จบ---พูดได้แค่นี้คุ่ะจัดเต็ม
อาจจะมีช่วงปิงปองเอาคืน ....ถ้านึกออกแล้วจะมาแต่งให้อ่านต่อ
ตอนนี้เอาแบบ ...เลิฟ ๆ ไปก่อนนะคะ ฮิ้ววววววววว...
Special – The Valentine. (6)“เอ่อ...ที่ว่าแกล้งเป็นแฟนน่ะ เคย...เอ่อ...จูบกันรึเปล่า” ผมกลั้นใจถามในสิ่งที่สงสัย
“ป่าว ไม่เคยแม้จะล่วงเกิน มากสุดแค่จับมือ ” ไอ้เป้ปฏิเสธหนักแน่น แต่ก็ทำหน้าสงสัย
“แล้ว....แล้วเคยอยากจูบน้องเค้ารึเปล่า” ผมถามต่อไปอีก เรื่องวันนั้นทำยังไงก็คงไม่หาย
“ไม่เลย.....ไม่เคยแม้แต่จะอยากสัมผัส ...แต่ถ้าเป็นมึง หึหึ” มันตอบ ส่งสายตาวับวาวมาให้
“มีอะไรถามกุมาตรงๆ เลยดีกว่า... สงสัยอะไรก็ถาม ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก” ไอ้เป้เอ่ยขึ้น
ผมว่าทำตัวเฉย ๆแล้วนะ นี่หน้าตาผมมันแสดงความสงสัยออกมามากขนาดนั้นเหรอ
“สองวันก่อนมึงดึงกุไปจูบตอนตื่นนอน แล้วมึงก็พูดว่าขอบคุณมากครับ..ฟ้า
แล้วจะให้กุเข้าใจว่ายังไง ลองบอกกุมาซิ ...ถ้านี่หมายถึงการที่มึงไม่ได้คิดอะไรกับฟ้า” ผมถามเสียงเข้ม
แววตาไม่เป็นมิตรโผ่ขึ้นมา ... (ถ้าแด๊กหัวมันได้จะทำเลยครับตอนนี้...=.=)
“สองวันที่แล้ว...เหรอ จูบมึง แล้วขอบคุณฟ้า”ไอ้เป้งงหนัก คิ้วสองข้างขมวดชนกัน ลูกตากรอกไปมาอย่างครุ่นคิด
“จูบมึงแล้วก็ครางรึเปล่า แล้วหันไปขอบคุณฟ้านะหรอ ??” มันถามอีก
“กุจำได้แล้ว คือกุฝัน ......มึงอย่าพึ่งว่ากุนะปิงปอง คือยังไงอ่ะ ...มันอึดอัดอ่ะ แบบว่า ๆ..
เอ่อ .....กุกับมึงคบกันมาตั้ง 6 เดือนแล้วใช่มั้ยหล่ะ แต่เราก็ทำได้แกล้งทำเป็นเพื่อนอ่ะ
ทั้งที่ก็กุอยากบอกไอ้เอก ไอ้นัย และคนอื่น ๆ ให้รับรู้ อยากจะสามารถแสดงความรักได้อย่างไม่ต้องปกปิด ” มันเล่า
“แล้วเกี่ยวไรเนี่ย มึงรีบๆ เข้าประเด็นกุงง” ผมเอ่ยอย่างลำคาญ
“ก็ในฝันกุหันไปสารภาพรักกับมึง แล้วก็จูบมึงนั่นแหล่ะถูกแล้ว แต่...ต่อหน้าฟ้าและเพื่อนๆ ทุกคน ที่ฟ้าช่วยตามมาให้
มาเป็นพยายานรักเราไง แล้วกุก็หันไปขอบคุณฟ้า ก็แค่นั้น” ไอ้เป้เล่า จริงอยู่ที่บ่อยครั้งมันพยายามเปิดเผย แต่
กลายเป็นผมที่ยังไม่พร้อม ผมขอให้มัน....เก็บเรื่องของเราเป็นความลับ กลัวเพื่อนๆ จะรับไม่ได้ แต่ถ้าต้องให้มัน
เก็บกดขนาดนี้ก็ ...อย่าเลยจะแคร์ใครทำไม แต่ตอนที่มันขอบคุณฟ้าองศาของหน้ามันก็แปลก ๆ หันไปบอกตู้เสื้อผ้า
“จริงอ่ะ”
“จริงครับ ...แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง”
“แล้วเปิดตัวได้ยัง?”
“อืม......คิดดูก่อน” ไอ้เป้มองหน้าเซ็ง ๆ เล็กน้อย
“ไปดูดาวกันดีกว่า” ไอ้เป้เอ่ยชวน ผมกับไอ้เป้ล้มตัวลงนอนบนเสื่อ มองไปยังท้องฟ้ามืดสนิท
ในเวลาตี 2 แบบนี้ มหาลัยเงียบกริบ....ไม่มีเสียงไหนมารบกวน
“โน่น ดาวประจำตัวกุ...ดาวศุกร์”ผมชี้เลือกดวงที่สว่างสุด ดวงโตมองหาง่าย ๆ
“ปิงปองดูโน่น ดาวไถ ..นั่นอีกดาวนายพราน นั่นๆกลุ่มนั้นดาววัว ดาวลูกไก่...บลบ บลา” ไอ้เป้ชี้เป็นล่ำเป็นสัน
อธิบายไม่มีผิดเพี้ยน ชี้ตรงนั้น ชี้ตรงนี้ ผมมองตามเพลิน จนอดสงสัยไม่ได้
“มึงเป็นนักดาราศาตร์รึไง เนี่ย...รู้ดีไปหมด”
“ก็เมื่อคืนกุมาซ้อมนอนดูดาว...รอมึงไง”
“คนเดียวอ่ะ.....ที่นี่เนี่ยนะ ไม่กลัวผีเหรอวะ”
“ก็....นิดนึงอ่ะ แต่อยากให้วันนี้ perfect” มันว่าส่งยิ้มมาให้
“ปิงปองมึงอยากรู้ไหม ดวงไหนเป็นดาวประจำตัวกุ” ไอ้เอ่ยถาม โดยที่ไม่ได้ละสายตาจากท้องฟ้า
“อืม ...ดวงไหนอ่ะ ดวงไหน” ผมถาม ดวงตาพร้อมจะเพ่งมองไปบนฟากฟ้า
“ดวงนี้...เป็นดาวประจำตัวกุ” ไอ้เป้จิ้มนิ้วมาที่ผม........... ผมหันไปมอง ยิ้มขำ ๆ เสี่ยวอีกแล้วนะมึง
“บ้า” ผมตอบมันไป ไอ้เป้ดันตัวขึ้นสองแขนคร่อมตัวผมไว้ ดวงตาจับจ้องมาที่ดวงตาผม
สายตาที่ทำใครละลายมาหลายคน กำลังมองมาที่ผม ใบหน้าหล่อ ๆ ค่อยๆ เคลื่อนลงมาทาบทับริมฝีปาก
บางเบาแต่อบอุ่น ไอ้หล่อค่อยแทรกลิ้นมาชิมความหวานอย่างเคย ผมเกี่ยวลิ้นตอบไอ้หล่อ
โน้มหัวมันลงมาอีก ให้ริมฝีปากบดเบียดได้อย่างดูดดื่ม
“อื๊ออ” ไอ้เป้ร้องอย่างเจ็บปวดจากริมฝีปากที่เป็นแผลแต่กลับไม่ยอมละปาก ผมดันมันขึ้นมา
“ไหวมั้ย??” มันยิ้มตอบ
“แค่นี้จิ๊บๆ....มึงเจ็บกว่ากุตั้งหลายเท่า เจ็บกับเรื่องราวที่ผ่านมา ขอโทษนะปิงปอง”
ผมรั้งไอ้เป้มาจูบ กดจูบที่ดูดดื่มและร้อนแรงโดยไม่สนใจเสียงครางเพราะความเจ็บของใครบางคน
ผมแทรกลิ้นร้อน ชิมทั่วโพรงปากของอีกฝ่าย แตะลิ้นที่แผลด้านในปาก กลิ่นเลือดคราวฟุ้งจางๆ
“อือออ” ไอ้เป้ประท้วง แต่ผมไม่หยุดดูดริมฝีปากแรงขึ้นอีก จนกลิ่นเลือดสดๆ คละคลุ้งไปทั่ว
ผมละริมฝีปากมามองมันในที่สุด ส่งยิ้มกวนๆ ไปให้ ไอ้หล่อที่ปากเจ่อ และเห่อมากจากแรงดูด
มันเอื้อมมือแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ เหมือนเลือดจะยังไม่หยุดไหล มันหันมามองผมที่อยู่ด้านล่าง
“ซาดิสเหรอ ดีกุชอบ” มันกระตุกยิ้มที่มุมปาก ..... แต่ผมรู้สึกว่าผมได้ไปกระตุกหนวดเสือเข้าแล้ว
(จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ช่วยปิงปองด้วยคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ)
ผมพลิกตัวทันทีตามสัณชาตญาณล้วนๆ กำลังจะคลานหนี ไอ้เป้กระชากที่เอวกางเกงผม
หลุดพรืดดดดดด ยันกางเกงใน ผมเองยังตกใจว่ากางเกงผมหลุดติดมือมันไปได้ไง
(มึงแอบถอดหัวเข็มขัด ปลดซิบกุตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยยยยยยยยย เชี่ยเปปปปปปปปป้)
ท่าของผมอยู่ในท่าพร้อมมั๊ก ๆ พร้อมจะโดน....................(จงเติมคำในช่องว่าง)
ผมหันหน้ากลับมามองมันอย่างหวาดๆ มือสองข้างของมันจับเอวผมไว้แน่น พอไล้สายตาลงด้านล่าง
(จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย) ไอ้เป้เองก็อยู่ในท่าพร้อมเช่นกัน
แต่เป็นพร้อมที่...................(จงเติมคำในช่องว่าง) กางเกงของมันไถลลงมากลางน่อง พร้อมโชว์ศักยภาพที่ชี้หน้าผมอยู่
แต่ยังไม่ได้ใส่เข้ามา ไอ้เป้ก้มหน้าลงมาจูบเบาๆที่ก้นผม ก่อนจะซุกจมูกคมๆ กดแนบลงมาอย่างจงใจ
ริมฝีปากดูดแรงๆ จนขึ้นรอย แล้วไล่ดูดกลืนไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ทำผมเสียวสะท้าน
“อ่า..ปะ...เป้” ผมครางเสียงต่ำ ไอ้เป้กัดเบา ๆ ที่หลังสองสามรอย ทำผมเสียวจนต้องแอ่นตัวหนี
มันละปากลากมาเลียช่องทางหวาน ก่อนจะแนบหน้าลงไปอีกไล่ลิ้นเลียตั้งแต่โคนไอติมร้อนของผม
ที่ตื่นเต็มที่ผ่านที่หุ้มไอติมที่ห้อยเป็นพวงทั้งสองข้างก่อนจะลากผ่านมายังช่องหวานของผม
“อื๊ออออออออออออ แฮกๆ ” ผมครางเสียว หัวใจเต้นรัว ใบหน้าผมร้อนจัด มือจิกแน่นที่เสื่อด้านล่าง
เหมือนจะหมดแรงอยู่ตรงนี้ แต่...............
“อ๊าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมกดริมฝีปากตัวเองแน่น แอ่นตัวรับริมฝีปากที่สอดแทรกเข้ามาในช่องหวาน
สองมือของไอ้เป้ทำหน้าที่ของมันอย่างชำนาญการ มือหนึ่งนวดเฟ้นสะโพกกลมกลึงของผม
อีกมือขยับไอติมของผมไม่ขาด ...ทั้งยังลินที่สอดเข้ามาด้านในช่องหวาน
.
และ.....
.
และ..
“อ๊ะ.......อ่ะ ....อืมมมมมมมมมม ”ร่างกายผมบิดเกร็งในที่สุด กระตุกสองสามครั้งก่อนจะพ่น...น้ำบ่อน้อยสีขาวข้น
ทะลักราวกับเขื่อนแตก ความรู้สึกที่อดกลั้นมาทั้งอาทิตย์ กระจายเกลื่อนทั่วเสื่อ ผมทิ้งตัวลงไปนอนบนเสื่อขณะที่
สะโพกยังสูงโด่งเนื่องจากมือของใครบางคนเหนี่ยวรั้ง ผมนอนหอบหายใจราวกับว่าขาดอ็อกซิเจนมานาน
หันไปมองไอ้คนก่อเหตุที่ตอนนี้ทะลึ่งยิ้มหวานให้ผม ไอ้เป้แตะกระบอกปืนอันใหญ่ของมันแตะที่ด้านหลังผม
น้ำบ่อน้อยของผมถูกใช้มาเป็นเครื่องหล่อลื่น
“อุ๊ย...” ผมสะดุ้งเสียวไร้ซึ่งความเจ็บปวด ไอ้เป้ค่อย ๆ ดันกระบอกปืนอันใหญ่ใส่มาจนมิดด้าม
“อืมมมมมมมมมมม” ไอ้เป้ครางเสียงต่ำ มันค่อยๆ ขยับเข้าออกเป็นจังหวะ Pop อย่างเชื่องช้า
แต่ก็ทำผมเสียว แบบทำใจ(ก็มันเสียวไม่สุดอ่ะ.....อย่าว่าผมนะ) ไอ้เป้ขยับเร็วขึ้นมาเป็นจังหวะเพลง Pop Rock
คือเบา ๆ แต่หนักหน่วง อ่า.....จะบรรยายยังไงดี
“อ่าส์....ปิงปองครับ. ปิง...อื๊อออออออออ ปอง” ไอ้เป้ครางเสียงหวาน ดึงผมหันไปให้มันจูบ
ก็จะเปลี่ยนจังหวะขยับเป็น ....เป็น ....Rock + Rap ทั้งเร็ว รัว และแรงจนผมหายใจไม่ทัน
“อ๊ะ...ปะ...เป้.....แรงอีก...ซีสสสส์” ผมแอ่นตัวรับสัมผัสที่เร่าร้อนจวนเจียนละลายของอีกฝ่าย
“ปิ....ปอง อ่า..ซีสสสสสส์” ไอ้เป้กระแทกแรงๆ เน้นๆ ย้ำๆ สามสี่ครั้งก่อนที่เราทั้งคู่จะเกร็งกระตุก
สองมือไอ้เป้จับสะโพกผมแน่นก่อนจะพ่นลาวาเพลิงเข้าสู่ในตัวผม ลาวาที่แสนเร่าร้อนค่อยๆ ทะลักไหล
ออกมาด้านนอก ขณะที่ผมก็ตามไปติดๆ น้ำสีข่าวขุ่นไหลออกมาราวกับเขื่อนแตกเช่นเคย
ผมกับไอ้เป้ทิ้งตัวนอนลงบนเสื่อ หอบหายใจแฮกๆ กันทั้งคู่ ราวกับไปวิ่ง 2*1500 เมตรมา
“รักนะครับ....ยังไงก็ไปไหนไม่รอดแล้ว” ไอ้เป้กระซิบเสียงแผ่วข้างๆ หูผม มันดึงผมไปกอดแน่นๆ
ทั้งที่เราเหงื่อไหลกันท่วมตัว ...แถมตรงนั้น........กระปอกปืนใหญ่ยังทิ่มตูดผมอยู่
ผมนอนให้มันกอดอยู่อย่างนั้น...ไอ้เป้ชี้มือให้ผมดูดาวดวงต่างๆ
(นี่มึงยังไม่ลืมความตั้งใจที่จะให้กุดูดาวเหรอว่ะเป้....หึหึ) แต่ผมก็มองตามดวงดาวที่มันชี้
นี่น่าจะตี 3 ครึ่งเข้าไปแล้ว บรรยากาศที่ห่อหุ้มด้วยเหล่าดอกกุหลาบแสนสวย ส่งกลิ่นจางๆ
ลมเย็น ๆ พัดมากระทบที่ร้อนระอุ ดวงดาวนับพันที่ตอนนี้ดูสว่างจ้ากว่าตอนแรกมาก
กำลังจ้องดูผมกับไอ้เป้ ขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ได้คนด้านข้าง (ข้างหลังอ่ะ)
สรรสร้างมาให้ อย่างเพลิดเพลิน พลันก็รู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมด้านหลัง......
.
.
กระบอกปืนอันที่ว่า...มันคืนชีพมาอีกครั้ง ไอ้เป้ไล้มือลูกคลำไอ้ติมผม มันใช้มือด้านหนึ่งดันตัวเองลุกขึ้น
แค่ครึ่งตัว แค่พอจะโน้มใบหน้าเข้มๆ ของมันมาประกบปากผม ทั้งรุนแรงและดูดดื่ม ทั้งที่ปากมันยังเจ็บ
แต่ไม่มีทีท่าจะสะทกสะท้าน กับริมฝีปากที่บวมเจ่อของตัวเองเท่าไหร่นัก มีแต่จะมาทำให้ริมฝีปากบาง
ของผมบวมเจ่อตามไปด้วย ปืนใหญ่เริ่มขยับเบาๆ ขณะที่มือก็ขยับช่วยผมไปด้วย สักพักหนึ่งไอ้เป้หยุด
มันดันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วใช้มืออีกข้างรั้งตัวผมให้ลุกตาม ผมมองมันด้วยสายตางงงวย กำลังสบายกับการนอน
“ไปตรงโน้น” ไอ้เป้ชี้บอกทางพยายามลุกโดยที่ไม่ให้ปืนใหญ่หลุดออกมา ผมมองหน้ามันงง ๆ แต่ก็ยอมทำตาม
(แม่ง......จะย้ายไปนอนข้างกำแพงทำไมว่ะ เสื่อก็ไม่มี หรือมันอยากทำที่พื้น)
ไอ้เป้ไม่ได้จะนอน มันผมชิดผนัง สองมือผมจับแน่นที่ขอบกำแพง ขณะที่ไอ้หล่อเริ่มซอยปืนใหญ่ของมัน
“อยากทำแบบนี้...มานานแล้ว มึงดูดิ.... ดวงดาวกำลังมองเราอยู่ ” ไอ้เป้เริ่มซอยถี่ๆ
“ไอ้....ไอ้หน้า..อือออออ~..” ผมที่จะด่า กลับกลายเป็นครางเสียงหวานแทน รู้สึกเสียวอย่างบอกไม่ถูก
บริเวณที่ล่อแหลม ดึกขนาดนี้จะมีใครมอง แต่กลับรู้สึกร้อนผ่าวได้เกินพิกัด ที่ๆ ใครก็เห็นได้ว่าผมกับมัน
ทำอะไรกัน แค่เพียงเดินผ่านมา ...........แต่ความก็ไม่ได้คิดจะหยุด....
.
.
“อ๊ะ...เป้ ...ระ..เร็วอีก อืมมมมมมม” ผมบิดเกร็งอีกครั้งพ่นน้ำสีขาวขุ่นใส่กำแพง ไอ้เป้ยืนนิ่งครางเสียว
“อืมมมม ปิงปอง....อ่า” เมื่อด้านหลังผมบีบรัดจนปืนใหญ่ขยับไม่ได้ มันกดจูบที่ลำคอผม ก่อนจะไซร้
ไปทั่วบริเวณนั้น กัดลงเบา ๆ ที่ไหล่ แต่ก็เห็นร่องรอย ไอ้เป้กระแทกแรง ๆ ไม่กี่ที ลาวาร้อน ๆ แบบเดิม
ก็พ่นเข้ามาด้านหลังผม มันค่อยๆ ถอนปืนใหญ่ออก
“อ๊ะ.....” พร้อมครางเสียว น้ำสีขาวขุ่นค่อย ๆ ไหลลงมาตาขาผม กางเกงที่ใส่มาถูกถอดไปตอนไหนไม่รู้
ทั้งของมันและของผม ผมทิ้งตัวพิงกำแพงที่ว่า ขามันอ่อนแรงซะงั้น ไอ้เป้ค่อย ๆ จับผมหันไปหาก้มหน้าลงจูบ
“ขออีกนะ....อดทนมาทั้งอาทิตย์....ใจจะขาดอยู่แล้ว” มันกระซิบน้ำเสียงระริกระรี้ชอบกล ผมหน้าเหวอจะดันมันออก
แต่....................................... ไม่ทันแล้ว ไอ้เป้จับสะโพกผมยกขึ้น ผมเกือบ ๆ หงายหลัง
สองมือพาดไปจับกำแพงแทบไม่ทัน มันอมยิ้มขำๆ ที่แกล้งผมได้ ค่อยๆสอดปืนใหญ่ที่เปือกชุ่มเข้ามาอีกครั้ง
ดีที่แขนเสื้อผมยาวเลยไม่ทำให้กำแพงขูดแขน สองขาผมน่ะเหรอโอบรอบเอวไอ้เป้ไว้แน่น ส่วนสองแขนมัน
ก็กำลังอุ้มสะโพกกลม ๆ ของผมอย่างแน่นหนา ก่อนจะเริ่มขยับ.........
.
และขยับ....... แน่นมาก ร่างกายเราสองคนแนบสนิทกันจนแน่น พาให้อารมณ์กระเจิงไปทั้งสองฝ่าย
. แรงกระแทกส่งมาไม่ยั้ง กระบอกปืนใหญ่ที่ร้อนระรุ กับช่องหวานที่ร้อนพอกันเสียดสีกันจนแทบลุกเป็นไฟ
ไอ้ติมร้อนถูไถไปกับหน้าท้องแบนราบของอีกฝ่าย...เสียวได้อีก น้ำเยิ้มๆบนหัวไอติมที่เปียกแฉะ............
ไถจนแตะบนหน้าท้องอีกฝ่ายยจนลื่น แรงกระแทกส่งมาไม่หยุด
“อืมมมมมมมมม”
“อ๊ะ....อ่าสสสสสสสสสสส์” ต่างฝ่ายต่างครางไม่เป็นท่า ปล่อยให้ร่างกายกระตุก ก่อนจะปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาอีก
“แฮกๆ แฮกๆ” เสียงหอบหายใจ เหมือนตอนขึ้นภูกระดึง ...เหนื่อย .....แต่มีความสุข ผมกับมันสบตากันเยิ้ม
ไอ้เป้ยังอุ้มผมอยู่อย่างนั้น ค่อย ๆ กดจูบไปทั่วริมฝีปากและลำตัวผม ทิ้งรอยคิสมาร์คไว้ไปทั่ว ....แสดงความเป็นเจ้าของ
มันค่อยวางตัวผมลง ผมที่หมดแรงไปแล้วขาก็อ่อนยวบ เซจะล้ม แต่ไอ้เป้รั้งตัวผมไว้ได้ทัน มันดึงผมเข้าไปกอด
กันจะดันผมให้ชิดผนัง ......กระซิบเสียงหวาน ๆ เสียงแผ่วๆ แต่กับดังกล้องในหัวใจผม
“รักนะครับ” ผมหลับตาพริ้มซุกหน้าเข้ากับอกคนตรงหน้า ....... น้ำตาไหล...อีกแล้ว ก่อนจะเงยหน้า
ด้วยดวงตาแดงกล่ำ .....ไปสบตาผู้ชายคนตรงหน้า
“กุ....ก็รักมึงเหมือนกัน” ก่อนจะกอดตอบคนตรงหน้าแน่นๆ ไอ้เป้อุ้มผมไปนอนบนเสื่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ตอนนี้ตี 4 แล้ว คิดว่า ตี 5 คงมีเจ้าหน้าที่เริ่มมามหาลัย ไอ้เป้เริ่มทำความสะอาดหลักฐานที่ทำทิ้งไว้
ผมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว มันก็เหมือนกัน ผมหันไปดูดาวที่พราวเต็มฟ้า กลิ่นดอกไม้หอมๆ ทำผมง่วงจนผลอยหลับไป
ระหว่างที่ไอ้เป้เก็บทำหลายหลักฐานต่อ รู้สึกตัวอีกทีไอ้กำลังพาผมเดินลงจากชั้น 5 ไปด้านล่าง
“อีกแป๊บก็ถึงบ้านแล้ว อดทนนะครับ” ไอ้เป้บอก ผมที่กำลังขี่หลังไอ้เป้ ก็กระชับกอดแน่น ๆ กลัวตกเหมือนกัน
มันเดินอย่างระมัดระวัง ....... แบกผมไว้บน ผมแอบมองแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย ที่แสนจะอบอุ่น
ก่อนจะซุกหน้าลงไซร้อย่างหมั่นเขี้ยว ได้ยินเสียงหัวเราะออกมา เบาๆ
(มึงเอาแรงมาจากไหนเป้......ทั้งที่ทำกันมาตั้งสามรอบ ยังเหลือแรงอีกนะ ...)
สุดท้ายก็มาถึงชั้นล่าง ไอ้เป้วางผมให้ลงไปยืน ก่อนมันจะก้มลงไปไขกุญแจล็อคด้านนอก
มันพามาที่รถที่แอบจอดไว้ข้าง ๆ ตึก ...มิน่ากุไม่เห็น ก่อนจะพาขับกลับไปยังคอนโดผม
ผมหลับทันทีที่รถออกตัว ........... รถขับมาถึงคอนโดแล้ว ผมเดินสะลึมสะลือ พิงไอ้เป้ตลอดการขึ้นห้องพัก
“อาบน้ำมั้ย” ไอ้เป้เอ่ยถาม ทั้งที่มันก็เหมือนจะอาบไม่ไหวแล้วเช่นกัน ผมส่ายหน้าเราสองคนทิ้งตัวลงนอน
แม้จะเหนียวกันเต็มที่แต่ไม่ไหวแล่ะ พรุ่งนี้ค่อยอาบ แล้วผมกับไอ้เป้นอนกอดกันจนหลับไป
เพราะความเหนื่อย ความเพลีย เรื่องต่างๆ มากมาย ทีผ่านมาวันนี้ทั้งสุข ทั้งทุกข์ มีทั้งรอยยิ้ม และน้ำตา
แต่ลงเอยด้วยรอยยิ้มอย่างนี้..............................ผมยอม
......................................................................จบตอนพิเศษ................................................................