดเปิดประตู”
“คุยเรื่องน้ำเรื่องไฟด้วยดีไหม” พิชญประชด
“ไม่ต้องก็ได้ แต่เรื่องทำความสะอาดบ้านต้องคุย”

พิชญหยิบหนังสือในกระเป๋าเดินทางของตัวเองมาสามเล่ม เสื่อหนึ่งผืนพร้อมกับหมอนใบเล็กหนึ่งใบแล้วเดินมาที่เดิมซึ่งเขาใช้เวลานอนอ่านหนังสือเมื่อวาน คราวนี้เขาเตรียมเครื่องดื่มและอาหารกลางวันมาด้วย ตั้งใจว่าจะใช้เวลาทั้งวันอยู่นอกบ้านและจะรอจนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้วถึงจะกลับ
ผลัดกันนอนเตียงคนละคืน เฮอะ มาตกลงอะไรแบบนี้ แล้วก็ให้เขาทำอาหารเย็นเพราะตื่นสายกว่า ตัวเองทำอาหารเช้า ส่วนอาหารกลางวันต่างคนต่างรับผิดชอบตัวเอง ที่เขายอมแบบนี้ก็เพราะขี้เกียจเถียงหรอก แต่เรื่องทำความสะอาดบ้านไม่เห็นพูด
หรือว่าจะเหมาเอาว่าให้ถือว่าเขาเป็นทำความสะอาดเพราะเป็นผู้อาศัยและตัวเองก็ประกาศจุดยืนออกมาแล้วว่าเป็นเจ้าของบ้าน
แล้วเขาเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ หรือเปล่า เห็นพูดนักพูดหนา แล้วยังมาบอกว่าเขาอาจมาผิดเกาะ
จะเป็นไปได้ยังไง เกาะทรายงามก็ถูกแล้วนี่นา หาดทรายขาวขนาดนี้
เสียดายที่หากุญแจไม่เจอ ไม่งั้นจะเอากุญแจเสียบประตูแล้วหมุนลูกบิดให้เห็นกับตาเลยว่า นี่ไงล่ะ กุญแจที่เพื่อนของเขาให้มา
แต่ผู้ชายคนนั้นก็มีกุญแจ คืนแรกที่มาถึงเขาล๊อคประตูแล้วก่อนจะนอนทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำ
นายคนนั้นก็อาจจะได้กุญแจมาเหมือนกัน บางทีอาจเขาอาจเป็นเพื่อนของพี่ชายของคณินทร์ นายคนนี้เลยมาตู่ว่าบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนเขาแย่หน่อยตรงที่ทำกุญแจหาย
แต่เอ๊ะ หายหรือหาไม่เจอ บางทีกุญแจอาจซุกอยู่ในซอกเล็กๆ ของกระเป๋าเดินทางก็ได้ ก่อนออกจากกรุงเทพฯ นั้นรีบเร่งมาก จำอะไรไม่ค่อยได้เลย สงสัยคงต้องหาใหม่อีกซักครั้ง คนให้ละเอียดอาจจะเจอ
แต่ว่านายตัวยักษ์คนนี้ดูคุ้นเคยกับบ้านเหลือเกิน อะไรก็ดูเหมาะเจาะกับเจา เตียงก็ยาวขนาดพอดีตัว เก้าอี้ โต๊ะทานข้าว คัพบอร์ดในห้องครัว เฟอร์นิเจอร์ก็ขนาดพอดีกับคนตัวใหญ่ๆ อ้อ ในห้องน้ำยิ่งเห็นได้ชัด ฝักบัวอาบน้ำก็ติดอยู่สูงมาก อ่างล่างหน้าก็สูงกว่าปกติ กระจกก็ติดไว้สูง
หรือว่าจะเป็นบ้านของเขาจริงๆ
เสื่อผืนที่เรานอนอยู่นี่ก็ดูขนาดใหญ่เกินกว่าที่เคยเห็น
เตียง!
เตียงสั่งทำขนาดพิเศษพอให้คนตัวใหญ่อย่างผู้ชายคนนั้นนอนได้สบายตัวพอดีเลย ราวแขวนในตู้เสื้อผ้าก็สูง บ้านหลังนี้สร้างเหมือนจะให้ยักษ์อยู่!
แต่เราจะมาผิดเกาะได้ยังไง คณินทร์บอกว่าเกาะทรายงาม คนขับรถไปส่งที่ท่าเรือก็ได้ยินเราชัด คนขับเรือก็ท่าทางเข้าใจ เรายืนยันกับนายคนนั้นว่าเกาะทรายงามเขาก็พยักหน้าแล้วพูดว่า 'ก็ถูกนี่นา'
พิชญนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาพระอาทิตย์ใกล้จะลับฟ้า เขาเก็บของและกลับไปที่บ้าน คราวนี้ฉากกั้นระหว่างตัวบ้านและระเบียงหน้าห้องทำงานเปิดกว้าง พิชญออกไปยืนชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เขาแทบจะจำไม่ได้เลยว่าเมื่อใดคือครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นภาพธรรมชาติสวยงามแบบนี้ วิถีชีวิตคนเมืองของเขาเต็มไปด้วยความเร่งรีบ น้อยครั้งที่จะได้ออกจากเมืองกรุงไปสัมผัสธรรมชาติ และทุกครั้งก็มักจะเป็นเขาเข้าพักโรงแรมหรือรีสอร์ทไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครที่มีแต่ความสะดวกสบาย เขามักจะใช้เวลาอยู่ในห้องพัก ริมสระว่ายน้ำ หรือบริเวณรอบๆ โรงแรม
ครั้งนี้เป็นครั้งที่เขามาไกลที่สุดหากไม่นับการเดินทางไปต่างประเทศ และครั้งนี้ก็เป็นการเดินทางที่แตกต่างจากทุกครั้งโดยสิ้นเชิง ประหนึ่งว่าเป็นการผจญภัย
ผจญกับผู้ชายคนนั้นด้วย
เหมือนเคย นี่ก็ยังไม่กลับ สงสัยจังเลยว่าเขาไปที่ไหนของเขา

::: end of chapter 2 :::
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 12-01-2012 17:00:24
พยุตม์ ชื่อเท่จัง ชอบบบบบบบบ >//<
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 12-01-2012 17:42:40
พิชญ์ท่าจะได้อยู่นานกว่าสิบสามวัน :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 12-01-2012 17:51:39
แหม อิจฉาคุณพิชญ อยากไปพักแบบนี้มั่งจัง มีหนุ่มหล่อๆมาให้ปะทะคารมได้อีก  :impress2:


ปล.คุณนาย คราวนี้ตอนจบขอแบบถูกใจแม่ยกหน่อยนะคะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 12-01-2012 18:17:48
อยู่ด้วยกันทั้งชีวิตเลยแล้วกันเน้อออออ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 12-01-2012 18:23:29
ทำไม พยุตม์ ดูลึกลับจัง ขืนยังทำตัวแปลกกว่านี้ จะนึกว่าเป็นภูติทะเลแปลงร่างขึ้นฝั่งมาแล้วนะ

ตกลงบ้านสร้างจากอะไร มีแต่คำถาม เต็มไปหมด  55555+

พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ระแวงตอนจบ  =[]=
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-01-2012 19:01:21
อยากติดเกาะ เจอคนหล่อๆ ใจดีๆแบบนี้บ้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ชั้นจะไม่ยอมกลับเลย 55
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 12-01-2012 19:49:16
เข้ามาติดตามจากยี่ห้อคนเขียน :p
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 12-01-2012 20:55:29
ว้าวๆๆ เรื่องใหม่ของพี่คฑาวุธ
ถ้าเป็นเราคงอยู่ยาวไปเลย ไม่กงไม่กลับบ้านแล้ว
คุณพยุตม์เท่ห์จังเลยค่า :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 12-01-2012 21:05:44
 :-[  อยากติดเกาะแบบนี้บ้าง 55555
สามคำ>>>อิจ ฉา อ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 12-01-2012 22:26:27
อ๊า
น่ารักจัง><
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 13-01-2012 01:21:04
ติดตามด้วยคน เเต่เสียวสันหลังตอนจบไงไม่รู้ กร๊าก
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 13-01-2012 03:09:52
พระเอกเท่มาก
+1
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-01-2012 11:37:12

รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 13-01-2012 12:15:18
สนุกมากเลยอ่ะ รอๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 13-01-2012 14:08:05
อาทิตย์อัสดง บทที่ 3

พิชญทานอาหารเย็นจนเสร็จเรียบร้อยจึงมาเอนตัวนอนเล่นบนโซฟาเช่นเคย คราวนี้ไม่กลัวว่าจะเผลอนอนหลับไปเพราะคืนนี้ 'สิทธิ์' ของการนอนบนเตียงในห้องนอนเป็นของผู้ชายคนนั้น 'ตามข้อตกลง'
เขาอยากจะโทรศัพท์ไปถามคณินทร์ที่กรุงเทพฯ ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง สองวันที่ปิดโทรศัพท์ป่านนี้คงมีสายเรียกเข้าแต่ไม่ได้รับสายเกินหนึ่งร้อยรายการ
พี่ปานจะไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ป่านนี้คงนั่งเอามือกุมขมับเพราะต้องรับมือกับปัญหาสารพัด ส่วนคณินทร์คงช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะต้องทำงาน
แล้วนี่กลับไปเขาจะเจออะไรบ้าง อีกสิบวัน หวังว่าสถานการณ์คงจะดีขึ้น
พิชญถอนหายใจเบาๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขายกมือขึ้นก่ายหน้าผากและเริ่มคิดไตร่ตรองเรื่องราวทีละเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นอีกครั้ง พยายามจัดเรียงประเด็นต่างๆ ในความคิดให้เป็นระบบ
ครั้นพอได้เริ่มคิด พิชญก็คิดอย่างต่อเนื่อง จากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง บางเรื่องเขาคิดหาคำตอบได้แล้ว แต่บางเรื่องก็ยังหาทางออกไม่ได้
พิชญจมอยู่ในความคิดของตัวเองจนไม่รู้ว่า 'คนที่อยู่ร่วมบ้าน' นั้นเดินเข้ามาในบ้านแล้ว

พยุตม์มองพิชญอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟา ตามองเพดานห้อง ท่าทางเหม่อลอย ไม่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามาในบ้านและกำลังเดินผ่านห้องโถงเข้าไปยังด้านใน
หรืออาจจะรู้ก็ได้ แต่แกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ นี่คงฉุนที่เขากลับค่ำและทิ้งให้อยู่คนเดียวทั้งวัน ก็เห็นท่าทางเหมือนอยากอยู่คนเดียวนี่นา ขืนเข้าไปใกล้มีหวังโดนพูดจากวนๆ ใส่
พยุตม์เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อรับประทานอาหาร แต่เมื่อเห็นว่าคนที่รับหน้าที่เป็นคนทำอาหารเย็นตาม 'ข้อตกลง' ทำอะไรให้ทานเขาก็หยิบชามที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินปึงปังออกมานอกห้อง
“นี่หรืออาหารเย็นที่คุณทำให้ผมกิน”
พิชญเหลือตามองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ปลายโซฟาแล้วกลับไปมองเพดานจุดเดิม
“ผมก็กินเหมือนคุณนี่ล่ะ” พิชญตอบเสียงเนือยๆ
“โอ้โหคุณ นี่มันง่ายไปหรือเปล่า” พยุตม์ส่ายหน้า “แล้วนี่น้ำก็แค่อุ่นๆ”
“คุณก็เอาใส่ไมโครเวฟสิ นาทีเดียวก็ร้อน”
“ผมควรจะได้กินเลย ไม่ต้องมาทำอะไรอีก ไม่เห็นหรือครับ ตอนเช้าคุณตื่นมาแล้วก็เดินมานั่งที่โต๊ะ แล้วก็กินข้าวเลยเพราะผมทำเผื่อคุณไว้หนึ่งที่”
“แล้วผมจะรู้หรือเปล่าล่ะว่าคุณจะกลับเมื่อไหร่”
“คุณเลยต้มน้ำเทใส่ถ้วยไว้หนึ่งถ้วย แล้ววางมาม่าไว้ข้างถ้วย เพื่อบอกผมว่า นี่คืออาหารเย็นนะ” พยุตม์โวย
“เราตกลังกันว่าคุณรับผิดชอบอาหารเช้า ผมรับผิดชอบอาหารเย็น เพราะคุณบอกว่าผมตื่นสายกว่าคุณ ผมทำอาหารเป็นไม่กี่อย่างหรอก ปกติผมกินสลัดกับโยเกิร์ตเป็นอาหารเย็น” พิชญเถียงด้วยเสียงราบเรียบ แขนยังก่ายหน้าผาก มองเพดานจุดเดิม
“ก็ยังดีที่คุณไม่ใส่มาม่าลงไปในถ้วยแล้วปล่อยให้เส้นมันอืด” พยุตม์บ่นแล้วเดินหนีเข้าไปในครัว ไม่นานก็เดินออกมาและนั่งลงใกล้กับพิชญซึ่งกำลังนอนหลับมา มือประสานกันไว้บนหน้าอก
“คุณไปกินที่อื่นได้ไหม” พิชญเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“รบกวนสมาธิการนอนของคุณหรือไง” พยุตม์ตอบ “หรือว่ากลิ่นสปาเก็ตตี้มันหอมจนยั่วต่อมความอยากของคุณ”
“หยาบคาย”
“หยาบคายตรงไหนไม่ทราบครับ ผมแค่บอกว่ากลิ่นสปาเก็ตตี้หอม”
“ผมกำลังคิดอะไรเงียบๆ ขอเวลาเป็นส่วนตัวหน่อยสิครับ” พิชญไล่อีกฝ่ายตรงๆ
“ผมอยากคุยกับคุณ” พยุตม์ยักไหล่
“ผมไม่อยากคุย” พิชญลืมตา เอียงหน้ามามองพยุตม์ด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“ผมไม่ไหวหรอกถ้าต้องได้กินมาม่าทุกวัน” พยุตม์ไม่สนใจคำพูดของคนที่นอนอยู่บนโซฟา “เอางี้ ผมจะรับผิดชอบอาหารเย็นแทน เพราะดินเนอร์ควรเป็นอะไรที่อร่อยๆ ส่วนคุณรับผิดชอบอาหารเช้าไป แต่คุณต้องตื่นเช้ากว่านี้อีกนิด”
“เจ็ดโมงครึ่งก็ถือว่าเช้าแล้ว” พิชญแย้ง
“กว่าคุณจะลุก กว่าจะเข้าห้องน้ำ กว่าจะออกมาทำอาหาร กว่าจะเสร็จ”
“งั้นคุณก็รับเรื่องอาหารไปเลยทั้งสองมื้อสิ หรือไม่ก็ต่างคนต่างกิน ไม่ต้องเผื่ออีกคน”
“ผมไม่อยากให้คุณอดตาย” พยุตม์ตอบแล้วอมยิ้มมุมปาก “หรือไม่ก็กลายเป็นคนขาดสารอาหาร”
“อย่ามากวนผมนะ ไม่มีอารมณ์” พิชญหลับตาลง แสดงให้เห็นว่าต้องการเลิกคุย
“อารมณ์คุณนี่เดายากจริงๆ เลย” พยุตม์บ่นแล้วลุกขึ้นและกล่าวราตรีสวัสดิ์ แต่ไม่มีคำตอบออกมาจากปากของพิชญ เขายืนมองคนที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาครู่หนึ่งแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มท่าทางดื้อรั้นคนนี้นอนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

วันนี้พิชญเดินสำรวจเกาะแทนที่จะนอนอ่านหนังสือเหมือนทุกวัน เกาะแห่งนี้มีลักษณะแปลกตา ทางทิศตะวันตกเป็นเนินเขาสูงลาดเอียงไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นโขดหินเตี้ยๆ สลับชายหาด พิชญเลือกสำรวจทางด้านทิศตะวันออกก่อนเพราะยังไม่พร้อมที่จะปีนป่าย ประมาณหลังเที่ยงเล็กน้อยเขาก็มาถึงด้านทิศเหนือของเกาะซึ่งเป็นด้านที่ต่ำที่สุดและมีหาดทรายยาวที่สุด และเป็นจุดที่เขาขึ้นเกาะเมื่อเดินทางมาถึงวันแรก
พิชญนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่และรับประทานอาหารกลางวันแบบง่ายๆ ที่เตรียมมาด้วย เมื่อมองขึ้นไปบนต้นไม้เห็นเปลแขวนอยู่เขาจึงอยากจะลองนอนเปล เขาคิดในใจอย่างนึกสนุกว่านี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่จะได้นอนเปลที่แขวนอยู่สูงเหนือศีรษะมาก ดังนั้นพิชญจึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้และไต่ไปตามกิ่งไม้ใหญ่ที่เปลแขวนอยู่  จากนั้นจึงค่อยๆ หย่อนตัวลงบนเปล
ลมทะเลพัดมาเอื่อยๆ เสียงคลื่นกระทบหาดทรายเป็นจังหวะเบาๆ ราวกับเสียงดนตรีกล่อม บรรยากาศน่านอนยิ่งนัก ไม่นานพิชญก็หลับไปและตื่นขึ้นมาอีกมีเมื่อเวลาบ่ายสี่โมงครึ่ง ชายหนุ่มบิดตัว ยืดเส้นยืดสายพร้อมส่งเสียงร้องครางเบาๆ ก่อนจะนอนนิ่งมองใบไม้อยู่ครู่ใหญ่แล้วตัดสินใจกลับที่พักเพราะนึกได้ว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องเตรียมอาหารเย็น
พิชญใช้มือสองข้างจับขอบเปลแล้วดึงตัวลุกขึ้นนั่ง แหงนหน้ามองกิ่งไม้เหนือศีรษะและวินาทีนั้นเองก็ตระหนักว่าการจะลงจากเปลอาจไม่ง่ายเหมือนตอนที่ขึ้นมา น้ำหนักตัวเองซึ่งนั่งอยู่บนเปลทำให้เปลหย่อนลง เพิ่มระยะห่างจากกิ่งไม้และทำให้มือของเขาเอื้อมไม่ถึง พิชญพยายามลุกขึ้นเพื่อคว้ากิ่งไม้แต่เปลกลับแกว่งไปมาเพราะเขาทรงตัวไม่นิ่ง พิชญรีบนั่งลงเพราะกลัวจะตกลงไป
ตายล่ะทีนี้ ขึ้นมาได้แต่ก็ไม่รู้จะลงไปยังไง ใครมาแขวนเปลไว้สูงขนาดนี้ก็ไม่รู้ ต้องนายยักษ์ใหญ่คนนั้นแน่เลย
แต่เอ๊ะ ถ้าเขามาแขวนเปลและชิงช้าเอาไว้ ก็แสดงว่าเขาคงอยู่ที่นี่นานแล้วสิ แล้วที่บอกว่าบ้านนั้นเป็นของเขาก็น่าจะใช่
เป็นไปได้ยังไง เราจะมาผิดเกาะได้ยังไง อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น
ไม่ใช่บังเอิญ แบบนี้เราเรียกว่าซวยต่างหากล่ะพิชญเอ๊ย
แต่คณินทร์บอกให้เรามาเกาะทรายงาม ก็ถูกแล้วนี่ เรามั่นใจว่ามาถูก มันจะพลาดได้ตอนไหน เราบอกคนที่ท่าเรือเขาก็บอกให้ไปจ้างชาวประมง ลุงคนนั้นก็เข้าใจว่าเราต้องการให้มาส่งที่เกาะทรายงามซึ่งเป็นเกาะส่วนตัว ตอนอยู่บนเรือก็ย้ำอีกตั้งหลายครั้ง ผ่านเกาะต่างๆ ลุงคนขับเรือก็ยังชี้บอกให้ดูเกาะนั้นก็นี้ทำยังกับเป็นไกด์ นายยักษ์คนนั้นจะต้องเป็นคนที่แอบเข้ามาอยู่ก่อนเราแน่ๆ คงเห็นว่าเป็นเกาะไม่มีคนอยู่เลยถือโอกาส
โอย แล้วจะลงจากเปลยังไงล่ะเนี่ย
พิชญหยุดความคิดเรื่องการเดินทางมาผิดเกาะ หันมากังวลกับการลงจากเปล เขาค่อยๆ ไต่ไปอีกปลายด้านหนึ่งของเปลซึ่งเชือกผูกห้อยกับโคนกิ่งไม้เพราะแข็งแรงกว่าด้านที่เป็นปลายกิ่ง โชคดีที่ปลายของเปลเป็นตาข่ายเล็กๆ เขาจึงใช้มือเกี่ยวช่องเล็กๆ นั้นเพื่อประคองตัวเอง ครั้นพอใกล้กิ่งไม้แล้วจึงยื่นมือขึ้นไปเหนือศีรษะเพื่อคว้าเอาไว้ แต่ทันใดก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงดังขึ้นข้างล่าง
“ระวังนะคุณ เดี๋ยวตกลงมาหรอก”
พิชญลดมือลง เกาะตาข่ายของเปลแล้วทรางตัวให้นิ่งก่อนจะก้มลงไปมอง ผู้ชายหน้าเข้มคนนั้นยืนเท้าเอว แหงนหน้ามองเขาอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“คุณนั่นล่ะจะทำให้ผมตก มาเงียบๆ ตกใจหมดเลย” พิชญตวัดเสียง
“ผมเป็นห่วง”
“แน่ใจนะ”
“อ้าว แน่ใจสิคุณ ผมรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงหรอกน่า คุณคิดว่ายังไงหรือ คิดว่าผมกำลังขำคุณหรือไง”
“พิชญไม่ตอบเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายประชด เขาจึงพยายามไต่ขึ้นไปตามปลายของเปลยักษ์ให้ใกล้กิ่งไม้ที่สุดอย่างระมัดระวัง
“ระวังนะครับ เดี๋ยวเปลพลิก” เสียงเตือนจากข้างล่างดังขึ้นอีก “ให้นิ่งๆ ซะก่อนแล้วค่อยยื่นแขนขึ้นไป”
“คุณหยุดพูดเถอะ คุณทำให้ผมเสียสมาธิ”
“คนอุตส่าห์หวังดี”
“ถ้าหวังดีก็ไม่ต้องพูดอะไร” พิชญเสียงห้วน
“ทำคุณบูชาโทษ” เสียงอีกฝ่ายพูดพึมพำแต่พิชญยังได้ยิน
“ไม่ต้องมองด้วย” พิชญพูดต่อ
“อ้าว” คนที่ยืนมองอยู่ข้างล่างอุทานแล้วเงียบไป พิชญพยายามอีกครั้งอย่างช้าๆ และในที่สุดก็ใช้มือทั้งสองข้างคว้ากิ่งไม้ได้ เขาดึงตัวขึ้นไปอย่างทุลักทุเลพร้อมกับบ่นให้ตัวเองในใจว่าอ่อนแอลงกว่าเดิมเยอะเพราะพักหลังๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย แต่เมื่อขึ้นมานั่งคล่อมกิ่งไม้ได้แล้วจึงรู้สึกหนักใจต่อว่าจะใต่ไปจนถึงโคนกิ่งและปีนลงได้ได้อย่างไร ยิ่งมีคนยืนมองอยู่ก็ยิ่งรู้สึกประหม่า
นั่นไง จริงๆ ด้วย บอกไม่ให้มองก็ยังมอง
พิชญก้มหน้าลงมองข้างล่างจึงเห็นว่าชายหนุ่มตัวโตคนนั้นยืนกอดอกมองเขาอยู่ไม่วางตา
“บอกว่าอย่ามอง”
“แล้วทำไมมองไม่ได้”
“ผมเสียสมาธิ” พิชญตอบ
“คุณนี่ไม่มีเหตุผลจริงๆ เลย” อีกฝ่ายส่ายหน้า
“นี่ไงเหตุผลของผม ถ้ามีคนมองก็จะทำให้ผมเสียสมาธิ”
“คุณไม่คิดหรือว่าคนอื่นเขาอาจจะเป็นห่วง กลัวคุณตกลงมา”
“ถ้าผมตกลงไป แล้วคุณจะทำอะไรได้ คุณจะยืนรอรับผมหรือไง” พิชญกระแทกเสียง
“ลองดูสิ” คนที่อยู่ข้างล่างท้า “ดูซิว่าผมจะยื่นแขนออกไปรับคุณได้ทันหรือเปล่า”
“ถึงทันคุณก็รับผมไม่ไหว ผมไม่ใช่ลูกมะพร้าวนะ หล่นจากต้นไม้แล้วจะได้วิ่งรับอยู่ข้างล่าง” พิชญพูดเสียงเข้มแล้วบ่นว่า “แล้วใครวะ อุตริมาแขวนเปลไว้สูงขนาดนี้ ห้อยซะยานเชียว ปีนขึ้นมาก็ลำบาก”
“ผมไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย”
“อ๋อ คุณกำลังบอกผมใช่ไหมว่านี่คือเปลของคุณ” พิชญพูดพลางไต่คืบไปตามกิ่งไม้
“ถ้าไม่ใช่ของผมแล้วจะเป็นของใครล่ะครับ นี่มันเกาะของผม ทุกอย่างบนเกาะนี้เป็นของผมทั้งนั้น”
“รวยจริงนะ” พิชญเบ้ปาก
“ก็พอตัว” คุณที่ยืนอยู่ข้างล่างหูดี
พิชญไม่ตอบโต้อีกฝ่าย พยายามไต่ไปตามกิ่งไม้อย่างระมัดระวัง และกว่าจะลงมาถึงพื้นได้ก็ใช้เวลาเกือบห้านาที
“คุณอยากรู้หรือเปล่าว่าผมมีวิธีลงยังไง”
“คุณกระโดดลงมาเลยงั้นสิ” พิชญตอบ “ก็เพราะคุณเก่งกว่าใคร”
“คุณนี่กระทบกระเทียบเก่งไม่เบา” พยุตม์ยิ้มบางๆ “วันหลังลองชิงช้าสิ สนุกกว่าเปลเป็นไหนๆ แต่ก่อนขึ้นไป คิดหาวิธีลงก่อนนะครับ”
“วิธีขึ้นยังคิดไม่ออกเลย” พิชญหันไปมองชิงช้าแล้วเบ้ปาก ในใจบอกตัวเองว่าไม่คิดจะลองอีกแล้ว
“เดี๋ยววันหลังผมทำให้ดู”
“ไม่อยากดู ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไรที่นี่” พิชญถามแล้วก้มลงหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเอง
“ผมก็เดินเล่นของผมไปเรื่อย”
“ที่คุณหายไปทั้งวันแล้วกลับค่ำๆ นี่คุณเดินไปเรื่อยๆ รอบเกาะยังงั้นหรือ” พิชญถาม
“ก็ไม่ตลอดเวลาหรอกนะ บางทีก็หาที่นอนเล่นเหมือนคุณ แล้วก็ทำอะไรอย่างอื่นเหมือนกัน”
“คุณมาถึงที่นี่เมื่อไหร่” พิชญซัก
“เจ็ดวันที่แล้ว” พยุตม์ตอบ “ถามทำไมหรือครับ”
“คุณมายังไง” พิชญถามต่อ
“เรือสิครับ คุณคงไม่คิดว่าผมเก่งขนาดว่ายน้ำมาได้หรอกนะ” พยุตม์ตอบแล้วหัวเราะ
“คุณจะกลับเมื่อไหร่”
“ไม่รู้สิ” คนถูกถามยักไหล่
“คุณไม่กลัวเจ้าของเขามาเห็นหรือไง” พิชญหรี่ตา มองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
“เมื่อไหร่คุณจะเชื่อว่าที่นี่เป็นของผม” พยุตม์ทำสีหน้าอ่อนใจ
“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมมาที่นี่แล้วเจอคุณ ทั้งๆ ที่ผมไม่ควรจะเจอใครเลย ผมมาหาที่พักผ่อนเงียบๆ คนเดียว แต่กลับต้องมาเจอมนุษย์” พิชญถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คุณนี่เป็นเอามาก” พยุตม์ส่ายหน้า “ทำไมหรือครับ มนุษย์นี่ทำให้คุณเบื่อขนาดนั้นเลยหรือ คุณนี่พูดตรงมากเลยนะ ไม่กลัวผมเสียความรู้สึกหรือไง”
“ผมไม่ได้ว่าคุณ ผมแค่พูดทั่วๆ ไป”
“คุณต้องยอมรับความจริงแล้วล่ะว่า ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียว ผมเองก็ตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็มีคนมานอนบนเตียงผม แล้วยังมาหาว่าผมเป็นผู้บุกรุก”
“คุณจะให้ผมเข้าใจว่ายังไง ที่นี่คือบ้านพักตากอากาศของพี่ชายเพื่อนผม” พิชญเถียง
“คุณมั่นใจในตัวเองมากเลยนะว่ามาถูกที่” พยุตม์เอียงหน้ามองอีกฝ่าย”
“ก็ทำไมจะไม่ถูก ผมลงเครื่องก็ไปที่ท่าเรือ บอกเขาว่าต้องการมาที่นี่ คนขับเรือก็พาผมมา คุณคิดว่าผมบอกให้เขาพาผมไปเกาะมัลดีฟส์หรือไง”
“คุณนี่ดื้อเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้จริงๆ แฮะ” พยุตม์ส่ายหน้าช้าๆ แล้วเดินไปที่ทางเดินโรยกรวดซึ่งเป็นทางเดินกลบไปยังบ้านพัก
“นี่คุณ อย่าเดินหนีผมสิ” พิชญเดินตาม
“ผมไม่ได้เดินหนี ผมจะกลับบ้าน” พยุตม์หันไปตอบ “บ้านของผม”
“คุณหาหลักฐานมาแสดงซิ” พิชญพูด
“ไม่มีครับ” พยุตม์ตอบเบาๆ
“เพราะฉะนั้นก็อย่ามาแสดงท่าทางมั่นใจนัก ตราบใดที่คุณทำให้ผมจำนนต่อเหตุผลไม่ได้ ผมก็จะแสดงจุดยืนของผมแบบนี้ล่ะ”
“อย่างคุณนี่จำนนต่อเหตุผลด้วยหรือ”
“คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ”
“ก็เห็นกันแค่ไม่กี่วันเองนี่ครับ”
“ถ้ามีเหตุผลเพียงพอ ใครจะดันทุรัง” พิชญเน้นเสียง
“อือ ผมก็ว่ายังงั้น” พยุตม์พยักหน้า
“คุณไม่ต้องพูดประชดเลย”
“เปล่า ผมแค่จะสื่อว่า ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่นา”
“ขอให้จริงเถอะ” พิชญพูดแล้วเร่งความเร็วแซงหน้าคนตัวใหญ่ไปลิ่วๆ จึงไม่เห็นรอยยิ้มขันๆ ของอีกฝ่ายที่กำลังเดินตามมา

หลังจากล้างจานและทำความสะอาดในห้องครัวจนเรียบร้อยพิชญก็เดินออกมามองหา 'คนร่วมบ้าน' แต่ก็ไม่พบ ร่างสูงใหญ่นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ
'ไม่อร่อย' เป็นความคิดเห็นของผู้ชายคนนั้นซึ่งพิชญยังรู้สึกฉุนไม่หายเมื่อถามว่าอาหารเย็นฝีมือเขาเป็นอย่างไรบ้าง
'คุณคงชอบให้ผมตอบตามความเป็นจริง'
ยิ่งพิชญนึกถึงคำพูดของผู้ชายตัวใตก็ยิ่งหงุดหงิด
'เหมือนที่ผมพูดความจริงมาตลอดว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านผมแต่คุณก็ไม่เชื่อ'
คนบ้า กวนอารมณ์ได้แบบหน้านิ่งๆ นี่ถ้าตัวเท่ากันเราคงท้าต่อยไปแล้ว
แล้วนี่หายไปไหนของเขา ทำไมชอบหายไปตอนหัวค่ำ

พิชญเดินเข้าไปในห้องนอนและถอดเสื้อผ้าออกเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ แวบหนึ่งเขาอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ 'หาเรื่อง' กับผู้ชายคนนั้นเมื่อตอนบ่ายทั้งที่ฝ่ายนั้นแสดงท่าทีว่าเป็นห่วงกลัวจะตกต้นไม้
ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นกำลังฉุนนี่นา แล้วเขาก็ทำหน้าขำๆ เรา
พิชญหยิบผ้าเช็ดตัว เดินเข้าไปในห้องน้ำและเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำเพราะอยากนอนแช่น้ำอุ่นให้สบายตัว
เสียดาย น่าจะมีจากุซซี่ จะได้เปิดน้ำนวดตัวให้สบายไปเลย ไหนๆ ก็สร้างบ้านหรูซะขนาดนี้ ทำไมไม่มีจากุซซี่ด้วยนะ
แต่อ่างอาบน้ำนี่ยาวจริงๆ เลย ขนาดนอนเหยียด ปลายเท้ายังแตะไม่ถึงขอบอ่าง
ก็เพราะเป็นบ้านของนายยักษ์ใหญ่น่ะสิ เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้จึงใหญ่ไปหมด
ไม่จริง แค่บังเอิญ เราไม่ได้มาผิดเกาะ จะผิดได้ยังไง ก็บอกคนขับเรือไปแล้วว่ามาเกาะทรายงาม นายคนนั้นยังพูดเลยว่า 'ก็มาถูกนี่นา'
กลับไปกรุงเทพฯ จะเอายังไงดี
แล้วนี่ทำไมบ้านเงียบมาก เขาหายไปไหนของเขา เอ๊ะ เราลืมล๊อคประตูห้องนี่นา ถ้าเกิดเขาเดินเข้ามาเห็นเรานอนเปลือยแช่น้ำอยู่จะว่ายังไง แปลกจริงๆ ประตูห้องน้ำก็ล๊อคไม่ได้ สร้างบ้านหรูขนาดนี้ทั้งทีแต่ประตูห้องน้ำกลับไม่มีล๊อค
พิชญสะบัดศีรษะ พยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไป ความคิดของเขากระโดดไปมาจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง สับสนวุ่นวายไปหมด และเช่นทุกครั้งก็มักจะลงเอยที่บทสรุปว่า อุตส่าห์เดินทางมาพักผ่อนไกลขนาดนี้และเพื่อใช้เวลาคิดไตร่ตรองเรื่องปัญหาต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ แต่กลับต้องมาคิดอะไรก็ไม่รู้เรื่องมาผิดเกาะหรือไม่
เพราะผู้ชายคนนั้นจริงๆ เชียว
อือ ไม่ใช่สิ เพราะคนขับเรือที่พาเขามาที่นี่ต่างหาก
เอ๊ะ หรือเพราะคนที่ท่าเรือ ผู้ชายตัวผอมๆ คนนั้นบอกว่าไม่รู้จักว่าเกาะทรายงามอยู่ที่ไหนและแนะนำให้เขาไปสอบถามที่หมู่บ้านชาวประมง บางทีลุงคนขับเรืออาจหูไม่ดี ได้ยินชื่อเกาะทรายงามเป็นชื่ออื่น
ไม่ใช่หรอก ตอนผ่านเกาะเล็กๆ ที่หาดทรายสวยมากเรายังถามเลยว่านั่นเกาะทรายงามใช่หรือเปล่า แต่ลุงคนขับเรือบอกว่าไม่ใช่ เกาะนั้นชื่อเกาะพร้าว เกาะทรายงามอยู่ทางโน้น ไปอีกไกล
ซึ่งก็คือที่นี่
ปัญหาอยู่ที่ว่าเกาะนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ถ้าโทรศัพท์ใช้ได้ ป่านนี้เราโทรถามคณินทร์ให้รู้เรื่องไปแล้ว
พิชญคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนรู้สึกง่วง น้ำอุ่นๆ บรรยากาศเงียบๆ ทำให้เผลอหลับไป เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปทานเท่าใด แต่พิชญสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูดังๆ
“คุณ นอนหลับในห้องน้ำหรือเปล่า” เสียงห้าวดังอยู่หน้าประตูห้องน้ำ
“เดี๋ยวๆ อย่าเปิดเข้ามานะ” พิชญรีบตอบกลับ
“นี่คุณ ทำอะไรอยู่”
“ก็อาบน้ำสิ ถามได้” พิชญตอบเสียงดังกว่าเดิม
“เกินชั่วโมงครึ่งแล้วนะครับคุณ”
พิชญกำลังจะอ้าปากพูดตอบโต้แต่ก็ยั้งเอาไว้ทันเพราะตระหนักว่าตัวเองเผลอหลับไปจึงไม่กล้าเถียง
“ผมง่วงแล้วนะครับ ขอผมอาบน้ำหน่อยสิ เหนียวตัวไปหมดแล้ว”
“แป๊บนึง” พิชญตอบแล้วรีบลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำและรีบห้ามคนที่รออยู่หน้าประตูอีกครั้ง “อย่าเพิ่งเข้ามานะ”
“ผมไม่เข้าไปหรอกน่า อย่ากลัวไปหน่อยเลย แต่คุณรีบๆ หน่อยก็แล้วกัน”
“เร่งจัง” พิชญอดบ่นไม่ได้
“ไม่ยักรู้ว่าคุณอาบน้ำนานพอๆ กับดูหนังหนึ่งเรื่องจบ “คนที่อยู่นอกห้องน้ำบ่นเหมือนกัน พิชญอยากจะตอบโต้แต่ก็เปลี่ยนใจ รีบเร่งอาบน้ำจนเสร็จแล้วเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มตัวใหญ่นอนแผ่อยู่บนเตียง กายท่อนล่างพันด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวประหนึ่งเตรียวตัวอาบน้ำแล้วต้องรอ
“คุณ ไปสิ เสร็จแล้ว” พิชญเรียกแต่ผู้ชายคนนั้นไม่ขยับเขยื้อน พิชญเดินเข้าไปใกล้ๆ จึงเห็นว่าอีกฝ่ายนอนหลับตา หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ อกกว้างสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ หน้าท้องแบนเรียบ ปลายด้านซ้ายของผ้าเช็ดตัวเปิดพับขึ้นมาเล็กน้อย เผยให้เห็นต้นขากำยำ เหนือขึ้นไปใต้ผ้าเช็ดตัวสีขาวเห็นรอยพาดเป็นลำนูนเด่นชัด
พิชญอดชมไม่ได้อีกแล้วว่าผู้ชายคนนี้หุ่นดีจริงๆ ผิวสีแทนเนียนละเอียด ต้นขาแกร่ง มีไรขนบางๆ เป็นแนวลงไปตามขาและเพิ่มความดกดำขึ้นเมื่อถึงปลีน่อง เท้าวางอยู่บนพื้นมีเม็ดทราบติดอยู่บ้างเล็กน้อย
ล้างเท้าก็ไม่สะอาด นี่คงไปเดินหาดทรายมาล่ะสิ แล้วที่บอกให้รอเดี๋ยวดันหลับไปซะแล้ว หลับเร็วหลับดีจริงๆ เลย
พิชญพยายามคิดเรื่องอื่น เมินหน้าไปจากอกกว้างกำยำล่ำสันของคนที่นอนหงายห้อยขาอยู่บนเตียง จากนั้นจึงปลุกอีกฝ่ายอีกครั้งว่า
“นี่คุณ ห้องน้ำว่างแล้ว”
ร่างนั้นยังไม่ไหวติง พิชญคิดจะเอื้อมมือไปเขย่าตัว แต่ใจหนึ่งก็ไม่อยากสัมผัสเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของอีกฝ่าย เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วตัดสินใจทิ้งให้ 'คนขี้เซา' นอนหลับต่อไป ส่วนตัวเองเดินไปยืนเช็ดตัวอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าและแต่งตัวจนเสร็จ แต่ครั้นหันหน้ามาพิชญก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงเมื่อครู่นั้นตอนนี้นั่งเท้าแขนอยู่ขอบเตียง ทอดสายตามอมาที่เขาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“นี่คุณ...” พิชญเม้มปาก
“เฮ้อ รอจนง่วง” ผู้ชายร่างสูงอ้าปากหาวช้าๆ แล้วลุกขึ้น เดินตรงไปยังห้องน้ำ ทำเป็นไม่รับรู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าทำหน้าฉุนเพราะโดนแอบมองขณะที่แต่งตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 13-01-2012 14:08:23
พิชญลดมือที่กำลังจับโทรศัพท์ลงหลังจากถ่ายภาพทะเลมุมต่างๆ จนหนำใจ จากนั้นเดินกลบไปที่เสื่อซึ่งปูไว้ใต้ต้นไม้ วันนี้เขาเลือกที่จะนอนเล่นและอ่านหนังสือเช่นเคย
เช้าวันนี้พิชญจงใจตื่นสายกว่าปกติเพราะต้องการ 'หลบหน้า' คนที่อยู่ร่วมบ้าน คืนที่ผ่านมากว่าเขาจะหลับก็เกือบห้าทุ่มเพราะมัวแต่คิดเรื่องปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิต และที่ขาดไม่ได้เช่นเคยก็คือเรื่องเดินทางมาผิดเกาะ รวมทั้งเรื่องผู้ชายตัวโตคนนั้น
เขาเห็นเราเปลือยหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงเห็นสิ แล้วตอนก้มลงสวมกางเกงเขาก็ต้องเห็นก้นเราทุกซอกทุกมุม หรือว่าเขาเพิ่งตื่นขึ้นมาตอนที่เราแต่งตัวเสร็จแล้ว เรายืนทาโลชั่นตั้งหลายนาที
แต่ที่น่าหมั่นใส้ก็คือ ตัวเองกลับทำหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนตัวเองไม่แอบมองคนอื่นแต่งตัว อีตาบ้า คนอะไรก็ไม่รู้
พิชญทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจเมื่อนึกถึงผู้ชายคนที่เขายังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำทั้งที่อยู่ร่วมชายคาบ้านมาแล้วหลายวัน
แต่ในที่สุด บรรยากาศสบายๆ ก็ทำให้พิชญนอนกลางวันหลับไปจนได้

วันนี้พิชญกลับมายังบ้านพักเร็วกว่าทุกครั้ง ตอนนี้เขาตั้งชื่อใหม่ให้บ้านหลังนี้ว่า The Glass House พิชญตั้งใจจะทำความสะอาดบ้านก่อนที่จะเริ่มทำอาหารเย็นเพื่อที่จะได้นั่งรับประทานอาหารที่ระเบียงและชมวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
พิชญทำอาหารเป็นไม่กี่อย่าง แต่ด้วยความที่อยากเอาชนะผู้ชายคนนั้นที่แสดงความคิดเห็นเรื่องรสชาติอาหารที่เขาทำเมื่อวานนี้จึงตั้งใจทำอาหารเย็นจนสุดฝีมือ
เมื่อทำอาหารเสร็จ แสงสีทองก็เริ่มจับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก พิชญรีบเดินออกไปที่ระเบียงหน้าบ้านหลังบ้านเพื่อจัดโต๊ะแล้วยกอาหารเย็นส่วนของตัวเองไปวางเพื่อทานไปพร้อมกับชมพระอาทิตย์ลับฟ้า
ถ้าเขาพูดว่าชอบดูพระอาทิตย์ตกดิน ผู้ชายคนนั้นคงแย้งว่าตกทะเลต่างหาก เพราะนี่คือเกาะ และการสนทนาก็คงจะลงเอยด้วยประเด็นที่ว่า 'เกาะนี้เป็นของผม บ้านหลังนี้ก็เป็นของผมเพราะผมสร้างมากับมือ' ส่วนเขาก็จะเถียงว่า 'ผมไม่ได้มาผิดเกาะ'
ก็จะผิดได้ยังไง ใครจะเซ่อซ่าเฟอะฟะมาผิดที่ได้ขนาดนี้
พิชญเริ่มรับประทานอาหาร วันนี้เขาทำเสตคสามชิ้น ตัวเองทานหนึ่งชิ้น เหลือสองชิ้นไว้ให้คนที่อยู่ร่วมบ้านเพราะคิดว่าเขาตัวใหญ่คงทานมากกว่าตัวเองทั้งที่ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะโดนค่อนขอดว่าใช้อาหารเปลือง อยู่กันสองคนแต่ใช้เนื้อสามชิ้นในการทำอาหารเย็นหนึ่งมื้อ
นี่คงนับสต๊อคทุกอย่างไว้หมดแล้วสิ คนอะไรก็ไม่รู้
พิชญใช้มีดตัดสเตคขอตัวเองแต่ไม่ขาดจึงออกแรงมากขึ้น ในใจอดกังวลไม่ได้ว่าหากสเต็คสองชิ้นที่เหลือเหนียวขนาดนี้ผู้ชายคนนั้นก็คงบ่นอุบว่าเขาทำอาหารไม่ได้เรื่อง
พิชญลุกขึ้นเพื่อกลับเข้าไปในครัวเพราะต้องการไปตรวจดูว่าสเตคสองชิ้นที่เหลือจะเหนียวเท่ากับชิ้นของตัวเองหรือไม่ แต่ทันใดก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพิงเสามองเขาอยู่ด้วยสายตาขำๆ
“อะไร” พิชญถาม
“เปล่าครับ” พยุตม์ยักไหล่ “คุณแอบกินข้าวโดยไม่รอผมเลยหรือนี่”
“ผมไม่รู้นี่นาว่าคุณจะกลับมาเมื่อไหร่” พิชญยักไหล่เหมือนกัน
“แล้วนั่นจะถือจานไปไหนครับ ไม่กินข้าวชมวิวพระอาทิตย์ตกทะเลแล้วหรือ”
“ผม เอ่อ...” พิชญอึกอัก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อคนที่ยืนกอดอกก็เดินเข้ามาใกล้แล้วก้มลงสูดดมเสตคในจานพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“อืม หอมน่ากิน เสต็คซะด้วย”
“ของคุณอยู่ในครัว” พิชญพูดเบาๆ
“ขอบคุณครับ” พยุตม์พูดแล้วหันไปหยิบเก้าอี้อีกตัวซึ่งอยู่ใกล้ๆ มาวางข้างโต๊ะและนั่งลง ขาไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์
“ของคุณอยู่ในครัว” พิชญพูดซ้ำเพราะเห็นท่าทางของอีกฝ่ายทำราวกับว่าตัวเองจะรอทานอาหารและให้เขาเป็นคนเสิร์ฟ
“ขอบคุณครับ” คนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะแหงนหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาระยิบระยับ “ขอน้ำเย็นๆ แก้วนึงด้วยนะครับ”
พิชญกะพริบตาช้าๆ แล้ววางจานสเต็คของตัวเองลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านทั้งที่รู้สึกฉุนนิดๆ ที่โดนใช้ให้เสิร์ฟอาหารเย็น
เอาเถอะ ยอมให้ซักครั้ง ขี้เกียจจะเถียง ไหนๆ ก็จะต้องเดินเข้ไปในครัวอยู่แล้ว

ก่อนที่จะนำเสต็คสองชิ้นที่เหลือออกไป 'เสิร์ฟ' พิชญลองใช้ซ่อมจิ้มดูเพื่อทดสอบว่าเนื้อเหนียวหรือไม่เพราะกลัวโดนติ เขาถอนหายใจเบาๆ รู้สึกว่าเนื้อชิ้นนี้เหนียวกว่าชิ้นของตัวเองเสียอีก
โดนว่าอีกแล้วเรา อุตส่าห์ตั้งใจทำ ยังไงก็ไม่ได้เรื่อง
แต่คนไม่เคยนี่นา จะให้อร่อยเหมือนนายคนนั้นทำได้ยังไง
พิชญเบ้ปากเมื่อนึกถึงอาหารมื้ออื่นที่ผู้ชายตัวใหญ่เป็นคนทำ เขายอมรับว่าอร่อย และเขาก็ยอมรับว่าฝีมือทำอาหารของตัวเองนั้นไม่ได้เรื่อง
ขณะที่ยืนลังเลอยู่นั้น พิชญก็หันไปมองประตูเมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่ของคนที่รอทานข้าวเดินเข้ามา
“คุณเข้ามาทำไม” พิชญถาม
“ผมกลัวจะไม่ได้กิน”
“ผมก็กำลังจะเอาออกไปเสิร์ฟนี่ยังไงล่ะ” พิชญเน้นเสียงเข้ม
“ก็ผมไม่แน่ใจนี่นา เดาอารมณ์คุณไม่ถูก” พยุตม์ยักไหล่ “เร็วๆ เข้าเถอะครับ เดี๋ยวบรรยากาศสวยจะหมดไปซะก่อน พระอาทิตย์จะตกลงไปในทะเลอยู่แล้ว”
“เกี่ยวอะไรกับพระอาทิตย์” พิชญยื่นจานเสต็คให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกจากห้องครัว
“อ้าว คุณไม่ได้จัดโต๊ะข้างนอกเพื่อกินข้าวเคล้าบรรยากาศหรือ” พยุตม์พูดพลางเดินตามหลังมา “คิดยังไงถึงได้อยากกินดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกทะเล”
“พระอาทิตย์ตกดินต่างหาก ใครที่ไหนเขาพาพูดว่าพระอาทิตย์ตกทะเล” พิชญอดท้วงไม่ได้
“ก็รอบๆ เกาะนี่มันทะเลนี่ครับ” พยุตม์วางจานลงบนโต๊ะแล้วยืนรอให้พิชญนั่งลงก่อน “ต้องเรียกว่าพระอาทิตย์ตกทะเลถึงจะถูก”
“พระอาทิตย์ตกดิน ผมหมายถึง sunset คุณเข้าใจหรือเปล่า” พิชญเถียง
“ตกทะเล เพราะสภาพภูมิประเทศมันเป็นทะเล”
“ถ้ายังงั้น ตอนผมยืนดูอยู่บนคอนโดในกรุงเทพฯ ผมก็ต้องเรียกว่าพระอาทิตย์ตกตึกงั้นหรือ เพราะสภาพมันมีแต่ตึกคอนกรีต”
คนฟังหัวเราะเสียงดังแล้วส่ายหน้า ไม่ตอบโต้อะไรอีก ก่อนจะเริ่มทานอาหาร แต่ก็ไม่ทันไรก็พูดขึ้นมาคำเดียวเบาๆ ว่า
“เหนียว”
“ขอบคุณที่ชม” พิชญพูดเสียงเย็นชา เมินหน้าหันไปมอง 'พระอาทิตย์ตกดิน' เบื้องหน้า ไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกต่อไป

::: End of chapter 3 :::
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 13-01-2012 14:37:25
อยากบอกว่าพยุตม์น่ารักแฮะ 

จะเอาคนนี้ๆๆ  พระเอกในฝันเลย  :laugh:

ปล. พิชเอาแต่ใจ อารมณ์ประมานคนท้องแก่ใกล้คลอด ไม่ก็วัยทองประจำเดือนกำลังจะหมด 5555+
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 13-01-2012 15:55:38
เป็นลำ  :a5:  แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เอาอีก เอาอีก อ่านไปลุ้นไป
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 13-01-2012 16:47:39
น่ารักอ้ะ ... อยากติดผิดเกาะบ้าง  :o8:

ปล. อยากให้เรื่องนี้ลงด้วยความเร็วคงที่แบบ 3 ตอนแรกไปตลอดจังเลย .... +1
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Peppermint ที่ 13-01-2012 17:04:09
พระเอกเรื่องนี้อบอุ่นจังเลย อ่านไปยิ้มไปมีความสุข
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ นอนรอตอนต่อไปเบาๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 13-01-2012 17:32:25
พิชญ์นี่ดื้อมากๆ เอาแต่ใจอย่างแรง อยากรู้ว่ามีอะไรถึงหนีมาเกาะคนเดียว
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-01-2012 18:19:49

ตลกดี
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 13-01-2012 18:51:36
เรื่องนี้ขอยาวๆนะ ชอบบบให้ต่อล้อต่อเถียงกันแบบนี้แหละ :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 13-01-2012 19:36:20
ต่อปากต่อคำกันสนุกมากค่ะ
นายพยุตม์แอบมองพิชญใส่เสื้อผ้าด้วยอ่า แอร๊ยยยย  :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 13-01-2012 19:49:58
พระเอกเป็นผีทะเลอ้ะป่าวเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหาย  o22

ดูดีๆ นะตัวเธอ  :jul3:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-01-2012 19:56:18
ช่างเป็นคู่กัดที่น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 13-01-2012 21:45:37
ทะเลาะกันทั้งวัน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-01-2012 21:58:01
น่ารักกันดีนะ กัดกันไปกัดกันมา อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Nichdia ที่ 13-01-2012 22:50:42
ทะเลาะกันทุกครั้งที่คุยกันขนาดนี้ สงสัยลูกจะดก อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 13-01-2012 23:16:03
อะไรนะที่เป็นลำ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 13-01-2012 23:20:12
รอตอนต่อไปค่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 13-01-2012 23:46:25
น่ารัก ดี  ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 14-01-2012 01:16:56
สนุก รอตอนต่อไป
+1
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 14-01-2012 09:36:23
อาทิตย์อัสดง บทที่ 4

พิชญค่อนข้างแปลกใจที่ 'คนที่อยู่ร่วมบ้าน' กลับมาเร็วขึ้นทุกวัน เขาอยากจะถามว่าทำไมวันแรกๆ กลับค่ำแต่หลังๆ กลับก่อนห้าโมงเย็น
สามวันติดต่อกันแล้วที่พิชญไม่ต้องทำอาหารเย็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนจัดการหมดด้วยเหตุผลที่ว่า 'ให้ผมทำอาหารเถอะ' ซึ่งบอกเป็นนัยว่าเขาทำอาหารไม่ได้เรื่อง
วันนี้ยิ่งแปลก พิชญหอบเสื่อกับหมอนและถือตะกร้าปิกนิกกลับมาถึงบ้านเมื่อเวลาบ่ายสามโมงแล้วเห็นคนตัวโตกำลังง่วนอยู่กับเตาบาร์บีคิวที่ระเบียงหลังบ้าน
“วันนี้มื้อพิเศษ ซีฟู้ดบาร์บีคิว” พยุตม์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับพิชญ
“คุณจะไปหามาจากไหน ในตู้เย็นก็ไม่เห็นมี”
“นี่คุณครับ อยู่บนเกาะกลางทะเล ผมไม่กินซีฟู้ดแช่เข็งหรอก ผมบอกคุณแล้วไงว่าจะลงไปหาเอาในทะเล”
“พูดเป็นเล่น” พิชญทำหน้าไม่เชื่อ
“ผมไม่เคยพูดเล่น คุณเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อีกหนึ่งชั่วโมงผมกลับมา”
“เดี๋ยวสิ” พิชญท้วง “เตรียมอุปกรณ์ หมายความว่ายังไง”
“นี่คุณถามผมว่าจะให้เตรียมอะไรสำหรับบาร์บีคิวใช่หรือเปล่า” พรานทะเลหันหน้ามาถาม
“ก็ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณจะพูด ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรก” พิชญทำหน้าไม่พอใจ
“คุณลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน”
พิชญนั่งนิ่ง มอร่างสูงใหญ่เดินหายไปช้าๆ เขาหมดคำพูดจะตอบโต้แล้วเพราะอีกฝ่ายก็ช่างพูดกวนเหลือเกิน
คิดดูเองก็แล้วกัน โธ่เอ๊ย ซีฟู้ดบาร์บีคิวมันจะยากซักแค่ไหนเชียว เราแค่ต้องการให้สื่อสารชัดเจนก็แค่นั้น เตรียมอุปกรณ์ก็คงหมายถึงให้จุดไฟคอยล่ะสิ แล้วเขาทำเป็นที่ไหน เคยใช้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้า
พิชญเดินไปเดินมาครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินลงจากบ้านไปเก็บกิ่งไม้แห้งแล้วนำมากองไว้ข้างเตาบาร์บีคิว จากนั้นนึกถึงถ่านแต่เขาค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ท้ายที่สุดจึงเลิกหา พิชญเข้าไปในครัวเพื่อหยิบถาด มีด ช้อน ซ่อม จาน และ 'อุปกรณ์' อื่นๆ ที่เขาคิดว่าอาจต้องใช้สำหรับการทำบาร์บีคิวซีฟู้ด
ทุกอย่างพร้อม แต่ 'พรานทะเล' ยังไม่กลับมา พิชญนั่งมอง 'อุปกรณ์' ที่ตัวเองจัดไว้คอยคนที่กำลังไปหาอาหารทะเลแล้วนึกอะไรได้บางอย่าง เมื่อครู่ที่ค้นหาถ่านเขาเห็นกีตาร์โปร่งตัวหนึ่งในห้องเก็บของจึงคิดว่าขณะที่รอผู้ชายตัวโตคนนั้นน่าจะ 'เคาะสนิม' ฝีมือการเล่นกีตาร์ของตัวเองเสียหน่อย
พิชญปรับแต่งกีตาร์ไม่นานก็เริ่มกรีดนิ้วเล่นเบาๆ เขาคิดในใจว่าเสียงใช้ได้ทั้งที่ดูเป็นกีตาร์ราคาถูกๆ แล้วก็คิดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้ชายตัวโตคนนั้นถึงได้เก็บกีตาร์ไว้ในห้องเก็บของ
...ไปทะเลกันดีกว่า ปล่อยใจให้สุขสันต์
ไปเล่นลมสู้คลื่น สุขชื่นและสมหวัง
ทะเลนั้นเป็นเพื่อน ที่ไม่เคยมุ่งหวัง
อะไรจากใจ อย่างที่คนคอยเฝ้าหวัง
ไปทะเลกันดีกว่า ไปทะเลกันดีกว่า
Let's go to the ocean, Let's go go the sea
ไปทะเลกันดีกว่า
(เพลง ไปทะเล โดย ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล)

“อือ ไม่เลว” พิชญพูดอยู่คนเดียวเมื่อเล่นเพลงจบ พลันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ทางด้านหลังจึงหันไปมอง ผู้ชายร่างยักษ์คนนั้นยืนมองอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มๆ ร่างสูงใหญ่มีหยดน้ำเกาะพราว กางเกงขาสั้นเปียกลู่แนบเนื้อยิ่งเน้นรูปร่างแกร่งกำยำให้เด่นยิ่งขึ้น มือขวาถือปลาหนึ่งตัว มือซ้ายถือปลาตัวเล็กกว่าหนึ่งตัวและปูทะเลตัวใหญ่
“โชคดีได้ปูมาด้วยหนึ่งตัว กุ้งกับปลาหมึกเอาไว้วันหลัง วันนี้กินแค่นี้ก่อน” พรานทะเลรายงานแล้วหันไปมอง 'อุปกรณ์' ที่พิชญเตรียมเอาไว้ก่อนจะทำหน้าแปลกๆ พิชญทำปากยื่นแล้วพูดขึ้นมาว่า
“ผมหาถ่านกับไม้ขีดไฟไม่เจอ”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็ทำให้ผมทึ่งแล้วล่ะ”
“คุณหมายความว่ายังไง” พิชญเอียงหน้าถาม
“ผมเปล่าประชดนะ ผมพูดจริงๆ” พยุตม์หันไปทำหน้าจริงจัง “เอาเป็นว่าคุณผ่านการทดสอบ”
“ทดสอบอะไร” พิชญเสียงแข็ง “นี่คุณคงคิดว่าผมเป็นคุณหนูเมืองกรุงที่ทำอะไรไม่เป็นเลยใช่ไหม”
“คุณนี่ช่างคิดนั่นคิดนี่จริงนะ”
“คุณไม่พูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเองนี่” พิชญเบ้ปากแล้วเดินไปที่เตาบาร์บีคิวและถามว่า “จะให้ผมจุดไฟเลยไหมล่ะ คุณจะได้เห็นว่าผมก็จุดไฟเป็น”
“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” พยุตม์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วยื่นปลากับปูให้ “ผมคุณเอานี่ไปจัดการดีกว่า”
“จัดการ” พิชญอุทาน
“ใช่ครับ” พยุตม์พยักหน้า “คุณทำปลาให้เรียบร้อย ผมจะจุดไฟแล้วถึงจะไปทำน้ำจิ้ม ทำเสร็จปลาก็สุกพอดี แล้วเราจะได้กินทันดูพระอาทิตย์ตกทะเล”
“ทำยังไง” พิชญถามเบาๆ รับเอาปลากับปูจากมือของอีกฝ่ายอย่างเก้ๆ กัง
“ก็ทำปลากับทำปู”
“คุณไม่ต้องมาทำเป็นประชดว่า ไหนคุณว่าตัวเองไม่ใช่คุณหนูเมืองกรุงที่ทำอะไรไม่เป็น แต่ถึงยังงั้นก็เหอะ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้วิธีทำอะไรแบบนี้หรอกนะ” พิชญเม้มปาก
“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย” พยุตม์ตอบเสียงราบเรียบ “คุณจะตีโพยตีพายไปทำไม ที่บอกว่าให้ไปจัดการ ก็แค่ล้างให้สะอาดเท่านั้น่ะ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แต่ขอเตือนว่าอย่าแก้เชือกมัดปู เดี๋ยวมันหนีบมือเอา ผมหวังดีถึงได้บอก”
“แล้วทำไมไม่พูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก” พิชญบ่นพึมพำ ก้มหน้า ไม่สบตากับอีกฝ่าย “แค่บอกว่าเอาไปล้างให้สะอาดแค่นั้นเอง”
พยุตม์กลั้นหัวเราะเมื่อยืนมองตามคนที่รับปลาและปูไปจากมือเขาแล้วเดินลงส้นเท้าหนักๆ เข้าไปในบ้าน รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยั่วให้อีกฝ่ายหน้างอ
เขารู้สึกสนุกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่มแปลกหน้าผู้ดื้อรั้นคนนี้

เตาย่างบาร์บีคิวของบ้านหลังนี้ 'ไฮเทค' กว่าที่คิด กิ่งไม้แห้งที่พิชญหามานั้นไม่ได้ใช้แม้แต่ชิ้นเดียวเพราะเป็นเตาบาร์บีคิวที่ใช้แบ็ตเตอรี่ พยุตม์วางถ่านที่มีลักษณะคล้ายก้อนหินสีดำประมาณสิบก้อนวางบนถาดใต้ตะแกรง จานนั้น 'กดปุ่ม' เปิดไฟเพียงครั้งเดียว
“ผมดัดแปลงเอง เตานี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เห็นกล่องสี่เหลี่ยมนั่นไหม นั่นแบตเตอรี่ที่ต่อจากแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน” พยุตม์อธิบาย
“เก่งที่สุดในโลกเลย” พิชญพยักหน้า “ผมนึกว่าไฟไฟ้ในบ้านมาจากเครื่องปั่นไฟที่ใช้น้ำมันซะอีก”
“เก่งประชดนะคุณเนี่ย” พยุตม์ส่ายหน้ายิ้มๆ
“ก็แล้วไม่บอกว่าเป็นเตาไฟฟ้า คนเสียเวลาไปหาเก็บกิ่งไม้” พิชญกระแทกเสียง
“ผมนึกว่าคุณดูออก” พยุตม์ยักไหล่แล้วพูดต่อว่า “รออีกนิดนะครับ เดี๋ยวก็ได้กิน”
“ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” พิชญตอบแล้วหันไปมองทะเล
“คุณไม่แพ้อาหารทะเลนะ ผมไม่มียาแก้แพ้”
“ผมมี” พิชญตอบ “แต่ผมไม่แพ้อาหารทะเล ยกเว้น...
“ยกเว้นอะไร”
“อย่ารู้เลย” พิชญส่ายหน้า
“อ้าว ทำไมล่ะ” พยุตม์เลิกคิ้วแล้วอดยั่วไม่ได้ “หรือคุณกลัวว่าผมจะรู้จุดอ่อน”
“มันไม่ใช่จุดอ่อนของผม คุณไม่ต้องคิดว่าผมจะคิดว่าพอคุณรู้ว่าผมแพ้อะไรคุณจะหาว่าผมจะว่าคุณว่าจะไปเอาไอ้สิ่งที่ผมแพ้มาใกล้ๆ ผม”
“คุณพูดอีกทีซิ” พยุตม์ขมวดคิ้ว นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมา
“ผมพูดแค่ครั้งเดียว ไม่มีพูดซ้ำซาก ผมไม่ใช่คนย้ำคิดย้ำทำ” พิชญเอียงหน้าท้าทาย
“ทำไมชอบคิดแต่ด้านลบ” พยุตม์พึมพำแล้วก้มลงสนใจบาร์บีคิวตรงหน้า “คุณกินปูไปนะ ผมยกให้”
“ไม่ต้องเสียสละให้ผมก็ได้” พิชญปฏิเสธ “เรามีสิทธิเท่าเทียมกัน แบ่งกันกินคนละครึ่ง”
“ผมแพ้ปู” พยุตม์ตอบ
“อ้าว แล้วจับมาทำไม” พิชญอุทาน
“คุณไม่เข้าใจหรือ” พยุตม์เลิกคิ้ว ห่อไหล่ แบะแขนทั้งสองข้างออก ทำท่าทางประกอบคำถามซึ่งพิชญเห็นว่าขัดตาตัวเองยิ่งนัก
“ไม่เข้าใจ ผมไม่ฉลาดขนาดนั้น คุณต้องการบอกอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า” พิชญตวัดเสียงพูด
“ผมจับมาให้คุณกินไงครับ”
“ผมไม่ชอบกินปู” พิชญยักไหล่
“งั้นก็โยนทิ้งทะเลไป”
“อ๊ะๆ ไม่ได้นะ อุตส่าห์หามาแล้ว เสียดายของ” พิชญห้ามเพราะปูเป็นอาหารทะเลที่ตัวเองโปรดปรานแต่ที่พูดไปก็เพราะต้องการอยาก 'กวน' อีกฝ่ายเท่านั้น
แพ้ปู จะบ้าหรือ ตัวใหญ่ยังกะยักษ์มาแพ้อะไรตัวเล็กๆ แบบนี้ มาอยู่กลางทะเล ยาแก้แพ้ก็ไม่มี เชื่อดีไหมเนี่ย หรือจะแกล้งโกหกเราเฉยๆ

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แสงสีทองส่องกระทบผิวน้ำทะเลเป็นประกายระยิบระยับ เวิ้งฟ้ากว้างใหญ่แปรเปลี่ยนจากสีฟ้าครามเป็นสีทองปนม่วงแดงสวยงามยิ่งนัก ชายหนุ่มทั้งสองคนต่างทานอาหารมื้อพิเศษกันอยู่เงียบๆ พิชญค่อยๆ แทะปูเผาพลางแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าด้วยสายตาชื่นชม ลืมปัญหาที่เพิ่งเผชิญมาในกรุงเทพมหานครไปเสียสิ้น จนกระทั่งคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พูดขึ้นมาว่า
“ท่าทางคุณก็เป็นคนชอบธรรมชาตินี่นา”
“คุณหมายความว่ายังไง” พิชญถาม
“ก็หมายความว่าอย่างที่พูดไงครับ” พยุตม์ตอบ
“คุณพูดให้คนฟังต้องตีความ”
“งั้นคุณตีความว่ายังไง บอกให้ผมฟังหน่อย” พยุตม์ถาม
“คุณกำลังบอกผมว่า ผมดูเหมือนคนกรุงที่ไม่เคยสัมผัสธรรมชาติ พอผมนั่งมองท้องฟ้าด้วยสายตาชื่นชมมีความสุข คุณก็เลยพูดแบบนั้นออกมา”
“อ๋อ งั้นหรือ” พยุตม์ยักไหล่ หยิบปลาชิ้นใหญ่เข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย “คิดได้คิดไป คุณชอบคิดอะไรเอาเองอยู่แล้วนี่ คนพูดอีกอย่างคิดไปอีกอย่าง มองอะไรด้านลบไปซะหมด”
“คุณอย่ามาชวนทะเลาะนะ ผมกำลังทานอาหารอร่อย” พิชญขมวดคิ้วไม่พอใจ “บรรยากาศกำลังดี จะพูดขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้”
“คุณมาที่นี่ทำไมหรือครับ” คนที่ถูกห้ามไม่ให้พูดไม่สนใจคำห้าม
“คุณหมายความว่ายังไง”
“เห็นไหม พอผมถามตรงๆ คุณก็ยังถามผมแบบนี้อีก ผมว่าคุณนั่นล่ะจงใจจะคิดว่าผมถามอะไรที่ต้องตีความ ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ยังงั้น ผมน่ะเป็นคนที่สื่อสารตรงไปตรงมา”
“ผมว่าคุณถามใหม่ดีกว่า” พิชญหรี่ตา เสียงเย็นชา “ถามแบบที่คุณอยากรู้จริงๆ ให้ตรงไปตรงมาจริงๆ อย่างที่คุณพูด ผมให้โอกาสคุณถามอีกคำถามเดียวเท่านั้นสำหรับวันนี้”
“คุณหลบอะไรหรือหลบใครมาอยู่ที่นี่” พยุตม์ถาม 'คำถามเดียว'
พิชญอึ้ง คนที่ถามเขาเน้นชัดทุกคำ ผู้ชายคนนั้นมองตาเขานิ่งพลางหยิบอาหารเข้าปากโดยไม่มองมือตัวเอง
“ว่าไงครับ” พยุตม์พูด
“คุณจะรู้ไปทำไม” พิชญเสียงเย็น
“เห็นไหมล่ะ พอผมถาม คุณก็ไม่ตอบ”
“ผมหลบปัญหา” พิชญยักไหล่ หันไปมองทะเล “มาหาที่พักผ่อนคิดหาทางออก”
“อืม”
“นี่คุณไม่รู้อะไรจริงๆ หรือถึงได้ถามผมแบบนี้” พิชญลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันขวับไปจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วถามขึ้นมา
“คุณหมายความว่ายังไง”
“นั่นไง คุณก็ถามคืนแบบนี้เหมือนกัน” พิชญเบ้ปาก
“ก็คุณไม่ได้พูดให้ชัดเจนนี่ครับ” พยุตม์แย้ง “ผมไม่รู้อะไรงั้นหรือ ผมต้องรู้อะไร ผมไม่เข้าใจคำถามของคุณ”
“ช่างเถอะ” พิชญยักไหล่
“ทำไมต้องช่างเถอะ คุณอย่ามาทำให้ผมงง”
“คุณ...” พิชญทำเสียงเหนื่อยหน่ายแล้วจ้องหน้าผู้ที่ที่นั่งแทะก้างปลา พยายามมองทะลุเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้นอย่างค้นหา
ถ้าผู้ชายคนนี้ตีหน้าตายก็ทำได้แนบเนียนมาก หรือไม่เขาก็งงจริงๆ อย่างที่พูด
พิชญเลิกจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วหันไปสนใจกับอาหารในจานของตนเอง
เขารู้สึกขึ้นมาแวบหนึ่งว่าอยากจะถามชื่อ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องรู้จักชื่อกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พิชญรู้สึกแปลก รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ และรู้สึกตื่นเต้นที่อยู่บ้านเดียวกันกับคนที่ไม่รู้จักกันเลย
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็ได้ว่า 'คนที่ไม่รู้จักเขา'

พยุตม์เก็บของทุกอย่างเสร็จแล้วจึงไปอาบน้ำ ขณะที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวซึ่งเขาปล่อยให้น้ำไหลราดไปตามลำตัว พยุตม์ก็อดนึกภาพใบหน้าของคนที่เดินไปเดินมาอยู่นอกห้องนอนไม่ได้
พยุตม์ยอมรับว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ทำให้เขาสนใจ ความจริงเขาไม่ชอบสุงสิบกับใครและมีโลกส่วนตัวสูง แต่ไม่นึกเลยว่าจู่ๆ ก็จะมีผู้ชายคนหนึ่งโผล่เข้ามาในช่วงนี้ของชีวิตทั้งที่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะอยู่เงียบๆ คนเดียว
เสียงกีตาร์ดังขึ้นเบาๆ พยุตม์หมุนน้ำให้ไหลค่อยลง ในใจก็นึกภาพว่าชายหนุ่มหน้าขาวคนนั้นคงนั่งอยุ่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
เสียงนุ่มๆ ดังคลอไปกับกีตาร์ฟังเพราะยิ่งนัก ราวกับเปิดเพลงจากเครื่องบันทึกเสียง
If blood will flow when flesh and steel are one
Drying in the colour of the evening sun
Tomorrow's rain will wash the stains away
But something in our minds will always stay
Perhaps this final act was meant
To clinch a lifetime's argument
That nothing comes from violence and nothing ever could
For all those born beneath an angry star
Lest we forget how fragile we are

On and on the rain will fall
Like tears from a star like tears from a star
On and on the rain will say
How fragile we are how fragile we are ...
(เพลง Fragile ขับร้องโดย Sting)

หลังอาบน้ำเสร็จ พยุตม์เดินออกมานอกบ้าน ชายหนุ่มคนนั้นหยุดเล่นกีตาร์ทันทีเมื่อเห็นเขา
“เล่นต่อสิครับ เพราะดี คุณร้องเพลงได้แบบนักร้องอาชีพเลยล่ะ” พยุตม์ชม “เหมือนกับเกิดซีดี”
“งั้นหรือ”
“อย่ามาหาว่าผมประชดล่ะ” พยุตม์ยิ้ม “ผมพูดจริงๆ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง”
“คุณเล่นกีตาร์ด้วยหรือ” พิชญถาม
“เปล่า ผมเก็บได้ มีคนทิ้งเอาไว้ที่ใต้ต้นไม้ที่คุณพยายามปีนลงมาจากเปลวันนั้น สงสัยเป็นของขวัญที่เขาตอบแทนผมที่แขวนเปลกับชิงช้าไว้ให้คนผ่านไปมานั่งเล่น”
“คุณแขวน” พิชญเลิกคิ้ว ทำหน้าไม่เชื่อ
“ผมไม่ได้คิดจะเปิดประเด็นชวนคุณทะเลาะนะ แต่ผมเป็นคนแขวนจริงๆ บางทีมีคนขับเรือผ่านมาแล้วแวะขึ้นไปนั่ง ท่าทางมีความสุขแล้วก็ตื่นเต้นที่ได้ประสบการณ์ใหม่”
“มีคนผ่านมาด้วยหรือ ตั้งแต่อยู่ที่นี่ไม่เห็นเรือผ่านไปซักลำ”
“ทำไม คุณยังมีความคิดที่ว่า ถ้ามีเรือผ่านมาแล้วจะโบกขอให้พาไปหารีสอร์ทที่อื่นพักหรือไง”
“นี่ล่ะที่เรียกว่าเปิดประเด็นชวนทะเลาะ” พิชญชี้หน้าคนตัวโต
“งั้นผมไม่พูดก็ได้ คุณเล่นกีตาร์ต่อเถอะ” พยุตม์ยกมือขึ้นโบกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ห่างออกไปเล็กน้อย
“นี่คุณ ทำไมใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ทำไมไม่ใส่เสื้อบ้าง” พิชญอดถามไม่ได้
“ผมอยากโชว์หุ่น” พยุตม์พูดยิ้มๆ
“ถ้าเป็นที่คนเยอะๆ ก็ว่าไปอย่าง” พิชญเบ้ปากแล้วกรีดนิ้วลงบนสายกีตาร์และเล่นเพลงเร็ว
“คุณคงคิดว่าหุ่นผมไม่ได้เรื่อง”
จะบ้าหรือ หุ่นดีมากต่างหาก แต่เล่นเปลือยอกอยู่ตลอดเวลาแบบนี้มันทำให้เราไม่มีสมาธิ ตั้งใจหลบมาอยู่เกาะกลางทะเลเพื่อคิดเรื่องปัญหาต่างๆ ให้เคลียร์กลับไม่ได้คิด มัวแต่มองแผงอกกับลอนหน้าท้อง เสียเวลาเดินทางมาใกลๆ จริงๆ
พิชญไม่ตอบอีกฝ่าย เปลี่ยนจากการเล่นเพลงเร็วเป็นเพลงช้าทันทีทันใด
“ร้องด้วยสิครับ” คนฟังเพลงพูดขึ้นมา พิชญส่ายศีรษะแล้วเล่นกีตาร์ต่อแต่ไม่เล่นจบเพลง เขาเล่นพอให้คนฟังรู้ว่าเป็นเพลงอะไรแล้วก็เปลี่ยนเพลงไปเรื่อยๆ
“เอาให้จบซักเพลงหน่อยสิ”
“คุณนี่เรื่องมากจริงๆ” พิชญพูดขึ้นแล้วหยุดเล่น จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฟังฟรีนะ ไม่ได้เสียเงิน”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“น่าจะมีไวโอลิน” พิชญพึมพำ
“คุณเล่นดนตรีเป็นกี่อย่าง” เสียงของคนฟังดังขึ้นมาแทรก ทำให้พิชญต้องหันไปมองเพราะอีกฝ่ายถามแล้วลุกขึ้นเดินเข้ามายืนอยู่ใกล้มาก
“หลายอย่าง” พิชญตอบ
“กีตาร์ แล้วก็...” พยุตม์เลิกคิ้ว
“ไวโอลิน เซลโล แล้วก็อีกสองสามอย่างที่มีสาย” พิชญจงใจกวน
“ซออู้ ซอด้วง แล้วก็จะเข้”
“บ้าหรือ” พิชญโวย
“ก็แล้วทำไมคุณไม่ตอบผมมาตรงๆ”
“ตอบหมดก็ไม่มีอะไรให้ค้นหาสิ” พิชญลุกขึ้นและขยับตัวออกห่างคนตัวสูงซึ่งตอนนี้กำลังก้มหน้ามองเขายิ้มๆ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ
“อยากให้ค้นหาหรือครับ” พยุตม์พูด
“ผมจะไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัว” พิชญพูดแล้วรีบเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้อีกฝ่ายมองตามด้วยสายตาเป็นระยิบระยับ

พิชญยอมรับว่าตัวเองรู้สึกคุ้นเคยกับ 'คนที่อยู่ร่วมบ้าน' มากขึ้น เวลาแต่ละวันผ่านไปช้าๆ เขารู้สึกว่าตัวเองได้พักผ่อนเต็มที่ เวลาส่วนมากใช้ไปกับการอ่านหนังสือและการนอน เดิมที่ตั้งใจหาที่เงียบสงบเพื่อคิดใตร่ตรองเรื่องปัญหาต่างๆ กลับไม่ค่อยได้คิด
วันนี้ทานอาหารเช้าเสร็จเขาก็ใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ ทำอะไรไม่เร่งรีรบ ตอนนี้บ้านทั้งหลังเป็นของเขาคนเดียวเพราะอีกคนมักจะหายหน้าไปเสมอเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ จะกลับมาอีกทีก็ตอบบ่ายๆ
อืม แต่เขากลับเร็วกว่าเดิมทุกวัน จำได้ว่าวันแรกกลับค่ำมาก แล้วก็เร็วขึ้น เร็วขึ้น เมื่อวานนี้ก็บ่ายสามโมง เกือบจะเวลาเดียวกับเรา
แต่เขาหายไปทำอะไร เดินออกไปตัวเปล่าแล้วก็กลัยมาตัวเปล่า ใส่กางเกงขาสั้นอยู่ตัวเดียวนั่นล่ะ ประหยัดเสื้อผ้าจริงๆ เลย หรือตั้งใจจะโชว์หุ่นอย่างที่เคยพูด โชว์หุ่นให้เราดูนี่นะ
แต่ก็เพลินดีเหมือนกัน อืม หุ่นแบบนั้นถ้าเปลือยกายจะเป็นยังไงก็ไม่รู้
พิชญเผลออมยิ้ม มองตัวเองในกระจกแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่นึกได้ว่าลืมผ้าเช็ดตัวจึงเดินกลับเข้าไปใหม่ ขณะที่ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมก็ไดิ้นเสียงกุกกักนอกห้องจึงค่อยๆ โผล่หน้าออกมาดู
“คุณเข้ามาทำอะไร” พิชญถามคนที่กำลังก้มหน้าหาอะไรบางอย่างบนโต๊ะชิดกับผนังห้องด้านปลายเตียง
“หาของ” พยุตม์ตอบ
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่” พิชญถามเพราะเมื่อครู่นั้นตัวเองเดินเปลือยออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ได้สนใจมองอะไร
“ทำไมหรือครับ”
“ก็...” พิชญอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ครั้นจะถามไปอย่างที่ใจกำลังสงสัยก็รู้สึกไม่กล้า จึงพูดพูดขึ้นมาว่า “นึกว่าคุณไปแล้ว”
“ผมหาของอยู่” พยุตม์ตอบแล้วก้มลงหาของต่อไป พยายามควบคุมจังหวะหายใจให้ช้าลง
ผมเข้าทันเห็นคุณเดินเข้าไปในห้องน้ำพอดี
ขาวเนียนไปทั้งตัว หุ่นมีกล้ามเนื้อกำลังพอดี ก้นงอนแน่นที่สุด ถ้าเป็นแบบนี้อีกครั้งเขาต้องตะบะแตกแน่ วันนั้นตอนที่เห็นเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ต้องควบคุมตัวเองแทบแย่
พยุตม์เจอสิ่งของที่ต้องการแต่ก็ยังไม่เดินออกไปจากห้อง พอหันหน้าไปมองห้องน้ำ คนที่ทำหน้าระแวงใส่เขาเมื่อครู่ยังขังตัวเองอยู่ข้างใน ราวกับว่าจะรอให้เขาออกไปก่อนถึงจะเปิดประตูห้องน้ำออกมา
อาบน้ำมาเป็นชั่วโมงยังไม่พออีกหรือ ทำไมอยากหลบหน้าเขานัก
พยุตม์ถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องนอน จงใจปิดประตูเสียงดังให้คนที่อยู่ในห้องน้ำรู้ว่าเขาออกไปแล้ว
วันนี้พยุตม์ไม่อยากไปไหนเลย เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมอยากเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านทั้งที่ไม่มีอะไรทำ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงประตูห้องนอนจึงเปิดออก พยุตม์หันไปมอง คนที่เดินออกมาขมวดคิ้วมองมาที่เขาด้วยสายตามีคำถามซึ่งพยุตม์เข้าใจได้ทันทีว่าหมายความว่าอย่างไร
“ผมกำลังจะออกไปพอดี” พยุตม์พูด
“ผมก็เหมือนกัน”
“วันนี้คุณจะทำอะไร” พยุตม์ถาม
“ก็เหมือนเดิม” พิชญยักไหล่ ก้มลงหยิบเสื่อที่วางอยู่ใกล้ประตู
“ไม่เบื่อบ้างหรือไงครับ นอนเล่นอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ทุกวัน”
“ก็คนมาพักผ่อน”
“ไปดำน้ำดูประการังไหม” พยุตม์ชวน “หรือไปทำอะไรอย่างอื่นก็ได้ คุณมาทะเล แต่ไม่เห็นลงทะเลเลย”
“ทำไมจะไม่ลง ผมเดินลุยน้ำเล่นที่ชายหาดตั้งหลายครั้ง” พิชญตอบ
“อ๋อหรือครับ” พยุตม์ยิ้มบางๆ รู้สึกขำ “เอ๊ะ หรือคุณว่ายน้ำไม่เป็น เอาไหมล่ะ ผมจะสอนให้ รับรองเป็นภายในหนึ่งชั่วโมง”
“อย่ามาดูถูกกันนะ”
“เปล่าดูถูก คุณอย่าคิดแต่ในแง่ลบสิ”
“ถ้างั้นคุณก็ดูผิด” พิชญพูดแล้วเดินลงจากบ้านไปโดยไม่หันมามองคนที่ยืนทำหน้าขำๆ อยู่ข้างหลัง

วันนี้แดดจ้ามาก ท้องฟ้าปลอดโปร่งแทบจะไม่มีเมฆ ลงแรงกว่าทุกวันจนพิชญต้องไปหยิบก้อนหินมาวางไว้ที่มุมทั้งสี่ด้านของเสื่อเพื่อกันไม่ให้เสื่อปลิว
พิชญอ่านหนังสือได้ไม่ถึงสองบทก็เริ่มรู้สึกเบื่อจึงนอนพลิกไปพลิกมาเพื่อคิดเรื่องปัญหาต่างๆ ในชีวิต แต่ก็ต้องประหลาดใจตัวเองเพราะจู่ๆ ก็ไม่อยากจะสนใจสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาให้ต้องแก้ไขในตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
ช่างมัน
ช่างหัวมันเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เบื่อนักก็หนีมานอนเล่นริมทะเลแบบนี้
พิชญได้บทสรุปให้กับตัวเองอย่างง่ายๆ และคลายความกังวลใจไปได้มากอย่างที่ตัวเองแทบไม่อยากจะเชื่อ สามเดือนที่ผ่านมาเขาหนักใจมาก ต้องหลบหน้าผุ้คนจนแทบไม่ต้องทำอะไร บ้านตัวเองก็อยู่ไม่ได้ ต้องไปพักกับเพื่อนคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย จนในที่สุด คณินทร์กับปานฤทัยเสนอให้เขาหลบไปหาที่เงียบๆ พักผ่อนสักสองอาทิตย์ แต่แม้เขาจะยอมทำตาม ก็ยังรู้สึกหนักใจว่าคงจะไม่สามารถคิดหาทางออกให้กับปัญหาหลายๆ อย่างได้ภายในสองอาทิตย์ พิชญคิดเพียงว่าอาจจะตั้งสติได้และคิดอะไรให้ชัดเจนขึ้นมาบ้าง
แต่นี่เขากลับสรุปง่ายๆ แล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
พิชญพลิกตัวนอนตะแคง หันไปมองทะเลเบื้องหน้า รู้สึกอยากจะว่ายน้ำ
อีตายักษ์ใหญ่ว่าเขาหน้าตาเฉยว่ามาทะเลแล้วไม่ยอมลงน้ำ เขาเองก็เถียงข้างๆ คูๆ ว่าเดินลุยน้ำเล่นตั้งหลายครั้ง แต่เขาลืมแว่นตาว่ายน้ำ กางเกงว่ายน้ำ โลชั่นกันแดด จะให้ว่ายน้ำได้ยังไง และแม้แต่สายไฟชาร์ตโทรศัพท์มือถือก็ลืม โชคดีปิดเครื่องไว้ตลอดเวลา วันเดินทางกลับจะได้มีโทรศัพท์ใช้กรณีฉุกเฉิน
จะยืมนายคนนั้นก็กลัวถูกว่ากระทบกระเทียบ
แล้วอีตานั่นไปไหนของเขา วันทั้งวันไม่เคยอยู่บ้าน หายไปเงียบๆ และกลับมาเงียบๆ
สงสัยคงไปหาที่นอนเล่นเหมือนเรานี่ล่ะมั๊ง ท่าทางเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ขอบสุงสิกับใคร
พิชญพลิกตัวนอนหงาย มองใบไม้ที่สั่นไหวเพราะแรงลมอย่างเพลิดเพลิน ไม่นานก็อ้าปากหาว เริ่มรู้สึกง่วงอีกแล้ว บรรยากาศสบายๆ ทำให้เขาอยากจะนอนแต่เพียงอย่างเดียว
ขณะที่กำลังเริ่มตาปรือพิชญก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงห้าวๆ คุ้นหู
“คุณมาอยู่นี่เอง จะหลับอีกแล้ว”
พิชญดันตัวลุกขึ้นครึ่งนั่งครึ่งนอน ผู้ชายตัวโตคนนั้นยืนเท้าเอวอยู่เหนือศีรษะของเขา ก้มลงมองด้วยใบหน้ายิ้มๆ
ผู้ชายคนนี้ตัวสูงใหญ่มาก กล้ามต้นขาเป็นมัดๆ แผงอกกว้างล่ำสัน แขนกำยำ ผิวเข้มเหมือนอาบแดดทุกวัน หุ่นดีเป็นบ้า นี่ถ้าคณินทร์กับพี่ปานมาเห็นคงร้องกรี๊ดจนสลบ
“ผมจะหลับ คุณมายุ่งอะไรด้วย ผิดกฎหมายหรือครับ”
“ถามดีๆ” พยุตม์ส่ายหน้า
“ผมก็ตอบดีๆ”
“ไม่กลัวน้ำขึ้นแล้วคลื่นซัดลงทะเลหรือไง”
“พูดเป็นเล่น” พิชญเบ้ปากแล้วลุกขึ้นนั่ง เบือนหน้าออกไปมองทะเล คนที่แทบจะยืนคล่อมศีรษะของเขานั่งยองๆ ลงมาข้างๆ และพูดว่า
“ไปเล่นน้ำกันไหม คุณเอาแต่นอน จะเรียกว่ามาเที่ยวทะเลได้ยังไง”
“ก็นี่ไงเที่ยวทะเล ปูเสื่อนอนพักผ่อนบนชายหาดก็เรียกว่ามาเที่ยวทะเลเหมือนกัน”
“ว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า” พยุตม์เลิกคิ้วข้างซ้าย
“ทำไมถามเซ้าซี้”
“ผมถามจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น ไม่ได้ประชด ไม่ได้กระทบกระเทียบ”
“ผมยังไม่อยากเล่น”
“เอ้า นี่ แว่นตาดำน้ำ” คนที่ชวนเล่นน้ำยื่นแว่นตาดำน้ำดูประการังลงบนเสื่อ “ผมว่าคุณไม่มีอุปกรณ์แน่ๆ เลยหามาให้”
“ผมยังไม่อยากลงทะเล” พิชญส่ายหน้าปฏิเสธ
“ตอนนี้เวลาดีเลยล่ะ ถ้าไม่ลงตอนนี้แล้วคุณจะเสียดาย เชื่อผมสิ ลงไปพร้อมผมนี่ล่ะ ถ้าคุณว่ายน้ำไม่ไหวผมจะได้ช่วย”
“ผมง่วง ขอนอนพักผ่อน” พิชญอ้าปากหาวแล้วเอนตัวลงนอน
“ตามใจ” พยุตม์พูดแล้วลุกขึ้นเดินจากไป

::: End of chapter 4 :::

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 14-01-2012 10:30:19
คู่นี้ เค้าเถียงกันน่ารักอ่ะ   
ว่าแต่ หนีอะไรมา ?
ชอบหนีซะจริงเชียว แม้แต่คำถามก็ยังหนีได้ ยอกย้อน วกไปวนมา เอะอะก็...ช่างเถอะๆ
พยุตม์แอบหื่น ไม่รู้จริงๆ....หรือแกล้งไม่รู้ว่าพิชเป็นใคร
ถ้ารู้ก็บอกกันบ้าง เพราะคนอ่านก็อยากรู้เหมือนกัน
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 14-01-2012 10:47:36
แต่ละคนมีอะไรอยู่ในใจหนอ  อยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 14-01-2012 11:13:25
อยากรู้ว่าพิชญเป็นใครใจจะขาด เป็นนักร้องหนีข่าวเสีย ๆ มาอะเปล่า อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: saylmya ที่ 14-01-2012 11:21:47
อยากรู้จังว่าพยุตม์ หายไปไหนทั้งวัน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-01-2012 11:23:08
แอร๊ยยยยยยยยยยย แอบเห็นก้นงอนแน่น 5555555555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sakuracity ที่ 14-01-2012 11:55:07
เกลียดความมั่นใจ "เกาะทรายงาม" ของพิชญ 555 ช่างเป็นคนที่ไม่น่าคบยิ่งนัก แต่แอบน่ารักในตอนมุขพระอาทิตย์ตกตึก 555

แอบมีความเสียวมาให้ผู้อ่านได้เห็นเป็นช่วงๆ  :m25:

รอตอนต่อไปครับ ขอบคุณครับ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-01-2012 11:55:46
ต่างคนต่างมีความลับ
ทำให้น่าติดตามเพราะกระตุ้นต่อมเจือกของคนอ่านมากๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 14-01-2012 12:03:49
อยากให้ค้นหาค่ะ ฮิ้วววววววววววว  :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 14-01-2012 12:32:09
นายเอกขยันงอน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 14-01-2012 12:49:15
 :serius2: เค้ามาชวนไปเล่นน้ำทำไมไม่ไป จะได้ลวนลาม 555+
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 14-01-2012 13:05:16
ชอบพยุตโชว์หุ่น 555 รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 14-01-2012 13:13:48
เป็นนายเอกที่ขี้ระแวงมาก - -
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-01-2012 19:16:21
ยินดีที่ไม่รุ้จัก 5555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 14-01-2012 20:34:36
คุณพยุตม์น่ารักดีนะคะ ชอบบบบบบ  :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 14-01-2012 21:45:51
ว๊าวววว  เรื่องใหม่ ชอบๆ น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 14-01-2012 22:01:57
ตกลงเกาะมันผิดหรือคนมันผิดกันแน่นะ

เถียงเขาหัวชนเกาะเชียว ชื่อเขาก็ไม่กล้าถาม แหม๋ เก๊กจริงๆ

บวกค่า รออ่านต่อๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 14-01-2012 22:33:29
อยากรู้ว่าพิชญเป็นใครใจจะขาด เป็นนักร้องหนีข่าวเสีย ๆ มาอะเปล่า อิอิ

คิดเหมือนกันเลยครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 14-01-2012 23:54:34
พิชญหนีอะไรมาน่ะ
พยุตม์แอบชอบเค้าแล้วอ่ะ
แต่ท่าทางพิชญจะไม่สนใจเลย
พูดด้วยทีเป็นต้องทะเลาะกันทุกที
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 15-01-2012 00:08:00
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ อ่านแล้วกดผมหน่อยนะคร้าบ (ใครอ่านแล้วไม่เมนท์และกด + ขอให้ฝันร้ายเหมือนพิชญ)


อาทิตย์อัสดง บทที่ 5

พิชญมองตามร่างสูงใหญ่เดินลุยน้ำลงทะเลไปด้วยความรู้สึกที่ตัวเองบรรยายไม่ถูก ทั้งฉุนที่โดนเซ้าซี้ ทั้งขำที่ฝ่ายนั้นพยายามจะชวนเขาลงน้ำเสียให้ได้ ทั้งไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆ ทำไมต้องมาตอแยกับเขาด้วย ทุกๆ วันก็เห็นหายตัวไปเลยตั้งแต่ทานอาหารเช้าเสร็จ
ความจริงเขาก็อยากจะว่ายน้ำอยู่หรอก แต่ถ้าต้องให้ว่ายด้วยกันคงไม่ไหว กลัวจะถูกตำหนิว่าเชื่องช้า เขาว่ายน้ำไม่เก่งขนาดนั้นนี่นา ดูสิ เดี๋ยวเดียวว่ายไปตั้งไกล เห็นแต่หัวกลมๆ ดำๆ อยู่ลิบๆ แล้วก็...
พิชญรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นอะไรบางอย่างใกล้ๆ กับจุดที่ผู้ชายคนนั้นกำลังว่ายน้ำ
ปลาโลมา!
พิชญวิ่งเหยาะๆ ออกไปยังชายหาด ชะเง้อมองในทะเล เห็นปลาโลมาสามตัวกำลังดำผุดดำว่ายโดยมีชายหนุ่มผู้ที่เพิ่งจะชวนเขาลงทะเลว่ายน้ำอยู่ด้วยราวเป็นเพื่อนเล่นกัน
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีปลาโลมาทั้งสามตัวจึงว่ายน้ำจากไป พิชญมองตามจนลับสายตาอย่างเสียดาย ผู้ชายตัวโตคนนั้นว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งช้าๆ พิชญยืนรอจนกระทั่งเขาลุยน้ำเข้ามาใกล้จึงเปิดฉากต่อว่า
“ทำไมคุณไม่ชวนผม”
“อะไรหรือครับ” พยุตม์ถาม ยืนแช่อยู่ในน้ำ มือเท้าสะเอว เอียงหน้ามองคนที่ยืนกอดอกอยู่ริมชายหาด
“คุณรู้ใช่ไหมว่าปลาโลมาจะมา”
“คุณกำลังจะต่อว่าผมที่ไม่ชวนคุณลงไปว่ายน้ำเล่นกับปลาโลมาใช่หรือเปล่า” พยุตม์ถาม “ผมจำได้ว่าเมื่อกี้ผมชวน แต่คุณปฏิเสธ”
“ทำไมคุณไม่บอกผมตรงๆ”
“บอกว่าอะไรครับ” พยุตม์เลิกคิ้ว “บอกว่าเราลงไปว่ายน้ำเล่นกับปลาโลมาในทะเลกันเถอะยังงั้นหรือ ถ้าเกิดปลาโลมาไม่มาตามนัดผมก็คงโดนคุณว่าซะไม่มีดี ของแบบนี้มันต้องแล้วแต่โชค แล้วแต่โอกาส ผมไม่เก่งขนาดมีมนต์เรียกปลาโลมามาเล่นด้วยหรอกครับ ถ้าเป็นนางเงือกล่ะไม่แน่”
“แต่ผมคิดว่าคุณรู้เวลา” พิชญหรี่ตา
“คุณนี่ทำไมชอบหาเรื่อง” พยุตม์ส่ายหน้า
“เมื่อกี้คุณบอกว่า ตอนนี้เวลาดีเลยล่ะ ถ้าไม่ลงตอนนี้แล้วผมจะเสียดาย”
“มันเกี่ยวอะไรกับปลาโลมา”
“เพราะคุณรู้ว่าปลาโลมาจะมา”
“คุณนี่เอาเรื่องนั้นมาแปะเรื่องนี้เป็นฉากๆ” พยุตม์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วลุยน้ำขึ้นมาจากทะเล พิชญเผลอมองรูปร่างกำยำที่กำลังเปียกน้ำ แต่เมื่อรู้สึกตัวจึงหันหน้าหนี เดินกลับไปที่เสื่อใต้ต้นไม้
“คราวหลัง ถ้าผมชวนอีกก็อย่าปฏิเสธ” เสียงห้าวดังขึ้นข้างหลัง พิชญหันไปมองแวบหนึ่งแล้วเร่งเท้าเดินแต่ก็อดตอบโต้คนที่ตามมาติดๆ ไม่ได้ว่า
“นั่นไง คุณยอมรับแล้วว่าคุณสนิทกับปลาโลมา ต้องเคยเล่นด้วยกันมาก่อนแน่ๆ ไม่งั้นมันไม่ให้คุณว่ายน้ำด้วยหรอก แสดงว่าเมื่อกี้คุณรู้ว่ามันจะมา คุณแกล้งมาชวนผม คุณรู้อยู่ว่าผมจะปฏิเสธคุณก็เลยไม่เซ้าซี้ แล้วคุณก็ลงไปว่ายน้ำกับปลาโลมาและทำใหผมเสียดาย”
“ช่างคิดจริงๆ” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “จินตนาการล้ำเลิศ”
“เขาเรียกว่าการวิเคราะห์” พิชญเถียง
“ผมเรียกว่าการหาเรื่อง”
“ผมไม่ชอบหาเรื่องใคร” พิชญตอบโต้ “ถ้าไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม”
“อ๋อ แสดงว่า ถ้ามีอะไรพอจะเป็นเชื้อได้คุณถึงจะหาเรื่องงั้นสิ”
“คุณบิดเบือนคำพูดผม” พิชญโวย
“โอ๊ย เหนื่อย” คนที่โดนหาเรื่องไม่โต้ตอบ กลับนั่งลงบนเสื่อ หยิบหนังสือและสิ่งของส่วนตัวของพิชญโยนไปอีกด้านหนึ่งแล้วเอนตัวลงนอน
“เฮ่ย นี่คุณ จะมานอนแบบนี้ไม่ได้นะ นี่เสื่อผม” พิชญโวยวายเสียงดังกว่าเดิม
“อย่าขี้เหนียวหวงของไปหน่อยเลย แต่จะว่าไป นี่เสื่อผมต่างหาก คุณหยิบมาจากบ้านของผม” คนที่นอนหงายอยู่บนเสื่อตอบแล้วหลับตา กระดิกปลายเท้าอย่างสบายอารมรณ์
“เปียกหมดแล้ว”
“นั่งลงสิคุณ” คนที่นอนหลับตบมือลงข้างๆ “จะยืนโชว์หุ่นอยู่ทำไม แบ่งที่ให้ผมหน่อยน่า ผมชักจะง่วง”
“คุณกลับไปนอนที่บ้านสิ”
“มาเที่ยวทะเลก็ต้องนอนบนชายหาด” พยุตม์พูดเบาๆ
“น่าจะเตรียมของตัวเองมาด้วย” พิชญบ่นแล้วนั่งลงบนเสื่อให้ห่างจากอีกฝ่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
“รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่บ้างเถอะ อยู่แต่ในเมืองกรุงจนแทบจะไม่รู้จักแสดงความมีน้ำใจ”
“มากไปแล้วนะ” พิชญหันขวับไปทำหน้าดุเพราะโดนว่าตรงๆ แต่ชายหนุ่มตัวใหญ่นอนกอดอกนิ่งไม่ไหวติง ทำท่าไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
“คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ รู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีน้ำใจ”
“งั้นเรามาทำความรู้จักกัน” พยุตม์พูดทั้งที่นอนหลับตา “คุณชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงหลงมาถึงนี่ได้”
“คุณไม่รู้จริงๆ หรือ” พิชญอดถามไม่ได้
“หรือคุณไม่อยากบอก เห็นไหมล่ะ ผมถามคุณตรงๆ คุณก็ไม่ตอบผมตรงๆ แล้วก็ชอบมาว่าผมว่าไม่พูดอะไรตรงๆ คุยกับคุณนี่บางทีก็ปวดหัวเหมือนกันนะ เคยมีคนพูดกับคุณอย่างนี้หรือเปล่า”
“มีแต่คนเขาชมผมว่าน่ารักทั้งนั้น” พิชญตอบเสียงเข้ม ชันเข่าขึ้นนั่งกอดเข่า ตาเหม่อมองทรายสีขาวเนื้อละเอียดแล้วถอนหายใจเบาๆ พูดกับตัวเองในใจว่า
ยกเว้นพวกขี้อิจฉาและคอมเมนเตเตอร์ปากจัดอีโก้สูงของ Superstar  Season 10 เท่านั้นล่ะ ไม่รู้จะจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหน เขาถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้วก็ยังไม่ยอมหยุดราวี กะจะเหยียบเขาให้จมดินเลยหรือไง
อ้อ ไหนจะพวกใน Channel One อีก นี่คงไม่อยากให้เขาได้แจ้งเกิด ทำทุกวิถีทางที่จะทำลายเขาให้ได้ กะจะเอาเรื่องฉาวของเขามาเป็นประเด็นถล่มเขาแบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด
เรื่องฉาว...จริงสิ จะทำยังไงดี
ช่างมันไงล่ะ เมื่อกี้เราก็สรุปไปแล้วว่าช่างหัวมันเถอะ เบื่อนักก็หนีมานอนเล่นริมทะเล พอมาเจออีกตายักษ์ใหญ่กวนอารมณ์เข้าหน่อยก็คงลืมเรื่องยุ่งๆ เอง เถียงกับนายคนนี้บางทีก็เพลินดีเหมือนกัน
แต่ว่า เขาจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน เขาแค่มาพักผ่อนชั่วคราวเหมือนเราหรือว่าเขาอยู่เลย
แต่ใครจะอาศัยอยู่ที่แบบนี้ อ้อ จำได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะอยู่ยี่สิบวัน ตอนที่เขาคาดคั้นเราว่าทำไมกินมาม่าสามซองทั้งที่เป็นเวลาอาหารเพียงสองมื้อ
คนบ้า จะให้กินมื้อละซองงั้นหรือ คนอะไรนับสต๊อคกระทั่งซองมาม่า
หลับหรือยังเนี่ย นอนนิ่งเป็นท่อนซุงเชียว
พิชญหันไปมองร่างหนาที่นอนเหยียดยาวอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเสื่อผืนใหญ่ อกกว้างสะท้อนขึ้นลงช้าๆ ประหนึ่งว่ากำลังหลับสนิท
ผู้ชายคนนี้เป็นคนแปลกที่สุดเท่าที่เขาเคยพบ แต่จะว่าไปเขาก็พบแต่คนแบบเดิมๆ โลกของเขาค่อนข้างแคบ วนเวียนอยู่ในสังคมกลุ่มเล็กๆ เจอแต่คนลักษณะเดียวนั่นก็คือแบบชิงดีชิงเด่นกัน ชอบทำตัวข่มคนอื่น อิจฉาริษยา เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้

พยุตม์นอนนิ่งไม่ไหวติง หายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ พยายามนึกภาพของคนที่นั่งกอดเข่าอยู่อีกฟากหนึ่งของเสื่อและสงสัยว่าฝ่ายนั้นกำลังคิดอะไร ชายหนุ่มคนนั้นนั่งเงียบมากทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งต่อล้อต่อเถียงกับเขา ความจริงเขาอยากจะลืมตาขึ้นมาแล้วชวนคุย แต่อะไรบางอย่างบอกให้เขานอนนิ่ง ทำเป็นไม่สนใจ
พยุตม์เริ่มจะรู้ทางของชายหนุ่มหน้าขาวผู้ดื้อรั้น และวิธีหนึ่งที่จะเรียนรู้ชายหนุ่มคนนี้คือต้องแอบสังเกตุตอนที่ไม่รู้ตัว เขามองเห็นความอ่อนโยน ความมุ่งมั่น และสิ่งดีๆ อีกหลายอย่างแฝงอยู่ในท่าทีดื้อรั้น เจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเอง พยุตม์เข้าใจว่าคนแปลกหน้าคนนี้กำลังเครียด กังวล และสับสนมาก
คนแปลกหน้างั้นหรือ
แต่ทำไมตอนนี้เขารู้สึกคุ้นเคย และที่สำคัญ รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด อยากอยู่ใกล้ๆ อยากพูดด้วย อยากยั่วเย้า อยากสัมผัส
พยุตม์ไม่นึกเลยว่าอยู่ดีๆ คืนหนึ่งก็เจอใครก็ไม่รู้นอนอยู่บนเตียง ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น นอนขี้เซาที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
รั้นไม่ใช่ย่อย นานขนาดนี้ยังไม่ยอมขยับตัวแม้แต่นิดเดียว จะนั่งกอดเข่าไปอีกนานแค่ไหน
พยุตม์แอบเผยอตาเล็กน้อยเพื่อสังเกตุคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนเดียวกันจึงเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในท่าเดิม นิ่งเหมือนหุ่น ที่เห็นว่าไม่ได้นั่งหลับก็คือมีเสียงถอนหายใจดังเป็นระยะ
นอนนิ่งมาเกือบครึ่งชั่วโมง อากาศเย็นสบาย ชักจะง่วง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ อีกไม่ถึงห้านาทีเขาคงหลับไปจริงๆ
พยุตม์พยายามฝืนตัวเองไม่ให้หลับ แต่ร่างกายของเขากลับชนะจิตใจ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ดึก เช้าวันนี้ก็ออกไปวิ่งเป็นระยะทางไกลกว่าปกติ เมื่อครู่ก็ว่ายน้ำมา พอได้นอนบนเสื่อนุ่มๆ ลมพัดมาเอื่อยๆ บรรยากาศเงียบสงบ เขาก็ง่วง
ในที่สุดพยุตม์ก็ทนฝืนไม่ไหว ปล่อยให้ร่างกายตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่แวบหนึ่งขณะที่กำลังสะลึมสะลือ เขารู้สึกว่าคนที่นั่งกอดเข่าอยู่นั้นค่อยๆ เอนตัวลงนอนแล้ว พยุตม์พยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง ตาปรือมองร่างที่นอนขดอยู่ข้างๆ อยากจะบอกให้ขยับเข้ามาอีกเพราะกลัวว่าจะดิ้นออกนอกเสื่อไปนอนอยู่บนพื้นทราย แต่พยุตม์ง่วงเกินกว่าที่จะเอ่ยอะไรออกมาได้ หรือบางทีเขาก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะชวนทะเลาะ เผลอๆ อาจจะไม่ได้นอนกันทั้งสองคน

เมื่อหลับพิชญก็ฝัน สาเหตุคงเป็นเพราะมีความเครียดสะสม เขาฝันเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย จนถึงตอนที่เดินเล่นอยู่ริมทะเลความฝันของเขาจึงเริ่ม 'ดุเดือด' ขึ้น
เขาฝันว่าจู่ๆ คลื่นยักษ์ก็ซัดเข้าหาดทราย พิชญเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกแล้วออกวิ่งสุดชีวิตเพื่อหนีคลื่นยักษ์ แต่ไม่ทันเสียแล้ว คลื่นซัดกระหน่ำจนเขาถูกน้ำพัดออกไปในท้องทะเล พิชญพยายามคว้าอะไรบางอย่างเพื่อพยุงตัว คลื่นลูกถัดมาพัดเขาเข้ามานอนกองอยู่บนหาดทราย พอหันไปมองรอบๆ ก็เห็นปลาโลมานอนเกลื่อนชายหาด คลื่นยังถาโถมเข้ามาไม่หยุด พิชญยันตัวลุกขึ้นและกระโดดข้ามปลาโลมาที่นอนเกลื่อนชายหาด เขามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นกลัว ปลาโลมาส่งเสียงร้องระงมราวกับขอความช่วยเหลือ พิชญเห็นลูกปลาโลมาตัวจิ๋วกำลังนอนดิ้นจึงรีบปรี่เข้าไปเพื่อที่จะอุ้ม แต่ทันใดปลาตัวเล็กก็อ้าปากกว้างเห็นฟันแหลมคมและพุ่งเข้าใส่เขา พิชญหันหลังแล้วรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว แต่โชคร้าย คลื่นใหญ่ซัดเข้ามาอีก คราวนี้เขาถูกน้ำพัดลอยออกไปอยู่กลางทะเลเวิ้งว้าง
พิชญกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด โชคดีเห็นเรือหาปลาลำเล็กๆ กำลังลอยเท้งเต้งอยู่ไม่ไกล เขาจ้วงแขนว่ายน้ำไปยังเรือลำน้ำ แต่ทันใดนั้นเอง คลื่นก็โหมซักอีกระลอกจนเรือน้อยพลิกคว่ำจมหายไปต่อหน้าต่อตา พิชญว่ายน้ำสุดแรงเกิดโดยมีความหวังว่าคงมีอะไรบางอย่างในเรือที่เพิ่งจมลงไปลอยขึ้นมาให้เขาได้เกาะก่อนที่เขาจะหมดแรง
ท้องฟ้าเริ่มมืด เมฆลอยต่ำลงมามากประหนึ่งจะสามารถยื่นมือขึ้นไปคว้าได้ พิชญจึงยื่นมือออกไปด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะปีนขึ้นไปบนก้อนเมฆ เขาต้องการจะหนีให้พ้นจากทะเลบ้าคลั่ง แต่แม้จะคว้าอย่างไรก็ไม่ถึงทั้งที่ก้อนเมฆอยู่เหนือศีรษะของเขาเอง พิชญดิ้นจนสุดแรง ทั้งแขนและขาตะกุยตะกายจนเหนื่อยก็ยังไม่สามารถคว้าก้อนเมฆได้ ทันใดนั้น มือเขาเหวี่ยงไปกระทบอะไรแข็งๆ จนต้องร้อง 'โอ๊ย' เพราะความเจ็บ พิชญหันไปเห็นซุงท่อนใหญ่กำลังลอยอยู่ข้างๆ จึงเปลี่ยนใจ ละความตั้งใจจะคว้าก้อนเมฆบนท้องฟ้ามาคว้าท่อนซุงแทนโดยหวังว่าจะปีนขึ้นไปบนท่อนซุงและกอดเอาไว้เพื่อไม่ให้จมน้ำ แต่ซุงท่อนใหญ่นั้นลื่นมาก พยายามตะกุยตะกายเท่าไหร่ก็ปีนขึ้นไปไม่ได้ พิชญกางมือออก ตะปบเข้าที่ข้างท่อนซุง เกาะไว้แน่นแล้วกัดฟันดึงตัวขึ้นไป คลื่นในทะเลยังคงโหมซัดเข้ามาหาทุกทิศทุกทางจนท่อนซุงถูกน้ำพัดให้ลอยหนี พิชญไม่ละความพยายาม รีบคว้าและตะกายขึ้นไปนอนคล่อนบนซุงท่อนใหญ่จนได้
เขาหายใจหอบถี่ด้วยความเหนื่อยอ่อน มือเกร็ง พยายามยึดเกาะท่อนซุงไม่ยอมปล่อย ทะเลเริ่มสงบ เสียงสายลมหวีดหวิวดังขึ้นมา พิชญพลิกหน้าไปมา เห็นแสงสีทองส่องลอดผ่านมวลเมฆครึ้ม เสียงเพลงดังขึ้นเบาๆ ในใจของพิชญคิดว่าลำแสงสีทองนั้นคงเป็นสปอตไลท์กำลังส่องมาที่เขา ทำให้เขารู้สึกอยากจะร้องเพลง
พิชญอยากจะลุกขึ้นยืน ยืดตัว เชิดหน้า เตรียมเปล่งเสียงร้องเพลงที่เขาโปรดปราน แต่จะทำอย่างไรดี ขณะนี้เขานอนคว่ำกอดท่อนซุงอยู่ ยืนก็ไม่ได้เพราะกลัวจะตกลงไปในน้ำ
คราวนี้เสียงเพลงดังกระหึ่มประหนึ่งอยู่กลางคอนเสิร์ต พิชญสะดุ้ง รู้สึกตัวร้อนผ่าวทั้งที่กำลังเปียกปอน แสงสว่างจ้ามากกว่าเดิม ทันใดเขาก็รู้สึกว่ามือขวาของตัวเองกำลังจับไมโครโฟนอยู่
เขาต้องการร้องเพลงเพราะเสียงเพลงคือชีวิตจิตใจของเขา
พิชญดึงมือขึ้นเพื่อยกไมโครโฟนขึ้นมา แต่ต้องชะงักเพราะไม่สามารถยกไมโครโฟนขึ้นได้ ไมโครโฟนนี้ใหญ่และหนักมากอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน พิชญออกแรงดึงแต่ก็ไม่เป็นผล เขาก้มลงมอง เห็นไมโครโฟนเสียบคาติดอยู่กับท่อนซุงเหมือนเป็นชิ้นเดียวกัน พิชญออกแรงดึงอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ไมโครโฟนที่กะด้วยสายตายาวขนาดเจ็ดนิ้วกว่านั้นขยับไปมาเหมือนมีชีวิตและพยายามจะดิ้นให้หลุดจากมือของเขา
พิชญไม่ยอมปล่อยเพราะเขาต้องการร้องเพลง ดนตรีกำลังเร้าใจ และคลื่นในทะเลกำลังเริ่มก่อตัวอีกครั้ง ท่อนซุงเริ่มพลิกไปพลิกมาแต่พิชญไม่ละความพยายาม แขนซ้ายโอบรัดท่อนซุงเอาไว้แน่น มือขวาก็พยายามดึงไมโครโฟนสุดแรงเกิด แต่ทว่าพิชญกลับรู้สึกว่าโมโครโฟนที่เขาจับอยู่นั้นเพิ่มความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่อยู่กลางน้ำทะเลเย็นเฉียบ
เสียงเพลงดังไม่หยุด พิชญอ้าปากพยายามส่งเสียงออกมาแต่ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกจากปากเป็นเสียงเพลงนอกจากเสียงครางอืออาในลำคอ
เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสียงของเขาหายไป เขาจะร้องเพลงอีกไม่ได้แล้วหรือ โอ ไม่นะ การร้องเพลงคือสิ่งที่เขารัก เมื่อมีเสียงดนตรี แสงสปอตไลท์ เวที และไมโครโฟน เขาก็จะมีชีวิตชีวาและเปล่งเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเพื่อสะกดคนฟัง แต่ทำไม เกิดอะไรขึ้น
พิชญจำต้องปล่อยมือจากไมโครโฟนเมื่อพยายามดึงไมโครโฟนที่ฝังอยู่กับท่อนซุงเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ หนำซ้ำไมโครโฟนยังร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเขาทนไม่ไหว พิชญสะบัดมือด้วยความปวดแสบปวดร้อน ก่อนที่จะคว้ากิ่งไม้ใหญ่ที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมากลางทะเล
ต้นไม้ต้นนั้นเอง ต้นที่อยู่หน้าหาด มีเปลแปลกประหลาดแขวนไว้สูงๆ เขารอดแล้ว เขาจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้แล้วลงนอนบนเปล
พิชญจับกิ่งไม้เอาไว้แนน ลมพัดกระโชกมาจนกิ่งไม้โอนเอนแต่พิชญไม่ยอมปล่อย เขาพยายามปีนขึ้นไปบนต้นไม้และพยายามพลิกตัวนอนหงายลงบนเปลแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ทันใดจึงรู้สึกว่าเป็นเพราะถูกเถาวัลย์รัดติดอยู่กับท่อนซุง พิชญพยายามดิ้น ใช้มือตะกุยตะกายเพื่อหนีให้พ้น หน้าท้องของเขาบดเบียดอยู่กับไมโครโฟนที่ร้อนประดุจเหล็กเผาไฟจนตัวเขาปวดแสบปวดร้อนไปหมด
เกิดอะไรขึ้น ไม่นะ เขาไม่อยากตายแบบนี้ เขาอยากปีนขึ้นไปนอนบนเปลจะได้รู้สึกปลอดภัย เอาแต่เกาะท่อนซุงลอยอยู่กลางทะเลไม่ได้หรอก ร้อนไปทั้งตัวแล้ว ไม่โครโฟนก็ทั้งแข็งทั้งร้อน จะแทงเขาอยู่แล้ว
เสียงเพลงเงียบไป คราวนี้เขารู้ว่าไมโครโฟนที่ร้อนเหมือนไฟเผานี่เกะแกะเหลือเกิน เขาไม่อยากร้องเพลงอีกต่อไป เขาเพียงแค่ต้องการที่จะพักผ่อน ต้องการนอนหลับบนเปลที่แขวนอยู่บนต้นไม้
“อูยยย...”
เสียงอะไร เสียงใคร ใครเป็นอะไร ใครบาดเจ็บ ทำไมร้องครางใกล้ๆ เขา
พิชญพลิกหน้าไปมา พยายามมองหาต้นเสียงแต่ก็ไม่พบใครแม้แต่คนเดียว
“อาาา...”
เสียงดังขึ้นอีกแล้ว ใครกัน ใครอยู่แถวนี้ ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ผมกำลังจะจมน้ำตาย ไมใครโฟนเหล็กเผาไฟร้อนๆ นี่กำลังจะทิ่มแทงเข้าไปในตัวผม แล้วผมก็กำลังจะตกจากท่อนซุง ผมยึดไว้ไม่ไหวแล้ว
“โอววว...”
พิชญสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นช้าๆ แต่แล้วก็ต้องรีบขมวดคิ้วและหลับตาปี๋เพราะแสงสว่างจ้าส่องเข้าที่ตา
ไม่ใช่สปอตไลท์ แสงสปอตไลต์ไม่ได้เป็นแบบนี้
นี่มันแสงอาทิตย์!
“อาาา...” เสียงถอนหายใจ
แต่ไม่ใช่เสียงเขา งั้นเป็นเสียงใคร
พิชญค่อยๆ ลืมตาสู้กับแสงแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกด้านช้าๆ เขารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวและเหมือนมีไออุ่นพุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง
พิชญหอบหายใจแรง รู้สึกเหนื่อยมากเหมือนว่ายน้ำในทะเลเป็นระยะทางไกลๆ
จริงสิ เขากำลังจะจมน้ำแล้วเห็นท่อนซุงลอยมาจึงปีนขึ้นไปนอนคล่อมอยู่บนซุงท่อนใหญ่และเกาะเอาไว้แน่น จากนั้นได้ยินเสียงเพลงจึงพยายามดึงไมโครโฟนที่งอกออกมาจากท่อนซุงเพื่อร้องเพลง
เอ๊ะ ความฝันหรอกหรือนี่ เขาฝันร้าย เขาไม่ได้อยู่กลางทะเล จะได้ว่าเขานอนอยู่บนเสื่อใต้ร่มไม้ อ่านหนังสือแล้วก็หลับไป
ไม่ใช่ เขานั่งกอดเข่ามองพื้นทรายจนง่วงแล้วหลับไปเพราะนายตัวโตคนนั้นมาแย่งที่
แล้วตอนนี้เขาไปไหน
“อือ...” เสียงอืออาดังขึ้นอีกแล้ว
“โอย” คราวนี้พิชญครางขึ้นมาเบาๆ เพราะรู้สึกเกร็งกล้ามเนื้อไปทั้งตัว
“คุณ...”
“หือ” พิชญขมวดคิ้ว
“คุณจะลงไปได้หรือยัง”
“ลงอะไร” พิชญพึมพำ
“ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับ”
อะไรนะ ใครจะไม่ไหว เรื่องอะไรกัน
พิชญสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อไล่ความง่วงงุนก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกตัวเต็มที่และเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
“อยากปีนเขาก็ไม่บอก” เสียงนั้นดังเบาๆ
“คุณ”  พิชญอุทาน เมื่อได้สติจึงรีบพลิกตัวและกลิ้งออกห่าง
ตายแล้ว เรานอนคล่อมอีตายักษ์ใหญ่อยู่งั้นหรือ
“เฮ้อ...” เสียงห้าวๆ ถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ด้วยเสียงหอบสั่นว่า “ตัวหนักไม่ใช่เล่น”
พิชญนอนคว่ำหน้า นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
ร้อนเพราะแดดส่องถูกหน้าเรา นี่กี่โมง จะเย็นแล้วนี่นา พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
พิชญพูดกับตัวเองในใจ เอื้อมมือไปหยิบหนังสือสองเล่มที่วางอยู่ใกล้ๆ แล้วลุกขึ้นช้าๆ เดินก้มหน้าไปอย่างเลื่อนลอย แต่หูได้ยินเสียงดังแว่วตามมาทางด้านหลังว่า
“คุณ นี่คุณ เดี๋ยวก่อนสิ ทิ้งกันไปง่ายๆ ยังงี้เลยหรือ”

::: End of chapter 5 :::

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 15-01-2012 00:55:27
อะไรกันเนี้ย ทำไมหลังๆอ่านแล้วเขิน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 15-01-2012 00:56:15
ไมโครโฟนนั้น ไมโครโฟนที่กำในความฝันนั้น
แท้จริงมันคืออ๊าร๊าายยยย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 15-01-2012 04:23:05
ปวดแก้ม :laugh:
+1
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 15-01-2012 07:14:18
ฝันบ่อยๆนะน้องพิชญ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 15-01-2012 08:04:05
ไมโครโฟน
ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 15-01-2012 08:05:49
นายเอกเป็นคนในวงการนี่เอง ได้ไมโครโฟนเป็นของตัวเองจนได้ 555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 15-01-2012 08:52:25
อ้ากกกกกกกกก ยิ่งอ่านยิ่งเขินแทน

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-01-2012 09:08:01
สงสารพยุตม์จัง   :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 15-01-2012 09:27:59
 :laugh:  :laugh: ไมโครโฟนอะไรอ่า อร้ายยยย  :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 15-01-2012 09:36:38
บทบรรยาย  สุดๆ     อากซ์ๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 15-01-2012 09:57:12
สรุปน้องพิชญ์ได้กำ ไมโครโฟนของจริงชิมิ เอิี๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sakuracity ที่ 15-01-2012 10:55:02
จะเสียวหรือจะขำดี 5555

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 15-01-2012 11:41:35
อึ้งเลย  comment ไม่ออกเลย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 15-01-2012 12:04:50
5555555555555 มันช่าง....จินตนาการไปแบบไม่มีหยุด อิอิ

ขอบคุณมากจ้าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 15-01-2012 14:20:23

รายงานข่าวด่วน

นักวิจัยพบท่อนซุงประหลาดมีไมโครโฟรร้อนผ่าวและแข็งยาวกว่า 7 นิ้วงอกกลางลำท่อนซุง  ชาวบ้านพากันมุงดู  และเชื่อว่าเป็นไมโครโฟนศักดิ์  พากันจุดธุปกราบไหว้อย่างเนืองแน่น

อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-01-2012 15:12:02
โอ้ววว..ความฝันของพิชญ ช่างชวนให้เรียก :m25:ซะนี่กระไร
อยากร้องเพลงกับไมโครโฟนอันนั้นบ้างจัง หุ หุ หุ
นึกถึงเพลงสมัยโบราณขึ้นมาซะงั้น เพลง ฝัน....ฝัน
"...อยากจะซ้ำรอยฝันเป็นรอบสอง อยากจะกินยานอนหลับสักครึ่งกล่อง เพื่อฝันถึงเธอให้คล่อง..."

 
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 15-01-2012 16:08:55
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-01-2012 21:21:15
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 15-01-2012 21:48:25
คุณพยุตม์ไปลากมาสำเร็จโทษเลยค่า  :z1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 15-01-2012 21:58:02
พิชญฝันอีกสักรอบ....... คราวนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศเป็นขับรถแข่งแล้วจับเกียร์กระปุกแทนไมค์ คิ คิ คิ

 :z2: :z2: :z2:

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 5 "ฝันร้าย" UP 15/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 16-01-2012 00:39:03
อาทิตย์อัสดง บทที่ 6

เสียงฮัมเพลงดังขึ้นเบาๆ ในห้องครัวพิชญจึงรู้ว่าคนที่อยู่ร่วมบ้านนั้นกลับมาแล้วและกำลังทำอาหารเย็น เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ก็ยังไม่ออกไปจากห้องนอนเพราะยังไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นบนเสื่อใต้ต้นไม้ริมชายหาดวันนี้ทำให้พิชญรู้สึกอายยิ่งนัก
ฝันบ้าๆ พิชญเอ๊ย ใครบอกให้ฝันแบบนั้น ขนาดนอนกลางวันยังอุตส่าห์ฝันระทึกใจ
แต่ถึงจะฝันอย่างไร หากนอนอยู่คนเดียวก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่นี่ เพราะอีตานั่นมานอนอยู่ข้างๆ ถึงได้เกิดเรื่อง ทุกวันก็เห็นหน้าหายตาไป ทำไมวันนี้จะต้องมาแย่งเสื่อเรานอนด้วย เป็นเพราะอีตาท่อนซุงนี่ล่ะ เรื่องแบบนี้เลยเกิดขึ้น
ในที่สุดพิชญก็ตัดสินใจโทษผู้ชายตัวโตคนนั้น เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงมีความกล้าพอที่จะเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับ 'ท่อนซุงลอยน้ำ' ในความฝันซึ่งกำลังทำอาหารเย็นอยู่ในครัวพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อพ่อครัวเงยหน้าขึ้นมามองและยิ้มมุมปากให้ พิชญก็หันหลับกลับเดินออกไปยังระเบียงหน้าบ้านและยืนลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจว่าต้องหาอะไรทำเพื่อเลี่ยงการพูดคุยกับผู้ชายคนนั้น
เขาจะพูดอะไรยั่วโมโหเราหรือปล่าก็ไม่รู้ อาจจะพูดกระทบกระเทียบทำนองว่าตัวเองโดนล่วงเกิน ตัวเองเสียหาย นอนอยู่ดีๆ เราก็ตะกายขึ้นไปนอนคล่อมเขาหน้าตาเฉย
โธ่เอ๊ย ก็คนนอนดิ้นนี่นา แล้วในความฝันเราตั้งใจที่ไหน่ะ ใครอยากให้มานอนสิ่งเป้นท่อนซุงอยู่ข้างๆ แบบนั้น
พิชญหันซ้ายหันขวา มองเห็นไม้กวาดวางอยู่ใกล้กับประตูจึงคิดอะไรได้บางอย่าง เขาหยิบไม้กวาดแล้วระเบียงหน้าบ้านจนสะอาด จากนั้นจึงเข้าไปในบ้านแล้วกวาดพื้นห้องนอน เวลาผ่านไปกว่ายี่สิบหาทีพิชญจึงรู้สึกผ่อนคลายปนเหนื่อย คราวนี้เขาจึง 'กล้า' ที่จะออกมา 'เผชิญหน้า' กับคนที่เคยร่วมเสื่อ เอ๊ย คนที่อยู่ร่วมบ้านอีกครั้ง
เสียงฮัมเพลงยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะที่พิชญฟังไม่ออกมาว่าเป็นเพลงอะไร เขาคิดว่าเป็นทำนองที่คนฮัมเพลงแต่งขึ้นมาเองสดๆ เพียงเพื่อจะทำเสียงเป็นท่วงทำนองเพราะความสบายใจ
สบายใจงั้นหรือ นายคนนั้นไม่รู้สึกกระดากหรือไงที่เพิ่งนอนกอดก่ายกันกลางแจ้งแล้วต้องมายืนมองหน้ากันอยู่ในพื้นที่แคบๆ แค่นี้
แน่ะ ยังผิวปากอย่างอารมณ์ดี นี่เมื่อไหร่จะทำอาหารเสร็จ ชักหิวแล้วนะ
พิชญเผลอเบ้ปากด้วยความไม่สบอารมณ์แล้วก้มลงกวาดพื้นต่อไปจะกระทั่งเกือบเสร็จอารมณ์จึงสงบลง เขารู้สึกแปลกใจที่ตัวเองทำงานบ้านได้นานเป็นชั่วโมง ปกติเขาจะทำอย่างมากก็แค่ล้างจานหรืออะไรง่ายๆ ที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที แต่นี่เขากวาดบ้านทั้งเกือบทั้งหลัง รู้สึกมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังทำไปบ่นไปเรื่องผู้ชายคนนั้น
อืม การทำงานบ้านนี่ก็เป็นทางออกในการจัดการกับเรื่องยุ่งยากใจได้เหมือนกันแฮะ
แต่ว่า เอ๊ะ นี่คืออะไร
พิชญชะงัก ก้มลงมองอุปกรณ์กลมๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งฟุตซึ่งกำลังหมุนไปมาช้าๆ อยู่ที่มุมห้องใกล้กับประตูห้องทำงาน แต่ไม่นานพิชญก็รู้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้คืออะไร
หนอยแน่ะ ปล่อยให้เรากวาดบ้านอยู่ได้ นี่มันเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัตินี่นา
ได้เวลาหาเรื่องนายยักใหญ่แก้เซ็งแล้วล่ะ
พิชญก้มลงหยิฐเครื่องดูดฝุ่นแล้วเดินกระแทกเท้าไปยังห้องครัว เสียงฮัมเพลงหยุดลงเมื่อ 'พ่อครัว' หันมาคนที่ยืนอยู่ปลายโต๊ะทานอาหารและทำหน้าบึ้ง
“นี่อะไรครับ” พิชญถาม
“คุณไม่รู้จักหรือ หนุ่มเมืองกรุงอย่างคุณน่าจะรู้จัก”
“มิน่า ผมถึงสงสัยอยู่ว่าทำไมบ้านมันสะอาดนักทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้กวาดได้ถู”
“ผมเปิดทิ้งเอาไว้ก่อนออกจากบ้าน” พยุตม์ก้มหน้าพูด
“เมื่อกี้คุณก็เห็นว่าผมกวาดบ้าน ทำไมไม่บอก กวาดบ้านหลังเบ้อเริ่มขนาดนี้เป็นชั่วโมง รู้ไหมว่ามันเหนื่อย”
“สี่สิบสองนาทีเอง ยังไม่ได้ถูด้วยซ้ำ” พยุตม์เถียง
“คุณปล่อยให้ผมกวาดพื้นจนเหนื่อยทั้งที่เปิดไอ้นี่ให้ทำงานอัตโนมัติ” พิชญยื่นเครื่องดูดฝุ่นออกมาข้างหน้า
“เครื่องทำไหนจะสะอาดเท่าคนทำ” พยุตม์ยักไหล่ “แล้วที่คุณกวาดบ้านนี่เหนื่อยหรือครับ ผมเห็นคุณกวาดไปบ่นไป ผมว่าคุณเหนื่อยเพราะบ่นอยู่คนเดียวมากกว่า”
พิชญเม้มปาก วูบหนึ่งอยากขว้างเครื่องดูดฝุ่นในมือใส่พ่อครัวคนที่พูดเสร็จแล้วก้มหน้าปรุงอาหารต่อโดยไม่สนใจเขา
“ผมไม่ได้บ่น คุณได้ยินหรือไง” พิชญเถียงเสียงเข้ม “ผมคิดอะไรอยู่ในใจต่างหาก คุณอ่าน...”
“ผมอ่านใจคุณได้ ผมรู้ว่าคุณกำลังตำหนิผมอยู่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ เต่ต้องมีอะไรซักอย่าง” พยุตม์พูดสวน “อ๋อ ไม่สิ ผมรู้ว่าเรื่องอะไร แต่ถึงผมพูดจะพูดไปคุณก็คงไม่ยอมรับ”
“ถ้าผมทำ ทำไมผมจะไม่ยอมรับ”
“อาหารเสร็จแล้วนะครับ คุณรีบทำให้เสร็จๆ จะได้มากินกัน หิวมากแล้วใช่ไหมล่ะ”
“ยัง”
“คนหิวมักหงุดหงิด”
“ผมยังไม่หิว” พิชญยืนกราน
“พระอาทิตย์ตกทะเลไปแล้ว เสียดาย ไม่ทันได้กินข้าวชมบรรยากาศเพราะเราสองคนมัวแต่ยุ่งกันอยู่”
พิชญทำปากยื่นอย่างฉุนๆ แล้วกดปุ่ม TURBO บนเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ จากนั้นจึงวางบนพื้นใกล้เท้าของพ่อครัว เครื่องกลมๆ สีดำหมุนแรงและครางเสียงดังหึ่งๆ พร้อมกับขยับไปมาด้วยความเร็วพอประมาณ
“เฮ่ยคุณ อย่าเพิ่มมาทำห้องครัวสิ” พยุตม์โวยแต่พิชญไม่ฟัง เดินออกจากห้องครัวไปหน้าตาเฉย แต่อดปรายตาไปมองไม่ได้ ชายหนุ่มร่างใหญ่คนนั้นยกเท้าขึ้นทีละข้างเมื่อเครื่องดูดฝุ่นหมุนไปทำความสะอาดบริเวณที่ตัวเองยืนอยู่
“นี่คุณ มาเอาออกไปก่อน” พยุตม์ร้องเรียกพิชญซึ่งเดินลิ่วไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้ายิ้มๆ รู้สึกสบายใจยิ่งนัก

วันนี้หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จพิชญก็ไปนั่งจ้องทะเลอยู่ที่ชายหาดด้วยความหวังว่าจะได้เห็นปลาโลมา มือแกว่งแว่นตาว่ายน้ำเล่นเป็นจังหวะ เท้ากระดิกตามทำนองเพลงที่ตัวเองร้องหงุงหงิง
พิชญรู้สึกร้อนและแสบแผ่นหลังเพราะนั่งตากแดดอยู่นาน แต่เขาก็อดทน พิชญจำได้ว่าเวลานี้คือเวลาที่ตัวเองเห็น 'อีตาท่อนซุงลอยน้ำ' ลงไปว่ายน้ำเล่นกับปลาโลมา
วันนี้ไม่เห็นออกไปไหน เอาแต่เดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน ทำอะไรของเขาก็ไม่รู้ ทุกวันเห็นทานข้าวเช้าแล้วก็หายไปเลย
พิชญนึกถึงภาพใบหน้าของคนที่อยู่ร่วมบ้านแล้วอดคิดเรื่อง 'บ่ายวันนั้น' ไม่ได้
ช่างเป็นฝันกลางวันที่ระทึกใจและน่าอายมาก
เมื่อภาพของบ่ายวันนั้นผุดขึ้นมาในความคิดของพิชญ ใบหน้าเขาก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที ภาพของคนที่ของคนที่เขาชอบเปรียบว่าเป็น 'ท่อนซุง' นอนหงายอยู่บนเสื่อ สวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว มีเขาคว่ำหน้าคล่อมอยู่ มือตะกุยตะกายไปตามเนื้อตัว
แล้วไมโครโฟนร้อนๆ ที่เขากำและดึงจนสุดแรงนั่นล่ะคืออะไร
โอ๊ย น่าอายจริงๆ หวังว่าคงไม่ใช่...คงไม่ใช่...คงไม่ใช่ 'ตรงนั้น' ของอีตาท่อนซุงหรอกนะ
นี่ถ้ามีใครแอบมาถ่ายวิดิโอคลิปเอาไว้แล้วแอบไปโพสลงยูทูปเราคงเจอความ 'หายนะ' แน่นอนทีเดียว เรื่องภาพหลุดที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้คงถือว่าเป็นเรื่องจิ๊ยจ้อย
พิชญถอนหายใจแรงๆ แล้วต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงห้าวๆ ดังขึ้นข้างหู
“ปลาโลมาเขาไม่มาหรอกคุณ”
“นี่คุณ...” พิชญหันขวับ
“รอไปก็เหนื่อยเปล่า”
“คุณรู้หรือว่าเขาจะมาเมื่อไหร่” พิชญหรี่ตา เอียงหน้าถาม
“เอาเป็นว่า เมื่อผมชวนคุณลงทะเล คุณก็รีบตามผมลงไปก็แล้วกัน” พยุตม์ยักไหล่แล้วยื่นขวดพลาสติกแบนๆ สีดำให้พิชญ “อ้าว ทาซะ เดี๋ยวผิวบางๆ ขาวๆ ของคุณจะกลายเป็นกุ้งต้ม”
“ผมไม่แคร์” พิชญยักไหล่
“ดื้อรั้นจริงๆ”
“คุณแน่ใจนะว่าโลมาไม่มาแน่นอน”
“ดูจากสภาพน้ำและอากาศ” พยุตม์กวาดสายตาไปรอบทิศทางแล้วสรุปว่า “ไม่มาแน่นอนครับ เสียเวลารอเปล่า แต่พรุ่งนี้ไม่แน่”
“คุณโม้หรือเปล่านี่” พิชญไม่อยากจะเชื่อ
“ผมนัดกับสามสามนั่นไว้พรุ่งนี้บ่ายๆ” พยิตม์ยักคิ้ว
“พูดเป็นนิยาย” พิชญเบ้ปาก
“พนันกันไหมล่ะ” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “ถ้าผมผิด ผมยอมให้คุณนอนเตียงในห้องนอนทุกคืนจนถึงวันที่คุณกลับกรุงเทพฯ แต่ถ้าผมถูก ผมก็ได้เตียงนอนไป คุณนอนโซฟา”
“คุณแน่ใจหรือว่าจะพนันกับผมแบบนี้” พิชญถามอีกฝ่าย แต่ความจริงแล้วเขาถามตัวเอง
“ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง”
“ก็ได้” พิชญรับคำท้า
“คุณนี่ก็ใจถึงเหมือนกันนะ”
“คุณยังรู้จักผมน้อยไป” พิชญเอียงหน้าท้าทาย
“เสียดาย ผมน่าจะพนันกับคุณด้วยเดิมพันสูงกว่านี้”
“ยังเปลี่ยนเงื่อนไขได้นะ ผมอนุญาต” พิชญยักไหล่
“แน่ใจนะ”
“ไม่แน่ก็ไม่ใช่...” พิชญหยุดคำพูดไว้ทัน
“หรือ” พยุตม์ทำเสียงในลำคอ ตาฉายแววสงสัย
“ไม่แน่ก็ไม่ใช่ผม” พิชญพูด
“ทำไม” พยุตม์ถามเบาๆ มองใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
“อะไรหรือ”
“ทำไมคุณไม่ยอมบอกชื่อผม และไม่ถามชื่อผม และไม่ให้ผมบอกชื่อด้วย”
“เปล่านี่” พิชญส่ายหน้า “เพียงแต่...เอ่อ...”
“หรือคุณคิดว่าแบบนี้มันสนุกตื่นเต้นดี ใช้เวลาสองสัปดาห์อยู่กับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แย่งที่นอนกัน แย่งความเป็นเจ้าของบ้านกัน”
“ผมไม่ได้บอกว่าบ้านเป็นของผม มีแต่คุณนั่นล่ะที่บอกว่าคุณเป็นเจ้าของบ้าน ผมบอกว่าพี่ชายเพื่อนผมให้ยืมบ้านพักตากอากาศ”
“พี่ชายของเพื่อนคุณที่ชื่อคณินทร์” พยุตม์ยักคิ้ว พิชญพยักหน้า
“แต่น้องชายผมไม่ได้ชื่อคณินทร์” พยุตม์ส่ายหน้า “ไม่รู้จักใครเลยที่ชื่อคณินทร์”
“คุณว่าผมมาผิดเกาะ” พิชญหรี่ตา เตรียมตัวจะเถียง
“คุณนี่ ถ้าไม่เป็นคนที่มีความมั่นใจสูงมาก ก็เป็นคนที่ดื้อรั้นมาก”
“ผมเป็นทั้งสองอย่าง” พิชญกระแทกเสียง
“อืม...ดี” พยุตม์พยักหน้าแล้วยื่นขวดโลชั่นกันแดดให้อีก
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ” พิชญปฏิเสธ
“แบบนี้เรียกว่าดื้อรั้น” พยุตม์พูด
“ใช่แล้ว” พิชญยักไหล่ ตามองไปยังทะเลเบื้องหน้า
“ผมก็แค่ห่วงว่าผิวคุณจะไหม้”
“โดนแดดแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
“แนบนี้เรียกว่ามั่นใจ”
“แน่น๊อน” พิชญลงท้ายเสียงสูง
“ไปเถอะคุณ โลมาไม่มาแล้วล่ะ มานั่งตากแดดให้ตัวเองร้อน ทรมานร่างกายเฉยๆ พรุ่งนี้บ่ายๆ ค่อยมาอีกที” พยุตม์พูดแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดว่า “แบบนี้ผมเรียกว่าความมั่นใจและมีเหตุผล”
“คุณจะไปไหนก็ไป” พิชญไล่
“ผมจะไปอีกฝากหนึ่งของเกาะ ฝั่งโน้นเป็นหน้าผาน้ำลึก บ่ายๆ สดใสอย่างนนี้ เผลอๆ ได้เห็นปลาวาฬ”
“อะไรนะ” พิชญหันขวับ สายตาปะทะเข้ากับต้นขากำยำเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้ว ลมทะเลพัดมาทำให้กางเกงขาสั้นของตัวโตลู่แนบติดเนื้อ เช่นเคย เผยให้เห็นเป้าอวบอูม
ไมโครโฟน!
ภาพที่เขายืนถือไมโครโฟนร้องเพลงอยู่กลางเวทีผุดขึ้นมาในหัวของพิชญอย่างช่วยไม่ได้
“คุณอย่ามาหลอกผมเล่นหน่อยเลย” พิชญพูดอุบอิบ
“บางทีก็เป็นปลาพยูน”
“ไม่จริงหรอก”
“แล้วคุณคิดว่าที่ผมหายไปตอนกลางวันทุกวันเพราะอะไรล่ะ” พยุตม์พูด “คุณนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่จุดเดิม ไม่เสาะแสวงหา จะเจออะไรดีๆ ได้ยังไง”
“ถ้าไม่เห็นละก็...” พิชญยันตัวลุกขึ้นช้าๆ
“ผมบอกว่าบางทีนะครับ ผมไม่ได้การันตี”
“ถ้าไม่เห็นก็เดินเหนื่อยเสียเที่วสิ” พิชญบ่น
“ถือซะว่าเดินชมธรรมชาติ”
“เดินชมธรรมชาติกับคุณนี่นะ กลางแดดร้อนเปรี้ยงแบบนี้สนุกตายล่ะ” พิชญเบ้ปาก
“เมื่อกี้ยังเก่งอยู่เลยว่าไม่ร้อน”
“ผมไม่ได้บอกว่าไม่ร้อน ผมพูดว่า ไม่เป็นไร ขอบคุณ” พิชญเน้นเสียง
“เชื่อเค้าเลย” พยุตม์หัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วเดินนำหน้า แต่เมื่อ 'คนดื้อรั้นและมั่นใจในตัวเองสูง' ยังยืนนิ่งอยู่จึงหันไปมองและเลิกคิ้วถามอีกครั้ง “ไปไหมครับ”
“ผมอยากเห็นปลาฉลาม” พิชญพูดและเดินตามช้าๆ
“ต้องออกไปทะเลไกลๆ”
“จริงหรือ” พิชญตาโต “คุณอย่ามาหลอกเล่นนะ”
“ผมเคยเจอมาแล้ว”
“คุณว่ายน้ำได้ไกลขนาดนั้นเลยหรอ”
“ผมเป็นนักว่ายน้ำมาราธอน ตอนเรียนมหา'ลัยผมแข่งได้เหรียญทองระดับภาคเลยนะจะบอกให้” พยุตม์อวด
“ผมได้เหรียญทองโต้วาที” พิชญอวดบ้าง
“เชื่อโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว” พยุตม์พูดเสียงราบเรียบ
ได้ผล คนที่เดินตามหลังมาช้าๆ เพิ่มความเร็วฝีเท้าทันใดเพื่อให้เดินทัน 'ไกด์นนำเที่ยว' ก่อนที่จะเปิดฉากการโต้วาทีรอบพิเศษกลางแจ้ง

เช้าวันนี้พิชญทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน วันนี้เขาถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่เพราะ 'คนที่นอนตื่นเช้า' เคาะประตูชวนเขาออกไปวิ่งออกกำลังกายแต่เขาปฏิเสธ
“เอาแต่นอน มิน่าไม่เห็นอะไรดีๆ”
พิชญเผลอขย้ำนิตยสารในมือเมื่อนึกถึงคำพูดเหน็บแนมเมื่อเช้านี้ของคนรักการออกกำลังกาย
พอเขาปฏิเสธไม่ไปวิ่งด้วยก็มาพูดกระทบ ผู้ชายคนนี้ปากร้ายไม่ใช่เล่น เห็นนิ่งๆ แบบนั้นก็กวนอารมณ์ได้อย่างสม่ำเสมอ แล้วนี่ไปวิ่งมาราธอนเตรียแข่งโอลิมปิกส์หรือไงถึงได้นานขนาดนี้ สายแล้วก็ยังไม่กลับมากินข้าวเช้า อุตส่าห์ทำเผื่อ นี่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยนะรู้หรือเปล่า
พิชญเดินออกไปยืนมองทะเลกับท้องฟ้าที่ระเบียงหน้าบ้านแล้วถอนหายใจเบาๆ เพราะวันนี้เมฆครึ้มเหมือนฝนจะตก ไม่มีแสงแดดส่องผ่านลงมาแม้แต่นิดเดียว วันนี้เขาตั้งใจจะอาบแดดให้ผิวคล้ำขึ้น จะได้ไม่ต้องโดนใครมาค่อนขอดว่าผิวขาวๆ จะกลายเป็นกุ้งต้ม

พิชญได้ยินเสียงตึงตังที่บันไดจึงหันไปมอง ร่างสูงใหญ่วิ่งขึ้นมาบนบ้าน ผิวสีแทนเข้มโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แผงอกกว้างสะท้อนขึ้นลงเพราะหายใจหอบถี่ กางเกงขาสั้นสีขาวเปียกชุ่ม ผ้าแนบติดลำตัว ราวกับว่าเพิ่งขึ้นมาจากทะเลไม่ใช่กลับจากวิ่งออกกำลังกาย
ชายหนุ่มนักวิ่งเปลือยอกยกมือขึ้นสองข้าง ชูนิ้วสิบนิ้ว พร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงเหนื่อยหอบว่า “สิบกิโล”
พิชญเดินเข้าไปใกล้ ผู้ชายตัวโตวิ่งเหยาะๆ อยู่กับที่ กางเกงขาสั้นสีขาวชุ่มเหงื่อทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายสวมกางเกงชั้นในสีดำ เป้าตุงขยับตามจังหวะการเคลื่อนไหว
“ผมก็วิ่งได้สิบกิโลเหมือนกัน”
“บนเครื่องวิ่งสายพานในยิมใช่หรือเปล่า” นักวิ่งตอบยิ้มๆ “แบบนั้นผมวิ่งได้ถึงยี่สิบกิโลโดยไม่มีพัก”
“ผมวิ่งรอบสนามกีฬาทองทัพบกได้สิบรอบ” พิชญอวด
“นั่นแค่สี่กิโลเมตร”
“ตั้งสิบรอบเลยนะคุณ” พิชญท้วง
“แล้วคุณคิดว่าหนึ่งรอบสนามฟุตบอลนี่ระยะทางเท่าไหร่ล่ะ”
“สิบรอบสนามนี่ก็ไม่ใช่น้อยล่ะ” พิชญยักไหล่
“ผมวิ่งครอสคันทรี่นะครับ มันเทียบกันไม่ได้ สิบกิโลเมตรของครอสคันทรี่กับสิบกิโลเมตรรอบลู่วิ่งสนามกีฬามันคนละเรื่องกันเลยนะคุณ ยิ่งสิบกิโลเมตรบนสายพานในยิมติดแอร์ เปิดเพลงดังๆ มีทีวีให้ดูด้วยยิ่งคนละเรื่อง”
“คุณรู้ว่าเค้ามีแบบนี้กันด้วยหรือ” พิชญประชด
“ผมไม่ได้อยู่แต่บนเกาะกลางทะเลนะครับคุณ”
“ผมก็ไม่ได้อยู่แต่ในห้องแอร์ในกรุงเทพฯ” พิชญพูดสวนกลับ
“เอาอีกแล้ว หากเรื่องอีกแล้ว” พยุตม์หยุดวิ่ง ยืนกางขา เท้าสะเอว หอบหายใจ มองคนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าด้วยสายตายิ้มๆ
“ผมหิวข้าว”
“คุณต้องไปอาบน้ำก่อนจึงจะกินข้าวได้ เหงื่อโทรมตัว เหม็นจะแย่” พิชญทำจมูกย่น
“ครับท่าน แต่ผมว่ากลิ่นเหงื่อเซ็กซี่ดีออก” พยุตม์ยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์เหมือนทหารแล้วหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินเข้าบ้านตรงไปยังห้องนอนเพื่ออาบน้ำ 'ตามคำสั่ง' ทิ้งให้พิชญยืนนิ่งด้วยสีหน้าฉุนๆ ที่โดนล้อเลียน

วันนี้ฝนตกปรอยๆ ทั้งวัน พิชญนอนเบื่อๆ อยู่บนเตียง แผนที่วางไว้สำหรับวันนี้ต้องล้มเลิกเพราะดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ
แผนนอนอาบแดดงั้นหรือ ตลกซะไม่มี ตอนอยู่กรุงเทพฯ ความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในหัวของเราเลย จู่ๆ ก็เกิดอยากจะผิวคล้ำขึ้นมา
เพราะอีตานักวิ่งคนนั้นทีเดียว ใครใช้ให้มาแสดงความิดเห็นเรื่องผิวของเรา แล้วไอ้การวางแผนเพื่อทำสิ่งเดียวในหนึ่งวันนี่ช่างเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ เลย คณินทร์กับพี่ปานมาได้ยินเข้าคงหัวเราะจนท้องแข็ง
ชีวิตที่นี่ช่างแตกต่างจากชีวิตในกรุงเทพฯ วันนี้วางแผนจะอาบแดด พรุ่งนี้วางแผนจะไปปูเสื่อนอนอ่านหนังสือให้จบ วันต่อไปวางแผนจะไปเดินเล่นรอบเกาะ ตอนอยู่กรุงเทพฯ มีสมุดจดรายการที่ต้องทำในแต่ละวันแล้วต้องมีเหตุให้สับเปลี่ยนเลื่อนโน่นเลื่อนนี่ตลอด ขนาดผู้จัดการส่วนตัวเก่งๆ อย่างพี่ปานยังแทบรับมือไม่ไหว
พิชญถอนหายใจเบาๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองไม่ง่วงเสียทีทั้งที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงเป็นเวลานานแต่กลับไม่ง่วง ต่างกับครั้งอื่นๆ ที่พอนอนเล่นแล้วไม่นานก็จะรู้สึกง่วง
ฝนตกอย่างนี้นายคนนั้นจะทำอะไรอยู่ ทุกทีเห็นออกจากบ้าน แต่วันนี้เขาจะทำยังไง คนแบบนั้นคงชอบชีวิตกลางแจ้ง ถ้ามาต้องมาติดแหงกอยู่ในบ้านเหมือนเราคงขาดใจตาย แต่เราเอกปกติก็เป็นคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วทำไมรู้สึกอึดอัดอย่างนี้ อยากออกไปนอกบ้านแล้วนอนเล่นกินบรรยากาศให้สบายๆ จะแย่อยู่แล้ว
“นี่คุณ...คุณ...ทำอะไรอยู่” เสียง 'คนแบบนั้น' ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง พิชญเกือบจะตะโกนตอบไปแล้วว่า 'กำลังหลับอยู่' แต่ก็ยังปากไว้ทัน เขานิ่งเงียบ จงใจไม่ตอบอีกฝ่าย ปล่อยให้เคาะประตูต่อไป
“คุณ นอนหลับอยู่หรือเปล่า อย่าเอาแต่นอนนักเลย ไปเล่นกับน้ำกับผมไหม”
แน่ะ ยังมาว่าเขาอีก ไปเล่นน้ำงั้นหรือ ฝนตกปรอยๆ แบบนี้จะชวนออกไปเล่นน้ำได้ยังไง ไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะได้ไปวิ่งเล่นตากฝน
แต่เอ๊ะ หรือว่าเขาหมาถึงเล่นน้ำทะเล ใครจะไปเล่นน้ำทะเลตอนฝนตก พิลึกคนจริงๆ เลย
พิชญทำจมูกย่น ประหนึ่งว่าทำใส่ 'คนพิลึก' ที่ชวนเขาออกไปเล่นน้ำในเวลาเช่นนี้ แต่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูก็รีบหลับตาลง แกล้งทำเป็นนอนหลับ
“นี่คุณ...คุณ...” เสียงคนพิลึกเรียกเบาๆ แล้วบ่นว่า “ว๊า หลับอีกแล้ว นี่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ไกลขนาดนี้เพื่อมานอนอย่างเดียวหรือเนี่ย”
ใครบอก เขาหลบมาหาที่เงียบๆ เพื่ออยู่คนเดียวและคิดไตร่ตรองเรื่องปัญหาสารพัดที่กำลังเผชิญอยู่ต่างหาก แต่เป็นไงล่ะ ไม่มีโอกาสคิดแก้ปัญหาเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่างเพราะมัวแต่ทะเลาะกับคนกวนอารมณ์อย่างคุณ
พิชญเถียงอยู่ในใจ พยายามไม่สนใจเสียงเรียกไม่ยอมหยุดของคนกวนอารมณ์
“นี่คุณ...ตื่นเถอะ ออกไปข้างนอกกัน”
ไม่ ไม่ไป ทำมาเซ้าซี้ ทุกทีเห็นหลบไปอยู่คนเดียว ทำไมหลังๆ มานี่ชอบยุ่งกับเรานัก
“คุณ...หลับจริงหรือเปล่า”
อีตาบ้า ก็หลับสิ คนนอนหลับตาอยู่บนเตียงไม่ให้เรียกว่าหลับได้ยังไง
“คุณ...คุณ...ขี้เซาจริงๆ”
ใครว่า...ได้ยินคุณพูดทุกอย่างเลยล่ะ
“นี่คุณ...คุณ...”
เฮ่ย ไม่ยอมหยุดเรียกซะที
พิชญกลั้นหายใจ ทั้งๆ  ที่อยากให้คนกวนอารมณ์เลิกปลุกแต่เขากลับรอฟังว่าผู้ชายคนนี้จะพูดอะไรต่อ
เอ๊ะ ทำไมเงียบไป นี่ยังอยู่หรือเปล่า จะแอบลืมตามองก็กลัวจะถูกจับได้ว่าแกล้งหลับ คนอะไร ตัวโตยังกะยักษ์แต่เดินเงียบเหมือนแมว
“นี่คุณ...”
โอ๊ะ โชคดียังไม่ไป ดีนะเมื่อกี้ไม่ลืมตามอง”
“เฮ่ย นั่น...” เสียงคนที่ตัวโตเหมือนยักษ์อุทานขึ้นมา มือดึงม่านออกกว้างจนสุดแล้วเปิดหน้าต่างออก ทำให้ลมเย็นๆ พัดเข้ามาในห้อง
“ปลาโลมาเล่นน้ำ เป็นฝูงเลยแฮะ”
“ไหนๆ” พิชญลืมตัว รีบลุกขึ้นนั่งแล้วคล้านไปโผล่หน้าขึ้นเหนือหัวเตียงเพื่อมองออกไปข้างนอก
“โน่นไงครับ เห็นหางลิๆ คุณมองดีๆ” พยุตม์ก้มมองคนที่อยู่บนเตียงขำ แล้วชี้มือไปยังกลางทะเล
“มองไม่เห็น”
“นั่นไงเล่า” พยุตม์พูดแล้วรีบผลุนผลันออกจากห้อง พิชญมองตามแล้วถามว่าจะไปไหน คนที่กำลังรีบตอบว่าจะไปว่ายน้ำเล่นกับปลาโลมา
“จะบ้าหรือคุณ นี่ฝนกำลังตก คุณจะลงไปในทะเลทั้งที่ฝนตกแบบนี้งั้นหรือ”
“แค่ตกปรอยๆ ตามผมมาเถอะน่า อย่าลืมก๊อกเกิ้ล”
พิชญวิ่งตามร่างสูงใหญ่ไปติดๆ มือซ้ายถือแว่นตาว่ายน้ำ มือขวากำโทรศัพท์ พยายามระวังตัวไม่ให้ลื่นล้ม ไม่นานก็มายืนอยู่บนชายหาด น้ำทะเลเย็นจนพิชญเผลอยกเท้าขึ้นและก้าวถอยหลัง
“เย็นตายเลย” พิชญบ่น
“เร็วๆ เข้า” ผู้ชายตัวโตเดินลุยน้ำลงไปพร้อมกับสวมแว่นตาว่ายน้ำ
“ผมกลัว” พิชญพูดขึ้นมาเบาๆ
“มากับผมจะกลัวอะไร”
“แต่ว่า...” พิชญลังเล
“รีบสวมแว่นเร็วเข้า” คนพูดหันหน้ามาเร่งแล้วก็ต้องส่ายหน้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนเก้ๆ กังๆ “คุณจะเอากล้องมาด้วยทำไม ไม่กลัวมันจมน้ำหรือเปียกน้ำหรือคร้าบ”
“โทรศัพท์ผมกันน้ำได้” พิชญกระแทกเสียง เถียงไปข้างๆ คูๆ
“เอาวางไว้บนก้อนหินโน่น หาอะไรคลุมเอาไว้จะได้ไม่เปียก”
“พูดง่ายๆ จะหาอะไรคลุมล่ะ แถวนี้มีแต่ทรายกับก้อนหิน”
“ช้าอดเล่นกับปลาโลมานะครับ”
“ผมว่ายน้ำไม่เก่งเท่าคุณนะ” พิชญพูดเสียงหวั่นๆ หันซ้ายหันขวาแล้ววางโทรศัพท์ไว้ในซอกหินที่โชคดีเห็นว่าพอจะบังฝนที่กำลังตกปรอยๆ ได้
“ผมรับผิดชอบชีวิตคุณเอง มาเถอะ” พยุตม์พยักหน้าเรียก
พิชญเดินลงไปในทะเลช้าๆ ใจเต้นตึกตักเพราะกำลังจะได้ประสบการณ์แปลกใหม่เป็นครั้งแรกในชีวิต เขายอมรับว่ากลัว แต่น้ำเสียงหนักแน่นของผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่ข้างหนน้าทำให้พิชญมีความมั่นใจขึ้นอย่างประหลาด
เขาคงไม่ปล่อยให้เราจมน้ำตาย ถ้าไม่ไหวจริงๆ เราก็จะตะกายเกาะเขาเอาไว้เหมือนเกาะท่อนซุงลอยน้ำในความฝันตอนบ่ายวันนั้นเลยทีเดียว
คราวนี้จะระวังไม่คว้าไมโครโฟนมาร้องเพลง

::: End of chapter 6 :::

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 16-01-2012 01:12:17
มาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 16-01-2012 01:27:52
ตามมาติดๆ ไปดูโลมาด้วยคน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-01-2012 02:22:04
อุ๊ย ตามไปดูปลาโลมา  แต่ว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นปละชะโด  ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 16-01-2012 04:59:14
ไมโครโฟนเอาไว้ใช้ซ้อมในห้องนอนเถอะจ้า ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 16-01-2012 05:43:32
เริ่มจะมีใจกันแล้วใช่ไหมเนี่ย :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 16-01-2012 10:22:44
ผมรับผิดชอบชีวิตคุณเอง
อ๊าร๊ายย เหมือนบอกรักกลายๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 16-01-2012 10:39:49
 :jul3: ไมโครโฟนจะช่วยไม่ให้จมน้ำได้รึเปล่า
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 16-01-2012 12:23:44
พิชย ชนะโต้วาที 5555  รอตอนต่อไปจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 16-01-2012 13:43:47
อ๊า...
อยากดูปลาโลมาด้วยคนอ่า 555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 16-01-2012 15:24:54
เรื่องนี้ดูเย็นๆ  ไปเรื่อยๆอย่างที่บอกแฮะ  จะมีเซอร์ไพรส์อะไรรึป่าวคะเนี่ยยย

5555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-01-2012 15:31:17
“ผมรับผิดชอบชีวิตคุณเอง มาเถอะ” พยุตม์พยักหน้าเรียก

ชอบก็ตรงนี้แหละ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 16-01-2012 15:48:28
ถูกหลอกหรือเปล่าน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 16-01-2012 16:26:54
เรื่องน่ารักดีค่ะ คุณนาย :impress2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 6 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 16-01-2012 16:31:22
อาทิตย์อัสดง บทที่ 7

พิชญก้มหน้าทานอาหารเย็นโดยไม่พูดไม่จา เขาไม่กล้าสบตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายทำให้เขารู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก พิชญไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถว่ายน้ำในทะเลได้ไกลและนานถึงเพียงนั้น แต่คงเป็นเพราะฝูงปลาโลมาทำให้เขารู้สึกสนุกและเพลิดเพลินจนลืมความเหนื่อยไปชั่วขณะ และคงเป็นเพราะ 'ซุงท่อนใหญ่' ที่ลอยคลออยู่ใกล้ๆ ทำให้เขาลืมความกลัวการหมดแรงและจมน้ำ แต่เมื่อฝูงปลาโลมาจากไป การว่ายน้ำเข้าฝั่งเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของของเขา ยาวนานยิ่งกว่าการเดินทางไปนิวยอร์ค ยาวนานยิ่งกว่าการเดินทางทั้งวันจากกรุงเทพฯ มายังเกาะที่ห่างไกลแห่งนี้เสียอีก
เขาหมดแรงจนต้องตะกายเข้าหา 'ท่อนซุง' ที่ว่ายน้ำอยู่ข้างๆ เขารู้ว่าผู้ชายตัวโตคนนั้น 'รอ' เขา หากไม่มีเขาเป็นตัวถ่วง นักว่ายน้ำมาราธอนเหรียญทองคงกลับถึงฝั่งไปนานแล้ว ไม่ต้องมาลากเขาจนแทบหมดแรง
เสียงผู้ชายคนนั้นโวยวายอยู่กลางทะเลเมื่อบ่ายนี้ดังแว่วขึ้นมาในหัวของพิชญ

“คุณ อย่ากอดคอผมสิ ผมหายใจไม่ออก”
“คุณ เกาะไหล่ผมไว้เฉยๆ อย่าดิ้น ผมไม่ปล่อยให้จมหรอกน่า”
“โอ๊ย เจ็บ คุณอย่าข่วนกันสิ”
“รอยเก่าวันนั้นยังไม่หายเลย อย่าเพิ่งให้รอยใหม่สิครับ”
“นี่คุณ ตีเท้าเบาๆ อย่ามาเกี่ยวขาผมไว้”
“คุณ เอาล่ะ ปล่อยตัวให้ลอยอยู่เฉยๆ ไม่ต้องขยับขาขยับแขน ไม่ต้องเกร็ง ผมจะลากคุณเอง”

กว่าจะถึงฝั่งได้ก็หมดแรงกันทั้งสองคน นักว่ายน้ำเหรียญทองนอนแผ่หรา ปล่อยให้ฝนปรอยๆ ตกลงมากระทบใบหน้า ปากอ้าสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ เหมือนปลาขาดน้ำ พิชญนอนคว่ำ เอียงหน้าหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่เพิ่งจะพาชีวิตของเขากลับถึงฝั่ง

“อร่อยไหมครับ” เสียงห้าวทุ้มถามขึ้น พิชญพยักหน้าแล้วจามเบาๆ ติดกันสองครั้ง
“กินข้าวเสร็จคุณก็ดื่มนมอุ่นๆ แล้วไปนอนในห้อง อ้อ อย่าลืมกินยากันไว้ก่อนล่ะเดี๋ยวจะเป็นไข้ไม่สบายขึ้นมา ผมไม่ใช่หมอ ฉีดยาให้ไม่ได้นะ”
“ทะลึ่ง” พิชญพึมพำแล้วก้มหน้าลงยิ่งกว่าเดิม รู้สึกใบหูร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ในใจนึกถึงเหตุการณ์ที่ชายหาดต่อ

กว่าจะหายใจเป็นปกติได้เขากับผู้ชายคนนั้นก็นอนตากฝนอยู่ครู่ใหญ่ พิชญเป็นคนลุกขึ้นนั่งก่อน เผลอกวาดสายตามองร่างแกร่งของคนที่เขาชอบเปรียบว่าเป็น 'ท่อนซุง' แต่ทันใดก็ต้องรีบหันหน้าหนีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องเขาอยู่ด้วยนัยน์ตาพราวระยับ
พิชญพยายามลุกขึ้นแต่ก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งเพราะยังเหนื่อยอยู่ ตอนนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่ากางเกงของตัวเองหลุดออกจากตัว เหลือเพียงกางเกงชั้นในสีขาวที่เปียกน้ำจนเห็นผิวเนื้อ พิชญสวมกางเกงบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียวขณะที่แกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงเมื่อถูกปลุกให้วิ่งไปที่ทะเลเพื่อออกไปว่ายน้ำเล่นกันปลาโลมา
ถ้าเขาล้อซักหน่อย ยั่วอารมณ์ให้เราฉุนแล้วหาเรื่องชวนทะเลาะก็คงไม่รู้สึกอายขนาดนี้ แต่นี่ทำเป็นไม่พูดถึง ทำเป็นเงียบ ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาแน่นั่งทำหน้ายิ้มๆ
“ผมนับถือคุณจริงๆ ที่ใจกล้าออกไปว่ายน้ำกลางทะเลตอนฝนตกพรำๆ แบบนั้น” คนที่ทำหน้ายิ้มๆ พูดขึ้นมา “เห็นไหมล่ะ ถ้ากล้าหน่อย คุณก็ได้ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลยในชีวิตนี้”
คงลืมได้หรอ นอนคว่ำเกือบเปลือยอยู่ริมหาดแบบนั้น ถึงใส่กางเกงชั้นในสีขาวแต่มันก็บางและเปียกน้ำจนไม่เหลืออะไรให้จินตนาการ แล้วตอนที่นอนหอบหายใจพักเหนื่อยกันอยู่ เขาจะกวาดตามองเราเหมือนที่เราแอบมองเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้
คนบ้า จะจมน้ำตายกลางทะเลอยู่แล้วยังมีหน้ามาเกิดอารมณ์อีก ตุงจนเห็นเป็นลำพาดเป็นรูปเป็นร่าง
นั่นล่ะสิคือไมโครโฟนร้อนๆ ที่เราทั้งคว้าทั้งดึงตอนที่ฝันว่าจะจมน้ำแล้วเกาะท่อนซุง โชคร้ายดันมีเสียงเพลงดังขึ้นมา วิญญาณนักร้องเลยเข้าสิง จะร้องเพลงท่าเดียว
ตอนที่เดินกลับบ้านก็อีกแน่ะ เราเดินช้าก็เดินช้าตามหลังอยู่นั่นล่ะ ไม่แซงไปซักที พอเราเด็นเร็วก็เดินเร็วตาม
“คืนนี้ผมสละเตียงให้คุณ ทั้งๆ ที่เป็นคิวของผมนอนเตียง”
“ไม่ต้องหรอก” พิชญส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ จะว่าไป เรื่องใครได้นอนเตียงผมก็ไม่ซีเรียสเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าเพียงแต่...”
“อะไร” พิชญเงยหน้าขึ้น จ้องตาของอีกฝ่าย ลืมไปว่าตัวเองกำลังหลบตาผู้ชายคนนี้อยู่ แต่เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูก 'ชวนทะเลาะ' เขาก็ลืมตัว
“ถ้าเพียงแต่คุณจะยอมรับว่าบ้านหลังนี้เป็นของผม”
“แสดงว่าถ้าผมยอมรับว่าคุณเป็นเจ้าของบ้าน คุณก็จะให้ผมนอนเตียงในห้องนอนทุกคืนใช่หรือไม่” พิชญถาม
“อือ ฮึ” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามพยักหน้า ทำเสียงตอบรับในลำคอ
“ถ้ายังงั้นก็...” พิชญพยักหน้าช้าๆ “ผมขอยอมรับว่าคุณเป็นเจ้าของบ้าน และขอบคุณที่ให้ที่พักพิงแต่นักท่องเที่ยวอย่างผม”
“อ๊ะๆ คุณไม่จริงใจ” พยุตม์ชี้หน้านักท่องเที่ยว
“ผมก็เป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ”
“คุณไม่ได้ยอมรับจริงๆ ว่าผมเป็นเจ้าของบ้าน คุณเพียงแต่แกล้งยอมรับเพื่อตัวเองจะได้นอนเตียงในห้องนอนทุกคืน”
“เอาอะไรมาพูด ผมก็เพิ่งยอมรับไป คุณอยากให้ผมยอมรับผมก็พูดไปแล้ว”
“พูดจากใจสิครับ” พยุตม์พูดเสียงเนิบนาบ “ความจริงใจของคนเรามักจะสะท้อนออกมาทางดวงตา”
“คุณหาว่าผมโกหก หลอกลวง ตอแหล” พิชญทำตาค้อนเล็กน้อย
“ผมไม่ได้พูดแบบนั้นซักหน่อย”
“คนเพิ่งว่าผมว่าไม่จริงใจ”
“ผมบอกว่าความจริงใจของคนเรามักจะสะท้อนออกมาทางดวงตา เป็นประโยคบอกเล่า” พยุตม์ยืนยัน
“ผมนอนโซฟาทุกคืนก็ยังได้” พิชญเบ้ปาก ยักไหล่ ทำท่าไม่แคร์
“เอางั้นเลยหรือ”
“ถ้าคุณคิดว่าข้อตกลงที่เราทำกันไว้ไม่มีความหมาย” พิชญพูดต่อ
“ว่าแล้วเชียว” พยุตม์เบ้ปาก ส่ายหน้า แล้วแค่นหัวเราะเบาๆ “คุณนี่ไม่ยอมเสียผลประโยชน์แม้แต่น้อย”
“ยังกะคุณยอมนี่”
“ทำไมผมจะไม่ยอม เมื่อกี้ผมยังบอกว่าผมเสียสละให้คุณนอนเตียงในห้องเลย แต่คุณปฏิเสธเอง”
“งั้นผมยอมรับการเสียสละของคุณ” พิชญพยักหน้า “คุณจะได้สบายใจซะทีว่าทำดีแล้วไม่เสียเปล่า”
“เอาดีเข้าตัว” พยุตม์พึมพำ
“ว่าไงนะ” พิชญถามเพราะได้ยินไม่ชัด
“ผมว่าดีครับดี” พยุตม์ตอบเสียงชัดเจน
“เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้” พิชญไม่ยอม
“พูด” พยุตม์เถียง
“ไม่ได้พูด”
“พูด”
“ใช่ พูด แต่เมื่อกี้คุณพูดอย่างอื่น” พิชญเสียงแข็ง
“ผมพูดว่าอะไร” พยุตม์เลิกคิ้วข้างเดียว
“ผมได้ยินไม่ถนัด แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณบอกแน่นอน” พิชญยืนกราน
“หาเรื่อง” พยุตม์ส่ายหน้าแล้วอดยิ้มไม่ได้ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมรู้สึกสบายใจที่ได้ต่อล้อต่อเถียงในเรื่องไม่เป็นเรื่องกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้
หาเรื่องเถียงกันก็เพลินดีเหมือนกัน แปลกจริงๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ปกติเขาไม่ชอบคุยกับใครนานๆ แต่กับชายหนุ่มท่าทางรั้นๆ คนนี้คุยได้ไม่เบื่อทั้งที่บางเรื่องเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไร้สาระ
เคยมีคนบอกเขาว่าเขาเป็นคนเงียบ หยิ่ง เข้าถึงยาก แต่เขาเป็นคนตรงไปตรงมา พูดอะไรชัดเจน ไม่อ้อมค้อมและไม่พูดมาก
ชายหนุ่มทั้งสองนั่งเงียบ ทานอาหารต่อ แต่ไม่นานก็มี 'การหาเรื่อง' กันเกิดขึ้นอีกราวกับเป็นการชกมวยยกที่สอง จากนั้นพิชญรับหน้าที่ล้างจาน ส่วนพยุตม์เก็บสิ่งของในครัวให้เป็นระเบียบ และขณะที่ล้างจานใกล้จะเสร็จ 'การหาเรื่อง' ยกต่อไปก็เริ่มขึ้นเมื่อพิชญมองเห็นคนตัวโตเปิดตู้เก็บอาหารและทำท่าเหมือนยืนนับของแล้วหันมาพร้อมกับชูสิ่งที่อยู่ในมือให้ดู
“ก็ผมไม่ค่อยหิว” พิชญพูดขึ้นมาทันที
“คุณจะกินครึ่งซองแล้วทิ้งไว้ครึ่งซองแบบนี้ไม่ได้” พยุตม์กรอกตา
“ทำไมจะไม่ได้ ไม่ดีหรือ ประหยัดตั้งครึ่ง ซองเดียวกินได้สองมื้อ ตอนนั้นคุณยังว่าผมเลยว่าสองมื้อทำไมกินสามซอง”
“ผมไม่ได้ว่า ผมแค่ถามว่ามื้อไหนคุณกินสองซอง มื้อไหนกินหนึ่งซอง” พยุตม์อธิบาย
“มันต้องมีแบบแผนขนาดนั้นเลยหรือ” พิชญทำหน้าอ่อนใจ
“ผมก็ไม่ได้บอกหรือกำหนดว่าต้องมีแบบแผน ผมถามเพราะผมอยากรู้” พยุตม์ลากเสียงยาว
“ผมก็ตอบไปแล้วว่าผมหิวน้อย”
“คุณก็เลยกินครึ่งซอง”
“จะให้กินสองซองหรือไง คนหิวน้อยก็กินน้อย หิวมากก็กินมาก เป็นเหตุเป็นผลที่เหมาะสมแล้ว”
“สมกับที่ตอนเรียนเป็นแชมป์โต้วาทีจริงๆ เลย” พยุตม์ส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่โต้วาทีอย่างเดียวนะ ชนะร้องเพลงด้วย จะให้เถียงคุณเป็นทำนองไหมล่ะ”
“ผมไม่เคยคิดจะเถียงกับคุณ” พยุตม์ยักไหล่
“คิดแต่จะหาเรื่อง”
“ผมว่าผมน่าจะเป็นคนได้พูดประโยคนี้มากกว่า”
เสียงถกเถียงกันของชายหนุ่มทั้งสองยังคงดังต่อไปเป็นช่วงๆ เสียงสายฝนกระทบหลังคาบ้านริมทะเลดังประสานเสียงคลื่นที่ซัดหายทรายและโขดหิน เวลาแห่งค่ำคืนผ่านไปอย่างอ้อยอิ่ง คืนนี้ทั้งสองหนุ่มนอนดึกกว่าปกติเพราะต่างผลัดกัน 'หาเรื่อง' กันคนละหลายยก

วันนี้แดดจ้า พิชญดีใจเพราะได้อาบแดดอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เขาจึงใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ที่ชายหาด แต่ครั้นตกบ่ายก็ถูกรบกวน
“นี่คุณ ต้องพลิกตัวบ้างนะ คุณอาบแดดแต่ข้างหลังเดี๋ยวได้ผิวสีทูโทนแทนที่จะได้ผิวสีกุ้งต้มทั้งตัว”
“ขอบคุณที่แนะนำ...ปากร้าย” พิชญพูดเบาๆ แต่ยังคงนอนคว่ำหน้าต่อไป
แสบหน้าจะตาย นอนหงายได้ที่ไหน เขาอยากลองมีผิวสีแทนก็จริง แต่ไม่อยากให้หน้าดำนี่นา
แล้วนี่อีตายักษ์ใหญ่กำลังมองก้นเราอยู่หรือเปล่า ทำไมจะต้องมายุ่งกับเราด้วยนะ ช่วงเช้าเห็นหายไป ตอนกินข้าวกลางวันด้วยกันก็บอกว่าตัวเองจะไปปีนเขาเล่น แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้
“ด้วยความยินดีครับ” พยุตม์พูดเบาๆ และแนะนำต่อ
“ระวังผิวไหม้นะครับ ผมว่าคุณอาบแดดนานเกินไปแล้ว”
“คุณเฝ้าสังเกตผมงั้นหรือ”
“ก็ไม่เชิง อยู่ในบ้าน มองออกมาที่ชายหาดก็เห็นเอง และทุกครั้งที่มองออกมาก็เห็นคุณเอาแต่นอนคว่ำ เวลาตากปลาหมึกหรือปลาแดดเดียวเขายังพลิกกันเลย จะได้สุกทั้งสองด้าน”
“งั้นคุณก็ไปสิ ผมจะได้พลิกตัว”
“คุณอายหรือ”
“เปล่า”
“ผมว่าคุณอาย เพราะผมนั่งอยู่ตรงนี้” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “แปลกดีนะ แทนที่จะอายข้างหลังกลับมาอายข้างหน้า”
“นี่คุณ” พิชญหันหน้ามามองคนที่ชอบออกความเห็น แต่สายกลับปะทะเข้ากับหว่างขาของคนที่นั่งยองๆ อยู่ข้างๆ จึงรีบหันหน้าไปอีกด้านเพราะไม่อยากจะมองต้นขาแน่ๆ ปลีน่องแกร่งและ 'ความกำยำ' ของคนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น
พิชญยอมรับว่าตัวเองใจสั่นเพราะผู้ชายตัวใหญ่คนนี้หุ่นดีและมีแรงดึงดูดทางเพศมาก หากใกล้ชิดกันเกินไกลเขากลัวเหลือเกินว่าอะไรที่ไม่ควรเกิดขึ้นอาจจะเกิดขึ้น
เขาจะรู้ไหมว่าตัวเองเซ็กซี่มาก
ต้องรู้สิ ดูท่าทางเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง รูปร่างหน้าตาแบบนี้คงผ่านใครต่อใครมาเยอะ เผลอๆ ถูกไล่ตามจีบจนต้องหนีมาอยู่บนเกาะกลางทะเลแบบนี้
“อะไรหรือครับ ที่ผมพูดก็เพราะว่าเป็นห่วง ผิวขาวๆ บางๆ อย่างคุณ เล่นอาบแดดแบบไม่บันยะบันยังแบบนี้ ไม่อยากจะนึกเล๊ย”
“ไม่อยากจะนึกอะไร คิดว่าผมจะมีผิวสีแทนเหมือนคุณไม่ได้งั้นหรือ”
“อ้าว หาเรื่องอีกแล้ว ผมไปท้าคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมก็ไม่ได้ว่าคุณท้า”
“แต่เมื่อกี้คุณพูดว่า...”
“คุณจะไปหรือยัง ผมจะได้พลิกตัว” พิชญตัดบท ไล่อีกฝ่ายตรงๆ
“ไปก็ได้ ผมจะหนีลงน้ำซักชั่วโมง คุณจะได้พลิกตัวอย่างสบายใจ หรือจะอาบแดดแบบไม่ใส่อะไรก็ได้นะครับ จะได้ผิวสีแทนทั้งตัวจริงๆ”
“ผมก็วางแผนไว้แบบนั้นล่ะ แต่เสียดาย พอมาถึงเกาะ นึกว่าจะได้อยู่คนเดียว ทีนี้เลยทำแบบนั้นไม่ได้”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะไปดำน้ำทั้งวัน คุณจะได้ทำอะไรตามใจอยาก รับรองว่าไม่แอบดู” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“ขอให้จริงเถอะ”
“ไม่ลองก็ไม่รู้” พยุตม์ส่วมแว่นแล้วเดินลุยลงทะเลแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนที่กำลังนอนอาบแดดอยู่เงยหน้าขึ้นมา ดันตัวขึ้นเล็กน้อยและถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า
“แล้วปลาโลมาจะมาหรือเปล่า”
“ไม่ทราบครับ ผมไม่รู้กำหนดการกิจกรรมออกกำลังกายประจำวันของมัน” พยุตม์ยักไหล่
“ผมว่าคุณรู้ แต่ไม่ยอมบอกผม”
“หาเรื่อง” พยุตม์ส่ายหน้า “ก็ได้ ถ้าจะทำให้คุณสบายใจ ผมบอกก็ได้ว่าบ่ายนี้พวกมันไม่มาเพราะแดดมันร้อนและอากาศอบอ้าวเกินไป และจะมีฝนตกตอนเย็นๆ ปลาโลมาไม่ชอบ”
“ว๊า วันนี้ก็ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกดินน่ะสิ” พิชญพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย
“อ้าว คุณเชื่อผมด้วยหรือ” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลาโลมาและการพยากรณ์อากาศหัวเราะขำ มองคนที่ชอบดูปลาโลมาทรุดตัวลงนอนนิ่ง ยุติการสนทนากับเขาทันทีทันใด
พยุตม์มองชายหนุ่มผู้อยากมีผิวสีแทนด้วยใบหน้ายิ้มๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วว่ายน้ำออกไปในทะเลกว้าง รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก
เขารู้สึกเริ่มจะคุ้นเคยกับการมีใครคนหนึ่งอยู่ด้วยทั้งที่ปกติเคยชอบอยู่คนเดียว

พยุตม์เดินไปเดินมาอยู่ในบ้านด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ฝนเริ่มตกปรอยๆ และกำลังมืด แต่คนที่อยู่ร่วมบ้านนั้นยังไม่กลับจาก 'การวิ่งออกกำลังกาย'
พยุตม์นับหนึ่งถึงยี่สิบอยู่ในใจช้าๆ บอกตัวเองว่าหากนักถึงยี่สิบแล้ว 'คนดื้อ' คนนั้นยังไม่กลับเขาจะออกไปตามหา แต่พอนับได้ถึงสิบหกเขาก็เห็นร่างเปียกโชกของ 'นักวิ่ง' กำลังวิ่งเหยาะๆ ตรงมาที่บ้าน เขารอจนคนที่ออกไปวิ่งตากฝนขึ้นมาบนบ้านก่อนแล้วจึงเปิดประตูให้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เข้ามาและยืนตากฝนหอบหายใจแรง ชูนิ้วสามนิ้วให้เขาดู
“สามสิบกิโลเมตร” พยุตม์อุทานเสียงดัง ทำหน้าตกใจมาก
“จะบ้าหรือ สามกิโลเมตร” คนตอบโวยวาย
“อ้าว ก็นึกว่าคุณจะเอาชนะผม”
“ไม่ต้องมาประชดหรอก” พิชญค้อน
“เข้ามาสิครับ” พยุตม์บอกให้คนที่ยืนตากฝนเข้าบ้าน
“เข้าไปได้ยังไง เปียกอยู่”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เข้ามาเถอะ”
“ผมตัวเปียก” พิชญยืนกราน
“เปียกก็เช็ดให้แห้งได้” พยุตม์เข้าใจว่าอีกฝ่ายกลัวทำให้พื้นบ้านเปียก แต่คนที่ยืนตากฝนอยู่ยังไม่ยอมขยับตัวจนเขาต้องพยักหน้าและบอกให้เข้ามาในบ้านอีกครั้ง
“คุณไม่เข้าใจจริงๆ หรือ” คนที่ยืนตากฝนพูดเสียงห้วน สีหน้าเย็นชา
“อะไรครับ” พยุตม์เลิกคิ้ว แต่คนที่ถามไม่พูดอะไรต่อ ก้มหน้าเดินเข้าไปในบ้านทันที
“เป็นอะไรของเค้าเนี่ย” พยุตม์ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์ของอีกฝ่าย
หรือจะโกรธที่เขาไม่ออกไปตามทั้งที่มืดแล้ว ไม่น่าจะใช่ เขาไม่รู้นี่นาว่าไปวิ่งที่ไหนจะให้ออกไปตามได้ยังไง
ผมตัวเปียก!
อ๋อ ต้องเรื่องตัวเปียกแน่ๆ เพราะไม่ยอมเข้าบ้านทั้งที่ตัวเปียก นี่คงอยากให้เขาเดินเข้าไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ล่ะสินะ
แค่นี้ก็งอน

ตั้งแต่คนขี้งอนเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำพยุตม์ก็ไม่เห็นฝ่ายนั้นออกมาจากห้องอีกเลย จนกระทั่งเวลาสองทุ่มครึ่งเขาจึงไปเคาะประตูห้องแตก็ไม่มีเสียงขานตอบ
“นี่คุณ กินยากันไว้หน่อยสิ เดี๋ยวเป็นหวัด อย่าเพิ่งนอนนะ”
ไม่มีเสียงตอบเช่นเคย พยุตม์เคาะประตูอีกครั้งแต่ก็ยังเหมือนเดิมเขาจึงเปิดประดูแล้วเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ สายตาจับอยู่ที่ร่างใต้ผ้าห่มซึ่งอาจจะแกล้งทำเป็นนอนหลับอยู่บนเตียง
“กินยาหน่อยนะคุณนะ กันเอาไว้ เดี๋ยวเป็นไข้ ผมวางยากับน้ำอุ่นไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงนี่นะ รีบลุกขึ้นมากินก่อนแล้วค่อยนอนต่อ เดี๋ยวน้ำจะเย็น” พยุตม์ก้มลงพูดกับคนที่นอนตะแคงหลับตาพริ้ม
“คุณ...คุณ...” พยุตม์เรียก ก้มหน้าลงมาใกล้จนได้ยินเสียงหายใจเบาๆ ของคนที่นอนอยู่
แกล้งหลับ ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าแกล้งหลับ
“อืม...หลับจริงๆ ด้วย สงสัยคงเหนื่อยมาก แต่งอนอะไรก็ไม่รู้ เรียกก็ไม่ตื่น คนอุตส่าห์มาง้อแล้ว” พยุตม์พึมพำแล้วเดินออกไปจากห้อง

เมื่อแน่ใจว่าคนที่เอายามาให้เดินออกไปจากห้องแล้ว พิชญจึงลืมตาขึ้นมาและนอนนิ่ง สายตาจับอยู่ที่แก้วน้ำซึ่งอีกฝ่ายวางไว้ให้
งอนอะไรก็ไม่รู้ คนอุตส่าห์มาง้อแล้ว
เขาคิดยังไงกับเรา ทำไมถึงพูดแบบนั้น ไอ้ที่เรางอนน่ะก็งอนจริงๆ แล้วมาง้อทำไมล่ะ นี่ก็แสดงว่า...แสดงว่า...
ไหนจะยาที่เอามาให้กินอีก แสดงว่าเขาแคร์เรางั้นหรือ ถ้าแคร์และง้อก็หมายความว่า...
โอย ไม่อยากจะคิด
ไม่ได้นะ ไม่ได้ มันไม่เหมาะ มันเร็วเกินไป

::: End of chapter 7 :::

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-01-2012 17:25:06
จิ้มๆ  :z13: :z13:

เร็วๆนี่แหละดีคนอ่านชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 16-01-2012 18:02:55
รักกันเหอะ แก้เบื่อ 555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 16-01-2012 18:05:01
จับปล้ำเลย ฮ่าๆ :laugh:
ตกลงใครมาผิดกันแน่เนี่ย รอเฉลย^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 16-01-2012 19:21:28
ไม่เร็วไปหรอกหนู ถ้าเป็นคนอื่นนะป่านนี้มีลูกกันแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 16-01-2012 19:40:06
วันเดียวสอนตอน อ่ะ เริ่ด 

ชอบพยุตย์อ่า ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Peppermint ที่ 16-01-2012 19:40:20
เชื่อเลยว่าตาพระเอกเราอยู่ในห้อง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 16-01-2012 19:57:12
พิชญนี่ก็ขยันจ้องเป้าซะจริง (จริงๆเ้ป็นชั้น ชั้นก็มอง กรี๊ดดดดดดดดดด >< )
ง้อๆงอนๆ คุณพยุตม์น่าร้ากกกก  :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-01-2012 19:58:25
ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของแต่ละคนเท่าไหร่เลย
แต่จะฟิทเจอริ่งกันก่อนก็ไม่มีปัญหานะ หึหึหึ :z2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 16-01-2012 19:59:26
โอ๊ย เขิลค้าาา
พ่อไมโครโฟนเคลื่อนที่  :z1:

อยากเห็นฉากสวีทๆ กันเร็วๆจัง :impress2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 16-01-2012 19:59:40
อิ อิ ในบทที่6 ที่7 เนี่ย ดูเหมือนจะขยันส่งภาพลักษณ์เซ็กซี่ๆของพยุตม์บ่อยจังเนอะ
จะเอาให้พิชญใจแกว่งให่ได้ในเร็ววันละซี เราว่าแกว่งไปแล้วล่ะ แต่คนดื้อคนมั่นขนาดนั้น ไม่แสดงออกหรอกว่าแกว่ง
คนอ่านนี่ซี้อิจฉาพิขญ์ซะงั้น ได้ไปอยู่เกาะเพียงลำพังกับหนุ่มเซ็กซี่ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: eern ที่ 16-01-2012 20:13:31
 :sad4:อยากให้มาบ่อยๆอย่างงี้ชอบคะ :L1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 16-01-2012 20:14:21
มันไม่เร็วหรอก
มันเหมาะแล้ว มากม๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 16-01-2012 20:14:33
เอ๊ะ ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้มันน่ารักกว่าปกติ เขิลๆ  :o8:

ปล. พิชญมาติดเกาะอยู่กี่วันแล้วค่ะเนี่ย ... เวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 16-01-2012 20:55:20
อร๊ายยยยยยยยยยยยย ชอบอะๆๆๆ  :impress2: :impress2:

ขอบคุณมากค๊าาา มาไวดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 16-01-2012 21:36:06
เขาชอบหนูแหละ พิชญ
รับๆๆไปเหอะ เดียวนี้วัยรุ่นไวไฟไม่แปลกหรอก
กร๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 16-01-2012 21:54:36
โอ๊ยยยย อยากติดเกาะกับพยุตม์จัง  :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 16-01-2012 22:20:48
จะชอบกันแล้วเหรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sakuracity ที่ 16-01-2012 22:49:30
ไม่เร็วจ้าาน้องพิชญ ไม่เร็ววว กำไมเขาไปแล้วไม่เร็วหรอกจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 16-01-2012 23:17:49
เอาเถอะ สรุปแล้ว หุ่นน่าหม่ำทั้งสองคนเลย ....

เค้าเริ่มมีการห่งเป็นห่วง plus งอนง้อ กันแล้วนะเนี่ย กิ๊ว กิ๊ว 

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 17-01-2012 00:00:20
จับกดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยครับ 555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 17-01-2012 00:05:17
ขึ้นคร่อมพระเอกเลยฮับ เอาแบบในฝันโลด
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 17-01-2012 10:07:28
อ่านแล้วก็ไม่รู้ว่างอนอะไรอะ ใครรู้มั่ง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 7 "" UP 16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 17-01-2012 10:12:56
อาทิตย์อัสดง บทที่ 8

เช้าวันใหม่ อากาศแจ่มใส แสดงแดดอ่อนๆ ทำให้พิชญรู้สึกสดชื่นและอยากจะร้องเพลง ขณะที่รอรับประทานอาหารเช้าเขาจึงหยิบกีตาร์และเดินออกไปนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดหน้าบ้านและเริ่มร้องเพลง Mad About You ของ Sting
A stone's thrown from Jerusalem
I walked a lonely mile in the moonlight
And though a million stars were shining
My heart was lost on a distant planet
That whirls around the April moon
Whirling in an arc of sadness
I'm lost without you I'm lost without you
Though all my kingdoms turn to sand
And fall into the sea
I'm mad about you I'm mad about you...

เมื่อถึงกลางเพลง พิชญหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพราะนึกคำร้องไมออก จากนั้นจึงร้องต่อ แต่ไม่กี่วินาทีก็เปลี่ยนใจ อยากร้องเพลงอื่น
Seems like it was yesterday when I saw your face
You told me how proud you were but I walked away
If only I'd known what I know today
I would hold you in my arms
I would take the pain away
Thank you for all you've done
Forgive all your mistakes
There's nothing I wouldn't do
To hear your voice again
Sometimes I want to call you
But I know you won't be there

I'm sorry for blaming you for everything
I just couldn't do
And I've hurt myself by hurting you...
(เพลง Hurt โดย Christina Aguilera)
เมื่อถึงกลางเพลง พิชญหยุดร้องอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะนึกคำร้องไม่ได้แต่เพราะรู้สึกตัวว่ามีผู้ฟังที่ไม่ได้รับเชิญนั่งฟังอยู่ข้างหลัง
“หยุดทำไมล่ะครับ กำลังเพราะ” พยุตม์พูดขึ้น
“ไม่ใช่ฟรีคอนเสิร์ตนะจะบอกให้”
“งั้นค่าตั๋วกี่บาท แลกกับอาหารจานนี้ได้ไหม” พยุตม์ลุกขึ้น เดินมาหาพิชญ ยื่นข้าวผัดจานที่อยู่ในมือซ้ายให้
“เก้าสิบบาทนี่นะ คุณจ่ายเงินค่าฟังเพลงผมแค่เก้าสิบบาท” พิชญโวย
“แพงขนาดนั้นเลยหรือคุณ ผมนึกว่าสามสิบบาท”
“ดูถูก” พิชญกระแทกเสียง
“ดูถูกอะไร”
“คุณหาว่าเพลงที่ผมร้องมีค่าแค่สามสิบบาท” พิชญเม้มริมฝีปาก แสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่สบอารมณ์
“ไปกันใหญ่แล้ว ผมหมายถึงราคาข้าวผัด”
“ก็คุณบอกว่าค่าตั๋วมีค่าเท่ากับอาหารหนึ่งจาน”
“แล้วทำไมคุณไม่ปฏิเสธล่ะ คุณยังพูดเลยว่าเก้าสิบบาทนี่นะ ผมไม่เคยกินข้าวผัดจานละเก้าสิบบาทก็เลยแย้งว่าสามสิบบาท แค่นั้นเองจริงๆ”
“ไม่ควรจะพูดตั้งแต่ค่าตั๋วเท่ากับอาหารหนึ่งจานแล้ว” พิชญพูดเสียงเย็น รับข้าวผัดไปจากมือของอีกฝ่าย แต่ถึงจะรู้สึกฉุนๆ ก็ไม่ลืมกล่าวขอบคุณเสียงเบา
“พูดอะไรก็ผิดไปหมด” พยุตม์ส่ายหน้าแล้วตักอาหารเข้าปาก
“อีกอย่าง...” พิชญนิ่งไปครู่หนึ่ง “คุณชักจะทำข้าวผัดบ่อยไปแล้ว”
“มันทำง่ายนี่ครับ อยู่ที่นี่จะกินอะไรหรูๆ ได้”
“อย่าเพิ่งออกนอกเรื่อง กลับมาที่เรื่องร้องเพลง คุณคิดว่าเสียงร้องของผมเหมาะกับอาหารจานเดียวเท่านั้นเองหรือ”
“เปล่า” พยุตม์ยักไหล่ ก้มหน้าทานอาหารของตน
“ถ้าเป็นคุณ จะเสียเงินดูคอนเสิร์ตเท่าไหร่”
“ผมไม่เคยดูคอนเสิร์ต” พยุตม์ส่ายหน้า
“พูดเป็นเล่น” พิชญอุทานอย่างไม่เชื่อหู
“จริงครับ” พยุตม์ยักไหล่ “ผมไม่เห็นความสำคัญของการแสดงดนตรีแล้วเก็บเงินค่าดูที่ เอ่อ...”
“คุณนี่คิดอะไรแปลกๆ”
“ผมเป็นคนแปลก คุณดูไม่ออกหรือ”
“ดูออกแบบไม่ต้องใช้สายตาเลยล่ะ” พิชญกระแทกเสียง
“แต่คุณก็ร้องเพลงเพราะนะ เพลงแรกผมก็ชอบ แต่ชอบเพลงที่สองมากกว่า เสียงคุณดีมาก ถ้าไม่ได้มีแค่กีตาร์ตัวเดียวก็คงน่าจะ...”
“ไม่ต้องออกความเห็น” พิชญพูดสวน
“อ้าว ทำไมล่ะครับ” พยุตม์สงสัย
“คุณชมผมและว่าผมในเวลาเดียวกัน พูดว่าผมร้องเพลงเพราะ เสียงดี แต่ก็บอกว่า ถ้าไม่ได้ร้องกับกีตาร์ก็คงจะน่าฟังกว่านี้”
“โธ่ คุณ ฟังให้จบก่อนสิ” พยุตม์ส่ายหน้า ทำหน้าอ่อนใจ “คุณนี่ช่างหาเรื่องทะเลาะจริงๆ เลย”
“คุณไม่เห็นความสำคัญของการแสดงดนตรีอยู่แล้วนี่นะ”
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว”
“คุณเป็นคนพูดเอง” พิชญเน้นเสียง
“ผมหมายถึงคอนเสิร์ตที่เก็บเงินแพงๆ เกินไปต่างหาก” พยุตม์เถียง “คุณไม่ได้คิดจะฟังผมให้จบเลย”
“คุณตีราคาเสียงเพลงยังไง เช่น เพลงบางเพลงต้องฟังแพง หรือฟังถูก คนนี้ร้องไม่เพราะไม่ต้องเสียเงินฟัง คนนี้ร้องดีถึงจะจ่ายแพง”
พยุตม์ยักไหล่ สื่อสารให้รู้ว่าไม่ต้องการตอบคำถาม มือตักอาหารเข้าปากและเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนพิชญทำหน้าง้ำเพราะอีกฝ่ายเลิกคุยไปเฉยๆ ดังนั้นเขาจึงหันหน้าหนีและทานอาหารเงียบๆ เช่นกัน
“งอนอีกแล้ว” พยุตม์พูดขึ้นมาเสียงเบาแต่พิชญไม่ตอบ ชายหนุ่มตักอาหารเข้าปากและเคี้ยวช้าๆ พร้อมกับหันไปมองทิวทัศน์รอบๆ
“ถ้าคุณเล่นให้จบเพลง ผมจะเสียเงินฟัง”
“ซอรี่ แปลว่าเสียใจ” พิชญพูดเสียงเบาๆ แล้วยักไหล่ ก้มหน้าทานต่อ เลิกใส่ใจคนฟังเพลง
พยุตม์อมยิ้ม ทานอาหารต่อเช่นกัน สลับกับมองพิชญอย่างอารมณ์ดีทั้งที่โดน 'ชวนทะเลาะ'
...เขาชอบชายหนุ่มคนนี้มาก...
“อะแฮ้ม” พยุตม์เกือบสำลักอาหาร รู้สึกตกใจกับความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของตัวเอง
“อะไรติดคอหรือคุณ” พิชญถามขณะที่ก้มหน้าทานข้าวผัดของตัวเอง
“คงไม่ใช่กีตาร์ติดคอหรอกครับ กำลังกินข้าวผัดก็ต้องข้าวผัดติดคอสิ” พยุตม์ตอบ
“กวน” พิชญเงยหน้าขึ้นน หันมาถลึงตาใส่คนพูดกวนๆ จึงเห็นว่าอีกฝ่ายมองอยู่ด้วยสายตาพราวระยับ
สายตาแบบนี้หมายความว่ายังไง
พิชญหันหน้าหนีทันที รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างบอกไม่ถูก
เคยมีคนมองเขาแบบนี้มาหลายคน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
ไม่ได้นะ ไม่ได้ จะมารู้สึกอะไรกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ได้ยังไง อีกไม่กี่วันเราก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปเผชิญกับทุกๆ อย่างแล้ว ชีวิตหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
พิชญถอนหายใจเบาๆ แล้วรีบทานอาหารต่อให้เสร็จ จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินกลับเขาไปในบ้านเงียบๆ

พยุตม์เดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน ไม่รู้จะทำอะไรดี เขาปรายตามองไปยังคนที่อยู่ร่วมบ้านบ่อยๆ ก็เห็นว่าฝ่ายนั้นเอาแต่นอนฟังเพลงอยู่บนโซฟา หลับตาพริ้ม ไม่กระดุกกระดิก บางครั้งพยุตม์ดูนาฬิกาจึงเห็นว่าคนที่นอนฟังเพลงอยู่ใช้เวลาเกือบสิบนาทีกว่าจะเปลี่ยนท่านอนแต่ละครั้ง
พยุตม์ถอนหายใจเบาๆ ความจริงเขาชอบอยู่นอกบ้าน แต่วันนี้กลับรู้สึกว่าไม่อยากจะไปไหน แต่ในที่สุดพยุตม์ก็ต้องตัดสินใจเดินออกมาจากบ้านเพราะรู้ว่าหากไม่ทำเช่นนั้นตัวเองคงเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านไม่รู้จักหยุดเป็นแน่แท้
พยุตม์ผูกเปลใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากบ้านเท่าใดนัก เขานอนเล่นมองท้องฟ้าและกำลังจะเคลิ้มหลับก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้
“ทำไมไม่ไปไหน” คนที่เดินมาหาถามขึ้นเสียงราบเรียบ
“ผมอยากนอนเล่น” พยุตม์ตอบ หันหน้าไปมองอีกฝ่ายซึ่งกำลังยืนกอดอกมองเขาอยู่ สายตาคู่นั้นซ่อนไว้ใต้แว่นกันแดดสีชาเข้ม
“ทำไมไม่นอนอยู่ในบ้าน”
“โซฟามีอยู่ตัวเดียว” พยุตม์ยิ้มมุมปาก
อยากจะนอนด้วยเหมือนกันแต่กลัวโดนถีบตกลงจากโซฟา
แล้วนี่ทำไมอยู่ดีๆ ก็เดินออกจากบ้านมาชวนเราคุย ผิดวิสัยน่าดู
“เรื่องเมื่อเช้า ไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณหรอกนะ” พิชญพูดเสียงเบา
“เรื่องอะไรครับ” พยุตม์ถาม
“นี่คุณ อุตส่าห์มาพูดด้วยแล้ว อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย” คนที่มีความอดทนสั้นพูดกระแทกเสียง
“ผมก็ไม่ได้คิดอะไร” พยุตม์ยิ้ม “ว่าแต่ว่า คุณร้องเพลงให้ผมฟังฟรีๆ ซักเพลงอีกทีได้ไหมล่ะ เอาให้จบเพลงนะ”
“ไม่ได้เอากีตาร์มา”
“แบบสดๆ ไม่ต้องมีดนตรีก็ได้ เสียงคุณเพราะอยู่แล้ว” พยุตม์ชม
“ไม่เอา มันรู้สึกกระดากยังไงไม่รู้ อยู่เฉยๆ ก็มายืนร้องเพลงให้คนฟัง”
“สองพันบาท” พยุตม์พูดขึ้นมา พร้อมชูสองนิ้ว
“อะไรสองพัน” พิชญถอดแว่นกันแดด เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“สำหรับเพลงหนึ่งเพลง สองพันบาท”
“ดูถูก” พิชญกระแทกเสียงแล้วหันขวับ เดินตรงกลับไปที่บ้านทันที
“อ้าว” พยุตม์อุทาน ลงจากเปลแล้วเดินตาม “อะไรกันคุณ สองพันนี่ถูกเกินไปหรือยังไง”
“คุณนี่ช่างไม่รู้อะไรจริงๆ เลย”
“ผมพูดอะไรผิดอีกล่ะ” พยุตม์เกาศีรษะ
“บางอย่าง ไม่ต้องใช้เงินก็ได้”
“โอ๊ย ไม่เข้าใจ เมื่อเช้ายังว่าผมอยู่เลยว่าตีราคาเพลงถูก ตอนนี้พอเสนอสองพันบาทกลับมาโดนว่า” พยุตม์บ่น
“เอาเป็นว่าเราเลิกคุยกันเรื่องเพลงดีกว่า อย่างคุณนี่คงไม่เข้าใจเรื่องศิลปะแขนงนี้”
“หาเรื่องจริงๆ เลย” พยุตม์โคลงศีรษะอย่างอ่อนใจแต่กลับอมยิ้ม
ความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดนัก เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ บอกไม่ถูกว่าเป็นยังไง รู้อย่างเดียวว่าชอบความรู้สึกนี้
แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าตกหลุมรัก คนเราจะตกหลุมรักใครได้ภายในเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์เชียวหรือ
สองอาทิตย์ ใช่สิ เขาจะอยู่ที่นี่แค่สิบสามวัน มะรืนนี้ก็จะถึงกำหนดกลับแล้ว
พยุตม์ถอนหายใจแรงๆ เมื่อนึกว่าต้องอยู่คนเดียวบนเกาะ
“ทำไม มีปัญหาอะไร” เสียงของชายหนุ่มที่เดินนำหน้าพยุตม์ดังขึ้นมาทันที
“อะไรครับ” พยุตม์ถาม
“คุณถอนหายใจ มีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า”
“โอ๊ยคุณ ช่างหูดีจริงๆ เลย” พยุตม์หัวเราะ “ผมก็ถอนหายใจของผมไปตามเรื่อง”
“เสียงถอนหายใจของคุณแปลความได้ว่า ชักจะทนนายคนนี้ไม่ไหวแล้วนะ ใช่หรือเปล่า”
“นายคนนี้ที่ว่านี่คือใครครับ” พยุตม์แกล้งถาม
“แล้วบนเกาะนี่มีกันกี่คนล่ะ” พิชญหยุดเดิน หันมาพูดกับพยุตม์เสียงเข้ม
“สองคนมั๊ง” พยุตม์ยกมือขึ้นเท้าเอว ตอบโดยไม่มองหน้าคนถาม
“แต่อีกหน่อยคงได้อยู่คนเดียวแล้วล่ะ จะได้สบายใจอย่างที่คุณต้องการ” พิชญพูดแล้วเดินต่อ ส่วนพยุตม์เดินตามช้าๆ สายตาจับอยู่ที่ร่างของคนที่เดินนำหน้า ในใจของเขาตะโกนก้องว่า
ผมไม่อยากอยู่คนเดียว

รับประทานอาหารเช้าเสร็จพิชญก็ทำความสะอาดบ้าน จากนั้นจึงไปจัดกระเป๋าและอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ถึงกำหนดเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร แต่ในใจของเขากลับรู้สึกแปลกๆ
อยากอยู่ต่อ อยากพักผ่อนตากอากาศอยู่ที่นี่โดยไม่ต้องกำหนัดวันกลับ
แต่เขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เขารู้ว่าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับ 'ทุกอย่าง' และ 'ทุกฝ่าย' เขาหลบมาพักที่เกาะแห่งนี้ได้สองอาทิตย์ตามที่วางแผนเอาไว้ ตอนนี้ถึงเวลากลับไปสู่โลกที่ตัวเองเคยอยู่
พิชญถือกระเป๋าเดินออกมาหน้าบ้าน มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบผู้ชายตัวโตที่อยู่ร่วมบ้านกันมาถึงสองอาทิตย์
ทำไมนะ เขาก็รู้อยู่ว่าสายวันนี้เราจะเดินทางกลับ แล้วนี่ทำไมหายไปตั้งแต่เช้า
ทำเหมือนไม่อยากลา
ผู้ชายคนนั้นคิดอะไรของเขาอยู่นะ
พิชญเดินลงจากบ้าน วางกระเป๋าไว้ที่พื้นแล้วเดินไปที่สะพานไม้และมองลงไปที่ชายหาดเพื่อมองหาผู้ชายคนนั้นแต่ก็ไม่เห็น เขาเดินกลับมายกกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วตัดสินใจจากบ้านหลังนี้ไปโดยไม่ได้ร่ำลาคนที่เคยเถียงกับเขาว่า 'เป็นเจ้าของบ้าน'
แล้วนี่ก็หายหน้าไปเลย จงใจแน่ๆ คอยดูนะ ถ้าไปเจอที่ไหนจะต่อว่าให้ดู

พิชญนั่งคอยเรืออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมหาดทรายด้วยความกระวนกระวายใจ เขานัดกับเรือไว้เก้าโมงเช้าแต่ขณะนี้ผ่านเวลานัดไปแล้วถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
พิชญลุกขึ้นเดินไปมาพลางเตะพื้นทรายอย่างหงุดหงิดเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี จนกระทั่งเหลือเวลาครึ่งชั่วโมงจะถึงเที่ยงตรงเขาจึงเลิกล้มความคิดที่จะรอเรืออีกต่อไป
พิชญคิดว่าคนขับเรือคงจะลืม หรือไม่ก็เปลี่ยนใจไม่มารับเขาเพราะเหตุผลอะไรนัค้นเขาก็ไม่อยากจะเดาให้อารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม เขาหงุดหงิดมากจึงเดินลากกระเป๋ากลับบ้านพัก
นายคนนั้นจะว่ายังไงที่เห็นเรากลับไป ตอนแรกก็คงจะได้ดีใจวาจะได้ครอบครองบ้านและเตียงนอนคนเดียว แต่อยู่ๆ ก็เห็นเราเดินกลับไปที่บ้านและแย่งที่นอนกับอาหารต่อก็คงจะพูดจากวนๆ ใส่เราแน่ๆ
ทำยังไงดี ถึงกำหนดกลับแต่ไม่ได้กลับ พี่ปานกับคนอื่นๆ คงตกใจไปตามๆ กันว่าเขาหายตัวไป ติดต่อไม่ได้
เมื่อกลับมาถึงบ้านพิชญก็หมดแรง ทรุดตัวลงนั่นกับขั้นบันได ตอนนี้รู้สึกอยากจะตะโกนออกมาดังๆ เพราะความหงุดหงิดที่อย่างไม่เป็นไปตามที่วางแผน
“อ้าวคุณ ทำไมมานั่งตากแดดอยู่ตรงนี้” เสียงห้าวคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง พิชญหันไปมองช้าๆ ผู้ชายตัวโตสวมกางเกงขาสั้นอวดแผงอกกำลังยืนเท้าสะเอวมองเขาอยู่ด้วยสีหน้าแสดงความสงสัย
“เรือไม่มารับ ผมรอตั้งสองชาติกว่า”
“คุณไปสายหรือเปล่า” พยุตม์ถาม
“ผมไปก่อนเวลาด้วยซ้ำ นัดเอาไว้เก้าโมงเช้า ผมไปถึงตอนแปดโมงสี่สิบห้านาที แย่จริงๆ เลย ตกลงกันไว้แล้วทำไมไม่มา”
“อืม...น่าแปลก ว่าแต่ว่าคุณยังไม่ได้จ่ายเงินค่าจ้างเรือไว้ตอนที่เขามาส่งคุณผิดเกาะใช่ไหม” พยุตม์ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อย่ากวนอารมณ์นะคุณ ไม่มีอารมณ์ทะเลาะ” พิชญพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดียวกัน
“ผมเปล่ากวน แค่ถามด้วยความเป็นห่วง”
“ผมไม่ซื่อบื้อจ่ายเงินล่วงหน้าหรอก”
“เกาะนี้ไกลมาก บางทีคนขับเรืออาจจะคิดว่าไม่คุ้ม”
“ก็ตกลงราคาเอาไว้แล้ว”
“วันนี้อาจมีใครไปจ้างเขา คนขับเรือก็เลยคิดว่ารับเงินสดชัวร์ๆ เลยดีกว่าที่จะเสี่ยงมารับคุณไกลขนาดนี้” พยุตม์สันนิษฐาน
“เพราะคิดว่าผมอาจจะโกง เปลี่ยนใจไม่กลับ เขาต้องแล่นเรือเปล่ากลับงั้นหรือ ใครจะไปทำแบบนั้น และถ้าคุณพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าคุณคิดว่าผมจะโกงคนขับเรือ” พิชญหันมาเอาเรื่องกับอีกฝ่าย
“อย่าสรุปแบบนั้นสิคร้าบ” พยุตม์โวย
“ก็พูดให้คิด จะสรุปเป็นอย่างอื่นได้ยังไง”
“ถ้ายังงั้นผมขอโทษ” พยุตม์ค้อมศีรษะ “ผมผิดเองที่พูดอะไรออกไปโดยไม่คิดให้ดีๆ ก่อน”
“ไม่เป็นไร” พิชญค้อมศีรษะรับคำขอโทษ
“เข้าบ้านเถอะครับ อย่ามานั่งตากแดดอยู่ตรงนี้เลย” พยุตม์เดินไปหยิบกระเป๋าของพิชญและแสดงความเห็นว่า “โอ้โห กระเป๋าเละเลยแฮะ อย่าบอกนะว่าคุณลากกระเป๋ามาตลอดทาง”
“แล้วทีนี้จะกลับได้ยังไง โอ๊ย เซ็ง” พิชญกระทืบเท้า
“อีกไม่กี่วันอาจมีเรือแล่นผ่านมาก็ได้” พยุตม์ปลอบ
“หรืออาจจะไม่มีก็ได้” พิชญพูดสวนแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน แต่ไม่กี่วินาทีก็เดินออกมารับกระเป๋าตัวเองที่พยุตม์กำลังถือเดินตามมาช้าๆ
“ผมถือให้” พยุตม์พูด
“ไม่เป็นไร ผมถือเองก็ได้”
“ให้ผมถือให้เถอะ”
“ผมถือเองได้” พิชญยืนกรานคำเดิม
“ดื้อ”
“คุณก็ดื้อเหมือนกัน”
“ตามใจ” พยุตม์อมยิ้ม
“ขอบคุณครับ” พิชญพูดเบาๆ และเมื่อคนที่ต้องการถือกระเป๋าให้ปล่อยมือเขาก็ลากกระเป๋าเดินเข้าไปในบ้าน

ตลอดบ่ายพยุตม์เห็นพิชญเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านไม่ยอมหยุด ท่าทางกระวนกระวายใจ เขารู้สึกแปลกใจที่ชายหนุ่มดูกังวลมากกว่าที่เขาคาดคิด
เขาแค่อยากจะแกล้งเล่นสนุกเท่านั้นเอง เมื่อเช้านี้เขาไปที่หาดทรายตั้งแต่เช้า เห็นเรือลำหนึ่งจอดอยู่ คนขับเรือบอกว่ามารับแขกที่พักอยู่บนเกาะ แขกที่พักอยู่ที่นี่มีอยู่คนเดียวนั่นก็คือชายหนุ่มเจ้าอารมณ์คนนี้ เขาจึงบอกให้เรือกลับไปโดยให้เหตุผลว่าแขกต้องการพักต่ออีกห้าวัน
เขาอยากมีเพื่อนคุยอีกซักห้าวัน!
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจแรงๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนพยุตม์อดพูดขึ้นมาไม่ได้
“คุณนั่งซะบ้างเถอะ เดินไปเดินมาเหนื่อยเปล่าๆ อีกอย่าง คุณทำให้ผมปวดหัว”
“ใครบอกให้คุณมอง”
“บ้านก็หลังแค่นี้ ยังไงผมก็ต้องเห็น”
“งั้นคุณก็ออกไปหาอะไรทำนอกบ้านสิ ทุกทีคุณก็ไม่เคยอยู่บ้านไม่ใช่หรือ”
“เออจริงสิ” พยุตม์พยักหน้า “ผมว่าผมไปนั่งคอยดูปลาโลมาดีกว่า”
พยุตม์ลุกขึ้น ทำท่าจะเดินออกจากบ้านพลางปรายตาไปมองอีกฝ่ายด้วยหวังว่าการเอาปลาโลมา 'มาล่อ' นั้นคงจะทำให้คนที่กำลังหงุดหงิดอยู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาได้ แต่พยุตม์เดาผิดเพราะคนที่กำลังเดินไปเดินมาไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเลย
“นี่คุณ ถ้าเรือไม่มาคุณจะทำอะไรได้ ผมว่าคุณทำใจซะเถอะ” พยุตม์แนะนำ
“ทำใจ” พิชญโวย “ทำใจว่าต้องติดเกาะอยู่ไม่รู้ว่าจะได้กลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่งั้นหรือ พูดง่ายๆ ผมต้องกลับไปทำงาน”
“ตอนมาก็ดูเหมือนหนีกรุงเทพฯ” พยุตม์ยักไหล่
“คุณไม่รู้อะไร อย่าพูด”
“จะเครียดไปทำไม ทำตัวทำใจให้สบายดีกว่า”
“คุณไม่ใช่ผม คุณจะรู้อะไร” พิชญทำเสียงและสีหน้าหนักใจ
“ถ้างั้นทำไมล่ะครับ”
“อย่ารู้เลย” พิชญหันหน้าหนีจากพยุตม์
“อ้าว” พยุตม์ยกมือเกาศีรษะ “เอ๊ะ คุณนี่ยังไง พูดกับคุณนี่งงจริง”
“ถ้างงก็ไม่ต้องมาพูดกับผมก็ได้”
“ผมเป็นห่วงคุณหรอก ไม่อยากให้เครียด” พยุตม์ยิ้ม เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “มาเถอะน่า ผมจะพาคุณไปเดินชมวิวหน้าผาของเกาะ”
“ไม่มีอารมณ์”
“แล้วคุณจะเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านแบบนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา”
“เผื่อมีเรือผ่านมา”
“แล้วคุณจะได้วิ่งลงไปที่ชายหาดโบกให้เขาหยุดรับคุณเหมือนโบกแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ใช่หรือเปล่า” พยุตม์ยิ้มมุมปาก
“ไม่ต้องมาประชดผมนะ”
“ผมว่าพรุ่งนี้เช้าคุณลองอีกทีจะดีกว่า เผื่อคนขับเรือจำวันผิด”
“จำผิดได้ยังงั้น วันมาส่งผมก็ย้ำแล้วย้ำอีก” พิชญถอนหายใจแรง
“หมึกที่เจือจางก็ยังดีกว่าความจำที่เลอะเลือน ภาษิตจีนเขาว่าไว้ คนเรือคงไม่มีแพลนเนอร์จดบันทึกนัดหมาย เขาคงใช้ความจำเอา บางทีคนเราก็หลงลืมกันได้ หรือหูเขาอาจจะไม่ดี เหมือนตอนที่มาส่งคุณก็มาผิดเกาะ”
“อย่ามาชวนทะเลาะนะคุณ ผมไม่มีอารมณ์” พิชญจ้องหน้าคนที่ให้คำแนะนำด้วยสายตาขวางๆ
“ผมว่าไปเดินนชมธรรมชาติสร้างอารมณ์กับผมดีกว่าน่า” พยุตม์ชวน
“ทะลึ่ง”
“ทะลึ่งอะไร” พยุตม์เลิกคิ้ว “ผมหมายถึงอารมณ์เบิกบานแจ่มใจ ไม่ใช่อะไรพรรค์นั้นซักหน่อย”
“คุณจะไปไหนก็ไป อย่ามาตื้อผมเลย”
“ตามใจ” พยุตม์ถอนหายใจแล้วเดินไปที่ประตู พึมพำเบาๆ พอให้ได้ยินว่า “อากาศดีๆ แบบนี้เห็นปลาโลมาเป็นฝูงๆ แน่เลย เสร็จแล้วจะนั่งดูพระอาทิตย์ตกทะเลที่ชะง่อนผาให้สบายใจก่อนแล้วค่อยกลับ”
“นี่คุณจะกลับค่ำเลยหรือ” พิชญส่งเสียงถามเพราะห่วงอาหารเย็น
“คุณทำอะไรกินไปเลยนะ ไม่ต้องเผื่อผม ผมอาจกลับดึก คืนเดือนมืดอย่างนี้ ไม่แน่ อาจเห็นปลาโลมากระโดดน้ำเล่นตอนกลางคืนใต้แสงดาว ถ้าอยากดูก็มากับผม”

::: End of chapter 8 :::

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 17-01-2012 10:20:01
พระเอก ร้าย!!!!!  o13
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 17-01-2012 11:21:38
พยุตใจร้ายอ่ะ ยังงี้ไม่ต้องกระวนกระวายกันไปทั้ง 5 วันเหรอ 555ฃ

บวกๆ พี่คฑาคนขยัน อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-01-2012 11:33:43

น่ารักอะ

ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 17-01-2012 11:35:45
คุณพยุต์ลูกล่อลูกชนเยอะเหลือเกิน แต่ก็น่ารักดี :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 17-01-2012 11:38:35
(ก๊)... เขาอยากมีเพื่อนคุยอีกซักห้าวัน!

 :laugh: :laugh: :laugh:

ถูกใจ พระเอกเรื่องนี้มันร้ายใช่เล่น แอบเอาแต่ใจนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 17-01-2012 11:45:49
ร้ายจริงๆ
คนขับเรือโดนด่าฟรีไปเลย :z1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Peppermint ที่ 17-01-2012 12:32:21
- - ตูว่าล่ะ พระเอกเรามันบ้า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 17-01-2012 13:50:23
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 17-01-2012 14:43:10
พยุตม์แผนสูงนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 17-01-2012 15:10:09
เรื่องนี้น่ารักอ่ะ >_< ขออย่าให้มีมาม่าเลยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 17-01-2012 15:20:34
คุณพยุตม์น่ารักอีกแล้วค่า
อยากติดเกาะด้วยอ่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 17-01-2012 15:41:17
อ้าวไปแกล้งพิชญซะงั้น
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 17-01-2012 15:58:03
55555 น่ารักจริงๆ

ขอบคุณมากค๊า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 17-01-2012 16:08:22
เรื่องนี้น่ารักอ่ะ >_< ขออย่าให้มีมาม่าเลยนะค่ะ
หมายความว่าไงอ่ะครับ มาม่า นี่หมายถึงตอนจบใช่ป่ะ :-)
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 17-01-2012 16:18:35
พระเอกแอบร้าย
+1
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 17-01-2012 16:31:18
ปวดหัวกับคู่นี้จริงๆ ทะเลาะกันไม่มีวันหยุด
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 17-01-2012 16:49:46
เรื่องนี้น่ารักมากเลยคะ
เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 17-01-2012 17:34:04
พระเอกเริ่มเข้าท่าแหละ อิอิ อีกห้าวันก็ทำคะแนนซะนะ หุหุ :impress2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 17-01-2012 17:43:20
เชียร์พยุตย์  :วู้วว1: :วู้วว1:  น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 17-01-2012 18:33:08
พระเอกแสนดี อ่ะนะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-01-2012 20:33:38
พิชญ์ถูกหลอกล่อด้วยสารพัดวิธี
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 17-01-2012 22:21:34
คุณพยุตม์แอบร้ายอ่า
ชอบเค้าก็บอกไปซี่!!!
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 17-01-2012 22:34:35
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 17-01-2012 22:44:53
พยุตม์ร้ายที่สุด แต่ชอบแบบนี้ 555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 8 "ถึงกำหนดพิชญกลับกรุงเทพ" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 17-01-2012 23:01:38
อาทิตย์อัสดง บทที่ 9

พิชญเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านต่ออีกครู่ใหญ่จึงเดินออกมายืนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน เห็นแผ่นหลังกว้างไม่สวมเสื้อของชายคนที่จะไปดูปลาโลมากระโดดน้ำอยู่ลิบๆ
วิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชะง่อนผา ปลาโลมาใต้แสงดาว จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือแค่แกล้งพูดให้เราอยากดู
พิชญนั่งลงบนขั้นบันได รู้สึกเบื่อมากเพราะไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านี้ เขายังอามณ์เสียอยู่เพราะคนขับเรือผิดนัด
“บ้าจริงๆ แล้วทำไงเราถึงจะกลับกรุงเทพฯ ได้ล่ะทีนี้ อีตานั่นก็ไม่เห็นท่าทางจะเดือดร้อนด้วย จะหาทางช่วยหน่อยก็ไม่มี อะไรกัน ยังจะมีหน้ามาชวนไปเดินชมธรรมชาติ” พิชญบ่นอยู่คนเดียว
ชะง่อนผา มองลงไปเห็นทะเลกว้างใหญ่ วิวพระอาทิตย์ยามเย็น ตามด้วยท้องฟ้ามืดสนิทมีดาวระยิบระยับเต็มไปหมด จากนั้นก็ชมฝูงปลาโลมากระโดดเล่นน้ำ
โอย อยากดู อยากเห็น
พิชญถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินลงจากบ้าน มุ่งตรงไปตามทางที่ผู้ชายตัวโตคนนั้นเดินไป แม้ขณะนี้ร่างของคนที่ไม่ชอบสวมเสื้อนั้นลับจากสายตาไปแล้วแต่พิชญคิดว่าหากเขาเร่งเท้าขึ้นอีกหน่อยก็คงจะตามทัน

พิชญคิดผิด เขาเดินมาครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตามผู้ชายตัวโตคนนั้นทัน แต่พิชญไม่หนักใจเพราะรู้ว่านี่คือเกาะส่วนตัว หากจะหลงทางก็คงได้แต่เดินนวนไปวนมาบนเกาะ ถ้าผิดสังเกตผู้ชายคนนั้นคงมาตามหาและไม่นานก็คงเจอเขา
ท่าทางเขาคุ้นกับเกาะมากนี่นา แต่ละวันที่หายใปก็ไปเดินอยู่รอบเกาะจนน่าจะรู้จักพื้นที่แทบทุกตารางนิ้ว
เมื่อเดินมาได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงพิชญก็ได้ยินเสียงหนึ่งซึ่งคิดว่าเป็นเสียงเครื่องยนต์ คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือคำว่า 'เรือ'
พิชญรีบเร่งเท้า เดินตรงไปยังทิศตะวันตก ตั้งใจจะไปให้ถึงสุดเกาะซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นโขดหินหรือหน้าผาเพราะภูมิประเทศด้านทิศตะวันตกของเกาะเป็นโขดหินสูง
กว่าจะมาถึงหน้าผาเล็กๆ สูงประมาณสิบเมตรจากระดับน้ำทะเลพิชญก็เหงื่อโทรมกาย แต่เมื่อมองออกไปยังทะเลกว้างเบื้องหน้ากลับไม่เห็นเรือสักลำ ชายหนุ่มพ่นลมออกมาจากปากด้วยความหงุดหงิดปนกับความเหนื่อย แต่อีกใจหนึ่งก็นึกว่าตัวเองอาจจะหูแว่ว
พิชญนั่งพัก มองไปทางทิศใต้และทิศเหนือสลับกัน ทิศใต้มีโขดหินสูงมากซึ่งสูงชันขึ้นไปสลับกับพุ่มไม้ทึบ ไม่มีทางที่เดินลัดเลาะไปได้ แต่ทิศเหนือเป็นโขดหินเล็กสลับใหญ่ค่อยๆ ลาดชันขึ้นไปทีละน้อยซึ่งน่าจะพอปีนป่ายขึ้นไปอย่างไม่ลำบากเท่าใดนัก
เอ๊ะ หรือว่านี่คือทางไปชะง่อนผาอย่างที่อีตานั่นพูด
แล้วนี่ชวนเรามา พอเราปฏิเสธหน่อยก็หายไปเลย เวลาเดินน่าจะรอกันบ้าง ไม่คิดหรือไงว่าเราอาจจะเปลี่ยนใจตามมา
พิชญบ่นให้คนที่อยู่ร่วมเกาะในใจแล้วลุกขึ้น ค่อยๆ เดินลัดเลาะไปตามทางสลับกับการปีนโขดหินขึ้นไปทางทิศเหนือ ลมเริ่มแรงขึ้น พัดเอาไอ้ร้อนผสมไอเย็นมาปะทะใบหน้า รู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด เสียงนกนางนวลร้องฟังราวกับเป็นจังหวะดนตรีธรรมชาติ คลื่นกระทบโขดหินดังค่อยๆ ส่งเสียงสะท้อนก้องกังวาน พิชญเริ่มฮัมเพลง รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที จากนั้นก็เริ่มส่งเสียงดังขึ้นเป็นการร้องเพลงเต็มเสียง และไม่นานก็กลายเป็นการแหกปากร้องเพลงโดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยินและมองเขาเป็นตัวแปลกประหลาด
พิชญหยุดพักแล้วนั่งลงบนโขดหินเล็กๆ มองออกไปยังทะเลเวิ้งว้างเบื้องหน้า แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบผิวน้ำทะเลราบเรียบ ทำให้เกิดแสงสะท้อนระยิบระยับ
สวยงามแบบนี้เอง มิน่า คนเขาถึงได้ทุ่มเงินซื้อเกาะแล้วสร้างบ้านพักเอาไว้ คอยดูนะ รอให้เราทำงานเก็บเงินได้เยอะๆ ซะก่อน เราก็จะซื้อเกาะเหมือนกัน
พิชญยิ้มกว้างอยู่คนเดียว รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีทั้งที่รู้ว่าเมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ จะต้องเผชิญกับปัญหาอีกมากมาย
การหลบมาพักที่เกาะกลางทะเลช่วยได้มากจริงๆ ได้ปลดปลอย ได้...ได้...
เอ...แล้วการที่ได้ทะเลาะกับผู้ชายคนนั้นและไม่เหงาปากนี่มันช่วยด้วยหรือเปล่านะ
พิชญหัวเราะหึๆ ในลำคอและทันใดก็รู้สึกอยากจะปลดปล่อยอารมณ์จึงลุกขึ้นตะโกนออกมาดังๆ
“เฮ้อ รู้สึกดีจัง” พิชญพูดแล้วกระโดดและตะโกนอีกครั้ง
แต่คราวนี้เขายืนนิ่ง ขมวดคิ้ว เพราะคิดว่าตัวเองเห็นอะไรบางอย่างขณะที่กระโดด
ยอดสีขาวๆ แบบนั้นมันคือปลายเสากระโดงเรือหรือว่าธง
พิชญกระโดดสุดแรงอีกครั้งเพื่อดูให้ชัดขึ้น
เรือ ต้องมีเรือจอดอยู่ฟากโน้นแน่ๆ
พิชญรีบปีนขึ้นโขดหินทางทิศเหนือเพื่อขึ้นไปยังจุดที่สูงขึ้น จริงอย่างที่คิด เขาเห็นเสาสีขาวโผล่ขึ้นมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แนวโขดหินของเกาะโค้งไปทางทิศตะวันตกและสูงชันขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งพิชญคิดว่าน่าจะเป็นที่เรือลำนั้นจอดหลบอยู่
พิชญเร่งฝีเท้า ตรงไปข้างหน้าอย่างมุ่มมั่น และไม่นานก็มายืนอยู่บนหน้าผา มองลงไปเห็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง
เรือยอท์ชสีขาวขนาดกลางจอดนิ่งอยู่ในเวิ้งอ่าวเล็กๆ!
พิชญหันซ้ายหันขวา มองหาทางที่จะลงไปยังเรือลำนั้น เขาคิดว่าวิธีง่ายที่สุดคือกระโดดลงไปในน้ำและว่ายน้ำเข้าไปหาเรือ แต่เขาคงไม่บ้าบิ่นขนาดนั้น
พิชญมองไปทางทิศเหนือ ทางเดินลาดต่ำลงแต่ก็เป็นระยะทางกว่าสามร้อยเมตร หากเดินลงไปทางนั้นก็จะห่างจากเรือมากขึ้น แต่เขาก็สงสัยว่าอาจจะปีนลงไปยังโขดหินที่ปริ่มน้ำทะเลได้ แล้วคงจะต้องเดินลัดเลาะไปตามโขดหินใต้หน้าผาเพื่อไปยังจุดที่ใกล้เรือที่สุด
เท้าไว้เท่าความคิด พิชญเดินไปทันทีแต่เมื่อถึงจุดที่ต่ำสุดเขาก็ยังมองไม่เห็นทางที่จะปีนลงไปยังโขดหินข้างล่างได้ จุดที่เขายืนอยู่ถึงแม้จะต่ำแต่ก็ยังมีความสูงประมาณกว่าสี่เมตร
พิชญบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินขึ้นเนินย้อนกลับไปจุดที่เรือจอด ตั้งใจจะตะโกนเรียกคนที่อยู่ในเรือ
ลืมไปได้ยังไง ถ้าเรียกดังๆ คนที่อยู่ในเรืออาจจะได้ยิน เราจะขอร้องหรือไม่ก็จ้างให้ไปส่งที่กระบี่ หรือไม่ก็ไปส่งที่เกาะไหนซักแห่งที่จะเช่าเรือชาวประมงได้

พิชญตะโกนจนคอแห้งแต่ก็ไร้ผลเพราะไม่มีเสียงขานรับจากเจ้าของเรือยอท์ชหรู ชายหนุ่มนั่งลงอย่างหมดแรง รู้สึกแทบจะหมดหวัง ใจหนึ่งบอกตัวเองว่าให้รออย่างอดทน เจ้าของเรืออาจกำลังออกไปพายเรือแคนูเล่นหรือไม่ก็ไปดำน้ำ แต่อีกใจหนึ่งบอกให้กลับไปบ้านก่อนนแล้วค่อยกลับมาอีกทีพรุ่งนี้เช้าเพราะพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว
ไม่ได้หรอก เผื่อเขากลับมาแล้วขับเรือไปซะก่อนล่ะ และอีกอย่าง พอใกล้ค่ำ ถ้าไปเที่ยวอยู่ที่ไหนเจ้าของเรือก็คงจะกลับมานอนที่เรือของตัวเอง
พิชญจึงนั่งรออย่างอดทน เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เวลาเย็นเข้ามาเยือน แสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงและไม่นานก็หายลับไปกับทะเลเวิ้งว้าง ความเงียบและความมืดเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณแต่ก็ไร้วี่แววว่าเจ้าของเรือจะกลับมา บนเรือเงียบและมืดสนิท
ขออีกซักหนึ่งชั่วโมง ถ้าไม่มาเราก็จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะรอ แล้วค่อยเสี่ยงดวงกลับมาใหม่พรุ่งนี้
เขาไปไหนของเขานะ ไม่ห่วงเรือตัวเองหรือไง ถ้าเกิดมีคนไม่ดีขึ้นไปบนเรือแล้วขับหนีไปจะว่ายังไง
พิชญเอนตัวลงนอนหงาย ตามองขึ้นไปท้องฟ้า เห็นดาวเริ่มทอแสงประกายระยิบระยับ แม้ดาวยังปรากฎไม่มากแต่ก็ดูสวยงามยิ่งนัก พิชญรู้ว่ายิ่งดึกดาวก็จะยิ่งเต็มฟ้า
แล้วผู้ชายคนนั้นไปนั่งดูดาวกับปลาโลมาอยู่ที่ชะง่อนผาตรงไหน ตรงจุดนี้ก็เรียกว่าชะง่อนผา วิวก็สวย ทำไมเขาไม่มาตรงนี้ อย่างน้อยจะได้ช่วยหาทางติดต่อเจ้าของเรือ
แต่เอ๊ะ เขาเดินท่องไปทั่วเกาะ ยังไงก็ต้องผ่านมาแถวนี้บ้าง นายคนนั้นจะไม่เห็นเลยหรือว่ามีเรือยอท์ชจอดอยู่ตรงนี้
หรือว่า!
หรือว่ามันเรือของเขา

สองทุ่มครึ่งแล้วแต่คนที่เคยอยู่ร่วมบ้านกับเขาได้ครึ่งเดือนยังไม่กลับ อาหารเย็นที่ทำเอาไว้เผื่อชายหนุ่มคนนั้นตอนนี้เย็นชืด พยุตม์จึงลงจากบ้านเพื่อออกไปตามหา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เห็นร่างของชายหนุ่มชาวกรุงเดินมาตามทางเดินกลางเกาะ ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง
“คุณหายไปไหนมา” พยุตม์ถาม “อย่าบอกนะว่าไปนอนเล่นที่เปลใต้ต้นไทรแล้วลงมาไม่ได้”
“อย่ามากวนอารมณ์นะคุณ” พิชญตอบเสียงเย็น
“อ้าว คนถามเพราะเป็นห่วง”
“ผมหลงทาง” พิชญตอบแล้วนั่งลงกับพื้นเพื่อพักเหนื่อย “นี่ดีนะที่เดินขึ้นเหนือไปจนเจอเปลกับต้นไม้เลยกลับถูก”
“คุณไปไหนมา” พยุตม์นั่งยองๆ ลงข้างๆ พร้อมกับถามเสียงนุ่ม
“ไปดูชะง่อนผากับปลาโลมาเล่นน้ำทะเลใต้แสงดาวมั๊ง” พิชญกระแทกเสียง “แล้วคุณล่ะ เห็นบ้างหรือเปล่า”
“เปล่า” พยุตม์ส่ายหน้า “ผมไม่ได้โชคดีเสมอไปหรอก”
“หรือว่าคุณหลอกผม”
“หลอกเรื่องอะไร”
“ชะง่อนผาน่ะมีจริง แต่ปลาโลมาเล่นน้ำตอนกลางคืนนี่คงเป็นราคาคุย คุณต้องการให้ผมหยุดเดินไปเดินมาและออกมานอกบ้าน ก็เลยพูดหลอกล่อให้ผมทำตาม”
“ผมจำได้ว่าผมชวนคุณแต่คุณไม่ไปกับผม” พยุตม์จ้องหน้าพิชญ “แล้วอยู่ๆ ทำไมเกิดเปลี่ยนใจ ถ้าคุณยอมไปกับผมตั้งแต่ตอนนั้นก็คงไม่หลงทางแล้วก็ไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้”
“ช่างเถอะ ผมไม่ได้กลัวอะไรเท่าไหร่ เกาะก็แค่นี้ ผมรู้ว่าตัวเองอยู่ทิศตะวันตก ถ้าเดินเลียบไปตามแนวโขดหินก็คงขึ้นไปถึงทิศเหนือซึ่งเป็นหาดทรายและเจอต้นไม้ใหญ่...”
“ต้นไทร” พยุตม์แทรก
“นั้นล่ะ ต้นอะไรก็ช่างเถอะ แล้วผมก็จะใช้ทางเดินตัดผ่านกลางเกาะกลับมาที่บ้านได้อยู่แล้ว ผมไม่ใช่คนโง่”
“อืม...ก็ดี” พยุตม์พยักหน้า
“ผมไม่ใช่คนโง่” พิชญพูดซ้ำอีกครั้งช้าๆ ชัดๆ
“อืม...ผมก็ว่ายังงั้นล่ะ”
“คุณมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า” พิชญจ้องตาอีกฝ่าย
“เรื่องอะไรครับ”
“ถ้าผมรู้ว่าเรื่องอะไรผมจะถามคุณทำไม”
“ทำไมผมต้องปิดบังคุณ หรือทำไมผมต้องปิดบังใคร” พยุตม์หันไปมองด้านข้าง
“คนเรามีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันที่จะไม่พูดความจริง”
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร”
“คุณรู้ไหมว่าวันนี้ผมไปเจออะไรมาบ้าง” พิชญพูดเสียงเข้ม
“ทำหน้าอย่างนี้แสดงว่าไม่เป็นปลาโลมา” พยุตม์ยิ้มกว้าง “บอกแล้วว่าให้ไปกับผม”
“ถึงไปกับคุณก็ไม่เห็น เมื่อกี้คุณก็บอกว่าคุณโชคไม่ดี ไม่เห็นปลาโลมาซักตัว”
“ไปกันสองคนอาจจะโชคดีก็ได้” พยุตม์ยักไหล่แล้วลุกขึ้น “ไปกันเถอะคุณ นี่จะสามทุ่มอยู่แล้ว ผมว่าคุณดูเหนื่อย กลับบ้านอาบน้ำเย็นๆ นอนเตียงสบายๆ จะได้พักผ่อน”
“ผมเห็นเรือ” พิชญพูดโพล่งขึ้นมา
“อยากกลับกรุงเทพฯ มากจนตาฝาด” พยุตม์พูดเบาๆ
“เรือยอท์ช หรูไม่ใช่เล่นเลยล่ะ”
“คุณคงเดินเร็วไม่ไหว ผมล่วงหน้าไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันที่บ้าน” พยุตม์เร่งเดิน
ใช่แน่ๆ เรือของอีตานี่แน่ๆ ทำเฉไฉออกนอกเรื่องแบบนี้เพราะไม่อยากโดนซักไซร้ไล่เลียง
พิชญหรี่ตามองแผ่นหลังกว้างอวดผิวสีเข้มและมัดกล้ามแกร่งแล้วรู้สึกอยากจะหยิบก้อนหินขว้างให้หายเจ็บใจ
อยู่ด้วยกันบนเกาะมาตั้งสองอาทิตย์เขาไม่เคยปริปากเลยว่ามีเรือยอท์ช เอาแต่คุยว่าสร้างบ้านเองและเกาะเป็นของเขา
แต่เราก็ไม่เชื่อนี่นา ใช่ไหมล่ะ ถ้ายังงั้นเขาจะเอาเรื่องเรือยอท์ชมาพูดให้โดนแขวะว่าอวดรวยทำไม ปากเราก็ยิ่งร้ายอยู่ด้วย
ไม่รู้ล่ะ แต่เมื่อเช้านี้ที่เรือเบี้ยวนัดเราทำให้กลับไม่ได้ เขาก็น่าจะพูดออกมา น่าจะเสนอตัวไปส่งด้วยซ้ำ ไม่ใช่ทำเป็นใจเย็นอยู่แบบนี้ ไร้น้ำใจ และกวนอารมณ์มากจนถึงมากที่สุด

เมื่อกลับถึงบ้านพิชญยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อ 'เจ้าของเรือยอท์ช' ใช้เวลาอาบน้ำนานมากจนเขาต้องไปเคาะประตู
“คุณอาบน้ำขัดผิวให้ขาวหรือไง อย่าลืมนะ บ้านหลังนี้อยู่กันสองคน ผมก็ต้องอาบน้ำเหมือนกัน” พิชญพูดเสียงดัง
“จะเสร็จแล้วครับ” คนที่อยู่ในห้องน้ำตอบเสียงดังเช่นกัน
“หรือคุณจะหลบหน้าผม”
“ผมจะหลบหน้าคุณทำไม เรื่องหลบหน้าคุณไม่เคยอยู่ในสมองผมเลยคร้าบ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้หลบหน้าผม” พิชญพูดเสียงเย็นชา
“นอกเสียจากว่าผมรู้สึกว่าคุณอยากหาเรื่อง”
“ผมไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใคร”
“ผมก็ไม่ใช่คนที่อยากมีเรื่องกับใคร ผมชอบอยู่เงียบๆ อาบน้ำเสร็จก็คงรีบเข้านอน”
พิชญเบ้ปาก ตอนนี้รู้อย่างไม่สงสัยอะไรแล้วว่าผู้ชายคนนี้ปิดบังเรื่องเรือยอท์ช
แต่รู้จักพิชญน้อยไปแล้วพ่อตัวดี อย่าหวังว่าจะได้หลับง่ายๆ
ร้ายจริงๆ ร้ายแบบหน้านิ่งๆ
แล้วแสดงออกแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าเราจะจับได้
ก็ใช่สิ เขาหาทางเอาตัวรอดไม่ได้นี่นา มันชัดเจนเสียจนไม่รู้จะชัดเจนยังไง เรือจะเป็นของใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ของตัวเอง ลองดูหน่อยสิว่าอีตานี่จะปฏิเสธหรือจะเล่นลิ้นกับเราไปถึงไหน
“คุณเคยรู้มาก่อนหรือไม่ว่ามีเรือมาจอดอยู่ที่ใต้หน้าผา” พิชญถามต่อ
“หา อะไรนะครับ”
“คุณรู้หรือเปล่าว่ามีเรือจอดอยู่ใต้หน้าผาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ”
“ผมกำลังอาบน้ำ เราค่อยคุยกันตอนอื่นได้ไหมครับ ผมไม่ค่อยได้ยิน”
“ผมอยากคุยตอนนี้” พิชญพูดเสียงเข้ม
“ถ้ายังงั้นก็เข้ามาคุย” เสียงห้าวนั้นตอบและไม่กี่อึดใจประตูห้องน้ำก็เปิดออก พิชญสะดุ้ง ก้มลงมองเนื้อตัวคนที่ยืนเปลือยกายมีหยดน้ำพราวเต็มตัว
“คนบ้า” พิชญอุทาน
“คุณอยากคุยก็คุยมาสิ” พยุตม์ทำหน้าจริงจัง
“เปิดประตูออกมาได้ยังไง” พิชญตำหนิ ละสายตาจากกลางลำตัวของ 'ชีเปลือย' ให้มองสูงกว่าเดิมแต่ทำได้แค่เพียงหยุดสายตาอยู่ที่แผ่นอกกว้าง
“ก็คุณเร่ง ผมมีเวลานุ่งผ้าเช็ดตัวที่ไหนเล่า ไหนล่ะ อยากคุยนักไม่ใช่หรือ” พยุตม์พูดเสียงเข้ม
“คุณไปหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งให้เรียบร้อย” พิชญสั่ง
“คุณครับ นี่จะรอจนกว่าผมอาบน้ำเสร็จไม่ได้เลยหรือไง”
“คุณอาบมานานแล้ว”
“ผมยังไม่เสร็จ” พยุตม์ตอบแล้วหัวเราะในลำคอ “แต่ความจริงใกล้จะถึงจุด เอ๊ย เสร็จแล้ว ถ้าไม่โดนรบกวนกลางคันจนอารมณ์ค้าง”
“บ้าจริงๆ” พิชญหันหลัง เดินออกไปจากห้อง ปากบ่นพึมพำว่า “โด่เด่เปิดประตูออกมาได้”

::: End of chapter 9 :::

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 17-01-2012 23:50:59
แหง่มมม เจ้าเลห์
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 17-01-2012 23:54:10
เอามือตบตัก ป๊าดดดดด !!
นั่นไงตูว่าแล้ว มันต้องซุกเรือไว้
ไม่ใช่เรือธรรมดา เรือยอท์ชซะด้วยอย่างหรู 
หล่อ รวย ลูกเล่นแพรวพราวเชียวนะพ่อคุ๊ณณณณ
โดนจับได้แบบนี้  รีบๆจับกดซะก่อนที่เค้าจะหนีนะคุณหฤษ เจ้ยย คุณพยุตม์  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-01-2012 23:58:19
ตลกดี

อัพไว  ทันใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 18-01-2012 00:03:08
อร้ายยยยย  วันนี้สองตอนอีกแล้ววว 

แหมม  พิชยจะมองก็มองไปเหอะ พ่อพยุตย์เค้าชอบโชว์อยู่แล้วว  :haun4:

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 18-01-2012 00:13:05
ก็เขาไม่อยากให้ไป
แล้วเขาจะบอกล่ะจริงม่ะ
เจอชีเปลือยเข้าไป
ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 18-01-2012 00:45:08
ถ้าพี่คทาวุฑจะอัพไวขนาดนี้...   โฮะๆๆๆๆ  คนอ่านก็รักตายเลยสิคะ

เริ่มจะสงสัยมากขึ้นแล้วนะ  พระเอกเป็นใครกันล่ะนี่ 

เป็นแผนการของใครสักคนรึป่าว  หรืออาจจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ 

โอ้ยยยย  อยากรู้ๆๆๆ

เรื่องนี้จะยาวเท่ากายมั้ยเนี่ย.... 

+1 ค่า
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 18-01-2012 03:52:50
พิชญเถียงยังกะเด็ก ตลกปนน่าตบหัวเล็กๆดี
พยุตม์นี่ดูนิ่งๆแต่ทำให้หลงเอาได้ง่ายๆเหมือนกันนะ
อยู่ต่อไปอีกห้าวันเถอะจ้า รอดูคนเขาทำคะแนนหน่อย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 18-01-2012 04:04:32
แอร๊ยโด่เด่ คนอ่านหละอยากจะเห็นมั้ง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 18-01-2012 05:25:20
 :o8: อ่านแล้วเขินวุ้ย

มารอตอนต่อไปอีก
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 18-01-2012 06:28:10
ตีกันให้ตายไปข้างนึงก่อนค่อยรักกัน ตอนรักกันจะได้ไม่มีเรื่องตีกันแล้ว(เหรอออออ)
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 18-01-2012 07:34:18
อ่อยกันจริงเดี๋ยวหนูพิชญใจละลายกันพอดี
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 18-01-2012 08:28:25
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 18-01-2012 10:47:18
บ้าจริง...โด่เด่ออกมาได้ :z1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 18-01-2012 10:52:56
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
รอตอนต่อไปนะ
+ 1 นะคะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 18-01-2012 10:59:19
ทะเลาะกันได้ทุกวันเลยคู่นี้ แต่เป็นแบบพ่อแง่แม่งอนนะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 18-01-2012 11:12:53
อัพไวมากกกกกกกกกกกกกกกกก จนกลัว...ว่าจะหายไป 5555 เป็นโรคขี้ระแวง อิอิ

รวยใช่เล่นนะคุณยุตเนี่ย ชอบเค้าก็รีบๆสารภาพไปเถ๊อะ เดี๋ยวจะเหลือเวลาอยู่กันตามลำพังน้อยนะจ้ะ

ขอบคุณมากค๊าาา กอดแน่น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 18-01-2012 11:22:19
คุณพยุต์ร้ายจริงๆ
จับรวบหัวรวบหางไปเลยยยยย 55
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 18-01-2012 14:05:10
เรือใครเอ่ย??
นายเอกเรางอนยาวแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 9 "ความจริง" UP 17/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 18-01-2012 14:14:08
อาทิตย์อัสดง บทที่ 10

พิชญอยู่บนเก้าอี้ที่ระเบียงหน้าบ้านอยู่นานจนแน่ใจว่า 'คนอาบน้ำนาน' อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอน แต่ภาพที่เห็นทำให้เขาฉุนกึกเพราะผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงและท่าทางหลับไปแล้วเรียบร้อย
“คุณ...นี่คุณ” พิชญเรียก
“หือ” คนที่นอนอยู่ทำเสียงอู้อี้
“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อน”
“อือ...” พยุตม์ไม่กระดุกกระดิกตัว
“ตอบมาก่อนว่าเรือนั่นเป็นของคุณหรือเปล่า”
เงียบ ไม่ตอบ พิชญเม้มปาก อยากหาอะไรฟาดเข้าที่ต้นขาด้านหลังของนายท่อนซุงแรงๆ
“คุณไม่ตอบ งั้นก็คงไม่ใช่ ดึกขนาดนี้เจ้าของเขาคงกลับมาที่เรือแล้ว ผมไปคุยกับเขาทีเรือดีกว่า เผื่อจะได้จ้างให้ไปส่งที่ฝั่ง” พิชญพูดแล้วเดินลงส้นเท้าออกจากห้อง
“เชื่อเขาเลยจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้” พยุตม์พึมพำ หน้ายังคงซุกอยู่กับหมอน ยิ้มมุมปากบางๆ แต่ใจนึกหวั่นเกรงฤทธิ์เดชของชายหนุ่มเจ้าอารมณ์อยู่ไม่ใช่น้อยที่มารู้ความจริงเข้า
และที่สำคัญ เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เพราะอะไรนะหรือ
เพราะเขาอยากยืดเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันออกไปให้นานขึ้นนะสิ
แล้วนี่ทำไมเงียบไป ปกติถ้าไม่พอใจอะไรจะทำกระแทกกระทั้น
พยุตม์ลุกขึ้นและเดินย่องไปที่ประตูห้องนอน ค่อยๆ แง้มประตูออกไปดูว่าชายหนุ่มที่อยู่ร่วมบ้านนอนอยู่บนโซฟาหรือไม่ แต่ทันใดนั้นหางตาเขาก็มองเห็นร่างหนึ่งเดินห่างออกจากบ้านไป กำลังจะหายไปในความมืด
“เฮ้ย จะไปที่เรือจริงๆ หรือนี่” พยุตม์ตกใจ รีบเดินลงจากบ้านตามหลังพิชญไปทันที ปากก็บ่นไปด้วยว่า “โอ้โห ใจถึงไม่ใช่เล่นแฮะ”
ไม่นาน พยุตม์ก็ใกล้ถึงคนที่เดินนำหน้า เขาร้องเรียกแต่ฝ่ายนั้นยิ่งเพิ่มความเร็ว แต่ขาพยุตม์ยาวกว่า เขาจึงเร่งตามจนทัน
“นี่คุณ จะออกไปมืดๆ แบบนี้ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวได้โดนงูกัด ไม่ก็สะดุดหินล้มขาหักขาแพลง”
“ผมจะไปที่เรือ” พิชญตอบ
“แล้วกระโดดตูมลงไปในน้ำให้เจ้าของเรือรู้ว่าคุณไปหาหรือไง”
“ผมจะทำแบบนั้นทำไม” พิชญหยุดเดินทันทีและหันมาเผชิญหน้าคนที่เดินตามมา”
“หือ” พยุตม์ชะงัก
“ก็ในเมื่อผมรู้ว่าเจ้าของเรืออยู่ที่นี่” พิชญกระแทกเสียง กำมือแล้วกระทุ้งหน้าอกเปลือยเปล่าของเจ้าของเรือ “ยอมรับมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณเป็นเจ้าของเรือ ผมต้องการได้ยินคำตอบว่าใช่หรือไม่ใช่”
“ก็แล้วคุณจะเดินออกมาจาบ้านทำไมตั้งใกลเพื่อจะเอาคำตอบนี้ล่ะ”
“เมื่อกี้คุณแกล้งนอนหลับ” พิชญชี้หน้า
“ตกลงคุณจะคุยเรื่องอะไรกันแน่”
“เรื่องเรือ”
“เอาไว้คุยกับพรุ่งนี้ได้ไหมครับ นี่ถึงเวลานอนแล้ว ผมง่วง” พยุตม์อ้าปากหาว
“ถ้าคุยกันไม่เคลียร์ก็อย่าหวังว่าจะได้นอนตาหลับ” พิชญเอาเรื่อง
“เอางั้นเลยหรือ” พยุตม์ยกมือเกาศีรษะ
“ใช่หรือไม่ใช่”
“แต่ก่อนไม่ใช่หรอกครับ แต่พอดี...”
“ใช่หรือไม่ใช่” พิชญจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง
“ใช่คร้าบ” พยุตม์ลากเสียง ในที่สุดก็ยอมรับ “แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร เรือเสีย น้ำมันหมด ต้องจอดทิ้งไว้อย่างนั้น คุณเลยปีนขึ้นมาบนเกาะ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็เลยถือโอกาสครอบครองบ้านซะเลย”
“เอาอีกแล้ว นี่คุณก็ยังหาว่าผมไม่ใช่เจ้าของเกาะ ไม่ใช่เจ้าของบ้าน ทำไมไม่คิดว่าผมไม่ใช่เจ้าของเรือบ้าง”
“พรุ่งนี้คุณไปส่งผมที่ฝั่ง จะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามา แต่ขอให้ราคาสมเหตุสมผล” พิชญสรุป
“คุณคร้าบ ราคาเช่าเหมาลำเรือยอท์ชนี่ไม่ใช่สี่ห้าพันอย่างที่เหมาเรือหาปลามาส่งผิดที่นะคร้าบ”
“หนึ่งหมื่น” พิชญชูหนึ่งนิ้ว
“ดูถูก” พยุตม์ทำเสียงเหมือนพิชญ
“นี่คุณ อย่ามากวนอารมณ์ผม ไม่รู้ล่ะ ถือซะว่าคุณต้องไถ่โทษที่ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ พรุ่งนี้คุณต้องไปส่งผม”
“น้ำมันผมมีไม่พอ”
“ก็ไปเติมสิ”
“ที่ปั๊ม ปตท. ปากซอยใช่ไหม” พยุตม์พูดสวน
“คงใช่มั๊ง” พิชญกระแทกเสียง
ทั้งสองหนุ่มยืนมองหน้ากันครู่หนึ่ง ต่างคนต่างเงียบ ในที่สุดพิชญก็พูดขึ้น “แล่นไปซักหน่อยก็คงเจอเกาะ ถามซื้อน้ำมันเขาก็คงมีขาย”
“เผื่อน้ำมันหมดกลางทะเลล่ะครับ”
“ก็ตายมันกลางทะเลนั่นล่ะ” พิชญตอบเสียงห้วน
“ผมรอให้เรือผ่านมาเหมือนคุณ จะได้จ้างให้เขาไปหาน้ำมันมาเติมให้”
“ผมไม่เชื่อ คนขับเรือยอท์ชที่ไหนจะปล่อยให้เรือตัวเองน้ำมันหมด” พิชญโวย
“ผมไม่ได้บอกว่าหมด ผมบอกว่าน้ำมันไม่พอพาคุณไปส่งที่กระบี่”
“เอาแค่หมู่บ้านชาวประมงที่ไหนก็ได้ ผมจะเช่าเรือต่อเอง” พิชญพูดเสียงเข้ม
“แต่ว่า...”
“ผมแค่ต้องไปจากที่นี่” พิชญยกมือขึ้นกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เฮ้อ เอางั้นก็ได้ แต่ว่าตอนนี้กลับบ้านนอนกันก่อนนะ”
“เชิญคุณกลับไปก่อน ผมจะเดินดูธรรมชาติ”
“มันมืด มองเห็นธรรมชาติที่ไหนกันล่ะ” พยุตม์แย้ง
“ผมจะดูดาว” พิชญยืนกอดอกนิ่ง หันหน้าไปด้านข้าง มองไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่ได้แสดงท่าทางว่าจะแหงนหน้ามองดูดาวเลยแม้แต่นิด
“นี่คุณ อย่ามาโกรธกันแบบนี้เลย ถ้าคุณจะดูธรรมชาติก็ไปดูที่ระเบียงหน้าบ้านหรือตรงสะพานไม้ข้างบ้านเถอะ ไม่ก็ที่เปลใต้ต้นไม้ใกล้ๆ บ้าน”
“นอนที่เปลใต้ต้นไม้แล้วจะมองเห็นดาวหรือเปล่าล่ะ ไม่นึกหรือว่าใบไม้จะบัง”
“ระเบียงหน้าบ้านหลังบ้านก็กว้าง จะนอนแผ่หรือเอาเก้าอี้เอนมานอนดูก็ได้ อย่ามายืนอยู่ตรงนี้เลย”
“คุณมายุ่งอะไรกับผม”
“ผมไม่อยากให้คุณถูกงูกัด”
“ช่างผม”
“เฮ้อ จะงอนไปถึงไหนว๊า” พยุตม์ถอนหายใจ
“ผมไม่ได้งอน ผมโกรธ” พิชญเน้นเสียง
“ก็หายโกรธสิครับ ผมก็รับปากคุณแล้ว” พยุตม์พูดเสียงอ่อน
“รับปากว่ายังไง” พิชญทำสีหน้าคาดคั้น
“ก็คุณบอกว่ายังไงล่ะ”
“บอกตรงๆ ผมไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใจคุณได้แค่ไหน ที่คุณเล่นอยู่นี่มันตลกนักหรือไง ผมต้องกลับไปทำงาน นี่ถ้าคุณเสนอตัวตั้งแต่เช้า ป่านนี้ผมก็คงถึงกรุงเทพฯ แล้ว”
“เอาล่ะ ผมผิดเอง ขอโทษ กลับบ้านได้หรือยัง”
“ยัง ผมจะเดินเล่น”
“เชื่อจริงๆ เลย” พยุตม์ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นกอดอกบ้าง
“คุณจะไปไหนก็ไป” พิชญไล่อีกฝ่าย
“คุณไม่ไปผมก็ไม่ไป”
“ผมอยากอยู่คนเดียว” พิชญพูดเสียงห้วน
“ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว” พยุตม์ตอบ “ไม่อยากเหนื่อยช่วยตอนคุณถูกงูกัด ยายิ่งไม่มีอยู่ด้วย”
“ไม่ต้องมาขู่ผมหรอก ไม่ได้ผล ผมไม่ใช่คนกลัวงู”
“นี่คุณกลับกรุงเทพฯ ช้าวันสองวันมันจะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย ตอนนั้นก็เห็นท่าทางพักผ่อนสบายอารมณ์ อยู่ดีๆ พอถึงวันกำหนดกลับแต่ไม่ได้กลับก็ดูหงุดหงิดขึ้นมาทันที”
“ผมมีงานต้องทำ”
“ผัดไปก่อนซักวันสองวันจะเสียหายอะไรนักหนา คุณต้องกลับไปเซ็นสัญญามูลค่าร้อยล้านหรือไงครับ”
“ใช่” พิชญตอบเสียงห้วนเช่นเคย
“ถ้างั้นก็กลับไปนอนผักผ่อนเอาแรง เตรียมตัวเดินทาง”
“ไม่”
พยุตม์ถอนหายใจเบาๆ เพราะเจอฤทธิ์ความดื้อรั้นของอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว เขาไม่อยากทิ้งชายหนุ่มเอาไว้คนเดียวมืดๆ กลางเกาะ ความจริงคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เขาหวั่นก็คือคนดื้นรั้นคนนี้อาจจะไม่กลับบ้านและหาที่นอนค้างคืนเอง
เปลใหญ่ใต้ต้นไทรนั่นไง ถ้าให้เขาเดาก็คงไม่มีทางเป็นอย่างอื่น นี่ต้องหาทางทำอะไรประชดเราแน่ๆ
แล้วทำไมเราจะต้องห่วงใยเขาถึงขนาดนี้
“ถ้าอยากชมธรรมชาติผมจะพาไป” พยุตม์เอ่ยขึ้น “ไปขับเรือวนรอบเกาะซักรอบดีไหม หรือไม่ก็ออกเดินทางเลย พอเช้าก็ถึงเกาะชาวประมง ผมจะหาซื้อน้ำมันแล้วไปส่งคุณที่กระบี่เลยก็ยังได้ เร็วกว่าเช่าเรือชาวประมงเป็นไหนๆ”
“จะลงเรือได้ยังไง”
“ผมมีวิธี” พยุตม์ตอบ
“วิธีอะไร”
“เถอะน่า ตามผมมาเถอะ” พยุตม์ยิ้มกว้างเพราะนึกว่าอีกฝ่ายยอมทำตามที่เขาโน้วน้าว
“ไม่เป็นไร รอจนพรุ่งนี้เช้าค่อยไปก็ได้ ตอนนี้ผมอยากอยู่เงียบๆ” พิชญยักไหล่แล้นเดินไปข้างหน้าตามทางโรยกรวดซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งสองคนว่าเป็นทางนำไปสู่ตอนเหนือของเกาะ
“คุณจะไปไหน” พยุตม์พูดขึ้นหลังจาก 'ยิ้มค้าง'
“ก็บอกแล้วไงว่าเดินเล่นชมธรรมชาติ”
“กลับบ้านนอนเถอะน่า” พยุตม์ทำเสียงอ่อนใจ
“อย่ามายุ่งกับผมนักเลย ไม่ดีหรือ คุณจะได้นอนเตียงสบายๆ ไม่ต้องแย่งกันกับผมแล้ว”
“ผมนอนโซฟาก็ได้ เสียสละให้ คืนสุดท้ายของคุณที่บ้านหลังนี้ ให้คุณนอนเตียง”
“ผมไม่อยากนอน”
“นี่คุณ...ทำไมดื้ออย่างนี้” พยุตม์โคลงศีรษะ
“คุณไม่ต้องมาเดินตามผม”
“เฮ้อ คืนนี้คงไม่มีใครได้นอนเตียง” พยุตม์ถอนหายใจ สองเท้ายังคงเดินตามคนดื้อรั้น
“บอกว่าไม่ต้องตามมาไงเล่า”
“ผมไม่ได้ตาม ผมจะไปที่เรือ หมดอารมณ์จะกลับไปนอนบ้านแล้ว ผมจะเอาเรือออกไปนอนอยู่กลางทะเล ดูดาวสวยๆ ที่กำลังส่องแสงระยิบระยับเต็มฟ้าอยู่ตอนนี้ พอเบื่อก็นอนฟังเสียงปลาโลมากระโดดน้ำเล่นดังตูมตาม นั่นล่ะเรียกว่าสัมผัสธรรมชาติแท้ๆ”
“ไม่ต้องเอาปลาโลมามาหล่อล่อ” พิชญเบ้ปาก
“เผลอๆ มีปลาวาฬ”
“เฮอะ” พิชญทำเสียงหยันๆ ในลำคอ
“คุณระวังงูเอาไว้เถอะ” พยุตม์ขู่
“งูไม่กลัวหรอก” พิชญพูดแดกดัน “กลัวแต่ไอ้ที่เหมือนงูหรือหัวงูนั่นล่ะ”
พยุตม์หัวเราะในลำคอแล้วเดินแซงหน้าพิชญไปเงียบๆ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี และเมื่อใกล้ถึงต้นไทรใหญ่ก็เปลี่ยนเส้นทางมุ่งตรงไปยังทิศตะวันตก พิชญลังเล มองต้นไม้ใหญ่ยืนต้นทะมึนในความมืดและไม่นานก็เปลี่ยนใจ เดินตามผู้ชายตัวโตคนที่เขาเพิ่ง 'ไล่' ไปให้พ้นๆ หน้า
“ตกลงคุณกำลังตามมาใช่ไหม” พยุตม์พูดขึ้นมาเบาๆ โดยไม่หันกลับไปมองด้านหลัง พิชญไม่ตอบ
เสียงรองเท้ากระทบพื้นเบาๆ แทรกด้วยเสียงน้ำทะเลซัดโขดหินดังเป็นจังหวะ เสียงหายใจของพิชญหอบกระชั้นขึ้นเพราะเดินมาเป็นระยะทางไกลพอสมควรและเป็นการเดินขึ้นเนิน ในใจก็อดบ่นให้คนน้ำหน้าไม่ได้ว่า
อีตานี่ ไม่คิดจะหยุดพักบ้างเลยหรือไงนะ หรือว่าพอรู้ว่าเราตามมาก็เลยแกล้งเดินไปเรื่อยๆ กะจะให้เราเหนื่อยและยอมแพ้ขอร้องให้พัก เฮอะ ถ้าเราจะพักก็จะพักเลย อย่าคิดว่าจะขอให้หยุดรอนะ
“เหนื่อยใช่ไหมคุณ” พยุตม์หันกลับไปถามแต่คนที่เดินตามหลังมาไม่ตอบ กลับทรุดตัวลงนั่งไปเฉยๆ
“อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“ผมจะพัก” พิชญพูดแล้วเหยียดขาออกไป “ผมอยากพักผมก็จะพัก คุณอยากจะเดินต่อไปก็เดินไป”
พิชญแหงนหน้าขึ้น อ้าปากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเบิกกว้างเพราะเหนื่อย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเพราะชื่นชมกับภาพที่เห็นบนท้องฟ้า
ดาวดวงเล็กๆ เต็มท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับประหนึ่งใครหว่านเพชรจำนวนมหาศาลขึ้นไปไว้บนนั้น สวยงามจับใจจนเขาคิดว่าคงไม่มีทางจะลืมได้ลง
ไม่ต้องไปลอยเรือเท้งเต้งอยู่กลางทะเลเพื่อดูดาวหรอก นั่งอ้าปากพะงาบๆ ดูตรงนี้ก็สวยแล้ว
“สวยใช่ไหมล่ะ”เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้หู “ออกไปทะเลยิ่งสวยกว่านี้”
“ก็ท้องฟ้าเดียวกัน มันจะต่างกันตรงไหน”
“ต่างสิ มุมต่างกันมันก็สวยต่างกัน” พยุตม์ตอบ “เร็วเข้า เดี๋ยวก็พลาดการแสดงระบำเหนือน้ำของปลาโลมา”
“ขอให้มีจริงนะ ไม่งั้นล่ะน่าดู” พิชญคาดโทษอีกฝ่ายแล้วลุกขึ้น เดินตามพยุตม์ไปช้าๆ

สวยงามอย่างที่เขาว่าจริงๆ สวยจับใจจนอยากจะมีกล้องวิเศษถ่ายรูปเก็บเอาไว้ดู
พิชญแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าจนรู้สึกปวดต้นคอ มือจับอยู่ที่ราวสเตนเลสของกราบเรือเริ่มรู้สึกเกร็ง ขาก็ปวดหนึบเพราะยืนดูดาวมาเป็นเวลานาน
“ผมเห็นแบบนี้มาร้อยกว่าคืนแต่ผมก็ไม่เคยเบื่อ ธรรมชาตินี่มันสวยจริงๆ คุณว่าไหม” เสียงห้าวดังขึ้นข้างหู ลมหายใจอุ่นกระทบข้างแก้มจนพิชญต้องหันไปมอง
“อือ” พิชญพยักหน้าแล้วบิดคอไปมา ก่อนจะทำหน้าดุใส่คนตัวโตที่หัวเราะขำซึ่งกำลังเดินกลับไปนั่งอยู่ที่พื้นเรือ
“อยากถ่ายรูปเอาไว้จังเลย” พิชญพึมพำ
“กล้องแพงขนาดไหนก็จับภาพพวกนี้ไว้ไม่ได้หรอกครับ เฉพาะสายตาและความทรงจำของมนุษย์เท่านั้นที่จะจำได้” พยุตม์พูด
“ใครจะถ่ายได้ล่ะ ผมก็แค่พูดไปยังงั้นเอง ผู้รู้หรอกว่าไม่มีกล้องยี่ห้อไหนจะทำได้ แล้วนี่ทำไมปลาโลมาไม่มาซะที”
“อย่าใจร้อน รอหน่อยสิคุณ”
“ชักจะง่วงแล้วนะ” พิชญทรุดตัวลงนั่งแหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่ครู่ จากนั้นจึงเปลี่ยนท่าเป็นเอนตัวลงนอนและพูดว่าา “เฮ้อ แบบนี้มองชัดกว่าเยอะเลย”
พยุตม์หัวเราะชอบใจแล้วขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดขึ้นว่า “น่าจะนอนดูตั้งนานแล้ว”
“ก็เพิ่งคิดได้นี่นา” พิชญพูดแล้วอุทานเบ้า “เฮ้ นั่นดาวตก จริงๆ ด้วย นั่นดาวตก”
“ทำยังกะไม่เคยเห็นดาวตก”
“เคย แต่นี่เป็นครั้งที่สาม”
“จริงหรือ” คราวนี้พยุตม์อุทานเสียงดัง ไม่อยากจะเชื่อ
“คุณดูดาวเป็นหรือเปล่า นั่นดาวอะไร ทำไมส่องแสงสว่างกว่าดาวดวงอื่น แล้วนั่นทำไมมีดาวเป็นกระจุกอยู่ตรงนั้น ไม่กระจายออกไปเหมือนตรงอื่น”
“เป็นสิ” พยุตม์เอนตัวลงข้างๆ คนที่กำลังชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า “คุณดูตามมือผมนะ ผมจะอธิบายให้ฟัง นั่นเขาเรียกว่ากลุ่มดาวลูกไก่”
“อย่าโกหกนะ” พิชญท้วง
“เอ๊ะ คุณนี่ ผมจะโกหกคุณทำไม”
“เรื่องเรือคุณยังโกหก”
“เรื่องเรือกับเรื่องดาวมันคนละเรื่อง” พยุตม์หัวเราะเบาๆ แล้วบอกให้อีกฝ่ายเงียบและตั้งใจมองตามที่เขาชี้เพราะกำลังจะเริ่มอธิบายเรื่องดาวให้ฟัง
“ทำไมคุณรู้จักชื่อดาวเยอะจัง” พิชญพูดขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่
“ผมก็ศึกษามา” พยุตม์ตอบ
“มีดาวไหนที่คุณมั่วนิ่มหรือเปล่า”
“หมายความว่ายังไง” พยุตม์อมยิ้ม
“บางดวงคุณอาจไม่รู้แต่ก็บอกชื่อดาวขึ้นไปงั้นๆ เพราะคุณรู้ว่ายังไงผมก็ไม่รู้จักชื่อมันอยู่แล้ว”
“หาเรื่อง” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“ใครจะไปจำอะไรได้เยอะขนาดนั้น”
“นี่คุณ จะดูดาวต่อหรือเปล่าครับ ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะให้ผมพาดูทำไมเล่า” พยุตม์ทำเสียงอ่อนใจ
“คุณทวนอีกได้ไหมล่ะ ผมจะทดสอบว่าแต่ละดวงที่คุณชี้ให้ดูมันชื่อเดิมหรือเปล่า”
“คุณจำได้ด้วยหรือ”
“อ๊ะๆ อย่าดูถูกความจำผมเชียวนะ ผมเป็นคนความจำดี ใครทำอะไรผมไว้ผมไม่ลืมง่ายๆ หรอก”
“มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องดาว” พยุตม์กลั้นหัวเราะ
“ก็หมายความว่าผมจำชื่อดาวได้ไงล่ะ”
“จำได้ก็จำได้สิ จะให้ผมทวนอีกครั้งก็ได้นะ” พยุตม์ท้า
“ไม่ต้องหรอก”
“อ้าว”
“ผมพูดไปยังงั้นเอง อยากดูปฏิกิริยาของคุณเฉยๆ
“ช่างเข้าใจคิด” พยุตม์ส่ายหน้า
“ผมแค่ต้องการสื่อสารบางอย่างให้คุณเข้าใจว่า ถ้ามีการโกหกกัน มันก็จะเสียความเชื่อมั่นกัน”
“จะให้ผมขอโทษเรื่องเรือใช่หรือเปล่า” พยุตม์ถาม “ก็ได้ครับผม ผมขอโทษอีกที ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
“ยินดีรับคำขอโทษ” พิชญพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้ายังงั้นเชิญแนะนำดาวดวงต่อไป”
“ได้ครับ” พยุตม์หัวเราะ “คุณจำให้ดีๆ นะ เวลาทบทวนจะได้ไม่ต้องมาว่าผมอีกว่าบอกผิดดวง”
“ใครจะไปว่าคุณ เคยว่าคุณที่ไหน”
“จริงๆ ด้วย ไม่เคยว่าผมเลยซักครั้งเดียว” พยุตม์พยักหน้า

::: End of chapter 10 :::
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-01-2012 14:29:16
พามานอนดูดาว โอ้ว โรแมนติกซะ
บรรยากาศพร้อม ฉากพร้อม
พรุ่งนี้หนุ่มเมืองกรุงเค้าจะกลับแล้ว
กดเลยเห๊อะ !!!
  :z2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 18-01-2012 14:31:13
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 18-01-2012 14:32:49
โรแมนติคสุดๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 18-01-2012 15:24:31
คุณพยุตม์น่ารักอีกแล้ว  :-[(เห็นพูดอย่างงี้ทุกตอน 555)
พิชญอย่ารีบกลับเลยน้า อยู่ต่อนานๆจิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 18-01-2012 15:28:29
อยากนอนดูดาวกับพยุตม์จัง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 18-01-2012 15:32:33
เอ..มนต์ของดวงดาวพราวฟ้านี่จะขลังมากพอที่จะทำให้คนบางคน ลืมความดื้อรั้น
ลืมการคิดเข้าข้างตัวเองจนเหมือนกับ เป็นการหาเรื่องคนอื่นลงได้บ้างรึเปล่าน้อ
และมนต์นี้จะขลังมากพอให้ใครอีกบางคน กล้าสารภาพรึเปล่าว่า รู้สึกดี่ที่มีอีกคนอยู่ต่อปากต่อคำด้วย
รู้สึกดีจนต้องสร้างสถานการณ์เพื่อยืดเวลาให้อีกคนได้อยู่ด้วยนานขึ้น เพี้ยง ! เพี้ยง ! เพี้ยง ! ขอให้ขลัง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 18-01-2012 15:35:29
ยังไม่อยากให้หลับเลย ยังไม่ได้กันเลยอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 18-01-2012 15:56:07
ว้าววว ไม่อยากให้กลับเลยอะ แต่คงได้เจอกันอีกใช่มะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-01-2012 15:59:50
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 18-01-2012 16:49:00
เถียงกันได้ทั้งวี่ ทั้งวัน  :laugh:

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 18-01-2012 16:59:21
โอ้ ถ้ากลับไปกรุงเทพแล้วจะได้เจอพระเอกของเราอีกไหมนี่
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 18-01-2012 17:16:29
สองคนนี้น่ารักอ่าาาาาาาาาาาาาาาา >//< กลับไปแล้วใครจะเถียงด้วยเนี่ย เหงาตายทั้งคู่

บวกกกกกกพี่คฑาคนขยัน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 18-01-2012 17:42:45
พิชญนี่ดูเอาใจอยากเน้ออ
คนอ่านยังรู้สึกรำคาญแทนพยุฒม์เลย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 18-01-2012 17:51:29
 :เฮ้อ: เมื่อไหร่จะรักกันสักที ทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 18-01-2012 18:15:26
ง่ะ
จะกลับแล้วอ่ะ
คุณพยุตม์กดเลย กดเลย!!!!
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sakuracity ที่ 18-01-2012 18:58:03
ขอตบพิชญเรียงพยางค์ พิด!-ชะ!-ญะ!-มุง!-น่า!-รำ!-คาญ!-มาก!  :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

ตอนที่เถียงแว้ดๆๆๆ แหมมันอยากจะ  :z6: ! ! !
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 18-01-2012 19:57:30
บรรยากาศเป็นใจสุดๆ หลังจากนี้ไม่ได้แล้วนะ!!!!  คุณยุตจัดการด่วนนนนน

ขอบคุณมากค๊า มาไวจริงๆ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kslave ที่ 18-01-2012 20:11:16
โห เถียงกันทั้งเรื่อง แต่แบบนี้แหล่ะลูกดกค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 18-01-2012 20:56:50
จะกลับแล้วจริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 10 "" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 18-01-2012 20:57:37
ขอตบพิชญเรียงพยางค์ พิด!-ชะ!-ญะ!-มุง!-น่า!-รำ!-คาญ!-มาก!  :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

ตอนที่เถียงแว้ดๆๆๆ แหมมันอยากจะ  :z6: ! ! !
นายเอกผมเขาออกน่ารัก แต่คุณ sakuracity อยากตบพิชญเหรอเนี่ย

อาทิตย์อัสดง บทที่ 11

แดดอ่อนๆ ยามเช้าส่งกระทบเสี้ยวหน้าด้านข้างของพยุตม์ แต่เมื่อพลิกหน้าเขาก็ขมวดคิ้ว เปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ แล้วหยีตาเพราะแดดส่อง เขานอนนิ่งอยู่ท่านั้นครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามอ่อน นกนางนวลฝูงหนึ่งกำลังบินอยู่เหนือเสากระโดงเรือสีขาว ลมทะเลพัดมาเอื่อยๆ บรรยากาศยามเช้าสดชื่นยิ่งนัก
ยามเช้า! เมื่อคืนเขาหลับอยู่บนพื้นเรือตอนนอนชมดาวกับคนที่เขา...เอ่อ...คนที่...
คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา!
พยุตม์มองใบหน้าขาวสะอาด จมูกโด่งคม คิ้วเข้ม ปากแดงระเรื่อซึ่งกำลังนอนตะแคงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ความรู้สึกหลายอย่างกำลังก่อตัวขึ้นมา พยุตม์ถอนหายใจเบาๆ ด้วยรู้ว่าวันนี้คือวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน
และแม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จัก
“นี่คุณ...ผมชื่อพยุตม์นะ” พยุตม์กระซิบ อดใจไม่ไหว ก้มลงจูบเบาๆ ที่ปากแดงระเรื่อของอีกฝ่าย คนที่นอนอยู่ทำปากจิ๊กจั๊ก  ดิ้นขลุกขลัก ถอนหายใจเบาๆ แล้วหลับต่อ ทำให้พยุตม์อมยิ้ม
ดูเอาเถอะ ขนาดนอนยังถอนหายใจ อะไรนักหนาของเขาเนี่ย
แปลก เมื่อคืนเขานอนหลับสนิทมากจนไม่น่าเชื่อ
พยุตม์ไม่เคยลืมคืนแรกที่นอนบนเตียงกับชายหนุ่มคนนี้ คืนนั้นเขาแทบไม่ได้หลับเพราะฝ่ายนั้นนอนดิ้นและประเคนทั้งศอกและเข่าใส่เขาตลอดคืน
พอมีคนนอนกอดกลับนิ่ง นอนขดตัวเหมือนเด็ก
พยุตม์พยายามไม่ขยับตัวเพราะกลัวคนที่อยู่ในอ้อมแขนจะตื่นขึ้นมา เขาอยากจะหลุดเวลาบนโลกนี้เอาไว้ในนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
และเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรู้ว่าความรู้สึกนี้มีสาเหตุจากอะไร
“อือ” เสียงของคนที่ยังไม่ตื่นดังขึ้นเบาๆ จากนั้นร่างอุ่นๆ ก็ดิ้น คราวนี้พยุตม์ตัวงอเพราะอีกฝ่ายกระทุ้งศอกเข้าท้องของเขาอย่างแรง
“อูย” พยุตม์ครางเบาๆ รู้สึกจุกไม่ใช่น้อย แต่ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งคืออาการปวดหนึบๆ ที่องคาพยพกลางลำตัวซึ่งกำลังแนบอยู่กับก้นงอนๆ ของคนที่เริ่มขยับตัวแสดงให้เห็นว่ากำลังจะตื่น
“โอยยย...” พยุตม์ครางอีกครั้งเมื่อคนที่เขากำลังกอดอยู่ดิ้นพลิกตัวแรงๆ และเหวี่ยงศอกซ้ายกระแทกเข้าที่ลิ้นปี่ของเขาเต็มๆ
พยุตม์ค่อยๆ ขยับตัวออกห่าง
ไม่ใช่เพราะกลัวเจ็บ แต่เพราะไม่อยากมีเรื่องต่อล้อต่อเถียงกับคนที่กำลังจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่น
พยุตม์กลั้นยิ้ม นอนตะแคงมองร่างที่อยู่ข้างๆ ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนปลาโดนทุบ
ดูแล้วก็เพลินดีเหมือกัน คนอะไร จะตื่นนอนแต่ละทีต้องพลิกตัวท่านั้นท่านี้ ทำเหมือนเล่นกายกรรม
“อือ...” เสียงครางของคนที่กำลังจะตื่นดังขึ้นอีก
“อรุณสวัสดิ์”
“อึม...”
“อรุณสวัสดิ์ครับ” พยุตม์พูดอีกครั้ง คราวนี้คนที่นอนอยู่ข้างเขาลืมตาขึ้นมา นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า
“กี่โมงแล้ว”
“ผมไม่รู้ ไม่ได้ดูนาฬิกา”
“ทำไมคุณไม่ปลุก” เมื่อลืมตาพิชญก็ตำหนิคนที่นอนตะแคงมองเขาอยู่ด้วยสายตายิ้มๆ
“คุณนี่หาเรื่องผมแต่เช้าเลย”
“แล้วทำไมคุณไม่ปลุก”
“ผมเห็นคุณกำลังนอนหลับสบาย กลัวโดนว่ารบกวนการพักผ่อนนอนหลับ” พยุตม์ให้เหตุผล
“คุณก็รู้ว่าผมอยากจะรีบกลับกรุงเทพฯ แล้วนี่เราลอยเท้งเต้งกันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้” พิชญหันไปหันมา
“กลางทะเลไงครับ”
“ตลกตายล่ะ” พิชญเบ้ปากแล้วลุกขึ้น เดินไปที่กราบเรือและมองออกไปยังทะเลเวิ้งว้าง พยุตม์เดินตามไปยืนอยู่ข้างๆ แล้วถามว่า
“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมครับ”
“ก็ดี ไม่ฝันร้าย คุณล่ะ” พิชญตอบแล้วถามกลับ
“ก็ดีเหมือนกัน แต่ผมฝันร้ายเกือบทั้งคืน” พยุตม์อมยิ้ม
“ฝันว่ายังไง”
“ฝันว่าโดนต่อย โดนถีบ โดนถอง”
“ช่วยไม่ได้ คุณอยากมานอนใกล้ผมเอง” พิชญยักไหล่
“คุณรู้ด้วยหรือว่าตัวเองนอนดิ้น” พยุตม์เลิกคิ้วถาม รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายยอมรับตรงๆ
“ผมเป็นคนยอมรับความจริง ผมนอนดิ้นผมก็ยอมรับ ว่าแต่คุณเถอะ นอนกรนรบกวนคนอื่นแล้วกล้ายอมรับหรือเปล่า”
“ผมน่ะหรือนอนกรน” พยุตม์แกล้งขมวดคิ้วทำเป็นไม่อยากจะเชื่อเพราะเขารู้ดีอยู่ว่าตัวเองนอนไม่กรน
“อือ”
“ว่าแต่ผมโกหก” พยุตม์พูดพึมพำแล้วหันไปมองด้านข้าง
“แล้วนี่เราจะกินอะไรเป็นมื้อเช้า” พิชญถาม ทำเป็นไม่ได้ยินอีกฝ่ายพูดกวนอารมณ์
“เดี๋ยวผมจะไปดูว่าในครัวมีอะไรบ้าง แต่ถ้าไม่มีก็คงต้องหากินในทะเล”
“หมายความว่ายังไง ให้กระโดดลงไปแล้วอ้าปากงับอะไรไปเรื่อยเหมือนปลางั้นหรือ” พิชญประชด
“เปล่าคร้าบคุณผู้ชาย” พยุตม์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ผมจะลงไปดำน้ำยิงปลาเอามาปรุงเป็นอาหารเช้าเลิศรสให้คุณต่างหากเล่า”
“อ๋อ” พิชญแกล้งพยักหน้าทำเป็นเข้าใจแล้วมองไปรอบๆ เลิกสนใจคนตัวโตที่เดินหายไปทางด้านหลังของเรือ
ครั้นอยู่คนเดียว พิชญจึงได้โอกาสสำรวจเรือลำนี้ เขาเดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องควบคุมเรือ เห็นสติกเกอร์หลากสีติดอยู่ที่กระจกหน้าห้องเรียงกันเป็นแถว แต่ละแผ่นเป็นชื่อเมืองและรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ
มัลดีฟส์เป็นแผ่นที่อยู่ท้ายสุดของแถว มีตัวหนังสือบอกวันและเวลาเขียนอยู่ล่างสุดของภาพ พิชญจึงย้อนกลับไปดูสติกเกอร์แผ่นแรกอีกครั้ง
เอ๊ะ ถ้าสติกเกอร์เหล่านี้คือเมืองต่างๆ ที่เขาแวะ ผู้ชายคนนี้ก็เดินทางเกือบจะรอบโลกแล้วสิ และใช้เวลาเกือบหนึ่งปี
หลังจากสำรวจเรือจนเป็นที่พอใจ พิชญก็กลับมานั่งอยู่บนเก้าอี้อาบแดดใกล้กับจุดที่เขานอนหลับเมื่อคืนนี้ ความจริงเขาอยากลงไปสำรวจชั้นล่างของเรือซึ่งเขาคิดว่าคงเป็นห้องนอน แต่เมื่อคิดอีกทีแล้วจึงล้มเลิกความคิดนั้นไป
ไม่นาน พิชญก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุย ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนั้นเดินถืออาหารมาสองจาน คราวนี้สวมเสื้อกล้ามเก่าๆ ตัวโคร่งสีเทาซึ่งแทบจะปิดบังร่างกายท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไม่ได้เลย
“อย่าบอกนะว่าเป็นข้าวผัด” พิชญพูดขึ้น
“อย่าบอกนะว่าคุณจะเลือกกิน” อีกฝ่ายตอบ
“ผัดมักกะโรนี” พิชญรับจานอาหารมาจากพ่อครัวกล้ามโต
“ได้ดีที่สุดแค่นี้ล่ะครับ” พยุตม์ยิ้มมุมปาก “อ้อ แล้วก็หมดแค่นี้นะครับ มื้อเที่ยงอยู่ในทะเล”

กว่าจะทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาเกือบเก้านาฬิกาสามสิบนาที พอท้องอิ่ม พิชญก็เริ่มบ่นเรื่องเดินทางกลับ
“คงถึงกระบี่เย็นๆ” พยุตม์พูด
“เย็นๆ” พิชญอุทานเสียงดัง “คุณหมายถึงตอนพระอาทิตย์ตกดินใช่หรือเปล่า กว่าผมจะเช่ารถไปส่งสนามบิน ตั๋วเครื่องบินคงหมดพอดี”
“คุณก็รอไปพรุ่งนี้เช้าสิครับ” พยุตม์แนะนำ
“หมายความว่าต้องนอนบนเรือนี่อีกหนึ่งคืนงั้นหรือ พูดเป็นเล่น”
“กลับไปนอนที่บ้านก็ได้ เพราะยังไงก็ต้องกลับบ้านไปเอากระเป๋าคุณก่อนไม่ใช่หรือ เราก็ตื่นแต่เช้าแล้วก็ออกเดินทางเลย ไปถึงฝั่งก็เที่ยงหรือบ่าย คุณมีเวลาถมเถ”
“เมื่อเช้า ถ้าไม่ตื่นสายก็คงไปถึงไหนต่อไหน”
“คุณตื่นสายเองนะ”
“คุณไม่ปลุกผม” พิชญหันไปเอาเรื่องคนที่ตื่นก่อนอีกครั้ง
“นี่คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าอยู่ดีๆ ก็ชวนผมทะเลาะ” พยุตม์ลุกขึ้น ถอดเสื้อกล้ามออกแล้วหยิบแว่นตาว่ายน้ำ พิชญรีบถามขึ้นมาว่า
“นี่คุณจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าจะ...”
“ว่ายน้ำย่อยอาหาร”
“แต่คุณต้องไปส่งผม คุณต้องไปหาน้ำมันมาเติมเรือซะก่อน แล้วไปส่งผม”
“ยังไงคุณก็ไปไม่ทันเครื่องบินอยู่ดี จะรีบไปทำไม ถือซะว่าวันนี้เป็นวันเดินทางทางเรือ พรุ่งนี้เป็นวันเดินทางทางบกและทางอากาศ”
“นี่คุณ ไม่ได้นะ” พิชญรีบห้าม แต่ช้าไปเสียแล้วเพราะอีกฝ่ายกระโดดลงน้ำเสียงดังตูม
“บ้าจริงๆ เลย คนผีทะเล” พิชญเดินไปยืนนกอดอกมองร่างที่กำลังว่ายน้ำห่างออกไปจากเรือ “แถวนี้น่าจะมีฉลาม จะได้คาบอีตาท่อนซุงนี่ไปกินซะให้สิ้นเรื่อง”

'อีตาท่อนซุง' ใช้เวลาว่ายน้ำถึงครึ่งชั่วโมงก่อนจะปีนขึ้นมายืนหอบอยู่ที่ท้ายเรือ พิชญเดินเข้าไปหาและยืนกอดอกมองด้วยสายตาโกรธๆ ในใจคิดเสียดายอยู่ว่า
น่าจะดึงบันไดขึ้นมา ไม่ให้อีตายักษ์ใหญ่ขึ้นเรือได้ ปล่อยให้แช่น้ำอยู่อย่างนั้น ดูซิว่าจะเป็นยังไง คอยดูนะ ถ้ากระโดดลงน้ำอีก เราจะดึงบันไดข้างเรือขึ้นมาจริงๆ ด้วย
“รู้สึกเหมือนเป็นปลาฉลามเลยล่ะ เย็นสบายดีจริงๆ” ฉลามหนุ่มยักคิ้วแล้วเดินไปเปิดฝักบัวล้างตัวก่อนจะทำท่าดึงกางเกงลง พิชญรีบหันหลังให้ ได้ยินแต่เสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ
“เพื่อเป็นการขอโทษที่ทำให้คุณรอ พอเปลี่ยนกางเกงแล้วผมจะเร่งความเร็วเต็มที่เหมือนแข่งเรือให้นะครับ ไม่ต้องห่วง อ้อ ทีนี้คุณหันไปทางด้านขวาเพราะผมจะเดินไปทางด้านซ้าย หรือถ้าอายกลัวว่าจะเห็นผู้ชายเปลือยกาย เอาชัวร์ๆ คุณหลับตาไว้ก็ได้”
“ทะลึ่ง ผมแค่ไม่อยากเห็นอะไรอุจาดตา”
“อย่างผมนี่นะเรียกอุจาด”
“คุณไปซะทีเถอะ ไม่อยากเห็นหรอก แบบที่คุณมีผมก็มีเหมือนกัน จะดูไปทำไม”
“มีน่ะใช่ แต่รูปร่างและขนาดอาจไม่เหมือนครับ” เสียงห้าวดังขึ้นใกล้หู และตามมาด้วยเสียงหัวเราะชอบใจดังห่างออกไป
พิชญกัดฟัน ยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่ด้วยความอดทน รอใจแน่ใจว่า 'ชีเปลือย' เดินหายเข้าไปในเรือแล้วจึงเดินกลับมาที่ด้านหน้าเรือและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่โดน 'กวน'
อย่าได้กระโดดลงน้ำอีกนะอีตายักษ์ ไม่งั้นได้ลอยคลอเฝ้าทะเลแน่ๆ แล้วถ้าแก้ผ้าอีกทีละก็ จะถ่ายรูปเอาไปโพสในอินเตอร์เน็ตให้อายไปเลย

ไม่นาน เสียงเครื่องยนต์ของเรือยอท์ชก็ดังขึ้น คนขับออกเรือช้าๆ และไม่กี่นาทีก็เร่งความเร็ว พิชญถอนหายใจเพราะได้ออกเดินทางเสียทีแทนที่จะนั่งอยู่บนเรือที่ลอยลำนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน
พรุ่งนี้บ่ายเลยหรือถึงจะได้กลับกรุงเทพฯ ช้ากว่ากำหนดถึงสามวัน ป่านนี้พี่ปานคงเป็นห่วงเขาแย่แล้ว น่าสงสาร เป็นผู้จัดการส่วนตัวเขาได้ไม่กี่เดือน ต้องวิ่งวุ่นเหมือนทำงานมาเป็นปีๆ
ทั้งที่หงุดหงิดและกังวล ทว่าความเร็วคงที่ของเรือและลมทะเลเย็นๆ ทำให้พิชญง่วงและผลอยหลับไป จนกระทั่งได้ยินเสียงหวูดของเรือดังขึ้นถี่ๆ จึงสะดุ้งตื่น
“นี่คุณ มาทางกราบเรือด้านขวาสิครับ” เสียงคนขับเรือตะโกนเรียก
“ทำไม” พิชญตะโกนตอบ
“บอกให้มาก็มาเถอะน่า”
“ก็แล้วทำไมล่ะ”
“ไม่มาแล้วคุณจะเสียใจ”
“เสียใจเรื่องอะไร” พิชญถาม
“เฮ้อ คุณนี่นะ ทำไมเรื่องมากจริงๆ มาเถอะครับ ก่อนที่จะพลาดอะไรเด็ดๆ”
“ปลาโลมางั้นสิ” พิชญเลิกคิ้ว “คุณไม่ต้องมาหลอกผมเลย ผมไม่ใช่เด็กที่พอเห็นปลาโลมาแล้วจะตื่นเต้นดีใจจนคุมสติไม่อยู่”
“ว่าตัวเองก็เป็นแฮะ”
“อะไรนะ” พิชญตะโกนถามเพราะไม่ยินไม่ชัด
“ผมบอกว่ามาดูเอาเองเถอะ”
“ไม่ใช่ เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้”
“นี่คุณ ถ้าอยากทะเลาะกับผมก็รอไว้ก่อน ตอนนี้มาดูทางขวาของเรือก่อน ผมรับประกันความพึงพอใจ”
พิชญลุกขึ้นและเดินไปยังกราบเรือทางด้านขวาอย่างเนือยๆ แต่เมื่อเห็นว่ามีปลาโลมาฝูงหนึ่งกำลังว่ายน้ำตามเรือด้วยความเร็วเท่ากันจึงร้องโวยวายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“นี่นะไม่ตื่นเต้นจนคุมสติไม่อยู่” พยุตม์พูดแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ รู้สึกขำกับท่าทางของคนที่กำลังเกาะราวเหล็กดูปลาโลมา
“นี่คุณ อย่าชะโงกออกไปมากนักนะ ตกทะเลลงไปผมไม่ตามเก็บด้วยนะเออ” พยุตม์อดเย้าไม่ได้
คนที่กำลังตื่นเต้นไม่สนใจคำพูดของคนขับเรือ แต่กับผละจากกราบเรือวิ่งมาที่เก้าอี้และหยิบเอาโทรศัพท์ไปเพื่อถ่ายรูปปลาโลมา
พิชญถ่ายภาพจนหนำใจทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ลืมไปสนิทว่าต้องประหยัดแบตเตอรี่ของโทรศัพท์เอาไว้เพื่อใช้เวลาฉุกเฉินเมื่อกลับถึงฝั่ง

ฝูงปลาโลมาว่ายน้ำเคียงคู่มากับเป็นเวลาเกือบห้านาทีและเริ่มจะเปลี่ยนทิศทางห่างไปจากเรือ พิชญรีบตะโกนบอกให้คนขับเรือตามปลาโลมาฝูงนั้น
“ไม่ได้นะครับ ถ้าทำยังงั้นก็จะออกนอกเส้นทาง”
“แล้วค่อยยูเทิร์นกลับก็ได้ ตามเขาไป” พิชญสั่ง
“คุณคิดว่าจะยูเทิร์นง่ายๆ เหมือนรถเลยหรือ”
“เหอะน่า ตามไป ผมอยากรู้มันจะไปไหน”
“โอ้โห ความอยากรู้ของคุณนี่ไม่มีขีดจำกัดจริงๆ”
“เร็วสิคุณ ตามไป” พิชญหันไปส่งสายตาดุๆ ให้คนที่กำลังขับเรือ
“คุณจะตามไปทำไม ปลาโลมามันก็ว่ายของมันไปเรื่อย มันทักทายเราขนาดนี้ก็ถือว่านานแล้วนะครับ”
“ผมอยากเห็นที่มันอยู่” พิชญพูด
“มันก็อยู่ในทะเลนั่นล่ะครับ คุณอย่าบอกนนะว่าอยากตามไปดูบ้านของปลาโลมา”
“นี่คุณ จะตามหรือไม่ตาม” พิชญเริ่มหมดความอดทน
“ถ้าน้ำมันหมดล่ะ” พยุตม์ขู่
“ก็...” พิชญอึ้งไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นมา “ก็ได้ ตามไปแค่ซักสิบห้านาทีก็ได้แล้วค่อยหยุด”
“โธ่ คุณ ยังมีแบบนี้อีก”
“นะคุณนะ คุณแล่นเรือมาเกือบจะรอบโลก คุณคงเคยเห็นอะไรแบบนี้จนเบื่อ แต่สำหรับผม นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต และอาจเป็นครั้งสุดท้าย เห็นใจกันหน่อยเถอะ ตามไปเร็วๆ” พิชญพูดขอความเห็นใจ แต่น้ำเสียงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“คนอะไร ขนาดขอร้องยังเสียงดุเลย” พยุตม์บ่นแล้วเปลี่ยนทิศทางเรือตามฝูงปลาโลมา

พยุตม์ 'แถม' ให้คนชอบดูปลาโลมาอีกห้านาทีแล้วลดความเร็วเรือลงพร้อมกับที่ฝูงปลาโลมาดำดิ่งหายใปใต้ท้องทะเล
“ทีนี้กลับกันได้หรือยังครับ” พยุตม์ถามคนที่เกาะราวเหล็กของกราบเรือตาละห้อย “หรือคุณอยากกระโดดตามลงไป ผมจะได้เตรียมอุปกรณ์ดำน้ำให้”
“อย่าชวนทะเลาะนะคุณ”
“น้ำมันจะเหลือพอไปให้ถึงเกาะปะดีหรือเปล่าก็ไม่รู้” พยุตม์บ่น
“เกาะอะไรนะ” พิชญถาม
“เกาะที่เราจะไปซื้อน้ำมัน”
“ถ้าไม่ถึงจะเป็นยังไง”
“อ้าว คุณ ถามออกมาได้ เราก็ลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลนะสิครับ อาหารก็ไม่มี น้ำก็มีแค่อยู่ได้สี่วัน”
“หารสองแล้วใช่ไหม” พิชญถาม
“ยัง” พยุตม์ตอบสั้นๆ ทำให้คนฟังต้องเม้มปากสะกดอารมณ์ก่อนจะพูดออกมาว่า
“คุณก็แล่นเรือช้าๆ ขับให้ความเร็วคงที่ น่าจะประหยัดน้ำมันได้” พิชญแนะนำพลางกดดูรูปภาพในโทรศัพท์ของตัวเอง
“เหมือนขับรถใช่หรือเปล่า ขอบคุณนะครับสำหรับคำแนะนำการขับเรือยอท์ช”
“ด้วยความยินดีครับ” พิชญค้อมศีรษะรับคำขอบคุณ

พยุตม์ลดความเร็วของเรือลงตามที่ได้รับ 'คำแนะนำ' ตามองไปข้างหน้าสลับกับการหันไปมองคนที่นอนหลับตากระดิกเท้าซึ่งเขาคิดว่าฝ่ายนั้นคงกำลังฮัมเพลงอยู่ในใจ
บ่ายแก่ๆ พยุตม์ก็เดินทางมาถึงจุดหมาย คนที่นอนฮัมเพลงหลับไปนานแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะตื่น พยุตม์รู้สึกแปลกใจเพราะคนที่นอนหลับนั้นนอนนิ่งตลอดการเดินทาง
หรือเพราะนอนขณะที่เรือกำลังแล่นถึงได้นอนนิ่ง แต่ถ้านอนขณะที่เรือลอยลำอยู่เฉยๆ หรือนอนบนเตียงกลับดิ้น แปลกคนจริงๆ
พยุตม์เทียบเรือที่ท่าเทียบเรือ มีคนเดินมายืนรออยู่ข้างเรือและตะโกนถามอะไรบางอย่างซึ่งเขาได้ยินไม่ถนัดจึงตะโกนบอกให้รอสักครู่ เสียงดังคงทำให้คนที่หลับอยู่ตื่นขึ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง ดูงัวเงีย ใช้นิ้วขยี้ตาตัวเองทั้งสองข้างเหมือนเด็กกำลังตื่นนอน
พยุตม์อมยิ้ม
ดูแบบนี้ก็น่ารักดีนะ เหมือนคนไม่มีฤทธิ์เดชอะไร
พยุตม์คิดอยู่ในใจแล้วเดินไปคุยกับคนที่ยืนรออยู่ข้างเรือ เขาบอกว่าต้องการซื้อน้ำมัน ชายคนนั้นรับจัดการให้แต่บอกว่าต้องใช้เวลาพอสมควร พยุตม์จึงตัดสินใจที่จะลงจากเรือไปซื้ออาหารและน้ำ
“คุณจะไปไหน” เสียงคนที่เพิ่งตื่นนอนถามขึ้น
“ซื้อของ” พยุตม์ตอบสั้นๆ
“ที่นี่จะมีโทรศัพท์หรือเปล่า”
“ผมไม่รู้”
“คุณไปถามให้หน่อยสิครับ”
“ทำไมคุณไม่ลงจากเรือแล้วเดินไปดูด้วยกัน” พยุตม์เอียงหน้าถาม
“ผม...”
พยุตม์ขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายดูลังเลและกระสับกระส่าย แต่ก็เป็นเวลาเพียงครึ่งนาทีเท่านั้นก็หันไปหยิบหมวกซึ่งวางอยู่ข้างๆ และบอกว่าขอยืมสักครู่ จากนั้นก็กระโดดลงจากเรือแล้วเดินลิ่วไปตามสะพานโดยไม่รอเขาแม้แต่น้อย
“เฮ้อ คิดเร็วทำเร็วจริงๆ เลย” พยุตม์พึมพำและอมยิ้มเมื่อใกล้จะทันคนที่เดินนำหน้า
“ผมไม่ใช่คนอืดอาดยืดยาด” พิชญตอบ
“ยังได้ยินอีก”
“ผมหูดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนนินทา”
“คร้าบ เข้าใจแล้วคร้าบ” พยุตม์ลากเสียงล้อ “ใครจะไปนินทาคุณกับใครที่ไหนกัน อยู่กันแค่สองคน”
“ไม่มีสัญญาณ โอ๊ย” เสียงของคนที่เดินอยู่ข้างหน้าบ่น มือยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วโบกไปมาประหนึ่งจะช่วยให้ค้นหาคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ได้
“ไกลขนาดนี้ไม่มีสัญญาณหรอกคุณ”
“ไหนว่าคลอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย โกหกตอแหลนี่นา เบื่อจริงๆ เลยคนโกหก” พิชญถอนหายใจหนักๆ แล้วหยุดเดิน พยุตม์มายืนอยู่ข้างๆ และพูดว่า
“เรื่องเดียวเท่านั้น พูดไม่เลิก ผมกำลังทำงานไถ่โทษอยู่นี่ไง”
“ใครไปว่าอะไรคุณ”
“ลองไปที่ร้านขายของ เขาอาจจะมีโทรศัพท์ แต่ผมขอถามหน่อยเถอะ คุณต้องโทรศัพท์ตอนนี้ให้ได้เลยหรือ”
“ไม่เข้าใจหรือไง ผมก็ต้องโทรศัพ์ไปบอกที่กรุงเทพฯ ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้ฆ่าตัวตายหนี...”
“หือ” พยุตม์เลิกคิ้ว
“ก็โทรไปบอกที่กรุงเทพฯ ว่าผมกลับช้าสองสามวันเพราะเรือไม่มีน้ำมัน”
“เรือไม่มารับคุณต่างหาก”
“แต่คนที่มีเรือกลับทำเป็นอมพะนำ” พิชญจ้องหน้าพยุตม์
“เอาล่ะ ผมขอยอมรับผิดอย่างเป็นทางการว่าผมคิดอะไรช้าไปหน่อย แต่ตอนนี้ผมก็กำลังช่วยคุณอยู่ เพราะฉะนั้น คุณทำใจเย็นๆ”
“แล้วเมื่อไหร่จะได้น้ำมันล่ะครับ”
“เราเพิ่งลงจากเรือได้ไม่ถึงห้านาทีเลยนะครับคุณ นี่ไม่ใช่ปั๊มน้ำมัน ปตท กลางกรุงเทพฯ จะได้บริการทันใจ” พยุตม์พูดขึ้นแล้วลงจากสะพาน มุ่งตรงเข้าไปในหมู่บ้านชาวประมง ปล่อยให้อีกฝ่ายืนนิ่งด้วยความฉุนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามมา
“หวังว่าไม่เกินหนึ่งชั่วโมงนะ” พิชญเดินมาจนทันคนตัวโต
“น่าจะประมาณนั้น” พยุตม์พยักหน้าช้าๆ “เติมน้ำมันเรือยอท์ชนะครับ ไม่ใช่...”
“อย่าๆ”  พิชญยกมือขึ้นห้าม “พอที ไม่ต้องมาประชดผม”
“ผมแค่จะพูดว่า...”
“ผมรู้ว่าเติมน้ำมันเรือยอท์ช ไม่ใช่เติมน้ำมันรถตุ๊กตุ๊ก”
“ตุ๊กตุ๊กใช้แก๊สครับ” พยุตม์แก้คำพูดอีกฝ่าย
“นี่คุณ...” พิชญกระชากเสียง
“ผมก็แค่พูดไปตามความเป็นจริง” พยุตม์ยักไหล่แล้วหยุดยืนหน้าร้ายขายสินค้าเบ็ดเตล็ดและหันไปพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า “ผมจะเข้าไปซื้อของกินกับน้ำ คุณจะเข้าไปด้วยไหม”
“ไม่ คุณถามด้วยก็แล้วกันว่าเขามีโทรศัพท์หรือเปล่า ถ้ามีให้ยกมือส่งสัญญาณให้ผมรู้ ถ้าไม่มีให้แบะแขนออก”
“แบบนี้ใช่ไหมครับ” พยุตม์แสดงท่าทาง
“ใช่” พิชญพยักหน้าแล้วกรอกตาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายทำท่าทางประชด
พยุตม์เดินอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเข้าไปในร้าน รู้สึกขำชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่กับเขามาเป็นเวลาถึงสิบหกวันยิ่งนัก
นี่คือสีสันใหม่ๆ ในชีวิตของเขา พยุตม์ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน เขาเป็นคนชอบชีวิตที่เงียบสงบ เรียบง่ายและสันโดษ ไม่เคยมีความคิดที่อยากจะมีใครสักคน แต่เวลาสั้นๆ กับชายหนุ่มคนนี้ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา
ไม่เหงา!
เขาไม่อยากให้เวลาช่วงนี้ผ่านไป
แต่ว่าเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ชายหนุ่นคนที่จนป่านนี้เขายังไม่รู้จักชื่อกำลังจะกลับกรุงเทพฯ และท่าทางอยากกลับมาก  ส่วนเขาเองก็ต้องออกเดินทางต่อเพื่อไปให้ถึงซิดนีย์ และจบการเดินทางรอบโลกครบหนึ่งปีตามกำหนด

::: End of chapter 11:::

พรุ่งนี้จบครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 18-01-2012 21:09:20
 :a5: :a5: พรุ่งนี้จบ ป๊าดดดด พ่อคู้ณณณณ ไวไปมั้ย
ขอคุมสติก่อนนะ o22 o22
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 18-01-2012 21:13:15
ห๊ะะะะะ พรุ่งนี้จบ??? ไวม๊ากกกกกกกกกกกค่ะคุณคฑา

คู่นี้เถียงกันทั้งเรื่องจริงๆ

ขอบคุณมากค๊า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 18-01-2012 21:32:58
พรุ่งนี้จบ  :a5: อะไรกันค๊า
เค้ายังไม่รักกันเลยนะคะ
อย่าเพิ่งจบเลยน้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 18-01-2012 21:48:15
โอ้ พระเอกเราทำอาชีพไรเนี่ย ท่าทางจะรวยมากเดินทางรอบโลกภายในหนึ่งปี
อืมม...แปลกจังแหะ
แต่ทว่าจะลงเอยกันแบบไหนเนี่ย ไม่อยากให้เศร้าอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 18-01-2012 21:51:50
สมกับเป็นคุณคฑาวุฒิ

มาไวเครมไว
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 18-01-2012 21:56:51
หมั่นไส้นังพิชญ แกน่าตบมาก  :beat:

แต่พรุ่งนี้จบแล้วจริงเหรอ เร็วมากเลย  o22
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-01-2012 22:09:10
พรุ่งนี้จบ ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก !!

 :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 18-01-2012 22:28:45
กลับกทมไปด้วยกันเลย เปิดตัวกลบข่าวอะไรนั่นซะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 18-01-2012 22:29:41
พรุ่งนี้จบไม่ว่ากันครับ
หรือจะจบแบบสั้นๆอะไรก็ไม่ว่า
ขออย่างเดียวให้สองคนนี้รักกันก่อนได้มั๊ยครับ
เวลาอ่านเรื่องที่ชอบแล้วจบแบบไม่สมหวัง
มันทำให้เศร้าๆไปหลายวันเลย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 18-01-2012 22:54:44
แว้กกกกกกกกก  พรุ่งนี้จบ! 

ตื่นเต้นมากกับเรื่องนี้ของคุณคทาวุฑ  สุดยอดดดด

ปล.  ...กลัวตอนจบจัง    = =''
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 18-01-2012 23:03:10
อั๊ยย๊ะ :a5:

มีภาคสองต่อมั้ยจ๊ะ o18
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 18-01-2012 23:12:46
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 18-01-2012 23:38:33
ปล.  ...กลัวตอนจบจัง    = =''
แหม ทำเอาผู้เขียนเีสียความมั่นใจในตัวเองไปเลยนะเนี่ย 555
เอาน่า ทุกอย่างมันเป้นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ เรื่องนี้มันมีตัวละครอยู่แค่สองคน จะกลัวอะไร
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 18-01-2012 23:46:48
จบเร็วแท้
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 19-01-2012 00:04:26
คุณนาย... พระเอก นายเอกยังทะเลาะกันสนุกอยู่เลย
ทำไมจะรีบจบ เพิ่งรู้ว่าคุณนายเขียนเรื่องสั้น
ไม่งั้นขอจบแบบคดีรัก happy ending นะ
+1

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 19-01-2012 01:40:03
อะไรอ่ะ จบได้ไงยังไม่มีทีท่าว่าจะชอบกันเลยน่ะ
ไม่เอ๊าาา
พิชญก็ยังเป็นคนเดิมเอาแต่ใจจริงๆๆๆ ชิๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 19-01-2012 02:14:27
เฮ้ย แอบตกใจว่าจะจบแล้วเหรอเนี่ย
ถ้าพรุ่งนี้จบงั้นพรุ่งนี้ลงซักสิบตอนนะคะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-01-2012 02:56:53
อะไรอะ...พรุ่งนี้จบแล้วมันจะเร็วไปไหมอะ
ยังไม่มีฉากหวานๆเลยอะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 19-01-2012 10:17:35
จะจบแล้ว .... ดราม่าแน่เลยตอนจบ

 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 19-01-2012 10:21:59
อะไรอะ...พรุ่งนี้จบแล้วมันจะเร็วไปไหมอะ
ยังไม่มีฉากหวานๆเลยอะ
มันเป็นหนังใหญ่ฉายตามโรงอ่ะครับ ไม่ใช่ละครเลยไม่ยาว

อาทิตย์อัสดง บทที่ 12

คนขายของในร้านบอกว่าไม่มีโทรศัพท์ พยุตม์จึงหันไปแสดงท่าทางเพื่อส่งสัญญาณให้คนที่ยืนรออยู่หน้าร้านได้รู้แล้วหันกลับมาสั่งซื้อสินค้าและบอกให้ไปส่งที่เรือยอท์ชซึ่งจอดเทียบอยู่ที่สะพานเรือ ขณะที่กำลังจ่ายเงิน พยุตม์เงยหน้าขึ้นมองโทรทัศน์ซึ่งเจ้าของร้านเปิดเอาไว้ ขณะนี้เป็นรายการข่าวภาคค่ำ สิ่งที่อยู่บนจอทำให้เขาต้องยืนนิ่ง
ผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานข่าวการหายตัวไปของนักร้องหนุ่มดาวรุ่งผู้ได้รับเลือกให้ร้องเพลงประกอบภาพยนต์ฮอลลีวู้ดซึ่งถ่ายทำในประเทศไทยเกือบครึ่งเรื่อง ภาพประกอบข่าวเป็นรวมภาพผลงานต่างๆ ของนักร้องหนุ่มคนนั้นทั้งขณะที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที ขณะให้สัมภาษณ์ และขณะที่ปรากฎตัวท่ามกลางแฟนเพลงที่รุมล้อมแสดงความชื่นชอบ
พีช พิชญ!
อดีตผู้เข้าประกวดการร้องเพลง The Superstar 10 และได้ถอนตัวจากการประกวดก่อนรอบชิงชนะเลิศ
พิชญถูกผู้จัดการประกวดฟ้องร้องเป็นเงินหลายล้านบาทเพราะไปเซ็นสัญญากับบริษัท GM Recordsของสหรัฐอเมริกาเพื่อร้องเพลงประกอบภาพยนต์ฮอลลีวู้ดซึ่งนำแสดงโดยดาราชั้นแนวหน้า ส่วนสถานีโทรทัศน์ Channel One ก็ฟ้องร้องพิชญด้วย นอกจากนั้นยังมีกรณีภาพอื้อฉาวของพิชญถูกนำออกมาเผยแพร่ รวมถึงประเด็นความขัดแย้งกับผู้ให้คำชี้แนะ (คอมเมนเตเตอร์) ประจำการประกวด The Superstar 10 และผู้ชนะเลิศการประกวด
ขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่า พีช พิชญอยู่ที่ใด แต่ผู้จัดการส่วนตัวของพิชญชื่อปานฤทัยให้สัมภาษณ์ว่าพิชญกำลังพักผ่อนอยู่ในจังหวัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครและจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อบันทึกเสียงเพลงประกอบภาพยนต์ทันแน่นอน พร้อมทั้งปฏิเสธข่าวที่ว่าบริษัท GM Records จะยกเลิกการเซ็นสัญญาให้เป็นนักร้องในสังกัดหากยังหาตัวไม่พบ
พยุตม์แย้งอยูในใจว่า พิชญไม่ได้พักผ่อนอยู่ในจังหวัดแห่งหนึ่งใกล้ๆ กรุงเทพฯ แต่ยืนหน้ามุ่ยอยู่หน้าร้านขายของชำบนเกาะปะดีห่างไกลจากกรุงเทพฯ มาก
มิน่า ถึงร้องเพลงเพราะมาก และที่ดูหงุดหงิดมากก็เพราะไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ตามกำหนด แล้วที่หลบมาพักบนเกาะห่างไกลขนาดนี้ก็เพราะปัญหาความขัดแย้งต่างๆ เหล่านี้เอง
พีช พิชญ นักร้องดาวรุ่งของประเทศไทยซึ่งทุกคนรู้จักดี และกำลังจะดังมากกว่านี้อีกหลายเท่า
แต่เขาไม่รู้จักเพราะกำลังแล่นเรือรอบโลกและใช้ชีวิตอยู่บนเรือมาได้เกือบหนึ่งปี
พยุตม์เดินออกมาที่หน้าร้านช้าๆ สายตาจับอยู่ที่ร่างของพิชญ ชายหนุ่มดึงปลายหมวกลงและก้มหน้าลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนพยายามหลบหน้าคน แต่พิชญคงดังทั่วประเทศไทยจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่เกาะห่างไกลขนาดนี้เพราะพยุตม์เห็นเด็กสาวสามคนเดินผ่านมาและเมื่อเห็นพิชญก็แสดงอาการดีใจมาก เด็กสาวทั้งสามปรี่เข้ามาหาพิชญและขอลายเซ็น นักร้องหนุ่มชื่อดังหันมามองพยุตม์แวบหนึ่งแล้วหันกลับไปยิ้มและแจกลายเซ็นให้ 'แฟนคลับ' พยุตม์ยืนอยู่เงียบๆ ห่างจากพิชญเล็กน้อยจนกระทั่งเด็กสาวทั้งสามจากไปจึงพูดขึ้นว่า
“ไปกันเถอะครับ คุณพีช”
“ผมไม่ได้ชื่อพีช” พิชญพูดแล้วเดินลิ่วตรงไปที่สะพานเทียบเรือ
“ผมคงหูฝาด” พยุตม์รีบเดินตามมา
“ตาฝาดด้วย” พิชญพูดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทำไมคุณไม่บอกผม” พยุตม์ถาม
“ไหนของที่คุณบอกว่าไปซื้อ” พิชญไม่ตอบ กลับถามเรื่องอื่น
“เขาจะเอาไปส่งที่เรือ”
“อีกนานไหม”
“ไม่นานครับ” พยุตม์ส่ายหน้า “แต่น้ำมันคงใช้เวลาครับคุณพีช”
“อย่ามาเรียกผมว่าพีชนะ ผมไม่ชอบ”
“คนอะไรไม่ชอบชื่อตัวเอง”
“พีชไม่ใช่ชื่อผม คนเขาเรียกกันเอง”
“แล้วคุณชื่ออะไรครับ” พยุตม์ถามเสียงเรียบ
“คุณจะรู้ไปทำไม”
“ทำไมนะหรือ” พยุตม์ก้มลงมองคนที่เดินอยู่ข้างๆ เขาแล้วยิ้มยางๆ “ผมก็อยากเรียกให้ถูก จะได้ถูกใจคุณ อีกอย่าง คุณก็ไม่ใช่คนธรรมดานะสิครับ คุณได้ร้องเพลงซาวด์แทร็คหนังฮอลลีวู้ด อีกหน่อยก็ดังไปทั่วโลก”
“ทำไมคุณรู้” พิชญหยุดนิ่ง
“ผมเห็นประกาศคนหายในร้านขายของชำ” พยุตม์พูดเสียงราบเรียบ “ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนหน้านี้ครับ ผมจะได้ไปส่งคุณตั้งแต่วันนั้น”
“แล้วทำไมต้องบอก”
“คุณกลัวว่าถ้าผมรู้ว่าคุณเป็นใครแล้วผมจะปฏิบัติต่อคุณเปลี่ยนไปงั้นหรือครับ”
“เปล่า”
“ผมไม่ใช่พวกเห่อดารา”
“ผมไม่ใช่ดารา”
“ผมไม่ใช่พวกเห่อนักร้องคนดัง” พยุตม์พูดใหม่
“เห่อไม่เห่อก็ช่างคุณ”
“มิน่า คุณถึงได้โกรธที่ผมบอกว่าจะให้สองพันสำหรับการร้องเพลงให้ฟังหนึ่งเพลง” พยุตม์ส่ายหน้า
“อย่ามารื้อฟื้น อย่ามาชวนทะเลาะนะคุณ”
“ตั๋วคอนเสิร์ตชมการแสดงของคุณราคาเท่าไหร่ครับ” พยุตม์ถาม
“ไม่รู้ ผมยังไม่เคยเปิดคอนเสิร์ต ผมเพิ่งจะเริ่มเป็นนักร้อง แล้วก็แค่ขึ้นร้องเป็นนักร้องรับเชิญตามแต่เขาจะเชิญ” พิชญยักไหล่
“นักร้องดาวรุ่ง” พยุตม์พูด “พอคุณร้องเพลงซาวด์แทร็คหนังฟอร์มใหญ่ขนาดนั้นและถ้าหนังเรื่องนี้ออกฉาย...”
“ไม่ใช่ ถ้า คุณพูดผิดแล้ว หนังมันได้ฉายแน่ๆ” พิชญพูดแทรก
“ครับๆ” พยุตม์พยักหน้า “หลังจากที่หนังออกฉาย ทั่วโลกก็จะเห็นคุณทาง MTV”
“รู้จักกับเขาด้วยหรือ”
“ผมไม่ใช่กบในกะลา”
“ใครไปว่าคุณเป็นกบในกะลา” พิชญเบ้ปาก “เรียกว่าปลาวาฬในทะเลน่าจะถูกกว่า”
หรือไม่ก็ท่อนซุงในทะเล ตอนนี้ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมตอนเห็นเราเขาไม่ได้แสดงท่าทางว่ารู้จักเราเลย ก็เพราะเขาเดินทางรอบโลกมาน่าจะเกือบปีแล้วนี่ไง
“ที่คุณเห็นในข่าว อาจจะไม่จริงทั้งหมดก็ได้นะ บางทีข่าวก็รายงานไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น” พิชญพูดเสียงราบเรียบ ตามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“ผมเป็นคนฟังหูไว้หู”
“ดีแล้ว”
“แต่คู่กรณีคุณเยอะเหมือนกันนะครับ ที่ผมถามคุณตอนอยู่บนเกาะว่าคุณหลบอะไรมาแล้วคุณไม่ตอบ ก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่อยู่ในข่าวทีวี”
“ผมไม่รู้ว่าคุณฟังข่าวอะไร ใครรายงาน หรือช่องไหน ถ้าเป็น Channel Oneก็ไม่ต้องพูดถึง เขากะจะเหยียบผมให้จมดินอยู่แล้ว”
“ทำไม” พยุตม์พึมพำเบาๆ ประหนึ่งพูดกับตัวเอง
“อย่าให้เล่าเลย พูดแล้วอารมณ์เดือด คุณก็เลิกซักผมได้แล้ว” พิชญพูดแล้วก้าวขึ้นเรือ
พยุตม์ยืนกอดอกอยู่บนสะพาน รอคนที่ร้านขายสิ้นค้าเบ็ดเตล็ดมาส่งของที่ซื้อเอาไว้ ในใจคิดถึงเรื่องระหว่างเขากับพิชญ
เดิมทีพยุตม์ตั้งใจเอาไว้ว่าเมื่อไปส่งชายหนุ่มเจ้าอารมณ์ถึงฝั่งเขาจะถามชื่อและขอหมายเลขโทรศัพท์ให้ได้ และคิดว่าคงได้ทำความรู้จักกันต่อหลังจากที่เขากลับจากซิดนีย์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของการแล่นเรือรอบโลกของตัวเอง แต่การที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใครและกำลังจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและอาจกลายเป็นนักร้องระดับโลกทำให้เขาต้องคิดใหม่อีกรอบ
หากพิชญดังระเบิด ทุกอย่างคงไม่เหมือนเดิม การเป็นนักร้องระดับโลก หรือแม้แต่เป็นนักร้องดังระดับเอเชียหรือระดับประเทศก็คงยุ่งอยู่กับการแสดงและการปรากฎตัวตามงานต่างๆ ยามค่ำคืน
วิถีชีวิตของเขากับพิชญคงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ทุกอย่างพร้อม พยุตม์กับพิชญเดินทางออกจากเกาะปะดีเมื่อเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ทั้งสองตกลงกันว่าจะกลับไปนอนที่บ้านบนเกาะและออกเดินทางสู่กระบี่ตั้งแต่เช้า
“คืนนี้ผมยกเตียงให้คุณ” พยุตม์พูดขึ้นเบาๆ
“ไม่ต้องครับ ขอบคุณ ผมจะนอนโซฟา” พิชญตอบ
“คุณนี่ยังไง พอผมอยากนอนเตียงคุณก็จะแย่ง พอผมให้นอนคุณก็ไม่เอา”
“ไม่ต้องคิดว่าเพราะผมเป็นนักร้องดังแล้วจะให้ผมได้อภิสิทธิ์หรอก” พิชญพูดเสียงเบา
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
“คิดสิ คุณคิด ตั้งแต่คุณรู้ว่าผมเป็นใคร ปฏิกิริยาคุณก็เปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไปยังไง” พยุตม์เอียงหน้า เลิกคิ้วถามพิชญ
“เปลี่ยนก็แล้วกัน ผมรู้สึกได้ เพราะฉะนั้น พยายามกลับมาทำตัวเหมือนเดิมให้หน่อยนะ”
“ผมก็ทำตัวเหมือนเดิม ผมขอยืนยัน”
“ไม่เหมือน คุณสุภาพขึ้น” พิชญจ้องหน้าพยุตม์
“เอ๊ะ นี่เป็นคำชมหรือคำด่า” พยุตม์ขมวดคิ้วก่อนจะอมยิ้ม
“ผมง่วงแล้ว” พิชญพึมพำแล้วลุกขึ้นจากที่นั่งข้างคนขับเรือ เดินไปเกาะกรอบหน้าต่างห้องควบคุมเรือ มองออกไปยังความมืดเบื้องนอกแล้วพูดว่า “คิดๆ ไปก็ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ”
“อ้าว ไหงเป็นงั้น นี่คุณจะเอายังไงกันแน่ครับ” พยุตม์พูดขึ้น
“ผมแค่บอกว่า คิดๆ ไปก็ไม่อยากกลับ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กลับ คุณฟังอะไรให้ดีๆ หน่อยสิ”
“ผมก็ว่าผมฟังดีแล้วนะ”
“คุณรู้หรือเปล่า มีอะไรรอผมอยู่ที่นั่นเยอะเลย ทั้งสิ่งดีทั้งสิ่งไม่ดี ทั้งพวกที่รอรุมเหยียบกับทั้งคนที่รอดันผมให้ดัง”
“ผมว่าคุณอย่าไปสนใจพวกรอรุมเหยียบจะดีกว่า การคิดถึงสิ่งที่เป็นลบจะฉุดรั้งคุณไว้” พยุตม์ให้กำลังใจ
“ผมคิดถึงสิ่งที่เป็นจริง ก็เพราะมันมีจริงๆ นี่นา ยังไงผมก็ทำเหมือนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นไม่ได้ เฮ้อ นี่ไม่รู้จะเจอหนักขนาดไหน”
“ผู้จัดการคุณคงช่วยได้ ชื่อก็บอกว่าเป็นผู้จัดการ”
“น่าสงสารพี่ปานจะตาย ป่านนี้คงรับเละ” พิชญถอนหายใจ
“เอาเถอะน่า ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น ยังไงคุณก็ต้องเอาชนะมันได้ อย่าเพิ่งกังวลมากนักเลย ตอนนี้กลับบ้านนอนพักก่อน” พยุตม์ปลอบ
“ก่อนถึงบ้าน คุณจอดให้นอนดูดาวซักหน่อยได้ไหม” พิชญหันมาพูดกับพยุตม์
“เดี๋ยวได้หลับคาเรือ ตื่นสายมาอีกทีก็คงมาโทษผมว่าไม่ปลุก” พยุตม์ทำหน้ามุ่ย
“ก็คุณไม่ปลุกจริงๆ”
“ผมก็ตื่นพร้อมๆ กับคุณนั่นล่ะครับ ทำไงได้”
“ตื่นสาย”
“คุณตื่นเช้านักนี่”
“นะ ตกลงนะ ลอยเรืออยู่ซักชั่วโมงแล้วค่อยขึ้นเกาะ นะครับ” พิชญขอร้อง คราวนี้ทำเสียงขอร้องจริงๆ
“ครับๆ” พยุตม์รับปาก
“เอ แล้วเราจะขึ้นเกาะยังไง ตอนลงเรือก็ห้อยตัวลงมาจากหน้าผา ตอนขึ้นนี่ผมปีนเชือกขึ้นไปไม่ไหวนะจะบอกให้”
“เถอะน่า อย่าห่วงเลย ผมมีวิธีพาคุณขึ้นเกาะก็แล้วกัน ผมจะรับผิดชอบพาคุณไปส่งจนถึงเตียงนอนให้ได้” พยุตม์ยิ้มบางๆ
“ทะลึ่ง”

พยุตม์ดับเครื่องยนต์แล้วเดินออกมาจากห้องควบคุมเรือ เห็นพิชญนอนหงายอยู่บนพื้นเรือ ตามองขึ้นไปบนท้องฟ้า กำลังชื่นชมกับดวงดาวที่พร่างพราว
“คุณจะรู้ไหมว่ามีดาวกี่ดวง”
“ถามแบบนี้ผมกระโดดลงน้ำแล้วกลั้นใจตายดีกว่า” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“ตอบว่าไม่รู้ก็พอแล้ว”
“พิชญ...” พยุตม์เรียกเบาๆ
“หือ” พิชญตอบ ตายังคงมองท้องฟ้า
“คุณเอ่อ...” พยุตม์ลังเล
“อยากฟังเพลงซักเพลงไหม ผมจะร้องให้ฟัง” พิชญพูดขึ้น
“ฟรีใช่ไหมครับ”
“ฟรีสิ ไม่ต้องมาประชดนะ หรือคุณอยากจะเสียเงิน”
พยุตม์หัวเราะเบาๆ แล้วเอนตัวนอนลงข้างๆ พิชญหันมามองแวบหนึ่งแล้วขยับตัวออกห่างเล็กน้อย จากนั้นจึงเริ่มร้องเพลงเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสะกดคนฟัง
Picture the sky that is how high I reach
So far alive none have been right for me
But your love, is a chance I'd like to take
With each breath in me I wait
If it brings you back to me

Because I'm free and I'm young
I'm the loneliest star from the sun
But I feel that I'm close to the one
Who will stop me from coming undone
'Cause I'm free
I have been closed
I have been almost near
(who do you really want to make it, who do you want to kill)
But city light
But nothing quite like here
(who do you really want to be right here)
And your love, (your love) is a light that binds us both, (your love)
With each breath in me I hope
We won't throw it all away...
 (เพลง Loneliest Star โดย Seal)

“เศร้าจัง...” พยุตม์พูดขึ้นเมื่อพิชญหยุดร้อง “แต่คุณร้องไม่จบ”
“อย่าบ่นนักเลย ฟังฟรีนะจะบอกให้”
“แสดงว่าถ้าเสียเงินถึงจะได้ฟังจนจบเพลงใช่ไหมครับ” พยุตม์ 'เย้า' พิชญแล้วหัวเราะเบาๆ
“อย่าเริ่มนะครับ อย่าเริ่ม” พิชญพูดแล้วหันหน้าไปอีกด้าน แอบอมยิ้ม
“เปล่า” พยุตม์ปฏิเสธ หัวเราะเบาๆ แล้วเปลี่ยนเป็นนอนตะแคง ยกมือขึ้นหนุนคอตัวเอง มองใบหน้าของพิชญ
“พิชญครับ เราจะพบกันอีกหรือเปล่า”
“เรียกผมว่า นี่คุณ เหมือนเดิมดีกว่า คุณเรียกชื่อผมแล้วมันฟังดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้”
“จริงด้วย” พยุตม์หัวเราะ “เหมือนเรียกคนแปลกหน้า”
“แต่ความจริงเราก็เป็นคนแปลกหน้ากัน” พิชญหันหน้ามาสบตากับพยุตม์
“แม้เราจะไม่รู้จักชื่อกันเลยมาตั้งสิบหกวันทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ผมไม่รู้สึกว่าเราเป็นคนแปลกหน้า อย่างน้อยก็ตั้งแต่...” พยุตม์นิ่งไป พิชญเองก็นิ่ง รออีกฝ่ายพูดต่อ แต่เมื่อพยุตม์ไม่พูดอะไรพิชญจึงถามขึ้นมาว่า
“คุณชื่ออะไรครับ”
“ทำไมตอนนี้อยากรู้จักชื่อผมแล้ว”
“ก็จนขนาดนี้ยังจะมาทำท่านั้นท่านี้ทำไมอีก คุณรู้จักผมแล้ว ผมยังไม่รู้ชื่อคุณ แบบนี้ไม่แฟร์นี่นา”
“ใช่ ยังจะมาทำท่านั้นท่านี้ทำไมนะ” พยุตม์พึมพำแล้วก้มหน้าลงมาใกล้และพูดว่า “ผมชื่อพยุตม์”
“พยศ”
“พยุตม์ครับ พยุตม์” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“พยุตม์” พิชญอมยิ้ม มองตาพยุตม์ซึ่งกำลังส่องประกายวิบวับเหมือนกับแสงดาวบนท้องฟ้าและทันใดนั้นใบหน้าคร้ามเข้มของพยุตม์ก็ก้มต่ำลงมากกว่าเดิม ปากร้อนผ่าวของพยุตม์ทาบลงบนปากของพิชญ
“อือ” พิชญส่งเสียงเบาๆ แต่พยุตม์ยังคงตรึงใบหน้าของเขาไว้ด้วยการบดริมฝีปากหนักๆ ก่อนจะผ่อนคลายให้หายใจ
“โอ๊ย” เสียงของพยุตม์ร้องเบาๆ เมื่อพิชญกำมือชกเข้าที่ท้องของเขา “อะไรกันนี่คุณ”
“ฉวยโอกาส”
“ทำลายบรรยากาศหมดเลย”
“อย่ามาทำกับผมแบบนี้นะ” พิชญทำเสียงเข้ม
“ผมเปล่านะพีช”
“ผมไม่ได้ชื่อพีช ชื่อนั้นคนเขาพากันเรียกเองเข้าใจไหม ผมไม่มีชื่อเล่น”
“ผมไม่ได้ฉวยโอกาสแบบที่คุณกำลังคิด ไม่ใช่ว่าเพราะคุณเป็นนักร้องดังผมก็เลย...”
“ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ” พิชญพูดแทรก
“ผมจูบคุณเพราะผมอยากจูบ เพราะเป็นคุณ ไม่ใช่เพราะคุณเป็นพิชญนักร้องดัง” พยุตม์ทอดเสียงอ่อนโยน
“ช่างเถอะ” พิชญเมินหน้าหนี
“ผมขอโทษ”
“คุณจะทำแบบนั้นทำไมก็ไม่รู้” พิชญพูดเสียงเบา น้ำเสียงราบเรียบแล้วลุกขึ้นนั่งกอดเข่า หลุบตาลงมองพื้นเรือ
พยุตม์ถอนหายใจเบาๆ รู้สึกแปลบๆ ในอก พยายามทำความเข้าใจกับอารมณ์ของพิชญ
'คุณจะทำแบบนั้นทำไมก็ไม่รู้'
เขาทำแบบนั้นเพราะหัวใจมันบอกให้ทำ พยุตม์ตอบอยู่ในใจ
ชายหนุ่มทั้งสองต่างนั่งเงียบกันอยู่นานจนในที่สุดพิชญก็เอนตัวลงและนอนมองดูดาวต่อไป ส่วนพยุตม์ลุกขึ้น เดินไปนั่งบนเก้าอี้แล้วมองออกไปนอกเรือ ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ
“ผมคงไม่ได้อยู่เมืองไทยอีกนาน” จู่ๆ พิชญก็พูดขึ้นมา
“ครับ” พยุตม์ตอบรับ
“พอไปถึงอเมริกาก็บันทึกเสียงเพลง The End of Time แล้วก็ถ่าย MV เสร็จก็เข้าห้องอัดเริ่มทำอัลบั้มแรก คงยุ่งไปเป็นปี”
“คุณจะออกอัลบั้ม”
“ตอนนี้ข่าวออกไปแค่ว่าผมจะได้ร้องเพลงประกอบหนังเรื่อง The End of Time แต่ที่จริงเรื่องทำอัลบั้มเพลงเตรียมกันมาตั้งแต่ผมถอนตัวจากการประกวด The Superstar แล้ว ที่จะได้ร้องเพลงซาวด์แทร็คเป็นแผนโปรโมทนักร้องขั้นแรกเท่านั้นเอง”
“ที่คุณถอนตัวก็เพราะแบบนี้”
“The Superstar ฟ้องผม กล่าวหาว่าผมโกหก ทำผิดเงื่อนไขการประกวดเพราะเซ็นสัญญาเป็นนักร้องกับบริษัทอื่นขณะที่กำลังประกวดอยู่ ความจริงไม่ใช่ ผมยังไม่ได้เซ็น แค่คุยกัน แต่เขาพยายามจะเอาผิดผมให้ได้ แมวมองจากอเมริกาเห็นผมร้องเพลงเลยสนใจ โชคก็เข้าข้างที่แมวมองคนนั้นรู้จักอาจารย์ผมด้วย”
“แล้วไงต่อครับ” พยุตม์อยากรู้
“มีคนอิจฉาและพยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ตอนแรกผมจะรอจนจบการประกวด แต่พอทะเลาะกับหลายๆ คนผมก็เลยถอนตัวซะเลย ยังไงก็ไม่ชนะอยู่แล้วนี่ เสียเวลาทำไม”
“คุณร้องเพลงเก่ง น่าจะชนะ”
“ร้องเพลงเก่งอย่างเดียวชนะรายการ The Superstar ไม่ได้นะครับ” พิชญเบ้ปาก
“หน้าตาก็ดี”
“มันมีอะไรมากกว่านั้น อย่าให้เล่าเลย หน้าตาดีร้องเพลงแค่ใช้ได้ก็ไม่ชนะเหมือนกัน” พิชญถอนหายใจ
“ผมว่าคุณร้องเพลงเก่ง” พยุตม์ชม
“คุณไม่เคยเห็นผมร้องเพลงบนเวที จะมาชมว่าร้องเก่งได้ยังไง จริงใจหรือเปล่าเนี่ย”
“โธ่ คุณนี่ก็นะ ถ้าไม่เก่งแมวมองจากอเมริกาจะติดต่อให้ร้องเพลงทำอัลบั้มหรือครับ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ โอกาสแบบนี้น่าจะหนึ่งในร้อย”
“ดูถูก”
“ดูถูกอะไรอีกคร้าบ” พยุตม์สงสัย
“หนึ่งในแสนหรือหนึ่งในล้านมั๊ง”
“หนึ่งในสองล้านก็ได้เอ้า”
“ผมฝันอยากเป็นนักร้องดังระดับโลกมานานแล้วตั้งแต่เรียน ม. ปลาย ผมถึงได้ไปเรียนต่อทางด้านดนตรี”
“ฝันของคุณกำลังจะเป็นจริง”
“คุณมีความฝันหรือเปล่า” พิชญถามพยุตม์
“มีสิครับ หนึ่งในนั้นคือสร้างบ้านสวยๆ บนเกาะสวยๆ และแล่นเรือรอบโลกคนเดียว” พยุตม์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณกำลังบอกว่าฝันของคุณใกล้จะเป็นจริงแล้วหนึ่งอย่าง”
“เป็นจริงแล้วหนึ่งฝันครับ ฝันที่สองกำลังจะเป็นจริงอีกภายในหนึ่งเดือนครึ่ง” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “นี่คุณก็ยังคงคิดว่าบ้านหลังนั้นกับเกาะนั่นไม่ใช่ของผมงั้นหรือ”
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่เชื่อ” พิชญเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคง หันหน้ามาทางพยุตม์ “คุณรู้ไหม ผมกลัวมากที่กำลังเดินตามฝันของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง”
“แค่เตรียมตัวให้ดีและเดินทางด้วยความระมัดระวัง ผมแล่นเรือรอบโลกก็ใช้หลักการนี้ล่ะ”
“แต่น้ำมันจะหมดถังที่เกาะนี้นี่นะ”
“แหม อุปสรรคมันก็เกิดขึ้นได้ แต่เราก็ต้องเอาชนะมัน” พยุตม์ยักไหล่ อมยิ้ม
“น่าอิจฉาที่คุณเห็นอะไรมาเยอะแยะ”
“น่าอิจฉาคุณด้วยที่กำลังจะเป็นนักร้องไทยที่ได้ร้องเพลงประกอบหนังฮอลลีวู้ด”
“คนแรกด้วยนะเออ” พิชญทำเสียงภาคภูมิใจ
“นักร้องเอเชียคนแรกด้วยหรือเปล่าครับ”
“ไม่รู้สิ คงงั้นมั๊ง”
“ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” พยุตม์พูดเสียงนุ่ม
“ผมฝันไกลถึงเวทีออสการ์ด้วยล่ะ ผมฝันว่าเพลงจะได้เข้าชิงรางวัลผมก็จะได้ร้องเพลงบนเวที ถ้าเพลงได้รางวัลด้วยก็ยิ่งดี ผมนึกถึงซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มชุดแรกติดชาร์ตบิลบอร์ด ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอเมริกันมิวสิคอวอร์ดและแกรมมี่”
“อืม” พยุตม์พยักหน้า “ชาร์ตบิลบอร์ดกับแกรมมี่คืออะไรครับ”
“บ้าจริงคุณนี่” พิชญโวยวาย “เป็นปลาวาฬในทะเลจริงๆ ด้วย”
“อะไรนะ”
“ช่างเถอะ” พิชญกระแทกเสียงแล้วนอนหงายมองดูดาวต่อ รู้สึกฉุนพยุตม์ยิ่งนัก
“ใครจะไปรอบรู้หมดทุกอย่าง” พยุตม์พึมพำแล้วเดินไปที่ห้องควบคุมเรือและส่งเสียงถามพิชญ
“กลับกันได้หรือยังครับ คุณจะได้นอนพักสบายๆ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”
“ออกสายๆ ก็ได้ ไหนๆ ก็ผิดเวลาตั้งสามวันนี่นา”
“ประชดผมหรือเปล่า”
“เปล่า” พิชญตอบเสียงเย็น “ผมนะหรือจะประชดใครเป็นเหมือนคุณ”
“เห็นด้วย” พยุตม์พูด บิดกุญแจติดเครื่องยนต์และขับเรือมุ่งไปยังเกาะไทรงาม ที่พักซึ่งเขาจะได้อยู่กับพิชญสองต่อสองเป็นคืนสุดท้าย

::: End of chapter 12:::
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 19-01-2012 10:33:15
จะจบแล้วหรอ-0-

เร็วจังอ่า....
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-01-2012 10:54:07
พยุตฒ์ น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 19-01-2012 14:39:14
ในที่สุด  ก็เปิดใจกันได้เสียที  ยังไม่อยากให้จบอะ!!!!!
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 19-01-2012 16:21:09
อ้าวววว จะจบแล้วววว ไวจัง อยากอ่านเรื่องนี้นานๆ ถึงพิชยจะเถียงเก่งไปหน่อยยย แต่พยุตย์คือที่สุดดดดด  :o8:


เข้ามารอตอนจบจ้า
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 19-01-2012 16:38:28
น่าสงสารพระเอกเรา อยากให้อยู่ด้วยกันนนน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 19-01-2012 16:43:55
... จิ้ม บวก ที่ 2222 ....

โน้วววววววววววววววว   อย่าเพิ่งจบ 
:serius2: :serius2: :serius2:

น่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

2 คนนี้ไม่เถียงกันซักวัน ท้องคงอืด ถ่ายไม่ออก :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-01-2012 16:46:11
จะรออ่านตอนจบ ไม่ว่าจะจบออกมาในรูปแบบใดก็จะรอ
เพราะจะอย่างไรๆ ตอนนี้พยุตม์ ก็ได้แง้มหัวใจออกมาให้พิชญได้รับรู้บ้างแล้ว
แค่ได้แง้มความรู้สึกของตนเอง ให้อีกฝ่ายรู้ก็น่าจะพอใจแล้วล่ะตอนนี้น่ะ(เราคนอ่านก็โล่งด้วยนะ ณจุดนี้)
และพยุตม์เอง เมื่อรู้ถึงความฝันของพิชย์ และเส้นทางที่พิชญจะเดินไป
เขาก็คงไม่คาดหวังอะไรมากนัก(ใช่รึเปล่าก็ไม่รู้ แกไปคิดแทนเขาได้ไงยัยยาหยี)
และทางเดินกับความฝันของพิชญก็ช่างแตกต่างเหลือเกินกับความฝันของพยุตม์
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 11 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 19-01-2012 17:42:22
แล้วมันจะจบยังไงล่ะเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 12 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 19-01-2012 18:08:12
ไม่เหมือนคนแปลกหน้ากันเลยอ่ะ
ทะเลาะกันขนาดนี้ระวังจะได้ลูกหัวปีท้ายปีนะเออ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 12 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 19-01-2012 18:45:50
ชะอุ้ยๆๆๆๆ แอบเห็นว่า ชื่อเกาะไทรงาม  :a5:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 12 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 19-01-2012 18:58:53
อาทิตย์อัสดง บทที่ 13

หลังจากอาบน้ำเสร็จ พยุตม์เดินออกจากห้องนอนแต่ไม่เห็นพิชญอยู่ที่โซฟาจึงเดินหาและพบว่าชายหนุ่มนอนเล่นอยู่บนเก้าอี้เอนที่ระเบียงหลังบ้าน พยุตม์เดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า
“นี่คุณ ดึกแล้วนะครับ ทำไมไม่นอนเสียที”
“ผมกำลังดูดาว” พิชญตอบ
“เมื่อกี้บนเรือก็ดูแล้ว”
“ก็ผมอยากดูอีก คุณง่วงก็นอนไป ผมอยู่คนเดียวได้”
“ผมเป็นห่วง” พยุตม์พูดเสียงอ่อนโยน
“ทำไม” พิชญถามเบาๆ
“พรุ่งนี้คุณต้องเดินทาง ถึงกรุงเทพฯ ก็ต้องเจออะไรอีกเยอะแยะไม่ใช่หรือ”
“ตอนนี้ผมกำลังทำใจ” พิชญตอบแล้วถอนหายใจเบาๆ
“คงไม่หนักหนาเกินไปหรอก”
“คงงั้นมั๊ง ยังไงก็คงต้องผ่านมันไปให้ได้ ผมไม่ยอมแพ้หรอก ไม่มีทาง” พิชญพูดเสียงหนักแน่น
“ผมก็ว่างั้น ท่าทางคุณไม่ยอมแพ้ใคร”
“ประชดผมหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่า อย่าแปลความหมายคำพูดของผมเป็นอย่างอื่นสิครับ ผมหมายความว่าท่าทางคุณเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาง่ายๆ”
“เมื่อกี้คุณพูดว่าท่าทางผมไม่ยอมแพ้ใคร”
“ก็ใช่ไหมล่ะ” พยุตม์เลิกคิ้ว
“คุณบอกเป็นนัยว่าผมเป็นคนดื้อรั้น ชอบเอาชนะ” พิชญทำหน้ามุ่ย
“คุณแปลความหมายผมผิด” พยุตม์โวยขึ้นมาเบาๆ
“ซึ่งที่จริงแล้วก็มีส่วนถูกนะ”
“อ้าว...” พยุตม์โคลงศีรษะ
“คุณก็เหมือนกัน เคยยอมให้ผมที่ไหน” พิชญหันมาหรี่ตามองพยุตม์
“ยอมสิ” พยุตม์แย้ง “ไม่สังเกตหรือว่าหลังๆ มานี่ผมยอมให้คุณกว่าตอนแรกๆ ที่เจอกัน”
“จะลองคิดย้อนหลังดู” พิชญพูดเบาๆ แล้วหันไปมองดวงดาวบนท้องฟ้าต่อ
เวลาผ่านอย่างเชื่องช้าๆ พิชญนอนนิ่ง มองดาวบนท้องฟ้าอย่างหลงไหล ส่วนพยุตม์เอาแต่นั่งมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพิชญ
“แต่คุณก็กวนประสาทอย่างคงเส้นคงวา เรื่องเรือนี่ล่ะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนทีเดียว” จู่ๆ พิชญก็พูดขึ้นมา พยุตม์หัวเราะเบาๆ ไม่ตอบโต้อะไร พิชญจึงพูดต่อว่า “แต่ก็ขอบคุณนะครับที่จะไปส่ง”
“ไม่ได้ส่งฟรีนะครับ ขอบอก”
“รู้แล้วน่า เงินค่าจ้างนิดเดียวผมมีจ่าย”
“ไปนอนเถอะ” พยุตม์ชวนอีกครั้ง
“ดาวสวยจริงๆ ผมอยากดูนานๆ นี่กลับกรุงเทพฯ คงไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้”
“ถ้าอยากดูอีก คราวต่อไปค่อยมาดูอีกก็ได้” พยุตม์พูดเสียงนุ่ม
“ผมสงสัยอยู่ว่าตัวเองจะมีเวลานั่งหรือนอนเฉยๆ แล้วดูดาวแบบนี้อีกหรือเปล่า” พิชญถอนหายใจ “เวลากลางคืนของผมถ้าไม่อยู่กลางแสงสีก็คงอยู่ในห้องนอนเพราะทำงานจนหมดแรง”
“ตอนแรกคุณอาจจะยุ่งมาก แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็ต้องมีเวลา เชื่อผมสิ อย่าเพิ่งกังวลเกินไป ปวดหัวเปล่าๆ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คุณต้องเข้านอน คืนนี้คุณนอนในห้อง ผมจะนอนโซฟาเอง”
“ไม่ ผมจะนอนโซฟา” พิชญลุกขึ้น
“คุณจะได้นอนให้สบายไงเล่า”
“ผมอยากนอนโซฟานุ่มๆ” พิชญยืนกรานและเดินเข้าไปในบ้าน ตรงไปที่โซฟา พยุตม์เดินตาม มองพิชญยิ้มๆ
“คุณน่าจะพูดแบบนี้ตั้งแต่มาถึงวันแรก”
“ความจริงผมก็ชอบนอนโซฟานี่นะ แต่เห็นคุณชอบนอนเตียงผมเลยอยากนอนเตียง” พิชญพูด
“แบบนี้ล่ะที่เรียกว่าชอบเอาชนะ” พยุตม์ส่ายหน้า
“คุณนอนเตียงไปเถอะ เตียงของคุณไม่ใช่หรือ”
“คุณยอมรับแล้วใช่ไหมล่ะว่านี่คือบ้านของผม”
“ผมประชดหรอก” พิชญเบ้ปากแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา จากนั้นจึงดึงหมอนมากอด
“วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น ผมจะไปเอาผ้าห่มมาให้”
“ไม่ต้องครับ ขอบคุณ” พิชญส่ายหน้า
“แน่ใจนะ” พยุตม์เลิกคิ้ว พิชญพยักหน้า ขยับตัวยุกยิกแล้วหลับตา พยุตม์จึงเดินไปปิดประตูและปิดไฟ ก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างโซฟาและกล่าวราตรีสวัสดิ์ พิชญพูดตอบเบาๆ ครางอืออาในลำคอ แล้วซุกหน้าเข้ากับหมอน พยุตม์ยืนมองพิชญต่ออีกครู่ใหญ่แล้วเดินเข้าห้องนอนเงียบๆ
เมื่ออีกฝ่ายเข้าห้องนอนไปแล้ว พิชญจึงลืมตา มองออกไปในความมืดและถอนหายใจแรงๆ
เขารู้ว่าพยุตม์รู้สึกอย่างไร และเขาเองก็รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรเช่นกัน
แต่จะดีกว่าหากต่างคนต่างนอนและไม่ผูกพันกันไปมากกว่านี้

แสงแดดยามเช้าสส่องลอดเข้ามาตามช่องกระจก ภายในห้องสว่างไสว เสียงคลื่นซัดหาดทรายและโขดหินดังเป็นจังหวะประสานกับเสียงนกที่บินโฉบอยู่เหนือท้องทะเล พิชญบิดกาย ค่อยๆ ลืมตา จากนั้นจึงพลิกตัวแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนโซฟา
นี่เขาดิ้นตกโซฟาอีกแล้วหรือเนี่ย คราวนี้ไม่ได้ปีนกลับขึ้นไปเหมือนทุกคืน
“อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู พิชญหันไปด้านขวา เห็นพยุตม์นอนตะแคงมองอยู่ด้วยสายตาพราวระยับ ไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ เลยแม้แต่น้อย
“คุณมาตอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” พิชญถาม
“ผมกลัวคุณหนาว เลยเอาผ้าห่มมาให้” พยุตม์ตอบ
“นั่นไม่ได้ตอบคำถามเลยนะ”
“แต่คุณก็นอนดิ้นจนผ้าห่มหลุดลุ่ย ผมเลยต้องนอนเฝ้า  คอยลุกมาห่มผ้าห่มให้คุณ”
“พูดเว่อร์ไปแล้ว” พิชญพลิกตัวหันหน้าเข้าหาโซฟา
“ผมนอนไม่หลับ” พยุตม์พูดขึ้นเบาๆ “แต่พอย้ายมานอนบนพื้นใกล้โซฟากลับหลับเป็นตาย”
“ถ้าหลับเป็นตาย แล้วใครลุกขึ้นมาห่มผ้าห่มให้ผมล่ะ คุณพูดวกไปวนมา ไม่เป็นเหตุเป็นผลกัน”
“ผมละเมอลุกขึ้นมาห่มให้มั๊ง” พยุตม์ยิ้มบางๆ
“คุณไม่น่าทำแบบนี้” พิชญพูดพึมพำ
“ทำไมจะทำไม่ได้” พยุตม์ตอบเสียงนุ่ม
“ช่างเถอะ ผมจะลุกไปอาบน้ำแล้วล่ะ” พิชญพูดแต่กลับไม่ขยับตัวเพราะรู้สึกได้ว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆ ขยับเข้ามาใกล้เกือบจะเบียดเขาติดกับโซฟา
“ขอผมอาบก่อนนะ จะได้ออกมาทำอาหารเช้าให้ คุณอาบน้ำเสร็จจะได้กินเลย” พยุตม์กระซิบ
“จะให้รีบๆ ไปใช่ไหมล่ะ”
“คุณรีบกลับกรุงเทพฯ ไม่ใช่หรือ”
“ผมจะลุกแล้ว” พิชญเปลี่ยนเรื่อง
“ผมก็จะลุกเหมือนกัน”
ต่างคนต่างพูดแต่กลับไม่มีใครลุกขึ้นจากพื้นที่ปูด้วยผ้าห่มผืนใหญ่ และในที่สุดพิชญก็พูดขึ้นมา
“นี่คงสายแล้ว”
“ผมว่าคงประมาณเจ็ดโมง มีเวลาถมเถ ผมไปส่งคุณทันแน่นอน” พยุตม์รับรอง
“ผมยังไม่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบิน”
“ถ้าพลาดเที่ยวบินสุดท้าย ผมจะไปส่งให้ถึงท่าเรือคลองเตยก็ยังได้”
“ผมไม่ใช่สินค้านะจะบอกให้” พิชญตวัดเสียง “อีกอย่าง กว่าจะถึงคงอาทิตย์หน้าพอดี คุณต้องอ้อมมาทางอ่าวไทย พูดออกมาได้”
“ไม่อยากนั่งเรือเล่นนานๆ หรือครับ” พยุตม์หัวเราะในลำคอ
“นี่คุณ...” พิชญเรียกอีกฝ่าย “ลุกซะทีจะได้ไหม”
“ครับๆ” พยุตม์หัวเราะเบาๆ แล้วพลิกตัวนอนหงาย บิดตัวพร้อมกับครางก่อนจะยันตัวลุกขึ้น
“บ้า ทะลึ่ง” พิชญพูดเสียงสะบัดเมื่อหันไปมองแล้วเห็น 'การตื่นตัวยามเช้า' ของอีกฝ่ายในกางเกงบ๊อกเซอร์
“ช่วยไม่ได้ครับ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ” พยุตม์หัวเราะแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน
“แล้วผมจะต้องเก็บที่นอนหรือเนี่ย”
“ใช่” พยุตม์ตะโกนตอบจากในห้อง
“ไม่รู้จะออกมานอนที่นี่ทำไมให้มัน...” พิชญบ่นพึมพำแล้วถอนหายใจ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อในใจว่า...
ให้มันมีความทรงจำแบบนี้ทำไมก็ไม่รู้

การเดินทางจากเกาะไทรงามถึงกระบี่ใช้เวลากว่าห้าชั่วโมง ตลอดทางทั้งพยุตม์และพิชญคุยกันค่อนข้างน้อย พยุตม์ลอบมองพิชญอยู่บ่อยๆ จึงเห็นว่าฝ่ายนั้นนั่งเหม่อหลายครั้งสลับกับการนอนพักผ่อน และเมื่อมองเห็นฝั่งอยู่ลิบๆ พิชญจึงเดินเข้ามานั่งข้างๆ พยุตม์ในห้องเดินเรือ
“คุณปิดกระจกห้องนี้ให้หมดแล้วจอดเทียบที่ปลายสุดของสะพานนะครับ” พิชญพูด
“ปิดกระจกแล้วผมจะมองเห็นได้ยังไง” พยุตม์แย้ง
“กระจกมันใส ทำไมจะมองไม่เห็น”
“แล้วถ้างั้นจะปิดกระจกทำไมล่ะครับ”
“ฮื่อ” พิชญทำเสียงไม่ชอบใจอยู่ในคอ หันมามองพยุตม์ตาขวางแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นคุณก็รีบจอด รีบให้ผมลง แล้วก็รีบไป”
“ผมเข้าใจ” พยุตม์พยักหน้า “คุณไม่อยากให้ใครเห็นว่าผมมาส่ง”
“ใช่” พิชญพยักหน้าเช่นกัน “ผมไม่อยากให้คุณกลายเป็นบุคคลในข่าวด้วย”
“ผมไม่ใช่คนดังอะไร ผมไม่...”
“เดี๋ยวชีวิตคุณก็ไม่สงบสุข อยากมีชีวิตที่วุ่นวายเพราะถูกปาปารัซซี่คอยตามหรือไง”
“ตามได้ก็ตามสิ ผมขับเรืออยู่ในทะเลนี่ล่ะ” พยุตม์ยักไหล่
“แล้วก็มาว่าแต่ผมว่าดื้อรั้น” พิชญถลึงตาใส่พยุตม์
“เถอะน่า อย่ากลัวนักเลยครับ คงไม่มีช่างภาพที่ไหนหรอก ที่ผมจะเอาเรือไปจอดเป็นมารีน่า ไม่ค่อยมีคน”
“ที่ผมพูดนี่ก็เพื่อตัวคุณนะคุณพยุตม์ ไม่ใช่เพราะผมเป็นนักร้องแล้วกลัวจะเป็นข่าว” พิชญพูดเสียงราบเรียบ “ตั้งแต่เข้ามาในวงการได้ไม่กี่เดือน ผมเจอข่าวแย่ๆ ไปเยอะมากถ้าเทียบกับคนอื่น ผมคิดว่าอีกหน่อยก็คงจะชิน ผมต้องหัดให้ชิน แต่อย่างคุณที่ชอบความสันโดษ คุณคงไม่ชินหรอก ที่ผมพูดนี่คุณเข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ” พยุตม์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมาเบาๆ
“เข้าใจก็ดีแล้ว”

โชคดีที่ท่าเรือกระบี่มารีน่านั้นเงียบมากพิชญจึงรู้สึกคลายความกังวลไปได้มาก เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างของเรือ รอจนพยุตม์เทียบเรือเสร็จเรียบร้อยจึงลุกขึ้น ลากกระเป๋าของตัวเองเดินไปที่กราบเรือด้านซ้ายช้าๆ แต่เมื่อเห็นพยุตม์เดินออกมาจากห้องเดินเรือจึงรีบหันไปบอกให้กลับเข้าไป
“ท่าเรือมันร้างขนาดนี้ คุณจะกลัวอะไร” พยุตม์แย้งแต่ก็ยอมนั่งอยู่ในห้องเดินเรือ
“ใครจะรู้ อาจมีคนที่รู้จักผมอยู่แถวๆ นี้ เดี๋ยวนี้ทุกคนมีมือถือที่ถ่ายรูปได้กันทั้งนั้น คุณไม่รู้หรอกว่าปาปารัซซี่สมัยนี้ไม่ใช่เป็นแค่นักข่าวประจำของสำนักพิมพ์” พิชญอธิบาย
“ผมแค่จะลาคุณ”
“งั้นก็...ลาก่อนนะครับ” พิชญพูดเบาๆ
“ไม่ใช่ลาก่อนนะครับพิชญ แค่แยกกันตอนนี้เท่านั้น” พยุตม์พูดเสียงอ่อนโยน
“คุณหมายความว่า...”
“หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีก”
“อือ” พิชญพยักหน้า
“แล้วก็...เอ่อ...” พยุตม์อึกอัก
“อะไรครับ” พิชญถาม
“เอ่อ...”
“อะไรอีกล่ะ” คนที่มีความอดทนน้อยขมวดคิ้ว ทำเสียงไม่สบอารมณ์
“ค่าจ้าง”
“บ้าจริง คุณนี่ เอาจริงๆ หรือ” พิชญโวยแล้วควักกระเป๋าเงินออกมา
“ไม่ใช่เงินครับ” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“ถ้าไม่เอาค่าจ้างเป็นเงินก็เอาค่าจ้างเป็นคำขอบคุณก็พอ ใช่ไหมล่ะ”
“เบอร์โทรศัพท์ กับอีเมล์” พยุตม์ตอบ “ผมจะเดินทางต่อให้ถึงซิดนีย์ เผื่อแวะที่ไหนจะได้ทักทายคุณบ้าง”
“ผมไม่มีนามบัตร”
“ผมมีปากกา” พยุตม์ยื่นปากกาให้
“กระดาษ” พิชญพูดเบาๆ
“ไม่มีครับ แต่เขียนลงบนเสื้อผมก็ได้” พยุตม์ชี้เข้าหาหน้าอกตัวเอง
“เสีอดายเสื้อขาว อุตส่าห์ใส่เสื้อทั้งที”
“แล้วคุณคิดว่าผมใส่เสื้อทำไมล่ะ” พยุตม์อมยิ้ม “พิชญ...นะครับ ค่าจ้างมาส่งใกลขนาดนี้ไม่ถือว่าแพงหรอก”
พิชญเดินเข้าไปใกล้ประตูห้องควบคุมเรือ พยุตม์ยืดตัวขึ้นตรง ส่งสายตาอ่อนโยนให้อีกฝ่ายแล้วดึงเสื้อให้ตึง
“คุณจะจำผมได้ใช่ครับ” พยุตม์พูดขึ้นเบาๆ ขณะที่พิชญกำลังจะเขียนหมายเลขโทรศัพท์ลงบนเสื้อของเขา
“คนอย่างคุณใครจะลืมได้ลง” พิชญก้มหน้า พูดเบาๆ เช่นกัน
“ผมก็ลืมคุณไม่ลง”
“ถ้าลืมกันล่ะน่าดู” พิชญกระแทกปากกาแรงจนพยุตม์ร้องคราง “พอใจหรือยัง ล่ะที่นี้ ได้ไปทั้งเบอร์โทร ทั้งอีเมล์”
“เกินจะพอใจ” พยุตม์พยักหน้าและหัวเราะเบาๆ
“ให้ไปแล้วอย่าให้มันหายล่ะ แล้วเสื้อนี่ก็ไม่ต้องซัก ถ้าหายไปอย่าหวังว่าจะได้อีกเป็นครั้งที่สอง”
“ครับ รู้แล้วครับ”
“แล้วนี่คุณจะกลับที่เกาะจริงๆ หรือครับ” พิชญเงยหน้าขึ้นมาถามพยุตม์
“ผมจะกลับไปนอนเล่นซักอาทิตย์แล้วถึงจะออกเดินทาง ถึงปีนังผมจะติดต่อไป ถึงสิงคโปร์ ถึงบาหลี ถึง...”
“พอๆ แล้ว” พิชญยกมือห้าม
“ผมคงเหงาถ้าไม่ได้เถียงกับคุณ” พยุตม์ยิ้มมุมปาก
“หาคนเถียงด้วยซักคนสิ”
“ไม่อยากเถียงกับคนอื่น” พยุตม์ตอบเสียงนุ่ม
“ผมคงไม่มีเวลาเถียงกับคุณเท่าไหร่หรอก เพราะถึงกรุงเทพฯ ผมก็จะยุ่งมาก ต้องเจอสารพัดเรื่อง”
“ผมเข้าใจ” พยุตม์พยักหน้า
“อาจจะได้รับโทรศัพท์หรือไม่ได้รับ ส่วนอีเมล์ก็เหมือนกัน บางทีก็อาจตอบช้า”
“ผมเข้าใจ”
“เอ้า แถมเฟซบุ๊ค” พิชญเขียนข้อความลงบนเสื้อของพยุตม์อีกครั้ง
“เฟซบุ๊คคืออะไร”
“บ้าจริงๆ คุณนี่ แบบนี้ไม่ให้เรียกปลาวาฬในทะเลจะให้เรียกว่าอะไร”
“ผมล้อเล่น ผมรู้จักหรอก” พยุตม์หัวเราะ
“ฮึ รู้จัก” พิชญเบ้ปาก “แต่ไม่รู้จักผม”
“คุณต้องเข้าใจนะ ผมแล่นเรือรอบโลกมาตั้งเกือบสิบเอ็ดเดือน แล้วชีวิตผมก็ค่อนข้างแยกออกมาจากผู้คน”
“รู้แล้วว่ารักสันโดษ” พิชญพูดแล้วนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “และคุณก็คงพอจะนึกภาพออกว่าชีวิตของผมเป็นยังไง ผมเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าคุณมาพัวพันกับผม คุณก็อาจจะไม่เหลือความเป็นส่วนตัว”
“ผมรู้”
“ชีวิตของเราสวนทางกัน” พิชญมองตาของพยุตม์ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบจริงจัง
“ผมก็รู้อีกนะแหละ”
“ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” พิชญอำลาพยุตม์อีกครั้ง
“เช่น...” พยุตม์เลิกคิ้ว
“ดวงดาวที่เต็มท้องฟ้ามั๊ง” พิชญยักไหล่
“และปลาโลมา” พยุตม์อมยิ้ม
“และที่สุดของที่สุดคือเรือยอท์ชลำนี้” พิชญแกล้งกระแทกเสียงและทำหน้าบึ้งตึงแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง”
“ผมจะจดจำทุกอย่าง” พยุตม์พูดเสียงนุ่ม ส่งสายตาอาลัยอาวรณ์
“ประสบการณ์แบบที่เราสองเจอคงลืมไม่ลงหรอก” พิชญตอบแล้วเดินจากไปช้าๆ พยุตม์ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง กำมือแน่น ถอนหายใจเบาๆ มองตาคนที่ลากกระเป๋าเดินลงจากเรือด้วยความรู้สึกโหยหา
เมื่อพิชญลับสายตาไปแล้ว พยุตม์ก้มลงมองหน้าออกของตัวเองซึ่งมีลายมือโย้เย้ของพิชญเขียนหมายเลขโทรศัพท์และตัวหนังสือภาษาอังกฤษบอกอีเมล์และเฟซบุ๊ค แต่เมื่อเห็นว่าล่างสุดนั้นเป็นตัวหนังสือภาษาไทยเล็กๆ เรียงกันเป็นประโยคพยุตม์จึงถอดเสื้อออกมาเพื่ออ่านประโยคนั้น
สิ่งที่พิชญเขียนทำให้อมยิ้ม
'ขอบคุณสำหรับพระอาทิตย์ตกทะเล ผมชอบมาก อยากดูกับคุณอีกหลายๆ ครั้ง'
::: End of chapter 13:::
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 12 "" UP 18.5/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 19-01-2012 19:10:30
กรี๊สสส ตอนจบแล้ว

'ขอบคุณสำหรับพระอาทิตย์ตกทะเล ผมชอบมาก อยากดูกับคุณอีกหลายๆ ครั้ง'
อยากจะกรี๊สสสสดังๆ ให้ประโยคนี้ มันเป็นพิชญอย่างมากกกกกก น่าร๊ากกกกก

พี่คฑาคนเก่ง พี่คฑาสุดหล่อ มีตอนพิเศษอีกสักสิบยี่สิบตอนมั้ยคะ อยากอ่านนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 19-01-2012 19:16:54
อืมม...อ่ะนะ รู้สึกว่าจะเศร้านะเนี่ย เฮ้อออออออ
ทำไมไม่ตามกลับมาอยู่ด้วยยยยกานนนนอ่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 19-01-2012 19:28:56
เกาะทรายงาย เกาะไทรงาม
มาผิดจริงๆด้วยพ่อคุณ
อ่านคอนนี้แล้วเศร้าป่นสุขยังไงไม่รู้
แต่อย่างน้อยก็คงได้เจอกันอีกอ่ะเน้อออ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 19-01-2012 19:50:34
ทุกคนมีความฝันของตัวเองกันทั้งนั้น
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 19-01-2012 19:51:46
แล้วจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ล่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 19-01-2012 19:59:55
ขอกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดให้ลั่นเกาะ

เป็นบทสรุปที่ถูกใจที่สุดเท่าที่เคยพานพบ

ไม่หวานแต่ก็ไม่ห้วน ไม่หักมุมแล้วที่สำคัญคือ....ไม่แห้ว

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลุ้นตอนพิเศษ นะๆๆๆๆๆ  :impress: 
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 19-01-2012 20:03:24
 :o8: :o8: :o8:

 :serius2: :serius2:

 o13 o13
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 19-01-2012 20:04:55
ให้ตายเถอะนักเขียน  พึ่งเคยอ่านนิยายYที่อ่านแล้วรู้สึก โรแมนติกขนาดนี้อ่ะ  มีต่ออีกไหมเนีย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 19-01-2012 20:10:14
อ่านตอนจบแล้วบอกไม่ถูกเลย
รู้สึกเหงาๆ

แต่ก็เชื่อว่า คนสองคนพบเจอกันด้วยพรหมลิขิต
และคงได้กลับมาเจอกันอีก

อยากให้มีตอนพิเศษหวานๆเหลือเกินค่ะ
ได้โปรดเถอะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 19-01-2012 20:13:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-01-2012 20:21:42
หวังว่าคงจะมีต่ออีกสักตอนนะคะคุณคนแต่ง   :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 19-01-2012 20:30:18
ง่า
จากกันแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-01-2012 20:41:53
 :pig4: ขอบคุณคะ
จะมีตอนพิเศษมาให้อ่านไหมคะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 19-01-2012 21:04:35
จบได่เศร้าปนสุข.  เฮ้อออออ. ชีวิต
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 19-01-2012 21:12:58
::: End of chapter 13:::

สแดงว่าแค่จบตอนเดะ ใช่ป่าววว
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 19-01-2012 21:19:34
กรี๊ดดดดด ตอนจบแอบหวานอ๊าาาาาา ชอบๆ

ขอบคุณมากค๊าาาาา ผลงานคุณภาพเหมือนเคย ^^  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 19-01-2012 21:23:07
ขอบคุณสำหรับภาพยนตร์รัก โรแมนติค
แต่อยากโดดทะเล :serius2:
ขออ่านตอนพิเศษสองสามตอนนะ นะ คุณนาย
+1 +เป็ด
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 19-01-2012 21:34:01
"ไม่อยากเถียงกับคนอื่น” ประโยคนี้ทำคนอ่านลงไปกองกับพื้นแ้ล้วค่า  :-[
อยากให้กลับมาเจอกันไวๆจัง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 19-01-2012 21:45:51
เป็นตอนจบที่น่าประทับใจมาก ๆ  หวังว่าจะมีตอนพิเศษให้พวกเราได้อ่านกันต่อนนะครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-01-2012 21:47:59
ชอบนะคะที่จบแบบนี้ มันมีความน่าจะเป็นและสมเหตุสมผลดีค่ะ เยี่ยมค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 19-01-2012 21:52:22
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 13 "อำลา" UP 18.75/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 19-01-2012 22:26:17
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านและเมนท์นะครับ ถ้าลงเรื่องต่อไปก็อย่าลืมติดตามผลงานผมนะครับ แล้วก็ถ้ารักกันก็กด + ให้กันด้วยนะ (แต่ใครไม่กดขอให้เวลาไปเที่ยวตอนพักร้อนให้ไปผิดเกาะแต่อย่าได้เจอคนแบบพยุตม์)

อาทิตย์อัสดง บทที่ 14

1ปีผ่านไป (555)

พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า พยุตม์นั่งอยู่ที่ชายหาดเพื่อชมภาพอันสวยงาม เขา 'หนีงาน' มาพักที่บ้านพักบนเกาะไทรงามได้สามวันแล้ว
ตลอดสามวันอันเงียบเหงา พยุตม์ได้แน่นึกถึงภาพเก่าๆ ของเขากับพิชญซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้และบนเกาะแห่งนี้
สิบเจ็ดวันที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจเขาเสมอมา
เพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง The End of Time สร้างชื่อเสียงให้พิชญเป็นอย่างมาก และพิชญยิ่งดังกว่าเดิมเมื่อเพลงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สื่อในประเทศและต่างประเทศกำลังประโคมข่าวพิชญว่าเป็นนักร้องชาวไทยคนแรกที่จะขึ้นร้องเพลงบนเวทีสำคัญเช่นนี้
พิชญประสพความสำเร็จในการออกอัลบั้มชุดแรก เพียงแค่สามเดือนก็สามารถทำยอดขายในทวีปเอเชียได้มากเป็นประวัติการณ์ สื่อรายงานข่าวว่า จากความสำเร็จอย่างมากในแถบเอเชียแปซิฟิก พิชญคงใช้เวลาอีกไม่นานก็จะประสพความสำเร็จในทวีปยุโรปและอเมริกา
พยุตม์ได้มีโอกาสติดต่อกับพิชญบ้าง แต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาได้พบกับชายหนุ่มเพียงสามครั้งในช่วงที่พิชญกลับประเทศไทย และแต่ละครั้งก็เป็นเวลาเพียงสั้นๆ นอกจากนั้นเป็นการคุยกันทางโทรศัพท์และติดต่อกันทางอีเมล์
พยุตม์ลุกขึ้นแล้วเดินเล่นอยู่ที่ชายหาดจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าหายไป ความมืดเข้ามาแทนที่ เขารู้ว่าคืนนี้ดวงดาวจะเต็มท้องฟ้าเพราะเป็นคืนเดือนมืด
แต่คงไม่สวยงามเท่ากับตอนที่เขานอนมองดูกับพิชญ
พยุตม์กลับถึงบ้านแต่ยังไม่เข้าไป เขานั่งอยู่บนม้านั่งที่ระเบียงหน้าบ้านอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอนตัวลงนอน ตาเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่ ปล่อยใจให้ล่องลอย
และท้ายที่สุดเขาก็กลับมาคิดถึงพิชญอีก
ทรมานจริงๆ ทำไมสถานการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้นกับเขา ทำไมโชคชะตาจะต้องเล่นตลกกับหัวใจของเขาแบบนี้
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงพยุตม์จึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูบ้านแต่ปรากฎว่าประตูบ้านล๊อค เขาขมวดคิ้ว สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พยุตม์จำได้ว่าไม่ได้ล๊อคประตูเอาไว้
เขาเดินลงจากบ้านเพื่อไปหยิบกุญแจที่ซ่อนเอาไว้ใต้ก้อนหินแล้วเดินกลับขึ้นมาบนบ้าน เมื่อเข้าไปในบ้านพยุตม์ตรงไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารและนั่งทานอาหารอย่างเชื่องช้าเพราะรู้สึกเบื่อ จากนั้นจึงไปนั่งอ่านหนังสือในห้องทำงาน
ถ้าพิชญอยู่ด้วย ป่านนี้คงได้เถียงกันเล่น ไม่น่าเบื่อแบบนี้
พยุตม์ถอนหายใจ ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปยังระเบียงหน้าบ้าน แหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยดวงดาว
พิชญชอบนอนมองดูดาว เขาก็ชอบ เขาอยากจะนอนกอดพิชญและดูดาวด้วยกัน แต่จะมีโอกาสที่จะได้ทำแบบนั้นหรือเปล่า นี่เขารอมานานเป็นปีแล้ว รู้สึกทรมานมากจนไม่รู้จะพูดว่ายังไง
พยุตม์เดินกลับเข้ามาในบ้านและตรงไปยังห้องนอน แต่เขาต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจอีกครั้งเมื่อหมุนลูกบิดประตูห้องนอนแล้วเปิดไม่ได้
ประตูล๊อค!
เขาไม่ได้ล๊อคประตู เขาไม่เคยล๊อคประตูบ้านหรือประตูห้องนอน เกิดอะไรขึ้น
หรือว่าตอนออกจากห้องเขาเผลอกดล๊อค แต่ว่าเขาไม่ได้ปิดประตูนี่นา เขาเปิดทิ้งเอาไว้ แล้วนี้ทำไมประตูล๊อค เหมือนว่ามีคนอยู่ข้างในแล้วไม่ต้องการให้ใครเข้าไป
ใคร!
พิชญ!
พยุตม์ยิ้มแล้วเคาะประตู ใจเต้นตึกตักด้วยความดีใจ
แกล้งเขาดีนัก คอยดูเถอะ
พยุตม์เคาะประตูไม่ยอมหยุดเป็นเวลากว่าสองนาทีพร้อมกับร้องเรียกคนที่อยู่ในห้อง
“นี่คุณ เลิกเล่นสนุกได้แล้วนะ ผมง่วง” พยุตม์พูดแล้วเคาะประตูแรงกว่าเดิม “พิชญ เปิดประตูให้ผมสิครับ”
เอาไงดีวะ งัดประตูซะเลยดีไหม
พยุตม์หยุดเคาะประตู แล้วเดินไปที่ห้องเก็บของ แต่เมื่อถึงกลางห้องก็ต้องหันกลับเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น
“คนจะนอน ทำเสียงดังกวนอยู่ได้”
“พิชญ” พยุตม์ก้าวเท้ายาวๆ ไปที่ประตูห้องนอน “คุณจริงๆ ด้วย”
“ก็ผมนะสิ”
“คิดถึงคุณจังเลยครับ” พยุตม์พูดด้วยความดีใจ
“คิดถึงก็เข้าห้องสิครับ” พิชญตอบแล้วอมยิ้ม เดินกลับเข้าไปในห้อง พยุตม์เดินตามและโอบกอดจากข้างหลัง
“ไปอาบน้ำก่อน” พิชญแกะมือของพยุตม์ออก
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกผม”
“เซอร์ไพรซ์ไหมล่ะ”
“มากเลยล่ะครับ” พยุตม์ซุกหน้าเข้ากับซอกคอของพิชญ “มากที่สุด ดีใจที่สุด”
“ไปอาบน้ำก่อน ไม่งั้นก็ไปนอนที่โซฟาข้างนอก” พิชญสั่ง
“ได้ครับ จะไปอาบเดี๋ยวนี้เลยครับ” พยุตม์รีบตอบแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ

ทะเลยามเช้าเงียบสงบ คลื่นลูกเล็กๆ ค่อยๆ ม้วนตัวเข้าซัดหาดทราย หมู่นกทะเลบินโฉบอยู่เหนือผิวน้ำ ส่งเสียงร้องประสานกันดังไปทั่ว พยุตม์กับพิชญเดินจูงมือกันอยู่ริมหาด และไม่นานก็เริ่มเถียงกัน
“เลยอดดูพระอาทิตย์ขึ้น” พิชญพูดขึ้นมา
“พรุ่งนี้ค่อยดูก็ได้ วันนี้เราก็รีบเข้านอนแต่หัวค่ำจะได้ตื่นแต่เช้า” พยุตม์อมยิ้ม
“ผมมีเวลาไม่มากนะครับ มะรืนนี้ก็ต้องกลับ”
“อยู่ต่ออีกไม่ได้หรือครับ” พยุตม์ทำหน้าอ้อน
“สามวันนี่ก็นานแล้วนะครับ ผมต้องไปร้องเพลงที่เทศกาลดนตรี Summer Sonic ที่ญี่ปุ่น แล้วก็ไปเกาหลี แวะออสเตรเลีย แล้วก็กลับอเมริกา ต้องไปถ่าย MV ของซิงเกิ้ลที่กำลังจะออก”
“ผมจะตามไป” พยุตม์พูด
“คุณไม่ทำงานหรือ”
“ผมโดดงานก็ได้ ที่มานี่ผมก็หนีงานมา”
“รู้แล้วว่าหนีงานมา ไม่งั้นผมก็ไม่มาหรอก นี่โชคดีนะที่หาเวลาได้ผมก็เลยรีบเดินทางมาเมืองไทยก่อน ตอนแรกบริษัทจะให้ผมไปซีแอตเติ้ลก่อนแล้วตรงไปโตเกียวเลย โชคดีตารางเปลี่ยนผมเลยมีเวลาว่างสี่วัน”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” พยุตม์ถาม
“ผมให้ผู้จัดการผมเช็คกับเลขาฯ ของคุณ เขาบอกว่าคุณหนีไปเที่ยวเกาะ” พิชญตอบ
“แล้วรู้ด้วยหรือว่าเกาะนี้”
“กลับกรุงเทพฯ คุณไล่เลขาฯ ออกไปเลยนะ ข้อหารักษาความลับเจ้านายไม่ได้” พิชญหัวเราะ “ผู้จัดการผมเขาเก่ง ข้อมูลแค่นี้ไม่ยากหรอก แค่เลขาฯ คุณบอกว่าเป็นเกาะส่วนตัว ผมก็รู้เลยว่าเป็นที่นี่”
“ไม่คิดหรือว่าผมจะมีบ้านอยู่เกาะอื่น”
“รวยเว่อร์เกินไปแล้ว”
“แสดงว่าตอนนี้คุณเชื่อแล้วใช่ไหมว่าบ้านนี้กับเกาะนี้เป็นของผม”
“อย่าชวนทะเลาะนะคุณ”
“ชวนทะเลาะที่ไหน”
“ครั้งนั้นก็ไม่ใช่ความผิดผมซะทีเดียว คณินทร์บอกว่าเกาะทรายงาม ผมก็มาเกาะทรายงาม จ้างคนขับเรือมาที่เกาะทรายงาม ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาฟังผิดเป็นเกาะไทรงาม”
“คุณเป็นคนพูดเร็วรู้หรือเปล่า” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“รู้ ทำไมจะไม่รู้ ผมเป็นคนพูดห้วนๆ สั้นๆ เสียงมันเลยเพี๊ยนไป ทรายงามเลยกลายเป็นไทรงาม”
“โชคดีที่คุณเป็นพูดห้วนๆ สั้นๆ ถ้าคุณไปถูกเกาะเราก็คงไม่ได้เจอกัน” พยุตม์หยุดเดิน หันหน้าเข้าหาพิชญ จับมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเอาไว้
“แต่ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็คงไม่ง่ายหรอกนะครับ เรื่องนี้คุณน่าจะรู้ดี” พิชญพูดเสียงเบา
“ผมเข้าใจ”
“เราต้องหลบๆ ซ่อนๆ โอกาสที่จะได้เจอกันก็ไม่ค่อยมี นี่แค่เริ่มต้นนะคุณ” พิชญเงยหน้าขึ้นมองพยุตม์ แววตาฉายความกังวล “เดือนหน้าผมจะได้ขึ้นแสดงบนเวทีออสการ์ หนึ่งในความฝันของผมเลยล่ะ”
“แล้วคุณก็จะดังมากกว่าเดิม ผมรู้”
“ถ้ายอดขายอัลบั้มผมยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบที่ขายได้ในเอเชีย บริษัทก็จะทุ่มโปรโมทผมในยุโรป ถ้ายุโรปสำเร็จ เขาจะทุ่มทุนเพื่อบุกอเมริกา ถ้าเพลงผมขึ้นชาร์ทบิลบอร์ดอันดับต้นๆ ผมก็มีลุ้นว่าจะได้ร้องเพลงในงานอเมริกันมิวสิคอวอร์ดกับแกรมมี่ ชีวิตหลังจากนั้นจะต้องยุ่งกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้แน่ และจะเปลี่ยนไปมากกว่าเดิม”
“ทำไมไม่คิดว่าคุณจะได้เข้าชิงรางวัล” พยุตม์ถาม
“ประชดหรือเปล่าเนี่ย” พิชญแกล้งทำหน้าบึ้งแต่สายตาฉายแววยิ้ม “ผมก็อยากได้เข้าชิงรางวัลนักร้องหน้าใหม่ แต่มันยากมากเลยนะจะบอกให้ ตอนนี้ผมฝันแค่ว่าให้ได้แสดงในงาน หรือได้ไปร่วมงาน มีกล้องทีวีจับภาพและออกข่าวผมบ้าง”
“พิชญ คุณมาได้ไกลขนาดนี้ คุณจะยังกลัวอะไรอีก คุณฝันว่าคุณจะเป็นผู้ชนะและได้รับรางวัลสิครับ”
“เอางั้นเลยหรือ” พิชญทำหน้าหนักใจ
“ผมขอเป็นกำลังใจให้” พยุตม์พูดเสียงอ่อนโยน
“บอกตามตรงนะครับ ผมกลัว ผมกลัวจริงๆ ผมกลัวชื่อเสียงที่กำลังโด่งดัง กลัวสารพัด แต่ในขณะเดียวกันผมก็ต้องการไปถึงจุดที่ผมหวังเอาไว้”
“บอกแล้วไงว่าผมจะเป็นกำลังใจให้” พยุตม์ดึงพิชญเข้ามากอด “ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ จะไปดูคอนเสิร์ตคุณทุกครั้งไม่ว่าคุณจะไปแสดงที่ไหน”
“ไหนบอกว่าไม่ดูคอนเสิร์ต ไม่ชอบคอนเสิร์ตที่เก็บเงินค่าดูแพงๆ”
“คุณก็ให้ตั๋วฟรีผมสิ ในฐานะวีไอพี” พยุตม์หัวเราะเบาๆ แล้วหอมแก้มคนที่อยู่ในอ้อมกอด
“อยากเป็นแค่วีไอพีหรือ” พิชญพูดเสียงอู้อี้ หน้าซุกอยู่กับอกกว้างแกร่งของพยุตม์
“เปล่า อยากเป็นมากกว่านั้น”
“อยากเป็นอะไรครับ” พิชญถามเบาๆ
“อยากเป็นคนที่คุณรัก” พยุตม์กระซิบข้างหู “และอยากเป็นคนที่รักคุณ”
“ทางขรุขระหน่อยนะครับคุณ”
“ขรุขระผมก็ไม่หวั่น ถ้าเราจะเดินไปด้วยกัน” พยุตม์ซุกไซร้จมูกเข้ากับซอกหูของคนที่เขารัก “ยากแค่ไหนเราก็จะต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้”
“คุณยอมรับสภาพหรือเปล่า คุณพยุตม์” พิชญถอนหายใจเบาๆ “ถ้าผมดังกว่านี้ เราอาจจะต้องระวังตัวกันมาก คุณอาจจะอึดอัด คุณรู้ไหม ผมมีบอดี้การ์ดประกบอยู่ด้วยแทบตลอดเวลา”
“แล้วคุณมาที่นี่ได้ยังไง เช่าเรือหาปลาลำเดิมมาหรือ” พยุตม์เย้า
“บ้าสิ” พิชญตอบ “อย่าให้เจอเรือลำนั้นอีกก็แล้วกัน ผมเอาเรื่องแน่ๆ ขอบอก”
“ร้ายจริง”
“บอดี้การ์ดผมขับเรือมาส่ง ตอนแรกจะจอดเรือเฝ้าอยู่ที่หน้าหาด แต่ผมบอกว่าเกาะนี้เป็นเกาะส่วนตัว ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง เขาเลยยอมไป แต่อยู่ไม่ไกลหรอกนะ ถ้าผมโทรเรียก เขาก็จะมาหาได้ภายในครึ่งชั่วโมง”
“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ” พยุตม์พูดขึ้น
“เสียใจครับ ของผมใช้ดาวเทียม เทคโนโลยีล้ำยุคเลยล่ะจะบอกให้ ถ้าคุณทำให้ผมโกรธ ผมจะเรียกบอดี้การ์ดผมมาจัดการคุณ”
“กลัวจัง” พยุตม์ยิ้ม “ผมไม่คิดจะทำให้คุณโกรธหรอก ผมจะทำให้คุณรักและมีความสุข”
“ถ้างั้นคุณก็ปลอดภัย”
“ไปกินข้าวกันเถอะครับ แต่เป็นข้าวผัดนะ”
“อะไรกัน ข้าวผัดอีกแล้ว” พิชญโวยวาย
“ก็ผมรู้หรือเปล่าล่ะว่าคุณจะมา”
“ผมอยากกินปูเผา”
“อาหารเช้านะคุณ”
“หรือไม่ก็ข้าวต้มกุ้ง”
“กินข้าวผัดก่อนเถอะ เอาไว้มื้อเย็นค่อยกินพิเศษ ใจคอจะให้ผมลงน้ำหาปูหาปลาตั้งแต่เช้ายังงี้เลยหรือ” พยุตม์ต่อรอง
“ไหนบอกว่าจะทำให้ผมมีความสุข” พิชญทวง
“งั้นก็รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ผมจะทำให้คุณมีความสุขก่อนอาหารเช้า”
“คนบ้า...ตอนตื่นนอนก็ทีนึงแล้ว เลยไม่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นเลยเห็นไหมล่ะ” พิชญชกหน้าท้องพยุตม์จนตัวงอ
“หรือจะมีความสุขกันบนหาดทรายนี่ก็ได้นะครับ” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“ไม่เอาแล้ว ผมหิวข้าว ผมจะกลับบ้าน” พิชญผลักพยุตม์แล้วเดินตรงไปที่บันไดไม้ซึ่งเป็นทางเดินขึ้นไปที่บ้านพัก
พยุตม์เดินตามไม่กี่ก้าวก็ตามทัน แขนแข็งแรงกอดเอวคนที่กำลังหิวข้าวแล้วดึงเข้าแนบตัว ทั้งสองหนุ่มเดินคลอเคลียกันไปช้าๆ เพราะอยากตักตวงความสุขช่วงสั้นๆ ให้เต็มที่
“ผมรักคุณนะครับพิชญ” พยุตม์พูดขึ้นมาเบาๆ และก้มลงหอมแก้มคนที่เขาบอกรัก
“อือ”
“อะไรกัน คนบอกรักแล้วตอบเขาแบบนี้หรือ” พยุตม์โวย
“แล้วถ้าผมไม่รักคุณผมจะมาไกลขนาดนี้ให้คุณได้ปู้ยี่ปู้ยำหรือไง” พิชญทำหน้ายิ้มๆ
“ไม่โรแมนติกซะเลย” พยุตม์ส่ายหน้า
“ไม่เคยเป็นคนโรแมนติก” พิชญยักไหล่
“หรือชอบเถื่อนๆ”
“ก็ไม่แน่...” พิชญเลิกคิ้ว
“กินข้าวเช้าเสร็จเดี๋ยวได้รู้กัน” พยุตม์ทำท่าฮึ่มฮั่ม
“กลัวจริงๆ เลยให้ตายสิ” พิชญอมยิ้มแล้วเดินจูงมือพยุตม์ให้เดินตาม “มาเถอะ เร็วๆ เข้า ผมหิวข้าว”
“ครับๆ” พยุตม์พยักหน้ายิ้มๆ “ทำอาหารเช้าให้กินแล้วก็ให้รางวัลผมบ้างนะ”
“คุณทำให้อร่อยๆ ก็แล้วกัน ถ้าอร่อย อยากได้อะไรก็จะให้ทุกอย่าง”
“สัญญานะครับ”
“สัญญาสิ”

….แล้วกล้องก็จับภาพท้องทะเลกว้างใหญ่ แพนกล้องสูงขึ้นให้เห็นท้องฟ้าสีครามจนกระทั่งทั่งสองหนุ่มทานข้าวเช้าเสร็จ หลังจากนั้น จะเกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนั้นมันก็เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา...


::: จบ :::
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 19-01-2012 22:33:44
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 19-01-2012 22:48:34
 :impress2: o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 19-01-2012 22:52:02
 :o8: :-[ :impress2: :o8: :-[ :impress2:


โอ๊ยยยยยยยยยยย เขินนนนนนน


อ่านเพลินแถมลงทุกวันไม่ให้ค้างนานๆ ชอบมากกกกเลยจ้าาา  ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆน้า o13 o13

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 19-01-2012 22:54:56
ปิดตำนาน เกาะทรายงาม เอ้ย เกาะไทรงาม
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sakuracity ที่ 19-01-2012 22:56:36
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา~~~~! น่ารักอ่าาาาาา ตั้งแต่อ่านมาเพิ่งสัมผัสได้ถึงความสุข ทะเลสวย ท้องฟ้าอันสดใส ก็ตอนนี้แหละ น่ารักมากๆ >///<   (แอบเคืองเรื่องฉากร่วมรัก แต่ให้อภัย 55) เปิดเพลงน่ารักๆที่เข้ากับทะเลไปด้วย เลิศมากเลยอะ พยศเป็นคนที่โรแมนติคสุดๆ กิ๊ส >///////<

จากนี้ไปคงคิดถึงพยศกับพีชแย่เลยยย

ขอบคุณ คุณ Katawoot มากครับสำหรับนิยายน่ารักๆเรื่องนี้ รอผลงานชิ้นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อครับ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 19-01-2012 22:58:10
ยังบ่จบ...แม่นบ่?

^
^
นั่นเม้นของตอนที่13  5555

มาเร็วเกินคาดจริงๆ

เรื่องนี้แอบแปลกแหวกแนวกว่าเรื่องอื่นๆ  แต่น่าประทับใจดีนะคะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 19-01-2012 23:05:59
สายลม แสงแดด สองเรา
พยุฒฆ์ได้ปู้ยี้ปู้ยำพิชญด้วยอ่ะ
สุดท้ายก็จบลงด้วยดี
ขอบคุณคนเขียนเน้อออ :pig2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 19-01-2012 23:07:14
เอ่อ รวบรัดจบเร็วมากๆ

คือพิชญนี่เป็นคนที่น่าตบปากมากๆเลย ถอนหายใจ ปากเก่ง ปากเสีย เอาแต่ใจ สารพัด
ทำให้พยุตแลดูเป็นโรคจิตมาโซคิสในสายตาเราซะงั้น

แต่ก็สมกันดีนะ บันไซ !!!แด่คู่รักโรคจิต
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 19-01-2012 23:11:59
คุณพยุตม์น่ารักชิบหายวายวอดไปหมดแล้วค่า  555  :-[
อยากให้มีตอนพิเศษจังเลยค่า
พูดสองแง่สองง่ามแล้วคิดถึงสารวัตรอธิคมนะคะ (ยังจะโยงไปเกี่ยวได้เนอะ ^^)
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 19-01-2012 23:17:46
ชอบคู่นี้อ่ะ อ่านแล้วยิ้มตามเลย
โดยเฉพาะตอนสุดท้ายน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kslave ที่ 19-01-2012 23:23:02
เรื่องนี้น่ารักมาก เถียงกันทั้งเรื่อง ฮ่าๆๆ
ตอนจบโอเคเลยค่ะ ไม่ทำให้ผิดหวัง  o13

อ่านแล้วอยากไปเที่ยวทะเลยเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 19-01-2012 23:23:51
โอ้ยๆๆๆๆๆอ่านแล้ว   หมั่นไส้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ï_Kiss_U♥ ที่ 19-01-2012 23:26:46
สนุก ฮา น่ากรักมากๆๆ ถึงมากที่สุด ขอบคุณนิยายดีๆของ คุณ Katawoot ค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 19-01-2012 23:29:35
 :sad4: จะรีบจบไปไหนอะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักน่าหยิกนะคะ ตอนจบแอบหวานถูกใจแม่ยกจริงๆ :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 19-01-2012 23:48:05
อร๊ายยยย นึกว่าจะจบแบบไม่ได้นั่นซะแล้ว ว่าแต่ครั้งเดียวเอง ยังไม่ครบสามเลย

ขอบคุณมากค่ะ คุณ นาย รอเรื่องต่อไป    o18
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 19-01-2012 23:59:55
อร๊ายยยยยยยยย ว่าแล้วว่าเดี๋ยวต้องมีของแถม อิอิ น่ารักมากกกกกกกก
หวานจังเล้ยยยยย กดบวกแล้วหวังว่าไปเที่ยวจะได้เจออย่างคุณพยุตบ้างน้า อิอิ

ขอบคุณมากค๊าาาาา จะติดตามผลงานเสมอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 20-01-2012 00:12:13
คุณวุฒิไม่เคยใจร้ายกับพวกเราเลย  แล้วจะไม่กดบวกได้อย่างไรกัน
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 20-01-2012 00:55:59
ทั้งเรื่องมีตัวละครจริงๆอยู่สองตัว แต่ก็อ่านได้ไม่เบื่อจริงๆ จบเร็วอ่า อ่านแล้วอยากจะหลงไปเกาะไทรงามบ้างจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-01-2012 09:08:40
ตามอ่านมาจนจบเพื่อ อยากรู้เลยนะว่าตกลงใครผิด...555 ฟินแล้วผม...
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 20-01-2012 09:53:11
จะเกิดอะไรขึ้นในบ้านมันเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา
แต่คนอ่านอยากรู้ 555555
ขอบคุณนะคะ ถ้ามีเรื่องใหม่บอกด้วยนะคะ
+ 1 นะคะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 20-01-2012 10:31:36
จบดีเว่อร์  ผิดวิสัยนายคฑา จริงๆ  555

น่ารักมากๆเลยค่ะ  อ่านแล้วอิ่มอุ่น จนอยากพาแฟน(ที่หาไม่ได้)
ไปทะเลสักคน

ขอบคุณนะค่ะ ที่นำเรื่องน่ารักๆ มาให้อมยิ้มได้  เป็นกำลังใจให้
มีเรื่องใหม่มาให้อ่านอีกไวไว นะค่ะ จะรอ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 20-01-2012 10:59:27
หนังสั้น บิ้วอารมณ์คนอ่าน อ่ะนะคะ บวกเป็ดดแล้วค่ะ
ไม่อยากไปเที่ยวผิดเกาะอ่ะ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-01-2012 12:17:04

น่ารักจริงๆ เลย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-01-2012 12:24:43
น่ารักมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-01-2012 13:52:29
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกมาก
ตอนแรกจะกดบวกแล้ว เห็นแช่งให้เจอพยุตม์เลยไม่กดซะเลย อยากเจอๆๆๆๆๆๆ 55+
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-01-2012 14:29:06
เอาใจเราไปได้เลย จบได้ใจมักกก
เนอะพิชญ์เนอะ "..แล้วถ้าผมไม่รักคุณผมจะมาไกลขนาดนี้ให้คุณได้ปู้ยี่ปู้ยำหรือไง"
 :L2:แด่ผู้เขียนแทนคำขอบคุณ สำหรับเรื่องราวดีๆน่ารักๆจ้ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 20-01-2012 15:02:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 20-01-2012 15:23:33
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆ  ได้ใจจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 20-01-2012 17:48:45
 :o8: น่ารักมากๆเลย อ่านแล้วแก้มแดง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 20-01-2012 18:13:21
หลังจากอ่านจบไป2รอบ  ก็เลยมีเรื่องอยากบอกกับคนเขียน....ฮึ ฮึฮึ o18   มีตอนพิเศษไหมอ่ะ :z3: :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: katawoot ที่ 20-01-2012 18:46:52
หลังจากอ่านจบไป2รอบ  ก็เลยมีเรื่องอยากบอกกับคนเขียน....ฮึ ฮึฮึ o18   มีตอนพิเศษไหมอ่ะ :z3: :-[
เดิมทีตอนจบคือตอนที่ 13 ครับ แต่เขียนตอนที่ 14 เพิ่มเพราะไม่อยากให้อารมณ์ค้าง ก็เรียกไ้ด้ว่าเป็นตอนพิเศษนะ ส่วนตอนพิเศษอื่นๆ อีกก็คงน่าจะมี แ่ต่ว่ารอหน่อยนะ ตอนนี้เตรียมตัวสำหรับโพสเรื่องใหม่อยู่ครับผม ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 20-01-2012 18:51:42
จะติดตามเรื่องใหม่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 20-01-2012 19:08:48
ขอบคุณคุณนายมากนะครับ
ชอบเรื่องนี้อ่านแล้วไม่เครียด
แถมจบแบบนี้ชอบที่สุด
รอตอนพิเศษและเรื่องใหม่นะครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: taroni ที่ 20-01-2012 20:57:47
น่ารักอะ :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: emmybblood ที่ 20-01-2012 21:00:29
เฮ้ยยยยย! เรื่องใหม่คุณคฑามาตั้งกะเมื่อไหร่

ทำไมเราพลาด

................

อ่านจบแระ

แหม... เรื่องนี้ถือว่าจบได้เพอร์เฟ็คเลยนะคุณคฑา หวังว่าเรื่องต่อๆ ไปก็จะเป็นเช่นนี้

เคยบอกหรือยังว่า ชอบคาแร็คเตอร์นายเอกทุกๆ เรื่องของคุณที่สุดเลย 
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 21-01-2012 01:41:26
อ่อย สนุกมากๆเลยพี่นาย น่ารักมากๆเลยล่ะเรื่องนี้
แบบที่อาจจะไม่เคยได้อ่านอะไรแบบนี้จากพี่นายมาก่อน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Daiice ที่ 21-01-2012 09:28:37
เขิน ๆ น่ารักอ่ะ >______<

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kunchan ที่ 21-01-2012 14:50:22
อ่านแล้วอยากไปทะเล อยากติดเกาะบ้างเน้อ กิ๊วก๊าวทะเลไทย รักคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: CHADMM ที่ 21-01-2012 20:07:03
อ่านจบแล้วววว  ชอบอ่ะชอบบบ  พยุตน่ารักอ่ะ อยากอ่านต่อจัง ^^ จบได้เยี่ยมไปเล้ยย   

ขอบคุณคนแต่งนะคะ ชอบเรื่องนี้จังง 
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: มะมะมะหมิว ที่ 21-01-2012 20:58:41
สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 21-01-2012 21:45:51
อ่านแร้วติด ต้องอ่านต่อให้จบรวดเดียวให้ได้  :serius2: สนุกมากๆเรยค่ะ  o13
นายพิชญ อ่านๆไปแร้วรู้สึกว่านายช่างเปนคนที่เอาแต่ใจตัวเองมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :seng2ped:
ส่วนพยุตก็น่ารักสุดๆไปเรย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 21-01-2012 21:58:10
เย้ๆๆๆ ดีใจจังที่จะมีตอนพิเศษอีก

แล้วก็ดีใจที่จะมีเรื่องใหม่ด้วย

รออ่านค่า
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-01-2012 01:35:12
14 ตอนรวดค่ะ เพราะกลัวจบเศร้าแต่แอบดูแล้วว่าหวานเลยอ่าน 555

อิ่มมากกกกกกเรื่องนี้ละมุนละไม ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sulsul ที่ 22-01-2012 03:47:13
เพิ่งเข้ามาอ่านตอนแรก
อยากบอกพีชญ์ว่า
น่ารำคาญมากกกกกกกก
คนอะไรจะเถียงมันทุกอย่างขนาดนี้
เอาตัวเองเป็นใหญ่ไปมั้ยจ๊ะ

คือน่าจะมีสมองคิดมาเซ่ วุ้ยยย
อ่านแล้วของขึ้นเลยอ่ะ

ปล.คหสต.นะจ๊ะ คนแต่ง อย่าว่าเค้าน้าา
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-01-2012 11:59:31
จบเร็วมากกกกก กำลังจะเริ่มอ่าน เห็นย้ายไปห้องจบแล้ว พี่คนเขียนทำไมจบเร็วอย่างเน้ :z3:
แต่ว่าแฮปปี้มากๆเลยค่ะ อมยิ้มตลอดเรื่องเลย คู่นี้เค้าง้องแง้งกันน่ารักมากๆ
ยิ่งตอนจบน้ำทะเลจืดไปเลย เสียดายไม่ได้ซับเลือดซักที
ชอบตอนความฝันของพิชญที่จับไมค์อ่ะ ตลกมาก
กดบวกๆๆๆ เผื่อจะไปติดเกาะแล้วเจอคนแบบพยุตม์บ้าง  :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 22-01-2012 12:56:51
 :o8:   เรื่องนี้น่ารักมาก  กัดๆกันตลอด

เสียดายนะไม่มีNC   :z1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 22-01-2012 14:23:11
เรื่องนี้น่ารักมากคะ ตอนอ่านตอนที่ 13 จบ คิดว่านักเขียนจะไม่เฉลยรึว่า นายเอกมาผิดบ้านได้ไง
จนมาถึงตอนที่ 14 เรียกว่า ทุกอย่างจบอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
นักอ่านจะรอตอนพิเศษนะคะ
อยากรู้จักคุณพยุตพระเอกของเรามากกว่านี้ >////<
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: อาคิรา ที่ 22-01-2012 15:35:41
 :pig4: :pig4: :pig4:(http://)
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 22-01-2012 17:00:15
พรหมลิขิตสินะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: CrazierM ที่ 22-01-2012 17:16:33
หมั่นไส้พิชญตั้งแต่ต้นจนจบ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: รักทุกฤดู ที่ 22-01-2012 19:24:04
หนุกๆๆจังเรื่องนี้     o18 o18
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: รักทุกฤดู ที่ 22-01-2012 20:47:46
ง่าาา   อ่านจนจบเลยยย  ฮือๆๆๆ  หวังว่าจะมี nc :haun4:  แต่ก็ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 :z3: :z3:


หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 22-01-2012 22:57:54
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 23-01-2012 05:10:18
เกาะทรายงาม VS เกาะไทรงาม  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: so close ที่ 23-01-2012 07:55:16
อ่านจบน้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ด น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: happiness_ja ที่ 23-01-2012 11:41:01
มาอ่านตามคำแนะนำ..และต้องขอบอกว่าไม่ผิดหวังจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: โมกข์มีนา ที่ 23-01-2012 13:23:57
น่ารักจัง  :L2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 23-01-2012 16:33:39
ขอบคุณครับ 
เป็นกำลังใจ้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: run2522 ที่ 23-01-2012 17:43:33
 :-[ :L1: เรื่องนี้น่าัรักดีที่สุดคำพูดก็สวยด้วยแหละ :-[ :L1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ThE_PaRaN ที่ 23-01-2012 20:07:19
หนังคนละม้วนเลย

ตอนแรกเกือบจะแนวแอคชั่นซะแล้ว แต่สุดท้ายก็โรเเมนซ์
อ๊ายยยยน่ารักๆๆๆ >< :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 23-01-2012 21:11:28
เราพลาดอะไรไปเนี่ย  :z3: :z3: ได้เห็นและได้มาอ่านเมื่อจบแล้ว

แต่

ก็ยังดีที่ไม่พลาดผลงานอีกหนึ่งเรื่องของ คุณคฑา   เกือบแระๆ  :m16:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 23-01-2012 21:35:16
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 24-01-2012 00:02:57
น่ารักอ่ะ :man1:
เวลาเถียงกันนี่
รู้สึกกดดันแทน  หายใจแทบไม่ออก    :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Dee15 ที่ 24-01-2012 13:29:30
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
เค้าอยากไปเกาะ ไทรงาม เผื่อจะเจอ เจ้าของเกาะบ้างอ่ะ  :impress2:
ชอบๆๆๆๆ เอาอีกๆๆๆๆ ขอบคุณมากมายนะคะ่ ทั้งคนเขียน ทั้งคนโพส  :กอด1:  :กอด1: สองที
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 25-01-2012 00:12:20
อ่านไปขำไป ชอบเวลาสองคนเถียงกันจริงๆ :laugh:
ตอนจบน่ารักมากๆเลยค่ะ เขินแทน  :o8:
+1ค่า ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: myall ที่ 25-01-2012 20:37:17
น่ารักมากค่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: โมกข์มีนา ที่ 25-01-2012 21:58:44
เรื่องน่ารักมากๆเลยครับ
สำนวนการเขียนก็ ขอเรียกว่า "งดงาม" แล้วกันเนอะ ^_^

ตอนจบก็หวานซะ
แต่.. (ไม่ได้จะตินะครับผู้เขียน)
ถ้ามีเรื่องที่อยู่ในช่วงรอยต่อที่ พิชญ กลับไปทำงานแล้ว ช่วงที่ห่างกัน ช่วงที่คิดถึงกัน
จนถึงตอนจบด้วย ก็คงจะดีไม่น้อย อิอิ แอบโลภ

ปล. อยากจะ บวก ให้แต่ทำไม่ได้ ยังโพสต์+เมนท์ไม่ถึง เศร้า

ยังไงก็ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ น่ารักๆ แบบนี้อีกครั้งนะครับ
ผู้เขียน น่ารักอ่ะ!!
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-01-2012 22:42:13
สมเป็นหนังใหญ่จริงๆ อิอิ...

(เป็นนิยายขนาดยาวเกินสามตอนเรื่องแรกที่เขียนโดยคนไทยซึ่งเราอ่านจบนะคะ)

ขอบคุณค่ะ

รักพยุตจังเลย น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


อยากได้พระเอกแบบนี้มั่งไรมั่ง (แต่ได้ข่าวว่าเราเหวี่ยงยิ่งกว่าอีตาพีชอีก =[]=!!)
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 27-01-2012 03:42:35
จบแล้วยังเด็ก

แหม่น่ามีฉากกุ๊กกิ้กอีกหน่อยอิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 27-01-2012 03:44:25
จบแล้วจิงเดะ

แหม่น่ามีฉากกุ๊กกิ้กอีกหน่อยอิอิ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 27-01-2012 07:51:17
คุณคทาวุธแต่งเรื่องนี้คนอ่านไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัวเลย น่ารักมากค่ะ ชอบที่พิชญต่อล้อต่อเถียงกับพยุตย์จริงๆ จบแบบหวาน อยากได้เพิ่มแต่นี้เป็นหนังใหญ่ ไม่ใช่ละครเนอะจะได้ยืดตอนได้ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: คุณแม่ลูกสอง ที่ 27-01-2012 11:25:47
ตามมาอ่านตามคำแนะนำคร้าบบบบบ

ขอบคุณสำหรับควาน่ารักที่นำมาฝากกันนะครับ


 :L2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 27-01-2012 16:21:05
เข้ามาแค่เห็นโลโก้พวงกุลแจหัวใจสีแดง ของผู้เขียนแล้วขอบอกว่าไม่ผิดหวังจริงๆ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหนูไฉไล ที่ 29-01-2012 00:38:11
แหม .. เกาะไทรงาม กับ เกาะทรายงาม คิดนานมะเนี่ย 555+

อ่านแล้วอยากติดเกาะนิดนึง แต่ต้องเตรียมซันบล็อกไปซักประมาณ 1 ตัน 555+
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 29-01-2012 04:48:25
น่ารัก โรแมนติกมาก และฮา ฉากที่เค้าเถียงกัน ทั้งฮาทั้งน่ารัก  :impress2:
ชอบฉากละเมอเกาะขอนไม้ คว้าไมล์ ก๊ากๆๆๆ ช่างคิดได้  :laugh:
ยิ้มตลอดเรื่องเลยอะ อ่านแล้วมีความสุข  o13

จะรอตอนพิเศษนะคุณคฑาวุธ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-01-2012 06:52:06
ทะเลาะกันมาทั้งเรื่อง พอจะหวานก็หวานซะ  :impress2:

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 29-01-2012 14:27:31
ว่าแล้วเชียว... ช่างกล้องต้องถ่ายแบบนี้ :m24:

สนุกมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 29-01-2012 15:15:24
 :impress2: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! น่าร๊ากอ่ะ ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 30-01-2012 14:40:02
จบดีจังเลยค่ะ
ทำให้รู้ว่า ถึงผู้เขียนจะเล่าเรื่องราวเพียงเท่านี้
แต่จริงๆ แล้วยังไม่จบหรอกนะ
ตัวละครยังมีอนาคตให้ต้องฝ่าฝันกันต่อไป
เพียงแต่ไม่เล่าให้เราได้ติดตามต่อเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: memmory_far ที่ 31-01-2012 21:09:07
 น่ารักมากๆเลยอ่ะ อยากได้แบบนี้จัง เฮ้อออ 14 ตอนรวด
ขอบคุณที่้เขียนเรื่องดีดี มาให้ได้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Homepage ที่ 09-02-2012 19:59:19
ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่นำมาแบ่งปัน ^ ^"
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 10-02-2012 23:39:04
น่ารักมากเลย
อ่านแล้วทำให้รู้ว่า การติดเกาะก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่
มันดีจริงๆ อ่ะ
สองคนเถียงกันไปมาเกือบตลอดเรื่อง
คนอ่านก็ตามอ่านเพลิน
มาอีกที อ่าว เอ้ย จบแล้วเหรอเนี่ยะ
แหม มันน่าจะมีต่อได้อีกน้า
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 11-02-2012 00:41:07
น่ารักสุดๆ ไปเลยครับ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 11-02-2012 05:05:25
 ขอบคุณครับ :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: boofuu ที่ 12-02-2012 00:47:37
สุดยอดเลย สนุกมากที่สุด

ผมกำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัดพอดี

ตอนนี้เลยจิ้นไปแล้วเนี่ยว่าจะได้เจอเนื้อคู่กับเค้าบ้าง  :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yakkaru ที่ 12-02-2012 16:29:21
อ่านจบแล้ว ! ชอบตอนเขาเถียงกัน น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 17-02-2012 23:33:20
ไม่รู้จะคอมเมนต์อะไร

สั้นๆ เฉียบเหมือนเดิมครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 20-02-2012 02:47:36
 :pig4: :pig4:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 22-02-2012 23:17:34
ไปโง่ที่เว็บเด็กดีอยู่แป๊บหนึ่ง
ที่นั่นมีแค่สองตอนนึกว่ามีแค่นั้น
ดีนะมีพี่กลูช่วยหาเลยรู้ว่ามีที่เล้าด้วย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 22-03-2012 07:27:39
สนุกมากกกกกกกกกกกค่ะ อ่านเรื่อยและอบอุ่น หมั่นไส้กับความรั้นของพิชญนิดหน่อย แต่น่ารักเลยให้อภัย  ตกลงพระเอกคือใคร ทำงานอะไร ยังไง ไม่มีบอกกล่าวเลยอ่า o13
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: J_Dargon ที่ 28-03-2012 09:43:00
นิยายของพี่สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่เสียใจที่ติดตามมาตลอด
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 02-04-2012 21:29:48
พิชญญญ พลาดไปแล้วว

หุหุ น่ารักเน้อออ ชอบบบ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 05-04-2012 01:49:27
จริงๆแล้วเราก็อยากรู้เรื่องของเขาด้วยนะเออ  โฮะๆๆๆ   ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 20-04-2012 12:08:42
 o13 o13   น่ารักอ่าาาาา
 
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 22-04-2012 03:19:11


เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะเนี่ยย

แหมม จบแล้วเหรอ อยากกรี๊ดดดดอะ โรแมนติก แล้วก็หวานมากๆ ชอบพระเอกของเรื่องน้อะ

หล่อรวยเฟอร์เฟคคร่าาา ส่วนนายเอกก็ขี้เถียงใช่เล่น เวลาอ่านเขาเถียงกันมันเพลินจริงนะค่ะเนี่ย ><

คลั่งมากๆ อยากจะเจ๊ออยากจะเจอค่ะ พระเอกรวยๆแบบนี้อะ ฮ่าๆๆๆ

 :laugh5: :laugh5: :laugh5: :laugh5:



ปล. ถ้าเราเป็นนายเอกนะ จะจับพระเอกกินตั้งแต่ตตอนแรกเลยย

 :z9: :z9: :z9: :z9: :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: evilM ที่ 22-04-2012 13:29:44
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอิ่มเอมมากเลยครับ

ทำให้มีความสุขมากจริงๆ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Lyricliee11 ที่ 22-05-2012 11:13:58
GOod Job !! :mc4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-05-2012 15:06:56
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
อบอุ่นมากเลย
แต่อยากเห็นเค้าสวีทกันจัง ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: mulli ที่ 31-05-2012 19:04:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 28-10-2012 20:18:00
ตอนจบน่ารักมาก แต่ทำไมเราร้องไห้ก็ไม่รู้  :sad11:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 08-12-2012 06:08:39
เยี่ยม อ่านไปขำไป ตอนจบพึ่งจะเฉลยว่าผิดเกาะจริงๆ คิดสาระตะนึกว่าจะเล่นมุกอื่นที่ซ่อนเงื่อนกว่านี้
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-12-2012 05:02:02
น่ารักมาก อยากติดเกาะขึ้นมาทันที  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sam15225 ที่ 11-12-2012 15:16:38
 o13
ชอบมากครับ อ่านรวดเดียวจบ
อ่านไปเขินไป
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 13-12-2012 11:02:48
เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆ  ถ้ามีอีกก็อ่านอีก

ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Beau ที่ 21-12-2012 22:47:48
น่ารักมากกก!   o13


อ่านมาเรื่อยๆ พอบอกว่าจะจบ สภาพคือเป็นแบบนี้ >>>  :a5:


อยากให้มีตอนพิเศษอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 22-12-2012 15:20:50
อ่านเพลินมากๆครับ เนื้อหาน่ารักดีครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 05-02-2013 01:24:35
happy ending :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-04-2013 16:09:38
อ่านกี่ครั้งก็หลงรักโลมาตลอด เอ๊ะ!!! ผิดประเด็น 55555
พยุตย์น่ารักอ้ะ แต่ชอบพิชญมากกว่า ดื้อนิดๆ (เหรอออ) น่ารักดีอ้ะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 19-04-2013 20:39:02
เป็นการเถียงกันที่น่ารักมาก ต่อปากต่อคำกันสุดๆ  :mew4:
 :เฮ้อ: ส่วนอนาคตต้องจินตนาการกันเอาเอง ถ้ามียาวกว่านี้คงดีค่ะ
ปล. กำลังหาเรื่องอื่น ๆ ของคุณ katawoot  อ่านอีกค่ะ
หวังว่าจะมีผลงานใหม่ๆ ของคุณ katawoot ให้ติดตามนะคะ
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 20-04-2013 01:00:45
น่ารัก อบอุ่น สนุก สรุปว่า "ชอบ"
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 20-04-2013 14:07:32
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
"อาทิตย์อัสดง" กลายเป็นหนึ่งในลิสนิยายโปรดไปแล้ว
เรื่องนี้อบอุ่น หวานนิดหวานหน่อย ใส
ชอบมากๆเลยค่ะ
ตอนนี้อ่านนิยายของคุณนักเขียนไปได้ 2 เรื่องแล้ว
สนุกมากกก ก
จบแบบสมเหตสมผล
อีกอย่างนิยายเรื่องนี้อยู่บนเกาะ
มีกันสองคน เลยมีแต่เรื่องของพิชญและพยุตย์
ตลอดเรื่อง ตามติดทุกสถานการเลย
น่ารักมากก

เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียน
มีงานเขียนดีๆ ออกมาเยอะๆ และมีความสุขมากๆนะคะ ^^
+เป็ดให้ทุกตอนค่ะ   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 20-04-2013 16:05:29
น่ารักที่สุดดดดดด ><
 :o8: :o8: :o8: :o8:

ขอบคุณนะคะ สำหรับผลงานดีๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 21-04-2013 07:15:04
 :ling1: น่ารักมากกก อบอุ่นจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 12-06-2013 18:06:20
สนุกจังค่ะ น่ารักเนอะทั้งพระทั้งนายเลย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: benz-sirilada ที่ 13-06-2013 21:50:03
โอ้ย อยากติดเกาะจัง
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆ น่ารัก ๆ
น่าจะมีตอนพิเศษเพิ่มอีกสักตอนนะคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-06-2013 12:41:43
เรื่องนี้มันน่ารักๆ อ่านแล้วดูบายๆ

ที่แน่ๆเรามีความสุขและอมยิ้มตลอดอ่ะ :กอด1:

ขอบคุณนะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-06-2013 12:00:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 28-06-2013 16:03:59
น่ารักมากเลยถึงจะเป็นคนแปลกหน้า2คนที่ต้องมาอยู่บนเกาะด้วยกัน

แต่บรรยากาศรอบๆกลับดูน่ารัก อบอุ่นดีจัง
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 06-07-2013 14:24:16
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
อ่านแล้วยิ้ม มีเครียดบ้างประปราย
บรรยากาศจะแนวหวานๆออกกวนเล็กน้อย ฟินค่ะฮาาาา
ติดตามเรื่องต่อไปนะค่ะ OvO :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 08-07-2013 11:21:37
โห้ยยยยย
จบแบบโรแมนติกเว่ออออ้ะ
น่ารักมาก
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ เลยอ่า
แต่งต่อ ๆ เลยได้มั้ยๆ
อิอิ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ อย่างนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 03-09-2013 01:22:45
อ่านตอนกลางๆนี่รู้สึกว่านายเอกนี่ไงกันนะ เถุียงคำไม่ตกฟาก
แต่ก็นี่แหละคือเสน่ห์ของเขา  ถ้าเถียงไม่เ่งก้ไม่ใช่พิชญแชมป์โต้วาทีน่ะซิ
พระเอกของเราลุกล่อลูกชนยอะมาก><
น่ารักกกกกกกกกกกก
อ่านตอนใกล้จบแล้วรู้สึกว่าความน่ารักมันอัพขึ้นเรื่อยๆ
ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา><
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: WednesdayAugust ที่ 05-09-2013 13:05:08
หวานและอบอุ่นมากเลย
ชอบที่บอกว่า ถ้าไม่รักก็คงไม่มาตั้งไกลให้ปู้ยี่ปู้ขำ แอร๊ย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-12-2013 14:42:01
น่ารักจัง
เหมาะสมกันมาก555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 15-05-2014 18:41:41
มีการบอกว่าเค้าจะทำอะไรก็เรื่องของเค้าอีก  ......  ชักอยากจะเสือก :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 17-05-2014 17:25:50
อ่านะ...คนนึงยอกย้อน วีนเหวี่ยง  อีกคนชอบแหย่ ชอบกวน  เหมาะสมกันสุดๆ

โดยรวมแล้วเป็นเรื่องที่สนุก ทั้งที่มีตัวละครแค่สองตัว และสาเหตุก็มาจากการออกเสียงไม่ชัดเจนของตัวนายเอก จึงทำให้ได้มาพบเจอกัน  o13
 :pig4:

ปอ.ลิง  ไม่เฉลยวิธีขึ้น-ลง เปลกับชิงช้า ที่คุณพยุตย์บอกว่าง่ายๆ หน่อยหรา เค้ารออยู่น้าาาาา :z2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 17-05-2014 23:18:18
คาดหวังกับ NC 18+ ไว้มาก... T-T
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 18-05-2014 07:23:23
เมื่อวานนั้นอ่านถึงตอนสิบสามวันนี้มาอ่านตอนสิบสี่ อารมณ์ไม่พอใจทั้งสองคนเล่นหายไป 55+
แต่ก็เรียบๆ ง่ายๆ น่ารักดีคะ
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 18-05-2014 14:03:30
กลับมาอ่านรอบ 3 อยากบอกว่าชอบมากค่าาา :D
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 19-05-2014 00:18:48
น่ารักมากกกกกกกกกกก   ชอบอะ

หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: alkuhcyjyu ที่ 23-05-2014 18:12:52
งือออ ชอบเรื่องนี้อ่ะ
น่ารักมากเลย ละมุนละไม  :-[
อยากให้มีตอนพิเศษอ่ะ อยากอ่านๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 31-10-2014 09:15:46
อ่านกี่ทีก็น่ารักจ่ริงๆนะคะเรื่องนี้ พยศ เอ๊ย พยุตม์ใจดีแบบพระเอกในดวงใจมากก ส่วนพิชญก็น่ารักน่ากัดเพราะเถียงคำไม่ตกฝ้าเลย555555 ตลกดีค่ะ ชอล
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 19-07-2015 01:17:25
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องราวน่ารักๆแบบนี้นะคะ

ชอบมากๆ อ่านเพลินมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 01-08-2015 00:55:25
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-08-2015 21:20:18
นิยายเรื่องนี้น่าร๊ากกก
อ่านแล้วยิ้มแก้มจะแตก :)
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 12-10-2015 17:25:07
ขอบคุณนะค่ะ น่ารักมากๆเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 13-10-2015 03:09:26
โอ๊ยยย หวานหยาดเยิ้มมมม มากกกกกกกก พระเอกก้อลูกล่อลูกชนเยอะสุดๆ เหมือนให้ของเล่นแมวเลย น่ารักค่ะ เหมือนจะอุปสรคเยอะ ดราม่าเยอะแต่ดูแล้วไม่น่าจะหวั่นกับคู่นี้เลยยยย ขอตอนพิเศษด่วนๆน้าาาาา เหมือนรู้แต่ประวัตินายเอก พระเอกนี่ประวัติน้อยเวอร์ ฮ่าๆๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 13-10-2015 04:19:37
จบแล้วเหรอ เสียดายอ่ะเนื้อเรื่องสนุกมาก แต่สั้นไปนิดหนึ่ง. ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆครับ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Moopat ที่ 04-10-2016 18:14:16
เพิ่งมาตามอ่าน ชอบมากๆเลยค่ะ  อยากให้เรื่องยาวกว่านี้ ชอบๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 27-03-2017 21:05:41
โอยยยยย ชอบมากค่ะ ดีต่อใจ
ทำไมชั้นเพิ่งมาอ่านเนี่ยยยย!?
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆเรื่องนี้นะคะ (ไม่อยากให้จบเลย)
 :mew1: :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-03-2017 17:39:25
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 30-03-2017 22:09:42
เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆเลยค่ะ ชอบเวลาพระนายเถียงกัน แต่บางครั้งก็วกวนไปมาบ้างเหมือนกัน แนะนำให้ระวังหน่อยนะคะ ปล.อ่านแล้วอยากติดเกาะบ้างเลย แต่คงไม่ได้โชคดีแบบพิชญหรอก 5555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-04-2017 07:13:42
น่ารักดี เป็นเรื่องแบบเรื่อยๆแต่ก็หยุดอ่านไม่ได้
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 02-04-2017 15:03:58
จบอีกรอบ สนุกเหมือนเดิม ขนาดจำเนื้อเรื่องได้หมดแล้วนะเนี้ย
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 14-05-2017 14:09:54
 ประทับใจ:man1:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 11-06-2017 13:57:18
โอยยยยย น่าร้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 12-06-2017 22:28:36
 o13
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 13:16:03
 :jul3:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 03-01-2019 22:53:29
 :-[
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 22-01-2020 10:27:06
รักเรื่องนี้ อบอุ่นมาก ชอบการหาเรื่องกันและกัน ชอบทุกอย่างเลย บรรยากาศ  สถานที่ เวลาที่ทำให้พวกเขาได้พบกัน โรแมนติกมากๆ รักพิชญและพยุตนะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะครับผม เรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในนิยายโปรดของเค้าเลย รัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 22-01-2020 22:20:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 24-01-2020 23:43:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: polizila ที่ 29-01-2020 22:57:25
 :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: polizila ที่ 29-01-2020 22:58:08
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 03-02-2020 02:45:01
 :mew6: :mew6: :mew5:
สนุกมาก ชอบพยุตม์มาก พระเอกในดวงใจ
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 16-03-2020 09:39:30
แอบรำคาญนายเอก เถียงเก่ง พยุตเป็นห่วงกลัวถูกงูกัดก็ง๊องแง๊งอยู่นั่น คือถ้าโดนจริงและมีพิษนี่ทำไง กลางทะเลเปฌนเกาะนะนั่น เห้อแต่พระเอกแบบถูกใจอะ มันโดน อยากมีพยุตเป็นของตัวเอง5555
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 14-04-2020 23:55:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Goplayz ที่ 07-10-2021 22:52:34
+1. น่ารักมาก ชอบครับผม