มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 711247 ครั้ง)

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
คืนนี้ไม่สามารถค่ะ ดอกไม้ปั่นไม่ทัน  :sad4:

ขอโทษจริงๆค่ะ  ขออัพวันพรุ่งนี้นะคะ

แอบดีใจที่รู้ว่ามีคนรอ  :กอด1:

ออฟไลน์ shiki senri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
กรี้ดดดค่ะ! รักเรื่องนี้มากๆ ขอบคุณมากนะค่ะที่แต่งเรื่องนี้มาให้อ่าน ได้บรรยากาศอดีตมากๆเลยค่ะ
รอลุ้นต่อไป ยอมรับตอนแรกที่เข้ามาอ่านตอนนี้ไม่กล้าอ่านต่อเลย ทำใจกะลอยไม่ได้แต่พอเลื่อนดูเห็นครูมาแล้ว แทบกรี้ดด มีกำลังใจอ่านต่อทันที อยากรู้ตอนต่อไปแล้ววว ขอหวานๆนะคะ ติดตามค่ะ สนุกสุดๆเลย 

แนะนำเพื่อนๆที่อ่าน ลองเปิดเพลง ลาวคำหอม พร้อมนะคะได้ฟิลสุดๆ ><

ออฟไลน์ meiji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มารอค่า จะมาวันนี้รึป่าวเอ่ยยย

ออฟไลน์ Jploiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
เหมือนอะไรๆ จะยิ่งแย่ลงไปทุกที
สิงห์ก็ลองกลับตัวกลับใจจริงๆ ซักทีสิ
เลิกคบเพื่อนแบบลอยเลยก็ได้
สิงห์น่าสงสารที่สุดแต่จะเลวให้สุดแบบนั้นก็ไม่เอานะ
จากที่ว่าจะดีขึ้นสักนิดจะกลายเป็นว่าแย่ลงกว่าเก่าไปหมด


ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1

บทที่ ๑๓

กอดฉัน



กอดรัดฉันไว้  กอดรัดฉันไว้
กอดเกลาเร้าใจให้คลอนทรวงไหวระรัว
ไม่หวงเนื้อตัว ไม่หวงเนื้อตัว
หากจะหวงก็หวงหัวใจ

บอกรักฉันซี  บอกรักฉันซี
บอกเป็นวจีที่ทรวง ทรวงนี้พิไร
บอกซิรักใคร บอกซิรักใคร
บอกมาแล้วจะให้รางวัล*




คนึงเหยียบคันเร่งพารถจี๊ปสีขาวห้อตะบึงฝ่าสายฝน  ที่เบาะหลังจ้อยประคองคุณชายให้นอนหนุนตัก  คนเมาทั้งเหล้าเมาทั้งยายังหัวเราะคิกคักไม่หยุด  พึมพำพูดอะไรฟังไม่ได้ศัพท์  จนจ้อยต้องก้มหน้าตะแคงหูฟัง
   
เท่านั้นก็ได้เรื่อง!

“อะ..อาจารย์!” เสียงนักเรียนครูอุทานตกใจดึงสมาธิคนขับ  คนึงเหลือบมองกระจกหลัง  เห็นจ้อยทำหน้าเหยเก “คะ..คุณชายหอมแก้มผม!”

ชายหนุ่มขบกรามกรอด  เหยียบคันเร่งแทบมิดจนรถโคลงเคลงกระเด้งกระดอนไปตามถนนขรุขระ  เขาบอกไม่ถูกว่าโกรธใครมากกว่ากัน  ระหว่างเจ้าเด็กดื้อที่ไม่อยู่รอเขาแถมยังริอ่านกินเหล้าเมายา  กับไอ้พวกอันธพาลที่ประสงค์ร้ายมอมเหล้าเสียจนเมามาย 

หรือควรโกรธตัวเอง..ที่ปล่อยให้เลอมานอยู่คนเดียว 

“อาจารย์ ขับเร็วๆ หน่อย” จ้อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เข้าไปทุกที  “คุณชายเป็นอะไรก็ไม่รู้..เมื่อกี้ล้วงขากางเกงผมด้วย!”

.................................

กว่ารถจี๊ปจะเดินทางกลับมาถึงโรงเรียน  จ้อยก็ถูกลวนลามไปนักต่อนักจนขนลุกซู่  ขืนช้ากว่านี้อีกนิดเดียว  สงสัยเขาจะโดนคุณชายจับปล้ำคารถเป็นแน่แท้

จ้อยกลับหอพัก  ส่วนคนึงอุ้มลูกศิษย์ตัวดีตรงไปยังห้องน้ำอาจารย์ด้านหลังเรือนไม้  มือใหญ่วางร่างที่เอาแต่นัวเนียเกาะเกี่ยวไม่ปล่อยลงพื้นกระเบื้อง  กว่าจะถอดเสื้อผ้าคนเมาออกได้สำเร็จก็เล่นเอาหืดขึ้นคอ   

“ครูเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ากินเหล้า!” อาจารย์เสียงดังจนเกือบเป็นตะคอก  ตรงข้ามกันเหลือเกินกับมือที่จ้วงน้ำในอ่างค่อยๆ ราดรดลงเนื้อตัวเปลือยเปล่าอย่างอ่อนโยน 

“รู้ไหมว่าถ้าครูไปช้ากว่านี้จะเป็นยังไง” เขาวักน้ำขึ้นลูบใบหน้าอ่อนเยาว์  ระมัดระวังไม่ให้ถูกผม  ขืนนอนทั้งหัวเปียกมีหวังเจ้าเด็กดื้อจับไข้แน่

“หนาว..” น้ำเย็นเฉียบจนคุณชายหนาวสั่น  กระเถิบไปขดร่างคุดคู้อยู่ตรงมุมอ่างน้ำ  คนตัวโตยังตามติด  ดึงแขนดึงขาออกมาถูสบู่ให้ 

“ต้องให้ครูเป็นห่วงแค่ไหนถึงจะพอ!” ยิ่งนึกถึงเกล็ดทองเปลวบนปากไอ้ลอยยิ่งยอกอก  มือใหญ่บีบยาสีฟันใส่แปรง  บีบคางเล็กให้อ้าปากก่อนแปรงฟันให้

ล้างร่องรอยไอ้คนหยาบช้านั่นออกให้หมด!

กว่าจะอาบเสร็จ เลอมานก็คางสั่นจนฟันกระทบกันกึกๆ  อาจารย์หนุ่มคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่มาห่อร่างเปลือยเปล่า  ช้อนขึ้นอุ้มแนบอก  ศิษย์เบียดเข้าซุกอกกว้างราวกับจะหาไออุ่น  กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง กลิ่นกัญชาฉุนกึกจางหายไปสิ้น  เหลือเพียงกลิ่นสบู่หอมฟุ้งอวลอยู่บนเนื้อขาวเนียน       

“ทำไมไม่รอครู!” คนึงยังบ่นไม่เลิกยามอุ้มร่างแบบบางขึ้นห้อง  บรรจงวางบนเตียงอย่างทะนุถนอม “ไหนสัญญาว่าจะรอกัน”

ประโยคท้ายแผ่วลงคล้ายรำพึงตัดพ้อ  ดวงตาคมเข้มมองร่างที่นอนระทดระทวยตรงหน้า  มือใหญ่ค่อยๆ ซับหยาดน้ำออกจากเนื้อตัวนุ่มนิ่ม  ก่อนลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าของคุณชาย  กลิ่นบุหงาดอกไม้อบหอมโชยรื่น  เลือกชุดนอนเนื้อบางออกมาชุดหนึ่ง

“ใส่เสื้อก่อนเร็ว  เดี๋ยวเป็นหวัด” เพิ่งรู้ว่าจับคนเมาใส่เสื้อนี่มันยากกว่าจับน้องๆ แต่งตัวเมื่อตอนเป็นเด็กเสียอีก  เลอมานเอาแต่ฮึดฮัดปัดป้อง  กว่าเขาจะยัดแขนขาอีกฝ่ายลงในชุดนอนได้  กว่าจะกลัดกระดุมให้คนที่เอาแต่ยุกยิกได้ก็แทบปาดเหงื่อ 

มาชะงักเอาอีตอนที่เห็นรอยจูบแดงช้ำบนซอกคอขาว 

“เล็ก” คนึงพยายามสะกดกลั้นโทสะที่กรุ่นขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ  เค้นถามเสียงต่ำ “ใครจูบเรา”

นายสิงห์หรือนายลอย?

เลอมานมองมาตาฉ่ำเชื่อม  ปากสีเรื่อแย้มยิ้มยั่วเย้า “อาจารย์นั่นแหละ” 

อาจารย์หนุ่มสูดหายใจลึก  เริ่มนับหนึ่งถึงสิบ  โบราณว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา “โดนจูบตรงไหนอีก”

เสียงใสหัวเราะคิก  นิ้วเรียวจิ้มหน้าผากตัวเอง  เลื่อนมาจิ้มสองแก้ม  เลื่อนมาจิ้มปาก  พอเลื่อนมาจิ้มคอ  หนึ่งถึงสิบที่อาจารย์อุตส่าห์นับก็ระเบิดกระจัดกระจาย 

“ยอมให้เขาจูบทำไม!  หา!” เสียงห้าวตะคอกลั่น  มือแกร่งบีบไหล่เล็กเขย่าจนตัวคลอน  ศิษย์ถึงกับนิ่วหน้าเหยเก     

แถมแค่โดนดุนิดๆ หน่อยๆ นัยน์ตาคู่สวยก็รื้นน้ำตาขึ้นมาเสียเฉยๆ 

“Don’t scold me.” คุณชายเบะปากเหมือนพร้อมจะซัดโฮ  ซ้ำยังหลุดพูดภาษาอังกฤษเสียด้วย “Please..”

อาจารย์หนุ่มส่ายหน้า  จึ๊ปากท่าทางหงุดหงิดเต็มที่  คนโดนดุยิ่งน้ำหูน้ำตาร่วง

“Don’t hit me.” คุณชายสะอื้นฮักอย่างหมดท่า เช็ดน้ำตาป้อยๆ “It hurts”
   
คนึงลอบถอนใจ  ดึงมือเล็กที่ขยี้ตาจนแดงช้ำออก  แต่อีกฝ่ายยังดื้อดึงจนเขาต้องประคองให้ลุกขึ้นนั่ง  โอบกอดไว้แนบอก  โยกโคลงไปมา  เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา “ไม่ตีหรอก  ไม่ดุแล้วด้วย  นิ่งซะ”

“You hit me the other day, it’s red all along. Your hit is too hard.” คนขี้แยเงยหน้าขึ้นสบตา  คำพูดหล่นพรั่งพรู

ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น  ถ้าประโยคสั้นๆ ละพอฟังออก  แต่เล่นมายาวเหยียดรัวเร็วแถมสำเนียงอังกฤษจ๋าแบบนี้.. มันสุดความสามารถในการตีความ     

“Here..”

อาจารย์เบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน  เมื่อจู่ๆ มือเรียวก็ดึงกางเกงนอนเนื้อนิ่มลงพรืด  พลิกกายอวดเนินบั้นท้ายขาวเนียนกระจ่างแก่สายตา

คุณชายไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ  ในสติที่ถดถอยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์  เขาแค่อยากอวดรอยนูนแดงที่เกิดขึ้นเพราะถูกอาจารย์เฆี่ยนเมื่อประมาณเดือนก่อน 

ป่านฉะนี้แล้วรอยมันคงจะยังอยู่หรอกนะ

“เลอมาน!” เสียงห้าวตวาดลั่น  แทบโจนเข้าใส่ร่างที่เปิดเผยเนื้อหนังตรงหน้า  มือใหญ่พยายามรั้งกางเกงที่ถูกถลกขึ้น  อีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย  คุณชายดิ้นขลุกขลักทั้งยังหัวเราะเอิ้กอ้าก  คงนึกว่าอาจารย์ชวนเล่นมวยปล้ำ
    
สองร่างปลุกปล้ำกันจนผ้าปูที่นอนยับย่น  ผลัดกันพลิกคว่ำพลิกหงาย  ผ้าห่มไปทาง หมอนไปทาง  กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนอาจารย์ตรึงศิษย์จอมพยศไว้กับเตียงได้สำเร็จ  จมูกชนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ 

คนตัวโตชะงักนิ่งเหมือนถูกสะกด  ดวงตาคมเข้มมองวงหน้าละมุนตรงหน้า  ยิ่งเห็นนัยน์ตาหวานฉ่ำยิ่งพาใจเตลิด  ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นรัวอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของ 

อากาศหลังฝนตกเย็นชื่นแต่เหตุใดเหงื่อเม็ดเล็กจึงผุดซึมเต็มหน้าผาก  อาจารย์กลืนน้ำลายฝืดคอ  เคยบวชเรียนมาแล้วหนอคนึง วนาสัย  ท่องเอาไว้ว่า..ขันติ..ขันติ.. จงมั่นคงหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน  ไม่ว่าคนจะเทอะไรลงไป  ไม่ว่าจะของสวยงามหรือของหอมแค่ไหน  ก็จงอย่าหวั่นไหวเป็นอันขาด   

เขาพยายามข่มใจ  แต่ทำไมแผ่นดินจึงไหวสะทกป่วนปั่น  มีเมฆที่ไหนสักแห่งอัดอั้นอยากถะถั่งชโลมพื้น  อยากเทกระหน่ำให้สาใจ  อยากคว้าเด็กหนุ่มที่ลอยหน้ายิ้มยั่วมาลงทัณฑ์   
   
นัยน์ตาเด็กหนุ่มเป็นประกายวาววาม  คนึงเสียววูบลงถึงท้องน้อย  อะไรในตาคู่นั้น  เข็มกี่เล่มซัดสาดภายใน  กล้ามเนื้อชายหนุ่มไหวระริก  เลือดในกายเดือดระอุ  โดยไม่ทันรู้ตัว  บางองคาพยพขมวดขึงตึง 

“อาจารย์” คนถูกเรียกแทบหยุดหายใจ  ริมฝีปากบางสวยขยับเป็นจังหวะ  ปลดปล่อยถ้อยคำเสียดลึกถึงวิญญาณ  “กอดผมที”

ถือขันตีทีนั้นก็ขันแตก     ทั้งศีลแทรกสูดออกกระบอกหู*    

ในหัวคนึงว่างเปล่า  ไม่มีทั้งอดีตและอนาคต  ไม่มีแม้จรรยาบรรณหรือคุณธรรมใด  ไม่มีคนอื่น  ไม่มีมนุษย์หน้าไหน  นอกจากคนที่อยู่ในอ้อมแขนเวลานี้

ใบหน้าหล่อคมโน้มลงประทับจูบบนเรียวปากอิ่ม  สุดอธิบายในความดาลใจแทบด่าวดิ้น  เมื่ออีกฝ่ายจูบตอบอย่างเต็มอกเต็มใจ  ความอ่อนโยนถูกไฟโหมกลายเป็นความหนักหน่วง  เหมือนได้ดื่มกินดวงจันทร์  ดื่มด่ำดวงดาว  กลิ่นหอมหวานพาหัวใจให้ไหลล่องลงสู่มหาสมุทรเชี่ยวกราก  ดำดิ่งลึกลงในห้วงน้ำความลุ่มหลง

เขาผละออกเมื่อร่างเล็กครางฮือ  จูบแตะแผ่วๆ ซ้ำๆ บนกลีบปากแดงเจ่อ  ก่อนลัดเลาะลงซุกไซ้ซอกคอขาวนวล  หวานแสนหวาน  หอมแสนหอม  มือใหญ่สั่นเทาปลดกระดุมเสื้อนอนเนื้อนิ่ม  แผ่นอกขาวเนียนสะท้อนแสงโคมไฟนวล  ยอดอกสีเรื่อหดเกร็งเย้ายวน  คนึงอดใจไม่ไหวจนต้องลองชิม  เรียกเสียงครางหวานหู  ความปวดแปลบวกเวียนซาบซ่านที่กึ่งกลางลำตัว 

หัวใจดวงเดิมเต้นรัวแทบทะลุอกเมื่ออีกฝ่ายแยกขาออกกว้าง  คล้ายดอกไม้แรกแย้มคลี่กลีบเบ่งบานเชิญชวนแมลงภู่ซุกไซ้เกสรหอม 

หรือคล้ายกับดักลวงล่อ  หรือคล้ายหลุมพรางลวงใจ 

ทว่าต่อให้เป็นหลุมเป็นกับดักเป็นแร้วเป็นบ่วง  เขาก็ยินดีมอบกายร่วงหล่น  ยินดีมอบใจให้ถูกรัดพัน

แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าจะไม่มีวันหลุดพ้นบ่วงเสน่หานี้ได้อีกจนชั่วชีวิตก็ตาม

บางส่วนกลางลำตัวแนบสนิทชิดเชื้อ  ชายหนุ่มกดสะโพกลงขยับเสียดสีเชื่องช้า  ดั่งเกิดประจุไฟฟ้าเวียนวนจนระอุ เลอมานสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่แข็งขึงร้อนผ่าว  ทั้งของตนและของร่างที่คร่อมทับ  หากเป็นยามปกติเขาคงหวาดผวา  แต่ไม่ใช่ตอนนี้.. ยามที่สตินึกรู้ลางเลือน  ปล่อยร่างกายให้เคลื่อนไหวไปตามหัวใจ  ปล่อยเสียงครวญครางสั่นพร่า  ปล่อยสองแขนโอบคล้องรอบคอหนา  ปล่อยสะโพกมนหยัดรับความต้องการของอีกฝ่ายอย่างร้อนเร่า
   
คนึงเลียริมฝีปากแห้งผาก  หอบหนักจนแผ่นอกกว้างสั่นสะท้าน  มือหยาบลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่อง  ก่อนสอดลงใต้กางเกงนอนที่เกาะสะโพกเพียงหมิ่นเหม่  ละลานใจเมื่อร่างเล็กไหวสะเทือนเพียงเขาสัมผัสแก่นกายร้อนผ่าว  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์บิดกายเร่าไร้การควบคุมดังสายว่าวขาดลอย  ปลิวหวือไปกับลมบน  มือใหญ่รูดรั้งอ้อยอิ่งก่อนเพิ่มจังหวะรัวเร็ว 

“อ๊าาา...” เสียงครางหวานหูดังลั่น  ดังลั่นจนเกรงว่าจะได้ยินไปถึงห้องข้างๆ ที่กั้นไว้เพียงผนังไม้ฉำฉา 

ชายหนุ่มปิดเสียงนั้นไว้ด้วยจุมพิตร้อนแรงตะกรุมตะกราม  เหลือเพียงเสียงครางหวิวในลำคอ 

“อื้ออ..” ร่างบอบบางหยัดเกร็งเมื่อความปรารถนาที่ร้อนระอุของพวกเขาถูกรวบไว้ด้วยกัน  มันร้อนจัดจนน่ากลัวว่าจะมอดไหม้  อุ้งมืออุ่นรูดรั้งรุนแรงขึ้นทุกขณะ  มืออีกข้างลูบไล้วงหน้าอ่อนเยาว์ที่เหยเกด้วยแรงอารมณ์  ไม่มีคำพูดใด  มีเพียงเสียงหอบหายใจถี่กระชั้นเคล้าเสียงคราง  มีเพียงเสียงชุ่มฉ่ำเจาะแจะเหมือนน้ำล้นฝาย  มีเพียงสายตาที่จับจ้องมองกัน               
   
พายุสวาทครืนโครม  หอบเกลียวคลื่นเซาะฝั่งใจ  หอบซัดเมฆฝนลอยวนกลั่นหยดเป็นธารหวานพรั่งพรู  มือเล็กขยุ้มเสื้ออาจารย์จนยับย่น  เสียงหวานครางถี่กระชั้นขึ้นทุกที  ก่อนกระตุกเฮือกจนกล้ามเนื้อสั่นระริก  คนึงปิดเสียงกรีดร้องด้วยริมฝีปากอุ่นไว้ทันควัน

คราบขาวขุ่นหยาดหยดสู่หน้าท้องราบ  บ้างกระเซ็นลงที่นอนนุ่ม  ปนเปคละเคล้าไม่รู้ของใครเป็นของใคร  มิยินเสียงตกกระทบ  หากกรูกราวในห้วงอารมณ์  เมื่อพายุผ่านไป  อาจารย์แสนละอายและอดสู  แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอิ่มเอิบซาบซ่านนัก   

ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงกอดกระชับอีกฝ่ายไว้  ต่างคนต่างหอบหนัก  เลอมานหลับตาลง  น้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะจากหางตาลงสู่ที่นอนเป็นวง  อาจารย์จูบซับรอยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

สายตาคมเห็นกลีบปากแดงเจ่อช้ำด้วยรสจูบที่เขาบดขยี้แล้วบดขยี้เล่า  หัวใจไหววูบขึ้นมาอีกครั้ง  มือใหญ่ยกขึ้นแตะแผ่วเบา  ชะงักเมื่อของเหลวขาวขุ่นที่ชุ่มปลายนิ้วแปดเปื้อนริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ  ชายหนุ่มใช้จูบเช็ดออกให้  ลิ้มรสชาติหวานคาวอย่างไม่คิดรังเกียจ   

ศิษย์ปรือตาขึ้นมอง  ดวงตาแดงก่ำคลอหยาดน้ำใสจนหัวใจคนเห็นไหวยวบ  อาจารย์พรมจูบทั่วใบหน้า  หน้าผาก  เปลือกตา  สองแก้ม 

“นอนซะ..เด็กดี” เขารั้งร่างเล็กเข้ามาหนุนแขน  โอบกอดไว้แนบอก  คุณชายยังสะอื้นแผ่ว  เขาจูบซ้ำๆ ที่ขมับชื้นเหงื่อ

“เจ้าเนื้อละมุนเอย..” เสียงนุ่มนวลเริ่มขึ้น  ปลอบประโลมเด็กขวัญหนี “..เนื้อเจ้าอุ่นเหมือนสำลี  พี่ไม่ให้ผู้ใดต้อง  เนื้อเจ้าจะหมองศรี..” ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากเล็กออก  สัมผัสอ่อนโยนจนเปลือกตาบอบบางปิดลงอย่างวางใจ  ซุกร่างเข้าหาอกอุ่นล้ำ.. คล้ายจะฝากทั้งกายและใจไว้ในอ้อมแขนนี้   

เลอมานดำดิ่งลงห้วงนิทราอย่างง่ายดายด้วยเสียงทุ้มแผ่วที่ตามไปกล่อมถึงในความฝัน 

“..คนดีของพี่คนเดียวเอย..”

****************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2012 20:21:02 โดย ดอกไม้ »

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
จ้อยพายเรือแวะรับยายไปขายผักที่ตลาดตามปกติแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน  หากวันนี้มีอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

คนทั่วตลาดยอดลือเรื่องคุณชายรูปหล่อแห่งโรงเรียนฝึกหัดครูไปเที่ยวซ่องกันให้แซ่ด

“พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย  ท่าจะอดอยากปากแห้งน่าดู”
“มันก็แน่ละ อยู่โรงเรียนชายล้วน จะไปหาผู้หญิงที่ไหน”
“หน้าตาหรือก็ดี ไม่น่าถึงขั้นไปซื้อเขากิน”
“ชาติตระกูลสูงซะเปล่า  ทำตัวสำมะเลเทเมา”


อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ  ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดไปกรีดหิน  จ้อยไม่รู้ว่าต้นตอข่าวลือเริ่มต้นจากใคร  แต่ดูท่า.. ชาวบ้านคงมีเรื่องโพนทะนากันสนุกปากได้อีกนาน  กว่าจะไปถึงหูเจ้าตัว  เรื่องราวจะถูกใส่สีตีไข่ไปถึงไหนก็ไม่รู้

“เห็นว่าเมื่อคืนครูคนึงกับคุณชายต่อยกันที่ซ่องอีทองใบ  เรื่องจริงเรอะจ้อย” ยายธรรมแกแวะมาเลียบๆ เคียงๆ ที่แผง  ได้ฟักทองไปลูกแล้วก็ชวนคุยไม่หยุด  จ้อยได้แต่นิ่งเงียบ  รู้อิทธิฤทธิ์ปากคน  พูดไปอย่างก็พากันตีความไปอีกอย่าง  ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด  สู้นิ่งเฉยเสียดีกว่า

จะว่ากันตามจริง  เขาก็ไม่รู้จะแก้ตัวให้คุณชายว่าอะไร  ก็ ‘เรื่องจริง’ มันน่าโสภาเสียเมื่อไร  ‘คุณชายถูกพวกจิ๊กโก๋มอมเหล้าพาไปทำมิดีมิร้าย’ รู้ถึงไหนล่ะอายถึงนั่น  เผลอๆ จะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้เลยทีเดียว

ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน  นอกจากสังคมจะถีบหัวส่งแล้วยังถ่มน้ำลายใส่ด้วยซ้ำ 


แสงทองจับขอบฟ้าเรื่อเรืองเมื่อผักเกลี้ยงแผง  ยายหลานช่วยกันแจวเรือกลับบ้าน  จ้อยคัดท้าย  ส่วนยายพายหัวเรือจะได้เบาแรง  เสียงไม้พายกระทบน้ำดังจ๋อมๆ  หมอกเย็นกับสายลมเหนือผิวคลองพัดพาความเย็นชื่นมาต้องใบหน้า  ดอกบัวหลวงสีชมพูอ่อนชูก้านแกว่งไกว  โลกใบน้อยของจ้อยแสนสุขและสงบ
 
“เอ..วันนี้ครบกำหนดจ่ายดอกแล้ว  ตาสิงห์ไม่เห็นมา” ยายเอี้ยวหน้ามาชวนคุย  รอยยิ้มอ่อนจางบนหน้าจ้อยหายวับ 

จ้อยจะไม่สุขก็เพราะชื่อมันนี่แหละยายจ๋า

“ไอ้สิงห์มันไม่มาก็ดีแล้วนี่ยาย” หนุ่มน้อยสะบัดเสียงห้วน  หลบไม่ทันเจอลูกหมากสดจากมือยายเขวี้ยงใส่หัวดังก๊อก 

“แหม้..พลาดไป กะจะให้โดนปาก” ยายช้อยดุหลานที่ยังคลำหัวป้อยๆ “พูดไม่เพราะเลย  ยังไงเขาก็แก่กว่าเอ็งนา” 

จ้อยทำปากอูดใส่  พายต่อไปไม่พูดไม่จา

“เออ  แล้วเมื่อคืนมีเรื่องอะไรกัน  ตีกันหัวร้างข้างแตก  ดีนะคุณนายไม่มาเอาเรื่อง” 

“ก็มัน..” หลานยั้งปากไว้แทบไม่ทัน “เขามาหาเรื่องหนูก่อน”

“แปลก.. ” หญิงชราส่ายหัวด๊อกแด๊ก  พูดพึมพำ “เมื่อคืนตาสิงห์ยังเอาขนมมาให้ยายหยกๆ”

“ยายกินของมันหรือ” จ้อยสะดุ้งจนเรือโคลง  “กินทำไม  แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า  ท้องเสียไหม จะอ้วกไหม”
   
ยายทำหน้าเหมือนจ้อยเพิ่งเล่าให้ฟังว่าเจอหนวดเต่าเขากระต่าย 
    
“มันเลวแค่ไหนยายลืมไปแล้วหรือ” เสียงสั่นพร่าขึ้นจมูกจนยายต้องราพายนิ่ง  หันกลับมามองหน้าหลานให้ชัดๆ  แกเห็นแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง 

คนอาบน้ำร้อนมาก่อนถอนใจแผ่วเบา 

“จ้อยเอ๋ย..” เสียงนุ่มนวลปรานีเหมือนน้ำใสเย็น  มองหลานออกทะลุปรุโปร่ง “เด็ดดอกไว้ขั้ว เด็ดบัวไว้ใยนะลูกนะ”

จ้อยเบือนหน้าหลบสายตายาย  จับจ้องแต่คลื่นน้ำกระเพื่อมข้างกราบเรือ   ริมฝีปากบางเม้มแน่น

ไม่มีทาง  จ้อยจะไม่เด็ด  แต่จะสาดน้ำมันจุดไฟเผาให้มอดไหม้เป็นจุลไปเลยทั้งดอกทั้งบัว  เอาให้ไม่เหลือซากทั้งขั้วทั้งใย 

สิ่งที่ไอ้สิงห์เคยทำกับจ้อย  เรียกว่าเจ็บแสบยังน้อยไป  เรียกว่าชอกช้ำก็ยังเทียบกันได้ไม่ถึงเสี้ยว 
   
ความทรงจำเลวร้ายฝังรากเหมือนมีใครตอกลิ่มไว้ในก้นบึ้ง  จ้อยไม่เคยคิดจะลืม  ปล่อยให้มันฝังใจเจ็บอยู่แบบนั้น  เป็นบทเรียนสอนใจว่าอย่าได้ไว้ใจ  อย่าเคารพ เทิดทูนผู้ชายสารเลวคนนั้นอีก 

มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรจ้อยจำไม่ได้  จำได้เพียงว่าเมื่อเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ‘พี่สิงห์’ ของจ้อยก็เริ่มตีตัวออกห่าง  คงอายไอ้พวกเด็กโตที่มันตั้งหน้าตั้งตาล้อเลียนทุกวัน 

ใครจะมองจ้อยอย่างไรจ้อยไม่ว่า  จะล้อเลียนอย่างไรก็ช่างเขา  ในเมื่อจ้อยรู้ตัวเองดีว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนั้นพูด  สำหรับจ้อย  วาจาเชือดเฉือนจาก ‘คนอื่น’  มีค่าไม่ต่างอะไรกับเศษกรวดในรองเท้า  อาจตำเท้าเจ็บบ้างแต่พอเคาะออกก็หาย 

แต่คำพูดของคนที่มีความหมายของจ้อย  มีผลกับจิตใจจ้อยนักหนา  นับนิ้วแล้วอาจมีเพียงไม่กี่คน  ยาย.. พี่จินดา..

แน่นอน.. พี่สิงห์เป็นหนึ่งในนั้นเสมอ

มันจึงไม่ใช่แค่กรวดตำเท้าเสียแล้วเมื่อพี่สิงห์ที่จ้อยรักเหมือนพี่ชาย  พี่สิงห์ที่คอยดูแลปกป้องจ้อยมาตลอด พูดใส่หน้าว่า “กูเกลียดมันจะตายไป!” 

แต่เป็นก้อนหินหนาหนักทับกลางอก  เป็นคมมีดกรีดลึกลงเนื้อใจจนร้าวราน   

แล้วตั้งแต่นั้น.. ‘พี่สิงห์’ ก็เปลี่ยนไป 

เริ่มจากมาโรงเรียนสาย  ไม่ตั้งใจเรียน  ไม่ส่งการบ้าน  ยิ่งจ้อยพยายามดึงพี่กลับมาเท่าไร  พี่ก็ยิ่งผลักไสไล่ส่ง  พี่ไม่ช่วยจ้อยขายขนมเหมือนเมื่อก่อน  ใช้เวลาวันๆ ขลุกอยู่กับพวกเด็กโต  กลายเป็นนักเรียนคาวบอยหรือกุ๊ยเต็มตัว  เวลาแต่งชุดลูกเสือก็หมุนผ้าพันคอห้อยข้างหน้าไปข้างหลังแบบคาวบอยในหนัง  ขี่จักรยานตามกันเป็นพรวนตามนักเรียนหญิงสวยๆ  ทำเสียงประหลาดเรียกร้องความสนใจ  หนักเข้าก็ท้าตีท้าต่อยกับเด็กโตกลุ่มอื่น  จนถึงขั้นพกสนับมือหรือมีดพกมาโรงเรียน 

เบาะท้ายจักรยานที่จ้อยเคยซ้อนเสมอไม่ใช่ที่ของจ้อยอีกต่อไป  กลายเป็นที่ของนักเรียนหญิงที่สวยระดับดาราโรงเรียน 

จากที่เกะกะเกเรในโรงเรียน  ก็ลุกลามออกไปข้างนอก  กลุ่มของพี่สิงห์ชอบระรานชาวบ้านในตลาด  มั่วสุมตามโรงหนังหรือโรงบิลเลียด  พี่สิงห์เคยถูกครูจับได้ว่าสูบบุหรี่ในห้องส้วม  โดนจับตีหน้าเสาธงตามระเบียบ  แต่เช้าวันต่อมา  ครูที่หวดไม้เรียวใส่พี่ก็สะบักสะบอมนอนหยอดน้ำข้าวต้มเหมือนถูกใครรุมซ้อม  แล้วเรื่องราวก็เงียบหายเมื่อกำนันและคุณนายมาที่โรงเรียน 
   
จ้อยได้แต่มองพี่ห่างไกลออกไปทุกที  เหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้อีกต่อไป

เส้นขนาน.. แม้ไม่มีวันบรรจบกัน  แต่จ้อยก็ยังยินดีที่จะลอบมองพี่อยู่ห่างๆเสมอ  ไม่ว่าพี่จะเปลี่ยนไปอย่างไร  จ้อยก็ยังห่วงพี่เหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน   

จนกระทั่งวันนั้น..

จ้อยจำวันนั้นได้ดี  เดือนสิบเอ็ดน้ำนอง  ฟ้าสูงสดใสลมเหนือเริ่มโชยมา  ข้าวออกรวงเหลืองอร่ามเต็มทุ่ง  ปุยเมฆขาวเหมือนสำลีลอยฟ่องตามแรงลม  จำได้กระทั่งนกกระยางสีขาวที่พากันบินจากไปทางทิศตะวันตกเป็นฝูงๆ บินไปๆ ไม่กลับมา  พวกมันคงจะไปหากินยังถิ่นฐานใหม่

จ้อยหิ้วตะกร้าใส่ขนมของยายไปขายที่ตลาดเหมือนเช่นทุกวัน  ขนมสายบัว ขนมใส่ไส้ ขนมกล้วย ข้าวต้มมัดฝีมือยายบรรจุเต็มตะกร้า  หนักอึ้งจนเด็กชายหิ้วตัวเอียง  แต่ก็หนักแค่ตอนขาไปเท่านั้นละ  จ้อยเดินๆ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ขายหมด  หิ้วตะกร้าเปล่ากลับบ้านทุกวัน 

บนสะพานข้ามคลอง  จ้อยเห็นพี่สิงห์เดินสวนมาแต่ไกล  ร่างสูงใหญ่อย่างหนุ่ม  มัดกล้ามจับตามแขนขา  หลังไหล่ผึ่งผาย  พี่เดินเข้ามาใกล้จนเห็นไรหนวดบางๆ เหนือริมฝีปาก  จ้อยยิ้มให้เมื่อเห็นว่าพี่มาคนเดียว

“พี่สิงห์” น้องยื่นตะกร้าขนมให้ด้วยไมตรี  ชักชวนเสียงใส “กินขนมไหม”

พี่สิงห์ชอบขนมที่ยายทำ  นอกจากจะช่วยขายแล้วบางทีก็ยังช่วยเหมา  หากตั้งแต่พี่เปลี่ยนไป  พี่ก็ไม่เคยแตะขนมของยายอีกเลย 

ความหวังริบหรี่จุดขึ้นในใจ  เผื่อจ้อยจะได้พี่สิงห์คนเดิมกลับคืนมา

“มีข้าวต้มมัดที่พี่ชอบด้วย” มือเล็กเลือกห่อขนมให้พี่  ไม่ทันสังเกตเห็นแววตารังเกียจชิงชัง 

“ไปไกลๆ ตีนกูเลยไอ้กะเทย!” เสียงแตกห้าวตวาดก้อง  ไม่เพียงตวาด  มือใหญ่ผลักอกน้องอย่างแรงจนล้มก้นจ้ำเบ้า  ตะกร้าพลัดหล่น  ขนมที่ยายบรรจงทำหกกระจัดกระจาย 

“พี่สิงห์..” ยิ่งกว่าความตกตะลึงคือความเสียใจที่ถาโถม  จ้อยเงยหน้าขึ้นมองพี่อย่างไม่เชื่อสายตา   

“อย่ามาเรียกกูว่าพี่  กูมีน้องสาวคนเดียว!” ดวงตาคมกร้าวมองลงมา  ไม่มีเยื่อใยใดทั้งสิ้น “ไอ้ลูกไม่มีพ่อมีแม่!”

พี่จะดูแลจ้อยเอง  ดูแลตลอดไปเลย..

คำพูดหนึ่งลอยวูบเข้ามา  ก่อนกระจายหายไปเหมือนเมฆขาวเจอลมเหนือพัดล่อง  พี่สิงห์ทำท่าฮึดฮัดรังเกียจเต็มที่  ซ้ำยังเตะขนมที่หกเกลื่อนลงน้ำ 

จ้อยผวาลุกขึ้นห้าม  เบะปากซัดโฮเมื่อมือใหญ่คว้าตะกร้าของยายโยนหวือจากสะพานสู่ท้องน้ำสีน้ำตาลอ่อนเบื้องล่าง  เด็กชายได้แต่เกาะราวสะพาน มองเครื่องมือทำกินของยาย มองขนมของยายลอยหายไปกับสายน้ำผ่านม่านน้ำตา

ดวงตาแดงก่ำหันมองพี่อย่างไม่เข้าใจ  พี่สิงห์หลบสายตา ก้มหน้าถูจมูกฟุดฟิด  แต่ยังไม่ทันพี่จะเดินหนีไป  มือเล็กก็คว้าแขนพี่เข้ามาเขย่าแรงๆ

“ทิ้งขนมจ้อยทำไม!  แล้ววันนี้ยายกับพี่จินดาจะเอาอะไรกิน!” จ้อยน้ำตานองหน้าแล้ว 

“ปะ..ไปให้พ้นเลยมึง!” พี่สิงห์พยายามแกะมือน้องออกจากแขน  ผลักออกอย่างแรงจนเซ  แต่จ้อยเอาแต่ร้องไห้โวยวาย  เกาะหนึบไม่ปล่อย

“โธ่โว้ย! พูดไม่รู้เรื่อง กูบอกให้ปล่อย!” มือใหญ่ผลักอกจ้อยอย่างแรงทีเดียวกระเด็น

จ้อยจำได้ดี  ว่าแผ่นหลังกระแทกราวสะพานแรงแค่ไหน  จำได้ว่าหัวใจเขาหล่นวูบไปพร้อมกับร่างที่หงายหลังร่วงจากสะพาน  จำได้แม้กระทั่งภาพท้องฟ้าสูงโล่งที่จ้อยคิดว่าคงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็น

ร่างจ้อยตกน้ำดังตูม  น้ำคลองหน้าหนาวเย็นเฉียบเหมือนเข็มทิ่มแทงทุกอณูเนื้อ  เย็นจัดจนทำให้เด็กว่ายน้ำแข็งอย่างจ้อยเป็นตะคริวอย่างง่ายดาย  หลังพยายามตะเกียกตะกายในสายน้ำเชี่ยวกราก 

ได้ยินเสียงคนตะโกนแว่วๆ ว่าเด็กตกน้ำอยู่ไกลๆ  แล้วจ้อยก็ไม่ได้ยินอะไรอีก  น้ำมากมายหนุนเนื่องเข้าปากเข้าจมูก  ทรมาน..ไม่มีแม้อากาศหายใจ  แล้วทุกอย่างก็ดับมืดลง

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนสะดุ้งสำลักน้ำไอโขลกที่ริมตลิ่ง  จ้อยร้องไห้จ้าในอ้อมแขนของยายและพี่  ท่ามกลางกลุ่มคนมุงล้อม   
   
นับตั้งแต่นั้นมา  แม้แต่หน้าไอ้สิงห์  จ้อยก็ไม่มอง  ยิ่งเจ็บใจหนักเมื่อไอ้สิงห์ได้รับการยกย่องเชิดชูเป็น ‘ลูกพี่’ ทันทีหลังจากนั้น  กาลเวลาผ่านไป  พระพรหมยิ่งขีดชะตาชีวิตพวกเขาให้ห่างกันทุกที  เมื่อจ้อยพากเพียรเรียนหนังสือจนสอบเข้าโรงเรียนฝึกหัดครูได้  ส่วนไอ้สิงห์ก็เป็นนักเลงโตประจำถิ่น  เกะกะระรานรีดไถชาวบ้านไปวันๆ 

ไอ้สิงห์มันฉกชิงทุกอย่างไปจากหัวใจจ้อยจนสิ้น  ความรัก เคารพ ศรัทธา  ความไว้เนื้อเชื่อใจ  มันคงผิดหวังที่เอาชีวิตจ้อยไปไม่ได้ 

สิ่งเดียวที่ยังผูกพันทั้งสองไว้ด้วยกัน  คือหนี้ก้อนโตที่ยายไปกู้คุณนายพูนทรัพย์มาเมื่อหลายปีก่อน  ตอนพี่จินดายังอยู่  ครอบครัวจ้อยยังพอมีรายได้ หาเงินมาส่งดอกไม่เคยขาด  จนกระทั่งพี่มาจากไป  งวดที่แล้วดีที่ได้เงินจากคุณชายเล็กช่วยไว้  ส่วนเดือนนี้.. จ้อยยังหาเงินได้ไม่พอ  ตั้งใจว่าจะขอผัดไปก่อนสักวันสองวัน 


จ้อยพายเรือลำน้อยเทียบท่า  มือเล็กเหนี่ยวหลัก ดึงตัวเองขึ้นไป ก่อนหันกลับมาส่งมือให้ยายยึด  สองยายหลานไม่ได้เอะใจถึงความผิดปกติจนกระทั่งเดินเข้ามาถึงลานบ้าน       

ร่างเล็กชะงักทันทีที่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญ  ไอ้ลอยนั่งอยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่  ไอ้หมานเดินเตร่แถวเล้าไก่ที่ใต้ถุน  ไอ้เลิศเด็ดมะม่วงทองดำปากตะกร้อจากต้นมากัดกินมูมมาม 

และคนที่นั่งดูดบุหรี่อยู่บนหัวบันไดนั่น  จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก..ไอ้สิงห์ 

ไอ้พวกนักเลงหันมามองสองยายหลานเป็นตาเดียว  โดยเฉพาะไอ้ลูกพี่  เสี้ยวหน้าคมสันนิ่งเฉย  บนหน้าผากยังมีผ้าพันแผลปิดอยู่  แววตาของมันที่จ้องจ้อยตาไม่กระพริบดูนิ่งสงบกว่าทุกที  เย็นชา.. เหมือนไร้ความรู้สึก  คาดเดาไม่ได้เลยว่ามันกำลังคิดอะไร 

“พะ..พ่อสิงห์” หญิงชราละล่ำละลัก  “งวดนี้..ยายขอผัดไปก่อนได้ไหม”

“อะไรกันยายช้อย!” ไอ้หมานหัวเราะเสียงแหลม  “เดือนที่แล้วก็ขอผัดไปหนแล้วไม่ใช่เรอะ”
   
ลูกพี่ยังนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ที่เดิม  ในขณะที่พวกสมุนพากันย่างสามขุมเข้ามาล้อมจ้อยและยายเอาไว้  จ้อยยึดแขนยายเอาไว้แน่นดึงให้ไปหลบอยู่ข้างหลังอย่างจะปกป้อง     

“ยาย..ยายยังไม่มีจริงๆ” ยายช้อยเริ่มเสียงสั่นด้วยความกลัว “ขออีกสองสามวันนะพ่อนะ”

คำพูดที่ไม่เห็นจะตลกตรงไหน เรียกเสียงหัวเราะจากพวกมันได้เกรียวกราว  ยกเว้นลูกพี่.. ที่ยังคงมองมานิ่งงัน   

“ก็บอกว่ายังไม่มี  พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!” จ้อยตะคอกใส่  ปัดมือไอ้ลอยที่ยื่นมาจับแก้มเขาออกอย่างแรง  พวกมันยิ่งหัวเราะกันครื้นเครง

“เอาไงดีพี่สิงห์” สมุนตัวโตหันไปถามความเห็นลูกพี่  สายตาเย็นชาคู่นั้นไม่ละไปจากจ้อยแม้สักวินาที

“ถ้าไม่มีเงิน.. งั้นก็เอาอย่างอื่น” สิงห์อัดบุหรี่จนปลายมวนแดงวาบ  พ่นควันขาวคลุ้งในอากาศ  ก่อนสั่งเสียงลั่น “เฮ้ย ค้น!”

สิ้นคำสั่งลูกพี่  พวกสมุนกระจายกันไปค้นหาของมีค่าในกระท่อมซอมซ่อ  จ้อยกับยายหน้าตาตื่นเลิกลั่ก  ไม่รู้จะห้ามใครก่อนดี  นั่น.. ไอ้หมานหาอะไรกุกกักแถวใต้ถุน  มันรื้อกระสอบถ่านกระสอบปุ๋ยระเนระนาด  แม้แต่เข่งมะม่วงที่ยายเพิ่งบ่มมันก็เทออกหมด  ไอ้เลิศพาร่างอ้วนเผละไล่จับแม่ไก่ในเล้าส่งเสียงกะต๊ากดังลั่น  ขนไก่ปลิวกระจายว่อน   

ไอ้สิงห์ได้แต่นิ่งมองจ้อยกับยายวิ่งไปห้ามคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยดวงตาเรียบเย็น  ไม่สนใจคำวิงวอนของหญิงชราเลยสักนิด

“อย่านะ!  ยายไม่มีของมีค่าอะไรหรอกลูกเอ๋ย.. พ่อสิงห์  ห้ามลูกน้องทีลูก”

หนักที่สุดคือไอ้ลอย  มันเดินอาดๆ ผ่านลูกพี่ขึ้นไปบนกระท่อม  ค้นเชี่ยนหมากยายช้อยจนเต้าปูน ครก สาก สีผึ้ง กระปุกยาเส้นกระเด็นไปคนละทิศละทาง  เจอเศษเหรียญเศษสตางค์น้อยนิด  แล้วมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง  รื้อที่นอนหมอนมุ้ง  เปิดตู้เสื้อผ้าค้นจนกระจุยกระจาย

มันทำท่าฮึดฮัดหัวเสียเมื่อไม่เจออะไรมีค่าสักอย่าง  สายตาเจ้าเล่ห์ปรายไปยังกรอบรูปและกระถางธูปบนตู้  ร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆ ไปหาทันที

ยายช้อยร้องเสียงหลง  “อย่ายุ่งกะกระถางธูปจินดานะ  ไม่มีอะไรในนั้นหรอก!”

จ้อยกำลังห้ามไอ้เลิศที่ทำไก่เตลิดออกจากเล้า  ขณะที่ยายถลกโจงกระเบนวิ่งงกเงิ่นไปห้ามไอ้ลอย  หากยังไม่ทันได้ขึ้นบ้าน  ไอ้หมานก็ปราดเข้ามาขวางไว้  ไอ้คนใจชั่วผลักคนแก่ไร้ทางสู้จนล้มลงกองกับพื้น

“โอ๊ย!”

“ยาย!” จ้อยร้องลั่น  ทิ้งไก่วิ่งเข้ามาหายายที่โอดโอยอยู่กับพื้นทันที  แกลุกไม่ขึ้น จนแขนเล็กต้องประคองร่างยายเอาไว้ 

จ้อยกัดปากแน่นแทบห้อเลือด  เงยหน้าจ้องไอ้สิงห์ด้วยสายตาชิงชังสุดหัวใจ  หัวหน้าอันธพาลยังไม่ละสายตาไปจากเขาสักนิด  ดวงตาสีนิลคู่นั้นดูเย็นชาดั่งไร้หัวใจ       

“พอได้แล้ว” เสียงทุ้มห้าวสั่งลูกน้องในที่สุด  พวกสมุนรามือจากสิ่งที่ทำอยู่ทันที  ร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆ ลงมายืนตะหง่านค้ำหัวยายและจ้อย

“กูให้เวลามึงอีกสามวัน  ไปหาเงินมาคืนกู” เสียงต่ำห้าวหล่นจากปาก “ทั้งต้น ทั้งดอก กูจะเอาคืนให้หมด”

“หา” ยายช้อยคราง.. จ้อยเจ็บใจจนน้ำตาแห่งความแค้นคลอเบ้า  แค่ดอกยังแทบไม่มี  แล้วนี่มันจะเอาเงินต้นด้วย  เขาจะไปหาจากไหนมาให้

“ถ้าครบกำหนดแล้วยังไม่เอามาคืน  อย่าหาว่ากูไม่เตือน” มันทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น  ขยี้ด้วยปลายเท้าจนจมหาย  พวกสมุนเดินตามกันไป  ไอ้เลิศอุ้มแม่ไก่ที่ยายเลี้ยงไว้กินไข่ไปด้วยสองตัว  มันบอกว่าจะเอาไปต้มกินแกล้มเหล้า  จ้อยได้แต่สาปส่งพวกมันจนลับตา

   
ยายช้อยพยายามลุกขึ้น  จ้อยประคับประคองไม่ห่าง  หญิงชราบอกหลานว่าแกไม่เป็นไร  แล้วสั่งให้จ้อยไปเก็บกวาดใต้ถุนที่พวกนักเลงทำเละเทะ 

ลับหลังหลาน  แกตะเกียกตะกายลนลานขึ้นบันได  เดินกะเผลกเข้าไปในห้อง ก้าวผ่านข้าวของที่ถูกรื้อกระจัดกระจาย  ตรงไปยัง.. กระถางธูปบนหลังตู้ 

มือสั่นเทาเททรายในกระถางออก  แกคุ้ยกองทรายอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนใจเฮือก ยิ้มออกอย่างโล่งใจ  แหวนทองเก่าคร่ำคร่าวงนั้นยังอยู่  เดชะบุญที่ไอ้ลอยไม่เจอเข้าเสียก่อน 

“ยาย” แว่วเสียงหลานเรียก  ยายช้อยสะดุ้งโหยงรีบเก็บแหวนโกยทรายคืนกระถางดังเดิม
“ยายทำอะไรน่ะ” จ้อยชะโงกหน้าเข้ามา  แม่เฒ่าวางกระถางธูปคืนที่เดิมทันพอดี 

“ปะ..เปล่า  ไม่มีอะไร” แกส่ายหัวด๊อกแด๊ก  ก่อนก้มหน้าก้มตาเก็บของที่เกลื่อนห้อง  หลานชายตัวเล็กตรงเข้ามาช่วย  ยายลอบมองเสี้ยวหน้าละมุนของหลานแว่บหนึ่ง     


ไม่มีอะไรจริงๆ จ้อยเอ๋ย..

มันเป็นเพียงแหวนทองเก่าๆ  สลักนามสกุลของพ่อผู้ให้กำเนิดเอ็งเอาไว้.. เท่านั้นเอง


โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------
*กอดฉัน, มาริษา อมาตยกุล ขับร้อง, ศรีสวัสดิ์ พิจิตวรการ คำร้อง
**นิราศวัดเจ้าฟ้า, สุนทรภู่



สวัสดีค่ะคนอ่านที่รัก :L2:

อ่านคอมเม้นตอนที่แล้ว.. แม่เจ้า แซบเข้มข้นยิ่งกว่าต้มยำอีก
หลายความคิดเห็นหลากกันไป มีคนเชียร์ไอ้ลอยด้วย โอ้ว..
แบบนี้ต้องร้องเพลง 'ชอบคนเลว' ของยุ้ย ปัทมวรรณ (โห..ฟ้องอายุซะ :z3:)
คุณชายกับอาจารย์..ระยะนี้ท้องฟ้าสงบสดใส ปล่อยให้หวานกันไปก่อนค่ะ
ยกหน้าที่ดราม่าให้น้องจ้อยกับพี่สิงห์ก็แล้วกัน^^

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกๆคอมเม้นมากๆค่ะ  :กอด1:

ดอกไม้
๒๕ ก.พ. ๕๕
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2012 20:31:38 โดย ดอกไม้ »

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ใจแหลกสลายเลยตอนอ่าน T______________________T

ทนไม่ไหวจริงๆ ชีวิตจะโหดร้ายไปไหน


ขอกระทืบไอ้ลอยได้มั้ย?

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อ่ะๆอ้าว...น้อยจ้อยมีที่มา

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
น้องจ้อย น้องจ้อยของพี่่ น่าสงสารโฮกกกก
สงสัยน้องจ้อยมีชื่อจริงว่า"โศรยา"แน่เลย
เจอนายหัวสิงห์กลั่นแกล้งด้วยฝามรัก  :z6: :beat:
อยากกระโดดถีบขาคู่มันจัง ไอ้ ค ว า ย เอ๊ยยยยยย
ผลักจ้อยตกน้ำ แล้วกระโดดลงไปช่วยมาละซิ ใช่ม่ะๆๆๆ

เฮ้ออออ แล้วน้องจ้อยจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้กันล่ะ
แถมมีความลับ"แหวน"ที่ยายกับคุณดอกไม้รู้กันสองคนอีก
คนอ่านอยากรู้ใจจะขาดแล้ววววววววว

อีกคู่ก็นะ "น้ำผึ้งพระจันทร์" กันซะหวานหยดเชียว

ปล.เมื่อไรจะมีใครไปวิสามัญไอ้ลอยซักที

+1   :กอด1:

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
เสียหายอีกแล้วคุณชาย บทนี้หวานแบบขมๆ งงมั้ย คือหวานแบบไม่สุดอ่ะ มันมีความรู้สึกอัดอั้นบางอย่างบอกไม่ถูก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
« ตอบ #399 เมื่อ: 25-02-2012 20:44:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
โธ่เอ๊ยยยย  พ่อสิงห์...ทำไมทำแบบนี้อีกล่ะ
แล้วเมื่อไรอะไรๆมันจะดีขึ้น 

ไม่เหมือนคู่อาจารย์กับคุณชาย 
รุดหน้าไปไกลเชียว  เอิ๊กๆๆๆ

...ปล.พ่อหนูจ้อยเป็นใครกันหว่า  กลับมาช่วยลูกด่วน!!
+1 จ้า

silent_loner

  • บุคคลทั่วไป
สงสารจ้อยกับยายจัง  :sad4: :sad4:
ทำไมชีวิตมันรันทดเยี่ยงนี้
ตอนพี่สิงห์เปลี่ยนไปแล้วด้วยซิ
มีเรื่องปมชาติกำเนิดของน้องจ้อยเพิ่มเข้ามาด้วยหละ
แอบลุ้นเบาเบาว่าน้องจ้อยอาจเป็นลูกคนใหญ่คนโตก็ได้นะ
ส่วนคุณชายกับครูคนึงก็นะ  :z1:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2


เรื่องนี้มันช่างลึกลับซับซ้อนเสียจริง -___________-ll
เฮ้อ สงสารจ้อย  พี่สิงห์ก็สงสาร
ทำไมต้องมีพวกไอ้ลอยเกิดมาบนโลกใบนี้ด้วยนะ
ส่วนครูคนึงกับคุณชายก็ขออย่าให้มีอะไรแย่ๆอีกเลย
รออ่านตอนต่อไปนะคะ <3

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย  :sad4:

หมดคำพูด สงสารน้องจ้อย  :o12:

ออฟไลน์ nutgen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
น่ารักเกินไปแล้ว  :กอด1:

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
 โว๊ะ จ้อยเป็นลูกใครเนี้ย ซับซ้อนจริงๆ  o22

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
พ่อผู้ให้กำเนิดจ้อย ใครกันเหรอ...เป็นคนยิ่งใหญ่รึป่าว อยากให้เป็นอย่างนั้นจัง
อยากให้จ้อยมีความสุขบ้าง เกิดมาอาภััพเหรอเกินลูก แล้วนี่จะไปหาเงินจากไหนมาให้เค้า...
สิงห์ทำเกินไปมั้ย...ยิ่งอ่านที่ผ่านมาวันนั้นบนสะพานก็สมอยู่ที่จ้อยจะชิงชังขนาดนั้น
สิงห์ไม่น่าหลงผิดไปได้ถึงขนาดนี้เลยเนอะ เสียดายจัง  :เฮ้อ:

คุณเล็กขาของพี่ ยั่วมากค่ะจุดนี้ หลงรักครูคนึงแล้วอ๊า ก็เค้าอ่อนโยนม้ากมาก ปากว่าแต่มือก็อ่อนโยน
แล้วรักชอบอยู่แล้วมายั่วกันแบบนี้ใครจะไหวทนล่ะเออ เรียกว่ารักแสนรัก หวงแสนหวงเลยแหละ ครูคนึงไม่ผิดซักนิดค่ะจุดนี้
แต่ว่าพรุ่งนี้ตอนตื่นจะมองหน้ากันยังไงน้า...คิดแล้วก็เขินแทน อร๊างงงงงง  :-[

ชอบทั้งสองคู่เลยค่ะ ชื่นชมภาษาเรื่องนี้จริง ๆ
ขอบคุณนิยายดี ๆ นะคะ อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะ
รอคอยตอนหน้าจ้า

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ขอบคุณมากคะ อ่านแล้วทั้งสุขใจและเศร้าใจในคราวเดียวกันเลย

ออฟไลน์ kunchan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สงสารสิงห์อะเน้อออออ เมื่อไหร่คู่นี้จะแฮปปี้กันสักที สิงห์น่าสงสาร

Mio

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดดดดดด  :jul1:
นางฟ้าก็ได้เสียเลือดให้คู่อาจารย์กับชายเล็กแล้ว (เย่ๆๆ)
สามคำ>>>หวาน ละ มุน  :กอด1:
ส่วนคู่จ้อย-สิงห์>>>มา ม่า อืด  :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: มหาหงส์ บทที่ ๑๓ : กอดฉัน [๒๕/๒/๕๕]
« ตอบ #409 เมื่อ: 25-02-2012 22:08:14 »





ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
อับอายกับสิ่งที่หัวใจต้องการเหรอไอ้สิงห์ ไม่น่าเกิดมาเป็นคนด้วยซ้ำ

แม้แต่หัวใจตัวเองมึงก็ยังยอมรับมันไม่ได้  สิ่งดีไม่เคยรับมันเอาไว้ในหัวใจ

แต่สิ่งร้ายๆมึงเต็มใจที่จะรับและพร้อมที่จะเกลียดกับคำสอพลอของสัตว์บางตัว

ALittleN

  • บุคคลทั่วไป
ใครเป็นพ่อที่แท้จริงของจ้อยเนี่ย อยากรู้ๆ

money loving

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ หลังจากที่เป็นนักอ่านเงามาชะนานก็ได้เวลาออกมาเม้นท์ชะทีครับ

อยากบอกว่าอ่านเรื่องที่คุณเขียนแล้วติดงอมแงม ถอนตัวไม่ได้เลย
ชอบเนื้อเรื่องและวีธีการเล่าเรื่องครับน่าสนใจ ดูปราณีต ละเมียดละมัยดีครับ ภาษาก็สวยมากครับ
เอาเป็นว่าอ่านแล้วหลงรักตัวละครในเรื่องเลยนะครับ

ตอนล่าสุดเนี้ยแอบสงสารจ้อยกะนสิงห์จัง อบฃยากให้ทังสองคนเข้าใจกันเร็วๆจัง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ  :L2:


wdaisuw

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดอาจารย์กับลูกศิษย์ก็.....  :haun4:
แต่คงจะอิ่มใจกว่านี้หากมีสติด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ส่วนพี่สิงห์ เฮ้อ...พูดไม่ออก
ถึงจะทำตัวเลวแต่ก็อดสงสารไม่ได้อยู่ดี
จ้อยก็รันทนซดมาม่าเหลือเกิน :m15:

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
สามคำสำหรับคุณชายกับอาจารย์ "ได้ กัน แล้ว"(ใช่มั้ย?)   :laugh:

หัดดิน เอ้ยหัดกิน

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้แล้ว
ไม่แน่ใจว่าชีวิตเรากะชีวิตจ้อย อันไหนน่าสงสารกว่ากัน 555

oattie

  • บุคคลทั่วไป
 :z6: ทำไมพี่สิงห์ทำกับน้องจ้อยแบบนี้ จะเอาคืนทั้งต้น ทั้งดอก 
พ่อของจ้อยเป็นใครกัน  อยากรู้  :z10:



ออฟไลน์ mkooo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบคาแร็กเตอร์นายเอกเรื่องนี้มากโดยเฉพาะเลอมาน  ....คู่หลักแอบหวานน

แต่คู่จ้อย กับสิงห์นี่สิ  ชอบสิงห์ตอนนี้มากกกแลดู bad boy ดีค่ะ

แต่ bad boy นานๆไม่ดีนะค่ะ เดี๋ยวคนอ่านได้กินมาม่านาน 555+

ปล.ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ


yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ครูคนึงกับคุณชาย  :man1:
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสิงห์กับจ้อยเมื่อไรจะต่อกันคืนได้
สังหรณ์ในใจว่าคุณชายกับจ้อย น่าจะมีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด

ออฟไลน์ shiki senri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
/////////>><</////// เขิลมากคะ ตอนของชายน่ารักที่สุดเลย หวานตามที่ปรารถนา
แต่จะเศร้าอุราเมื่อถึงตอนของจ้อยเอย TTTT^TTTT ภาพรวม มีความสุขจิงๆค่ะ

จ้อยเปิดประเด็นแหวนแล้ววว ต้องเป็นลูกท่านหลานเธอสักคนแน่เลย แอร้ยยยยย แค่นึกก็ตื่นเต้นแล้วว

"ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน  นอกจากสังคมจะถีบหัวส่งแล้วยังถ่มน้ำลายใส่ด้วยซ้ำ"

ตอนที่พี่เปิดประเด็นนี้มา เครียดเลยพานให้นึกถึงเรื่องของ ชายกะคนึง แม้ว่าต่อมาจะมีดรามารึมาม่าอีกมากน้อย ก้ขอให้ท้ายสุดได้อยู่ครองคู่รักกันด้วยนะคะ หวังว่าพี่นักเขียนจะไม่ใจร้ายกะผู้อ่านตาดำๆ มากนัก T^T

รักพี่นักเขียนคนนี้จัง ^^




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด