::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55  (อ่าน 145779 ครั้ง)

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

 จุดประสงค์ของนิยายเรื่อง อาทิตย์อัสดง คือเพื่อให้คนที่เชื่อในความรักได้อมยิ้มเ่ล่น
เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องให้ลุ้นครับ อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนลอยเรือตุ๊บป่องอยู่กลางทะเล

เมนท์ได้เต็มที่นะครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2012 22:27:07 โดย katawoot »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #1 เมื่อ10-01-2012 21:12:29 »

ลงเรือด้วยคน

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #2 เมื่อ10-01-2012 21:14:28 »

อาทิตย์อัสดง บทที่ 1

พิชญกระโดดลงจากเรือเพื่อเดินลุยน้ำเข้าไปที่ชายหาด โชคดีที่เป็นช่วงน้ำลงและเรือหาปลาเล็กๆ ลำนั้นก็เข้าใกล้ชายหาดได้มากพอสมควร เขาหันไปย้ำกับคนขับเรือถึงวันเวลาที่จะให้มารับแล้วยกกระเป๋าใบเดียววางบนบ่าเดินลุยน้ำไปที่ชายหาดช้าๆ ในใจนึกถึงน้ำฝักบัวเย็นๆ และที่นอนนุ่มๆ ทั้งที่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ารู้สึกแปลกๆ ที่เกาะกลางทะเลไกลแสนไกลแห่งนี้ดูเงียบเกินไป แม้แต่ท่าเทียบเรือก็ไม่มี
แต่เขายอมรับว่าชายหาดสวยมาก เม็ดทรายละเอียด ขาวสะอาด น้ำใสแจ๋วราวกระจก ปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายไปมาอย่างไม่เกรงกลัวคน ที่ชายหาดมีต้นใม้ต้นหนึ่งสูงใหญ่มาก มีชิงช้าซึ่งแผ่นรองนั่งเป็นไม้เก่าๆ แขวนกับกิ่งไม้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเปลญวณขนาดใหญ่มากแขวนอยู่ที่กิ่งไม้ของต้นไม้นั้น เปลแขวนอยู่สูงในระดับเหนือศีรษะสุดมือเอื้อมถึง หากจะขึ้นไปนอนบนนั้นได้จะต้องใช้บันไดเพื่อปีนขึ้นไป หรือไม่ก็ปีนขึ้นต้นไม้แล้วไต่มาตามกิ่งไม้เพื่อหย่อนตัวลงนอน พิชญอดคิดไม่ได้ว่าพี่ชายของเพื่อนเขาเป็นคนแปลกประหลาดพอสมควรที่จะแขวนเปลกับชิงช้าไว้สูงขนาดนั้น
พิชญวางกระเป๋าลงบนทางเดินกรวดเพราะเริ่มรู้สึกหนัก ถอนหายใจออกมายาวๆ และมองไปรอบๆ เพื่อชื่นชมกับธรรมชาติของเกาะทรายงามที่เขาอุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมาทั้งวันเพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่สักสองอาทิตย์ก่อนจะกลับไป 'สู้' ชีวิตในกรุงเทพฯ
เขาเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยเครื่องบิน เหมารถเช่าไปส่งที่ท่าเรือ โดยสารเรือแฟรรี่ไปลงที่เกาะใหญ่ นั่งเรือหางยาวไปหมู่บ้านชาวประมงเพื่อจ้างเรือประมงให้มาส่งที่เกาะทรายงามเพราะมีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักว่าเกาะแห่งนี้อยู่ที่ไหน
พี่ชายของคณินทร์เพื่อนของเขาให้ใช้บ้านพักตากอากาศบนเกาะส่วนตัวเพื่อหลบมาพักชั่วคราวและตั้งสติก่อนกลับกรุงเทพฯ ไปรับมือกับปัญหาหลายอย่างซึ่งกำลังเผชิญอยู่
พิชญเดินไปตามทางเดินโรยกรวดอย่างอ่อนแรง รู้สึกสงสัยยิ่งนักว่าทำไมบ้านพักอยู่ห่างจากชายหาดถึงเพียงนี้ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน หันไปมองด้านขวาเห็นแสงสีทองจับขอบฟ้าสวยงามยิ่งนัก เมฆบนท้องฟ้าวันนี้ดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น ดูเป็นริ้วเหมือนใครสะบัดพู่กันสีม่วงปนแดงขึ้นไปวาดภาพบนท้องฟ้า ถ้าเมฆยามเย็นของท้องฟ้าด้านนี้สวยงามอย่างที่เห็น พระอาทิตย์ที่กำลังตกดินทางทิศตะวันตกจะสวยงามขนาดไหน เขาใช้ชีวิตอยู่แต่ในเมืองใหญ่ แทบไม่เคยได้สัมผัสกับธรรมชาติ คราวนี้ล่ะ เขาจะใช้เวลาให้เต็มที่ ธรรมชาติที่สวยงามจะช่วยให้เขาพบกับความสงบและตั้งสติได้
ลมทะเลพัดมาเอื่อยๆ พิชญสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์พร้อมกับแหงนหน้าขึ้น หลับตาพริ้ม ลืมไปว่าตัวเองกำลังเดินลากกระเป๋าอยู่บนถนนโรยกรวดเล็กๆ จึงทำให้เท้าสะดุดก้อนหินล้มคว่ำไม่เป็นท่า
กว่าจะถึงบ้านพักตากอากาศซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะก็ทำให้พิชญแทบจะหมดแรง

พิชญแปลกใจเพราะบ้านเปิดไฟเอาไว้ บ้านพักตากอากาศของพี่ชายเพื่อนของเขาออกแบบอย่างสวยงามจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าอยู่บนเกาะเล็กๆ ไกลแสนไกล ผนังเกือบรอบด้านเป็นกระจก โครงเป็นเหล็กสีน้ำตาลเข้ม ระเบียงไม้หน้าประตูเข้าบ้านกว้างมาก พิชญนั่งลงบนพื้นเพื่อค้นหากุญแจบ้านที่เพื่อนให้มา กระเป๋าแอร์เมสของเขาแทบไม่เหลือสภาพความสวยงามเพราะโดนลากกับพื้นกรวดมาตลอดทาง
ไม่เจอ!
กุญแจอยู่ที่ไหน
พิชญเหนื่อยมาก รู้สึกอยากจะเอนตัวนอนโดยใช้กระเป๋าหรูที่ซื้อมาจากฝรั่งเศสหนุนต่างหมอนเสียเดี๋ยวนั้น แต่ค้นกระเป๋าแล้วก็ไม่เจอกุญแจ
ชายหนุ่มหันไปมองบ้านพักชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตรแล้วจึงนึกอะไรได้บางอย่าง เมื่อไฟหน้าบ้านเปิดอยู่ก็แสดงว่าจะต้องมีคนดูแลและเปิดให้เขาเข้าไปในบ้านได้ พิชญจึงแข็งใจลากกระเป๋าไปวางไว้ที่ขั้นบันไดหน้าบ้านแล้วเคาะประตูอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู เขาจึงเดินไปรอบบ้านเพื่อหาเรือนพักของคนดูแลบ้าน แต่คำพูดของเพื่อนเขาดังแว่วขึ้นมาในหัวว่า
...แกจะอยู่คนเดียวได้หรือ เกาะนั้นไม่มีอะไรเลยนะ มีบ้านพี่ชายเราหลังเดียวเพราะเป็นเกาะของเขา คนดูแลอะไรก็ไม่มี ต้องทำอะไรเองหมดทุกอย่าง ไม่มีคนปรนนิบัตินะบอกให้...
แล้วใครเปิดไฟ
พิชญหยุดเดิน ยืนนิ่งมองบ้านพักตากอากาศ เลิกคิดที่จะเดินหาเรือนพักของคนดูแลบ้าน เพราะมองไปรอบๆ มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ไม่มีวี่แววว่าจะมีสิ่งปลูกสร้างอื่นใด
ชายหนุ่มเดินกลับไปที่บ้าน ตั้งใจว่าจะเทของทุกอย่างในกระเป๋าออกมาและค้นหากุญแจดูอีกครั้ง หรือถ้าถึงที่สุด เขากะจะใช้วิธีงัดประตู หรือไม่ก็ทุบกระจกปีนเข้าไปเสียเลย เมื่อครู่เขาเห็นว่าหน้าต่างเล็กใกล้ประตูด้านหน้าเป็นกระจกบานเล็กที่ไม่ใช่กระจกหนาแบบที่ใช้ทำเป็นผนัง จากนั้นค่อยลากตู้หรืออะไรมาตั้งขวางเอาไว้ แล้วค่อยไปสารภาพผิดกับเพื่อนและยอมจ่ายค่าเสียหาย
พิชญเดินโผเผขึ้นบันไดไปยืนพิงประตูกระจกบานใหญ่ที่สูงเกือบสองเมตรแล้วเคาะประตูดังๆ อีกครั้งราวกับหวังว่าจะมีใครมาเปิดให้แต่ก็ไม่มีวี่แวว นานเข้าเขาเริ่มจะทนไม่ไหวจึงจับลูกบิดประตูเขย่าด้วยความหงุดหงิด ประตูกลับเปิดออกได้โดยง่าย พิชญเดินเข้าไปข้างในช้าๆ และเปิดไฟให้สว่าง บ้านพักตากอากาศตกแต่งไว้อย่างสวยงามราวกับห้องพักของรีสอร์ทหรูหรา พิชญเหนื่อยแทบขาดใจ อยากจะโผเข้าห้องนอนและทิ้งตัวลงบนเตียงและหลับไปทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำ แต่เขาก็กัดฟันเดินไปลากกระเป๋าเข้ามาในบ้านและปิดล๊อคประตูให้เรียบร้อย ก่อนจะเข้าไปในห้องนอน ล้างหน้าอย่างลวกๆ และล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนนุ่มๆ ทันที

แสงแดดจ้าส่องเข้ามาในห้องนอนกว้างที่มีผนังห้องเป็นกระจกตลอดแนวทั้งสองด้าน เผยให้เห็นวิวทะเลอันสวยงามอย่างชัดเจน พิชญจำต้องตื่นขึ้นมาเพราะทนนอนในห้องที่สว่างจ้าแบบนั้นไม่ได้ ความจริงเขาเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว ครั้นเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลา 8:05 น. ซึ่งก็ถือว่าได้นอนเต็มที่อยู่เหมือนกัน
พิชญชะเง้อมองออกไปด้านนอกเห็นวิวทะเลสวยงามจับใจ แสงอาทิตย์ส่องกระทบผิวน้ำระยิบระยับ ท้องฟ้าเป็นสีครามสดใส พิชญยิ้มออกมาบางๆ รู้สึกไม่เสียดายที่ดั้นด้นเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้ แต่ทันใดก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นปลาโลมากระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำและทิ้งตัวลงจนน้ำทะเลแตกกระจายเป็นฟองสีขาว
พิชญหายงัวเงียทันที รีบกระโจนลงจากเตียงและวิ่งออกไปจากห้องเพราะต้องการจะดูปลาโลมาในธรรมชาติจริง เขาเห็นสะพานไม้อยู่ทางด้านขวาของระเบียงกว้างหน้าบ้านทอดตัวลดหลั่นลงไปตามโขดหินจนถึงชายหาดซึ่งห่างออกไปประมาณสองร้อยเมตร เมื่อมีแสงสว่างชัดเจนเขาจึงเห็นได้ว่าบ้านพักตากอากาศหลังนี้ตั้งอยู่บนโขดหินซึ่งยื่นออกไปราวกับเป็นแหลมเล็กๆ ด้านหนึ่งเป็นโขดหินลาดลงไปจนถึงชายหาด มีทางเดินซึ่งเป็นสะพานไม้ช่วงสั้นๆ ลัดเลาะไปตามโขดหินลดหลั่นลงไป ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเนินหญ้ากว้างลาดชันขึ้นไปจรดทิวไม้เขียวขจีเชิงเขา
ทั้งที่เจ็บเท้าแต่ด้วยความอยากชมปลาโลมาใกล้ๆ พิชญก็แข็งใจเดินสลับวิ่งลงไปจนถึงชายหาดและได้ดูฝูงปลาโลมาเล่นน้ำจนพอใจก่อนโลมาฝูงนั้นจะว่ายน้ำหายไป
พิชญเสียดายที่ลืมคว้าโทรศัพท์มาเพื่อที่จะถ่ายภาพเอาไว้ ชายหนุ่มเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ ชั่วครู่จนรู้สึกหิวจึงเดินกลับ แต่เมื่อแหงนมองทางเดินที่เป็นสะพานไม้ช่วงๆ สั้นๆ กว่ายี่สิบช่วงที่หักมุมลัดเลาะไปตามโขดหินจนขึ้นไปถึงบ้านพักก็แทบจะถอดใจเพราะดูสูงกว่าที่คาดคิด เมื่อตอนลงมานั้นเป็นเพราะอยากดูปลาโลมาเขาจึงไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยเท่าใดนัก แต่คราวนี้เป็นการเดินขึ้นและแดดก็เริ่มร้อน หนำซ้ำยังรู้สึกหิวอีกด้วย
แต่ในที่สุดพิชญก็มาถึงประตูหน้าบ้านพักตากอากาศจนได้ เขาก้มลง ใช้มือเท้าหัวเข่าทั้งสองข้างและหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตอนนี้เองจึงสังเกตเห็นตัวหนังสือเล็กๆ สลักอยู่กลางกระจก
The House of Dusk and Dawn
พิชญยืดตัวขึ้นและมองออกไปยังชายหาดเบื้องล่างซึ่งเขาลงไปชมปลาโลมาเมื่อครู่จึงตระหนักได้ว่านั่นคือทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตกนั้นเป็นอีกด้านหนึ่งของบ้าน
อยู่ที่บ้านหลังนี้ ได้เห็นทั้งวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกอย่างอย่างชัดเจน น่าอยู่จริงๆ คณินทร์เพื่อนของเขาไม่เห็นพูดเรื่องนี้ บอกแต่เพียงว่าบ้านพี่ชายสวยมาก แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียด ตอนแรกเขาเกือบจะไม่มาเพราะเห็นว่าไกลเกินไป แต่หากคณินทร์อธิบายภาพอย่างที่เขากำลังเห็นอยู่นี้เขาคงหนีจากกรุงเทพฯ มาอยู่ที่นี่นานแล้วแทนที่จะหลบหน้าอยู่แต่ในห้องคอนโดแคบๆ ของปานฤทัย ผู้จัดการของเขาตั้งหลายวัน
อาบน้ำให้สบายตัวแล้วค่อยไปทำอะไรทาน
พิชญมองเข้าไปด้านในเห็นห้องครัวอยู่ทางด้านขวาสุดของบ้าน ตู้เย็นขนาดใหญ่น่าจะมีทุกอย่างพร้อม ความจริงเขาทำอาหารไม่เก่ง แต่ในตู้เย็นคงมีไข่ อย่างน้อยเขาก็พอเจียวไข่เป็น หรือถ้าแย่จริงๆ ต้มไข่ก็ยังได้
พิชญฮัมเพลงเบาๆ Time Is A Jailer เป็นเพลงที่เขากำลังหัดร้องเพราะต้องขึ้นแสดงในงานครั้งสำคัญเดือนหน้า เขาตั้งใจจะหลบมาอยู่ที่นี่สักสองอาทิตย์ก่อนจะกลับไปสู้รบปรบมือกับปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้น
No one can hear me, 'cause no one is around
But I still hear your whisper in the dark
I know I can go, I know I can leave whenever I please
But time is a jailer for me
เมื่อฮัมเพลงถึงท่อนนี้พิชญก็ต้องชะงัก เขาเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่กลางห้องนอนและได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ ในห้องน้ำ พิชญขมวดคิ้ว รู้สึกสงสัย แต่เสียงนั้นก็หายไปในทันที เขาจึงสะบัดศีรษะเบาๆ เพราะคิดว่าตัวเองหูแว่ว
พิชญก้มลงมองหากระเป๋าแอร์เมสของตัวเองซึ่งจำได้ว่าทิ้งไว้กลางห้องแต่ก็ไม่เจอ เขาหันซ้ายหันขวาอยู่ชั่วครู่จึงเห็นว่ากระเป๋าของตัวเองวางอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าใกล้กับประตูห้องน้ำ พิชญเดินไปเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำให้สบายตัว เขาถอดเสื้อของตัวเองออกและปลดตะขอกางเกงแต่ทันใดก็ต้องยืนนิ่งตัวแข็งเมื่อเห็นประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างเปลือยของผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา
“นี่คุณ” พิชญร้องอย่างตกใจแต่ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นทำหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจแต่อย่างใด ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั้งตัว ผิวสีแทนเข้ม หุ่นดีไม่มีที่ติ มือขวากำลังใช้ผ้าเช็ดตัวขยี้ผมให้แห้ง โชคดีที่ผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนใหญ่ทิ้งชายลงมาปิดกลางลำตัวเอาไว้ แต่พิชญพอจะมองเห็นว่าสิ่งที่อยู่ใต้ชายผ้าสีขาวนั้นตุงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณเป็นใคร” พิชญรวบรวมสติ ถามเสียงดังกว่าเดิม “มาจากไหน เข้ามาได้ยังไง มาทำอะไรในนี้”
“เจ้าของบ้าน มาจากข้างนอก เดินเข้ามาทางประตู มาอาบน้ำ” ชายหนุ่มหน้าเข้มคนนั้นตอบทุกคำถามด้วยเสียงราบเรียบ
“ออกไปเดี๋ยวนี้” พิชญชี้นิ้วไปที่ประตูห้อง ออกคำสั่งเฉียบขาด
“ทำไม”
“คุณบุกรุกเข้ามาแบบนี้มันผิดกฏหมาย ออกไป”
“ผิดกฎหมายมาตราไหนไม่ทราบ” หนุ่มหน้าเข้มถาม
“คุณเป็นใคร” พิชญถามเสียงเข้ม
“ผมต่างหากน่าจะเป็นฝ่ายถามว่าคุณเป็นใคร”
“นี่บ้านของผม” พิชญตอบเสียงห้วน
“บ้านคุณ” ชายหนุ่มคิ้วเข้มเลิกคิ้ว
“บ้านพักตากอากาศของเพื่อนผม” พิชญตอบเสียงอ่อนลงกว่าเดิม
“อ๋อ มิน่า คุณถึงนอนหลับสบายบนเตียงทั้งๆ ที่อยู่ในชุดเดินทาง ไม่อาบน้ำด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มจมูกโด่งคมยิ้มมุมปากเยาะๆ
“คุณเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืน” พิชญขมวดคิ้ว
“งั้นผมก็คงกลายเป็นผู้บุกรุกยามวิกาลแล้วล่ะ” ชายหนุ่มคนนั้นหัวเราะเบาๆ
“ผมปิดล๊อคประตูแล้ว” พิชญพึมพำกับตัวเอง
“งั้นผมเข้ามาได้ยังไงล่ะว่าไหม”
“คุณเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้” พิชญเสียงเข้มขึ้น
“ผมก็เป็นเจ้าของบ้านสิ ถามได้” ชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จลดผ้าเช็ดตัวลงและทำท่าจะโยนลงตะกร้า พิชญจึงรีบยกมือขึ้นห้าม
“นี่อย่านะ อุจาด”
“ทำไมคุณ มีเหมือนกันไม่ใช่หรือ อย่าทำเป็นไม่เคยเห็นไปหน่อยเลยน่า” ชายหนุ่มหน้าเข้มอมยิ้ม “เอ๊ะ หรือว่าคุณไม่มี”
“ทะลึ่ง” พิชญถลึงตา
“แต่คุณนี่ก็หุ่นดีเหมือนกันนะ ผิวขาวจั๊วะเหมือนไข่ต้ม”
“คุณ” พิชญเม้มปาก รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อและกางเกงรูดซิบลงไปครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นขอบกางเกงชั้นในสีขาวจึงรีบรูดซิบขึ้น
“ขอเวลาส่วนตัวหน่อยได้ไหมครับ ผมจะแต่งตัว” ชายหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นแล้วโยนผ้าเช็ดตัวลงบนพื้น พิชญหันหน้าหนีพอดีและเดินลงส้นเท้าหนักๆ ไปที่ประตูเพื่อออกไปรวบรวมสติ
เขาไม่เข้าใจ คณินทร์บอกว่าบ้านพักตากอากาศของพี่ชายนั้นว่างตลอดเวลา แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่ถ้าบอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน ก็แสดงว่าอาจเป็นพี่ชายของคณินทร์ ซึ่งอยู่ดีๆ ก็เกิดอยากจะมาพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศของตัวเอง
แต่เขาไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายของคณินทร์เพราะหน้าตาไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย คณินทร์เป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่ผู้ชายหน้าเข้มคนนี้มองอย่างไรก็ไม่มีเค้าเหมือนเพื่อนของเขาเลย ความสูงของเพื่อนเขาก็ไม่ถึงไหล่ของอีตายักษ์ใหญ่คนนี้ด้วยซ้ำ
ผิวสีแทน ใบหน้าคมสัน คิ้วเข้มเฉียงขึ้นด้านบนทำให้ดูหน้าดุ ตาคบกริบเหมือนเหยี่ยว โหนกแก้มสูง จมูกโด่งคมเป็นสันตรง ปากเต็มได้รูปอย่างผู้ชาย ผู้ชายคนนี้รูปหล่อราวแกะสลัก

“ว่าไงคุณ คิดได้หรือยังว่าจะเถียงผมยังไง” เสียงห้าวดังขึ้นข้างหลัง พิชญสะดุ้ง หันไปมอง แต่สายตาเห็นแผ่นท้องแกร่งกร้ามขึ้นเป็นลอน ชายคนนั้นสวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว ไม่ได้แต่งตัวเรียบร้อยอย่างที่พูด
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักของพี่ชายเพื่อนผมชื่อ คณินทร์” พิชญพูดขึ้น “อ้อ อย่ามาอ้างว่าคุณเป็นพี่ชายคณินทร์นะเพราะหน้าตาไม่เหมือนกันซักนิด”
“ผมก็มีน้องชาย แต่ไม่ใด้ชื่อนี้ และผมก็ไม่รู้ว่าใครชื่อคณินทร์ แต่ผมรู้ว่าบ้านหลังนี้สร้างขึ้นมาเมื่อไหร่”
“คุณเล่นตลกอะไร คุณผ่านมาแล้วแอบเข้ามาพัก แล้วมาอ้างว่าเป็นบ้านของตัวเอง”
“ช่างคิดได้นะ” ชายหนุ่มผิวเข้มหัวเราะเสียงหยัน “ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมเป็นเจ้าของบ้าน เอายังงี้ เรามาเล่นยี่สิบคำถามกันหน่อยไหมล่ะ คุณว่าบ้านหลังนี้ชื่อว่าอะไร”
“The House of Dusk and Dawn” พิชญตอบทันที
“ผิด”
พิชญหันขวับไปมอง แต่ก็ยังเห็นแต่แผ่นท้องเกร็งแน่นของอีกฝ่ายซึ่งยื่นอยู่แทบชิดเขา พิชญจึงขยับตัวออกห่างเล็กน้อย
ทำไมจะต้องมายืนโชว์เป้าตุงอยู่ได้ คิดว่าตัวเองใหญ่นักหรือไง หุ่นดีก็จริง แต่ไม่เห็นจะต้องมาอวดกันเลยนี่นา
“งั้นเอาคำถามที่ง่ายกว่านี้หน่อย เกาะนี้ชื่อเกาะอะไร”
“ทรายงาม” พิชญตอบเสียงสั้นๆ ห้วนๆ
“อืม ก็มาถูกที่นี่นา แล้วคุณเป็นใครล่ะเนี่ย” ชายคนนั้นขมวดคิ้ว ทำหน้าตาสงสัย
“ผมต่างหากควรถามว่าคุณเป็นใคร” พิชญหันขวับไปอีกครั้งและลุกขึ้นยืน แหงนหน้ามองชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาฉุนๆ
เมื่อยืนอยู่ใกล้ๆ กันพิชญจึงได้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ตัวสูงใหญ่มาก
เขาสูง176 แต่ก็ยังต้องแหงนหน้ามอง แสดงว่าผู้ชายคนนี้น่าจะสูงเกือบ 190
คนอะไรตัวใหญ่ยังกับยักษ์
“ผมชื่อ...” พิชญชะงัก แล้วถามตัวเองในใจว่า ทำไมเขาต้องบอกชื่อตัวเอง ผู้ชายคนนี้ไม่รู้หรือว่าเขาเป็นใคร
“ชื่ออะไรครับ” ผู้ชายหน้าเข้มเลิกคิ้ว
“คุณไม่รู้หรือว่าผมเป็นใคร” พิชญถาม
“อ้าว ก็คุณไม่บอก” ชายร่างยักษ์ส่ายหน้าช้า “คุณจะแนะนำตัว แล้วจู่ๆ คุณก็หยุดพูด แล้วมาถามผม คุยกับคุณนี่ปวดหัวดีพิลึก”
“ช่างเถอะ” พิชญพูด
“ช่างเถอะอะไรครับ” ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านเลิกคิ้ว
“ไม่สำคัญหรอกว่าผมจะชื่ออะไร”
“แสดงว่าเราจะไม่แนะนำตัวกันใช่ไหมเนี่ย”
“ผมก็ไม่อยากรู้หรอกว่าคุณชื่ออะไร” พิชญอดพูดจากระทบกระเทียบอีกฝ่ายไม่ได้เพราะหน้าตากวนๆ แบบนั้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก
ใบหน้าดูยิ้มๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าทำท่าเอือมระอาเขาอยู่ในที แบบนี้ จะให้พูดดีด้วยได้ยังไง
แล้วนี่เขาไม่รู้จักเราจริงๆ หรือ ถ้าแกล้งทำก็ถือว่าทำหน้าได้แนบเนียนมาก
“ก็ได้ คุณไม่ต้องบอกชื่อผมก็ได้ เอาไว้ให้คุณพร้อมก่อนก็ได้ ยังไงก็ได้” ผู้ชายตัวโตยักไหล่
“แล้วคุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่” พิชญถาม
“อ้าว คุณนี่ ทีตัวเองไม่อยากให้เขารู้จัก แต่กลับอยากรู้จักชื่อคนอื่น ผมว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมนะคร้าบ”
“ก็ได้ ไม่ต้องรู้จักชื่อคุณก็ได้ แต่ถึงคุณพร้อมจะบอกผมแล้วก็ไม่ต้องมาบอกผมหรอกนะ เพราะไม่เห็นจะสำคัญ” พิชญยักไหล่เหมือนกัน “เรื่องที่สำคัญก็คือว่า คุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
“ก็วนกลับมาที่คำถามเดิมนั่นล่ะ และผมก็จะตอบว่า นี่บ้านผมไงครับ ผมก็ควรจะถามคุณด้วยคำถามเดียวกัน ว่าคุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
“ผมเป็น....” พิชญอ้าปากแล้วชะงักอีกครั้ง
ทำไมเขาจะต้องบอกว่าเขาเป็นใคร อีตานี่ท่าทางคงจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ถ้าเขาบอกว่าเป็นใครก็คงจะหัวเราะแล้วทำหน้าตาน่าหมั่นใส้
พีช พิชญไง ไม่รู้จักหรือ อีตาบ้าเอ๊ย
หรือ พีช พีพี
“เป็น...” ชายคนนั้นก้มหน้าลงมาใกล้ เลิกคิ้วขึ้นข้างเดียว รอฟังคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย
“ช่างเถอะ”
“เอาอีกแล้ว ช่างเถอะอีกแล้ว” คนพูดส่ายหน้าแล้วเดินออกห่างไปยืนมองทะเลพร้อม ทำท่าทางเลิกที่จะคุยกับคนแปลกหน้าที่จู่ๆ ก็มาโผล่อยู่ในห้องนอน
พิชญถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ก้มลงค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋า ทันใดนั้นเสียงห้าวๆ ก็ดังขึ้นข้างหลัง ทำให้เขารู้ว่าผู้ชายตัวสูงคนนั้นเดินตามเข้ามาเงียบๆ
คนอะไร ตัวใหญ่ยังกับไดโนเสาร์ แต่เดินเงียบมาก
“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณหรอกคุณ”
“ถ้ายังงั้นผมก็โทรไปเช็คกับเพื่อนไม่ได้” พิชญยืดตัวขึ้นแล้วหันมาพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า นี่คือบ้านพักตากอากาศของพี่ชายเพื่อนผมซึ่งเขาอนุญาตให้ผมมาพัก ส่วนคุณเป็นใครผมไม่...”
“สรุปเลยก็แล้วกัน” ผู้ชายคนนั้นพูดแทรก “บ้านนี้มีคนอยู่สองคน เพราะอีกคนคงไม่ยอมย้ายออกไปอย่างแน่นอน ทั้งที่เป็นคนที่มาผิดที่”
“ผมไม่ได้มาผิดที่ คุณจะบ้าหรือ ไม่ตลกเลยนะ ผมมาจากกรุงเทพฯ ไกลขนาดนี้ ต่อรถต่อเรือตั้งหลายจุด ผมไม่หลงทางมาหล่นตุ๊บกลางเกาะห่างไกลความเจริญแบบนี้หรอก”
“ใครพาคุณมา”
“คนขับเรือสิ แล้วก่อนจะจ้างให้เขามาส่ง ผมก็คงต้องบอกเขาว่าให้ไปส่งที่ไหนใช่หรือเปล่า คุณคิดว่าผมสื่อสารกับคนขับเรือด้วยภาษาใบ้หรือไง ผมรู้หรอกว่าต้องบอกให้เขามาส่งที่ไหน”
“ปวดหัว” ผู้ชายตัวโตโคลงศีรษะ “เอางี้ ไหนๆ เราก็มาติดอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยกันแล้ว มาตกลงกันดีกว่าว่าจะอยู่กันยังไงในเมื่อมีห้องนอนห้องเดียว”
“ผมไม่ออกไปนอนข้างนอกเด็ดขาด” พิชญพูดสวนกลับทันที
“ผมก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าคุณต้องพูดแบบนี้ ท่าทางคุณนี่คงคุ้นเคยกับการได้อะไรอย่างที่ใจอยากจะได้”
“คุณ”
“อ๊ะๆ ผมไม่ได้ว่าคุณถูกตามใจจนเคยชินนะครับ”
“ใช่ คุณไม่ได้พูด” พิชญเบ้ปากประชด
“ถามจริงเถอะ คุณเป็นคุณหนูไฮโซหนีพ่อแม่มาเที่ยวเปิดโลกทัศน์ตัวเองใช่หรือเปล่า ทำไมมาไกลถึงขนาดนี้ แค่หัวหินก็น่าจะพอไม่ใช่หรือ ที่นี่ไม่มีแสงสีนะคุณ เดี๋ยวได้ขาดใจตายพอดี”
“คุณนี่ ทำไมช่าง...”
“ช่างอะไรครับ”
“ช่างเถอะ” พิชญถอนหายใจแล้วลดเสียงลง “ออกไปก่อนได้ไหม ผมจะอาบน้ำแต่งตัว”
“ตามสบาย” ผู้ชายผิวเข้มยักไหล่แล้วเดินตรงไปที่ประตู แต่ก่อนที่จะออกจากห้องก็พูดว่า “แต่เรื่องใครจะได้ครอบครองห้องนี้ยังไม่จบนะครับ เรายังต้องคุยกันอีก”




katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #3 เมื่อ10-01-2012 21:15:13 »

อาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากห้องนอน พิชญก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุย เขาปรายตาไปทางห้องครัว เห็นผู้ชายตัวโตไม่สวมเสื้อคนนั้นกำลังสาละวนอยู่ที่หน้าเตาจึงเดินเลี่ยงออกไปนั่งอยู่ที่ระเบียงกว้างหน้าบ้าน
วิวสวยจริงๆ น่าอิจฉาพี่ชายของคณินทร์ที่มีบ้านพักตากอากาศบนเกาะที่สวยงามมากแห่งนี้
แต่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน เขาดูคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มาก เสื้อผ้าในตู้ก็มีแต่ตัวใหญ่ๆ ขนาดพอดีกับรูปร่างบึกบึน
ขณะนี้พิชญยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่จะให้ทำยังไงล่ะ จะให้เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินไปรอเรือผ่านมาจะได้โบกให้แวะรับพาไปหาที่พักบนเกาะอื่นยังงั้นหรือ และเกาะที่อยู่ห่างไกลขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีเรือผ่านมาเมื่อไหร่
อีกตั้งสิบสามวันเรือที่นัดไว้ถึงจะกลับมารับ
มาผิดเกาะยังงั้นหรือ ไม่มีทางหรอก เขาถามย้ำตั้งหลายคน ทั้งคนที่เขาเช่ารถ ทั้งคนที่ท่าเรือ ทั้งคนขับเรือ ทุกคนดูมั่นใจ ไม่มีอะไรให้น่าสงสัยว่าจะพาเขามาผิดที่
ผู้ชายคนนั้นล่ะผิด
ไม่แน่ เขาอาจจะมาถึงก่อนและเห็นว่าไม่มีใครอยู่ เลยถือโอกาสเข้าครอบครองและทำตัวเป็นเจ้าของบ้านเสียเลย ไอ้เรื่องคุ้นเคยกับบ้าน ถ้าอยู่สองวันก็คุ้นแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเดินสำรวจทุกซอกมุมก็รู้แล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน ส่วนเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ที่แขวนอยู่ในตู้ พอมาถึงก็เอาออกจากกระเป๋าแล้วแขวนเอาไว้ไม่เห็นจะแปลก
“ว่าไงคุณ ไตร่ตรองดีแล้วล่ะสิ คราวนี้ก็คงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าอะไรเป็นอะไร” เสียงห้าวดังขึ้นข้างหลัง พิชญสะดุ้งเล็กน้อย กำลังจะหันหน้าไปแต่ก็ยังไว้ได้เพราะคิดว่าสายตาของตัวเองคงอยู่ที่ระดับเอวของอีกฝ่าย และเห็นแต่แผ่นท้องมัดกล้ามเป็นลอนของคนที่ไม่ชอบสวมเสื้อ
พิชญไม่ตอบ ตามองออกไปยังทะเลสีครามเบื้องหน้า ลมทะเลพัดมาเอื่อยๆ ทางด้านข้าง ทำให้ผมของเขาที่เริ่มยาวปลิวสะบัดปิดซีกหน้าบางส่วน
“อาบน้ำสระผมให้สะอาดสะอ้านแล้วคุณนี่ก็ดูเด็กอยู่นะ เพิ่งจบมหา'ลัยหรือเปล่า”
“เปล่า” พิชญตอบเบาๆ ละสายสายตาจากทะเลสีครามมามองใบหน้าคมเข้มของคนที่นั่งลงตรงหน้าเขาและเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ อย่างอร่อย
“มีอีกจาน อยู่ในครัว ถ้าคุณหิวก็เดินไปหยิบเอา” ชายหนุ่มคนนั้นใช้มือที่ถือช้อนชี้เข้าไปในบ้านก่อนจะตักข้าวผัดในจานที่ตัวเองถืออยู่เข้าปาก
“ผมไม่หิว” พิชญตอบ
“ไม่หิวแต่เห็นกลืนน้ำลาย” คนพูดยิ้มเยาะๆ “สายมากแล้วนะคุณ เลยเวลาอาหารเช้าไปแล้วด้วย ระวังจะเป็นโรคกระเพาะ”
พิชญถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามไม่โต้ตอบคนที่กำลังกวนอารมณ์แต่ฝ่ายนั้นยังไม่ยอมหยุด
“ตกลงว่าไง”
“ว่าไงอะไร” พิชญถาม
“ก็เรื่องห้องนอน”
“ผมบอกจุดยืนของผมไปแล้ว”
“ผมไม่ได้คุยเรื่องจุดยืน ผมถามเรื่องจุดนอน” ชายหนุ่มตัวโตยักไหล่ “ผมเป็นเจ้าของบ้าน ผมไม่นอนพื้น หรือโซฟา หรือในห้องทำงานเป็นคืนที่สองหรอก คืนแรกอุตส่าห์เสียสละให้แล้วเพราะคุณเล่นนอนพาดกลางเตียงขนาดนั้น ปลุกก็ไม่ตื่น”
“คุณเข้ามาได้ยังไง ผมล๊อคประตูหน้าบ้านแล้ว”
“นั่นไง” คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านใช้ช้อนชี้หน้าพิชญ “นั่นตอบคำถามได้ดีที่สุด ผมเข้าบ้านมาได้ยังไงนะหรือ ก็เพราะผมมีกุญแจยังไงล่ะ”
“แล้วถ้างั้นผมเข้ามานอนได้ยังไงล่ะ” พิชญย้อน
“ก็เพราะผมไม่ได้ล๊อคประตูเอาไว้”
“นี่คุณ” พิชญสูดลมหายใจลึกๆ แล้วผ่อนออกมาช้าๆ พยายามใจเย็น “ผมไม่บ้าเดินทางมาไกลขนาดนี้เพื่อเข้ามานอนเล่นในบ้านใครก็ไม่รู้หรอกนะ คุณรู้ไหม กว่าผมจะมาถึงนี่ได้ผมเหนื่อยขนาดไหน บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพี่ชายเพื่อน เขาให้ผมหลบมา...”
“หือ” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้รอฟัง แต่พิชญยังไม่พูดต่อ กลับหันหน้าไปมองทะเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า
“ตามใจ คุณจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่แล้ว ผมก็จะอยู่ที่นี่ต่อไป”
“โอ้โห พูดง่ายดีแฮะ”
“ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เมื่อตกลงกันไม่ได้ผมก็ยินดีพิสูจน์ ถ้ามีโทรศัพท์ผมจะโทรไปหาเพื่อนเพื่อยืนยันให้รู้กันไปเลย แต่มันมีสัญญาณไหมล่ะ แล้วถ้ามีเรือผ่านมาผมก็จะเหมาให้เขาไปส่งผมที่รีสอร์ทไหนก็ได้ ไม่ทนอยู่นี่หรอก ขี้เกียจทะเลาะ”
“แถวใกล้ๆ นี้ไม่มีรีสอร์ทหรอกคุณ ไม่ใช่เกาะแถวภูเก็ตนะครับ”
“แล้วพูดทำไม”
“เรื่องจะย้ายไปอยู่รีสอร์ทคุณเป็นคนพูดเองนะ”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
“แล้วคุณหมายถึงเรื่องไหน ผมว่าผมก็เป็นคนฉลาดนะ แต่ตอนนี้รู้สึกจะตามคุณไม่ทัน”
“ช่างเถอะ” พิชญเมินหน้าหนี
“ผมว่าคุณชอบที่นี่ พนันกันไหม ที่นี่สวยจะตาย กว่าผมจะได้เกาะนี้มาเลือดตาแทบกระเด็น สร้างก็ยาก เกินงบไปตั้งเยอะเพราะต้องขนของมาไกลมาก แต่ก็คุ้มนะ คุณว่าไหม” คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านเล่าเรื่องการสร้างบ้าน
“ทำยังกะสร้างเอง”
“ผมนี่ล่ะทั้งออกแบบ ทั้งสร้าง”
“ทั้งเป็นเจ้าของ” พิชญเติม “โม้เก่งจริงๆ เลย”
“จะทำยังไงให้คุณเชื่อน๊า” ผู้ชายหน้าเข้มเอียงหน้า ขมวดคิ้ว ทำหน้าหนักใจ
“รูปถ่ายไงเล่า รูปภาพตอนที่คุณตอกตะปูตอนสร้างบ้านหลังนี้”
“อ๊ะๆ ที่นี่ไม่ใช้ตะปูนะครับคุณ” ชายหนุ่มนักสร้างบ้านยกช้อนชึ้นส่ายไปมาต่อหน้าพิชญเป็นการปฏิเสธ “ตะปูเป็นเทคโนโลยีสมัยเก่า ตอนออกแบบบ้านหลังนี้ผมใช้หลักการของ...”
“ผมแค่ประชด” พิชญพูดเสียงเข้ม “ผมไม่ได้โง่จนมองไม่ออกหรอกว่ามันเป็นโครงสร้างเหล็กกับกระจก”
“ไม่ใช่เหล็กครับ” สถาปนิกผิวเข้มส่ายหน้าแล้วชี้มือไปยังโครงหลังคา “ที่คุณเห็นนั่นน่ะไม่ใช่เหล็ก แต่กระจกนั่นใช่แน่นอน ถ้าไม่เชื่อก็ลองวิ่งชนดู แต่ไม่แตกง่ายๆ หรอกนะเพราะเป็นกระจกชนิดพิเศษ...”
“เทมเปอร์แกลส เด็กมัธยมก็รู้” พิชญแทรก
“แต่วัสดุที่คุณคิดว่าเป็นเหล็กนั้น ความจริงคือ...” ชายหนุ่มผิวเข้มพูดต่อโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายพูดกระทบ
“คืออะไรก็ช่างเถอะ ผมไม่อยากรู้วิธีสร้างบ้าน ผมไม่เคยสนใจเรียนสถาปัตย์ฯ” พิชญสวนกลับแล้วลุกเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้คนที่ต้องการคุยเรื่องสร้างบ้านมองตามด้วยรอยยิ้มขันๆ

::: End of Chapter 1 :::

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #4 เมื่อ10-01-2012 21:36:28 »

ว๊าวววว เรื่องใหม่ของพี่คฑา ชอบอ่าาาาาา พีช หน้ามึนมากค่ะ เหอๆ พระเอกชื่ออะไร ยังไม่รู้ตามสไตล์พี่คฑา 55+

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #5 เมื่อ10-01-2012 22:11:34 »

เรื่องใหม่ๆ, ติดตามนะคะ
 :z2:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #6 เมื่อ10-01-2012 22:21:50 »

รับเรื่องใหม่ของคุณนาย :mc4:
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2012 22:27:13 โดย Horizon »

sakuracity

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #7 เมื่อ10-01-2012 22:57:27 »

กรี๊ดดดดดดดดดด ดีใจจังได้อ่านเรื่องใหม่แล้วว...ตอนที่ 1 มาได้แบบว่ายาวจุใจดีมากก กำลังสนุกเลยอะ อิอิ :z2:

พระเอก(รึป่าว)ยังคงรักษาconceptได้เลิศเหมือนเดิม จินตนาการภาพแล้ว  :m25:

13 วันบนเกาะนี้ต้องสนุกมากๆแน่เลย ^^

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #8 เมื่อ10-01-2012 23:34:48 »

ตกลงบ้านใครกันเนี๊ย
หรือมีบ้านสองหลัง
แล้วพีชก็เข้าผิดเพราะตอนนั้นก็เริ่มมืดเเล้วนี่น่า
มัวถูกป่าวเนี๊ย

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #9 เมื่อ10-01-2012 23:45:26 »

ต้อนรับเรื่องใหม่คุณนายครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-01-2012 23:45:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #10 เมื่อ10-01-2012 23:47:51 »

ตอนแรกมาแบบงงชวนติดตามมาก  มาต่อบ่อย ๆ นะครับ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #11 เมื่อ11-01-2012 00:50:37 »

ดื้อๆแบบนี้น่าจับปล้ำเสียจริงๆ

Panny

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #12 เมื่อ11-01-2012 22:23:35 »

ชอบพลอตจังเลยค่าพี่ น่ารักน่าติดตาม อิอิ

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #13 เมื่อ11-01-2012 22:52:16 »

+ 1 ฉลองเรื่องใหม่   :mc4: :mc4:

เอากะเค้าสิ น้องพีชคนดัง ตกลงมันบ้านใครฟร่ะเนี่ย !! 

อยากติดเกาะกะสถาปนิกสุดหล่อแบบนั้นบ้าง

ไหนๆก็ติดแล้ว 13 วันคงไม่พอ อยู่ตลอดไปเลยได้ก็ดีนะ 

ปล. เรื่องนี้นับแต้มชื่อตัวละครตอนแรก เริ่มต้นที่ 4 คนแล้วนะ 555+



ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #14 เมื่อ12-01-2012 10:35:51 »

น่ารักดี

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #15 เมื่อ12-01-2012 11:39:22 »

เรื่องนี้น่ารัก กวนๆกันดีจัง แต่กลัวตอนจบจริงๆเล้ยยย

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #16 เมื่อ12-01-2012 14:23:12 »

ตามมาอ่านด้วยคนครับ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #17 เมื่อ12-01-2012 15:35:54 »

เรื่องนี้น่ารัก กวนๆกันดีจัง แต่กลัวตอนจบจริงๆเล้ยยย
แหม ตัวเองอ่ะ
เรื่องนี้เีขียนจบแบบสมบูรณ์แล้วครับ ตอนนี้พิมพ์ตามลายมือของอีตาคฑาวุธอย่างเดียว ตอนจบก็โอเค นะ เรื่องนี้ไม่มีลุ้นครับ เพราะไม่ซับซ้อน ลอยไปลอยมาเรื่อยๆ เหมือนลอยน้อยกลางทะเล ตอนจบก็เหมือนตอนเรือถึงฝั่งล่ะ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #18 เมื่อ12-01-2012 15:44:00 »

อาทิตย์อัสดง บทที่ 2

พิชญแปลกใจมากที่คนซึ่งบอกว่าเป็นเจ้าของบ้านคนนั้นหายไปเลยหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เขาค้นเจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในห้องครัวจึงทานเป็นอาหารกลางวัน หลังจากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และหนังสือสองเล่มเดินลงไปที่ชายหาด หาร่มไม้เหมาะๆ แล้วใช้เวลาตลอดบ่ายนอนอ่านหนังสือสลับกับเดินลุยน้ำเล่นและคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
สามเดือนอันหนักหน่วงในชีวิตของเขา
เขารู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เหมือนการปีนขึ้นยอดภูเขา ตอนนี้เขาแค่กำลังตะกายอยู่ที่เชิงเขา กว่าจะถึงยอดก็คงสะบักสะบอมเพราะยังมีอะไรขวางทางอีกเยอะ แต่การได้หลบมาอยู่ในที่ไกลๆ แบบนี้ก็อาจช่วยให้ได้สงบสติอารมณ์และไตร่ตรองถึงปัญหาเรื่องต่างๆ
ถ้า...
ถ้าไม่มาเจอนายหน้าเข้มคนนั้น
นึกว่าจะได้อยู่คนเดียวอย่างสงบ แต่พิชญพอจะนึกภาพออกว่าสิบสามวันข้างหน้านี้ คงไม่ใช่สิบสามวันแห่ง 'สันติ' เป็นแน่แท้
แต่เอาเถอะ ถ้านายคนนั้นหายตัวไปในตอนกลางวันแบบนี้ แล้วมาเจอกันเฉพาะตอนเช้าเขาก็คิดว่าน่าจะพอทนได้
แต่กลางคืนล่ะ ผู้ชายคนนั้นต้องกลับมานอนที่บ้าน และเห็นย้ำหนักย้ำหนาว่าจะไม่ยอมเรื่องใครจะได้ครอบครองห้องนอน
แล้วนายคนนั้นเป็นเข้าของบ้านจริงๆ หรือเปล่า หรืออาจเป็นเพื่อนพี่ชายของคณินทร์
พี่ชายของเพื่อนเขาก็ให้เพื่อนของตัวเองมาพักเหมือนเขา
แต่ว่าคณินทร์บอกว่าบ้านว่างนี่นา คณินทร์บอกว่าคุยกับพี่ชายแล้ว
ช่างเถอะ ถึงขนาดนี้แล้วก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าทนอยู่ต่อไป แม้ท่าทางกวนนิดๆ แต่ดูๆ ไปก็ไม่ได้เหมือนเป็นคนเลวร้ายอะไร
พิชญยอมรับว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนหน้าตาหล่อเหลาและรูปร่างดีไม่มีที่ติ แต่บุคลิกน่าหมั่นใส้
แล้วนี่หายไปไหนของเขาทั้งวัน

เมื่ออ่านหนังสือเล่มที่สองจบ แสงสีทองก็เริ่มจับขอบฟ้า พิชญเดินกลับไปที่บ้านและยืนชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปก่อนจะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานเป็นอาหารเย็น จากนั้นก็เดินไปเดินมารอบบ้าน กดโทรศัพท์เล่นเกมส์ ฟังเพลง แล้วมานั่งเซ็งๆ อยู่บนโซฟากลางห้อง
ดูเอาเถอะ หนีมาไกลถึงขนาดนี้เพื่อจะคิดเรื่องปัญหาต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ แต่กลับต้องมานั่งสงสัยว่านายหน้าเข้มคนนั้นหายไปไหน มืดค่ำแล้วก็ยังไม่กลับ
พิชญลุกขึ้นเดินสำรวจบ้านทุกซอกทุกมุมอีกครั้ง ยกเว้นห้องทำงานซึ่งเปิดเข้าไปไม่ได้เพราะประตูล๊อคอยู่ เขาแนบหน้าเข้ากับกระจก สำรวจในห้องนั้นด้วยสายตาจึงสังเกตเห็นหมอนอิงสีเดียวกันกับใบที่อยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่นวางอยู่บนพื้นข้างโต๊ะทำงาน เขาคิดว่าห้องนี้วิวสวยกว่าห้องนอนเสียอีกเพราะผนังทั้งสามด้านเป็นกระจก ส่วนผนังด้านในที่ติดกับห้องครัวเป็นวัสดุซึ่งเขาบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร
ที่คุณเห็นว่าเป็นเหล็กนั่นน่ะ ความจริงไม่ใช่
ฮึ แล้วไอ้ที่เขาเห็นอยู่แล้วคิดว่ามันเป็นไม้นี่น่ะก็คงไม่ใช่ไม้สินะ เพราะว่าบ้านหลังนี้ก็คงสร้างด้วยโทคโนโลยีล้ำยุคล้ำสมัย
พิชญอดคิดประชดในใจไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็ยอมรับว่าค่อนข้างทึ่งกับบ้านพักตากอากาศหลังนี้ว่าสร้างได้แบบไม่มีที่ติจริงๆ
พิชญหันหน้าไปมองฉากกั้นด้านซ้ายถัดจากประตูห้องทำงานแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คำถามแรกที่แวบเข้ามาในหัวก็คือว่านี่คือวัสดุที่ทำจากอะไร
ที่แน่ๆ ไม่ใช่เหล็กหรอก นี่ถ้านายคนนั้นยืนอยู่ตรงนี้ เขาจะบอกว่าเป็นอลูมิเนียม แล้วอีตาสถาปนิกหน้ากวนก็คงโวยวายว่า 'ดูถูก บ้านหลังนี้ไม่ใช้ของกระจอกแบบนั้นหรอก ผมสร้างเองกับมือ'
พิชญพยายามเปิดฉากกันนั้นก็แต่ไม่สามารถทำได้ เขาคิดว่าหากเปิดออกไปก็คงเป็นระเบียงกว้างที่ยื่นไปเหนือโขดหินเพราะมองตัวบ้านจากข้างนอกเขาเห็นว่ามีระเบียงยื่นออกไปด้านหน้าซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่กว้างมาก
แล้วปิดเอาไว้ทำไม ส่วนอื่นๆ ของบ้านส่วนมากเป็นกระจก โปร่ง โล่ง มองเห็นอะไรต่อมิอะไร แต่ตรงนี้กลับทึบ แล้วเปิดออกไปก็เป็นระเบียง จะปิดทึบเอาไว้ทำไม ไหนๆ ก็จะให้เปิดออกไปแล้วเป็นระเบียงกว้างยืนมองวิวทะเลแบบพาโนราม่าอยู่แล้ว

พิชญมองเวลาแล้วถอนหายใจ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกง่วงทั้งที่เวลายังไม่ถึงสามทุ่ม หากเป็นในกรุงเทพฯ เวลานี้ยังถือว่าหัวค่ำ แต่นี่อยู่บนเกาะกลางทะเล เงียบสนิท มีแต่ความมืดรอบบ้าน อากาศสบาย ทำให้เขารู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แบบนี้เองที่เขาพูดกันว่าร่างกายเรียกร้องความต้องการที่จะพักผ่อน อยู่เฉยๆ ก็รู้สึกง่วง
พิชญอ้าปากหาวติดต่อกันหลายครั้งแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา และไม่นานก็หลับไป
ในฝัน เขาเห็นตัวเองยืนเด่นอยู่กลางเวทีประกวดร้องเพลง แสงสปอตไลท์สาดมาที่เขา ดนตรีเริ่มบรรเลง เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รอจังหวะที่จะเริ่มร้อง
เพลงที่เขาเตียมเอาไว้ว่าจะร้องในรอบชิงชนะเลิศ แต่เขาก็ไม่มีโอกาสเสียแล้ว
...ฉันมีความหวัง ฉันมีพลัง...
...ฉันยังมีลมหายใจ...
...คืนนี้ คืนที่ฝันใฝ่...
...คืนที่ดวงใจ เฝ้ารอมานาน...
...หัวใจไม่ท้อ จะขอเป็นดาว...
...ส่องแสงแพรวพราวอยู่บนนภา...
...ดนตรีบรรเลง ขับขานเสียงเพลง...
...เพื่อ...
ทันใดนั้น ดนตรีหยุดบรรเลง ไฟทุกดวงเปิดสว่าง พิชญยืนนิ่ง มองลงไปข้างล่างเวทีไม่มีคนดูแม้แต่คนเดียว เก้าอี้นั่งว่างเปล่า ในห้องเงียบกริบ หันไปมองข้างหลัง ไม่มีแม้แต่เครื่องดนตรี บนเวทีมีเพียงตัวเขายืนถือไมโครโฟนเย็นเฉียบอยู่เพียงคนเดียว
เกิดอะไรขึ้น!
พิชญสะดุ้งตื่น ถอนหายใจแรงเมื่อรู้ว่าเป็นเพียงความฝัน เขามองไปรอบๆ จึงตระหนักได้ว่าตัวเองยังนอนอยู่ที่เดิม ไฟในบ้านทุกดวงดับหมดแล้ว เหลือเพียงไฟดวงเล็กหน้าประตูบ้านเปิดทิ้งไว้พอมองเห็นระเบียงด้านนอก
ใครปิดไฟ เขาจำได้ว่าตัวเองเปิดไฟเอาไว้สว่างแล้วนั่งอยู่บนโซฟา มองประตูบ้านด้วยความเบื่อก่อนจะรู้สึกง่วงมากและหลับไป
ถ้ายังงั้น นายคนนั้นคงกลับมาแล้วและปิดไฟ แต่กลับไม่ปลุกเขาให้เข้าไปนอน และตัวเองเลยถือโอกาสครอบครอบเตียงนอนไปหน้าตาเฉย

พิชญลุกเดินไปตรวจดูประตูหน้าบ้านก็พบว่าประตูปิดล๊อคเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอน และจริงอย่างที่ตัวเองคาดเอาไว้ ร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ของผู้ชายคนนั้นนอนหงายอยู่บนเตียง ไม่สวมเสื้อเช่นเคย แผ่นอกกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามสะท้อนขึ้นลงช้าๆ แสดงให้เห็นว่ากำลังหลับสบาย
พิชญยืนนิ่งมองร่างของผู้ชายคนที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขด้วยความรู้สึกฉุนๆ ที่โดนแย่งเตียงนอน
อยากถีบลงจากเตียงจังเลย ถือโอกาสตอนเราเผลอหลับที่โซฟาแอบย่องเข้ามาครอบครองเตียงนอน จะปลุกกันซักนิดก็ไม่มี
แต่ตัวใหญ่ขนาดนี้จะสะดุ้งสะเทือนหรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอๆ จะเจ็บน่องเพราะแรงถีบไม่มากพอ
เล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้เลย อย่าคิดว่าคนอย่างพิชญจะยอม
พิชญคลานขึ้นเตียงอีกข้างซึ่งเหลือพื้นที่ไม่มาก ตอนนี้เขาถึงตระหนักได้ว่าเตียงนอนไม่ได้มีขนาดมาตรฐานอย่างที่เคยเห็น ผู้ชายคนนี้ตัวสูงมากแต่เมื่อนอนอยู่บนเตียงเท้ากลับไม่โผล่พ้นขอบเตียง ส่วนความกว้างของเตียงก็ไม่ใช่สำหรับนอนสองคน แต่ก็ไม่แคบเท่ากับขนาดเตียงนอนคนเดียว เหมือนกับว่าสั่งทำพิเศษตามขนาดที่เจ้าของต้องการ
ผู้ชายคนนี้ตัวอุ่นมาก แค่นอนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ถูกเนื้อตัวกันกลับรู้สึกได้เลยว่าเหมือนมีไออุ่นแผ่ออกมาจากร่างกาย แล้วก็นอนนิ่งไม่ไหวติง
แต่เรานี่สิ นอนนิ่งเป็นที่ไหน เวลาเข้าพักโรงแรมแล้วได้นอนห้องเตียงคู่ เคยดิ้นจนตกเตียงด้วยซ้ำ แบบเราต้องนอนเตียงขนาดคิงไซส์ จะได้พลิกตัวไปมาสะดวก แต่เตียงนี่ขนาดคิงไซส์ก็ไม่ใช่ ควีนไซส์ก็ไม่เชิง ยาวแต่ค่อนข้างแคบ เหมือนทำสำหรับให้นอนคนครึ่ง แล้วนี่ยังมีผู้ชายตัวโตๆ นอนอยู่ข้างๆ เหมือนท่อนไม้ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ตัวใหญ่ขนาดนี้ต้องบอกว่าเหมือนท่อนซุง กินพื้นที่ ขยับตัวก็ไม่ถนัด
ช่วยไม่ได้ ใครบอกอยากแอบเข้ามาจับจองพื้นที่ก่อน อย่าคิดว่าเราจะยอมให้นะ ไม่ได้นอนคนเดียวก็ทนนอนเบียดกันนี่ล่ะ เรานอนไม่สบาย เขาก็คงนอนไม่สบายเหมือนกันละมั๊ง
ไหนบอกว่าจะต้องตกลงกันเรื่องห้องนอนก่อน ยังไม่เคลียร์ก็แอบเข้ามานอน รู้ยังงี้ไม่เผลอหลับที่โซฟาซะก็ดี ตัวเองหายไปไหนทั้งวันก็ไม่รู้ ค่ำแล้วสองทุ่มกว่าก็ไม่กลับ เราก็ไม่กล้าล๊อคประตูเพราะกลัวเขาจะเข้าบ้านไม่ได้
เฮ้อ อะไรกันนี่ อุตส่าห์หลบมาไกลเสียขนาดนี้แทนที่จะได้คิดไตร่ตรองเรื่องแก้ปัญหาที่กรุงเทพฯ ให้เคลียร์ แต่กลับต้องมาเสียเวลาคิดเรื่องงี่เง่าเกี่ยวกับนายยักษ์หน้ากวนๆ คนนี้ เสียเวลาเดินทางมาจริงๆ เลย

พยุตม์กะพริบตาช้าๆ หลังจากนอนมองเพดานห้องเป็นเวลาครู่ใหญ่ เขาถอนหายใจลึกๆ แล้วเอียงหน้าไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันกลับมามองเพดานจุดเดิม เขาหายใจแรงขึ้นกว่าปกติอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังขบกรามอยู่จึงค่อยๆ ผ่อนคลายและพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
ปกติพยุตม์เป็นคนหลับง่ายและหลับลึก พอลืมตาอีกทีก็คือตื่นนอนตอนเช้า แต่เมื่อคืนแทบไม่ได้หลับเพราะมีคนรบกวน ทั้งแขน ศอก เข่า และขาของชายหนุ่มแปลกหน้าท่าทางรั้นๆ ที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันยื่นมากระแทกเขาอยู่เป็นระยะๆ เหมือนละลอกคลื่นในทะเล พอเคลิ้มๆ จะหลับฝ่ายนั้นก็พลิกตัวเอาเข่ากระทุ้งเอวหรือต้นขาของเขา พอหลับอยู่ดีๆ ก็ต้องสะดุ้ง เกือบหายใจไม่ออกเพราะมีแขนกระแทกหรือวางพาดที่ต้นคอ แล้วก็มีตามมาอีกเรื่อยๆ จนเขารู้สึกตัวแทบจะทุกครึ่งชั่วโมง
และที่สำคัญ ตอนนี้ขาของ 'คนร่วมเตียง' กำลังวางพาดอยู่บนต้นขาของเขา ส่วนแขนนั้นวางอยู่บนหน้าท้อง
คนอะไรนอนขี้เซามาก และนอนดิ้นอย่างสม่ำเสมอเหมือนตั้งโปรแกรมไว้
แต่ผิวเนียนเหลือเกิน เนื้ออุ่นๆ ที่วางแนบกับผิวกายของเขาทำให้เขาหายใจไม่เป็นจังหวะ ตอนนี้เขานอนเกร็งกล้ามเนื้อจนปวด
ไม่ไหวแล้ว!
ขณะที่พยุตม์กำลังคิดจะลงจากเตียง คนที่นอนหงายแบะขาวางพาดอยู่บนต้นขาขวาของเขาก็ขยับตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มทำท่าเหมือนจะพลิกตัวนอนตะแคงด้วยการดึงแขนและขาของตัวเองกลับไป แต่หลังจากขยับตัวขยุกขยิกชั่วครู่ก็ทิ้งแขนและขากลับมานอนท่าเดิม คราวนี้งอเข่ามากขึ้นกว่าเดิมและเลื่อนขึ้นมาวางพาดอยู่กลางลำตัวของพยุตม์
“อูย” พยุตม์ครางเบาๆ พร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นมาดันแขตซ้ายของอีกฝ่ายที่พาดทับอยู่บนต้นคอของเขาให้ลงไปพาดอก ส่วนกลางลำตัวของเขานั้นขยับเองโดยที่เจ้าของควบคุมไม่ได้
อาการแข็งตัวยามเช้าของเขาเช้านี้ไม่เหมือนทุกวัน ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คงแย่แน่ๆ
พยุตม์ค่อยๆ เลื่อนตัวลงจากเตียงและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ยืนมองตัวเองในกระจกครู่หนึ่งแล้วเปิดน้ำเย็นๆ ล้างหน้าประหนึ่งจะบรรเทาความร้อนรุ่มที่กำลังแผ่ซ่านอยู่ในกาย
ต้องคุยเรื่องที่นอนกันอย่างจริงจังเสียแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ทุกคืนเขาแย่แน่ คนอะไร ก็เห็นอยู่ว่าเขานอนบนเตียงไปแล้วก็ยังขึ้นมานอนเบียด ใจกล้าและดื้อรั้นไม่ใช่เล่น
นี่คงฉุนไม่น้อยที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาข้างนอกและเราแอบเข้ามานอนในห้องไปก่อน

พิชญบิดขี้เกียจและครางเบาๆ อย่างมีความสุขเพราะได้นอนหลับเต็มที่ทั้งที่ตอนแรกกลัวว่าจะไม่หลับเพราะเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน แม้ม่านสีเบจรูดปิดตลอดแนวกระจกของผนังห้องทั้งสองด้านแต่แสงแดดอ่อนๆ ก็ยังส่องลอดเข้ามาในห้อง
พิชญหันไปมองด้านข้างจึงเห็นว่าผู้ชายตัวโตคนที่นอนด้วยกันมาทั้งคืนลุกจากเตียงไปแล้ว เขาไม่สงสัยเลเพราะแน่ใจว่าผู้ชายท่าทางรักสันโดษและรักธรรมชาติคนนั้นน่าจะเป็นคนตื่นแต่เช้า
ตื่นแต่เช้าสิ นอนหลับสบายเป็นท่อนไม้ตั้งแต่หัวค่ำขนาดนั้น ถ้าตื่นสายก็แย่มากล่ะ คิดแล้วยังรู้สึกฉุนๆ อยู่เลย แอบเข้ามาแย่งที่นอนตอนที่คนเผลอหลับอยู่บนโซฟานอกห้อง ขี้โกง
พิชญล้างหน้าแปรงฟันและคิดว่าจะอาบน้ำแต่ก็เปลี่ยนใจเพราะนึกถึงปลาโลมาที่อาจจะมาเล่นน้ำ เขาอยากจะเห็นปลาโลมาอีก ดังนั้นจึงเดินออกมาจากห้องนอน แต่เมื่อเปิดประตูออกมาก็ได้กลิ่นอาหารเช้าหอมกรุ่น ผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหารในห้องครัวและเงยหน้าขึ้นมามองเขาทันทีเหมือนกับรู้ว่าเขาจะเปิดประตูห้องนอนออกไปเมื่อไหร่
พิชญรู้สึกว่าบ้านกว้างขึ้นกว่าเดิม คงเป็นเพราะฉากกั้นทางเดินกลางห้องถัดไปทางด้านขวาของห้องครัวถูกเปิดออกจนโล่ง มองออกไปเห็นวิวทะเลและท้องฟ้าสีครามอ่อน ระเบียงกว้างมาก มีเก้าอี้แบบปรับเอนนอนได้ตั้งอยู่ใต้ร่มขนาดสีขาวขนาดใหญ่
คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านก้มหน้าลงรับประทานอาหารต่อพลางอ่านหนังสือ ทำทีเป็นไม่สนใจเขา พิชญจึงเดินเข้าไปในห้องครัวช้าๆ ลืมความคิดที่อยากจะดูปลาโลมาเสียสิ้น
“ผมทำเผื่อคุณไว้หนึ่งที่ น่าจะพอนะครับ โทสสองชิ้น กับไข่ดาวหนึ่งฟอง นมสดในตู้เย็น” พยุตม์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับพิชญแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อทั้งที่พูดยังไม่จบประโยค “แต่แก้วเดียวนะครับ ต้องประหยัด”
“ผมกินไม่เยอะ บางทีก็ไม่กินอาหารเช้าด้วยซ้ำ” พิชญพูดเสียงเย็น ยังยืนนิ่ง ไม่มีท่าทีจะแตะอาหารในจานซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่เหมือนมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นที่กินอะไรก็ได้พอประทังชีวิต” พยุตม์พูดเบาๆ ยังสนใจกับหนังสือที่วางอยู่ข้างจานอาหารของตน
พิชญไม่ตอบโต้ เอื้อมมือไปหยิบจานแล้วเดินไปจนสุดของด้านหนึ่งตามความยาวของโต๊ะและนั่งให้ห่างอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณเบาๆ สำหรับความมีน้ำใจของผู้ชายตัวโตที่ทำอาหารเผื่อ 'คนอยู่ร่วมบ้าน'
พิชญเริ่มทานอาหารโดยใช้มีดขูดขนมปังเสียงดังจนพยุตม์เงยหน้าขึ้นมามองหลายครั้งก่อนจะพูดออกมาว่า
“อ้อ ขอผมถามหน่อย อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลยนะ เมื่อวานนี้คุณกินอะไรเป็นอาหารกลางวันกับอาหารเย็น”
“คุณอยากรู้ไปทำไม” พิชญถามเสียงราบเรียบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะอาหาร
“เห็นมาม่าหายไปสามซอง” พยุตม์ยักไหล่ “ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ แค่อยากจะรู้ว่าปกติคุณหนักมื้อไหน เที่ยงหรือเย็น”
“อยากรู้ทำไม”
“มื้ออาหารสองมื้อ แต่มาม่ากินไปสามซอง” พยุตม์เงยหน้าขึ้นมาพูด ตามองไปข้างหน้า ทำเหมือนกำลังเปรยกับตัวเอง “ก็ต้องเหลืออยู่...”
“ถ้ารู้ว่าคุณหวงผมไม่กินเกินหรอก พอดีมื้อเย็นหิวก็เลยกินไปสองซอง”
“ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ คือยังงี้ เกาะนี้มันห่างไกลความเจริญมาก และอยู่แบบนี้ก็ต้องเตรียมอาหารให้เพียงพอและเหมาะสมกับเวลา ต้องมีการวางแผน และผมก็วางแผนเอาไว้สำหรับยี่สิบวัน ทีนี้พอมีคุณมาเพิ่มก็แสดงว่ามีตัวหารสอง อาหารก็จะอยู่ได้สำหรับสิบวัน”
“ถ้าผมอดข้าวเย็นเหมือนพระ ตัวหารคุณคงเหลือแค่หนึ่งจุดห้า”
“หนึ่งจุดเจ็ดห้าน่าจะใกล้เคียงกว่า”
“ผมอดมื้อกินมื้อก็ได้ ถ้าจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจ”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ” พยุตม์ยักไหล่และอมยิ้มมุมปาก “ไม่ต้องทำเป็นโกรธหรอก ผมก็แค่ถามไปยังงั้นเองจะได้เตรียมตัว ถ้าอาหารมันหมดจริงก็หาปูหาปลาในทะเลกินก็ได้ ว่าแต่คุณแพ้อาหารทะเลหรือเปล่าล่ะ”
“ผมแพ้กุ้ง หอย ปู และปลา”
“ถ้ายังงั้นก็แย่หน่อย” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “เพราะแถวนี้กุ้งกับปูหาง่ายพอๆ กับหาปลา”
“คุณพูดเหมือนกระโดดลงทะเลแล้วไปจับขึ้นมาง่ายๆ ยังงั้นล่ะ”
“ผมยิงด้วยปืนฉมวก” พยุตม์แสดงท่าทางประกอบ “ผมมีอุปกรณ์ครบ แถวนี้อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องกลัวอดตาย”
“แล้วพูดเรื่องมาม่าสามซองที่กินภายในสองมื้อทำไม คุณคิดว่ามนุษย์ควรมีมาตรฐานในการกินมาม่าหนึ่งซองต่อหนึ่งมื้อหรือไง” พิชญอดกระแทกเสียงไม่ได้
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ว่าอะไรคุณ ผมแค่ถามเพื่อการวางแผนเรื่องเสบียงอาหาร”
“คุณนับเอาไว้หมดแล้วใช่หรือเปล่า ไข่ในตู้เย็นมีกี่ฟอง ผมกินได้มื้อละฟองใช่หรือไม่ หรือเฉพาะมื้อเช้า”
“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น” พยุตม์พยักหน้า พูดเบาๆ แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม ก่อนจะหันหน้ามาถามพิชญเหมือนไม่ได้ยินคำพูดประชดประชันของอีกฝ่าย “กาแฟหน่อยไหมครับ”
“ไม่ครับ ขอบคุณ ผมไม่ดื่มกาแฟมื้อเช้า ผมดื่มกาแฟเฉพาะตอนบ่ายๆ”
“มิน่า กลางคืนถึงได้นอนหลับสบาย”
“เมื่อวานคุณหายไปไหนมาจนค่ำมืด” พิชญได้ทีเพราะฝ่ายนั้นพูดกระทบกระเทียบเรื่องนอนเขาจึงถือโอกาสเปิดประเด็นเรื่องที่ยังเคลียร์กันไม่จบ
“คุณนี่ถามเหมือนภรรยาถามสามีเลยแฮะ ผมควรจะตอบว่าไปตีกอล์ฟดีหรือเปล่า”
“ผมนั่งคอยจนมืด ง่วงก็ง่วง จะล๊อคประตูก็ไม่กล้า กลัวคุณเข้าบ้านไม่ได้ คุณเอาใจเขามาใส่ใจเราดูซิ แล้วพอเข้ามา คุณก็ไม่ปลุกผม กลับแอบเข้าไปนอนในห้องหน้าตาเฉย”
“นั่นบอกอะไรบางอย่างแล้วใช่ไหม”
“บอกอะไร”
“ว่าบ้านหลังนี้เป็นของผม เพราะผมไม่กลัวว่าคุณจะล๊อคประตู แต่ถึงคุณล๊อคประตูผมก็เข้ามาได้เพราะผมมีกุญแจ”
“แล้วสมมุติว่าคุณไม่ได้เอากุญแจไปด้วยล่ะ แค่สมมุตินะ เพราะว่าผมก็ยังไม่เชื่อที่คุณอ้างอยู่ดี”
“ผมรู้ว่ากุญแจสำรองอยู่ตรงไหน ผมเป็นคนซ่อนไว้เองแถวหน้าประตูบ้าน” พยุตม์ยักคิ้ว
“เรายังตกลงกันไม่จบเรื่องห้องนอน” พิชญพูดเสียงเข้ม
“ยังจะต้องตกลงอะไรกันอีก” พยุตม์พูดเสียงเนือยๆ
“คุณเป็นคนพูดเองว่าเราต้องตกลงกันเรื่องห้องนอน”
“โอ้โห คุณนี่ความจำดีแฮะ” พยุตม์ส่ายหน้ายิ้มๆ “ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมเป็นเจ้าของบ้าน ผมก็ต้องได้นอนบนเตียงนอนในห้องนอนของตัวเอง ผมจะไม่ยอมนอนบนพื้นหรือโซฟา หรือในห้องทำงานเหมือนคืนแรกที่โดนคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในบ้านและแย่งที่นอนของผม”
“ผมบอกคุณแล้วว่านี่เป็นบ้านพักตากอากาศของพี่ชายเพื่อนผม เขาอนุญาตให้ผมมาพักสองอาทิตย์ เพื่อนสนิทผมยืนยันว่าบ้านว่าง พี่ชายของเขาโอเคให้มาพักได้ คุณคิดว่าผมเป็นเด็กงี่เง่าเลยมาเล่นอะไรตลกๆ กลางทะเลหรือไง” พิชญพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“เฮ้อ” พยุตม์ถอนหายใจยาวแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็นี่มันบ้านผม จะให้ว่ายังไงล่ะ คุณมาผิดที่หรือเปล่า”
“ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก” พิชญกระแทกเสียงแล้วเมินหน้าออกไปมองด้านข้าง แสดงท่าทีเลิกที่จะเถียงกับอีกฝ่าย
“มองไปที่โล่งๆ แบบนั้นแล้วสบายตาใช่ไหมล่ะ วิวหน้าบ้านสวย ยิ่งเดินออกไปยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องทำงานยิ่งสวย โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก ที่มันโปร่งโล่งสบายตาก็เพราะผมเปิดฉากกั้นออก”
“คุณมาบอกผมทำไม”
“เพราะผมรู้ว่าคุณเปิดไม่ได้” พยุตม์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ “แต่ผมเป็นคนสร้างบ้านหลังนี้มากับมือ ผมรู้วิธีเปิด”
“ก็ได้” พิชญหันมาเน้นเสียงกับอีกฝ่าย “คุณจะเป็นเจ้าของบ้านก็เป็นไป ผมจะไม่เถียงเรื่องนี้อีกแล้ว ขี้เกียจ แต่ยังไงก็แล้วแต่ ผมก็จะอยู่ที่นี่จนครบตามกำหนด คุณต้องทนเห็นหน้าผมต่ออีกสิบสองวัน”
“สิบสองวันเลยหรือ” พยุตม์กรอกตา
“เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ลำบากอะไรนักหรอก ที่ก็ออกกว้างขวาง ตื่นเช้ามาคุณก็อยู่ของคุณไป ผมก็อยู่ของผม เหมือนเมื่อวานนี้ คุณหายไปทั้งวัน ผมก็นอนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมชายหาดทั้งวัน”
“แล้วมานอนด้วยกันตอนกลางคืนเหมือนเมื่อคืนนี้ คุณแน่ใจหรือว่าอยากจะทำแบบนั้น ผมไม่ใช่คนที่จะอดทนได้นานเท่าไหร่หรอกนะกับเรื่องแบบนี้” พยุตม์พูดเสียงเข้ม สีหน้าจริงจัง
“ยังไงก็ต้องอดทน” พิชญเลิกคิ้ว “เพราะมันเป็นปัญหาของคุณเอง เพราะตัวคุณใหญ่เกินมาตรฐานชายไทย แล้วก็นอนกินพื้นที่ขนาดนั้น”
“ช่างไม่รู้อะไรเล๊ย” พยุตม์ส่ายหน้า ตักอาหารเข้าปากเป็นชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นถือจานไปล้าง แสดงท่าทางว่าต้องการจบการสนทนา พิชญรอจนอีกฝ่ายล้างจานเสร็จจึงลุกขึ้นไปเพื่อล้างจานของตัวเองเช่นกัน แต่เมื่อพยุตม์มองเห็นจานในมือของชายหนุ่มจึงโวยวายขึ้นมาว่า
“อ้าวคุณ ทำไมกินเหลือ กินให้หมดสิครับ กินทิ้งกินขว้างแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน เราอยู่บนเกาะกลางทะเล ต้องประหยัด”
“ผมกินมื้อเช้าไม่เยอะ”
“ผมอุตส่าห์มีน้ำใจทำเผื่อ”
“คุณทำไข่ดาวครึ่งฟองกับโทสหนึ่งชิ้นครึ่งสิ หรือไม่ก็ชิ้นเดียว”
“ผมว่าเราต้องคุยกันอีกเยอะเลยล่ะ” พยุตม์ถอนหายใจแล้วเอื้อมมือไปหยิบอาหารที่เหลือบนจานของพิชญเข้าปาก
“คุณ...” พิชญอุทาน
“ผมเสียดายของ” พยุตม์พูดทั้งที่กำลังเคี้ยวอาหารเต็มปาก ครั้นกลืนลงเกือบหมดจึงพูดต่อว่า “ล้างจานเสร็จคุณอย่าเพิ่งไปไหนนะ คุยกันก่อน เรื่องที่นอน เรื่องอาหาร เรื่องปิดเปิดประตู”
“คุยเรื่องน้ำเรื่องไฟด้วยดีไหม” พิชญประชด
“ไม่ต้องก็ได้ แต่เรื่องทำความสะอาดบ้านต้องคุย”

พิชญหยิบหนังสือในกระเป๋าเดินทางของตัวเองมาสามเล่ม เสื่อหนึ่งผืนพร้อมกับหมอนใบเล็กหนึ่งใบแล้วเดินมาที่เดิมซึ่งเขาใช้เวลานอนอ่านหนังสือเมื่อวาน คราวนี้เขาเตรียมเครื่องดื่มและอาหารกลางวันมาด้วย ตั้งใจว่าจะใช้เวลาทั้งวันอยู่นอกบ้านและจะรอจนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้วถึงจะกลับ
ผลัดกันนอนเตียงคนละคืน เฮอะ มาตกลงอะไรแบบนี้ แล้วก็ให้เขาทำอาหารเย็นเพราะตื่นสายกว่า ตัวเองทำอาหารเช้า ส่วนอาหารกลางวันต่างคนต่างรับผิดชอบตัวเอง ที่เขายอมแบบนี้ก็เพราะขี้เกียจเถียงหรอก แต่เรื่องทำความสะอาดบ้านไม่เห็นพูด
หรือว่าจะเหมาเอาว่าให้ถือว่าเขาเป็นทำความสะอาดเพราะเป็นผู้อาศัยและตัวเองก็ประกาศจุดยืนออกมาแล้วว่าเป็นเจ้าของบ้าน
แล้วเขาเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ หรือเปล่า เห็นพูดนักพูดหนา แล้วยังมาบอกว่าเขาอาจมาผิดเกาะ
จะเป็นไปได้ยังไง เกาะทรายงามก็ถูกแล้วนี่นา หาดทรายขาวขนาดนี้
เสียดายที่หากุญแจไม่เจอ ไม่งั้นจะเอากุญแจเสียบประตูแล้วหมุนลูกบิดให้เห็นกับตาเลยว่า นี่ไงล่ะ กุญแจที่เพื่อนของเขาให้มา
แต่ผู้ชายคนนั้นก็มีกุญแจ คืนแรกที่มาถึงเขาล๊อคประตูแล้วก่อนจะนอนทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำ
นายคนนั้นก็อาจจะได้กุญแจมาเหมือนกัน บางทีอาจเขาอาจเป็นเพื่อนของพี่ชายของคณินทร์ นายคนนี้เลยมาตู่ว่าบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนเขาแย่หน่อยตรงที่ทำกุญแจหาย
แต่เอ๊ะ หายหรือหาไม่เจอ บางทีกุญแจอาจซุกอยู่ในซอกเล็กๆ ของกระเป๋าเดินทางก็ได้ ก่อนออกจากกรุงเทพฯ นั้นรีบเร่งมาก จำอะไรไม่ค่อยได้เลย สงสัยคงต้องหาใหม่อีกซักครั้ง คนให้ละเอียดอาจจะเจอ
แต่ว่านายตัวยักษ์คนนี้ดูคุ้นเคยกับบ้านเหลือเกิน อะไรก็ดูเหมาะเจาะกับเจา เตียงก็ยาวขนาดพอดีตัว เก้าอี้ โต๊ะทานข้าว คัพบอร์ดในห้องครัว เฟอร์นิเจอร์ก็ขนาดพอดีกับคนตัวใหญ่ๆ อ้อ ในห้องน้ำยิ่งเห็นได้ชัด ฝักบัวอาบน้ำก็ติดอยู่สูงมาก อ่างล่างหน้าก็สูงกว่าปกติ กระจกก็ติดไว้สูง
หรือว่าจะเป็นบ้านของเขาจริงๆ
เสื่อผืนที่เรานอนอยู่นี่ก็ดูขนาดใหญ่เกินกว่าที่เคยเห็น
เตียง!
เตียงสั่งทำขนาดพิเศษพอให้คนตัวใหญ่อย่างผู้ชายคนนั้นนอนได้สบายตัวพอดีเลย ราวแขวนในตู้เสื้อผ้าก็สูง บ้านหลังนี้สร้างเหมือนจะให้ยักษ์อยู่!
แต่เราจะมาผิดเกาะได้ยังไง คณินทร์บอกว่าเกาะทรายงาม คนขับรถไปส่งที่ท่าเรือก็ได้ยินเราชัด คนขับเรือก็ท่าทางเข้าใจ เรายืนยันกับนายคนนั้นว่าเกาะทรายงามเขาก็พยักหน้าแล้วพูดว่า 'ก็ถูกนี่นา'
พิชญนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาพระอาทิตย์ใกล้จะลับฟ้า เขาเก็บของและกลับไปที่บ้าน คราวนี้ฉากกั้นระหว่างตัวบ้านและระเบียงหน้าห้องทำงานเปิดกว้าง พิชญออกไปยืนชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เขาแทบจะจำไม่ได้เลยว่าเมื่อใดคือครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นภาพธรรมชาติสวยงามแบบนี้ วิถีชีวิตคนเมืองของเขาเต็มไปด้วยความเร่งรีบ น้อยครั้งที่จะได้ออกจากเมืองกรุงไปสัมผัสธรรมชาติ และทุกครั้งก็มักจะเป็นเขาเข้าพักโรงแรมหรือรีสอร์ทไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครที่มีแต่ความสะดวกสบาย เขามักจะใช้เวลาอยู่ในห้องพัก ริมสระว่ายน้ำ หรือบริเวณรอบๆ โรงแรม
ครั้งนี้เป็นครั้งที่เขามาไกลที่สุดหากไม่นับการเดินทางไปต่างประเทศ และครั้งนี้ก็เป็นการเดินทางที่แตกต่างจากทุกครั้งโดยสิ้นเชิง ประหนึ่งว่าเป็นการผจญภัย
ผจญกับผู้ชายคนนั้นด้วย
เหมือนเคย นี่ก็ยังไม่กลับ สงสัยจังเลยว่าเขาไปที่ไหนของเขา

::: end of chapter 2 :::

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #19 เมื่อ12-01-2012 17:00:24 »

พยุตม์ ชื่อเท่จัง ชอบบบบบบบบ >//<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
« ตอบ #19 เมื่อ: 12-01-2012 17:00:24 »





โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 1 UP 10/1/55
«ตอบ #20 เมื่อ12-01-2012 17:42:40 »

พิชญ์ท่าจะได้อยู่นานกว่าสิบสามวัน :o8:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #21 เมื่อ12-01-2012 17:51:39 »

แหม อิจฉาคุณพิชญ อยากไปพักแบบนี้มั่งจัง มีหนุ่มหล่อๆมาให้ปะทะคารมได้อีก  :impress2:


ปล.คุณนาย คราวนี้ตอนจบขอแบบถูกใจแม่ยกหน่อยนะคะ :laugh:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #22 เมื่อ12-01-2012 18:17:48 »

อยู่ด้วยกันทั้งชีวิตเลยแล้วกันเน้อออออ

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #23 เมื่อ12-01-2012 18:23:29 »

ทำไม พยุตม์ ดูลึกลับจัง ขืนยังทำตัวแปลกกว่านี้ จะนึกว่าเป็นภูติทะเลแปลงร่างขึ้นฝั่งมาแล้วนะ

ตกลงบ้านสร้างจากอะไร มีแต่คำถาม เต็มไปหมด  55555+

พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ระแวงตอนจบ  =[]=

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #24 เมื่อ12-01-2012 19:01:21 »

อยากติดเกาะ เจอคนหล่อๆ ใจดีๆแบบนี้บ้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ชั้นจะไม่ยอมกลับเลย 55

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #25 เมื่อ12-01-2012 19:49:16 »

เข้ามาติดตามจากยี่ห้อคนเขียน :p

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #26 เมื่อ12-01-2012 20:55:29 »

ว้าวๆๆ เรื่องใหม่ของพี่คฑาวุธ
ถ้าเป็นเราคงอยู่ยาวไปเลย ไม่กงไม่กลับบ้านแล้ว
คุณพยุตม์เท่ห์จังเลยค่า :o8:

Mio

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #27 เมื่อ12-01-2012 21:05:44 »

 :-[  อยากติดเกาะแบบนี้บ้าง 55555
สามคำ>>>อิจ ฉา อ่ะ 55555

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #28 เมื่อ12-01-2012 22:26:27 »

อ๊า
น่ารักจัง><

4life

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #29 เมื่อ13-01-2012 01:21:04 »

ติดตามด้วยคน เเต่เสียวสันหลังตอนจบไงไม่รู้ กร๊าก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด