All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55  (อ่าน 324455 ครั้ง)

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #390 เมื่อ09-03-2012 14:50:10 »




   โอว. . . หนูน้อยที่น่าสงสาร
   มาเป็นลูกของปะป๋าโอโนเสะด้วยวิธีนี้เลยเหรอ




ออฟไลน์ dear77

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #391 เมื่อ09-03-2012 15:14:59 »

ยังเป็นงานเขียนที่คงความเป็นเอกลักษณ์ สนุกจังค่ะ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #392 เมื่อ09-03-2012 17:36:52 »

ใกล้จะได้กลับมาปัจจุบันแล้วววว
ตอนนี้โทโมกิคงไม่เป็นไรใช่มั้ย โดนลักพาตัว ไม่มีใครตามเลยยย

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #393 เมื่อ09-03-2012 21:31:37 »

>< เย่ ........แต่ต้องรออีกราวๆเกือบสี่เดือนเลยอ่ะ ฮือๆ T_T
ว่าแต่ ราคาประมาณเท่าไรหรอคะ?

หนึ่งชุด สองเล่ม 600 บาทครับ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #394 เมื่อ09-03-2012 21:34:43 »

เหมือนจะยังไม่จบมั้ย?
มันไม่มีคำว่า
ติดตามตอนต่อไปอ่ะ T[]T

เมื่อวานให้เพื่อนเอาไอดีมาลงให้ครับ เขาเลยไม่รู้ว่าต้องใส่ไอ้คำนี้ด้วย

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #395 เมื่อ09-03-2012 22:32:50 »

คิริฮาระเท่มาก
ีที่จริงก็แอบเอาใจช่วยวายะอยู่สินะคะ
รอวันที่วายะจะเข้ามาดูแลโทโมะอยู่เช่นเดียวกัน
ยังสงสัยอยู่ว่าเข้ามาอยู่ใกล้โทโมะอีกครั้งได้ยังไง
หรือว่าเป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง


may_beast

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #396 เมื่อ10-03-2012 00:22:04 »

หนงัสือมีเหลืออยู่บ้างไหมค่ะ ทั้งสองภาคเลยอ่ะค่ะ
ถ้าเหลือจะได้สั่งค่ะ อยากได้ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

may_beast

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #397 เมื่อ10-03-2012 00:47:08 »

อยากได้หนังสือค่ะ มีเหลืออยู่ใช่ไหมคะ
เผื่อสั่งจองอ่ะค่ะ.....

may_beast

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #398 เมื่อ10-03-2012 00:50:07 »

อยากได้หนังสือค่ะ มีเหลืออยู่ใช่ไหมคะ
เผื่อสั่งจองอ่ะค่ะ..... :impress2: :impress2:

มีทวิตไหมคะจะได้คุยสะดวก

@may_beast

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #399 เมื่อ10-03-2012 07:41:47 »

อยากได้หนังสือค่ะ มีเหลืออยู่ใช่ไหมคะ
เผื่อสั่งจองอ่ะค่ะ..... :impress2: :impress2:

มีทวิตไหมคะจะได้คุยสะดวก

@may_beast

ทวิตเคยมีแต่เล่นไม่ได้ครับ
ถ้าสนใจสั่งซื้อ ดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ

http://kokuro.exteen.com/20100711/come-closer

แต่ไม่มีโดจินชิแถมแล้วนะครับ ถ้าต้องการก็เล่มละ 30 บาทครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
« ตอบ #399 เมื่อ: 10-03-2012 07:41:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jitsupa apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #400 เมื่อ10-03-2012 10:03:46 »

น่าสงสาร :sad4:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #401 เมื่อ10-03-2012 16:06:34 »

ตอนนี้สงสารวายะจัง :เฮ้อ:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #402 เมื่อ10-03-2012 17:53:51 »

สนุกมากๆ น่าติดตามจริงๆค่ะ +1+เป็ด
ตอนนี้ สงสารทั้งวายะทั้งโทโมะ มีปมถูกทิ้งกันมาทั้งคู่ :monkeysad:
อยากรู้ว่ารันจังเป็นใคร
ป.ล. โอโนเสะซังเท่ อบอุ่น ชอบจัง :-[


ออฟไลน์ chompoonut139

  • สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #403 เมื่อ11-03-2012 11:16:24 »

เห้อน่าสงสารที้สุด

THE MIN

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #404 เมื่อ11-03-2012 20:53:13 »

ฮือออออออออออออ

จะร้องไห้ ฮืออออออออออ



โทโมะ  น่าสงสารจัง

Beast12honey

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #405 เมื่อ12-03-2012 03:02:22 »

T______________T สงสารนะเเต่ก็ชอบ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #406 เมื่อ15-03-2012 15:28:00 »

โทโมกิอ่าา  นายคิดถูกแล้วล่ะที่พูดแบบนั้นออกไป   :กอด1:
รอนะฮะ  ^^

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #407 เมื่อ16-03-2012 22:13:57 »

All I want # 15

“ว่ายังไงนะ?”

“ฉันบอกว่าโอโนเสะซังรับเด็กคนนั้นไปเป็นลูกบุญธรรมแล้ว”

ดวงตาคมเบิกกว้าง  ยกมือขึ้นเสยเรือนผมสีทองของตนอย่างรู้สึกสับสน  วายะไม่อยากจะเชื่อคำพูดนั้น  บางทีคิริฮาระอาจจะแกล้งอำเขาเล่นก็ได้  แต่อีกใจก็รู้ดีว่านายแบบหนุ่มไม่มีวันล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้

เป็นลูกบุญธรรมตระกูลโอโนเสะ...นั่นหมายความว่าโทโมกิจะอยู่สูงเกินกว่าเขาจะเอื้อมคว้าได้ไปตลอดกาล

ถ้วยกาแฟใบสวยที่มีควันกรุ่นลอยออกมาถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับเสียงนุ่ม ๆ

“ดื่มให้ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะครับ  วายะซัง”  เป็นนัตสึเมะที่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

วายะพยักหน้ารับรู้แต่ไม่มีทีท่าว่าจะรับถ้วยไปดื่ม  สองมือกุมขมับ  ว้าวุ่นใจเสียจนไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกของตนดี

คิริฮาระได้แต่มองอาการแบบนั้นของโฮสต์หนุ่มแล้วก็ถอนใจ  นี่เป็นข่าววงในที่ไม่มีใครรู้นอกไปจากคนในตระกูลโอโนเสะ  ซึ่งเขาเองก็รู้มาจากโอโนเสะ  ทาคายะที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาและเป็นน้องชายของท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์อีกที

“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่เขาคิดอะไร  มันออกจะกะทันหันเอาเรื่อง  พี่สะใภ้ก็เก่งเหลือเกิน  ท่าทางจะยอมรับได้ง่าย ๆ เลยละ”

นั่นคือคำบอกเล่าของทาคายะ  ซึ่งคิริฮาระเองก็ไม่อยากจะเชื่อ  แต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่ออกมาจากปากของคนในตระกูลเองก็แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องโกหก

โอโนเสะ  ฮิซาโนบุมีลูกชายแล้วสามคน  คนโตได้รับบริษัทลูกเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของลูนาติก  ลัสท์ไปบริหารดูแล  คนรองกำลังเป็นเลขา ฯ ของประธานบริษัทเครือเดียวกัน  ส่วนคนเล็กกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยและไม่ได้มีท่าทีว่าจะจับงานด้านนี้ต่อ

ถ้าให้มองจากภายนอก  ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าเด็กที่โอโนเสะรับไปเป็นลูกบุญธรรมจะต้องเกี่ยวข้องกับโอโนเสะไม่ทางใดทางหนึ่งเป็นแน่  เรื่องลูกนอกกฎหมายของนักธุรกิจระดับนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด  เพียงแต่...นั่นมันดีกับโอโนเสะและโทโมกิแล้วจริงหรือ

ในที่สุดวายะก็เงยหน้าขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบกาแฟที่นัตสึเมะชงให้มาจิบ  ก่อนจะถอนใจยาวราวกับจะระบายความอัดอั้นในใจออกไป

“ทีนี้...นายคงตัดใจได้แล้วสินะ”  คิริฮาระเอ่ยขึ้นเบา ๆ

หากโฮสต์หนุ่มส่ายหน้า  “ไม่หรอก  ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่  ในเมื่อฉันรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนในตอนนี้”

หากไม่รู้ว่าโทโมกิอยู่ที่ไหน  เขาก็จะไม่ฟุ้งซ่าน  ไม่ร้อนรน  ไม่คิดจะออกตามหาหรือดิ้นรนจะไปเจอหน้า  เขาคงแค่ทำใจว่าโทโมกิคงจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้...โดยที่มีตราประทับของเขาติดตัวไปตลอดกาล  แต่นี่เขารู้แล้วว่าโทโมกิอยู่ที่ไหน  และมันไม่ได้ไกลจากตัวเขาเลย  แค่ขึ้นลิฟท์ด้านหลังไปก็มีโอกาสจะได้พบ...แล้วเขาจะหักห้ามใจตัวเองได้อย่างไร

“วายะซังครับ  ผมคิดว่าบางทีแบบนี้มันอาจจะดีกว่า”  เป็นนัตสึเมะที่ทำลายความเงียบขึ้น

“ดีกว่ายังไง?”  โฮสต์หนุ่มขมวดคิ้ว

“ดีที่จะตัดใจครับ”  มาสเตอร์หนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังอย่างที่นาน ๆ จะได้เห็นสักครั้ง  “ตระกูลโอโนเสะเป็นตระกูลใหญ่  และถ้าจะพูดกันตรง ๆ คือมันอยู่คนละโลกกับเราโดยสิ้นเชิง  คนอย่างพวกเราไม่มีวันจะได้เหยียบย่างเข้าไปในโลกของพวกเขาเหล่านั้น”

“แต่เวลามีงานมันก็มีโอกาสได้เจอนี่”  วายะเถียง  เขาเคยได้เจอพวกลูกชายของโอโนเสะหลายครั้ง  จนได้พูดคุยกันเสียด้วยซ้ำ

“ผมไม่คิดว่าโอโนเสะซังจะให้เด็กคนนั้นออกงานนักหรอกนะครับ”

“ทำไม?”

“อย่างแรกคือเขายังเด็กมาก  โดยทั่ว ๆ ไปยังไม่อยู่ในช่วงวัยที่ควรจะได้รู้และสนใจเรื่องธุรกิจประจำตระกูลด้วยซ้ำ  อย่างที่สองคือการเป็นลูกบุญธรรมน่ะ...มันตีความไปได้หลายอย่างนะครับ  บางทีมันก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและหน้าตาของวงศ์ตระกูลโดยตรงด้วย”  นัตสึเมะอธิบาย

วายะนิ่งคิดแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย  “แต่ถ้าเกิดวันนึงได้ไปเจอกันที่งานเข้าล่ะ  จะทำยังไง?”

“กว่าจะถึงตอนนั้นยังอีกหลายปีครับ  บางทีวายะซังอาจจะไม่ได้เป็นโฮสต์หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูนาติก  ลัสท์แล้วก็ได้  เรื่องจะได้เจอกันก็เป็นอันจบ  หรือถ้ายังอยู่และได้ไปเจอกันจริง ๆ...ถึงตอนนั้นถ้ายังต้องการเขาอยู่  จะลองดูอีกสักทีก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

น่าแปลกที่คำพูดของนัตสึเมะทำให้วายะใจเย็นลงได้อย่างประหลาด

“ตอนนี้ก็คิดเสียว่าเด็กคนนั้นได้ตายจากคุณและไปอยู่ในโลกอื่นแล้วก็แล้วกันนะครับ”  ผู้เป็นเจ้าของร้านพูดแล้วก็พยักเพยิดไปทางกาแฟที่ชายหนุ่มถืออยู่ในมือ  “เดี๋ยวจะเย็นซะหมดนะครับ  กาแฟชืด ๆ มันไม่อร่อยหรอก”

วายะพยักหน้าแล้วดื่มกาแฟอีก  ก่อนจะสังเกตว่ารสชาติแปลกไปกว่าที่เคยดื่ม  “ทำไมวันนี้กาแฟมันนุ่ม ๆ กว่าปกติล่ะ  มาสเตอร์?”

“เห็นดูเครียด ๆ ก็เลยชงอะไรนุ่ม ๆ ให้หน่อยน่ะครับ  ก็กาแฟปกติที่วายะซังเคยดื่มนั่นแหละ  แต่เติมโกโก้ลงไปเพิ่มให้มันเป็นมอคค่าน่ะครับ”

“อะไรกัน  ทำไมฉันได้ดื่มแต่เอสเปรสโซล่ะ  ทีวายะยังได้ดื่มกาแฟแปลก ๆ เลย”  คิริฮาระโวยขึ้น

“คนเริ่มดื่มกาแฟจากเอสเปรสโซก็ดื่มเอสเปรสโซต่อไปเถอะ  กาแฟอย่างอื่นมันไม่อร่อยหรอก”  นัตสึเมะยักไหล่

“นี่นายพูดแบบนี้มาสี่ปีแล้วนะ”

“แล้วจะพูดต่อไปด้วย”

วายะนั่งฟังเพื่อนรักคนละขั้วต่อล้อต่อเถียงกันไปพลางก็คิดถึงคำพูดของนัตสึเมะ...เขากับโทโมกิอยู่กันคนละโลก  มันก็จริง  ถึงเขาจะทำงานให้ลูนาติก  ลัสท์และโอโนเสะ  แต่เขาไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตระกูลโอโนเสะเลย  รู้แต่ว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีธุรกิจมากมายในมือ  ซึ่งเขารู้จักแต่ธุรกิจสกปรกอย่างโฮสต์คลับหรือธุรกิจผิดกฎหมายเท่านั้น  นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้รู้อะไรอีก  เขาเป็นเพียงแค่ลูกจ้างคนหนึ่งในจำนวนหลายพันคนของโอโนเสะที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดนายใหญ่เป็นพิเศษบ้างเท่านั้น  หากไม่ใช่เพราะตำแหน่งโฮสต์อันดับหนึ่งเขาคงไม่มีวันได้เผยอหน้าเข้าไปในสังคมของโอโนเสะเป็นแน่  แม้ตอนนี้ก็เถอะ  โลกของโอโนเสะอยู่เกินความเข้าใจของเขา  ที่นัตสึเมะพูดมาเรื่องลูกบุญธรรมนั่น  เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกี่ยวพันไปถึงชื่อเสียงหน้าตาของตระกูล

โทโมกิตายไปแล้ว...ตายจากโลกของเขาและไปอยู่ในโลกใหม่ที่เขาไม่รู้จักแล้ว

หากไม่ได้พบกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ  สักวันความสับสนเร่าร้อนในใจก็คงจะบรรเทาลงได้  เหมือนที่มันเคยสงบมาได้หลายเดือนก่อนหน้านี้  สุดท้ายมันอาจจะกลายเป็นความทรงจำที่เขาจะเก็บกอดไปตลอดชีวิต  ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยต้องการใครคนหนึ่งมากมายเพียงไหน...เหมือนกับที่ความทรงจำที่มีต่อใครอีกคนยังคงตกตะกอนอยู่ในหัวใจของเขา

...

โทโมกินั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างห้องนอนพลางทอดสายตาออกไปยังสวนญี่ปุ่นที่อาบไล้ด้วยแสงจันทร์ปลายฤดูร้อน  ฟูกนอนปูเอาไว้กลางห้องกว้างขนาดสิบเสื่อที่ตกแต่งเรียบง่าย  มีเพียงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มุมด้านหนึ่งของห้อง  ชั้นวางของที่มีทั้งโทรทัศน์และเครื่องเสียง  กับตู้เสื้อผ้าและราวแขวนผ้า  บรรยากาศสมกับเป็นห้องญี่ปุ่นในเรือนแบบญี่ปุ่นจริง ๆ

แต่ทั้งที่ห้องก็กว้างขวาง  แต่โทโมกิกลับรู้สึกอึดอัด  เขาไม่เคยอยู่ในห้องแบบนี้มาก่อน  ที่แมนชั่นของพ่อกับแม่นั้นเป็นสไตล์ตะวันตก  เครื่องเรือนทั้งหมดก็เป็นแบบตะวันตก  ถ้าไม่นับการไปเข้าค่ายทัศนศึกษาตอนเด็ก ๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้นอนฟูกปูพื้น  แต่แม้จะนอนมาเป็นอาทิตย์แล้วก็ยังไม่ชิน  เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจว่าถ้ายังไม่ง่วงจริง ๆ เขาจะยังไม่นอน  เพราะนอนไปก็ได้แต่พลิกตัวไปมาไม่ยอมหลับอยู่ดี

เสียงประตูกระดาษเปิดครืดดึงให้โทโมกิหันมามอง  พอเห็นผู้มาเยือนก็รีบกระเด้งลงมาจากขอบหน้าต่างเหมือนโดนเข็มแทง  แต่นั่นก็ไม่เร็วไปกว่าสายตาคมกริบที่จ้องมองมา

“ไปนั่งอยู่ตรงนั้นอีกแล้วเหรอคะ  โทโมกิซัง  บอกกี่ครั้งแล้วคะว่ามันอันตราย  ห้ามขึ้นไปนั่งอีก”  เสียงเข้มงวดเต็มไปด้วยแววตำหนิ

“ขะ...ขอโทษครับ  นายแม่”  โทโมกิลงมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนเสื่อทาทามิ

“แล้วทำไมถึงยังไม่นอนคะ  ดึกป่านนี้แล้ว  พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า  เดี๋ยวก็ไม่มีแรงหรอกค่ะ  แล้วดูสิ  เปิดมุ้งลวดทิ้งไว้ยุงก็เข้ากันหมดพอดี”  ว่าพลางเธอก็เดินมาดึงมุ้งลวดหน้าต่างปิด

โทโมกิขยับตัวอย่างอึดอัด  เธอคนนี้คือโอโนเสะ  ยูคาริ  ภรรยาคู่บุญของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุ  นายแม่ผู้ควบคุมดูแลจัดการงานทุกอย่าง  รวมไปถึงทุกคนที่อาศัยอยู่ในเรือนใหญ่ของตระกูลโอโนเสะนี้ด้วย  แม้จะมีหัวหน้าแม่บ้านคอยช่วยดูแลบรรดาคนรับใช้แล้ว  แต่ยูคาริก็รับหน้าที่ดูแลโทโมกิด้วยตัวเอง  เธอมีหน้าที่อบรมและฝึกฝนเขาในฐานะคนของตระกูลโอโนเสะคนหนึ่ง  เหมือนกับที่เคยทำให้ลูกชายทั้งสามคน

“เอาละค่ะ  ทีนี้ก็นอนได้แล้ว  ราตรีสวัสดิ์  โทโมกิซัง”  เธอก้มหัวให้น้อย ๆ

“ระ...ราตรีสวัสดิ์ครับ  นายแม่”  โทโมกิรีบโค้งตอบทั้งที่ยังนั่งอยู่อย่างนั้น

ยูคาริปิดไฟแล้วออกจากห้องไป  โทโมกิจึงได้ถอนใจยาว...ไม่ชินจริง ๆ...ยังไงก็ไม่ชินอยู่ดีนั่นแหละ  แต่นี่เป็นทางที่เขาเลือกเอง  เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นยังไงเขาก็จะต้องเดินต่อไป


จากวันนั้นที่โทโมกิพาร่างอันสะบักสะบอมไปหาโอโนเสะ  เวลาได้ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้ว  ด้วยคำพูดคำนั้นของเด็กหนุ่มทำให้โอโนเสะต้องตัดสินใจครั้งใหญ่  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับเด็กสักคนมาเป็นลูกบุญธรรม  แต่เมื่อดูจากสภาพครอบครัวและสถานการณ์แล้ว  โอโนเสะก็ไม่คิดว่ามันจะยากเกินไปนัก

ในคืนนั้นเขาให้โทโมกินอนพักที่ห้องพักส่วนตัวที่อยู่ติดกับห้องทำงาน  อาการของโทโมกิไม่ค่อยดีนัก  ทางด้านร่างกายยังไม่เท่าไร  แต่ทางด้านจิตใจนับว่าแย่ทีเดียว  เด็กหนุ่มเหม่อลอยและพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง  ต้องใช้เวลาพักใหญ่จึงจะกล่อมให้หลับไปได้

“เอายังไงดีครับ  คุณน้า?”  ยามานากะถามขึ้นเมื่อโอโนเสะออกมาจากห้องพัก  สรรพนามที่ใช้เรียกแปลกไปกว่าเคย  บอกให้รู้ถึงจุดมุ่งหมายของการพูดคุยว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวที่จะคุยกันฉันญาติ

โอโนเสะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน  “นั่นสินะ”

ยามานากะถอนใจเบา ๆ  “ที่จริง...ผมเคยคิดจะบอกคุณน้าอยู่เหมือนกัน  แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แล้วก็เป็นเรื่องที่จะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคุณน้าด้วย  ผมก็เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป  แต่ดูจากอะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว  ทั้งตัวเด็กคนนั้นเอง  แล้วก็สิ่งที่คุณน้าทำลงไป...ผมว่านี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้นะครับ”

“หมายความว่าจะให้ฉันรับเด็กคนนั้นมาเป็นลูกงั้นเรอะ?”  โอโนเสะช้อนตาขึ้นมอง

“ครับ  ผมคิดแบบนั้น”  ยามานากะตอบอย่างหนักแน่น

ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ยกสองมือขึ้นมาประสานกันบนโต๊ะ  หลุบตาลงต่ำ  และครุ่นคิด  “นี่มันเรื่องใหญ่มากนะ”

“ผมทราบครับ  ทั้งใหญ่ทั้งยุ่งยาก  แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้”

“จะเอาเหตุผลอะไรไปแย่งลูกเขามาล่ะ?”

“ดูท่า...ไม่ต้องมีเหตุผลเขาก็คงแทบอยากยกลูกให้แล้วละครับ”  ยามานากะทำสีหน้ารังเกียจขึ้นมาแวบหนึ่งเมื่อพูดถึงพ่อแม่ของโทโมกิ  “แต่ถ้าคุณน้าจะหาเหตุผล  ก็อย่างเช่น...คุณน้านึกอยากจะดูแลลูกเล็กสักคน  เพื่อทดแทนส่วนที่ไม่เคยได้ดูแลลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองเลย  พอนึกได้ว่าอยากจะทำอย่างนั้น  ฮิโรอากิคุงก็โตเกินไปเสียแล้ว  ตอนนี้ก็เลยอยากหาเด็กมาซ้อมมือไว้เผื่อเอาไว้รับมือหลานบ้าง...อะไรแบบนี้ดีมั้ยครับ?”

โอโนเสะหยิบยางลบบนโต๊ะขว้างหัวยามานากะแล้วก็แม่นเสียด้วย  “พูดอะไรระวังปากหน่อย  เดี๋ยวก็โดนหรอก”

“ก็โดนแล้วนี่ครับ”  ยามานากะลูบหัวตัวเองป้อย ๆ  “แต่...ถ้าพูดกันตามตรง  คุณน้าก็เป็นห่วงเด็กนั่นใช่มั้ยล่ะครับ?”

ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว  ทั้งโอโนเสะและยามานากะอยู่กับโทโมกิตั้งแต่เข้ารักษาตัวและบำบัดจิตตั้งแต่แรก  เขาเห็นสภาพแหลกเหลวเกินเยียวยาของครอบครัวซานาดะที่ไม่ว่าโทโมกิจะเข้มแข็งสักแค่ไหนก็ไม่น่าจะผ่านไปได้ด้วยตัวคนเดียว  ซ้ำสภาพจิตใจของเด็กหนุ่มก็ยังเป็นแบบนี้อีก  มันยากเกินไปที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ตามลำพังได้  จริงอยู่ว่าพวกเขาทำธุรกิจด้านมืดผิดกฎหมายและได้เห็นคนผิดปกติทางใจมากมายเสียจนไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่ถ้าเป็นไปได้  เขาก็ไม่อยากให้เด็กคนไหนโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ผิดปกติแบบนั้น  โอโนเสะรู้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้ปกตินัก  แต่ลูกชายทั้งสามก็ยังโตมาเป็นคนปกติได้ภายใต้การดูแลของภรรยาที่แสนดีของเขา...ต้นไม้ที่เกิดมาจากเมล็ดพันธุ์ไม่ดีอาจจะโตขึ้นมาอย่างบิดเบี้ยวและแคระแกร็น  แต่ถ้าบำรุงดูแลรักษาดี ๆ ก็สามารถโตขึ้นเป็นไม้ใหญ่ที่สวยงามได้...เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนั้น...โทโมกิต้องการคนดูแลเอาใจใส่มากกว่านี้  เพื่อที่จะโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งมั่นคงต่อไป

หลังจากนิ่งคิดอยู่นาน  ในที่สุดโอโนเสะก็เอ่ยขึ้น

“ยามานากะ  บอกให้ทนายรวบรวมข้อมูลซิว่าการจะรับบุตรบุญธรรมต้องทำยังไงบ้าง  เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยเท่าที่จะทำได้  ขาดเหลืออะไรให้มาคุยกับฉัน”

“ครับ”

“แล้วก็...ช่วยจัดคนไปคอยดูแลโทโมกิที่แมนชั่นด้วย  อย่าให้เกิดเรื่องอย่างคืนนี้ขึ้นอีก”

เช้าวันรุ่งขึ้น  ยามานากะก็จัดให้ชายหนุ่มคนหนึ่งไปส่งโทโมกิที่แมนชั่นและคอยดูแลเด็กหนุ่มในเรื่องการเรียนด้วย  ผู้ที่ยามานากะส่งมาเป็นคน  “ใน”  บ้านโอโนเสะที่อายุราวยี่สิบกว่า ๆ  ชายหนุ่มคุ้นเคยกับการดูแลรับใช้คนในบ้านโอโนเสะเป็นอย่างดีและยังมีความรู้ความสามารถพอที่จะเป็นครูสอนพิเศษได้

โทโมกิไม่ได้ไปโรงเรียนมากว่าครึ่งปีแล้วจึงจำเป็นต้องเรียนพิเศษเพื่อจะได้เรียนทันคนรุ่นเดียวกันโดยไม่ต้องซ้ำชั้น  โดยพื้นฐานแล้วโทโมกิไม่ได้สนใจเรื่องเรียนเท่าไรนัก  ความรู้จึงอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าปกติเล็กน้อย  หากคนเป็นครูก็ใจเย็นเอาเรื่อง  ค่อย ๆ ตะล่อมสอนเอาจนได้แม้นักเรียนร่ำ ๆ จะอาละวาดอยู่หลายครั้ง

ผ่านไปราวหนึ่งอาทิตย์  ระหว่างที่โทโมกิกำลังเรียนพิเศษอยู่  พ่อกับแม่ก็ปึงปังมาที่ห้องพร้อมกับเสียงเอะอะเอ็ดตะโร

“โทโมกิ!  แกอยู่ไหน  ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!  โทโมกิ!!”

โทโมกิชะงักมือที่กำลังทำแบบฝึกหัด  ทอดถอนใจแล้ววางดินสอลง  ก่อนจะเยี่ยมหน้าออกไปดูที่ห้องนั่งเล่น  พ่อยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่กลางห้อง  ส่วนแม่นั่งไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่โซฟา  และในห้องนั้นยังมีผู้ชายอีกคนที่โทโมกิไม่เคยเห็นหน้า

“อ้อ!  มาแล้วเหรอ  ไอ้ตัวดี  มานี่เลย!”  ผู้เป็นพ่อปราดเข้ามาหมายจะคว้าแขน  แต่ถูกครูสอนพิเศษขวางไว้

“อย่าแตะต้องเขานะครับ”

“อะไร?  แกเป็นใครกันเนี่ย  มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”  พ่อมองชายหนุ่มหัวจรดเท้า

“ผมเป็นครูสอนพิเศษของซานาดะคุงที่ท่านโอโนเสะส่งมาครับ”  เขาอธิบายอย่างราบเรียบ

“อ้อ  คนของไอ้แก่นั่น...”  น้ำเสียงเหมือนจะเข่นเขี้ยว  “แต่แกไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องในครอบครัว  ถอยไปซะ”

มือใหญ่เอื้อมมาจะคว้าร่างของโทโมกิอีกครั้ง  แต่ถูกครูสอนพิเศษปัดเฉไปง่าย ๆ

“ถึงจะเป็นเรื่องในครอบครัว  แต่ผมมีหน้าที่ดูแลไม่ให้ซานาดะคุงถูกทำร้ายด้วยครับ”

ซานาดะผู้พ่อตั้งท่าจะโวยวายอีก  แต่สายตาคมกริบที่ส่งมาจากคนที่อ้างตัวว่าเป็นครูสอนพิเศษทำให้ต้องหุบปากเงียบ  แล้วก็ถูกแทรกขึ้นมาด้วยเสียงเรียบ ๆ ที่เคร่งขรึมเป็นทางการ

“ผมว่าซานาดะซังใจเย็น ๆ แล้วมานั่งคุยกันดีกว่าครับ  คุณผู้หญิงก็รออยู่แล้วด้วย”

ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มผายมือไปยังโซฟาราวกับเป็นเจ้าบ้านเสียเอง  โดนคนที่รับมือได้ยากกระหนาบหน้าหลังแบบนี้  ผู้เป็นพ่อของโทโมกิก็ไม่มีทางเลือก  ได้แต่เดินกระแทก ๆ ไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับภรรยา

“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ  ทีนี้ก็เชิญซานาดะคุงด้วยครับ”  ชายหนุ่มผายมือไปที่โซฟาอีกตัว

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
«ตอบ #408 เมื่อ16-03-2012 22:26:44 »

โทโมกิยังงุนงงกับสถานการณ์จึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง  จนครูสอนพิเศษรุนหลังให้เดินไปนั่งจึงทำตามอย่างว่าง่าย  เด็กหนุ่มนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับพ่อและแม่โดยมีครูสอนพิเศษกับชายแปลกหน้านั่งขนาบข้าง  แม้จะยังไม่เข้าใจอะไรดีนัก  แต่โทโมกิรู้สึกว่าชายแปลกหน้าคนนี้เป็นพวกเดียวกับเขา

“เอาละ  เรามาเข้าเรื่องกันนะครับ  เมื่อครู่ผมได้อธิบายไปแล้วว่าผมเป็นใคร  แต่ซานาดะคุงยังไม่รู้  เพราะฉะนั้นให้ผมแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ  ผมโทงาวะ  เรนยะ  เป็นทนายความประจำตระกูลโอโนเสะครับ  ที่มาพูดคุยกับพวกคุณในวันนี้ก็เพราะโอโนเสะซังขอให้มาจัดการเรื่องการรับซานาดะ  โทโมกิคุงไปเป็นลูกบุญธรรมน่ะครับ”

เหมือนมีระเบิดทิ้งลงกลางวง  โทโมกิตะลึงงัน  เมื่อกี้เขาหูฝาดไปหรือเปล่า  ลูกบุญธรรมงั้นหรือ...ที่เขาพูดไปในวันนั้น  โอโนเสะรับไปคิดจริงจังหรือนี่

พ่อของเด็กหนุ่มโวยวายทันที  เขาเอ็ดตะโรว่าโทโมกิไปพูดอะไรบ้า ๆ กับโอโนเสะและโอโนเสะไม่ควรจะต้องมารับเด็กคนนี้ไปเป็นลูกบุญธรรมในเมื่อครอบครัวของเขาไม่มีปัญหาอะไร  โทโมกิกำมือแน่นแต่ไม่ได้โต้ตอบ  ทนายความประจำตระกูลโอโนเสะก็ใจเย็นเหลือเชื่อ  พวกเขารอให้ชายหนุ่มเหนื่อยจนหยุดไปเอง  ในระหว่างนั้นผู้เป็นแม่ไม่ได้เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว

ทนายโทงาวะเข้าเรื่องอย่างไม่ได้สนใจสิ่งที่พ่อของโทโมกิเอะอะโวยวายแม้แต่น้อย  เขากล่าวถึงสภาพครอบครัวซานาดะที่แตกแยกแหลกแหลว  การที่พ่อแม่ทอดทิ้งโทโมกิให้อยู่คนเดียวมาเป็นเวลานานแล้ว  สภาพที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อบรมสั่งสอนของโทโมกิ  และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่องซึ่งล้วนแต่ทำให้พ่อกับแม่ของเด็กหนุ่มได้แต่นั่งเงียบไร้ข้อโต้แย้งด้วยแทงถูกใจดำเข้าเต็มรัก  โทโมกิเองก็ได้แต่นั่งสะใจอยู่ลึก ๆ แกมสมเพชตัวเองและครอบครัวที่ทำเป็นเฉยเมยกับเรื่องนี้จนต้องให้คนอื่นมาพูดใส่หน้า

“...และเท่าที่สืบทราบ  คุณทั้งสองคนต่างก็มีคนรักของตัวเองและไปอยู่อาศัยด้วยกันนานแล้ว  ดังนั้น...”

“นี่มันเรื่องส่วนตัวนะ!  คุณกล้าดียังไงถึงได้มาละลาบละล้วงขนาดนี้  ผมจะฟ้อง!!”  ผู้เป็นพ่อสวนขึ้นมาทันที

“อ้อ  ครับ  ผมคิดว่าน่าจะฟ้องในข้อหาล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ละครับ  แต่ที่ผมต้องไปสืบค้นมาก็เพื่อให้หลักฐานในการขอรับซานาดะคุงไปเป็นลูกบุญธรรมมันแน่นหนาขึ้นเท่านั้นเอง  ไม่ได้มีเจตนาจะไปล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวอะไรของคุณทั้งสองเลยครับ  แต่อย่างที่เห็น  คุณทั้งสองต่างก็มีครอบครัวใหม่แล้ว  แม้จะไม่ได้จดทะเบียนหย่าอย่างเป็นทางการแต่ทางพฤตินัยแล้วก็ถือว่าแยกกันอยู่แล้วใช่มั้ยครับ  เมื่อผู้เป็นบิดามารดาต่างแยกย้ายกันและไม่ได้ใส่ใจดูแลบุตร  ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ปกครองเยาวชน...ผมคิดว่าตรงจุดนี้น่าจะเป็นเหตุเป็นผลมากพอในการที่โอโนเสะซังจะยื่นขอซานาดะคุงไปเป็นลูกบุญธรรมน่ะครับ”  โทงาวะกล่าวเรียบ ๆ  และวางภาพถ่ายทั้งสองกับคู่รักของตนลงบนโต๊ะให้ดู

โอโนเสะสั่งให้โทงาวะไปหาหลักฐานที่จะสามารถกดดันพ่อกับแม่ของโทโมกิให้เงียบมาให้ได้  ทนายหนุ่มจึงจ้างนักสืบให้ตรวจสอบเรื่องราวของทั้งสองและเรื่องของโทโมกิ  ก่อนจะพบว่าทั้งสองได้ทิ้งโทโมกิไว้ที่แมนชั่นแห่งนี้ตามลำพังตั้งแต่ประถมสาม  ที่ทำก็เพียงแค่จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูต่อเดือนให้เป็นจำนวนมากเท่านั้น  ทำให้โทโมกิเติบโตมาอย่างไร้การอบรมสั่งสอน  ผลการเรียนต่ำ  และเป็นตัวปัญหาของโรงเรียนมาตลอด

จนด้วยคำพูดและการโต้แย้ง  ผู้เป็นพ่อและแม่ของโทโมกิไม่ได้ว่าอะไรอีก  เพียงแต่ขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก  ระหว่างนั้นโทโมกิจึงอยู่ในความดูแลของครูสอนพิเศษและทนายโทงาวะไปพลาง ๆ ก่อน

เรื่องทางกฎหมายนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง  โทโมกิก็ไม่รู้  มันเกินขอบเขตความเข้าใจของเขา  รู้แต่เพียงว่าหลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือนทนายโทงาวะก็บอกให้เขาเก็บข้าวของทั้งหมดและเตรียมย้ายเข้าบ้านใหญ่ของตระกูลโอโนเสะ...โดยที่พ่อกับแม่ไม่ได้โผล่มาให้เห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว

เด็กหนุ่มยังจำได้ถึงความรู้สึกแรกที่ลงจากรถเบนซ์คันหรูที่โอโนเสะจัดไปรับและลงมายืนอยู่หน้าทางเข้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลโอโนเสะ  เรือนไม้หลังใหญ่แบบญี่ปุ่นดูเรียบขรึมทว่าสง่างามและยิ่งใหญ่  ข่มเขาจนเหลือตัวนิดเดียว  เหงื่อเย็น ๆ ไหลออกฝ่ามือจนชื้น  และถ้าไม่โกหกตัวเองเขาก็รู้สึกว่าขาสั่นน้อย ๆ...นี่คือที่ที่เขาจะต้องอาศัยอยู่จากนี้ไปจริง ๆ หรือ...ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกถึงภาระหนักหน่วงในการเข้ามาเป็นคนในตระกูลโอโนเสะแม้แต่น้อย  ทุกครั้งที่พบกับโอโนเสะคือที่สำนักงาน  แม้จะรู้ว่าโอโนเสะมีตำแหน่งฐานะใหญ่โตแต่ก็ไม่เคยคิดมาถึงบ้านใหญ่ของตระกูลแม้แต่ครั้งเดียว...นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนไม่มีอะไรคู่ควรในการเป็นคนของตระกูลโอโนเสะเลย

...เขาแค่หลุดปากออกไปอย่างเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งเท่านั้น...

หญิงวัยกลางคนในชุดกิโมโนงามหรูเป็นคนออกมารับโทโมกิ  จากการที่ชายในชุดสูทสีดำที่รายล้อมอยู่โค้งทำความเคารพเธอทำให้โทโมกิรู้ว่าเธอจะต้องเป็นคนสำคัญของที่นี่แน่จึงทำความเคารพด้วย  และได้มารู้ในเวลาต่อมาว่าเธอคือ  “นายแม่”  ของบ้านโอโนเสะ

“ฮิซาโนบุซังกำลังรออยู่แล้วค่ะ  เชิญข้างใน”  น้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลทว่าเด็ดขาดและมีอำนาจอยู่ในตัว  เด็กหนุ่มตามเธอไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

ระเบียงไม้แบบโบราณนำมาสู่ห้องโถงกว้างที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ  ฉากตรงหน้าเหมือนกับภาพยนตร์ที่เคยผ่านตาแค่ในโทรทัศน์  โทโมกิตกประหม่าเมื่อประตูกระดาษถูกเลื่อนเปิดออก  ในห้องมีคนในชุดสูทเรียบหรูนั่งอยู่หลายคนโดยมีโอโนเสะนั่งเป็นประธานอยู่ที่ยกพื้นด้านหนึ่งของห้อง  แค่ดูด้วยตาก็เดาได้ว่าทุกคนในห้องนี้คือคนสำคัญในตำแหน่งต่าง ๆ ของเครือบริษัทลูนาติก  ลัสท์  และคนสำคัญในสาขาต่าง ๆ ของตระกูล  ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งใกล้กับโอโนเสะมากที่สุดคือชายหนุ่มสามคน  ซึ่งโทโมกิเดาว่าเป็นลูกชายทั้งสามของโอโนเสะที่ได้ยินคนพูดถึงบ่อยครั้ง  ลูกชายคนโตท่าทางเคร่งขรึมเป็นนักธุรกิจเต็มตัวอายุประมาณ 35  คนรองน่าจะอายุราวยี่สิบตอนปลาย  ดูเป็นคนทำงานเต็มตัวแล้วเช่นกันแต่หูตายังแพรวพรายอย่างคนมีอารมณ์ขัน  ส่วนคนสุดท้าย...แปลกตาที่สุด  เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบ  ไว้ผมยาวถึงกลางหลังและเป็นสีน้ำตาลอ่อน  ใบหน้าค่อนข้างหวานประพิมประพายคล้ายคลึงกับนายแม่เสียมากกว่าโอโนเสะ  แต่แววตาที่มองมาที่โทโมกิเป็นประกายระยิบและแฝงความร้ายกาจเล็ก ๆ เอาไว้อย่างคนขี้แกล้ง

โอโนเสะให้โทโมกิที่สะท้านไปทั้งตัวด้วยความประหม่านั่งลงข้าง ๆ และแนะนำเขากับบรรดาคนสำคัญทุกคนที่มารวมตัวกันในห้องนั้น  ก่อนจะแนะนำให้โทโมกิรู้จักกับคนเหล่านั้นทีละคน  ซึ่งก็มากพอที่เด็กหนุ่มผู้กำลังตื่นเต้นจะรู้สึกว่าเกินกำลังสมองจะจดจำ  แต่อย่างไรเสียเขาก็คงไม่ได้มีโอกาสข้องเกี่ยวอะไรกับคนพวกนั้นเท่าไรนัก  ด้วยความที่เขาเป็นเพียงเด็กที่โอโนเสะเก็บมาเลี้ยงด้วยความสงสารแกมสมเพช  ในอนาคตคงไม่ได้มีหน้ามีตาอะไรในตระกูลมากไปกว่าพนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่งเป็นแน่

“จากนี้ไปยูคาริจะเป็นคนสั่งสอนและดูแลเธอทุกอย่าง  จงเชื่อฟังและปฏิบัติกับเธอในฐานะแม่นะ  โทโมกิ”  โอโนเสะบอกเด็กหนุ่มไว้อย่างนั้น  และเขาก็น้อมรับ

ทว่าการเป็นเด็กในตระกูลโอโนเสะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ทุกวันยูคาริจะต้องเคี่ยวเข็ญกิริยามารยาทให้โทโมกิใหม่ทุกอย่างนับตั้งแต่เรื่องการใช้ตะเกียบไปจนถึงการเข้าสังคม  ไม่เคยมีใครสั่งสอนโทโมกิในเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยและออกจะเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะต้องมาฝึกฝนทุกอย่างใหม่เอาในวัยขนาดนี้...วัยต่อต้าน...เด็กหนุ่มไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมการจับตะเกียบกินข้าวจะต้องถือให้มันถูกต้องด้วย  และในเมื่อเขาคงไม่ได้มีความสำคัญอะไรในตระกูลโอโนเสะก็ไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องฝึกเข้าสังคมเลยนี่นา  เขาเป็นเด็กที่ตระกูลควรจะเก็บเอาไว้เป็นความลับเสียด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ

แต่ทั้งอย่างนั้นโทโมกิก็อดทนยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้โอโนเสะต้องผิดหวังที่รับเขามาเป็นลูกบุญธรรม

ทุกวัน  โทโมกิต้องตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายและฝึกจิตนั่งสมาธิ  หลังจากนั้นจึงกินมื้อเช้า  ซึ่งก็คือการฝึกมารยาทการกินอาหาร  และในตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มจะได้พบกับฮิโรอากิ  ลูกชายคนเล็กของโอโนเสะที่มากินข้าวด้วยเกือบทุกเช้าตามคำสั่งของนายแม่  ยกเว้นวันที่ไปเที่ยวเตร่จนไม่กลับบ้านนั่นแหละ...ซึ่งนั่นทำให้โทโมกิสงสัยว่าตอนเด็ก ๆ ฮิโรอากิเคยได้รับการฝึกแบบเขาจริง ๆ หรือ

หลังจากนั้นคือการเรียนพิเศษ  โทโมกิถูกเคี่ยวมากกว่าตอนที่อยู่ที่แมนชั่นหลายเท่า  นอกจากจะเรียนเสริมส่วนที่เขาขาดไปจากการไม่ร่ำเรียนแล้ว  ยังต้องเรียนวิชาที่ควรจะต้องได้เรียนในเทอมที่เขาหยุดมาตลอดนี่อีกด้วย  เพียงเท่านี้ก็กินพลังงานของโทโมกิมากจนเกินพอ  เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนสมองมันร้อนฉ่าและมีไข้รุม ๆ อยู่ตลอดเวลา  แต่กระนั้นผลการเรียนของโทโมกิก็เป็นที่น่าพอใจของยูคาริ  เธอสรุปว่าโทโมกิไม่ใช่เด็กโง่เพียงแต่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่เหมาะสมเท่านั้นเอง  ถ้าหมั่นทบทวนฝึกหัดไปเรื่อย ๆ ก็จะสามารถเรียนทันคนอื่นและไม่เป็นรองใครแน่  โทโมกิไม่หวังขนาดไม่เป็นรองใครหรอก  แค่เอาตัวให้รอดไปจากการติวหฤโหดนี่ได้ก็นับว่าสุดยอดของเขาแล้ว

ตอนเที่ยงก็กินข้าว  เรียนต่อแล้วก็ได้พักตอนช่วงเย็นก่อนจะกินมื้อเย็น  ในตอนที่ได้พักนั่นเองที่โทโมกิมักจะไปนั่งเงียบ ๆ พักสมองอยู่ในสวนญี่ปุ่นที่อยู่กลางวงล้อมของเรือนใหญ่ที่ปลูกไว้เป็นกรอบสี่เหลี่ยม  สวนญี่ปุ่นมีเสน่ห์ของตัวมันเองเสมอ  มันทำให้จิตใจของด็กหนุ่มสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์  จากห้องนอนของโทโมกิก็สามารถมองเห็นสวนนี้ได้  ดังนั้นในตอนกลางคืนเขาจึงมักจะนั่งอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าต่างเพื่อมองสวนนี้ใต้แสงจันทร์เสมอ


โทโมกิละสายตาจากสวนนอกหน้าต่างแล้วนอนลงบนฟูกที่ปูเตรียมไว้ก่อนจะตวัดผ้าห่มผืนบางมาคลุมกาย  พยายามหลับตาลงท่ามกลางกลิ่นสมุนไพรไล่ยุงที่จุดไว้ในที่ใส่ยากันยุงรูปหมูซึ่งทำจากดินเผาแบบดั้งเดิม  เสียงแมลงร้องระงมดังมาจากในสวน  อากาศเย็นลงบ้างแล้วแต่ยังคงมีกลิ่นอายของฤดูร้อน...บรรยากาศทั้งหมดล้วนแตกต่างจากชีวิตที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง

บ้านใหญ่ตระกูลโอโนเสะอยู่ค่อนมาทางชานเมือง  แม้จะตั้งอยู่ในแถบที่อยู่อาศัยแต่ก็มีอาณาบริเวณกว้างขวางเสียจนให้ความรู้สึกว่านี่เป็นโลกอีกโลกหนึ่งต่างหาก  ในรั้วบ้านมีเรือนต่าง ๆ ตั้งแยกกันออกไปอีก  ซึ่งส่วนมากก็เป็นเรือนของคนในตระกูลและเรือนสำหรับพนักงานที่ขึ้นกับบ้านใหญ่โดยตรง  ในเรือนใหญ่มีเพียงยูคาริ  ฮิโรอากิ  โทโมกิ  และคนรับใช้ใกล้ชิดเท่านั้นที่อาศัยอยู่  โอโนเสะนั้นพยายามกลับมานอนที่เรือนใหญ่เท่าที่จะทำได้  แต่ถ้ามีงานติดพันก็มักจะนอนที่ตึกลูนาติก  ลัสท์เสียมากกว่า

โทโมกิเกิดและเติบโตมาในแมนชั่นกลางเมือง  เสียงที่คุ้นเคยคือเสียงอันพลุกพล่านของเมืองใหญ่  ความเงียบสงัดของบ้านโอโนเสะทำให้รู้สึกวังเวง  แม้จะเริ่มคุ้นเคยบ้างแล้วแต่ก็ยังมีบางเวลาที่เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตนอยู่ผิดที่ผิดทาง  นายแม่ยูคาริใส่ใจดูแลเขาอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน  แต่ความเข้มงวดกวดขันนั้นก็ทำให้คนที่เป็นอิสระมาตลอดชีวิตอย่างเขารู้สึกอึดอัด  ส่วนฮิโรอากินั้นแทบจะไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย  นอกจากสายตายิ้ม ๆ ที่ส่งมาให้บ่อย ๆ ตอนที่กินข้าวด้วยกัน  เขาไม่รู้ว่าพี่ชายคนนี้คิดกับเขาอย่างไร  ชอบเขาหรือไม่  บางทีฮิโรอากิอาจจะไม่ชอบขี้หน้าเขาก็ได้  ด้วยอยู่ ๆ ผู้เป็นพ่อก็รับเด็กที่ไหนไม่รู้เข้ามาเป็นลูกอีกคนหนึ่ง  คิดตามมุมมองของลูกคนเล็กแล้วก็คงจะต้องไม่ชอบหน้าเขาเป็นธรรมดา

เด็กหนุ่มถอนใจแล้วหลับตาลง  ความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่คนเดียวในโลกแล่นเข้ามาจับหัวใจไม่ต่างอะไรกับตอนอยู่ที่แมนชั่น...เขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกนี้  ไม่ว่าที่ไหนเขาก็เป็นส่วนเกิน...ยกเว้นที่นั่นเท่านั้น...

แต่โลกแห่งนั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว  มันถูกทำลายลงแล้ว...เขาไม่เป็นที่ต้องการของวายะอีกต่อไป

ทว่า...แม้กระนั้นก็ยังโหยหา  โทโมกิรู้ดีว่าส่วนลึกในหัวใจเขาต้องการอ้อมกอดของวายะมากแค่ไหน  มันเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่ายังมีคนต้องการเขาอยู่ในโลกใบนี้  แม้ว่าสุดท้ายมือคู่นั้นจะทำลายเขาทิ้งอย่างไม่ใยดีก็ตาม

บางครั้ง  ในค่ำคืนอันว้าเหว่เช่นนี้  ความโหยหานั้นก็ยิ่งทวีความปรารถนาแรงกล้า  สัมผัสของมืออุ่นร้อนที่ลูบไล้ไปตามเรือนร่างเหมือนจะถูกปลุกให้ฟื้นคืนมาทั้งที่ลบเลือนหายไปหมดแล้ว  โทโมกิกอดตัวเองแล้วเลื่อนมือไล่ตามสัมผัสลวงตานั้นไป...หัวไหล่  แผ่นอก  หน้าท้อง...สะโพก...และส่วนกลางกาย  ความอบอุ่นนั้นเคยโอบล้อมร่างของเขาไว้เช่นนั้น

แม้จะเป็นมือของตัวเอง  แต่ร่างกายของเด็กหนุ่มก็ตอบสนองกับสัมผัสลวงตานั้น...เรียวนิ้วยาวกร้าน  อุ้งมืออุ่นร้อน...โทโมกิกอบกำร่างของตัวเองไว้แล้วเริ่มต้นขยับรูดเบา ๆ  แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่อาจเสร็จสมได้ด้วยตัวเองแต่ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น...เขาก็ไม่อาจหยุดมันได้

หนุ่มน้อยปล่อยให้ตนเพริดไปในห้วงอารมณ์เร่าร้อนดังเปลวไปลุกโหม  จินตนาการและความทรงจำเข้าโอบอุ้มเขาไว้จนไม่รู้ทิศรู้ทาง  มือเรียวรูดไล้ร่างของตนไปพลางก็กัดริมฝีปากกลั้นเสียงคราง  แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก  เสียงอันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์เล็ดลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มอย่างไม่อาจสะกดไว้ได้  ลมหายใจหอบถี่  ทั้งร่างบิดเร่าด้วยความเสียดเสียวและทุกข์ทรมาน  ทั้งไออุ่นและเสียงกระซิบที่ไม่มีอยู่จริงกระตุ้นเร้าความต้องการให้อัดแน่นราวกับจะระเบิดร่างกายแตกเป็นเสี่ยง ๆ...หากอีกใจก็รู้ว่า...ไม่มีอ้อมกอดนั้นอีกแล้ว

“ฮึก...อา...อ๊ะ...ชุน...ชุน...”

เสียงครางกระเส่ากระซิบเรียกชื่อที่ติดอยู่ในความทรงจำ  แล้วก็หลอกตัวเองว่ามีเสียงทุ้มต่ำกระซิบตอบที่ข้างหูพร้อมกับเรือนผมที่ปัดระใบหน้า  ลมหายใจสะดุด...อีกเดี๋ยวความเจ็บปวดจะตามมา...เพียงแค่คิดถึงความทรงจำในครั้งนั้น  ก็ทรมานจนหายใจแทบไม่ได้

ทันใดนั้นประตูห้องก็เลื่อนเปิดออก  โทโมกิสะดุ้งสุดตัว  รีบชักมือออกจากกางเกงนอนทั้งที่ยังมีหยาดแห่งอารมณ์เปียกชุ่ม

คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือโอโนเสะ  ฮิโรอากิที่อยู่ในชุดยูกาตะสำหรับใส่นอน  ดวงตาที่ทอดมองมาสงบนิ่ง  แต่ทำให้โทโมกิประหม่าจนถึงขั้นหวั่นเกรง

“มะ...มีอะไรเหรอครับ  คุณพี่?”  เด็กหนุ่มพยายามปรับเสียงไม่ให้สั่นแล้วถามออกไป  ในห้องที่มืดขนาดนี้ฮิโรอากิคงไม่เห็นหรอกว่าเขาหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ผู้เป็นพี่ชายด้วยกฎหมายไม่ตอบหากเลื่อนประตูปิดแล้วเดินเข้ามาใกล้  คุกเข่าลงข้างฟูกก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบ

“ไม่มีอะไรหรอก  แต่เห็นครางเสียขนาดนั้นเลยเข้ามาดูซะหน่อยน่ะ”

แม้จะอยู่ในความมืดแต่โทโมกิก็ร้อนวาบไปทั้งใบหน้า  ฮิโรอากิอยู่ห้องติดกับเขาก็จริงแต่เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะได้ยินเสียงเขาช่วยตัวเองนี่นา  แม้ประตูจะกรุด้วยกระดาษแต่ผนังห้องก็ไม่ได้บางถึงขนาดนั้นไม่ใช่หรือ  แล้วทำไม...

“หึ ๆ...สงสัยเหรอ?  ฉันก็แค่นั่งดื่มที่ห้องนั่งเล่นแล้วกำลังจะกลับห้อง  ก็พอดีได้ยินเสียงนายเข้าเท่านั้นเอง  ท่าทางจะกำลังได้อารมณ์เลยสิท่า”  น้ำเสียงนั้นหยอกเย้าอยู่ในที

โทโมกิไม่ตอบหากก้มหน้างุด  มือเรียวของผู้เป็นพี่เอื้อมมาแตะแก้ม

“แต่เสียงดูทรมานเชียว  ไม่เสร็จเหรอ?”

คำถามตรงไปตรงมายิ่งทำให้เด็กหนุ่มอับอายเข้าไปใหญ่  เขาพยายามเช็ดมือที่เปรอะเปื้อนกับขากางเกงนอนแต่ก็ถูกคว้าไว้  ภายใต้แสงสลัวจากภายนอก  ดวงตาของฮิโรอากิเป็นประกายวาววับ

“ถ้าทำเองไม่ได้ยังไง...ให้ฉันช่วยมั้ย?”


แม้จะพยายามขัดขืนแต่สุดท้ายโทโมกิก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของฮิโรอากิจนได้  ในท่านั่งซ้อนหลัง  ฮิโรอากิจับร่างบางที่ถูกถอดกางเกงนอนออกแล้วขึ้นนั่งตักก่อนจะใช้เข่าข้างหนึ่งสอดเข้าตรงหว่างขาบังคับให้แยกออก  มือหนึ่งกอดรัดร่างเล็กไว้กับตัว  ส่วนอีกมือก็ลูบไล้ลงไปที่จุดไวสัมผัส

“อ๊ะ!  คุณพี่...ไม่เอาครับ...อย่า...”  โทโมกิพยายามห้ามแต่ร่างกายกลับตอบสนองมือนั้นอย่างจริงจัง

“เอาน่า  ฉันจะช่วยไง  ให้คนอื่นทำให้ก็น่าจะรู้สึกดีกว่าไม่ใช่เหรอ”  กระซิบข้างหูพลางก็ขยับมือกระตุ้นเร้า

“แต่...แต่...นายแม่...อึ๊...!”  เด็กหนุ่มตะครุบปากตัวเองเมื่อเริ่มจะกลั้นเสียงไม่อยู่

“ที่ปีกเรือนนี้มีแค่นายกับฉันเท่านั้นแหละ  ถ้าจะมีใครอื่นก็พวกคนใช้  ไม่ต้องห่วงหรอก  พวกนั้นปิดปากเงียบทุกเรื่องแหละ”  ริมฝีปากอุ่นและเล็มไปตามใบหู

“ไม่...ไม่เอา...”  ถ้าจะมีคนอื่นได้ยินด้วยแบบนี้  เขาไม่ยอมหรอก

“ปล่อยตัวตามสบายเถอะ  ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำมากไปกว่าใช้มือให้นายหรอก”  ฮิโรอากิพูดพลางก็ฝังจมูกลงกับซอกคอขาว  สูดกลิ่นกายใสบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างย่ามใจ

“อ๊ะ...อา...คุณพี่...อย่าครับ...”  มือที่พยายามจะหยุดยั้งแปรเปลี่ยนเป็นเกาะยึดแขนของฮิโรอากิไว้แน่น  คู้ตัวงอ  ร่างไวสัมผัสหลั่งหยาดน้ำเหนียวใสออกมาจนชุ่มมือที่ครอบครองอยู่  “อย่า...มัน...สกปรก...”

“ไม่หรอกน่า  ของธรรมชาติแบบนี้ไม่สกปรกหรอก  อย่าคิดมากสิ”  ริมฝีปากบางแนบลงกับลำคอชื้นเหงื่อ  ขบจูบเบา ๆ  มือที่กอดรั้งร่างบางไว้ก็หยอกล้อกับยอดอกเล็ก ๆ ที่แข็งขึงเป็นไต

ในที่สุด  โทโมกิก็หมดกำลังจะต่อต้าน  ร่างกายของเขาตอบสนองทุกสัมผัสของฮิโรอากิด้วยความยินดีเกินระงับ  สะโพกบางเริ่มเขย่าไหวไปตามแรงกระตุ้น  ส่งเสียงครางกระเส่าอย่างไม่คิดจะกลั้นไว้อีก  สะดุ้งผวาทุกครั้งที่เรียวปากร้อนประทับแนบลงบนลาดไหล่  อุ้งมืออุ่นร้อนชักพาให้อารมณ์หวั่นไหวและกระเจิดกระเจิง...ครั้งหนึ่งก็เคยมีคนทำแบบนี้กับเขา...

“อ๊ะ!  ไม่...ไม่ไหวแล้ว...พอ...พอ...”  โทโมกิครางระงมอย่างสุดจะทานทนได้อีกต่อไป

“ปล่อยออกมาเลย  โทโมกิ”  เสียงนุ่ม ๆ กระซิบบอก  มือที่ครอบครองอยู่เร่งจังหวะเร็วแรงขึ้น

“อึ่ก...อ๊ะ  อ๊า!!”

สิ้นเสียงหวีดหวาน  โทโมกิก็ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดให้พร่างพรูออกมา  หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นฉีดพ่นไปเปรอะอยู่บนเสื่อทาทามิ  หลังจากกระตุกเกร็งอยู่สามสี่ครั้ง  หนุ่มน้อยก็เอนซบลงกับแผ่นอกของผู้เป็นพี่อย่างอ่อนแรง  ดวงตากลมหลับพริ้มลง  ลมหายใจยังหอบฮักเหมือนออกกำลังกายมาอย่างหนัก

“เป็นไง  ดีมั้ย?”  ฮิโรอากิกระซิบถามเบา ๆ

โทโมกิไม่ตอบ  เขารู้สึกสบายเสียจนอยากวูบหลับไปเดี๋ยวนั้น  และฮิโรอากิก็รู้ใจ  เขาเอาร่างบางลงนอนกับฟูกแล้วจัดการแต่งตัวให้  ก่อนจะทำความสะอาดสิ่งที่เด็กหนุ่มทำเลอะเทอะไว้จนเรียบร้อย

ชายหนุ่มทอดสายตามองร่างที่ขดหลับไปใต้ผ้าห่มแล้วพลางยิ้มน้อย ๆ...เจ้าน้องชายคนใหม่นี่น่ารัก  ให้พูดตามตรงก็คือสเป็คของเขาเลย  ฮิโรอากิไม่ได้เป็นเกย์  แต่เป็นพวกชอบสนุกกับเรื่องแบบนี้เสียมากกว่า  เขาเคยคิดว่ามันคงเป็นลักษณะประจำตระกูลที่แก้ไม่หาย  แต่ก็ไม่ได้อนาทรร้อนใจอะไรกับมัน  เพียงแต่โทโมกิมีศักดิ์เป็นน้อง  ครั้นจะครอบครองออกหน้าออกตาก็คงเป็นไปไม่ได้  แต่ถ้าหาเศษหาเลยเอาแบบนี้อาจจะพอไหว  โทโมกิยังเด็กนัก  แต่ดูจากการเล่นสนุกที่เขาทำให้เมื่อครู่แล้ว  เด็กคนนี้มีประสบการณ์มาบ้างเหมือนกัน  และบางทีอาจจะตอบสนองสิ่งที่เขาอยากทำได้ก็ได้

ฮิโรอากิจูบเบา ๆ ที่หน้าผากน้องชายคนใหม่เบา ๆ  ก่อนจะออกจากห้องไปเงียบ ๆ

“ราตรีสวัสดิ์  โทโมกิ”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #409 เมื่อ16-03-2012 23:19:56 »

โอ๊ะ!!!!! ตายล่ะ ไม่ใช่ไปๆมาๆฮิโรอากิจะหลงรักโทโมะเข้าอีกคนนะ

ถ้าเป็นแบบนี้ก็สงสารวายะอ่าาาาาาาาาาาาาาาา

โทโมะยังเข้าใจผิดว่าวายะไม่รักไม่ต้องการตัวเองอยู่เลย Y^Y

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
« ตอบ #409 เมื่อ: 16-03-2012 23:19:56 »





ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #410 เมื่อ17-03-2012 01:01:10 »

เง้อ โทโมกิมะใช่ของเล่นนะ o12

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #411 เมื่อ17-03-2012 01:27:26 »

เวนแล้วไง

อันตรายจากพี่ข้างห้อง 555555

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #412 เมื่อ17-03-2012 01:33:22 »

ไมคุณพี่คิดงี้ล่ะคะ

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #413 เมื่อ17-03-2012 04:11:52 »




   เหอๆๆ วายะไปไหนแล้วง่ะ เดี๋ยวโทโมะจะโดนคุณพี่งาบไปรับประทานซะก่อนนะ





ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #414 เมื่อ17-03-2012 08:38:38 »

โทโมกิ เสน่ห์แรงนะเนี่ย คุณพี่ก็จ้องจะกิน เสียงั้น
โอโทเสะคงไม่ได้บอกอดีตของโทโมกิไว้แน่ๆเลย
อย่าทำให้โทโมกิกลัวนะ คุณพี่


วายะ จะตัดใจจริงเรอะ?

ออฟไลน์ biw43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #415 เมื่อ17-03-2012 08:50:46 »

และแล้วตัวละครที่สร้างความวุ่นวายาก็เพิ่ม
มาอีกตัว เฮ้อออออ .. สงสารวายะซัง  :z3: :z3:
รีบๆทำคะแนนเข้าล่ะ

อยากให้ถึงปัจจุบันเร็วๆจัง

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #416 เมื่อ17-03-2012 09:19:46 »

อ้าว ฮิโรอากิ ทำไม้ป็นคนแบบนี้

โทโมะหนีไม่พ้นต้องเป็นของเล่นอีกจนได้ *ทึ้งผ้าเช็ดหน้า*

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #417 เมื่อ17-03-2012 09:49:01 »

เฮ้ยยยยย   ฮิโรอากิแกคิดไรเนี่ยยยยย   :angry2:
รอนะฮะ  ^^

THE MIN

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #418 เมื่อ17-03-2012 11:17:46 »

ม๊ายยยยยยย  โทโมะเป็นของวายะเท่านั้นนนนนนนนน                                         

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
«ตอบ #419 เมื่อ17-03-2012 12:06:01 »

เชียร์คุณพี่ซะเลย...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด