::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 14 "จบ" UP 18/1/55  (อ่าน 145657 ครั้ง)

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #30 เมื่อ13-01-2012 03:09:52 »

พระเอกเท่มาก
+1

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #31 เมื่อ13-01-2012 11:37:12 »


รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ  อิอิ

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #32 เมื่อ13-01-2012 12:15:18 »

สนุกมากเลยอ่ะ รอๆๆ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #33 เมื่อ13-01-2012 14:08:05 »

อาทิตย์อัสดง บทที่ 3

พิชญทานอาหารเย็นจนเสร็จเรียบร้อยจึงมาเอนตัวนอนเล่นบนโซฟาเช่นเคย คราวนี้ไม่กลัวว่าจะเผลอนอนหลับไปเพราะคืนนี้ 'สิทธิ์' ของการนอนบนเตียงในห้องนอนเป็นของผู้ชายคนนั้น 'ตามข้อตกลง'
เขาอยากจะโทรศัพท์ไปถามคณินทร์ที่กรุงเทพฯ ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง สองวันที่ปิดโทรศัพท์ป่านนี้คงมีสายเรียกเข้าแต่ไม่ได้รับสายเกินหนึ่งร้อยรายการ
พี่ปานจะไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ป่านนี้คงนั่งเอามือกุมขมับเพราะต้องรับมือกับปัญหาสารพัด ส่วนคณินทร์คงช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะต้องทำงาน
แล้วนี่กลับไปเขาจะเจออะไรบ้าง อีกสิบวัน หวังว่าสถานการณ์คงจะดีขึ้น
พิชญถอนหายใจเบาๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขายกมือขึ้นก่ายหน้าผากและเริ่มคิดไตร่ตรองเรื่องราวทีละเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นอีกครั้ง พยายามจัดเรียงประเด็นต่างๆ ในความคิดให้เป็นระบบ
ครั้นพอได้เริ่มคิด พิชญก็คิดอย่างต่อเนื่อง จากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง บางเรื่องเขาคิดหาคำตอบได้แล้ว แต่บางเรื่องก็ยังหาทางออกไม่ได้
พิชญจมอยู่ในความคิดของตัวเองจนไม่รู้ว่า 'คนที่อยู่ร่วมบ้าน' นั้นเดินเข้ามาในบ้านแล้ว

พยุตม์มองพิชญอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟา ตามองเพดานห้อง ท่าทางเหม่อลอย ไม่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามาในบ้านและกำลังเดินผ่านห้องโถงเข้าไปยังด้านใน
หรืออาจจะรู้ก็ได้ แต่แกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ นี่คงฉุนที่เขากลับค่ำและทิ้งให้อยู่คนเดียวทั้งวัน ก็เห็นท่าทางเหมือนอยากอยู่คนเดียวนี่นา ขืนเข้าไปใกล้มีหวังโดนพูดจากวนๆ ใส่
พยุตม์เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อรับประทานอาหาร แต่เมื่อเห็นว่าคนที่รับหน้าที่เป็นคนทำอาหารเย็นตาม 'ข้อตกลง' ทำอะไรให้ทานเขาก็หยิบชามที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินปึงปังออกมานอกห้อง
“นี่หรืออาหารเย็นที่คุณทำให้ผมกิน”
พิชญเหลือตามองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ปลายโซฟาแล้วกลับไปมองเพดานจุดเดิม
“ผมก็กินเหมือนคุณนี่ล่ะ” พิชญตอบเสียงเนือยๆ
“โอ้โหคุณ นี่มันง่ายไปหรือเปล่า” พยุตม์ส่ายหน้า “แล้วนี่น้ำก็แค่อุ่นๆ”
“คุณก็เอาใส่ไมโครเวฟสิ นาทีเดียวก็ร้อน”
“ผมควรจะได้กินเลย ไม่ต้องมาทำอะไรอีก ไม่เห็นหรือครับ ตอนเช้าคุณตื่นมาแล้วก็เดินมานั่งที่โต๊ะ แล้วก็กินข้าวเลยเพราะผมทำเผื่อคุณไว้หนึ่งที่”
“แล้วผมจะรู้หรือเปล่าล่ะว่าคุณจะกลับเมื่อไหร่”
“คุณเลยต้มน้ำเทใส่ถ้วยไว้หนึ่งถ้วย แล้ววางมาม่าไว้ข้างถ้วย เพื่อบอกผมว่า นี่คืออาหารเย็นนะ” พยุตม์โวย
“เราตกลังกันว่าคุณรับผิดชอบอาหารเช้า ผมรับผิดชอบอาหารเย็น เพราะคุณบอกว่าผมตื่นสายกว่าคุณ ผมทำอาหารเป็นไม่กี่อย่างหรอก ปกติผมกินสลัดกับโยเกิร์ตเป็นอาหารเย็น” พิชญเถียงด้วยเสียงราบเรียบ แขนยังก่ายหน้าผาก มองเพดานจุดเดิม
“ก็ยังดีที่คุณไม่ใส่มาม่าลงไปในถ้วยแล้วปล่อยให้เส้นมันอืด” พยุตม์บ่นแล้วเดินหนีเข้าไปในครัว ไม่นานก็เดินออกมาและนั่งลงใกล้กับพิชญซึ่งกำลังนอนหลับมา มือประสานกันไว้บนหน้าอก
“คุณไปกินที่อื่นได้ไหม” พิชญเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“รบกวนสมาธิการนอนของคุณหรือไง” พยุตม์ตอบ “หรือว่ากลิ่นสปาเก็ตตี้มันหอมจนยั่วต่อมความอยากของคุณ”
“หยาบคาย”
“หยาบคายตรงไหนไม่ทราบครับ ผมแค่บอกว่ากลิ่นสปาเก็ตตี้หอม”
“ผมกำลังคิดอะไรเงียบๆ ขอเวลาเป็นส่วนตัวหน่อยสิครับ” พิชญไล่อีกฝ่ายตรงๆ
“ผมอยากคุยกับคุณ” พยุตม์ยักไหล่
“ผมไม่อยากคุย” พิชญลืมตา เอียงหน้ามามองพยุตม์ด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“ผมไม่ไหวหรอกถ้าต้องได้กินมาม่าทุกวัน” พยุตม์ไม่สนใจคำพูดของคนที่นอนอยู่บนโซฟา “เอางี้ ผมจะรับผิดชอบอาหารเย็นแทน เพราะดินเนอร์ควรเป็นอะไรที่อร่อยๆ ส่วนคุณรับผิดชอบอาหารเช้าไป แต่คุณต้องตื่นเช้ากว่านี้อีกนิด”
“เจ็ดโมงครึ่งก็ถือว่าเช้าแล้ว” พิชญแย้ง
“กว่าคุณจะลุก กว่าจะเข้าห้องน้ำ กว่าจะออกมาทำอาหาร กว่าจะเสร็จ”
“งั้นคุณก็รับเรื่องอาหารไปเลยทั้งสองมื้อสิ หรือไม่ก็ต่างคนต่างกิน ไม่ต้องเผื่ออีกคน”
“ผมไม่อยากให้คุณอดตาย” พยุตม์ตอบแล้วอมยิ้มมุมปาก “หรือไม่ก็กลายเป็นคนขาดสารอาหาร”
“อย่ามากวนผมนะ ไม่มีอารมณ์” พิชญหลับตาลง แสดงให้เห็นว่าต้องการเลิกคุย
“อารมณ์คุณนี่เดายากจริงๆ เลย” พยุตม์บ่นแล้วลุกขึ้นและกล่าวราตรีสวัสดิ์ แต่ไม่มีคำตอบออกมาจากปากของพิชญ เขายืนมองคนที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาครู่หนึ่งแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มท่าทางดื้อรั้นคนนี้นอนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

วันนี้พิชญเดินสำรวจเกาะแทนที่จะนอนอ่านหนังสือเหมือนทุกวัน เกาะแห่งนี้มีลักษณะแปลกตา ทางทิศตะวันตกเป็นเนินเขาสูงลาดเอียงไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นโขดหินเตี้ยๆ สลับชายหาด พิชญเลือกสำรวจทางด้านทิศตะวันออกก่อนเพราะยังไม่พร้อมที่จะปีนป่าย ประมาณหลังเที่ยงเล็กน้อยเขาก็มาถึงด้านทิศเหนือของเกาะซึ่งเป็นด้านที่ต่ำที่สุดและมีหาดทรายยาวที่สุด และเป็นจุดที่เขาขึ้นเกาะเมื่อเดินทางมาถึงวันแรก
พิชญนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่และรับประทานอาหารกลางวันแบบง่ายๆ ที่เตรียมมาด้วย เมื่อมองขึ้นไปบนต้นไม้เห็นเปลแขวนอยู่เขาจึงอยากจะลองนอนเปล เขาคิดในใจอย่างนึกสนุกว่านี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่จะได้นอนเปลที่แขวนอยู่สูงเหนือศีรษะมาก ดังนั้นพิชญจึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้และไต่ไปตามกิ่งไม้ใหญ่ที่เปลแขวนอยู่  จากนั้นจึงค่อยๆ หย่อนตัวลงบนเปล
ลมทะเลพัดมาเอื่อยๆ เสียงคลื่นกระทบหาดทรายเป็นจังหวะเบาๆ ราวกับเสียงดนตรีกล่อม บรรยากาศน่านอนยิ่งนัก ไม่นานพิชญก็หลับไปและตื่นขึ้นมาอีกมีเมื่อเวลาบ่ายสี่โมงครึ่ง ชายหนุ่มบิดตัว ยืดเส้นยืดสายพร้อมส่งเสียงร้องครางเบาๆ ก่อนจะนอนนิ่งมองใบไม้อยู่ครู่ใหญ่แล้วตัดสินใจกลับที่พักเพราะนึกได้ว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องเตรียมอาหารเย็น
พิชญใช้มือสองข้างจับขอบเปลแล้วดึงตัวลุกขึ้นนั่ง แหงนหน้ามองกิ่งไม้เหนือศีรษะและวินาทีนั้นเองก็ตระหนักว่าการจะลงจากเปลอาจไม่ง่ายเหมือนตอนที่ขึ้นมา น้ำหนักตัวเองซึ่งนั่งอยู่บนเปลทำให้เปลหย่อนลง เพิ่มระยะห่างจากกิ่งไม้และทำให้มือของเขาเอื้อมไม่ถึง พิชญพยายามลุกขึ้นเพื่อคว้ากิ่งไม้แต่เปลกลับแกว่งไปมาเพราะเขาทรงตัวไม่นิ่ง พิชญรีบนั่งลงเพราะกลัวจะตกลงไป
ตายล่ะทีนี้ ขึ้นมาได้แต่ก็ไม่รู้จะลงไปยังไง ใครมาแขวนเปลไว้สูงขนาดนี้ก็ไม่รู้ ต้องนายยักษ์ใหญ่คนนั้นแน่เลย
แต่เอ๊ะ ถ้าเขามาแขวนเปลและชิงช้าเอาไว้ ก็แสดงว่าเขาคงอยู่ที่นี่นานแล้วสิ แล้วที่บอกว่าบ้านนั้นเป็นของเขาก็น่าจะใช่
เป็นไปได้ยังไง เราจะมาผิดเกาะได้ยังไง อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น
ไม่ใช่บังเอิญ แบบนี้เราเรียกว่าซวยต่างหากล่ะพิชญเอ๊ย
แต่คณินทร์บอกให้เรามาเกาะทรายงาม ก็ถูกแล้วนี่ เรามั่นใจว่ามาถูก มันจะพลาดได้ตอนไหน เราบอกคนที่ท่าเรือเขาก็บอกให้ไปจ้างชาวประมง ลุงคนนั้นก็เข้าใจว่าเราต้องการให้มาส่งที่เกาะทรายงามซึ่งเป็นเกาะส่วนตัว ตอนอยู่บนเรือก็ย้ำอีกตั้งหลายครั้ง ผ่านเกาะต่างๆ ลุงคนขับเรือก็ยังชี้บอกให้ดูเกาะนั้นก็นี้ทำยังกับเป็นไกด์ นายยักษ์คนนั้นจะต้องเป็นคนที่แอบเข้ามาอยู่ก่อนเราแน่ๆ คงเห็นว่าเป็นเกาะไม่มีคนอยู่เลยถือโอกาส
โอย แล้วจะลงจากเปลยังไงล่ะเนี่ย
พิชญหยุดความคิดเรื่องการเดินทางมาผิดเกาะ หันมากังวลกับการลงจากเปล เขาค่อยๆ ไต่ไปอีกปลายด้านหนึ่งของเปลซึ่งเชือกผูกห้อยกับโคนกิ่งไม้เพราะแข็งแรงกว่าด้านที่เป็นปลายกิ่ง โชคดีที่ปลายของเปลเป็นตาข่ายเล็กๆ เขาจึงใช้มือเกี่ยวช่องเล็กๆ นั้นเพื่อประคองตัวเอง ครั้นพอใกล้กิ่งไม้แล้วจึงยื่นมือขึ้นไปเหนือศีรษะเพื่อคว้าเอาไว้ แต่ทันใดก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงดังขึ้นข้างล่าง
“ระวังนะคุณ เดี๋ยวตกลงมาหรอก”
พิชญลดมือลง เกาะตาข่ายของเปลแล้วทรางตัวให้นิ่งก่อนจะก้มลงไปมอง ผู้ชายหน้าเข้มคนนั้นยืนเท้าเอว แหงนหน้ามองเขาอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“คุณนั่นล่ะจะทำให้ผมตก มาเงียบๆ ตกใจหมดเลย” พิชญตวัดเสียง
“ผมเป็นห่วง”
“แน่ใจนะ”
“อ้าว แน่ใจสิคุณ ผมรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงหรอกน่า คุณคิดว่ายังไงหรือ คิดว่าผมกำลังขำคุณหรือไง”
“พิชญไม่ตอบเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายประชด เขาจึงพยายามไต่ขึ้นไปตามปลายของเปลยักษ์ให้ใกล้กิ่งไม้ที่สุดอย่างระมัดระวัง
“ระวังนะครับ เดี๋ยวเปลพลิก” เสียงเตือนจากข้างล่างดังขึ้นอีก “ให้นิ่งๆ ซะก่อนแล้วค่อยยื่นแขนขึ้นไป”
“คุณหยุดพูดเถอะ คุณทำให้ผมเสียสมาธิ”
“คนอุตส่าห์หวังดี”
“ถ้าหวังดีก็ไม่ต้องพูดอะไร” พิชญเสียงห้วน
“ทำคุณบูชาโทษ” เสียงอีกฝ่ายพูดพึมพำแต่พิชญยังได้ยิน
“ไม่ต้องมองด้วย” พิชญพูดต่อ
“อ้าว” คนที่ยืนมองอยู่ข้างล่างอุทานแล้วเงียบไป พิชญพยายามอีกครั้งอย่างช้าๆ และในที่สุดก็ใช้มือทั้งสองข้างคว้ากิ่งไม้ได้ เขาดึงตัวขึ้นไปอย่างทุลักทุเลพร้อมกับบ่นให้ตัวเองในใจว่าอ่อนแอลงกว่าเดิมเยอะเพราะพักหลังๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย แต่เมื่อขึ้นมานั่งคล่อมกิ่งไม้ได้แล้วจึงรู้สึกหนักใจต่อว่าจะใต่ไปจนถึงโคนกิ่งและปีนลงได้ได้อย่างไร ยิ่งมีคนยืนมองอยู่ก็ยิ่งรู้สึกประหม่า
นั่นไง จริงๆ ด้วย บอกไม่ให้มองก็ยังมอง
พิชญก้มหน้าลงมองข้างล่างจึงเห็นว่าชายหนุ่มตัวโตคนนั้นยืนกอดอกมองเขาอยู่ไม่วางตา
“บอกว่าอย่ามอง”
“แล้วทำไมมองไม่ได้”
“ผมเสียสมาธิ” พิชญตอบ
“คุณนี่ไม่มีเหตุผลจริงๆ เลย” อีกฝ่ายส่ายหน้า
“นี่ไงเหตุผลของผม ถ้ามีคนมองก็จะทำให้ผมเสียสมาธิ”
“คุณไม่คิดหรือว่าคนอื่นเขาอาจจะเป็นห่วง กลัวคุณตกลงมา”
“ถ้าผมตกลงไป แล้วคุณจะทำอะไรได้ คุณจะยืนรอรับผมหรือไง” พิชญกระแทกเสียง
“ลองดูสิ” คนที่อยู่ข้างล่างท้า “ดูซิว่าผมจะยื่นแขนออกไปรับคุณได้ทันหรือเปล่า”
“ถึงทันคุณก็รับผมไม่ไหว ผมไม่ใช่ลูกมะพร้าวนะ หล่นจากต้นไม้แล้วจะได้วิ่งรับอยู่ข้างล่าง” พิชญพูดเสียงเข้มแล้วบ่นว่า “แล้วใครวะ อุตริมาแขวนเปลไว้สูงขนาดนี้ ห้อยซะยานเชียว ปีนขึ้นมาก็ลำบาก”
“ผมไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย”
“อ๋อ คุณกำลังบอกผมใช่ไหมว่านี่คือเปลของคุณ” พิชญพูดพลางไต่คืบไปตามกิ่งไม้
“ถ้าไม่ใช่ของผมแล้วจะเป็นของใครล่ะครับ นี่มันเกาะของผม ทุกอย่างบนเกาะนี้เป็นของผมทั้งนั้น”
“รวยจริงนะ” พิชญเบ้ปาก
“ก็พอตัว” คุณที่ยืนอยู่ข้างล่างหูดี
พิชญไม่ตอบโต้อีกฝ่าย พยายามไต่ไปตามกิ่งไม้อย่างระมัดระวัง และกว่าจะลงมาถึงพื้นได้ก็ใช้เวลาเกือบห้านาที
“คุณอยากรู้หรือเปล่าว่าผมมีวิธีลงยังไง”
“คุณกระโดดลงมาเลยงั้นสิ” พิชญตอบ “ก็เพราะคุณเก่งกว่าใคร”
“คุณนี่กระทบกระเทียบเก่งไม่เบา” พยุตม์ยิ้มบางๆ “วันหลังลองชิงช้าสิ สนุกกว่าเปลเป็นไหนๆ แต่ก่อนขึ้นไป คิดหาวิธีลงก่อนนะครับ”
“วิธีขึ้นยังคิดไม่ออกเลย” พิชญหันไปมองชิงช้าแล้วเบ้ปาก ในใจบอกตัวเองว่าไม่คิดจะลองอีกแล้ว
“เดี๋ยววันหลังผมทำให้ดู”
“ไม่อยากดู ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไรที่นี่” พิชญถามแล้วก้มลงหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเอง
“ผมก็เดินเล่นของผมไปเรื่อย”
“ที่คุณหายไปทั้งวันแล้วกลับค่ำๆ นี่คุณเดินไปเรื่อยๆ รอบเกาะยังงั้นหรือ” พิชญถาม
“ก็ไม่ตลอดเวลาหรอกนะ บางทีก็หาที่นอนเล่นเหมือนคุณ แล้วก็ทำอะไรอย่างอื่นเหมือนกัน”
“คุณมาถึงที่นี่เมื่อไหร่” พิชญซัก
“เจ็ดวันที่แล้ว” พยุตม์ตอบ “ถามทำไมหรือครับ”
“คุณมายังไง” พิชญถามต่อ
“เรือสิครับ คุณคงไม่คิดว่าผมเก่งขนาดว่ายน้ำมาได้หรอกนะ” พยุตม์ตอบแล้วหัวเราะ
“คุณจะกลับเมื่อไหร่”
“ไม่รู้สิ” คนถูกถามยักไหล่
“คุณไม่กลัวเจ้าของเขามาเห็นหรือไง” พิชญหรี่ตา มองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
“เมื่อไหร่คุณจะเชื่อว่าที่นี่เป็นของผม” พยุตม์ทำสีหน้าอ่อนใจ
“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมมาที่นี่แล้วเจอคุณ ทั้งๆ ที่ผมไม่ควรจะเจอใครเลย ผมมาหาที่พักผ่อนเงียบๆ คนเดียว แต่กลับต้องมาเจอมนุษย์” พิชญถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คุณนี่เป็นเอามาก” พยุตม์ส่ายหน้า “ทำไมหรือครับ มนุษย์นี่ทำให้คุณเบื่อขนาดนั้นเลยหรือ คุณนี่พูดตรงมากเลยนะ ไม่กลัวผมเสียความรู้สึกหรือไง”
“ผมไม่ได้ว่าคุณ ผมแค่พูดทั่วๆ ไป”
“คุณต้องยอมรับความจริงแล้วล่ะว่า ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียว ผมเองก็ตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็มีคนมานอนบนเตียงผม แล้วยังมาหาว่าผมเป็นผู้บุกรุก”
“คุณจะให้ผมเข้าใจว่ายังไง ที่นี่คือบ้านพักตากอากาศของพี่ชายเพื่อนผม” พิชญเถียง
“คุณมั่นใจในตัวเองมากเลยนะว่ามาถูกที่” พยุตม์เอียงหน้ามองอีกฝ่าย”
“ก็ทำไมจะไม่ถูก ผมลงเครื่องก็ไปที่ท่าเรือ บอกเขาว่าต้องการมาที่นี่ คนขับเรือก็พาผมมา คุณคิดว่าผมบอกให้เขาพาผมไปเกาะมัลดีฟส์หรือไง”
“คุณนี่ดื้อเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้จริงๆ แฮะ” พยุตม์ส่ายหน้าช้าๆ แล้วเดินไปที่ทางเดินโรยกรวดซึ่งเป็นทางเดินกลบไปยังบ้านพัก
“นี่คุณ อย่าเดินหนีผมสิ” พิชญเดินตาม
“ผมไม่ได้เดินหนี ผมจะกลับบ้าน” พยุตม์หันไปตอบ “บ้านของผม”
“คุณหาหลักฐานมาแสดงซิ” พิชญพูด
“ไม่มีครับ” พยุตม์ตอบเบาๆ
“เพราะฉะนั้นก็อย่ามาแสดงท่าทางมั่นใจนัก ตราบใดที่คุณทำให้ผมจำนนต่อเหตุผลไม่ได้ ผมก็จะแสดงจุดยืนของผมแบบนี้ล่ะ”
“อย่างคุณนี่จำนนต่อเหตุผลด้วยหรือ”
“คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ”
“ก็เห็นกันแค่ไม่กี่วันเองนี่ครับ”
“ถ้ามีเหตุผลเพียงพอ ใครจะดันทุรัง” พิชญเน้นเสียง
“อือ ผมก็ว่ายังงั้น” พยุตม์พยักหน้า
“คุณไม่ต้องพูดประชดเลย”
“เปล่า ผมแค่จะสื่อว่า ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่นา”
“ขอให้จริงเถอะ” พิชญพูดแล้วเร่งความเร็วแซงหน้าคนตัวใหญ่ไปลิ่วๆ จึงไม่เห็นรอยยิ้มขันๆ ของอีกฝ่ายที่กำลังเดินตามมา

หลังจากล้างจานและทำความสะอาดในห้องครัวจนเรียบร้อยพิชญก็เดินออกมามองหา 'คนร่วมบ้าน' แต่ก็ไม่พบ ร่างสูงใหญ่นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ
'ไม่อร่อย' เป็นความคิดเห็นของผู้ชายคนนั้นซึ่งพิชญยังรู้สึกฉุนไม่หายเมื่อถามว่าอาหารเย็นฝีมือเขาเป็นอย่างไรบ้าง
'คุณคงชอบให้ผมตอบตามความเป็นจริง'
ยิ่งพิชญนึกถึงคำพูดของผู้ชายตัวใตก็ยิ่งหงุดหงิด
'เหมือนที่ผมพูดความจริงมาตลอดว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านผมแต่คุณก็ไม่เชื่อ'
คนบ้า กวนอารมณ์ได้แบบหน้านิ่งๆ นี่ถ้าตัวเท่ากันเราคงท้าต่อยไปแล้ว
แล้วนี่หายไปไหนของเขา ทำไมชอบหายไปตอนหัวค่ำ

พิชญเดินเข้าไปในห้องนอนและถอดเสื้อผ้าออกเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ แวบหนึ่งเขาอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ 'หาเรื่อง' กับผู้ชายคนนั้นเมื่อตอนบ่ายทั้งที่ฝ่ายนั้นแสดงท่าทีว่าเป็นห่วงกลัวจะตกต้นไม้
ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นกำลังฉุนนี่นา แล้วเขาก็ทำหน้าขำๆ เรา
พิชญหยิบผ้าเช็ดตัว เดินเข้าไปในห้องน้ำและเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำเพราะอยากนอนแช่น้ำอุ่นให้สบายตัว
เสียดาย น่าจะมีจากุซซี่ จะได้เปิดน้ำนวดตัวให้สบายไปเลย ไหนๆ ก็สร้างบ้านหรูซะขนาดนี้ ทำไมไม่มีจากุซซี่ด้วยนะ
แต่อ่างอาบน้ำนี่ยาวจริงๆ เลย ขนาดนอนเหยียด ปลายเท้ายังแตะไม่ถึงขอบอ่าง
ก็เพราะเป็นบ้านของนายยักษ์ใหญ่น่ะสิ เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้จึงใหญ่ไปหมด
ไม่จริง แค่บังเอิญ เราไม่ได้มาผิดเกาะ จะผิดได้ยังไง ก็บอกคนขับเรือไปแล้วว่ามาเกาะทรายงาม นายคนนั้นยังพูดเลยว่า 'ก็มาถูกนี่นา'
กลับไปกรุงเทพฯ จะเอายังไงดี
แล้วนี่ทำไมบ้านเงียบมาก เขาหายไปไหนของเขา เอ๊ะ เราลืมล๊อคประตูห้องนี่นา ถ้าเกิดเขาเดินเข้ามาเห็นเรานอนเปลือยแช่น้ำอยู่จะว่ายังไง แปลกจริงๆ ประตูห้องน้ำก็ล๊อคไม่ได้ สร้างบ้านหรูขนาดนี้ทั้งทีแต่ประตูห้องน้ำกลับไม่มีล๊อค
พิชญสะบัดศีรษะ พยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไป ความคิดของเขากระโดดไปมาจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง สับสนวุ่นวายไปหมด และเช่นทุกครั้งก็มักจะลงเอยที่บทสรุปว่า อุตส่าห์เดินทางมาพักผ่อนไกลขนาดนี้และเพื่อใช้เวลาคิดไตร่ตรองเรื่องปัญหาต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ แต่กลับต้องมาคิดอะไรก็ไม่รู้เรื่องมาผิดเกาะหรือไม่
เพราะผู้ชายคนนั้นจริงๆ เชียว
อือ ไม่ใช่สิ เพราะคนขับเรือที่พาเขามาที่นี่ต่างหาก
เอ๊ะ หรือเพราะคนที่ท่าเรือ ผู้ชายตัวผอมๆ คนนั้นบอกว่าไม่รู้จักว่าเกาะทรายงามอยู่ที่ไหนและแนะนำให้เขาไปสอบถามที่หมู่บ้านชาวประมง บางทีลุงคนขับเรืออาจหูไม่ดี ได้ยินชื่อเกาะทรายงามเป็นชื่ออื่น
ไม่ใช่หรอก ตอนผ่านเกาะเล็กๆ ที่หาดทรายสวยมากเรายังถามเลยว่านั่นเกาะทรายงามใช่หรือเปล่า แต่ลุงคนขับเรือบอกว่าไม่ใช่ เกาะนั้นชื่อเกาะพร้าว เกาะทรายงามอยู่ทางโน้น ไปอีกไกล
ซึ่งก็คือที่นี่
ปัญหาอยู่ที่ว่าเกาะนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ถ้าโทรศัพท์ใช้ได้ ป่านนี้เราโทรถามคณินทร์ให้รู้เรื่องไปแล้ว
พิชญคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนรู้สึกง่วง น้ำอุ่นๆ บรรยากาศเงียบๆ ทำให้เผลอหลับไป เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปทานเท่าใด แต่พิชญสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูดังๆ
“คุณ นอนหลับในห้องน้ำหรือเปล่า” เสียงห้าวดังอยู่หน้าประตูห้องน้ำ
“เดี๋ยวๆ อย่าเปิดเข้ามานะ” พิชญรีบตอบกลับ
“นี่คุณ ทำอะไรอยู่”
“ก็อาบน้ำสิ ถามได้” พิชญตอบเสียงดังกว่าเดิม
“เกินชั่วโมงครึ่งแล้วนะครับคุณ”
พิชญกำลังจะอ้าปากพูดตอบโต้แต่ก็ยั้งเอาไว้ทันเพราะตระหนักว่าตัวเองเผลอหลับไปจึงไม่กล้าเถียง
“ผมง่วงแล้วนะครับ ขอผมอาบน้ำหน่อยสิ เหนียวตัวไปหมดแล้ว”
“แป๊บนึง” พิชญตอบแล้วรีบลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำและรีบห้ามคนที่รออยู่หน้าประตูอีกครั้ง “อย่าเพิ่งเข้ามานะ”
“ผมไม่เข้าไปหรอกน่า อย่ากลัวไปหน่อยเลย แต่คุณรีบๆ หน่อยก็แล้วกัน”
“เร่งจัง” พิชญอดบ่นไม่ได้
“ไม่ยักรู้ว่าคุณอาบน้ำนานพอๆ กับดูหนังหนึ่งเรื่องจบ “คนที่อยู่นอกห้องน้ำบ่นเหมือนกัน พิชญอยากจะตอบโต้แต่ก็เปลี่ยนใจ รีบเร่งอาบน้ำจนเสร็จแล้วเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มตัวใหญ่นอนแผ่อยู่บนเตียง กายท่อนล่างพันด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวประหนึ่งเตรียวตัวอาบน้ำแล้วต้องรอ
“คุณ ไปสิ เสร็จแล้ว” พิชญเรียกแต่ผู้ชายคนนั้นไม่ขยับเขยื้อน พิชญเดินเข้าไปใกล้ๆ จึงเห็นว่าอีกฝ่ายนอนหลับตา หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ อกกว้างสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ หน้าท้องแบนเรียบ ปลายด้านซ้ายของผ้าเช็ดตัวเปิดพับขึ้นมาเล็กน้อย เผยให้เห็นต้นขากำยำ เหนือขึ้นไปใต้ผ้าเช็ดตัวสีขาวเห็นรอยพาดเป็นลำนูนเด่นชัด
พิชญอดชมไม่ได้อีกแล้วว่าผู้ชายคนนี้หุ่นดีจริงๆ ผิวสีแทนเนียนละเอียด ต้นขาแกร่ง มีไรขนบางๆ เป็นแนวลงไปตามขาและเพิ่มความดกดำขึ้นเมื่อถึงปลีน่อง เท้าวางอยู่บนพื้นมีเม็ดทราบติดอยู่บ้างเล็กน้อย
ล้างเท้าก็ไม่สะอาด นี่คงไปเดินหาดทรายมาล่ะสิ แล้วที่บอกให้รอเดี๋ยวดันหลับไปซะแล้ว หลับเร็วหลับดีจริงๆ เลย
พิชญพยายามคิดเรื่องอื่น เมินหน้าไปจากอกกว้างกำยำล่ำสันของคนที่นอนหงายห้อยขาอยู่บนเตียง จากนั้นจึงปลุกอีกฝ่ายอีกครั้งว่า
“นี่คุณ ห้องน้ำว่างแล้ว”
ร่างนั้นยังไม่ไหวติง พิชญคิดจะเอื้อมมือไปเขย่าตัว แต่ใจหนึ่งก็ไม่อยากสัมผัสเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของอีกฝ่าย เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วตัดสินใจทิ้งให้ 'คนขี้เซา' นอนหลับต่อไป ส่วนตัวเองเดินไปยืนเช็ดตัวอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าและแต่งตัวจนเสร็จ แต่ครั้นหันหน้ามาพิชญก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงเมื่อครู่นั้นตอนนี้นั่งเท้าแขนอยู่ขอบเตียง ทอดสายตามอมาที่เขาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“นี่คุณ...” พิชญเม้มปาก
“เฮ้อ รอจนง่วง” ผู้ชายร่างสูงอ้าปากหาวช้าๆ แล้วลุกขึ้น เดินตรงไปยังห้องน้ำ ทำเป็นไม่รับรู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าทำหน้าฉุนเพราะโดนแอบมองขณะที่แต่งตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 2 UP 12/1/55
«ตอบ #34 เมื่อ13-01-2012 14:08:23 »

พิชญลดมือที่กำลังจับโทรศัพท์ลงหลังจากถ่ายภาพทะเลมุมต่างๆ จนหนำใจ จากนั้นเดินกลบไปที่เสื่อซึ่งปูไว้ใต้ต้นไม้ วันนี้เขาเลือกที่จะนอนเล่นและอ่านหนังสือเช่นเคย
เช้าวันนี้พิชญจงใจตื่นสายกว่าปกติเพราะต้องการ 'หลบหน้า' คนที่อยู่ร่วมบ้าน คืนที่ผ่านมากว่าเขาจะหลับก็เกือบห้าทุ่มเพราะมัวแต่คิดเรื่องปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิต และที่ขาดไม่ได้เช่นเคยก็คือเรื่องเดินทางมาผิดเกาะ รวมทั้งเรื่องผู้ชายตัวโตคนนั้น
เขาเห็นเราเปลือยหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงเห็นสิ แล้วตอนก้มลงสวมกางเกงเขาก็ต้องเห็นก้นเราทุกซอกทุกมุม หรือว่าเขาเพิ่งตื่นขึ้นมาตอนที่เราแต่งตัวเสร็จแล้ว เรายืนทาโลชั่นตั้งหลายนาที
แต่ที่น่าหมั่นใส้ก็คือ ตัวเองกลับทำหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนตัวเองไม่แอบมองคนอื่นแต่งตัว อีตาบ้า คนอะไรก็ไม่รู้
พิชญทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจเมื่อนึกถึงผู้ชายคนที่เขายังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำทั้งที่อยู่ร่วมชายคาบ้านมาแล้วหลายวัน
แต่ในที่สุด บรรยากาศสบายๆ ก็ทำให้พิชญนอนกลางวันหลับไปจนได้

วันนี้พิชญกลับมายังบ้านพักเร็วกว่าทุกครั้ง ตอนนี้เขาตั้งชื่อใหม่ให้บ้านหลังนี้ว่า The Glass House พิชญตั้งใจจะทำความสะอาดบ้านก่อนที่จะเริ่มทำอาหารเย็นเพื่อที่จะได้นั่งรับประทานอาหารที่ระเบียงและชมวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
พิชญทำอาหารเป็นไม่กี่อย่าง แต่ด้วยความที่อยากเอาชนะผู้ชายคนนั้นที่แสดงความคิดเห็นเรื่องรสชาติอาหารที่เขาทำเมื่อวานนี้จึงตั้งใจทำอาหารเย็นจนสุดฝีมือ
เมื่อทำอาหารเสร็จ แสงสีทองก็เริ่มจับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก พิชญรีบเดินออกไปที่ระเบียงหน้าบ้านหลังบ้านเพื่อจัดโต๊ะแล้วยกอาหารเย็นส่วนของตัวเองไปวางเพื่อทานไปพร้อมกับชมพระอาทิตย์ลับฟ้า
ถ้าเขาพูดว่าชอบดูพระอาทิตย์ตกดิน ผู้ชายคนนั้นคงแย้งว่าตกทะเลต่างหาก เพราะนี่คือเกาะ และการสนทนาก็คงจะลงเอยด้วยประเด็นที่ว่า 'เกาะนี้เป็นของผม บ้านหลังนี้ก็เป็นของผมเพราะผมสร้างมากับมือ' ส่วนเขาก็จะเถียงว่า 'ผมไม่ได้มาผิดเกาะ'
ก็จะผิดได้ยังไง ใครจะเซ่อซ่าเฟอะฟะมาผิดที่ได้ขนาดนี้
พิชญเริ่มรับประทานอาหาร วันนี้เขาทำเสตคสามชิ้น ตัวเองทานหนึ่งชิ้น เหลือสองชิ้นไว้ให้คนที่อยู่ร่วมบ้านเพราะคิดว่าเขาตัวใหญ่คงทานมากกว่าตัวเองทั้งที่ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะโดนค่อนขอดว่าใช้อาหารเปลือง อยู่กันสองคนแต่ใช้เนื้อสามชิ้นในการทำอาหารเย็นหนึ่งมื้อ
นี่คงนับสต๊อคทุกอย่างไว้หมดแล้วสิ คนอะไรก็ไม่รู้
พิชญใช้มีดตัดสเตคขอตัวเองแต่ไม่ขาดจึงออกแรงมากขึ้น ในใจอดกังวลไม่ได้ว่าหากสเต็คสองชิ้นที่เหลือเหนียวขนาดนี้ผู้ชายคนนั้นก็คงบ่นอุบว่าเขาทำอาหารไม่ได้เรื่อง
พิชญลุกขึ้นเพื่อกลับเข้าไปในครัวเพราะต้องการไปตรวจดูว่าสเตคสองชิ้นที่เหลือจะเหนียวเท่ากับชิ้นของตัวเองหรือไม่ แต่ทันใดก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพิงเสามองเขาอยู่ด้วยสายตาขำๆ
“อะไร” พิชญถาม
“เปล่าครับ” พยุตม์ยักไหล่ “คุณแอบกินข้าวโดยไม่รอผมเลยหรือนี่”
“ผมไม่รู้นี่นาว่าคุณจะกลับมาเมื่อไหร่” พิชญยักไหล่เหมือนกัน
“แล้วนั่นจะถือจานไปไหนครับ ไม่กินข้าวชมวิวพระอาทิตย์ตกทะเลแล้วหรือ”
“ผม เอ่อ...” พิชญอึกอัก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อคนที่ยืนกอดอกก็เดินเข้ามาใกล้แล้วก้มลงสูดดมเสตคในจานพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“อืม หอมน่ากิน เสต็คซะด้วย”
“ของคุณอยู่ในครัว” พิชญพูดเบาๆ
“ขอบคุณครับ” พยุตม์พูดแล้วหันไปหยิบเก้าอี้อีกตัวซึ่งอยู่ใกล้ๆ มาวางข้างโต๊ะและนั่งลง ขาไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์
“ของคุณอยู่ในครัว” พิชญพูดซ้ำเพราะเห็นท่าทางของอีกฝ่ายทำราวกับว่าตัวเองจะรอทานอาหารและให้เขาเป็นคนเสิร์ฟ
“ขอบคุณครับ” คนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะแหงนหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาระยิบระยับ “ขอน้ำเย็นๆ แก้วนึงด้วยนะครับ”
พิชญกะพริบตาช้าๆ แล้ววางจานสเต็คของตัวเองลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านทั้งที่รู้สึกฉุนนิดๆ ที่โดนใช้ให้เสิร์ฟอาหารเย็น
เอาเถอะ ยอมให้ซักครั้ง ขี้เกียจจะเถียง ไหนๆ ก็จะต้องเดินเข้ไปในครัวอยู่แล้ว

ก่อนที่จะนำเสต็คสองชิ้นที่เหลือออกไป 'เสิร์ฟ' พิชญลองใช้ซ่อมจิ้มดูเพื่อทดสอบว่าเนื้อเหนียวหรือไม่เพราะกลัวโดนติ เขาถอนหายใจเบาๆ รู้สึกว่าเนื้อชิ้นนี้เหนียวกว่าชิ้นของตัวเองเสียอีก
โดนว่าอีกแล้วเรา อุตส่าห์ตั้งใจทำ ยังไงก็ไม่ได้เรื่อง
แต่คนไม่เคยนี่นา จะให้อร่อยเหมือนนายคนนั้นทำได้ยังไง
พิชญเบ้ปากเมื่อนึกถึงอาหารมื้ออื่นที่ผู้ชายตัวใหญ่เป็นคนทำ เขายอมรับว่าอร่อย และเขาก็ยอมรับว่าฝีมือทำอาหารของตัวเองนั้นไม่ได้เรื่อง
ขณะที่ยืนลังเลอยู่นั้น พิชญก็หันไปมองประตูเมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่ของคนที่รอทานข้าวเดินเข้ามา
“คุณเข้ามาทำไม” พิชญถาม
“ผมกลัวจะไม่ได้กิน”
“ผมก็กำลังจะเอาออกไปเสิร์ฟนี่ยังไงล่ะ” พิชญเน้นเสียงเข้ม
“ก็ผมไม่แน่ใจนี่นา เดาอารมณ์คุณไม่ถูก” พยุตม์ยักไหล่ “เร็วๆ เข้าเถอะครับ เดี๋ยวบรรยากาศสวยจะหมดไปซะก่อน พระอาทิตย์จะตกลงไปในทะเลอยู่แล้ว”
“เกี่ยวอะไรกับพระอาทิตย์” พิชญยื่นจานเสต็คให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกจากห้องครัว
“อ้าว คุณไม่ได้จัดโต๊ะข้างนอกเพื่อกินข้าวเคล้าบรรยากาศหรือ” พยุตม์พูดพลางเดินตามหลังมา “คิดยังไงถึงได้อยากกินดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกทะเล”
“พระอาทิตย์ตกดินต่างหาก ใครที่ไหนเขาพาพูดว่าพระอาทิตย์ตกทะเล” พิชญอดท้วงไม่ได้
“ก็รอบๆ เกาะนี่มันทะเลนี่ครับ” พยุตม์วางจานลงบนโต๊ะแล้วยืนรอให้พิชญนั่งลงก่อน “ต้องเรียกว่าพระอาทิตย์ตกทะเลถึงจะถูก”
“พระอาทิตย์ตกดิน ผมหมายถึง sunset คุณเข้าใจหรือเปล่า” พิชญเถียง
“ตกทะเล เพราะสภาพภูมิประเทศมันเป็นทะเล”
“ถ้ายังงั้น ตอนผมยืนดูอยู่บนคอนโดในกรุงเทพฯ ผมก็ต้องเรียกว่าพระอาทิตย์ตกตึกงั้นหรือ เพราะสภาพมันมีแต่ตึกคอนกรีต”
คนฟังหัวเราะเสียงดังแล้วส่ายหน้า ไม่ตอบโต้อะไรอีก ก่อนจะเริ่มทานอาหาร แต่ก็ไม่ทันไรก็พูดขึ้นมาคำเดียวเบาๆ ว่า
“เหนียว”
“ขอบคุณที่ชม” พิชญพูดเสียงเย็นชา เมินหน้าหันไปมอง 'พระอาทิตย์ตกดิน' เบื้องหน้า ไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกต่อไป

::: End of chapter 3 :::

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #35 เมื่อ13-01-2012 14:37:25 »

อยากบอกว่าพยุตม์น่ารักแฮะ 

จะเอาคนนี้ๆๆ  พระเอกในฝันเลย  :laugh:

ปล. พิชเอาแต่ใจ อารมณ์ประมานคนท้องแก่ใกล้คลอด ไม่ก็วัยทองประจำเดือนกำลังจะหมด 5555+

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #36 เมื่อ13-01-2012 15:55:38 »

เป็นลำ  :a5:  แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เอาอีก เอาอีก อ่านไปลุ้นไป

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #37 เมื่อ13-01-2012 16:47:39 »

น่ารักอ้ะ ... อยากติดผิดเกาะบ้าง  :o8:

ปล. อยากให้เรื่องนี้ลงด้วยความเร็วคงที่แบบ 3 ตอนแรกไปตลอดจังเลย .... +1

Peppermint

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #38 เมื่อ13-01-2012 17:04:09 »

พระเอกเรื่องนี้อบอุ่นจังเลย อ่านไปยิ้มไปมีความสุข
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ นอนรอตอนต่อไปเบาๆ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #39 เมื่อ13-01-2012 17:32:25 »

พิชญ์นี่ดื้อมากๆ เอาแต่ใจอย่างแรง อยากรู้ว่ามีอะไรถึงหนีมาเกาะคนเดียว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
« ตอบ #39 เมื่อ: 13-01-2012 17:32:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #40 เมื่อ13-01-2012 18:19:49 »


ตลกดี

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #41 เมื่อ13-01-2012 18:51:36 »

เรื่องนี้ขอยาวๆนะ ชอบบบให้ต่อล้อต่อเถียงกันแบบนี้แหละ :laugh:

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #42 เมื่อ13-01-2012 19:36:20 »

ต่อปากต่อคำกันสนุกมากค่ะ
นายพยุตม์แอบมองพิชญใส่เสื้อผ้าด้วยอ่า แอร๊ยยยย  :o8:

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #43 เมื่อ13-01-2012 19:49:58 »

พระเอกเป็นผีทะเลอ้ะป่าวเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหาย  o22

ดูดีๆ นะตัวเธอ  :jul3:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #44 เมื่อ13-01-2012 19:56:18 »

ช่างเป็นคู่กัดที่น่ารักจริงๆ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #45 เมื่อ13-01-2012 21:45:37 »

ทะเลาะกันทั้งวัน

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #46 เมื่อ13-01-2012 21:58:01 »

น่ารักกันดีนะ กัดกันไปกัดกันมา อิอิ

ออฟไลน์ Nichdia

  • สักวันผมจะเจอ...
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #47 เมื่อ13-01-2012 22:50:42 »

ทะเลาะกันทุกครั้งที่คุยกันขนาดนี้ สงสัยลูกจะดก อิอิ

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #48 เมื่อ13-01-2012 23:16:03 »

อะไรนะที่เป็นลำ อิอิอิ

member

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #49 เมื่อ13-01-2012 23:20:12 »

รอตอนต่อไปค่ะ  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
« ตอบ #49 เมื่อ: 13-01-2012 23:20:12 »





ออฟไลน์ Natavishi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #50 เมื่อ13-01-2012 23:46:25 »

น่ารัก ดี  ^^

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #51 เมื่อ14-01-2012 01:16:56 »

สนุก รอตอนต่อไป
+1

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 3 UP 13/1/55
«ตอบ #52 เมื่อ14-01-2012 09:36:23 »

อาทิตย์อัสดง บทที่ 4

พิชญค่อนข้างแปลกใจที่ 'คนที่อยู่ร่วมบ้าน' กลับมาเร็วขึ้นทุกวัน เขาอยากจะถามว่าทำไมวันแรกๆ กลับค่ำแต่หลังๆ กลับก่อนห้าโมงเย็น
สามวันติดต่อกันแล้วที่พิชญไม่ต้องทำอาหารเย็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนจัดการหมดด้วยเหตุผลที่ว่า 'ให้ผมทำอาหารเถอะ' ซึ่งบอกเป็นนัยว่าเขาทำอาหารไม่ได้เรื่อง
วันนี้ยิ่งแปลก พิชญหอบเสื่อกับหมอนและถือตะกร้าปิกนิกกลับมาถึงบ้านเมื่อเวลาบ่ายสามโมงแล้วเห็นคนตัวโตกำลังง่วนอยู่กับเตาบาร์บีคิวที่ระเบียงหลังบ้าน
“วันนี้มื้อพิเศษ ซีฟู้ดบาร์บีคิว” พยุตม์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับพิชญ
“คุณจะไปหามาจากไหน ในตู้เย็นก็ไม่เห็นมี”
“นี่คุณครับ อยู่บนเกาะกลางทะเล ผมไม่กินซีฟู้ดแช่เข็งหรอก ผมบอกคุณแล้วไงว่าจะลงไปหาเอาในทะเล”
“พูดเป็นเล่น” พิชญทำหน้าไม่เชื่อ
“ผมไม่เคยพูดเล่น คุณเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อีกหนึ่งชั่วโมงผมกลับมา”
“เดี๋ยวสิ” พิชญท้วง “เตรียมอุปกรณ์ หมายความว่ายังไง”
“นี่คุณถามผมว่าจะให้เตรียมอะไรสำหรับบาร์บีคิวใช่หรือเปล่า” พรานทะเลหันหน้ามาถาม
“ก็ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณจะพูด ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรก” พิชญทำหน้าไม่พอใจ
“คุณลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน”
พิชญนั่งนิ่ง มอร่างสูงใหญ่เดินหายไปช้าๆ เขาหมดคำพูดจะตอบโต้แล้วเพราะอีกฝ่ายก็ช่างพูดกวนเหลือเกิน
คิดดูเองก็แล้วกัน โธ่เอ๊ย ซีฟู้ดบาร์บีคิวมันจะยากซักแค่ไหนเชียว เราแค่ต้องการให้สื่อสารชัดเจนก็แค่นั้น เตรียมอุปกรณ์ก็คงหมายถึงให้จุดไฟคอยล่ะสิ แล้วเขาทำเป็นที่ไหน เคยใช้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้า
พิชญเดินไปเดินมาครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินลงจากบ้านไปเก็บกิ่งไม้แห้งแล้วนำมากองไว้ข้างเตาบาร์บีคิว จากนั้นนึกถึงถ่านแต่เขาค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ท้ายที่สุดจึงเลิกหา พิชญเข้าไปในครัวเพื่อหยิบถาด มีด ช้อน ซ่อม จาน และ 'อุปกรณ์' อื่นๆ ที่เขาคิดว่าอาจต้องใช้สำหรับการทำบาร์บีคิวซีฟู้ด
ทุกอย่างพร้อม แต่ 'พรานทะเล' ยังไม่กลับมา พิชญนั่งมอง 'อุปกรณ์' ที่ตัวเองจัดไว้คอยคนที่กำลังไปหาอาหารทะเลแล้วนึกอะไรได้บางอย่าง เมื่อครู่ที่ค้นหาถ่านเขาเห็นกีตาร์โปร่งตัวหนึ่งในห้องเก็บของจึงคิดว่าขณะที่รอผู้ชายตัวโตคนนั้นน่าจะ 'เคาะสนิม' ฝีมือการเล่นกีตาร์ของตัวเองเสียหน่อย
พิชญปรับแต่งกีตาร์ไม่นานก็เริ่มกรีดนิ้วเล่นเบาๆ เขาคิดในใจว่าเสียงใช้ได้ทั้งที่ดูเป็นกีตาร์ราคาถูกๆ แล้วก็คิดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้ชายตัวโตคนนั้นถึงได้เก็บกีตาร์ไว้ในห้องเก็บของ
...ไปทะเลกันดีกว่า ปล่อยใจให้สุขสันต์
ไปเล่นลมสู้คลื่น สุขชื่นและสมหวัง
ทะเลนั้นเป็นเพื่อน ที่ไม่เคยมุ่งหวัง
อะไรจากใจ อย่างที่คนคอยเฝ้าหวัง
ไปทะเลกันดีกว่า ไปทะเลกันดีกว่า
Let's go to the ocean, Let's go go the sea
ไปทะเลกันดีกว่า
(เพลง ไปทะเล โดย ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล)

“อือ ไม่เลว” พิชญพูดอยู่คนเดียวเมื่อเล่นเพลงจบ พลันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ทางด้านหลังจึงหันไปมอง ผู้ชายร่างยักษ์คนนั้นยืนมองอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มๆ ร่างสูงใหญ่มีหยดน้ำเกาะพราว กางเกงขาสั้นเปียกลู่แนบเนื้อยิ่งเน้นรูปร่างแกร่งกำยำให้เด่นยิ่งขึ้น มือขวาถือปลาหนึ่งตัว มือซ้ายถือปลาตัวเล็กกว่าหนึ่งตัวและปูทะเลตัวใหญ่
“โชคดีได้ปูมาด้วยหนึ่งตัว กุ้งกับปลาหมึกเอาไว้วันหลัง วันนี้กินแค่นี้ก่อน” พรานทะเลรายงานแล้วหันไปมอง 'อุปกรณ์' ที่พิชญเตรียมเอาไว้ก่อนจะทำหน้าแปลกๆ พิชญทำปากยื่นแล้วพูดขึ้นมาว่า
“ผมหาถ่านกับไม้ขีดไฟไม่เจอ”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็ทำให้ผมทึ่งแล้วล่ะ”
“คุณหมายความว่ายังไง” พิชญเอียงหน้าถาม
“ผมเปล่าประชดนะ ผมพูดจริงๆ” พยุตม์หันไปทำหน้าจริงจัง “เอาเป็นว่าคุณผ่านการทดสอบ”
“ทดสอบอะไร” พิชญเสียงแข็ง “นี่คุณคงคิดว่าผมเป็นคุณหนูเมืองกรุงที่ทำอะไรไม่เป็นเลยใช่ไหม”
“คุณนี่ช่างคิดนั่นคิดนี่จริงนะ”
“คุณไม่พูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเองนี่” พิชญเบ้ปากแล้วเดินไปที่เตาบาร์บีคิวและถามว่า “จะให้ผมจุดไฟเลยไหมล่ะ คุณจะได้เห็นว่าผมก็จุดไฟเป็น”
“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” พยุตม์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วยื่นปลากับปูให้ “ผมคุณเอานี่ไปจัดการดีกว่า”
“จัดการ” พิชญอุทาน
“ใช่ครับ” พยุตม์พยักหน้า “คุณทำปลาให้เรียบร้อย ผมจะจุดไฟแล้วถึงจะไปทำน้ำจิ้ม ทำเสร็จปลาก็สุกพอดี แล้วเราจะได้กินทันดูพระอาทิตย์ตกทะเล”
“ทำยังไง” พิชญถามเบาๆ รับเอาปลากับปูจากมือของอีกฝ่ายอย่างเก้ๆ กัง
“ก็ทำปลากับทำปู”
“คุณไม่ต้องมาทำเป็นประชดว่า ไหนคุณว่าตัวเองไม่ใช่คุณหนูเมืองกรุงที่ทำอะไรไม่เป็น แต่ถึงยังงั้นก็เหอะ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้วิธีทำอะไรแบบนี้หรอกนะ” พิชญเม้มปาก
“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย” พยุตม์ตอบเสียงราบเรียบ “คุณจะตีโพยตีพายไปทำไม ที่บอกว่าให้ไปจัดการ ก็แค่ล้างให้สะอาดเท่านั้น่ะ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แต่ขอเตือนว่าอย่าแก้เชือกมัดปู เดี๋ยวมันหนีบมือเอา ผมหวังดีถึงได้บอก”
“แล้วทำไมไม่พูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก” พิชญบ่นพึมพำ ก้มหน้า ไม่สบตากับอีกฝ่าย “แค่บอกว่าเอาไปล้างให้สะอาดแค่นั้นเอง”
พยุตม์กลั้นหัวเราะเมื่อยืนมองตามคนที่รับปลาและปูไปจากมือเขาแล้วเดินลงส้นเท้าหนักๆ เข้าไปในบ้าน รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยั่วให้อีกฝ่ายหน้างอ
เขารู้สึกสนุกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่มแปลกหน้าผู้ดื้อรั้นคนนี้

เตาย่างบาร์บีคิวของบ้านหลังนี้ 'ไฮเทค' กว่าที่คิด กิ่งไม้แห้งที่พิชญหามานั้นไม่ได้ใช้แม้แต่ชิ้นเดียวเพราะเป็นเตาบาร์บีคิวที่ใช้แบ็ตเตอรี่ พยุตม์วางถ่านที่มีลักษณะคล้ายก้อนหินสีดำประมาณสิบก้อนวางบนถาดใต้ตะแกรง จานนั้น 'กดปุ่ม' เปิดไฟเพียงครั้งเดียว
“ผมดัดแปลงเอง เตานี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เห็นกล่องสี่เหลี่ยมนั่นไหม นั่นแบตเตอรี่ที่ต่อจากแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน” พยุตม์อธิบาย
“เก่งที่สุดในโลกเลย” พิชญพยักหน้า “ผมนึกว่าไฟไฟ้ในบ้านมาจากเครื่องปั่นไฟที่ใช้น้ำมันซะอีก”
“เก่งประชดนะคุณเนี่ย” พยุตม์ส่ายหน้ายิ้มๆ
“ก็แล้วไม่บอกว่าเป็นเตาไฟฟ้า คนเสียเวลาไปหาเก็บกิ่งไม้” พิชญกระแทกเสียง
“ผมนึกว่าคุณดูออก” พยุตม์ยักไหล่แล้วพูดต่อว่า “รออีกนิดนะครับ เดี๋ยวก็ได้กิน”
“ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” พิชญตอบแล้วหันไปมองทะเล
“คุณไม่แพ้อาหารทะเลนะ ผมไม่มียาแก้แพ้”
“ผมมี” พิชญตอบ “แต่ผมไม่แพ้อาหารทะเล ยกเว้น...
“ยกเว้นอะไร”
“อย่ารู้เลย” พิชญส่ายหน้า
“อ้าว ทำไมล่ะ” พยุตม์เลิกคิ้วแล้วอดยั่วไม่ได้ “หรือคุณกลัวว่าผมจะรู้จุดอ่อน”
“มันไม่ใช่จุดอ่อนของผม คุณไม่ต้องคิดว่าผมจะคิดว่าพอคุณรู้ว่าผมแพ้อะไรคุณจะหาว่าผมจะว่าคุณว่าจะไปเอาไอ้สิ่งที่ผมแพ้มาใกล้ๆ ผม”
“คุณพูดอีกทีซิ” พยุตม์ขมวดคิ้ว นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมา
“ผมพูดแค่ครั้งเดียว ไม่มีพูดซ้ำซาก ผมไม่ใช่คนย้ำคิดย้ำทำ” พิชญเอียงหน้าท้าทาย
“ทำไมชอบคิดแต่ด้านลบ” พยุตม์พึมพำแล้วก้มลงสนใจบาร์บีคิวตรงหน้า “คุณกินปูไปนะ ผมยกให้”
“ไม่ต้องเสียสละให้ผมก็ได้” พิชญปฏิเสธ “เรามีสิทธิเท่าเทียมกัน แบ่งกันกินคนละครึ่ง”
“ผมแพ้ปู” พยุตม์ตอบ
“อ้าว แล้วจับมาทำไม” พิชญอุทาน
“คุณไม่เข้าใจหรือ” พยุตม์เลิกคิ้ว ห่อไหล่ แบะแขนทั้งสองข้างออก ทำท่าทางประกอบคำถามซึ่งพิชญเห็นว่าขัดตาตัวเองยิ่งนัก
“ไม่เข้าใจ ผมไม่ฉลาดขนาดนั้น คุณต้องการบอกอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า” พิชญตวัดเสียงพูด
“ผมจับมาให้คุณกินไงครับ”
“ผมไม่ชอบกินปู” พิชญยักไหล่
“งั้นก็โยนทิ้งทะเลไป”
“อ๊ะๆ ไม่ได้นะ อุตส่าห์หามาแล้ว เสียดายของ” พิชญห้ามเพราะปูเป็นอาหารทะเลที่ตัวเองโปรดปรานแต่ที่พูดไปก็เพราะต้องการอยาก 'กวน' อีกฝ่ายเท่านั้น
แพ้ปู จะบ้าหรือ ตัวใหญ่ยังกะยักษ์มาแพ้อะไรตัวเล็กๆ แบบนี้ มาอยู่กลางทะเล ยาแก้แพ้ก็ไม่มี เชื่อดีไหมเนี่ย หรือจะแกล้งโกหกเราเฉยๆ

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แสงสีทองส่องกระทบผิวน้ำทะเลเป็นประกายระยิบระยับ เวิ้งฟ้ากว้างใหญ่แปรเปลี่ยนจากสีฟ้าครามเป็นสีทองปนม่วงแดงสวยงามยิ่งนัก ชายหนุ่มทั้งสองคนต่างทานอาหารมื้อพิเศษกันอยู่เงียบๆ พิชญค่อยๆ แทะปูเผาพลางแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าด้วยสายตาชื่นชม ลืมปัญหาที่เพิ่งเผชิญมาในกรุงเทพมหานครไปเสียสิ้น จนกระทั่งคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พูดขึ้นมาว่า
“ท่าทางคุณก็เป็นคนชอบธรรมชาตินี่นา”
“คุณหมายความว่ายังไง” พิชญถาม
“ก็หมายความว่าอย่างที่พูดไงครับ” พยุตม์ตอบ
“คุณพูดให้คนฟังต้องตีความ”
“งั้นคุณตีความว่ายังไง บอกให้ผมฟังหน่อย” พยุตม์ถาม
“คุณกำลังบอกผมว่า ผมดูเหมือนคนกรุงที่ไม่เคยสัมผัสธรรมชาติ พอผมนั่งมองท้องฟ้าด้วยสายตาชื่นชมมีความสุข คุณก็เลยพูดแบบนั้นออกมา”
“อ๋อ งั้นหรือ” พยุตม์ยักไหล่ หยิบปลาชิ้นใหญ่เข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย “คิดได้คิดไป คุณชอบคิดอะไรเอาเองอยู่แล้วนี่ คนพูดอีกอย่างคิดไปอีกอย่าง มองอะไรด้านลบไปซะหมด”
“คุณอย่ามาชวนทะเลาะนะ ผมกำลังทานอาหารอร่อย” พิชญขมวดคิ้วไม่พอใจ “บรรยากาศกำลังดี จะพูดขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้”
“คุณมาที่นี่ทำไมหรือครับ” คนที่ถูกห้ามไม่ให้พูดไม่สนใจคำห้าม
“คุณหมายความว่ายังไง”
“เห็นไหม พอผมถามตรงๆ คุณก็ยังถามผมแบบนี้อีก ผมว่าคุณนั่นล่ะจงใจจะคิดว่าผมถามอะไรที่ต้องตีความ ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ยังงั้น ผมน่ะเป็นคนที่สื่อสารตรงไปตรงมา”
“ผมว่าคุณถามใหม่ดีกว่า” พิชญหรี่ตา เสียงเย็นชา “ถามแบบที่คุณอยากรู้จริงๆ ให้ตรงไปตรงมาจริงๆ อย่างที่คุณพูด ผมให้โอกาสคุณถามอีกคำถามเดียวเท่านั้นสำหรับวันนี้”
“คุณหลบอะไรหรือหลบใครมาอยู่ที่นี่” พยุตม์ถาม 'คำถามเดียว'
พิชญอึ้ง คนที่ถามเขาเน้นชัดทุกคำ ผู้ชายคนนั้นมองตาเขานิ่งพลางหยิบอาหารเข้าปากโดยไม่มองมือตัวเอง
“ว่าไงครับ” พยุตม์พูด
“คุณจะรู้ไปทำไม” พิชญเสียงเย็น
“เห็นไหมล่ะ พอผมถาม คุณก็ไม่ตอบ”
“ผมหลบปัญหา” พิชญยักไหล่ หันไปมองทะเล “มาหาที่พักผ่อนคิดหาทางออก”
“อืม”
“นี่คุณไม่รู้อะไรจริงๆ หรือถึงได้ถามผมแบบนี้” พิชญลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันขวับไปจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วถามขึ้นมา
“คุณหมายความว่ายังไง”
“นั่นไง คุณก็ถามคืนแบบนี้เหมือนกัน” พิชญเบ้ปาก
“ก็คุณไม่ได้พูดให้ชัดเจนนี่ครับ” พยุตม์แย้ง “ผมไม่รู้อะไรงั้นหรือ ผมต้องรู้อะไร ผมไม่เข้าใจคำถามของคุณ”
“ช่างเถอะ” พิชญยักไหล่
“ทำไมต้องช่างเถอะ คุณอย่ามาทำให้ผมงง”
“คุณ...” พิชญทำเสียงเหนื่อยหน่ายแล้วจ้องหน้าผู้ที่ที่นั่งแทะก้างปลา พยายามมองทะลุเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้นอย่างค้นหา
ถ้าผู้ชายคนนี้ตีหน้าตายก็ทำได้แนบเนียนมาก หรือไม่เขาก็งงจริงๆ อย่างที่พูด
พิชญเลิกจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วหันไปสนใจกับอาหารในจานของตนเอง
เขารู้สึกขึ้นมาแวบหนึ่งว่าอยากจะถามชื่อ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องรู้จักชื่อกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พิชญรู้สึกแปลก รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ และรู้สึกตื่นเต้นที่อยู่บ้านเดียวกันกับคนที่ไม่รู้จักกันเลย
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็ได้ว่า 'คนที่ไม่รู้จักเขา'

พยุตม์เก็บของทุกอย่างเสร็จแล้วจึงไปอาบน้ำ ขณะที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวซึ่งเขาปล่อยให้น้ำไหลราดไปตามลำตัว พยุตม์ก็อดนึกภาพใบหน้าของคนที่เดินไปเดินมาอยู่นอกห้องนอนไม่ได้
พยุตม์ยอมรับว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ทำให้เขาสนใจ ความจริงเขาไม่ชอบสุงสิบกับใครและมีโลกส่วนตัวสูง แต่ไม่นึกเลยว่าจู่ๆ ก็จะมีผู้ชายคนหนึ่งโผล่เข้ามาในช่วงนี้ของชีวิตทั้งที่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะอยู่เงียบๆ คนเดียว
เสียงกีตาร์ดังขึ้นเบาๆ พยุตม์หมุนน้ำให้ไหลค่อยลง ในใจก็นึกภาพว่าชายหนุ่มหน้าขาวคนนั้นคงนั่งอยุ่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
เสียงนุ่มๆ ดังคลอไปกับกีตาร์ฟังเพราะยิ่งนัก ราวกับเปิดเพลงจากเครื่องบันทึกเสียง
If blood will flow when flesh and steel are one
Drying in the colour of the evening sun
Tomorrow's rain will wash the stains away
But something in our minds will always stay
Perhaps this final act was meant
To clinch a lifetime's argument
That nothing comes from violence and nothing ever could
For all those born beneath an angry star
Lest we forget how fragile we are

On and on the rain will fall
Like tears from a star like tears from a star
On and on the rain will say
How fragile we are how fragile we are ...
(เพลง Fragile ขับร้องโดย Sting)

หลังอาบน้ำเสร็จ พยุตม์เดินออกมานอกบ้าน ชายหนุ่มคนนั้นหยุดเล่นกีตาร์ทันทีเมื่อเห็นเขา
“เล่นต่อสิครับ เพราะดี คุณร้องเพลงได้แบบนักร้องอาชีพเลยล่ะ” พยุตม์ชม “เหมือนกับเกิดซีดี”
“งั้นหรือ”
“อย่ามาหาว่าผมประชดล่ะ” พยุตม์ยิ้ม “ผมพูดจริงๆ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง”
“คุณเล่นกีตาร์ด้วยหรือ” พิชญถาม
“เปล่า ผมเก็บได้ มีคนทิ้งเอาไว้ที่ใต้ต้นไม้ที่คุณพยายามปีนลงมาจากเปลวันนั้น สงสัยเป็นของขวัญที่เขาตอบแทนผมที่แขวนเปลกับชิงช้าไว้ให้คนผ่านไปมานั่งเล่น”
“คุณแขวน” พิชญเลิกคิ้ว ทำหน้าไม่เชื่อ
“ผมไม่ได้คิดจะเปิดประเด็นชวนคุณทะเลาะนะ แต่ผมเป็นคนแขวนจริงๆ บางทีมีคนขับเรือผ่านมาแล้วแวะขึ้นไปนั่ง ท่าทางมีความสุขแล้วก็ตื่นเต้นที่ได้ประสบการณ์ใหม่”
“มีคนผ่านมาด้วยหรือ ตั้งแต่อยู่ที่นี่ไม่เห็นเรือผ่านไปซักลำ”
“ทำไม คุณยังมีความคิดที่ว่า ถ้ามีเรือผ่านมาแล้วจะโบกขอให้พาไปหารีสอร์ทที่อื่นพักหรือไง”
“นี่ล่ะที่เรียกว่าเปิดประเด็นชวนทะเลาะ” พิชญชี้หน้าคนตัวโต
“งั้นผมไม่พูดก็ได้ คุณเล่นกีตาร์ต่อเถอะ” พยุตม์ยกมือขึ้นโบกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ห่างออกไปเล็กน้อย
“นี่คุณ ทำไมใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ทำไมไม่ใส่เสื้อบ้าง” พิชญอดถามไม่ได้
“ผมอยากโชว์หุ่น” พยุตม์พูดยิ้มๆ
“ถ้าเป็นที่คนเยอะๆ ก็ว่าไปอย่าง” พิชญเบ้ปากแล้วกรีดนิ้วลงบนสายกีตาร์และเล่นเพลงเร็ว
“คุณคงคิดว่าหุ่นผมไม่ได้เรื่อง”
จะบ้าหรือ หุ่นดีมากต่างหาก แต่เล่นเปลือยอกอยู่ตลอดเวลาแบบนี้มันทำให้เราไม่มีสมาธิ ตั้งใจหลบมาอยู่เกาะกลางทะเลเพื่อคิดเรื่องปัญหาต่างๆ ให้เคลียร์กลับไม่ได้คิด มัวแต่มองแผงอกกับลอนหน้าท้อง เสียเวลาเดินทางมาใกลๆ จริงๆ
พิชญไม่ตอบอีกฝ่าย เปลี่ยนจากการเล่นเพลงเร็วเป็นเพลงช้าทันทีทันใด
“ร้องด้วยสิครับ” คนฟังเพลงพูดขึ้นมา พิชญส่ายศีรษะแล้วเล่นกีตาร์ต่อแต่ไม่เล่นจบเพลง เขาเล่นพอให้คนฟังรู้ว่าเป็นเพลงอะไรแล้วก็เปลี่ยนเพลงไปเรื่อยๆ
“เอาให้จบซักเพลงหน่อยสิ”
“คุณนี่เรื่องมากจริงๆ” พิชญพูดขึ้นแล้วหยุดเล่น จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฟังฟรีนะ ไม่ได้เสียเงิน”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“น่าจะมีไวโอลิน” พิชญพึมพำ
“คุณเล่นดนตรีเป็นกี่อย่าง” เสียงของคนฟังดังขึ้นมาแทรก ทำให้พิชญต้องหันไปมองเพราะอีกฝ่ายถามแล้วลุกขึ้นเดินเข้ามายืนอยู่ใกล้มาก
“หลายอย่าง” พิชญตอบ
“กีตาร์ แล้วก็...” พยุตม์เลิกคิ้ว
“ไวโอลิน เซลโล แล้วก็อีกสองสามอย่างที่มีสาย” พิชญจงใจกวน
“ซออู้ ซอด้วง แล้วก็จะเข้”
“บ้าหรือ” พิชญโวย
“ก็แล้วทำไมคุณไม่ตอบผมมาตรงๆ”
“ตอบหมดก็ไม่มีอะไรให้ค้นหาสิ” พิชญลุกขึ้นและขยับตัวออกห่างคนตัวสูงซึ่งตอนนี้กำลังก้มหน้ามองเขายิ้มๆ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ
“อยากให้ค้นหาหรือครับ” พยุตม์พูด
“ผมจะไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัว” พิชญพูดแล้วรีบเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้อีกฝ่ายมองตามด้วยสายตาเป็นระยิบระยับ

พิชญยอมรับว่าตัวเองรู้สึกคุ้นเคยกับ 'คนที่อยู่ร่วมบ้าน' มากขึ้น เวลาแต่ละวันผ่านไปช้าๆ เขารู้สึกว่าตัวเองได้พักผ่อนเต็มที่ เวลาส่วนมากใช้ไปกับการอ่านหนังสือและการนอน เดิมที่ตั้งใจหาที่เงียบสงบเพื่อคิดใตร่ตรองเรื่องปัญหาต่างๆ กลับไม่ค่อยได้คิด
วันนี้ทานอาหารเช้าเสร็จเขาก็ใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ ทำอะไรไม่เร่งรีรบ ตอนนี้บ้านทั้งหลังเป็นของเขาคนเดียวเพราะอีกคนมักจะหายหน้าไปเสมอเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ จะกลับมาอีกทีก็ตอบบ่ายๆ
อืม แต่เขากลับเร็วกว่าเดิมทุกวัน จำได้ว่าวันแรกกลับค่ำมาก แล้วก็เร็วขึ้น เร็วขึ้น เมื่อวานนี้ก็บ่ายสามโมง เกือบจะเวลาเดียวกับเรา
แต่เขาหายไปทำอะไร เดินออกไปตัวเปล่าแล้วก็กลัยมาตัวเปล่า ใส่กางเกงขาสั้นอยู่ตัวเดียวนั่นล่ะ ประหยัดเสื้อผ้าจริงๆ เลย หรือตั้งใจจะโชว์หุ่นอย่างที่เคยพูด โชว์หุ่นให้เราดูนี่นะ
แต่ก็เพลินดีเหมือนกัน อืม หุ่นแบบนั้นถ้าเปลือยกายจะเป็นยังไงก็ไม่รู้
พิชญเผลออมยิ้ม มองตัวเองในกระจกแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่นึกได้ว่าลืมผ้าเช็ดตัวจึงเดินกลับเข้าไปใหม่ ขณะที่ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมก็ไดิ้นเสียงกุกกักนอกห้องจึงค่อยๆ โผล่หน้าออกมาดู
“คุณเข้ามาทำอะไร” พิชญถามคนที่กำลังก้มหน้าหาอะไรบางอย่างบนโต๊ะชิดกับผนังห้องด้านปลายเตียง
“หาของ” พยุตม์ตอบ
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่” พิชญถามเพราะเมื่อครู่นั้นตัวเองเดินเปลือยออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ได้สนใจมองอะไร
“ทำไมหรือครับ”
“ก็...” พิชญอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ครั้นจะถามไปอย่างที่ใจกำลังสงสัยก็รู้สึกไม่กล้า จึงพูดพูดขึ้นมาว่า “นึกว่าคุณไปแล้ว”
“ผมหาของอยู่” พยุตม์ตอบแล้วก้มลงหาของต่อไป พยายามควบคุมจังหวะหายใจให้ช้าลง
ผมเข้าทันเห็นคุณเดินเข้าไปในห้องน้ำพอดี
ขาวเนียนไปทั้งตัว หุ่นมีกล้ามเนื้อกำลังพอดี ก้นงอนแน่นที่สุด ถ้าเป็นแบบนี้อีกครั้งเขาต้องตะบะแตกแน่ วันนั้นตอนที่เห็นเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ต้องควบคุมตัวเองแทบแย่
พยุตม์เจอสิ่งของที่ต้องการแต่ก็ยังไม่เดินออกไปจากห้อง พอหันหน้าไปมองห้องน้ำ คนที่ทำหน้าระแวงใส่เขาเมื่อครู่ยังขังตัวเองอยู่ข้างใน ราวกับว่าจะรอให้เขาออกไปก่อนถึงจะเปิดประตูห้องน้ำออกมา
อาบน้ำมาเป็นชั่วโมงยังไม่พออีกหรือ ทำไมอยากหลบหน้าเขานัก
พยุตม์ถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องนอน จงใจปิดประตูเสียงดังให้คนที่อยู่ในห้องน้ำรู้ว่าเขาออกไปแล้ว
วันนี้พยุตม์ไม่อยากไปไหนเลย เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมอยากเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านทั้งที่ไม่มีอะไรทำ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงประตูห้องนอนจึงเปิดออก พยุตม์หันไปมอง คนที่เดินออกมาขมวดคิ้วมองมาที่เขาด้วยสายตามีคำถามซึ่งพยุตม์เข้าใจได้ทันทีว่าหมายความว่าอย่างไร
“ผมกำลังจะออกไปพอดี” พยุตม์พูด
“ผมก็เหมือนกัน”
“วันนี้คุณจะทำอะไร” พยุตม์ถาม
“ก็เหมือนเดิม” พิชญยักไหล่ ก้มลงหยิบเสื่อที่วางอยู่ใกล้ประตู
“ไม่เบื่อบ้างหรือไงครับ นอนเล่นอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ทุกวัน”
“ก็คนมาพักผ่อน”
“ไปดำน้ำดูประการังไหม” พยุตม์ชวน “หรือไปทำอะไรอย่างอื่นก็ได้ คุณมาทะเล แต่ไม่เห็นลงทะเลเลย”
“ทำไมจะไม่ลง ผมเดินลุยน้ำเล่นที่ชายหาดตั้งหลายครั้ง” พิชญตอบ
“อ๋อหรือครับ” พยุตม์ยิ้มบางๆ รู้สึกขำ “เอ๊ะ หรือคุณว่ายน้ำไม่เป็น เอาไหมล่ะ ผมจะสอนให้ รับรองเป็นภายในหนึ่งชั่วโมง”
“อย่ามาดูถูกกันนะ”
“เปล่าดูถูก คุณอย่าคิดแต่ในแง่ลบสิ”
“ถ้างั้นคุณก็ดูผิด” พิชญพูดแล้วเดินลงจากบ้านไปโดยไม่หันมามองคนที่ยืนทำหน้าขำๆ อยู่ข้างหลัง

วันนี้แดดจ้ามาก ท้องฟ้าปลอดโปร่งแทบจะไม่มีเมฆ ลงแรงกว่าทุกวันจนพิชญต้องไปหยิบก้อนหินมาวางไว้ที่มุมทั้งสี่ด้านของเสื่อเพื่อกันไม่ให้เสื่อปลิว
พิชญอ่านหนังสือได้ไม่ถึงสองบทก็เริ่มรู้สึกเบื่อจึงนอนพลิกไปพลิกมาเพื่อคิดเรื่องปัญหาต่างๆ ในชีวิต แต่ก็ต้องประหลาดใจตัวเองเพราะจู่ๆ ก็ไม่อยากจะสนใจสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาให้ต้องแก้ไขในตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
ช่างมัน
ช่างหัวมันเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เบื่อนักก็หนีมานอนเล่นริมทะเลแบบนี้
พิชญได้บทสรุปให้กับตัวเองอย่างง่ายๆ และคลายความกังวลใจไปได้มากอย่างที่ตัวเองแทบไม่อยากจะเชื่อ สามเดือนที่ผ่านมาเขาหนักใจมาก ต้องหลบหน้าผุ้คนจนแทบไม่ต้องทำอะไร บ้านตัวเองก็อยู่ไม่ได้ ต้องไปพักกับเพื่อนคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย จนในที่สุด คณินทร์กับปานฤทัยเสนอให้เขาหลบไปหาที่เงียบๆ พักผ่อนสักสองอาทิตย์ แต่แม้เขาจะยอมทำตาม ก็ยังรู้สึกหนักใจว่าคงจะไม่สามารถคิดหาทางออกให้กับปัญหาหลายๆ อย่างได้ภายในสองอาทิตย์ พิชญคิดเพียงว่าอาจจะตั้งสติได้และคิดอะไรให้ชัดเจนขึ้นมาบ้าง
แต่นี่เขากลับสรุปง่ายๆ แล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
พิชญพลิกตัวนอนตะแคง หันไปมองทะเลเบื้องหน้า รู้สึกอยากจะว่ายน้ำ
อีตายักษ์ใหญ่ว่าเขาหน้าตาเฉยว่ามาทะเลแล้วไม่ยอมลงน้ำ เขาเองก็เถียงข้างๆ คูๆ ว่าเดินลุยน้ำเล่นตั้งหลายครั้ง แต่เขาลืมแว่นตาว่ายน้ำ กางเกงว่ายน้ำ โลชั่นกันแดด จะให้ว่ายน้ำได้ยังไง และแม้แต่สายไฟชาร์ตโทรศัพท์มือถือก็ลืม โชคดีปิดเครื่องไว้ตลอดเวลา วันเดินทางกลับจะได้มีโทรศัพท์ใช้กรณีฉุกเฉิน
จะยืมนายคนนั้นก็กลัวถูกว่ากระทบกระเทียบ
แล้วอีตานั่นไปไหนของเขา วันทั้งวันไม่เคยอยู่บ้าน หายไปเงียบๆ และกลับมาเงียบๆ
สงสัยคงไปหาที่นอนเล่นเหมือนเรานี่ล่ะมั๊ง ท่าทางเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ขอบสุงสิกับใคร
พิชญพลิกตัวนอนหงาย มองใบไม้ที่สั่นไหวเพราะแรงลมอย่างเพลิดเพลิน ไม่นานก็อ้าปากหาว เริ่มรู้สึกง่วงอีกแล้ว บรรยากาศสบายๆ ทำให้เขาอยากจะนอนแต่เพียงอย่างเดียว
ขณะที่กำลังเริ่มตาปรือพิชญก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงห้าวๆ คุ้นหู
“คุณมาอยู่นี่เอง จะหลับอีกแล้ว”
พิชญดันตัวลุกขึ้นครึ่งนั่งครึ่งนอน ผู้ชายตัวโตคนนั้นยืนเท้าเอวอยู่เหนือศีรษะของเขา ก้มลงมองด้วยใบหน้ายิ้มๆ
ผู้ชายคนนี้ตัวสูงใหญ่มาก กล้ามต้นขาเป็นมัดๆ แผงอกกว้างล่ำสัน แขนกำยำ ผิวเข้มเหมือนอาบแดดทุกวัน หุ่นดีเป็นบ้า นี่ถ้าคณินทร์กับพี่ปานมาเห็นคงร้องกรี๊ดจนสลบ
“ผมจะหลับ คุณมายุ่งอะไรด้วย ผิดกฎหมายหรือครับ”
“ถามดีๆ” พยุตม์ส่ายหน้า
“ผมก็ตอบดีๆ”
“ไม่กลัวน้ำขึ้นแล้วคลื่นซัดลงทะเลหรือไง”
“พูดเป็นเล่น” พิชญเบ้ปากแล้วลุกขึ้นนั่ง เบือนหน้าออกไปมองทะเล คนที่แทบจะยืนคล่อมศีรษะของเขานั่งยองๆ ลงมาข้างๆ และพูดว่า
“ไปเล่นน้ำกันไหม คุณเอาแต่นอน จะเรียกว่ามาเที่ยวทะเลได้ยังไง”
“ก็นี่ไงเที่ยวทะเล ปูเสื่อนอนพักผ่อนบนชายหาดก็เรียกว่ามาเที่ยวทะเลเหมือนกัน”
“ว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า” พยุตม์เลิกคิ้วข้างซ้าย
“ทำไมถามเซ้าซี้”
“ผมถามจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น ไม่ได้ประชด ไม่ได้กระทบกระเทียบ”
“ผมยังไม่อยากเล่น”
“เอ้า นี่ แว่นตาดำน้ำ” คนที่ชวนเล่นน้ำยื่นแว่นตาดำน้ำดูประการังลงบนเสื่อ “ผมว่าคุณไม่มีอุปกรณ์แน่ๆ เลยหามาให้”
“ผมยังไม่อยากลงทะเล” พิชญส่ายหน้าปฏิเสธ
“ตอนนี้เวลาดีเลยล่ะ ถ้าไม่ลงตอนนี้แล้วคุณจะเสียดาย เชื่อผมสิ ลงไปพร้อมผมนี่ล่ะ ถ้าคุณว่ายน้ำไม่ไหวผมจะได้ช่วย”
“ผมง่วง ขอนอนพักผ่อน” พิชญอ้าปากหาวแล้วเอนตัวลงนอน
“ตามใจ” พยุตม์พูดแล้วลุกขึ้นเดินจากไป

::: End of chapter 4 :::


ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
«ตอบ #53 เมื่อ14-01-2012 10:30:19 »

คู่นี้ เค้าเถียงกันน่ารักอ่ะ   
ว่าแต่ หนีอะไรมา ?
ชอบหนีซะจริงเชียว แม้แต่คำถามก็ยังหนีได้ ยอกย้อน วกไปวนมา เอะอะก็...ช่างเถอะๆ
พยุตม์แอบหื่น ไม่รู้จริงๆ....หรือแกล้งไม่รู้ว่าพิชเป็นใคร
ถ้ารู้ก็บอกกันบ้าง เพราะคนอ่านก็อยากรู้เหมือนกัน
 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
«ตอบ #54 เมื่อ14-01-2012 10:47:36 »

แต่ละคนมีอะไรอยู่ในใจหนอ  อยากรู้จัง

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
«ตอบ #55 เมื่อ14-01-2012 11:13:25 »

อยากรู้ว่าพิชญเป็นใครใจจะขาด เป็นนักร้องหนีข่าวเสีย ๆ มาอะเปล่า อิอิ

saylmya

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
«ตอบ #56 เมื่อ14-01-2012 11:21:47 »

อยากรู้จังว่าพยุตม์ หายไปไหนทั้งวัน

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
«ตอบ #57 เมื่อ14-01-2012 11:23:08 »

แอร๊ยยยยยยยยยยย แอบเห็นก้นงอนแน่น 5555555555

sakuracity

  • บุคคลทั่วไป
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
«ตอบ #58 เมื่อ14-01-2012 11:55:07 »

เกลียดความมั่นใจ "เกาะทรายงาม" ของพิชญ 555 ช่างเป็นคนที่ไม่น่าคบยิ่งนัก แต่แอบน่ารักในตอนมุขพระอาทิตย์ตกตึก 555

แอบมีความเสียวมาให้ผู้อ่านได้เห็นเป็นช่วงๆ  :m25:

รอตอนต่อไปครับ ขอบคุณครับ ^^

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: ::: อาทิตย์อัสดง ::: บทที่ 4 UP 14/1/55
«ตอบ #59 เมื่อ14-01-2012 11:55:46 »

ต่างคนต่างมีความลับ
ทำให้น่าติดตามเพราะกระตุ้นต่อมเจือกของคนอ่านมากๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด