Special เป้+ปิงปอง – The Valentine.(1)
“อะไรของมึงปิงปอง...ทำไมต้องมายุ่งกับของๆกุ กุไม่ชอบมึงก็รู้ เซ็งว่ะ กุกลับหล่ะ
มึงไม่ต้องโทรมาหล่ะ ไว้กุอารมณ์ดีเมื่อไหร่ก็จะโทรหาเอง” ไอ้เป้สบถเสียงดัง
หลังจากกระชากมือถือของมันจากมือผม ทำเอาผมหน้าเหวอพูดอะไรไม่ออก ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่
แค่จะดูว่ามันคุยกับใคร ....ก็แค่นั้นเอง ถึงปกติจะไม่ค่อยทำ แต่ก็ไม่ใช่ไม่เคยทำ ทุกๆครั้งที่ทำมันก็เห็น
และไม่เคยจะว่าอะไร มันเดินเข้าไปในห้องนอนหยิบเป้ที่ใช้เป็นประจำ ก็ดิ่งตรงไปที่ประตูโดยไม่หันมามองผมอีก
“โครม!!...” เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน รู้สึกมึนงงอย่างบอกไม่ถูก งงจนหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้
ผมทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา นั่งมองประตูที่ไอ้เป้พึ่งปิดกระแทกมันอย่างแรงด้วยความโมโห ดวงตากลมโตแดงกล่ำ
น้ำตาร้อน ๆ ค่อยไหลอย่างน้อยใจ รู้สึกเจ็บใจ และไม่เข้าใจ เรื่องแค่นี้เหรอที่ทำให้ผมกับมันทะเลาะกัน
เพราะเรื่องนี้จริงๆ เหรอเป้ หรือมึงมีเหตุผลอื่น ผมก้มหน้าซุกลงที่เข่าปล่อยให้น้ำตาไหลไปอย่างเชื่องช้า
พร้อม ๆ กับพิจารณาสถานะของผมกับมัน ....มองยังไงก็คงได้แค่นี้สินะ คงไปต่อไม่ไหวเมื่อมันไม่พร้อมจะเดินไปกับผม
เป้.......มึ.ลืมไปแล้วสินะความสำคัญของกุ ผมกัดริมปากตัวเองแน่นหลับตาได้แต่ขอให้คืนนี้มันผ่านไปซักที
.
.
.
หนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านั้น
“ครับ ๆ ว่างครับ ...เจอกันที่ไหนดี CTW นะครับงั้น 4 โมงเจอกันครับ” เสียงที่แว่วลอดมาจากระเบียงด้านนอกห้องผม
“ปิงปอง...วันนี้กุมีนัดกับเพื่อนนะ มึงกินเข้าเย็นเลยไม่ต้องรอกุ” ไอ้เป้บอกก่อนจะวางมือถือ แล้วรีบไปอาบน้ำแต่งตัว
เพื่อไปตามนัดที่ว่า ผมเดินไปดูที่มือถือมันโชว์ชื่อหลาอยู่ว่าชื่อ “ฟ้า” ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง แต่ไม่อยากคิดอะไรมาก
ไอ้เป้อาบน้ำเสร็จก็ตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า มันเลือกตัวนั้นตัวนี้อยู่หลายชุดก่อนจะตัดสินใจเลือกชุดเก่งที่มันชอบใส่ประจำ
เสริมหล่ออีกนิด ก็พร้อมเดินทาง มันเดินมาหยิบเป้ใบโปรด ก่อนจะตรงมาหอมแก้มผม
“กุไปนะ อาจจะกลับดึกมึงนอนก่อนได้เลย” ไอ้เป้บอก สีหน้าท่าทางที่บ่งถึงความสุขของมันฉายออกมาจนรู้สึกได้
“อืม อย่าเมาหล่ะมึง เดี๋ยวกลับไม่ไหว” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง
“ครับ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวกุนอนบ้านเพื่อนก็ได้ ไปนะ” ไอ้เป้ยิ้มหวาน ก่อนจะเดินจากไป ผมทำได้แค่มอง
ถึงจะไม่อยากให้มันไปก็เถอะ แต่คนเราก็คงอยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างละมั้ง.
.
.
ผมนั่งรอไอ้เป้จนตีหนึ่งมันยังไม่กลับผมเลยเข้านอนก่อน ขี้เกียจรอ...เพราะมันดึกมากแล้วพรุ้งนี้มีเรียนเช้า
แต่นอนยังไงก็นอนไม่หลับ รู้สึกแปลกที่ไอ้เป้ไม่ลากผมไปด้วยปกติมันไม่เคยยอมห่างผมเลยสักครั้งเดียว
“แกร๊ก...แกร๊ก” เสียงลูกบิดห้องนอนดังขึ้น ผมแกล้งทำเป็นหลับ ไอ้เป้ค่อย ๆ ย่องเข้ามาในห้อง
ก่อนจะตรงไปอาบน้ำ ผมเหลือบดูเวลาตอนนี้ 02.00 น. ไอ้เป้ออกมาจากห้องน้ำแล้วผมแกล้งหลับต่อ
มันค่อย ๆ แทรกตัวเข้ามาใต้ผ้าห่ม กดจูบเบา ๆ ที่หน้าผากผม ก่อนจะปิดไฟบนหัวเตียงที่ผมเปิดค้างไว้ลง
จากความเหนื่อยล้าทำผมค่อย ๆ หลับลงไปในที่สุด
.
.
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าเห็นไอ้เป้ยังคงหลับสนิทเลยไม่อยากกวน เพราะมันมีเรียนบ่าย
ผมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปมหาลัย ไม่ลืมทิ้งโน๊ต ..
“กุมีเรียนเช้า ไปนะ ...กับข้าวอยู่ในตู้เย็นเวฟได้เลยนะ ”
ผมเดินกลับมาจูบเบา ๆที่หน้าผากไอ้หล่อที่นอนไม่รู้สึกตัว ก่อนจะเร่งออกจากห้องเพราะสายมากแล้ว
วันนี้เรียนถึงบ่างโมง ...แต่อาจารย์ให้พวกผมไปค้นข้อมูลทำรายงานที่ห้องสมุดกลาง
เพื่อส่งในคราบนี้ ผมกับไอ้นัยที่ทำงานกลุ่มคู่กันอยู่แล้วก็ต้องไปค้นที่นั่น แต่ว่าไอ้นัยมันเสือกมีนัด
ซะก่อน มันเลยออดอ้อนจนผมใจอ่อน เลยต้องไปทำงานค้นข้อมูลอยู่คนเดียว
“นะนะ...ปิงปอง กุมีนัดจริง ๆ ถ้าวันนี้เบี้ยวคราวนี้นะกุตายแน่ ๆ” ไอ้นัยส่งสายตาพริบ ๆ มาออดอ้อน
“มึงนัดกับใครอ่ะ”
“ที่รักกุ...กุเบี้ยวเค้ามาหลายทีแล้วโดนฆ่าหั่นศพแน่ๆ”
“ที่รักมึงเป็นใคร มึงเลิกกับน้องเปิ้ลแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วมึงครบใครอยู่ไม่เห็นบอกกุ”
“เออ...มึงอ่ะ เอาไว้กุพร้อมและก็แน่ใจแล้วกุจะบอกมึงแล้วกันนะ แต่ตอนนี้กุขอไปนะ นะ”
ไอ้นัยว่าพลางซุกหัวไถแถรดดดดดๆ กับไหล่ผมมันน่าเอ็นดูมาก ๆ ครับ ผิวขาวปากแดง ๆ
ชอบทำแก้มป่องปากย่น ออดอ้อนทีก็เอาหัวไถอย่างนี้แหล่ะครับ ผมไอ้แต่อมยิ้ม หึหึ
“เออ อย่าลืมขนมกุหล่ะ” ผมบอก
“หึ๊...หนมไรอ่ะ” มันเลิกคิ้วเป็นคำถาม (ถามจริงไม่คิดจะเซ่นอะไรกุสักอย่างเลยใช่มั้ยเชี่ยนัย กุอุตส่าห์ให้ไป)
ผมมองหน้ามันเซ็ง ๆ แต่ยังไม่ทันได้บอกอะไรดูเหมือนมันจะคิดได้ ก่อนจะยิ้มแก้มปริ เอามือมาลูบหัวผม
(แม่ง...มึงลามแหล่ะ ลามแหล่ะ เมื่อกี้ยังเอาหัวมาถูไหล่กุออดอ้อนอยู่เลย ตอนนี้เล่นหัวกุแหล่ะ)
“ได้คร๊าบบบ มึงน่ารักว่ะ ปิงปอง จุ๊บ...ไปแล้ว” ไอ้นัยดึงผมไปจูบที่หัวทีหนึ่งก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ทำใจครับมันก็ดึงผมไปจูบอย่างนี้ทุกทีแหล่ะ ...ถ้ายอมตามใจ เห็นว่ากุเตี้ยกว่าหน่อยเอาใหญ่เลยนะมึง ..ชิส์
(ฮ่า ๆ แอบเลียนแบบไอ้นัยมาครับ )
ผมมาถึงห้องสมุดก็จัดการค้นหาข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อหาโลเคชั่นที่ไอ้หนังสือนี่อยู่
หลังจากได้มาเรียบร้อย ผมก็ตรงดิ่งไปที่ชั้นที่ว่า เอ๊ะ...อะไรแว๊บ ๆ ผมเห็นหลังใครสักคนหนึ่ง รู้สึกคุ้น ๆ
จนต้องถอยกลับไม่มองอีกครั้ง แผ่นหลังที่ผมจำได้ดี...ไอ้เป้ กำลังจะเข้าไปทัก
แต่ก็ต้องสะดุดอยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินไอ้เป้เอ่ยชื่อคู่สนทนา ผมถึงกับหยุดและซ่อนตัว
คิดว่ามันน่าจะยังไม่เห็นผม เพราะปกติพวกผมไม่เข้าห้องสมุดรวมอยู่แล้ว แต่จะเข้าห้องสมุดคณะมากกว่า
“เก็บตรงไหนครับฟ้า อย่างนี้ถูกไหม” ผมได้เสียงไอ้เป้เอ่ยถามผูหญิงอีกคนตรงหน้า
ที่มองแค่แปร๊บเดียวก็รู้ว่า“น่ารัก” ผิวขาวๆ ร่างบางๆ รูปร่างสมส่วน ถึงไม่สวยถึงขนาดมองแล้วเหลียวหลัง
แต่ถ้าได้เจอกันแค่ครั้งเดียวผมว่าก็คงจำได้ไม่มีลืมเหมือนกัน ริมฝีปากบางยิ้มสวย ๆ ส่งมาให้ไอ้เป้
ก่อนจะส่ายหน้า พร้อมอธิบายวิธีจัดหนังสือ
“ดูที่สันหนังสือสิคะ ตรงนี้ระบุหมวดวิชา ชั้น และประเภทหนังสือค่ะ
ถ้าไม่ชัดก็เปิดดูบัตรข้างหลังได้นะคะ” หญิงสาวอธิบายอะไรอีกหลายอย่าง แต่ผมฟังไม่เข้าหู
ไม่เข้าจัดว่าทำไม ไอ้เป้ต้องมาจัดหนังสือช่วยน้องเค้า สีหน้าแววตา ดูก็รู้ว่าสนิทกันมากทีเดียว
“แหะ ๆ เป้นี่โง่จังเนอะ ฟ้าค่อย ๆ สอนนะครับ อย่าพึ่งเบื่อเป้หล่ะ” ไอ้เป้ยิ้มตอบเขิน เกาหัวแก้อาย
“ไม่เบื่อหรอกค่ะ กลัวแต่เป้แหล่ะจะเบื่อเราก่อนหาว่าเราพูดมาก” ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หัวร่อต่อกระซิก จนทำผมตัวชาทั้งตัว
“พลัก อ๊ะ ...โทษที” ใครสักคนหนึ่งที่เดินมาชนผมจนเซเรียกสติผมให้กลับมา และเริ่มนึกได้ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร
“อือ ไม่เป็นไร” ผมตอบ ก่อนจะเคลื่อนตัวเองไปยังมุมหนังสือที่ต้องการหา รีบยืมและออกจากที่นั่นโดยทันที
เหลือเวลาแค่ 1 ชั่วโมง เสียเวลาไปดูไอ้เป้ซะครึ่งชั่วโมง ผมเร่งปั่นรายงานที่ต้องส่งตอนบ่ายโมงครึ่ง เป๊ะ
ห้ามขาด ...แต่เกินได้ไม่งั้นคะแนนความประพฤษ -5 คะแนน ทั้งที่ไอ้รายงานนี่มันมีคะแนนแค่ 15 คะแนนแท้ ๆ
ผมปั่นรายงานอย่างไม่คิดชีวิต ลืมเรื่องไอ้เป้ไปในบัดดล ก่อนจะวิ่งหูลู่ไปส่งรายงาน
ที่เฉียดฉิวก่อนเวลาไปแค่ 5 นาที (ชีวิตผูกพันธ์กับเลข 5 นะเนี่ย 55555+)
บ่ายสองโมงตรงเด๊ะ ๆ ผมยังเตร็ดเตร่แถมโรงอาหารเพราะกินข้าวเที่ยงไม่ทัน เลยมาหาอะไรรองท้อง
อาหารกลางวันตามร้านค้าแทบจะไม่มีเหลือให้ผมเลือกมากนัก ผมเลือกอาหารตามสั่งง่าย ๆ
ก่อนจะถือจานข้าวไปนั่งปุ๊กลุ๊ก ... ฟาดอาหารตรงหน้าอย่างฉับไว ฟาดไปได้ครึ่งจาน
ก็ได้ยินเสียงคนคุ้นเคย ...ไอ้เป้อีกแล้วครับท่าน มันยังอยู่กับฟ้า นั่งหันหลังให้ผมถัดไปอีกสองสามโต๊ะ
คาดว่าไม่น่าจะเห็นผม เพราะในระยะสายตามันที่มองจับจ้องน้องฟ้าของมันตาไม่กระพริบ
“ไปก่อนก็ได้นะคะ มีเรียนไม่ใช่เหรอ ฟ้าทานช้าไม่ต้องรอหรอกค่ะ” เธอยิ้มให้ สวยมากครับยิ่งยิ้มยิ่งสวย
“ไม่เป็นไรครับ เป้รอได้เดี๋ยวเป้ไปส่ง ฟ้าก่อนค่อยเข้าคณะ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงแนะ” ไอ้เป้ส่งยิ้มหน้าบาน
กลับไปให้ หน้าหล่อ ๆของมันยังคงทำหน้าที่กระชากใจสาวได้ดีทีเดียว
“ก็ได้ค่ะ” เธอยิ้มหวานเช่นเดิม คงมีแต่ผมที่ชาไปแล้วครึ่งตัว ความรู้สึกอยากอาหารเมื่อครู่หายไปหมด
ทำได้แค่เขี่ยอาหารในจานตรงหน้า ขอบตาร้อนผ่าว ตัวเกร็ง ไม่กล้าแม้จะมองกลับไป กลัวมันจะเห็น
ผมยังนั่งทำตัวรีบ ๆ อยู่กับที่จนทั้งคู่เดินออกไปจากโรงอาหาร รถของไอ้เป้เคลื่อนที่ตรงไปยังคณะบริหาร
ผมนั่งเงียบ ...เม้มปากแน่น สมกันมากๆ ไม่มีคำอื่นมากกว่านี้แล้ว....
ผมค่อย ๆ ลุกขึ้นรู้สึกถึงความสามารถในการควบคุมร่างกายมันเสียหาย ผมเซเล็กน้อย มือเอื้อมมาจับโต๊ะ
อาหารเพื่อพยุงตัวเองไว้ ตั้งสติผ่อนลมหายใจช้า ๆ ยาว ๆ ก่อนจะจ้ำอ้าว กลับไปยังคอนโด
.
.
ถึงคอนโดผมทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า ราวกับว่าวันนี้ไปสู้รบปรบมือกับคนนับร้อยนับพันคนก็ไม่ปาน
ดวงตาที่แดงกล่ำค่อยปล่อยน้ำตาให้มาหล่อเลี้ยง หลับตานิ่งอยากจะพักผ่อน แต่ภาพที่พึ่งผ่านสายตามาไม่นาน
กลับวนย้อนไปย้อนมาในความนึกคิดของผมอยู่อย่างนั้น ไม่เข้าใจ...ทำไมเป้ ...ทำไม
ผมมีคำถามที่ไม่มีทางจะได้รับคำตอบจากปากมัน จนกว่า...จะถึงเวลานั้น ... ผมปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป
เมื่อร่างกายและจิตใจไม่อาจทานทนกับความจริงที่โหดร้าย สิ่งที่เห็นอยู่ตำตา
ไม่ต้องแม้แต่จะเอ่ยถาม เพราะคำตอบค่อนข้างชัดเจน สำหรับคนที่กำลัง..หมดใจ
แล้วผมต้องทำยังไง?