มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 711149 ครั้ง)

MelodyKJJ

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: เมื่อวานเน็ตเล่นไม่ได้ เลยได้มาอ่านวันนี้เลย แบบว่า รอคอยมากจริงๆง่ะ ในเล้าเหลือไม่กี่เรื่อง
แล้วจริงๆครับที่ตามอยู่ ดีใจมากๆอัพแล้ว แต่อีกใจก็แบบจะเป็นยังไงว้าาาา สุดท้ายคนทำก็ยอมรับผิด
แต่ก็นะ ถ้าให้อภัยกันได้ง่ายๆ ก็คงทำกันไปเยอะแล้วล่ะ ทำกับน้องซะขนาดนั้น บรรยายได้เห็นภาพแบบ
สุดยอดมากๆครับ คุณดอกไม้  :o8: แบบว่า แต่งดีสุดๆเลยครับ เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว ก็ได้เห็น
พัฒนาการทั้งตัวเรื่องเอง และก็ตัวละครเอง หวังว่าครึ่งหลังจ้อยจะฟื้นแล้วนะครับ ตอนนี้ก็ยังรู้สึกทรมานใจ
น้อยกว่าตอนที่แล้วล่ะนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าครึ่งหลังจะเป็นยังไงนี่สิ เดาไม่ออก และไม่อยากเดาเลยจริงๆ สำหรับเรื่องนี้ :laugh:
มาต่อไวๆนะคร๊าบบบบ คนรออ่านเยอะมากกกกกกกก 55555

ออฟไลน์ Jploiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
หายไปนานเลยค่ะ คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกกกก
ก็หอเน็ตไม่ดีเอาเสียเลย อดเข้าเล่าตั้งหลายเดือน!

อ่านถึงตอนนี้แล้วมันหน่วงที่ใจไม่หายเลยค่ะ
สงสารใครดี? จ้อย พี่สิงห์? เฮ้ออออ
แค่อารมณ์ ความหึงหวง อะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้ผลของมันออกมาเป็นแบบนี้ได้
กว่าจะรู้ตัวมันก็สายเกินไปนะพี่สิงห์
ความรู้สึกน้องน่ะมันจะเอากลับมาเหมือนเดิมได้แล้วหรอ?
สงสารจ้อยจับใจ


ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
ชอบ ความละมุน แต่เกลียดรสขื่นขมคอ... :L2:

แอบเพ้อว่าสิงห์ไม่ใช่ลูกพ่อกำนันแต่เป็น ลูกแม่กับเสือที่เคยมาดักฉุดแม่ของจ้อย

ส่วนจ้อยกับจินดาต่างหากที่เป็นลูกพ่อกำนันตัวจริง   :กอด1:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เบนแอบอิ้งๆ สิงห์อยู่เหมือนกัน

พี่ห่าซาตาน ที่ไหนมันเข้าสิง หน้อ ถึงได้ทำกันถึงเพียงนี้

ชาติทั้งชาติยังไม่รู้เลยว่าจะให้อภัยกันได้หรือเปล่า

แล้วต่อไป จะมองหน้าน้องยังไง

แล้วน้องจะอยู่ยังไง

เอ็งเคยคิดบ้างมั้ยย


เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆแล้ว หลังจากนี้ก็เอ็นดุน้องหน่อยละกัน

โธ่ มันน่านัก


ออฟไลน์ pharm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ่านจนทันเกือบตาย

สนุกดี เพิ่งได้อ่าน

ลอยเลวได้ใจจิงๆ สิงจัดลูกน้องเอาลอยสักทีสิ

aeka

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมาก อย่างงี้น้องจ้อยต้องเอาคืนให้สาสม
ยังคอยติดตามอ่านอยู่น้า คุณดอกไม้

ออฟไลน์ Ciin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
พี่สิงห์จะไถ่โทษหมดมั้ยเนี่ย
สภาพจ้อยน่าสงสารมากจิงๆ

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
ไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ต่อไป พลาดซะแล้วสิงห์เอ๊ย :z3: :z3:

ออฟไลน์ CoMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
พี่สิงห์เอ๋ยกว่าจะรู้ตัวได้สติก็สายไปเสียแล้ว
สงสารน้องจ้อยที่สุด :monkeysad:

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
อ่านรวดเดียวเลย ยี่สิบเอ็ดตอน ณ จุดนี้บอกก่อนค่ะว่าชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
เคยเห็นชื่อเรื่องมาพักนึงแล้วแต่ไม่ได้เข้ามาอ่านเพราะมันแปลก ๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้หลงเข้ามาได้
แล้วก็หลงจริง ๆ ลืมเรื่องอื่นที่้อ่านค้างไว้หมดเลยอ่านเรื่องนี้เรื่องเดียว จำไม่ได้ว่าอ่านกี่วันแต่อ่านตลอด (ได้แต่เช้ากับก่อนนอนเพราะต้องทำงานค่ะ) รักทุกตัวละครยกเว้นได้ลอยดูเลี้ยงไม่ซื่อ พร้อมจะลอบกัดทุกคนกระทั่งสิงห์
แต่จะิพิศวาสพี่สิงห์เป็นพิเศษค่ะ เนื้อแท้เป็นคนดีแต่เพราะไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ไม่รู้จักวิธีแสดงออก แต่นั่นเขาเรียกว่าซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง น้องจ้อยน่ารักมากอยากเอามาดูเล่น (น่ารัก) แต่ถ้าบรรยายถึงจินดาทีไรน้ำตาไหลเสียทุกที เห็นถึงความทุกข์ยากของเขา
ผู้ชายตัวเล็กแต่ต้องทำงานหนัก ดายหญ้าตัดอ้อย น่าสงสารมาก ใจจริงไม่อยากให้ตาย แต่ถ้าไม่ตายเลอมานก็ไม่ได้ออกมาหาอาจารย์คนึง อีกอย่างที่ทำให้รักเรื่องนี้คือภาษาค่ะ สละสลวยอ่านแล้วไหลลื่นไม่ติดขัด และชอบบรรยากาศย้อนยุคมันคลาสสิค(พอดีข่วงนี้ติดเพลงลูกกรุงด้วยเข้ากัน)
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ หากมีรวมเล่มจะอุดหนุนทันทีค่ะ ป.ล.ตอนนี้ให้แม่หาดอกมหาหงส์มาปลูกแล้วค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2012 06:42:48 โดย libra82 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โดดเดี่ยวแต่ไม่

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-6
ไม่มีคำบรรยายใดๆๆ นอกว่าเครียดและทุกข์ทรมาน
คนเขียนช่างเขียนได้ซะ อ่านจนปวดหัวไปหมด
ขอตัวกินยาคลายเครียด เครียดเกินไปหรือเปล่าครับ

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รอด้วยใจจดจ่ออออออออออออ

aeka

  • บุคคลทั่วไป
ยังรอผลงานดีๆ ที่น่าประทับใจของคุณดอกไม้อยู่น้า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ ถึงตอนต่อไป
ขอบคุรสำหรับนิยายดีๆน้า

MelodyKJJ

  • บุคคลทั่วไป
 :z3: :z3: :z3: ไปค่ายเพิ่งกลับมา มหาหงส์ก็ยังไม่อัพพพพพพพ T T ได้โปรดอัพเถอะน้าาาาา
คุณดอกไม้  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ครึ่งแรกหลายวันแล้วนะ  มาต่อตอนใหม่แล้วได้อ่ะ ^^

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
บทที่ ๒๑

คนใจมาร

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)   



สถานีอนามัยคลองสระบัวแทบแตกตื่นเมื่ออยู่ๆ ก็มีนักเลงโตอุ้มคนเจ็บวิ่งขึ้นบันไดมาจนอาคารไม้แทบสะเทือน  ในสภาพดูไม่ได้ทั้งคู่ 
   
“ช่วยทีหมอ” คนพามายืนหอบหนักจนแผ่นอกเปลือยกระเพื่อมถี่  เม็ดเหงื่อผุดเต็มใบหน้าคมสันที่ดูอิดโรย  ผมเผ้ายุ่งกระเซิง  รอยเล็บข่วนเต็มหน้า  กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่โชยหึ่งจนบางคนต้องลอบอุดจมูก 
   
พยาบาลวิชาชีพแต่ชาวบ้านมักเรียกกันว่าหมออนามัยยืนนิ่ง  ดวงตาคู่สวยมองคนเจ็บอย่างตะลึงไป  หนุ่มน้อยตัวบางนอนระทดระทวยอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง  ถูกห่อร่างไว้ด้วยผ้าผวยสีหม่น  หน้าซีดแทบไร้สีเลือด  แขนอ่อนเปลี้ยตกห้อยอยู่ข้างตัว  มองปราดเดียวก็รู้ว่าอันธพาลตัวเขื่องประจำตำบลไปก่อเรื่องทำร้ายร่างกายใครมาอีก 
   
แต่มันน่าแปลกตรงที่ผู้ร้ายที่ไหนจะอุ้มเหยื่อกระชับแนบอกอย่างหวงแหนปานนี้ 

การรักษาพยาบาลเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว  สิงห์วางร่างน้อยลงบนเตียงคนไข้อย่างทะนุถนอม  ทันทีที่หญิงสาวแกะห่อผ้าผวยออก  สภาพคนเจ็บทำให้หล่อนครางในคออย่างหดหู่ใจ
   
“ไปโดนอะไรมานี่” หมออนามัยถามลูกชายกำนัน  ก่อนค่อยๆ เหน็บปรอทกับซอกรักแร้คนสิ้นสติอย่างเบามือ 

เงียบ.. คนตัวโตเอาแต่ยืนทื่อเหมือนโดนเย็บปาก  ดวงตาสีเข้มจับจ้องแต่วงหน้าซีดเผือดบนหมอน 

“ไข้สูงมาก” หญิงสาวว่าหลังเพ่งสายตาดูปรอทในมือ “จะฉีดยาลดไข้ให้นะคะ”
   
สิงห์พยักหน้ารับ  กุลีกุจอถลกแขนเสื้อสีฟ้าอ่อนขึ้นจนถึงหัวไหล่  รอยแดงช้ำเป็นรูปห้านิ้วเด่นชัดบนผิวเนื้อขาวจัด  ยิ่งเห็นสายตาคาดโทษมองมา  ชายหนุ่มได้แต่หลบสายตานั้น  ลำคอแห้งผากจนแม้แต่กลืนน้ำลายยังฝืดเคือง
   
“ฉีดที่สะโพกค่ะ” เสียงหวานห้วนกริบ  “ช่วยจับเขานอนคว่ำที”
   
นักเลงโตรับคำเงอะงะ  ค่อยๆ พลิกร่างปวกเปียกให้นอนคว่ำอย่างเบามือ เผยให้เห็นรอยเลือดแดงซึมผ่านเนื้อกางเกงด้านหลังเป็นวง 
   
หมออนามัยชะงัก  แทบทำเข็มฉีดยาหลุดมือ  บรรยากาศในห้องหัตถการที่อึมครึมอยู่แล้วยิ่งทวีความอึดอัดเจียนระเบิด หล่อนจ้องหน้าชายใจโฉดด้วยสายตาเหมือนมองสวะชิ้นหนึ่ง 
   
แต่แล้วต้องแปลกใจ  ในแววตาเข้มลึกคู่นั้น ไม่มีความร้อนรน ไม่มีความเลิ่กลั่กกลัวความผิด
   
มีเพียงความระทมหม่นเศร้า มีความห่วงหาเจียนขาดใจ จับจ้องอยู่แต่คนเจ็บไม่วางตา

มือสั่นเทาดึงขอบกางเกงขาดวิ่นลง เนื้อสะโพกขาวเป็นรอยเขียวช้ำไม่ทำให้ประหลาดใจอีกแล้ว มีเพียงความสงสาร ความเห็นใจกดทับห้วงอารมณ์จนหนักอึ้ง
   
“จะให้ดูแผลให้ไหม” หล่อนถามเสียงสั่นหลังฉีดยาเสร็จ  หางเสียงหายไปแล้ว 

สิงห์ชั่งใจชั่วขณะ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า แล้วผ้าม่านสีฟ้าก่อนก็ถูกรูดปิด กางกั้นเขาออกมา สิงห์ไม่เห็นแผลน้อง แต่ถุงมือและสำลีเปื้อนเลือดที่ถูกทิ้งลงถังขยะเป็นเครื่องยืนยันได้ดี 
   
ว่าเขาระยำยิ่งกว่าสัตว์นรก

********************
   
หนูน้ำฝนนั่งเล่นอยู่ที่ซุ้มดอกเข็มแดงตีนท่า  มือน้อยบรรจงเด็ดดอกเข็มดอกน้อย  ดึงเกสรออก  ปากแดงดูดน้ำหวานจุ๊บ  แล้วเอาก้านดอกร้อยต่อกันเป็นสายสร้อยยาว  ร้อยรอบข้อมือตัวเองได้แล้วเส้นหนึ่ง  ตั้งใจจะร้อยเป็นสร้อยคอให้พี่จ้อยอีกเส้น 
   
พี่จ้อยหายไป คุณนายบ่นใหญ่ น้ำฝนก็เลยมานั่งรอ

เรือแจวลำหนึ่งพายมาเทียบเงียบๆ  หน้ากลมเหมือนวงพระจันทร์เงยขึ้นมอง  ทันใดนั้นดวงตากลมใสก็เบิกกว้าง  ปล่อยสร้อยดอกเข็มในมือร่วงลงพื้น
   
ลูกชายกำนันอุ้มพี่จ้อยของน้ำฝนขึ้นจากเรือ  ตาสวยๆ ที่มองน้ำฝนอย่างอาทรปิดสนิท  ปากแดงๆ ที่ชอบยิ้มหวานให้ตอนนี้กลับขาวซีดเหมือนกระดาษ  มือขาวที่ลูบผมน้ำฝนอย่างอ่อนโยนเสมอตกเปลี้ยลงข้างตัว 
   
แม่หนูน้อยนิ่งมองพี่จ้อยในอ้อมแขนพี่สิงห์ด้วยขอบตาร้อนผ่าว

“พ่อกับแม่พี่อยู่ไหม” เสียงแหบห้าวถามมาพร้อมสายตาหม่นเศร้า  น้ำฝนส่ายหน้ารัว  จนน่ากลัวน้ำตาจะพลัดกระเด็น  และแล้ว  พอลูกชายกำนันอุ้มนักเรียนครูตัวเล็กผ่านหน้าไป  เด็กหญิงตัวน้อยก็ปล่อยโฮ 
   
สิงห์ค่อยๆ วางร่างไร้สติลงบนเตียง ทะนุถนอมดั่งแก้วใส มือใหญ่เกลี่ยปอยผมชื้นที่ปรกหน้าผากให้ เนื้อตัวนุ่มนิ่มทุเลาความร้อนลงเพียงนิด ชายหนุ่มตั้งใจจะเช็ดตัวให้น้อง แต่ทันใดนั้นน้าเวก น้าแป้นและลูกสาวตัวน้อยก็กรูกันเข้าห้องมา
   
สองผัวเมียชะงักเมื่อเห็นสภาพนักเรียนครูคนดี น้าแป้นยกมือทาบอก ส่วนน้าเวกมองหน้าคนเจ็บบนเตียงสลับกับลูกชายกำนันไปมา
   
ร่องรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวบ่งบอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่คนป่วยไข้ธรรมดา  แต่เป็นเหยื่อที่ผ่านการถูกทำร้ายมาเป็นแน่แท้ 

แล้วสารพัดคำถามก็ระดมยิงเข้าใส่

“ครูเป็นอะไร”

“ไปโดนอะไรมา  มีเรื่องกันมาหรือ”

“ใครนะมันทำได้ลง  ใจร้ายเหมือนยักษ์มาร”

“สิงห์ไปเจอครูที่ไหนหรือ”

ชายหนุ่มไม่เคยนึกรำคาญสองผัวเมียเท่านี้มาก่อน

“เลิกถามเสียทีได้ไหม!” เลิกตอกย้ำความบัดซบของเขากันเสียที! เสียงห้าวตะคอกลั่น มือใหญ่ตบหัวเตียงดังเปรี้ยง นัยน์ตาขุ่นขวางจ้องทั้งคู่เขม็ง
   
น้าเวกน้าแป้นเงียบกริบ หนูน้ำฝนยืนสะอึกสะอื้นอยู่ไม่ห่างกัน สิงห์ขบกรามกรอด ดวงตาแดงก่ำเสมองออกนอกหน้าต่าง ละอาย? อดสู? มองหน้าใครไม่ติด

ฆาตกรที่มีชนักติดหลังมันรู้สึกแบบนี้กันทุกคนไหม?

“รู้ตัวคนทำไหม” 
“แจ้งตำรวจจับได้นะ” 
“ทำกับคนไม่มีทางสู้ได้ลงคอ  ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ”
“ระวังเถอะ กรรมจะตามสนองสักวัน” 

 
อะไรอีกนะ ที่หมออนามัยคนนั้นจงใจพูดเข้าหู วิปริต.. อำมหิต.. ใจทมิฬหินชาติ.. แม้ไม่ได้เอ่ยถึงโดยตรง แต่สิงห์ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่เข้าใจว่าหมายถึงใคร
      
“ให้น้าช่วยไหมสิงห์” น้าแป้นเสนอตัวเข้ามา  กุลีกุจอจะหาเสื้อผ้าใหม่ให้จ้อยเปลี่ยน  แกไม่คิดว่านักเลงที่ถนัดแต่เรื่องท้าตีท้าต่อยจะดูแลคนเจ็บเป็น
   
“ไม่เป็นไร  ผมทำเอง” สิงห์กลับปฏิเสธสิ้นทุกความหวังดี "พวกน้ามีงานอะไรก็ไปทำเถอะ"
     
เปล่าหรอก.. เขาไม่ได้กลัวร่องรอยบนเนื้อตัวน้องจะเป็นหลักฐานยืนยันความอำมหิตของตน แค่.. ห่วง..หวง..ไม่อยากให้ใครแตะต้อง
     
โดนไล่ทางอ้อมแบบนี้ สองผัวเมียได้แต่มองหน้ากัน ก่อนจูงมือลูกสาวตัวน้อยออกจากห้องไป
        
ทันทีที่อยู่กันตามลำพัง ชายหนุ่มกระวีกระวาดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้อง กางเกงที่ทั้งเก่าทั้งเปื่อยนั่นถูกโยนทิ้งลงถังผงไม่ไยดี ส่วนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่เพิ่งใส่ครั้งแรก ถ้าได้ซักเอาคราบเลือดตรงชายเสื้อออก  ได้เย็บกระดุมที่ถูกฉีกขาดกระเด็นกลับเข้าไปใหม่ก็คงใส่ได้เหมือนเก่า เอาผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดบรรจงเช็ดไปตามเนื้อตัวชอกช้ำอย่างเบามือเพื่อให้ความร้อนบรรเทาลง น้าแป้นสงเคราะห์ต้มฟ้าทะลายโจรใส่ชามกระเบื้องมาให้ แกบอกว่าไล่ไข้ได้ชะงัดนัก   
       
ยาต้มสีเขียวจางทิ้งควันพออุ่นๆ แค่ดมดูก็รู้ว่าความขมคงไม่ทิ้งกันกับบอระเพ็ดเท่าไร สิงห์จับน้องนอนหนุนตัก มือเทอะทะที่เคยจับแต่ไม้หน้าสามต่อยตีคนอื่น บรรจงตักยาขึ้นเป่าเบาๆ ก่อนค่อยๆ ป้อนลงริมฝีปากแตกแห้ง คนไม่รู้สึกตัวไม่กลืนยาสักนิด ได้แต่ปล่อยของเหลวไหลออกมุมปากให้เลอะเทอะ
   
“ให้น้าทำเถอะสิงห์” น้าแป้นเสียงอ่อน สีหน้าเหมือนทนดูไม่ได้ แกมองสภาพนักเลงโตอย่างเวทนาเต็มที “เราก็ไปอาบน้ำอาบท่าเสียเถอะ เหม็นเหล้าหึ่งไปหมดทั้งตัว เดี๋ยวคุณนายกลับมาได้โดนเรียกไปซักให้วุ่น”
   
สาวใหญ่คว้าร่างบอบบางคืนหมอน  คนตัวโตจำใจต้องลุกออกไป
   
“ใส่ยาที่หน้าซะด้วยนะ” แกหมายถึงรอยข่วนลายพร้อยบนใบหน้าคมสัน  บุ้ยปากไปยังตลับยาหม่องที่วางไว้ให้บนโต๊ะ “ถ้าดูแลตัวเองยังไม่ได้ ก็อย่าริไปคิดดูแลคนอื่น”
   
ประโยคสุดท้ายแกพูดไม่มองหน้า  ไม่ทันได้เห็นแววตาสลดวูบของลูกชายกำนัน

เมื่อสิงห์กลับเข้าห้องอีกทีหลังอาบน้ำเสร็จ  น้าแป้นยังนั่งอยู่ข้างเตียง  แกลุกออกจากห้องไปคล้ายส่งต่อหน้าที่ให้เขา  น้ำต้มฟ้าทะลายโจรพร่องลงไปเพียงนิด
   
ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงเคียงข้างคนเจ็บ  วงหน้าขาวจัดของคนป่วยวางบนหมอนราวกับจะเทียบเคียงความซีดเซียวให้เด่นชัดยิ่งขึ้น  นิ้วแข็งแรงเอื้อมแตะไล้แก้มนุ่มผะแผ่ว  ความรู้สึกบางอย่างเอ่อท้นขึ้นจากส่วนลึกจนร้อนผ่าวสองตา  มือใหญ่คว้ามือน้อยกุมแนบแก้มสาก  กดจูบลงไป  มือที่จับปากกาอยู่เป็นนิตย์ถึงแม้จะกรำงานหนักมาบ้างแต่ก็ยังนุ่มนิ่ม  ผิดเหลือเกินกับมือหนาเทอะทะที่ดีแต่สวมสนับมือตีรันฟันแทงไปวันๆ   
   
ความสุขของเขา ความสุขที่แท้จริงของเขา อยู่ที่เจ้าของหัวใจก้อนเท่ากำปั้นเล็กๆ ก้อนนี้ อยู่ที่เจ้าของดวงตาคู่ใสเหมือนลูกแก้วที่ยังปิดสนิทคู่นี้  ถ้าดวงตาคู่นี้ไม่แลเหลียวเขาอีก ถ้าหัวใจดวงนี้ชิงชังเขาเสียแล้ว นับจากนี้.. เขาจะมีวันได้สัมผัสกับ ‘ความสุข’ อีกไหม
   
เขาประคองมือบอบบางไว้อย่างหวงแหน  แนบหน้าจูบหลังมือซ้ำๆ  ขอเก็บกักเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  เพราะไม่รู้ว่าเมื่อน้องลืมตาขึ้นมาแล้ว  เขาจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกไหม 
   
สะท้อนใจเมื่อเห็นปลายเล็บที่ตัดสั้นปอกเปิกไปหมด  บางเล็บฉีกออกจนเลือดซิบ  เศษไม้ยังติดอยู่ในซอกเล็บด้วยซ้ำ  สิงห์กระวีกระวาดหากรรไกรตัดเล็บ  ขลิบเล็มปลายเล็บบอบช้ำให้อย่างเบามือ           
   
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วเปิดออก  น้าแป้นกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมแก้วใสขึ้นควันกรุ่น  แกเบิกตากว้างให้กับภาพที่เห็น
   
“สิงห์ทำอะไรน่ะ!” สาวใหญ่ร้องเสียงหลง  รีบร้อนวางแก้วในมือลง  สิงห์ทำหน้าเหลอหลา  เขาแค่ตัดเล็บให้  แต่น้าแป้นเล่นโวยวายเสียยังกับเขาตัดนิ้วหรือตัดคอน้อง 
   
“โบราณเขาถือ” แกว่าเสียงต่ำ  ดึงมือน้องออกจากมือเขา “ห้ามตัดเล็บคนหลับ  ไม่งั้นขวัญจะกลับเข้าตัวไม่ถูก รู้ไหม”
   
ใบหน้าคมคร้ามหดเหลือสองนิ้ว  ละล่ำละลักสิ้นมาดนักเลง “จริงหรือน้า  แค่.. แค่ตัดเล็บเอง จ้อยจะกลับมาไม่ถูกเลยหรือ”
   
“ก็ใช่น่ะซี ห้ามแต่งหน้าทาแป้ง ห้ามตัดผมตัดเล็บ” ย้ำหัวตะปูแล้วแกก็ยัดเยียดหอมแดงทุบต้มใส่มือชายหนุ่ม  กลิ่นฉุนแรงพวยพุ่ง  สิงห์แทบเบ้หน้าหนี  แต่ก็ถูกบ่าวรุ่นน้าบังคับให้กลืนให้หมด  แกว่าจะได้สร่างเมา  หายตาหูแดงเสียที
   
สิงห์อยากบอกแกเหลือเกิน  เขาสร่างเมาตั้งแต่ตื่นมาเห็นสภาพน้องแล้ว  ส่วนไอ้ตาที่ยังแดงๆ อยู่นี่  มันก็ไม่ใช่เพราะอาการเมาค้างหรอก   

.....................................

เวลาผ่านไปรวดเร็วกระไร  จากเช้าสู่สาย  บ่ายล่วงย่ำเย็น  แสงสุดท้ายแรงจ้าสาดส่องเข้ามาในห้อง  แม้จะปิดหน้าต่างแล้วแต่ก็ยังลอดผ่านช่องลมฉลุลาย  ตกต้องใบหน้าขาวซีดบนเตียง  สิงห์ยังคงนั่งอยู่ข้างน้องไม่หนีไปไหน  หันหลังกำบังแดดให้ด้วยใจรอคอย 
   
คุณนายพูนทรัพย์เข้ามาหาทันทีที่กลับจากโรงสี  แทบเต้นผางเมื่อเห็นบ่าวตัวดียึดเตียงไม้สักของลูกชายสุดที่รักเอาไว้คนเดียว  ร่าวอวบท้วมแทบถลาไปกระชากคนเจ็บลงมา  สิงห์เข้าขวางไว้ทั้งตัว  ให้เหตุผลทันควันว่าจ้อยไม่สบาย 
   
“สำออย” ปากแดงเบ้บิดดูแคลน “แค่ใช้ไปตามลูกฉันหน่อยเดียว  ทำเป็นดัดจริตไข้ขึ้น”

คำแม่กระตุกใจเขาหล่นวูบ

“อะ..อะไรนะแม่” สิงห์รู้สึกเหมือนกลืนกรวดแข็ง  ตกหล่นลงถ่วงใจ “เมื่อคืน.. แม่ใช้จ้อยไปตามผมหรือ  จ้อย.. ไม่ได้.. ออกไปดูหนังกับเพื่อนหรือ”
   
“ลองไปสิฉันจะฉีกอกให้” คุณนายพ่นลมออกจมูก  นึกอยากจิ้มหน้าผากขาวสักทีด้วยความหมั่นไส้  “อย่าเพิ่งตายล่ะไอ้จ้อย  แกยังใช้หนี้ฉันไม่หมด”

แม่ชักชวนออกไปกินข้าว  สิงห์ได้แต่ส่ายหน้าด้วยอาการของคนไร้วิญญาณ  ไม่แม้แต่จะมองร่างท้วมที่ถอนใจหน่ายตะบึงตะบอนออกไปสักนิด 
   
สักพักน้าแป้นเอาข้าวเย็นเข้ามาให้  พ่อก็เข้ามาดูอาการนักเรียนครูคนดีด้วย  มือใหญ่แตะลงหน้าผาก  ลูบผมอย่างอาทร  ไม่ลืมกำชับให้เขาดูแลน้องให้ดีๆ  สิงห์ได้แต่พยักหน้ารับเชื่องช้า  ก่อนเช็ดตัวให้น้องอีกหน

ดาวขึ้นสู่ฟ้า  พระจันทร์ปรากฏโฉม  ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างทุรนทุราย  สิงห์ไม่อาจข่มตาหลับลงได้  ได้แต่สอดแขนแทนหมอน  กอดเนื้อตัวผะผ่าวของน้องไว้แนบอก  ต้องใช้น้ำตาเยียบเย็นกี่หยดชโลมลง  ความร้อนบนผิวเนื้อนิ่มจึงจะบรรเทาลงได้  ต้องใช้หยาดเลือดจากหัวใจพี่สักกี่หยด  ความเลวที่พี่ทำไว้กับน้องจึงจะทุเลาลง  หรือต้องรอไปจนกว่าชีวีจะหาไม่ 
   
จนรุ่งสาง  เสียงไก่ขันเคล้าเสียงดุเหว่ากังวานแว่ว  แสงทองเรืองรองจับขอบฟ้า  เปลือกตาคู่นั้นยังคงปิดสนิท  สิงห์เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง  จ้อยหมดสตินานเกินไปแล้วหรือเปล่า
   
หรือที่จ้อยยังไม่ตื่น  เพราะเขาเสนอหน้าไปตัดเล็บให้  ขวัญที่บินหายเลยยังไม่กลับเข้าร่างอย่างที่น้าแป้นบอก     
   
เขาช่างโง่นัก  ทำอะไรลงไปแต่ละอย่างมีแต่ประจานความโง่เขลา  เรียนหนังสือก็ไม่ได้เรื่อง  พ่อพูดถูก  เพื่อนของจ้อยพูดเมื่อคืนก็ถูก  เขามันพวกไม่มีดีแต่ทำเป็นอวดเก่ง โง่เหมือนบัวใต้น้ำที่ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีวันโผล่พ้นน้ำมาสัมผัสแสงตะวัน  โง่อย่างนี้ทำไมไม่ไปเกิดเป็นควายเสียให้รู้แล้วรู้รอด 
   
และที่โง่ที่สุดคือสิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืนนี้ 

มือหยาบประคองใบหน้าเล็กเอาไว้  ขอบตาร้อนผ่าว  วงหน้าซีดเซียวตรงหน้าดูพร่าเลือนลงไป “จ้อยของพี่.. ไปเที่ยวอยู่ที่ไหนหืมม์..” เสียงทุ้มพร่าเค้นขึ้นจากหัวใจขื่นขม  เกลี่ยปลายนิ้วไล้ลงแก้มนิ่ม  กระซิบริมหูซ้ำๆ “กลับมาได้แล้ว  กลับมาหาพี่เถอะ”

ในความลางเลือน  พร่ามัวเหมือนสายหมอก  จ้อยรู้สึกได้.. มีสัมผัสละเอียด อุ่น แตะลงแผ่วเบาตรงหน้าผาก  สักพักเลื่อนไปที่แก้ม  อะไรนะ?  ผีเสื้อหรือเปล่า? หนุ่มน้อยนึกอยากปัดออกแต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา  สักพัก.. มีหยดเย็นร่วงตกกระทบแก้ม  ฝนตกหรือ.. ไม่ใช่  แล้วอะไรกันนะ  อืม.. หรือว่าผีเสื้อมีน้ำตากับเขาด้วยหรือ  มีจูบแผ่วเบาวนเวียนเหมือนสายลมพัดผ่าน  มีกระไออุ่นเอื้อเคลื่อนวงล้อมเหมือนถูกกอดรัดครั้งแล้วครั้งเล่า

ใคร?  จ้อยอยากร้องถาม  แต่ไม่มีเสียงออกจากลำคอสักนิด  มันแห้งผากดั่งกลืนผงทราย  ที่นี่ที่ไหนกัน  ร้อนเหลือเกิน.. ร้อน.. หิวน้ำ.. ยายจ๋า.. ยายอยู่ไหน..

“ยาย..” เสียงแหบแห้งหล่นจากริมฝีปากเผือดสี  เปลือกตายังปิดสนิท  ไม่รับรู้ว่าทำให้ใครคนหนึ่งยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจเพียงใด
   
“จ้อย..” สิงห์สูดจมูกฟืด  ปาดน้ำตาด้วยท่อนแขน  รั้งร่างอ่อนเปลี้ยขึ้นกอดแนบอก 
   
“ยายจ๋า..” หนุ่มน้อยพึมพำ  เบาหวิวเหมือนมาจากที่ไกลแสนไกล “หนูหิวน้ำ..”
   
คนตัวโตกุลีกุจอคว้าขันสาครใบน้อยตรงตั่งหัวเตียง  ช้อนคอน้องขึ้นเพื่อจ่อขันเย็นแนบริมฝีปาก  น้ำในขันพร่องหายทีละนิด
   
“ค่อยๆ จิบนะ” เสียงอ่อนเอื้อกระซิบแผ่ว  คนเจ็บค่อยๆ ปรือตาหนักอึ้งขึ้นมอง  หากทันใดนั้นเองก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อรับรู้ว่าอยู่ในอ้อมกอดใคร

ฝันร้ายเหมือนไฟนรก  ลามแลบแสบอกกายสิ้น!**

ในความป่วยไข้  สติที่กลับคืนมา  พาความทรงจำเลวร้ายระรัวทุบกระหน่ำ  ค่ำคืนอำมหิต  ครั้งแล้วครั้งเล่าที่มันตักตวงจากร่างกายนี้  กว่ามันจะสงบลง  ทั้งกายและใจจ้อยก็บอบช้ำเหมือนผ่านการโบยตีแสนสาหัส  ในสำนึกรู้คิดสุดท้าย  มันโถมตัวลงกอดจ้อยไว้แน่น  จ้อยหลับตาลง  ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
   
แต่แล้วจ้อยก็ตื่น  เพื่อพบกับโลกที่เปลี่ยนไป
   
แสงแดดเช้าไม่สดสวย  เสียงนกร้องไม่ไพเราะอีกต่อไป

ร่างเล็กดิ้นรนจากอ้อมกอด  สิงห์ยอมคลายออกแต่โดยดี  ไม่รั้ง  ไม่ยื้อไว้  ได้แต่มองภาพคนตัวเล็กกระเถิบลนลานไปอีกฝั่งเตียงด้วยหัวใจร้าวราน  มือใหญ่ยื่นไปหา  น้องกลับผวาสะดุ้งเฮือก  ขดตัวเหมือนลูกแมวขวัญหนี  ทำเหมือนเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่าชิงชัง         
    
“จ้อย..” ชายหนุ่มเสียงพร่า  ขอร้อง..อย่ามองพี่ด้วยสายตานั้น  สายตาที่เหมือนมองอะไรสักอย่าง  สวะ?  ไม่สิ  สวะยังดีเสียกว่า  ถึงจะน่ารังเกียจน่าขยะแขยงเพียงใด  มันก็ไม่เคยทำให้ใครเจ็บ  หมาขี้เรื้อน?  ไม่ใช่  หมาขี้เรื้อนมันยังไม่เคยกัดคนไม่มีทางสู้  โดยเฉพาะคนคนนั้น  เป็นคนที่มันพร่ำบอกกับตัวเองว่ารักนักรักหนา

สายตานั้นมันปนเปกันระหว่าง.. โกรธ.. เกลียด.. และหวาดกลัว.. 

ใบหน้าขาวซีด  ริมฝีปากแตกแห้งเม้มแน่น  ตัวสั่นสะท้านเหมือนลูกนก  ประกายเจิดจ้าจากแสงอาทิตย์  ยังไม่เท่าสิ่งที่สะท้อนร่วงจากดวงตาน้อง  กัดกร่อนใจยิ่งกว่าน้ำกรด
   
“อย่าเข้ามา” เสียงห้ามแผ่ว..เบาหวิว.. เขยิบหนีไปสุดฝั่งเตียง  แค่ขยับเพียงนิดก็เจ็บร้าวไปทั้งตัวจนต้องนิ่วหน้า  คนตัวโตโผเข้ามาด้วยความห่วงหา  แม้สิงห์ไม่มีทีท่าคุกคาม  แต่ความทรงจำเลวร้ายไม่เคยปรานี  ไม่เคยผ่อนปรนต่อหัวใจดวงใด 
   
จ้อยลนลานหนีจนพลัดตกเตียงกระแทกพื้นดังตุ้บ  ไม่มีเสียงร้องสักแอะ  หรืออีกนัยหนึ่งคือเจ็บจนร้องไม่ออก  ร้าวระบมไปทั้งร่าง  สิงห์อ้อมฝั่งเตียงไปดูน้องทันควัน  อ้อมแขนแข็งแรงประคับประคองกอดไว้
   
“ออกไป..” ร่างเล็กน้ำหูน้ำตานองหน้า  เนื้อตัวผะผ่าวดิ้นขลุกขลักด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิดที่มี  ยิ่งถูกกอดแน่นยิ่งเกร็งตัวจนสั่นสะท้าน
   
“จ้อย..พี่เอง..พี่ไม่ทำอะไร..” สิงห์น้ำตาร่วง  น้องจะโกรธจะเกลียดเขายังไงก็ได้  จะตบหน้าจะทุบตีอย่างไรจะยอมหมอบราบคาบแก้วให้ทำ  อยากเหยียบย่ำขยี้ให้จมดินอย่างไรจะไม่วิงวอนขอความเมตตาสักน้อย  แต่ขออย่างเดียว.. อย่าหวาดกลัวกันเหมือนพี่เป็นปีศาจนรกแบบนี้
   
“อย่า! กลัวแล้ว..” เสียงพร่าร้องออกมาเป็นคำสุดท้าย  ก่อนจะหมดสติลงอีกครั้งในอ้อมแขนอสูรกายที่ยังกอดรัดแน่น     

สิงห์มองน้องแน่นิ่งในอ้อมกอดผ่านม่านน้ำตาพร่าเลือน

เลือดหยดอดอยากตรากตรำ  มิช้ำอกชอกฉะนี้เลย**


โปรดติดตามตอนต่อไป

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*คนใจมาร, ไพบูลย์ บุตรขัน คำร้อง, ดาวใจ ไพจิตร ขับร้อง
**อุชเชนี



อะแฮ่ม.. จริงๆ ยังมีต่ออีกหน่อย แต่โควต้าหน้ากระดาษหมด ประกอบกับทิ้งช่วงมานานแล้วเลยตัดจบตอนแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
โถ..จ้อยเอ๋ย ฟื้นขึ้นมาได้แค่แป๊บเดี๊ยะ แม่เอ็งใจร้ายตัดจบตอนเอาดื้อๆ  :เฮ้อ:

เจอกันบทต่อไปค่ะ

รักคนอ่านเหมือนบ้านรักหลังคา :กอด1:

ดอกไม้ค่ะ
๓ ธ.ค. ๕๕


ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :z3: :z3: :z3:

กลับมาต่ออีกสักนิดเหอะ พลีสสสสสสสสส  :m15:

ไม่รู้ว่าจะสมน้ำหน้าหรือสงสารอิพี่สิงห์ดีนะเนี่ย

ออฟไลน์ special

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-3
สงสารทั้งจ้อยสงสารทั้งพี่สิงห์

พี่สิงห์ตอนรู้จากแม่ยิ่งรู้สึกผิด

คู่นี้จะได้สมหวังกันไหมเนี่ย

bow55

  • บุคคลทั่วไป
ฮือ....เค้าจะสงสารใครดี
มันบีบหัวใจเกินไป

wijii

  • บุคคลทั่วไป
ร้องไห้ สงสารทั้งคู่เลย ;((

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ciin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
สงสารสิงห์จัง
สิงห์สำนึกผิดแล้ว จ้อยยกโทดเถอะนะ

ออฟไลน์ Nemasis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
หดหู่จัง สงสารทั้งสองคน

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
ไม่รู้จะสงสารใครดี

สงสารตัวเองละกัน 555 (ฮากลบเกลื่อน)


อากาศใต้ผ้าห่ม

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกก โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

 :sad4: ไม่รู้จะพูดยังไง .....

ออฟไลน์ GoodboyNicky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
น้ำตาซึม   


ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
สงสารสิงห์ สงสารจ้อย จ้อยเป็นแบบนี้สิงห์คงเจ็บปวดมาก แม่สิงห์จะอะไรกับจ้อยนักหนา แต่อย่างน้อยสิงห์ก็รู้แล้วว่าเข้าใจจ้อยผิด

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :mc4: :mc4:

ฉลองให้ตัวเอง อ่านทันแล้ว แถมมาทันตอน  :เฮ้อ: :เฮ้อ: โครตบีบหัวใจ แม่ยกพี่สิงห์อย่างเรา


พูดไม่ออกบอกไม่ถูก  :z3: :z3: ไม่มีคำแก้ตัวใดๆสำหรับพี่สิงห์ ก็ได้แต่หวังว่าวันนี้ วันที่พี่รู้จักตัวเองดีแล้ว มันจะส่งให้พี่พยายามถีบตัวออกมาจากการเป็นบัวในตมซะทีนะ



ออฟไลน์ jilantern

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
พี่สิงห์ไม่ได้ตั้งใจนะจ้อย ㅠㅡㅠ

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ถามหน่อย แม่ดอกไม้ !! เกลียดอะไร พ่อสิงห์ พ่อจ้อย นักหนา
ถึงได้ให้น้องตื่นมาแล้วหวาดผวา รังเกียจ พ่อสิงห์ ขนาดนี้

ถ้าให้เอามีดมาเถือหนัง แม่ยก พ่อสิงห์ พ่อจ้อย แทนการให้น้องหายโกรธพ่อสิงห์ไวๆ
แม่ดอกไม้พอจะให้กันได้ไหม ถึงพ่อสิงห์จะเลว ก็เพราะรัก เพราะขาดสติ

พอพ่อสิงห์ได้คิดก็กลับมาเป็นคนดีเหมือนเดิมเห็นไหม นี่แสดงว่าพ่อ ไม่ได้ร้ายมาแต่กำเนิด  แต่อาจเพราะขาดความยับยั้งชั่งใจ

แม่ดอกไม้ ช่วยบอกพ่อจ้อย ให้หน่อยนะ ว่าอย่าโกรธพ่อสิงห์นาน เอาแค่พอผู้คนไม่ครหา
ว่าน้องใจง่าย ให้อภัยไว น้องค่อยหายโกรธก็ได้

อย่าให้น้องหนีหายนะ  ไม่งั้น แม่ยก พ่อสิงห์ จะยกพลไปรื้อหลังคาบ้านแม่ดอกไม้

เห็นบอกรักคนอ่านเหมือนบ้านรักหลังคา ก็ถ้ารังแกพ่อสิงห์มากๆ แม่ยกพ่อสิงห์ก็จะไป
รื้อหลังคาที่รักนัก รักหนา ลงซะ

จะได้ไม่ต้องรักกันต่อไป   สงสารพ่อสิงห์ พ่อจ้อย จับใจ T T


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด