มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 711070 ครั้ง)

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
สนุกมากครับ  o13

ยิ่งอ่านไป เหมือนยิ่งอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ชอบสิงห์จังเลยจ๊ะ เห็นจ้อยแล้วเกิดอาการใจสั่น :กอด1: ฮ่าๆ

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1

บทที่ ๕

สวัสดีบางกอก



อย่าไปเลยบางกอกบอกไม่เชื่อ
อยู่กับเสือดีกว่าไปหาเขา
คนบ้านนอกคอกนาปัญญาเบา
เหมือนนกเหงา พรานซ้ำ ด้วยชำนาญ*



ไม่รู้ว่าหม่อมราชวงศ์เลอมานไปคุยกับอาจารย์ปรีชาอีท่าไหน  หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีหนังสือจากกระทรวงศึกษาธิการมาถึงโรงเรียน  เนื้อความว่าให้อาสาสมัครจากอังกฤษเดินทางไปกรุงเทพเพื่อจัดการเรื่องส่งตัวกลับโดยด่วน
   
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์แทบตัวลอย  หลังจากได้รับข่าวดีนั้นเขาถึงกับเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่  ยิ้มหยันให้อาจารย์คนึงที่รับรู้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง  เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็คงดีใจไม่แพ้กันที่ในที่สุดเขาก็ไปให้พ้นหูพ้นตาเสียที

เลอมานแต่งตัวอยู่หน้ากระจก  ฉีดน้ำหอมกลิ่นสะอาดหอมฟุ้ง  พรุ่งนี้เขาต้องไปกรุงเทพ  วันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายสำหรับชีวิตในโรงเรียนบ้านนอกที่น่าเบื่อหน่ายนี่  อารมณ์ดีจนอดผิวปากเป็นทำนองเพลงแสนสุขใจไม่ได้ 
   
“คุณชายไม่อยู่จ้อยคงคิดถึงแย่” จ้อยบ่นพลางพับผ้าห่มบนเตียงให้อย่างเรียบร้อย  หลายวันมานี้นักเรียนซอมซ่อคนนี้เข้ามาทำความสะอาดให้เขาเสมออย่างที่ตกลงกันไว้ในวันก่อน  ตั้งแต่เก็บที่นอน  กวาดถูห้อง  รีดและซักเสื้อผ้า  แต่อย่างหนึ่งที่ไม่อยู่ในข้อตกลงคือเงินค่าจ้างที่ถูกวางคืนไว้บนโต๊ะทุกครั้งที่เขายื่นให้

“การให้วัตถุแก่กันนั้นง่าย  แต่การให้น้ำใจแก่กันสิยาก”

พระดำรัสของท่านพ่อที่ให้ไว้ในวันที่มาส่งเขาวูบเข้ามาในความทรงจำ  ตั้งแต่วันนั้น  เลอมานจึงมองจ้อยในแง่ดีขึ้น  จนพัฒนาเป็นความสนิทสนม   

“เอาไว้ฉันมารับไปเที่ยวกรุงเทพดีไหม” หม่อมราชวงศ์หนุ่มชวนเสียงใส  “ออกไปดูโลกภายนอกเสียบ้าง  ไม่ใช่อยู่แต่ที่นี่เป็นกบ..เอ่อ..กบในละกา”

“กบในกะลาครับ” จ้อยแก้ให้ยิ้มๆ

“เออนั่นละ”     
   
บทสนทนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตามความไว้เนื้อเชื่อใจที่เพิ่มขึ้น  ทั้งโรงเรียนนี้เลอมานคิดว่าเขายิ้มให้จ้อยเห็นมากกว่าใครเพื่อน  อ้อ..เขาก็ยิ้มให้นายสิงห์กับนายลอยบ่อยเหมือนกันเมื่อบังเอิญเจอกันข้างนอก  เพียงแต่ว่าสองคนนั้นไม่ได้อยู่ในโรงเรียนนี้
   
“มหาหงส์ที่จ้อยปลูกให้ก็กำลังออกดอกสวยเชียว  น่าสงสารที่เจ้าของจะทิ้งมันไป”  ดวงตาหวานเศร้าหันมองช่อดอกมหาหงส์ที่เขาตัดปักแก้ววางไว้ให้บนโต๊ะ

“มหาหงส์กลิ่นมันหอม สดชื่นดี จ้อยตัดมาให้ คุณชายจะได้สบายใจไงครับ”
“ชื่อแปลก”
“ก็รูปทรงมันเหมือนหงส์  เวลาบานเต็มที่จะเหมือนหงส์ล่องลอยอยู่ในอากาศ  งามสง่าเพราะจะค่อยๆบานจากโคนไปสู่ยอด  และอีกอย่างหงส์เป็นนกในวรรณคดี  ตระกูลสูง  เหมือนคุณชายเลย”


บทสนทนาในวันที่จ้อยเก็บดอกมหาหงส์มาให้เขาย้อนกลับมาสู่ความทรงจำจนอดอมยิ้มไม่ได้  เอื้อมมือไปหยิบมาพิศดูใกล้ๆดอกหนึ่ง  เจ้าดอกขาวสะอ้าน  กลีบบางอ่อนหวาน  แต่เกสรกลับเหยียดหยัดชูก้านดุจดั่งหงส์ผู้ทรงศักดิ์ 

ดวงตาคู่สวยหรี่มองร่างเล็กบางที่ก้มๆเงยๆขึงผ้าปูที่นอนให้เขาอย่างขะมักเขม้น  เสื้อสีขาวตุ่นซึ่งคงผ่านการซักมามากโขจนเนื้อบางจ๋อย  และรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ตรงหัวบันไดก็คงเป็นรองเท้าแตะบางเฉียบชนิดที่เหยียบโดนกรวดเล็กๆยังสะดุ้ง

“จ้อย” เลอมานเรียก  ยิ้มให้เมื่ออีกฝ่ายหันมาตามเสียง “มารับไปสิ”
      
นักเรียนร่างเล็กมองเงินที่มือขาวเรียวยื่นให้อย่างตกใจ 

“คุณชาย  จ้อยไม่เอาหรอก” โบกไม้โบกมือปฏิเสธวุ่น ส่ายหน้าดิกจนผมสะบัด

คุณชายกลอกตาเบื่อหน่าย  ก่อนลุกขึ้นเดินมายัดเงินนั้นใส่มือจ้อย  ความหนาของมันทำให้ร่างเล็กกว่าขนลุก  เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยจับธนบัตรสีน้ำเงินที่หนาขนาดนี้มาก่อน  แต่เมื่อทำท่าจะสะบัดหนีอีก  มือนุ่มก็กุมมือเขาเข้ากับเงินจนแน่น

“บอกว่ารับไปก็รับไปสิ อย่าหยิ่งนักเลย” เลอมานเอ็ดเสียงขุ่น  คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น “จนแล้วยังไม่เจียมอีก” 
   
จ้อยกลืนก้อนแข็งๆลงคออย่างยากเย็น  หวนนึกไปถึงค่าดอกที่ขอผัดผ่อนคุณนายพูนทรัพย์มาหลายวัน  นึกถึงพวกนายสิงห์ที่ไปทำลายแผงผักของเขากับยายถึงตลาด  หลังจากวันนั้น  ไม่ว่าพวกนักเลงนั่นจะไปไหนมาไหนก็มักมีเสียงหัวเราะเยาะจากชาวบ้านไล่หลังทุกครั้ง  โดยเฉพาะสิงห์ที่หน้าตาบวมปูดไปหลายวัน 

เงินนี้อาจจะช่วยเขากับยายได้.. แต่ว่า..

“รับไปเถอะ” คุณชายเอ่ยอย่างหน่ายเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คิดซะว่าเป็นน้ำใจจากเพื่อนคนหนึ่ง อย่าคิดมากสิ”

มือเรียวที่ตบหลังเบาๆ  และคำว่า’เพื่อน’ที่มอบให้พร้อมรอยยิ้ม  ทำให้จ้อยใจชื้นขึ้นจนต้องเผลอยิ้มตามอีกคน

**************************

เช้าวันรุ่งขึ้นเลอมานตื่นแต่เช้าด้วยอารมณ์แจ่มใส  เพราะวันนี้แล้วที่เขาจะได้ไปให้พ้นๆจากโรงเรียนกันดารนี้เสียที  ทุกสิ่งในเช้านี้แสนสวยงามไปเสียหมด  สายลมหัวเราะ  ก้อนเมฆขาวเคลื่อนไหวอุ้ยอ้าย  ดวงตะวันเจิดจ้าราวกับจะยิ้มให้
   
เขามาพร้อมสัมภาระมากมาย  แต่วันนี้ตัดสินใจกลับไปตัวเปล่า  ทิ้งข้าวของทั้งหมดไว้เผื่อมีใครอยากได้ก็เอาไป  เขาโบกมือล่ำลาอาจารย์และนักเรียนหลายคน  วิรัชนั้นทีท่าทีโศกาอาดูรกว่าใครเพื่อน  ลาแล้วลาเล่า  พร่ำแล้วพร่ำอีกอย่างอาวรณ์
   
หารู้ไม่พอว่าคล้อยหลังเขาไปไม่ทันไร  หัวหน้าฝ่ายภาษาอังกฤษก็ถอนใจเฮือกราวยกภูเขาออกจากอก  จับกลุ่มสุมหัวนินทากับคนอื่น  จับใจความได้ว่า..ไปเสียได้ก็ดี..
 
   
คนที่ขึ้นรถจี๊ปไปส่งเขาถึงสถานีรถไฟมีเพียงอาจารย์ใหญ่และคนขับรถ  อ้อ..อาจารย์คนึงคู่ปรับตัวดีก็ไปด้วย  เพียงแต่ไม่ได้ไปในฐานะคนไปส่ง

แต่หมอนั่นต้องเดินทางไปกรุงเทพกับเขาต่างหาก
 
เพราะทางกระทรวงกำหนดให้อาสาสมัครต้องมีเจ้าหน้าที่จากโรงเรียนติดตามไปด้วยเพื่อลงชื่อเป็นพยานในการส่งตัวกลับ  หม่อมราชวงศ์หนุ่มจึงตัดสินใจเลือกอาจารย์คู่อริอย่างไม่ลังเล  เขายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีตลอดทางจากโรงเรียนไปสถานีรถไฟ 
   
เวลาเอาคืนของหม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์มาถึงแล้ว 

ใหญ่นักใช่ไหมเมื่ออยู่ในโรงเรียนบ้านนอก  อยากรู้ว่าพอเข้ากรุงแล้วจะผยองได้สักกี่น้ำ

สถานีรถไฟอยุธยาผู้คนคลาคล่ำ  ผู้โดยสารนั่งรอรถไฟอยู่ตามม้านั่ง  มีอาหารเข้ามาขายกันถึงชานชาลา  คนขายมีทั้งเด็กเล็กหนุ่มสาวไปจนถึงผู้เฒ่า  หาบก็มีกระเดียดกระจาดกระเดียดกระด้งก็มี  กุ้งก้ามกรามต้มสีแดงน่ากิน  ทอดมันปลากรายร้อนๆแผ่นบางเฉียบ  เลอมานหันมองไปทั่วอย่างสนอกสนใจ  ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้ายายหาบสาแหรกขายข้าวเกรียบกุ้ง  ซื้อติดมือมาหลายห่อ  วางกองไว้บนม้านั่ง

แผงขายพัดดึงดูดความสนใจจนเด็กหนุ่มต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ  มือเรียวหยิบพัดขนนกสีขาวฝีมือประดิดประดอยประณีตขึ้นพิศอย่างชื่นชม 

“จะซื้อไปทำไม” อาจารย์หนุ่มถามเสียงเรียบอย่างรำคาญความอยู่ไม่สุขของอีกฝ่าย  ยิ่งเห็นอารมณ์ดีเป็นพิเศษเขายิ่งรำคาญนัก   

“ฝากหม่อมย่าใหญ่กับพวกหม่อมป้า” ว่าพลางลองโบกพัดในมือเล่น  ปากแดงยิ้มเรื่อเมื่อขนนกให้สัมผัสอ่อนนุ่มระผิวแก้ม “ส่วนขนมนั่นของนายแช่มกับหลานๆ”     

ดวงตาคู่สวยลุกวาวเมื่อสังเกตเห็นดิ้นเงินปักถ้อยคำไว้ตรงคอพัด

“คุณๆ นี่อ่านว่าอะไร” มือขาวยื่นด้ามพัดส่งให้แทบทิ่มหน้า  ไม่ยื่นเปล่าชะโงกหน้าเข้ามาอย่างสนใจจนชิด  จนร่างสูงใหญ่ต้องเป็นฝ่ายถอยรักษาระยะห่าง

“อ่านภาษาไทยไม่ออกหรือ” อาจารย์ถามแกมรำคาญ

“ถ้าอ่านออกแล้วจะถามหรือ” ย้อนเข้าให้  ดวงตาแวววามสดใสเหมือนพลอยสีน้ำตาล “ท่านพ่อถึงได้ให้ผมมาเรียนภาษาไทยกับคุณนี่ไงเล่า  อืม..แต่คงไม่ได้เรียนแล้วล่ะ  และไม่จำเป็นต้องเรียนด้วยเพราะผมไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน”

เพราะเกิดและเติบโตที่อังกฤษ  แม้ท่านชายอาทิตย์จะพยายามเคี่ยวเข็ญให้โอรสคนเดียวเรียนภาษาไทยให้แตกฉาน  เท่าไร  แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธบ่ายเบี่ยงตลอด  เพราะไม่สนใจ ไม่คิดว่าสำคัญ  ความรู้ภาษาไทยที่ติดตัวมาจึงมีแค่ฟังออกพูดได้

“เอ้า ตอบมาสิ เขาเขียนอะไรไว้” 

น่าหัวร่อ  เป็นถึงลูกทูตไทย  แต่อ่านภาษาไทยไม่ออก 

คนึงยิ้มหยัน  แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะงดงามแค่ไหน  แต่คำพูดแต่ละคำที่พ่นออกมาจากเรียวปากสวยคู่นั้นช่างร้ายกาจเหลือรับ  และพลอยให้คนึงมองคุณชายคนนี้อัปลักษณ์ขึ้นทุกทีๆ  เป็นถึงโอรสเอกอัครราชทูตไทยแท้ๆ  แต่กลับรังเกียจภาษาไทย

เลอมานหันไปถามหญิงคนขายแทนเมื่อเห็นคนึงหันหลังให้ไม่ตอบคำ  ชี้ด้ามโน้นด้ามนี้อย่างใคร่รู้ไปเสียหมด

“ผมจะซื้ออันนี้ให้หม่อมย่า” ร่างโปร่งบางเอาพัดปักคำว่า ’รักเธอ’ มาอวด  “อืม..ซื้ออันนี้ให้คุณดีไหม”

มือบางส่งพัดให้  อาจารย์หนุ่มรับมาอ่านใกล้ๆ  เห็นตัวอักษรปักดิ้นเงินสวยงาม

‘อย่าลืมฉัน’

“ไว้เป็นที่ระทึก  คุณจะได้ไม่ลืมผมไง” ว่าพลางหัวเราะเสียงใส  ยักคิ้วหลิ่วตายียวนก่อนหันหลังจากไป  คนึงวางพัดคืนแม่ค้า  ส่ายหน้าระอา
   
เจ้าเด็กบ้า.. พูดผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก

***************************

รถไฟวิ่งเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ถึงหัวลำโพง  นายแช่มบ่าวคนสนิทยืนยิ้มฟันขาวตัดกับผิวคล้ำอยู่ที่จุดนัดพบ  รีบวิ่งโร่เข้ามาหาทันทีที่เห็นผู้เป็นนายเดินหอบของรุงรังมา  มันรีบรับของทั้งหมดไปถือไว้แล้วเดินนำไปยังรถยนต์ที่จอดรอรับ  สองนายบ่าวคุยกันชื่นมื่นราวกับไม่ได้พบกันมาแรมปี
   
คนขับรถพาเข้าสู่ถนนเจริญกรุง  สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยบริษัทห้างร้าน สถานทูต และบ้านพักของชาวต่างประเทศแสนสวยงามโอ่อ่า  คุณชายรู้สึกแปลกใจนักที่เจ้าอาจารย์บ้านนอกที่นั่งอยู่ข้างๆไม่แสดงอาการตื่นกรุงออกมาให้เห็น  ดวงตาคมกล้าคู่นั้นมองตรงแน่วแน่  ไม่ล่อกแล่กมองสองข้างทางเลยแม้แต่น้อย

รถหรูแล่นถึงเชิงสะพานดำรงสถิต  หม่อมราชวงศ์หนุ่มเห็นประตูเมืองอลังการมาแต่ไกล  แปลกจากประตูเมืองอื่นที่เคยเห็นเพราะนี่มีถึงสามช่องสามยอด  สนใจใคร่รู้ถึงขั้นลดกระจกลงเพื่อแหงนหน้าดูใกล้ๆเมื่อรถลอดผ่านประตูแสนวิจิตร  เทียบได้กับประตูชัยที่ฌ็องเอลิเซ่ส์ได้ทีเดียว 
   
“สวยจริง  นี่ประตูอะไรหรือนายแช่ม”
   
“แช่มจะไปรู้ได้ไงขะรับ ก็อยู่อังกฤษกับคุณชายมาตั้งแต่เล็ก”
   
“ประตูสามยอด” เสียงทุ้มที่ตอบให้เล่นเอาเลอมานชะงักหันขวับ “เมื่อก่อนมีช่องเดียวแต่พอรถมากขึ้นจึงสร้างเพิ่มอีกสองช่อง”   
   
“คุณรู้ได้ยังไง” หรี่ตาถามอย่างไม่เชื่อหู
   
“ทำไมจะไม่รู้” ใบหน้าหล่อคมหันมอง  ในแววตายิ้มเยาะ “ผมจบจากโรงเรียนฝึกหัดครูพระนคร  อยู่ที่หลังวังปารุสนี่เอง”
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มหน้าชาวาบจนต้องเบือนหน้าเสมองทางอื่น  ยิ่งนึกถึงกิริยาสู่รู้ของตนเมื่อครู่แล้วยิ่งแค้นใจนัก  มือที่วางบนตักขยุ้มกางเกงตนเองแน่น

ดูท่าแผนแกล้งบ้านนอกเข้ากรุงของเขาส่อแววจะเหลวเสียแล้ว
   
หลังแวะไปกราบเท้าหม่อมย่าใหญ่ที่วัง  คุณชายเล็กและอาจารย์คนึงเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวราชดำเนินนอกซึ่งเป็นที่พักที่ทางกระทรวงจัดไว้ให้อาสาสมัคร  ทั้งสองจึงต้องร่วมห้องกันอีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก 

เช้าวันต่อมาทั้งสองตื่นแต่เช้าตรู่เดินทางไปกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดการเรื่องขอย้ายโรงเรียน  ขณะเด็กหนุ่มสั่งให้พนักงานเรียกรถยนต์รับจ้างให้  อาจารย์คนึงกลับคว้าข้อมือเขากึ่งลากกึ่งจูงมาที่เสาไฟฟ้าติดธงโลหะรูปสามเหลี่ยมสีแดงดาวขาว

“อะไร! พาผมมาที่นี่ทำไม” รถรางสีน้ำตาลแถบแดงที่เคลื่อนตัวอุ้ยอ้ายตรงมาคันนั้นแทนคำตอบได้อย่างดี  ใบหน้างามหวานหันไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ชายหนุ่ม  “ผมไม่นั่งรถรางหรอกนะ”

รถรางจอดสนิทตรงหน้า  ร่างสูงใหญ่ออกแรง ‘ลาก’ เขาขึ้นไป  คุณชายสะบัดข้อมือฮึดฮัดไม่ยอมนั่งอยู่สักพักจนรถเคลื่อนตัว  ร่างเขาเสียหลักเซปะทะแผงอกแกร่งอย่างหมดมาดจนสาวน้อยสาวใหญ่ที่นั่งอยู่หัวเราะคิก  ในที่สุดก็ต้องยอมหย่อนก้นลงเบาะอย่างเสียไม่ได้

“บอกแล้วไงว่าไม่นั่ง” ใบหน้าสวยหันมาทำตาวาวใส่ร่างสูงที่กำลังยื่นเหรียญให้กระเป๋ารถ  พลางขมุบขมิบปากบ่น “รถบ้าอะไร  ป่านนี้ยังไม่เลิกใช้อีก  ล้าสมัย  คร่ำคริ”

อาจารย์หนุ่มหัวเราะหึขำคนปล่อยไก่ไม่รู้ตัวจนบุตรชายท่านทูตหันขวับจ้องตาขวาง 

“ไม่อยากนั่งก็ยืนสิ” ว่าพลางลุกพรวดพราด  แถมยังฉุดข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นตามไป

“อะไรของคุณ!” ร่างเล็กเดินเซแซ่ดๆตามแรงจูง  ปากก็พร่ำบ่นไม่หยุด “จะพาผมไปไหน  ผมไม่ยืนนะ  ร้อนก็ร้อนเมื่อยก็เมื่อย ให้ตายสิ ชาตินี้ผมจะไม่นั่งรถรางอีกแล..”

ทันทีที่ถึงชานหน้ารถ  ใบหน้าที่บูดบึ้งแปรเปลี่ยนฉับพลัน  คิ้วขมวดมุ่นคลี่คลาย  ริมฝีปากบางสวยคลี่ยิ้ม  กว้างขึ้น..กว้างขึ้น..

“ว้าว..”  สายลมเย็นๆปะทะใบหน้าจนผมสีอ่อนปลิว  ทัศนียภาพกรุงเทพกระจ่างชัดเต็มสองตา  เบื้องบนคือท้องฟ้ากระจ่างใส  เบื้องล่างคืออาคารบ้านเรือนสวยงามตระการ  ผู้คนมากมายขวักไขว่  เลอมานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกก็ไม่ปาน  ชื่นใจเสียจนต้องเงยหน้าให้ลมตีถนัดถนี่   
   
พระโอษฐ์เมื่อแย้มยิ้ม     ใครเห็นจะปิ้มจะงวยงง**

อาจารย์หนุ่มมองรอยยิ้มของเด็กหนุ่มข้างๆแล้วชะงักนิ่ง  รอยยิ้มสดใสจริงใจที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก 
   
รอยยิ้มนั้นช่างละม้ายรอยยิ้มของจินดานัก

เผลอนิ่งมองเนิ่นนานจนกระทั่ง..

“คุณๆ นั่นไงกระทรวง!” หม่อมราชวงศ์หนุ่มชี้นิ้วตามอาคารสีขาวสูงตระหง่านที่ลับหลังไปเรื่อยๆ  พลางโวยวายลั่น “เลยแล้วๆ”

อาจารย์หนุ่มคล้ายดั่งได้สติ  ใบหน้าหล่อคมเลิกลั่กตะโกนลั่น “เบาธงครับ!”

กระเป๋าเป่านกหวีดปรี๊ด  กว่าคนขับในชุดสีกากีจะเตะเหล็กขัดเฟืองห้ามล้อจนรถหยุดสนิทได้ก็..

“ขอโทษนะพ่อหนุ่ม” คนขับวัยกลางคนยิ้มเผล่อวดฟันขาวตัดกับผิวคล้ำแดด  “เลยธงไปสองธง”

มือใหญ่ยื่นโอเลี้ยงในกระป๋องนมร้อยเชือกกล้วยส่งให้คนที่เอาแต่เดินลิ่วๆ 

“ไม่กิน!” คุณชายปฏิเสธน้ำใจอย่างไม่ใยดี  พร่ำบ่นอย่างหัวเสียทั้งที่ยังไม่หยุดเดิน “คุณแกล้งผมใช่ไหม  แกล้งพาขึ้นรถราง  แถมยังแกล้งให้เขาจอดเลย  ทำให้ผมต้องเดินเหนื่อยแบบนี้  สนุกนักหรือ”

ดวงตาคมมองเม็ดเหงื่อเต็มใบหน้าขาวใส  มองริมฝีปากแตกแห้งแล้วส่ายหน้า “งั้นผมกินเองทั้งสองกระป๋อง”

ร่างเล็กกว่าหยุดกึก  หันขวับมองอาจารย์หนุ่มดูดน้ำหวานสีดำจนลูกกระเดือกเป็นระลอกแล้วเผลอกลืนน้ำลายเอื๊อก  ก่อนยื่นมือไปคว้ากระป๋องหนึ่งมาดูดบ้าง  เรื่องอะไรเขาจะยอมเสียเปรียบ

อืม.. น้ำดำที่ดูเหมือนจะสกปรกนี่ที่จริงก็ชื่นใจดีไม่หยอก

*************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2011 21:50:36 โดย ดอกไม้ »

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
     
การติดต่อธุระที่กระทรวงเป็นไปอย่างสะดวก  เพราะหม่อมราชวงศ์เลอมานเป็นที่รู้จักของผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน  การจัดการเรื่องโครงการอาสาสมัครจึงง่ายกว่าที่คิด 
   
เลอมานไม่สามารถย้ายโรงเรียนได้  เพราะโรงเรียนฝึกหัดครูอีกโรงเรียนหนึ่งที่ภาคอีสานมีอาสาสมัครไปประจำเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นไกล  เป็นหลานชายของเซอร์สแตรฟฟอร์ด คริปส์ ซึ่งมาจากโรงเรียนเดียวกันกับเขาในอังกฤษ  ดังนั้นทางเลือกเดียวของเด็กหนุ่มในเวลานี้ก็คือต้องส่งตัวกลับไปอังกฤษเท่านั้น 
   
ยิ่งรู้ว่าจะได้กลับบ้าน  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ยิ่งลิงโลดลำพองใจนัก     

       
หลังจากเสร็จธุระที่กระทรวง  แทนที่จะกลับโรงแรม  คุณชายกลับเรียกรถยนต์รับจ้างให้ไปส่งที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ย่านเจริญกรุง  เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อย่างสุขสันต์  ปล่อยให้อาจารย์ร่างสูงเดินตามอย่างเบื่อหน่าย 

คนึงไม่เข้าใจเลยว่าคนมีเงินจะซื้อของไปทำไมมากมายนัก  เท้าก็มีอยู่คู่เดียว  ใส่รองเท้าได้แค่ทีละคู่  ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซื้อรองเท้าเพิ่มอีกมากมายให้สิ้นเปลือง  เลือกแล้วเลือกเล่า  ลองแล้วลองอีก  พิรี้พิไรอยู่นั่น  แถมราคาก็แพงหูฉี่แทบไม่กล้าจับทั้งรองเท้าทั้งเสื้อผ้า

ร่างโปร่งบางรับถุงกระดาษมากมายจากพนักงานมาถือไว้  เมื่อเห็นว่าสองมือเริ่มไม่พอก็หันมามองเขา 

แต่ดวงตาคู่นั้นฉายแววออกคำสั่งมากกว่าจะขอร้อง  ดังนั้นฝันไปเถอะว่าเขาจะช่วยถือให้         
   
บ่ายวันนั้น  ใครต่อใครจึงได้เห็นเด็กหนุ่มชั้นสูงผู้งดงามเลิศเลอเดินหอบถุงกระดาษกะเร้อกะรังเหมือนบ้าหอบฟาง    อยู่ในศูนย์การค้าวังบูรพา


หม่อมราชวงศ์เลอมานพาใบหน้างอง้ำมาถึงห้อง  วางข้าวของเกะกะกับพื้น  ทิ้งตัวลงบนเตียงพลางถอนใจเฮือก 

ตั้งแต่มากรุงเทพเขายังไม่ได้แกล้งเจ้าอาจารย์บ้านนอกให้สมใจสักครั้ง  คิดไปคิดมา  เขาเสียมากกว่าที่ถูกอีกฝ่ายแกล้งให้เสียหน้า  ไหนจะที่รถราง  ไหนจะที่กลางศูนย์การค้า  ด้วยการปล่อยให้เขาหอบหิ้วของพะรุงพะรังอยู่ฝ่ายเดียว

แผนชั่วร้ายลอยแวบเข้ามาในสมอง.. ริมฝีปากเรียวสวยหยักยิ้มเจ้าเล่ห์  เหลือบมองคู่กรณีที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่ข้างหน้าต่าง

เถอะน่า.. ไหนๆก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว  ขอส่งท้ายให้สะใจเสียหน่อยจะเป็นไรไป     

********************************

กรุงเทพราตรีคึกคัก  แสงไฟสว่างไสวราวกับจะแข่งแสงดวงดาวเบื้องบนให้ริบหรี่  แสงสียั่วยวนใจหลอกล่อเหล่าผีเสื้อราตรีให้ออกโบยบิน
   
หม่อมราชวงศ์เลอมานพาอาจารย์หนุ่มมาถึงหน้าไนต์คลับชื่อดังกระฉ่อนได้สำเร็จ  ตอนแรกชายหนุ่มยืนกรานไม่ยอมมาท่าเดียว  จนคุณชายต้องขู่แกมบังคับว่าหากเขาเป็นอะไรไปคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือตัวคนึงเองและอาจารย์ปรีชาที่ดูแลเขาบกพร่อง  เท่านั้นอีกฝ่ายจึงติดตามมาด้วยอย่างเสียไม่ได้ 

บรรยากาศในไนต์คลับมืดสลัว  ผู้หญิงในนั้นแต่ละคนสวยๆ แถมแต่งตัวฉูดฉาด คอเสื้อคว้านลึกจนเห็นร่องอก  นักร้องแต่งหน้าจัดจ้าน  และเพลงที่ร้องโดยมากเป็นเพลงฝรั่ง  มีเพลงไทยบ้างนิดหน่อย  คนมาเที่ยวมีแต่ผู้ชาย  แต่งตัวทันสมัย  แต่ละโต๊ะดื่มกินเฮฮามีสาวๆหุ่นสะโอดสะองนั่งฉอเลาะรุมล้อม

คนึงนั่งทื่อในขณะที่เลอมานดูช่ำชองและสนุกสนานเต็มที่  เด็กหนุ่มเรียกผู้หญิงมาเต็มโต๊ะ  แถมยังสั่งเหล้าฝรั่งมาให้และคะยั้นคะยอให้เขาดื่ม

“ผมไม่ดื่มเหล้า” อาจารย์หนุ่มปฏิเสธเสียงเรียบ  เรียกรอยยิ้มขบขันจากบรรดาสาวๆได้ดี 

บุตรชายท่านทูตกุมมือสาวสวยขึ้นแตะจมูก  นัยน์ตาคู่สวยเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม “ฉันเต้นรำไม่เป็น  เธอสอนฉันหน่อยได้ไหม”

“ได้ซีคะ” หญิงสาวออดอ้อนซบลงตรงอกก่อนประคองกันไปที่ฟลอร์  คนึงหรี่ตามองคน ‘เต้นรำไม่เป็น’ ที่จับมือโอบเอวก้าวเท้าตามจังหวะเพลงอย่างมีลีลาแล้วส่ายหน้าในมารยาชายของฝ่ายนั้น

“แล้วคุณละคะ  เราออกไปเต้นรำกันบ้างไหม” สาวชุดแดงปากแดงกอดแขนคลอเคลีย  คนึงมองแพขนตาหนางอนยาวผิดมนุษย์อย่าพรั่นพรึง  คิ้วโก่งสวยนั่นมองปราดเดียวก็รู้ว่าโกนออกแล้วเขียนใหม่ราวกับตุ๊กตา  โหนกแก้มแดงเหมือนคนเป็นโรคผิวหนัง 

เขาแกะมือหล่อนออกพลางเขยิบออกห่างอย่างอึดอัด 

“ผมเต้นรำไม่เป็น  ขอดูเฉยๆดีกว่า” สิ้นเสียงชายหนุ่ม  สาวๆถึงกับเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก 

ในคลับยิ่งครึกครื้นทวีคูณ  เมื่อคุณชายรูปงามควักแบงค์เป็นฟ่อนชูโบกไปมาในอากาศ  ประกาศลั่นว่าคืนนี้ทุกคนจะได้ดื่มเหล้าฟรีโดยมีเขาเป็นเจ้ามือ  เรียกเสียงเฮฮาได้ครึกโครม

ชาติตระกูลสูงแถมยังเงินหนัก  สิ่งเหล่านี้เหมือนเกสรดอกไม้หอมดึงดูดให้ใครต่อใครเข้ามารุมตอม  ไม่นานนักโต๊ะของพวกเขาสองคนก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมายทั้งชายหญิง  รุมล้อมเข้ามาอยากทำความรู้จักกับคุณชายสูงศักดิ์  คนึงดูออกว่านั่นเป็นมิตรภาพจอมปลอมทั้งสิ้น

ใบหน้างดงามแดงเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์  ยิ้มแย้มพูดคุยกับใครต่อใครเหมือนรู้จักกันมาแรมปีทั้งที่เพิ่งพบหน้า  มีสาวน้อยขนาบกายทั้งสองข้าง  คนหนึ่งคอยป้อนเบียร์  คนหนึ่งคอยป้อนบุหรี่  คนึงได้แต่ถอนใจ เลอมานอายุยังน้อย ยังขอเงินพ่อแม่อยู่แท้ๆ ถ้าเป็นลูกเป็นหลานเขาละก็ นิสัยแบบนี้จะจับตีเสียให้เข็ดทีเดียว

วงสนทนาเริ่มหันเหความสนใจมายังอาจารย์หนุ่ม 

“แล้วคุณเป็นใครหรือ  มากับคุณชายได้ยังไง” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัยเต็มที่ 

“เขาเป็นอาจารย์  อยู่ที่โรงเรียนต่างจังหวัดที่ผมไปเป็นอาสาสมัคร” เลอมานตอบแทนให้เสร็จสรรพ 

“อ้าว  มาจากบ้านนอกหรอกหรือ” น้ำเสียงดูหมิ่นที่แฝงอยู่ในคำว่า ‘บ้านนอก’ ทำให้หลายคนหัวเราะขำ  แล้วคนเหล่านั้นก็คะยั้นคะยอให้อาจารย์บ้านนอกดื่มเหล้า  สูบบุหรี่  ซึ่งก็ได้รับแต่คำปฏิเสธ

“ผ่อนคลายหน่อยน่าอาจารย์  ครูก็คนเหมือนกันนา”     

“หรือว่าแต่งงานแล้ว  กลัวเมียจะด่า”

“หึ  แต่งงานหรือ” คุณชายหัวเราะขึ้นจมูก “วันๆไม่เห็นเขาจะสนใจอะไร  เอาแต่ทำงานๆ  แถมยังอยู่บ้านนอกอย่างนั้น  สักวันคงได้แต่งกับควายตัวเมีย”

ถ้อยคำดูถูกอย่างหยาบโลนนั้นเรียกเสียงหัวเราะได้ฮาครืน  อาจารย์หนุ่มหน้าชาวาบ ร้อนวูบไปทั้งร่างด้วยไฟโทสะ  จ้องมองคนพูดราวจะกินเลือดกินเนื้อ  เลอมานเห็นอีกฝ่ายทำหน้าอย่างนั้นยิ่งหัวร่องอหาย 

ในที่สุดแผนของเขาก็สำเร็จแล้ว

หม่อมราชวงศ์หนุ่มควงหญิงสาวไปเต้นรำกลางฟลอร์  ทิ้งคนึงไว้กับกลุ่มชายหญิงที่พยายามเซ้าซี้ให้ดื่มเหล้าแทบป้อนถึงปาก  ดวงตาสีน้ำตาลใสเหลือบมองอีกฝ่ายกระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้วพร้อมเสียงเชียร์เซ็งแซ่แล้วกระหยิ่มในใจ  ยิ่งพอเห็นร่างสูงใหญ่ลุกไปเข้าห้องน้ำแต่กลับเดินสะดุดล้มคะมำด้วยความเมาเรียกเสียงหัวเราะได้เซ็งแซ่  เขายิ่งสาแก่ใจนัก

ดังนั้นเมื่อกลับมาที่โต๊ะอีกที  เขาจึงได้เห็นอาจารย์ผู้แสนเข้มงวดเมาแอ๋หน้าแดงก่ำอย่างหมดสภาพอยู่ในอ้อมกอดสาวๆเสียแล้ว

   
เลอมานพาคนึงกลับโรงแรมอย่างทุลักทุเล  ตอนอยู่ที่ไนต์คลับก็ได้พวกบ๋อยช่วยประคองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขึ้นรถยนต์รับจ้าง  พอมาถึงโรงแรมก็เดือดร้อนเบลล์บอยที่ต้องทิ้งหน้าที่หิ้วกระเป๋ามาหิ้วคนเมาแทน  โชคดีที่เขาไม่ได้เมามากมายเท่ากับตอนกินเหล้ากับพวกสิงห์ที่โรงบิลเลียด 

หลังจากช่วยกันหิ้วปีกอาจารย์ผู้ริอ่านดื่มเหล้ามากมายทั้งที่ดื่มไม่เป็นให้นอนลงบนเตียงได้สำเร็จ  คุณชายไม่ลืมทิปให้เบลล์บอยหนุ่มที่ช่วยเหลือก่อนเจ้านั่นจะออกจากห้องไป     

ร่างโปร่งบางยืนเท้าเอวมองคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงพลางหัวเราะขำ  นึกอยากให้บรรดานักเรียนมาเห็นอาจารย์จอมเข้มงวดในสภาพนี้นัก  ใบหน้าเขายังเกลื่อนยิ้มยามถอดรองเท้า ปลดเข็มขัดและดึงเสื้อออกจากกางเกงให้อีกฝ่าย  เพราะเห็นอาการนอนกระสับกระส่ายดึงคอเสื้อตัวเองอย่างอึดอัดแล้วอดเวทนาไม่ได้ 
   
ไม่ทันเห็นดวงตาที่หรี่ปรือขึ้นมอง 

คุณชายสะดุ้งเมื่อมือใหญ่คว้าหมับเข้าให้ที่ท่อนแขน  และในเสี้ยววินาทีที่บางยิ่งกว่าเศษหนึ่งส่วนแปดของเส้นผม  เขาก็ถูกกระชากเหนี่ยวเต็มแรงจนล้มลงกลางเตียง  ร่างล่ำสันพลิกขึ้นคร่อมทับอยู่เบื้องบน   กายถูกตรึงราวผีเสื้อถูกเข็มหมุดปักปีก     

ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจ  แผ่นอกสะท้อนขึ้นลง  เมื่อดวงตาที่จ้องเหนือใบหน้าสะท้อนเงาตนเองฉายชัดในแววตาดำดิ่งลึกเกินคาดเดา 

“จะทำอะไร!” มือเล็กยันแผ่นอกกว้างให้ออกห่าง  หากกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเหมือนหินผา “ปล่อยผม คุณเมามากแล้วนะ” 

ใบหน้าคมสันคลี่ยิ้ม  เป็นยิ้มที่แสนเศร้าปนเปกับความปรีดาบอกไม่ถูก  ดวงตาคมแดงก่ำคลอรื้นด้วยน้ำใส  เลอมานยังไม่ทันร้องห้าม  อาจารย์หนุ่มก็โน้มใบหน้าแนบริมฝีปากบดเบียด   

อุ่น..ผ่าว.. แผดเผาปานจะลุกไหม้ 

“อื้อ..” ร่างเล็กกว่าครางประท้วงในคออึงอล  อากาศถูกช่วงชิงจนแทบหายใจไม่ออก  ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง  ทว่ายิ่งดิ้นยิ่งถูกคุกคาม  จากริมฝีปาก  คนึงพรมจูบทั่วทั้งใบหน้า  หน้าผาก  สันจมูก  ข้างแก้ม  วกกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้งก่อนเดินทางลัดเลาะลงซอกคอ

“ไม่!  ปล่อยผม!” ดิ้นพราดเป็นปลาโดนทุบหัวเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันเข้มข้นด้วยเสน่หา  มือเรียวดึงผมคนที่ซุกไซ้ใบหน้าลงกับลำคอเขาอย่างรุนแรง  แต่อาจารย์หนุ่มมัวเมาไม่ได้สติ  ฟอนเฟ้นราวหิวกระหาย   

“คิดถึงเหลือเกิน.. คิดถึงเหลือเกิน..” ใบหน้าคมสันผละออกสบตาใกล้เสียจนจมูกสัมผัสกัน  นัยน์ตาที่ทอดมองมาเปี่ยมไปด้วยความอาลัยรักเหลือแสน  เสียงทุ้มสะอื้นระโหยไห้  เลอมานนิ่งราวถูกสะกดเมื่อมือใหญ่ประคองใบหน้าเขาไว้อย่างทะนุถนอม 

น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนผิวแก้ม  ทั้งร่างคล้ายกลายเป็นหินเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียก..

“จินดา..”

จินดา?  ใครกัน?   

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์สะดุ้งยามริมฝีปากร้อนผ่าวคลอเคลียข้างแก้มอ่อนหวาน  ก่อนรั้งร่างเขาเข้าไปกอดแน่น  ใจหนึ่งเขาอยากดิ้นหนีแต่อีกใจก็กลัวอีกฝ่ายจะนึกระห่ำขึ้นมาอีก  ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยยามมือใหญ่รั้งศีรษะเขาชิดอก  ลูบผมซ้ำๆอ้อยอิ่ง 

เสียงหัวใจที่เต้นเป็นกลองรัวค่อยๆคืนกลับสู่จังหวะปกติก่อนดำดิ่งลงในห้วงนิทรา..



โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------
*สวัสดีบางกอก, อาจินต์ ปัญจพรรค์ คำร้อง, อ้อย อัจฉรา ขับร้อง
** เสือโคคำฉันท์


ดอกไม้ตอบเม้นค่ะ  :L2:

Ryze
เลิฟๆคนอ่านเช่นกันค่ะ^^

Mio
จ้อยกับพี่สิงห์มาแรงค่ะ
สามคำให้คุณนางฟ้า ---> ไม่ เบื่อ เล้ยยยย (น่ารักอย่างนี้จะเบื่อได้ไง) :กอด1:

しろやま としんや
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ จะรีบกลับมาเขียนตอนใหม่เร็วๆนะคะ

Zymphoniz
๕๕๕+ น้องจ้อยอย่าซึนมาก เดี๋ยวพี่สิงห์เปลี่ยนใจไปหาไอ้ลอยแล้วจะหนาวอ๋าววว

Phantom
พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด~~
อ่านเม้นคุณ Phantom แล้วเราฮัมเพลงนี้เลยค่ะ  ขอบคุณที่เรื่องบังเอิญเล็กๆน้อยๆ ทำให้เราได้สบตากันผ่านตัวอักษรนะคะ
ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจค่ะ

PetitDragon
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ กระซิบบอกว่าเรื่องนี้เราลงไว้ในเด็กดีล่วงหน้าไปถึงตอน ๑๐ นะคะ จะไปอ่านที่นั่นก่อนก็ได้ หรือจะรออ่านที่เล้าเป็ด เราก็ยินดีค่ะ

ycrazy
พี่สิงห์ซึนค่ะ ๕๕๕+ เอาใจช่วยพี่สิงห์กับน้องจ้อยนะคะ :)

ดอกไม้

๓๐ ธ.ค. ๕๔

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ถ้าผมเจอคนแบบนี้นะ จะเตะสลบเลย  :z6:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวซะงั้น ฉากอัศจรรย์ล่ะ

Mio

  • บุคคลทั่วไป
สามคำ>>> เชียร์ ให้ ได้ (กัน) :laugh:
Happy New year ค่ะ คนเขียน  :L2: 

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
ตอบพี่จี้ :: อย่าให้พี่สิงค์คู่กับไอลอยเล้ยยยย นึกภาพตามแล้ว..... :z3:

อ่านไปแล้วก็อ่านใหม่
เกือบไปแล้วนะคุณชาย  :impress2:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ขอบคุณครับ ไปอ่านมาละครับ จุใจมากๆ  o13

...ตอนล่าสุด อ่านๆ ไปจุกมาก จะว่าหวานก็หวาน จะว่าเศร้าก็เศร้า  :m17:

ไอ้พี่สิงห์ก็ปากแข็งชอบเค้ามาตั้งนานก็ไม่กล้าบอก

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yagin

  • บุคคลทั่วไป
พึ่งได้มาอ่านจร้า  ขอบอกตามตรสนุกมากเลย  ชอบตัวละครทุกตัว

สะเทือนจิตกันแทบทุกตอน เป็นกำลังใจให้คนอัพน่ะจร้า

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
คำสวยมากครับ

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
แอบเห็นพี่บอกจะให้ พี่สิงห์คู่กะลอย  โอ้แม่เจ้า !!~ =[]=
เหมือนเอา นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวทมาคู่กันเลยอะ หนูกลัวววว T^T
เรียกหนูซะว่า คุณหงส์  หนูขนลุกซู่เลย  หนูยังเอ๊าะๆอยู่เลยคร้า น้องหงส์ดีกว่าเนอะ^0^ 5555+

จูบแล้ว  จูบแล้วววว   รับผิดชอบมั้ยคะครู!!<<เด็กดี...^0^
*แหม่!! แค่นี้ไม่ปลื้มอะ ทำไมไม่ทำเยอะกว่านี้ว้าา!!"เอา"ให้เข็ดไปเลยคร้าครู หนูหนับหนุน โหะๆ*<<ตัวจริง...=,,=


แต่ นะ แต่!!  เล่นแรงไปปะครับคุณเล็กกกก!!
แม่ยกไม่ปลื้มนะ!  ถ้าไม่เห็นแกคุณเล็กในอนาคต ที่โมเอ๊ะ โมเอะ หน้าสงสาร
ละก็นะ!!  จะเกียดๆๆ แช่งให้ก้นเป็นฝีเลย!


*ตัวเอง ได้ฤกษ์แต่งตอนใหม่จริงๆตอนไหนหรอ?  หรือว่ารอลงในเล้าจนหมดสต๊อกก่อน ถึงจะแต่งต่อ*

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :z3:ทนไม่ไหวค่ะเลยไปแอบอ่านในเด็กดีก่อน อยากอ่านตอนรักกันจะแย่แล้ว :-[
คนเขียนสู้ๆนะคะ

Mio

  • บุคคลทั่วไป
รอไม่ไหว ไปแอบอ่านในเว็บนู่น  อ๊ายยยยย เขิน  :o8:
แต่ตอนนี้ในเว็บนู่นก็ยังไม่อัพเลย  :a5:
รีบๆๆๆๆๆนะ
สามคำ>>> คิด ถึง มาก  :กอด1:
"หยาดหยดฝนโปรย  โรยรักระรินให้ฉ่ำใจ
ผลิดอกออกใบ กลิ่นหอมระรวยละลิ่วลอย
ให้รักค่อยเติบโต จนให้ร่มเงา
ออกผลเยียวยารักษาเมื่อยามเศร้า เกาะกิ่งไม้เนาแนบแอบอิง"

รักระริน - varoot

ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกก  :man1:

ai_no_uta

  • บุคคลทั่วไป
พี่จี้ สวัสดีปีใหม่จ้า^3^  เที่ยวเพลินใช่มั๊ยเนี่ยยยยย???


แฟนๆปูเสื่อรอเต็มลานแล้วจ้า
อัพหน่อยๆค่า  คิดถึงพี่สิงห์ (ยังไงเนี่ย??)


พี่จี้สู้ๆ ^3^

zazakapp

  • บุคคลทั่วไป
อ่า~~  :o8:
ตอนนี้มัน :-[ :-[


ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ชอบจังค่ะเรื่องนี้ อ่านรวดเลย ตอนล่าสุดนี่กำลังตื่นเต้นเชียว แล้วมาต่อเร็วๆ นะคะ

เห็นว่าลงครั้งล่าสุดวันที่สามสิบ นี่ก็เพิ่งต้นเดือน งั้น สวัสดีปีใหม่นะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
โอย~ อย่างกะดูหนังย้อนยุค ภาษาสวยมากค่ะ บรรยายได้น่าหมั่นไส้ตัวละครจริงๆ (แปลว่าเข้าถึงอารมณ์) เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและน่าติดตามเรื่องหนึ่งเลยค่ะ  (*^^*)

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาสวัสดีปีใหม่พี่จี้ (ไม่ช้าไปเนอะ 555)
เรื่องนู้นจะจบแล้ว รออ่านเรื่องนี้ต่อ  :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ชอบย้อนยุคสนุคดี ภาษาสวยดี

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ตามทันแล้วคะ

สนุกมากกกก

โดยปกติชอบนิยายย้อนยุคอยู่แล้วว

เพราะมัน ยากก

ยาก ทั้งแต่ง ทั้งอ่านเลย ภาษาต้องสลวยยย

บลาๆๆๆ


ขอบคุณคะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ไม่ชอบนิสัยเลอมานค่ะ

ไม่เคยเชียร์นายเอกนิสัยไม่ดีอ่ะ จนกว่าจะปรับปรุงตัวก่อนค่อยว่ากัน

รอดูพัฒนาการของตัวละครต่อไปอย่างจดจ่อ ถ้าอัพบ่อยกว่านี้ก็จะดีมากนะคะ อิอิ :L2:

ออฟไลน์ Phantom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

มาส่งกำลังใจเป็นของขวัญผ่านตัวอักษร   
สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :mc3:
ขอให้ได้พบแต่ความสุขตลอดปีนะคะ
ขอบคุณที่บรรจงเขียนเรื่องดี ๆ น่าติดตามมาให้ได้อ่านกัน
แอบลุ้นให้ไม่ดราม่าน้ำตาท่วมเท่านั้นแหละ 555

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1

บทที่ ๖

ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา



อันรักกันอยู่ไกลถึงสุดขอบฟ้า
เหมือนชายคาเข้ามาเบียดดูเสียดสี
อันชังกันนั้นใกล้สักองคุลี
ก็เหมือนมีแนวป่ามาปิดบัง*



   
เลอมานนิ่งมองเงาสะท้อนของตนในกระจก  รอยช้ำเป็นจ้ำเขียวเด่นชัดบนลำคอขาวพ้นปกเสื้อ  น่าเกลียดนัก  มือบางพยายามขัดถูเท่าไรก็ไม่ออก  ได้แต่เอาน้ำแข็งมาประคบเผื่อมันจะจางลงบ้าง   
   
ตัวการที่ฝากรอยน่าชังไว้บนร่างกายเขายังหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว  เขาไม่ได้โกรธหรือขยะแขยงที่โดนลวนลาม  เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังเมาไม่ได้สติถึงขั้นเพ้อเห็นเขาเป็นหญิงคนรัก  แต่นึกขึ้นมาแล้วอดขำไม่ได้  เห็นวางท่านิ่งขรึมอย่างนั้นแต่ที่แท้ก็ร้ายกาจไม่ใช่เล่น  ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างอาจารย์คนึงจะมอบหัวใจให้ใครก็เป็น  และนึกสงสารผู้หญิงชื่อจินดาขึ้นมาถนัดใจ  เจออ้อมกอดรุนแรงแบบนั้นเข้าไปคงช้ำไปทั้งตัว

ร่างที่นอนเหยียดยาวบนเตียงครางอืออา ขยี้ตาไปมาก่อนค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ  แล้วจู่ๆก็เบิกตาโพลงเด้งตัวลุกขึ้น  แต่แล้วกลับต้องกุมหัวครางโอยอย่างปวดหนึบ  จนเลอมานอดขำไม่ได้  ทว่าดวงตาแดงก่ำที่จ้องเขม็งไม่ขำด้วย     

“เมื่อคืนคุณเมามาก” ร่างโปร่งกอดอกบอกยิ้มๆ  เล่นเอาคนบนเตียงชะงัก
“จริงหรือ” เสียงใหญ่แหบแห้ง  “แล้ว..ผม..ทำอะไร”
“ไม่นี่” เด็กหนุ่มยักไหล่  มุสาคำโต  แม้ผิวเนื้ออ่อนตรงรอยช้ำจะร้อนผ่าวคล้ายประท้วง “แค่ละเมอ..เพ้อเรียกชื่อ.. จินดา”
   
เห็นอาจารย์หนุ่มหน้าซีดลงทันตา  หม่อมราชวงศ์หนุ่มยิ่งยิ้มยั่วล้อ  นั่งลงบนเตียงถามเซ้าซี้  นึกขำที่อีกฝ่ายเขยิบหนีถอยกรูด “จินดาเป็นใคร  คนรักของคุณหรือ  สวยไหม”

ร่างสูงใหญ่ทำทีเป็นกระแอมไอ  แต่แล้วกลับสังเกตเห็นรอยช้ำที่ลำคอขาว  ดวงตาคมกริบราวชำแรกถึงเนื้อในจนเลอมานพยายามเกาคอปกปิด  แต่กลับยิ่งเพิ่มพิรุธ   

“คุณเองก็ไม่ใช่ย่อย  เมื่อคืนไปสนุกกับสาวที่ไหนมา” น้ำเสียงเหยียดหยันเหลือแสน “และคงสะใจมากด้วยสินะที่ฉีกหน้าผมได้” 

คำพูดนั้นทำให้หัวใจคนฟังฝ่อลงไปถนัดใจ  หน้าที่ยิ้มร่าหดเหลือสองนิ้ว  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์รู้ดีว่าเมื่อคืนเขาออกจะทำเกินไปอยู่สักหน่อย  ยิ่งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งทำให้คึกคะนองจนเกินเลย  ยอมรับตรงๆเลยก็ได้ว่าเขาเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

คนึงโกรธเขามาก  เขารู้ตัว

ปกติก็เย็นชาใส่เขาอยู่แล้ว  แต่วันนี้กลับเย็นชาแชเชือนยิ่งกว่าเก่า  ถามหรือชวนคุยอะไรก็ไม่ยอมคุยด้วย  อย่าว่าแต่พูด  แค่สายตา  ฝ่ายนั้นยังไม่เหลือบแลเขาเลยด้วยซ้ำ  ยิ่งอยู่กันสองคนยิ่งอึดอัดใจ  ดังนั้น  หลังจากสั่งอาหารเช้าส่งถึงห้องให้อีกฝ่ายแล้ว  เขาขอฝากท้องไว้กับห้องอาหารของโรงแรมดีกว่า

เดินออกจากห้องได้ไม่กี่ก้าว  พนักงานโรงแรมก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาหา  รายงานพร้อมหอบว่ามีโทรศัพท์ทางไกลจากอังกฤษต้องการเรียนสายกับเขา

ท่านพ่อ!!       
   

รีเซฟชั่นสาวยื่นโทรศัพท์สีดำมันเงาให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ที่เดินหน้าซีดมา  นัยน์ตาคู่สวยมองมันอย่างพรั่นพรึง  ตั้งสติถอนใจเฮือกก่อนรับมาแนบหู  “สวัสดีครับท่านพ่อ”

“ทางกระทรวงบอกพ่อว่าชายจะกลับอังกฤษ  จริงหรือ” เสียงท่านพ่อของเขายังทรงอำนาจไม่เปลี่ยน

“ครับท่านพ่อ”

เขาได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ “จะกลับมาก็ได้”  หัวใจเขาพองโตคับอกแต่กลับต้องฝ่อลงทันควันเมื่อได้ยินคำพูดถัดไป  “แต่ชายต้องทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้  จำได้ไหม  ว่าถ้ากลับบ้านก่อนครบกำหนด  ชายจะต้องทำอะไร”

“จะ..จำได้ครับ” มือที่กำหูโทรศัพท์เย็นเฉียบ  ข้อตกลงสำคัญเช่นนั้น  ไม่ใช่ว่าเขาจำไม่ได้  เพียงแต่เขาไม่คิดว่าท่านพ่อจะเอาจริง 

นึกแล้วโมโหตัวเองนัก  ท่านพ่อของเขาเฉียบขาดและจริงจังทุกเรื่องไม่ว่าเล็กหรือใหญ่  แล้วทำไมเขาถึงโง่  หลงคิดว่าท่านพ่อจะปล่อยผ่านเรื่องนี้

“ตกลงว่าจะกลับมาใช่ไหม  พ่อจะได้จัดการทางนี้ให้เรียบร้อย  รอชายกลับมา”

“ท่านพ่อ..” เขากลืนก้อนแข็งๆลงคออย่างยากลำบาก  “ชายไม่กลับไปแล้วครับ”

“หือม์.. ไม่กลับไปไหน  อังกฤษหรืออยุธยา  เป็นลูกผู้ชายพูดจาให้เด็ดขาดหน่อย” เสียงดุดันตำหนิมาทางสายโทรศัพท์  แค่ได้ยินเสียงเลอมานก็นึกออกว่าบิดาทำหน้าแบบไหนอยู่  เขาพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่น  ก่อนเอ่ยหนักแน่น

“ชายไม่กลับอังกฤษแล้วครับ” 

************************

เรื่องราวมันกลับตาลปัตรกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?  ความจริงวันนี้เขาควรจะได้นั่งเครื่องบินกลับอังกฤษไปแล้วแท้ๆ  แต่เหตุใดกลับมานั่งโต้ลมอยู่ริมหน้าต่างรถไฟกลับไปอยุธยาแบบนี้ละหนอ
   
นึกแล้วอยากเขกกะโหลกตัวเองสักร้อยครั้ง  เขาไม่น่าเดินทางมากรุงเทพให้เสียแรงเปล่า  และไม่น่าวางแผนโง่เง่าแกล้งอาจารย์คนึงด้วย  แล้วเป็นอย่างไรเล่า  เรื่องกลายมาเป็นแบบนี้เขาจะมองหน้าฝ่ายนั้นได้อย่างไร

ยังจำสีหน้ามึนตึง  ดวงตาเย็นชาคู่นั้นได้ดียามเขากลับห้องหลังคุยโทรศัพท์  แล้วบอกกับคนึงว่าเขาเปลี่ยนใจจะกลับไปที่โรงเรียนอีกครั้ง 

“จะกลับไปหรือ  คนอย่างคุณจะยอมลดตัวไปเป็นศิษย์ผู้ชายที่แต่งงานกับควายตัวเมียหรือ” วาจาเชือดเฉือนนั้นเล่นเอาเขาสะอึก  “ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลสูง  ไม่ได้ช่วยให้จิตใจคุณสูงไปด้วยเลย  เห็นทีผมคงสั่งสอนคนอย่างคุณไม่ได้” 

นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่คนึงพูดกับเขา  จากนั้นก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จากับเขาสักคำจนกระทั่งรถไฟแล่นถึงอยุธยา 


ในที่สุด หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ ก็ต้องกลับมาที่โรงเรียนฝึกหัดครูอีกครั้งจนได้  ท่ามกลางใบหน้าตื่นตะลึงของหลายๆคน  โดยเฉพาะอาจารย์วิรัชที่ตาโตเท่าไข่ห่าน  ก่อนจะรีบฉีกยิ้มจนปากแทบถึงรูหู  พร่ำบอกซ้ำๆว่าดีใจหนักหนาที่เขากลับมา  แต่ลับหลังนั้นเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้

เวลาผ่านไปหนึ่งวัน..สองวัน..อาจารย์หนุ่มร่วมห้องก็ยังคงไม่พูดกับเขา  ซ้ำร้ายยังเอาใบประเมินการฝึกสอนมาวางคืนให้ที่โต๊ะของเขาอีก  เป็นการประกาศทางอ้อมชัดๆว่าไม่ยอมรับเขาเป็นศิษย์ 

เลอมานทนอยู่กับความอึดอัดใจอยู่ได้ไม่กี่วันก็อกแทบแตก  เขาทนความเย็นชาเฉยเมยเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว


ที่ชมรมกสิกรรมหลังโรงเรียน  หม่อมราชวงศ์หนุ่มมานั่งคุยกับพวกจ้อยที่นี่ทุกเช้าก่อนเข้าแถว  ได้มานั่งมองพวกนักเรียนรดน้ำพรวนดิน ก็เพลินตาดี  แต่วันนี้เขาแบกปัญหาหนักใจมาปรึกษาอย่างสิ้นท่า 

“จะทำยังไงดีล่ะจ้อย  ท่าทางเขาคงโกรธฉันน่าดู” ใบหน้าหวานดูกลัดกลุ้ม  ขณะนั่งมองพวกจ้อยหิ้วบัวรดน้ำให้แปลงผักกาด 

“มันก็น่าโกรธอยู่หรอก  ทำให้เขาเป็นตัวตลกอย่างนั้น” สง่าออกความเห็น  มองอาจารย์ฝึกสอนที่นั่งไกวเท้าเล่นบนแคร่พลางส่ายหน้า  แต่กลับต้องสะดุ้งเมื่อโดนบัวรดน้ำกระแทกหลัง 

“สงสัยต้องขอขมาเสียแล้วล่ะครับ” จ้อยวางบัวรดน้ำสังกะสีลงแล้วเดินมานั่งเคียงข้าง 

“อะไรนะ” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น “ขอ..ขะมำ”

“ขอขมา” สันติแก้ให้  พวกเขาเริ่มชินแล้วกับอาการพูดผิดของอีกฝ่าย  เด็กหนุ่มยกมือดันแว่นตรงหว่างคิ้วท่าทางทรงภูมิ “ขอขมาคือการขอให้เขายกโทษให้  ส่วนใหญ่จะเป็นความผิดหนักๆ  แค่ขอโทษมันไม่พอ”

จ้อยอธิบายขั้นตอนการขอขมาให้ฟังคร่าวๆ  แค่นั้นคนฟังก็ทำหน้าแหยง “ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ”

“เขาเป็นผู้ใหญ่  อายุมากกว่าคุณชายตั้งรอบ  แถมเขายังเป็นอาจารย์ด้วย  เราเป็นเด็ก  เมื่อทำผิดก็ต้องขอขมา” หนุ่มน้อยอธิบายท่าทางจริงจัง  เลอมานได้แต่ถอนใจตีหน้าบอกบุญไม่รับ  แค่นึกภาพตามก็รู้สึกเสียศักดิ์ศรีเหลือเกินแล้ว  กำลังหัวเสียได้ที่ก็พอดีสายตาไปปะเข้ากับรองเท้าแตะเก่าๆที่อีกฝ่ายใส่อยู่เข้าเสียก่อน

“ยังใส่คู่เก่าอยู่อีก  คู่ใหม่ที่ฉันซื้อให้ไปไหนเสียล่ะ”

ใบหน้าอ่อนใสก้มงุดเขินอายจนเพื่อนตัวสูงต้องตอบแทนให้ “โอ๊ย..จ้อยมันรักมันหวงเสียยิ่งกว่าอะไร  แทบเอาไปนอนกอดด้วยทุกคืน”

“ที่ไม่เอามาใส่ก็เพราะกลัวจะเก่าเร็ว” สันติเสริมให้อีกคน 

“ซื้อมาให้แล้วก็ไม่ใส่  เดี๋ยวก็ยึดคืนเสียหรอก” ตำหนิอย่างไม่จริงจังนักพลางหัวเราะร่วน  เขายังจำได้ดีว่ากว่าจะยัดเยียดรองเท้าและเสื้อผ้าที่ซื้อมาจากห้างวังบูรพาให้จ้อยได้นั้นยากเย็นแค่ไหน  ฝ่ายนั้นเกรงใจจนตัวลีบ ตั้งท่าไม่รับลูกเดียว  ต้องขู่เข็ญแกมบังคับกันจนเหนื่อยถึงจะยอมรับ  ตรงข้ามกับสง่าและสันติที่รับขนมของฝากจากเขาไปแกะกินกันสบายใจเฉิบ   

ใบหน้าคมสันของใครคนหนึ่งลอยวูบเข้ามาในความคิด  ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายผิดจริง อีกฝ่ายก็เป็นถึงอาจารย์  แถมยังต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตั้ง ๑ ปีอย่างไม่มีทางเลือก  ถึงแม้จะเสียหน้า  เขาก็จะยอมลดศักดิ์ศรีขอโทษก่อน

แต่อีกเหตุผลที่สำคัญสุด  นั่นคือข้อตกลงที่ท่านพ่อเรียกร้อง  มีค่ามากกว่าศักดิ์ศรีของเขาหลายเท่านัก 

*************************

เช้านี้เลอมานตื่นนอนตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งที่โต๊ะ  ในมือมีโพยกระดาษจดถ้อยคำขอขมาที่จ้อยจดให้  ตอนแรกจ้อยเขียนเป็นภาษาไทยแต่เพราะเขาอ่านภาษาไทยไม่ออกจึงต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษแทน  ปากแดงขมุบขมิบท่องจำอย่างตั้งอกตั้งใจ  คิ้วเรียวขมวดมุ่น 

จ้อยเปิดประตูเข้ามาพร้อมช่อดอกมหาหงส์หอมชื่น  “อาจารย์คนึงจะขึ้นมาแล้ว  คุณชายจำได้หมดหรือยัง”

“เอ่อ อืม” โอรสท่านทูตกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น 

“ต่อไปนี้อย่าเรียกอาจารย์คนึงว่าคุณๆอีกนะครับ  เรียกเขาว่าอาจารย์ รู้ไหม”

“อืม” รับคำได้แค่นั้นก็ต้องเงียบกริบเพราะคนที่กำลังพูดถึงเปิดประตูห้องเข้ามา  ส่งสายตาว่างเปล่ามายังพวกเขาแว่บหนึ่ง  ก่อนเดินไปยังฝั่งตัวเอง 

คุณชายตื่นเต้นจนแสดงออกทางสีหน้า  มือเย็นเฉียบเปิดโพยขึ้นท่องเป็นครั้งสุดท้าย  ในขณะที่จ้อยลอบส่องช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือกั้นอาณาเขต  “คุณชาย  อาจารย์แต่งตัวเสร็จแล้ว  ไปเลย”

พานน้อยวางช่อดอกมหาหงส์ถูกยัดใส่มือ  เลอมานยังละล้าละลังยามถูกคนตัวเล็กกว่ารุนหลังให้เดินไปอีกฝั่งห้อง  มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนยืนอยู่ในเขตของอาจารย์หนุ่มเสียแล้ว  สายตาเย็นชาจากร่างสูงใหญ่ที่โต๊ะทำงานยิ่งทำให้เขาเกร็งไปหมด 

เด็กหนุ่มกลั้นใจย่อตัวลงคุกเข่า ก่อนเดินเข่าเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างที่ซ้อมกันไว้กับพวกจ้อย  ท่าทีเก้กังกระโดกกระเดก  แถมไปได้แค่สองสามก้าวก็สะดุดล้มหน้าทิ่ม  พานไปทางดอกไม้ไปทางจนต้องตะลีตะลานเก็บให้วุ่น  เงยหน้าขึ้นมาเห็นดวงตาเรียบนิ่งยิ่งพาใจฝ่อ  แต่เลอมานก็กัดฟันพาใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเหยเกด้วยปวดหัวเข่า   มาอยู่ตรงหน้าอาจารย์ได้อย่างทุลักทุเล 

สายตาคู่นั้นยังจ้องเขาไม่ลดละ  เอาน่า.. ก็ยังดี.. ยังดีที่ฝ่ายนั้นยอมมองหน้าเขา

“ผม หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์” ประคับประคองเสียงไว้ไม่ให้สั่น  “ขอ..ขอขมา..ต่ออาจารย์คนึงครับ  ผมไม่ได้มีเจตนาจะล้วง..ล้วง..”

“ล่วงเกินครับล่วงเกิน” จ้อยป้องปากกระซิบแก้ให้จากข้างชั้นหนังสือ 

“อ้อ เอ่อ..ผมไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินอาจารย์  ผม..ผม..” ดวงตาคมเข้มที่จ้องเขม็ง  กวาดล้างถ้อยคำที่อยู่ในสมองจนพร่าเลือนไปหมด  ทั้งที่พยายามท่องมาอย่างดีแล้วเชียว  “ผม..ผม..”

ให้ตายสิ  เขานึกถ้อยคำต่อไปไม่ออก  ทุกอย่างขาวโพลนเหมือนกระดาษเปล่า

กระดาษ..

ใช่.. เขากำโพยมาด้วยนี่นา.. แอบคลี่ดูเสียหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกน่า..

ว่าแล้วมือบางก็คลี่โพยกระดาษที่กำไว้ออก.. ต่อหน้าอาจารย์หนุ่ม

เห็นแบบนั้นแล้วจ้อยถึงกับกุมขมับ  พลางคิดในใจว่าเขาจะเก็บซากคุณชายเล็กไปจากห้องนี้อย่างไร

“ถ้าไม่มีความจริงใจที่จะขอโทษก็กลับไปเสีย” ร่างสูงตัดบทก่อนลุกขึ้นพรวด  ก้าวฉับๆผ่านร่างที่นั่งคุกเข่าอยู่

“เดี๋ยวก่อน!” เลอมานเรียกไว้ทันควัน  ลุกขึ้นยืนบ้าง  โพล่งออกไปไม่ออมเสียง  คำพูดที่ออกมาจากใจ  ไม่มีโพย  ไม่มีสคริปต์ใดใดกำหนด  “ผมขอโทษ  ผมเสียใจที่ทำกับอาจารย์แบบนั้น”   

อีกฝ่ายยอมหยุด  แต่ยังไม่ยอมหันมาเผชิญหน้า  ไม่ยอมหันมาสบดวงตาตัดพ้อ “ผมรู้ตัวว่าผมเองไม่ใช่คนดี  แต่คนเราเกิดมาจะเป็นคนดีโดยสมบูรณ์ได้ยังไงถ้าไม่มีครูอบรมสั่งสอน  คืนนั้นผมทำผิดพลาดไปเพราะขาดสติ  แต่ผมก็รู้สึกผิดและสำนึกที่จะขอโทษแล้วไงเล่า” 

อ่อนชะอ้อนเหมือนจะวอนให้ประวิง**
   
ท้ายเสียงสั่นเครือเรียกความสนใจอาจารย์หนุ่มให้หันมอง  ประสานสายตากับดวงตาสวยใสแวววาม   

“อาจารย์” คุณชายทอดเสียงระโหย  ร่างสูงใหญ่ตะลึงไปอย่างคาดไม่ถึงเมื่อคนแสนหยิ่ง แสนจองหองเดินตรงเข้าหา  มือเรียวกระพุ่มพนมเก้ๆกังๆ  ราวกับไม่รู้จะไหว้ตรงไหน  ก่อนตัดสินใจไหว้ลงไหล่เขา  ก่อนเงยใบหน้าหมดจดขึ้นวิงวอน 

“ได้โปรด..ยกโทษให้ผมเถอะ”

เขาใจเต้น..

มีใครเคยบอกไหม  ดวงตาของเด็กหนุ่มคนนี้สวย.. สวยเหลือเกิน  เหมือนมีเพชรนิลจินดาเต้นระยับอยู่ในนั้น  แข่งกันวาววาม  ราวกับมีแสงแดดซ่อนด้านในด้วยซ้ำ  ขนตาสั้นๆแต่เป็นแพเหมือนปีกผีเสื้อ..

ใกล้.. จนเหมือนได้ยินเสียงลมหายใจ 
หอม.. กลิ่นช่อมหาหงส์ในมือน้อยนั้นนัก

หอมผกาเกสรขจรขจาย    มิได้วายภุมรินถวิลปอง***

คนึงกระแอมขับไล่ความคิดฟุ้งซ่าน  รับช่อมหาหงส์มาแล้วเสเดินเอาไปวางไว้บนโต๊ะ  แสร้งเขียนอะไรยุกยิก  พูดไม่สบตา “ต่อไปพอเลิกสอนตอนเย็นก็มาเรียนพิเศษที่ห้องนี้  ถ้ามาสายครูจะหักคะแนนเรา”

คำพูดที่พูดด้วย  สรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไปทำให้เลอมานยิ้มออก  หันไปส่งยิ้มให้จ้อย  ก่อนหันมามองหน้าอาจารย์ด้วยความปรีดา
   
“ขอบคุณครับอาจารย์” เสียงใสเหมือนแก้ว  ยิ้มร่าเหมือนดอกไม้บาน  อาจารย์หนุ่มมองแวบหนึ่งแล้วรีบเบือนหลบ 

หลบทำไมเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน       

*************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2012 21:21:53 โดย ดอกไม้ »

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
เช้าตรู่..

เสียงฝีเท้าวิ่งทั่กๆๆๆ ขึ้นบันไดจนเรือนไหว
เสียงไม้เรียวกระทบน่องดังเผียะ
เสียงเลอมานร้องโอ๊ย  โวยวาย “จะตีอะไรนักหนา  บอกกันดีๆก็ได้”
เสียงอาจารย์คนึงเอ็ด “สอนไม่เคยจำ  อยู่บนเรือนให้เดินเบาๆ” และอีกสารพัดจะสรรหามาเอ็ด 

อาจารย์ทุกคนที่อยู่ในเรือนไม้ได้ยินเสียงเหล่านี้เสียจนชาชิน

ในห้องน้อยริมสุด  อาจารย์หนุ่มกับลูกศิษย์ก่อสงครามย่อยๆกันไม่เว้นแต่ละวัน  ฝ่ายลูกศิษย์พกกิริยาแบบฝรั่งมาเต็มตัว  เดินเหินปราดเปรียวว่องไว  หลังแข็งก้มลำบาก  มือแข็งไหว้ใครยาก  ปากกระด้างพูดจาไม่มีหางเสียง  จนฝ่ายอาจารย์ผู้เข้มงวดเจ้าระเบียบต้องตั้งต้นสอนใหม่หมด

“ไหว้ผู้ใหญ่ให้นิ้วหัวแม่มือจรดปลายจมูก  สูงไปๆ นั่นเอาไว้ไหว้พระ”
“เวลาเดินผ่านผู้ใหญ่ให้ก้มหลังด้วย”
“เวลาคนเขากำลังพูดกันอย่าพูดสอดเข้ามา”
“อย่าเดินข้ามสิ่งของ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าเดินข้ามคนเป็นอันขาด”



ตกเย็น..
   
เสียงเพลงบทเรียนภาษาไทยจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงดังแว่วมาจากห้องน้อย  หากมองผ่านเข้าไปในบานประตูที่เปิดกว้างรับลม  จะเห็นครูศิษย์นั่งเรียนภาษาไทยกันอย่างขะมักเขม้น.. ว่อกแว่กบ้างในบางที
   
ผ้าม่านลูกไม้พัดพลิ้ว  ลมเย็นโบยโบกกลิ่นดอกไม้หอมอวล  หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะ  ในมือจรดดินสอลงบนสมุด  คัดตัวอักษรโย้หน้าโย้หลัง  หูก็ฟังเสียงเพลงจากแผ่นเสียงคลอ  เพลงที่ใครได้ฟังก็ต้องอมยิ้ม

หนูจ๋า..หนูคนดี..หนูฟังเพลงนี้แล้วจงจำให้ขึ้นใจ..
เพลงนี้พี่จะร้องน้องจำไว้..บทเรียนภาษาไทย..พี่จะร้องให้เจ้าฟัง..


เพลงสำหรับเด็กอนุบาลมาดังแว่วอยู่ในโรงเรียนฝึกหัดครู  ใครผ่านไปผ่านมาก็ชะโงกมองหน้า ‘หนูจ๋า’ กันเป็นทิวแถว  แต่ ’หนูจ๋า’ ไม่ตลกด้วย

“ต้องเริ่มตั้งแต่กอไก่เลยหรือ” ใบหน้างามเงยขึ้นประท้วงอาจารย์ผู้นั่งคุมที่อีกฝั่งโต๊ะ

“คัดก.ไก่ถึงฮ.นกฮูกให้ได้เสียก่อนเถอะ” ว่าแล้วก็ใช้ไม้บรรทัดเคาะข้อนิ้วลูกศิษย์จนมือดีด  ก่อนดุ “แล้วนั่นอะไร  ซ.โซ่โย้เป็นซ.เซ่อแล้วนั่น”

ร่างสูงถอนใจก่อนลุกขึ้นเดินอ้อมไปด้านหลังนักเรียนตัวดี  โน้มใบหน้าลงไปจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมนุ่ม  มือใหญ่กุมมือเรียวไว้มั่น  จับลากเส้นให้เป็นตัวหนังสือช้าๆ ทีละตัวๆ   

เพลงจากแผ่นเสียงยังคงดำเนินต่อไป

น.หนูดูยุ่ง  ม่านมุ้ง บ.ใบไม้  ป.ปลาขี้หึง  ผ.ผึ้งร้องไห้.. ***

ทันทีที่ได้ยิน  เลอมานหัวเราะคิก  หันหน้ามาถามทันควัน “อาจารย์” 

จมูกเฉียดแก้มไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด!

แต่แค่นั้นก็เล่นเอาร้อนวาบ  อาจารย์ผงะ  รีบปล่อยมือ  รีบถอยออกห่าง 

“ป.ปลากับผ.ผึ้งเป็นคนรักกันหรือ” เสียงใสถามกลั้วหัวเราะไม่รู้เรื่องรู้ราว  “อาจารย์ดูสิ  ปลาอยู่ในน้ำ จะคบกับผึ้งได้ยังไง  ฮ่าๆๆ ผึ้งก็ขี้น้อยใจซะด้วย”

ปล่อยให้นักเรียนหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างสุดขำ  คนึงเดินอ้อมชั้นหนังสือใหญ่มาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง  ซ่อนอาการของตนจากอีกฝ่าย  มือใหญ่วางลงที่อกซ้าย  ประหลาดใจนักที่มันเต้นรัวเร็วผิดปกติ   

ปลอกแขนทุกข์ยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงาน  อาจารย์หนุ่มเอื้อมไปหยิบมาถือไว้แน่น  เพ่งมองราวกับต้องการตอกย้ำความอาลัยลงสู่ก้นบึ้งของหัวใจ  เพ่งมองราวกับเตือนใจตน

*********************

เลอมานไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ  ว่าตั้งแต่วันนั้นอาจารย์คนึงกลับมามีท่าทีเย็นชาใส่เขาอีกแล้ว 

ฝ่ายนั้นยังคงพูดกับเขา  เพียงแต่เปลี่ยนไป  ถามคำตอบคำ  และไม่ค่อยสบตาเวลาพูด  แถมยังชอบทำหน้าบึ้งใส่  ทั้งๆที่เขายังไม่ทันทำอะไรผิดสักนิด

ไม่อยากนึกภาพเลยว่าถ้าวันใดเขาทำผิดขึ้นมาจริงๆคนึงจะโกรธเขาขนาดไหน 

ดั่งโบราณว่าไว้  เวลาวารีไม่คอยใคร  วันนั้นจึงเดินทางมาถึงรวดเร็วราวกระพริบตา


หม่อมราชวงศ์หนุ่มเดินเล่นแถวชมรมกสิกรรมเช่นทุกเช้า  นอกจากจะมีการปลูกผักเป็นแปลงเขียวละลานตา  ยังจัดสรรพื้นที่กั้นตาข่ายทำเล้าไก่ขนาดย่อมไว้ด้วย  ดวงตาคู่สวยมองลูกเจี๊ยบขนเหลืองฟูเดินตามแม่ไก่อย่างเพลิดเพลิน  คันไม้คันมืออยากโยนอะไรให้มันกินนัก

แถวนั้นไม่มีใครอยู่ให้ถามสักคน  พวกจ้อยก็กำลังพากันไปตักน้ำจากท่าขึ้นมาใส่โอ่งเตรียมไว้รดผัก  หันไปหันมาก็พบชามตราไก่บรรจุข้าวสารอยู่เต็ม 

ใครมันจะไปรู้เล่าว่าข้าวนั่นเป็นข้าวสารที่สมาชิกในชมรมแบ่งสันปันส่วนเอามาจากบ้านเพื่อรวมกันให้จ้อย  เอามาวางไว้ตรงนั้น เขาก็คิดว่าเป็นอาหารไก่น่ะซี  จ้อยและพรรคพวกมาเห็นชามเปล่าถึงกับหน้าซีด  ในขณะที่พวกแม่ไก่และลูกเจี๊ยบอิ่มหมีพีมัน     

เรื่องถึงหูอาจารย์คนึงเร็วราวกับไฟลามทุ่ง  ที่พอมาถึงก็เปิดฉากบริภาษเขาทันที     

“เราเกิดและเติบโตที่เมืองนอก  อยู่สุขสบายมาตลอด  คงไม่รู้จักความยากลำบากของคนไม่มีจะกินสินะ”

“กะอีแค่ข้าวชามเดียว  ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย”

“แค่ข้าวชามเดียวหรือ” ความโกรธระยิบในดวงตาคมดำ  “รู้ไหมว่าตอนครูเด็กๆ  ประเทศไทยประสบวิกฤติหนัก  เศรษฐกิจย่ำแย่  นักการเมืองแย่งชิงอำนาจ  ประชาชนขาดแคลนข้าว  ต้องเข้าคิวใช้บัตรแย่งกันซื้อข้าวกิน  ทั้งที่ประเทศไทยปลูกข้าวเองจนเหลือใช้”

ไปกันใหญ่แล้วเอย.. จากเรื่องข้าวสารชามเดียว  ลุกลามบานปลายเป็นปัญหาระดับชาติเทียวนั่น

“ข้าวสารแค่หยิบมืออาจไม่มีค่าเลยในสายตาเรา  แต่สำหรับคนที่เขาไม่มี  มันมีค่ามหาศาล  ต่อไปอย่าพูดแบบนี้อีก  และที่สำคัญขอโทษจ้อยและทุกคนซะ!”

“มะ..ไม่เป็นไรครับอาจารย์” จ้อยละล่ำละลัก “ผมผิดเองครับที่เอามาวางไว้ตรงนี้  ทำให้คุณชายเข้าใจผิด  ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ”

“เจ้าตัวเขายังไม่ว่าอะไรเลย  อาจารย์จะเดือดร้อนแทนทำไม  พูดกันดีๆก็ได้  ทำไมต้องดุ  ทำไมโกรธผมมากขนาดนี้” จำเลยขึ้นเสียงใส่บ้างอย่างไม่กลัวเกรง  ความน้อยใจแล่นพรูเป็นริ้วๆ 

“ขอโทษจ้อยซะ!” เสียงทุ้มตะคอกลั่น  ต่อหน้านักเรียนในชมรมนับสิบ  เลอมานทั้งโกรธทั้งเสียหน้าจนตัวสั่น  เขาเกลียดการถูกทำให้เสียศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้คนที่สุด  ดังนั้น..คำตอบที่โทสะบงการให้พ่นออกไปก็คือ..

“ไม่!”

อย่าให้บรรยายเลยว่าสายตาที่อาจารย์คนึงมองเขานั้นดุดันน่ากลัวเพียงใด

ใช่ว่าไม่รู้สึกผิด  ใช่ว่าไม่อยากขอโทษ  เลอมานรู้สึกผิดเต็มอกและอยากขอโทษจ้อยเต็มแก่  เพียงแต่เขาไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งบังคับ  โดยเฉพาะต่อหน้าคนเป็นฝูง 

เขายังจำสายตาจ้อยตอนกลับมาเห็นชามว่างเปล่าได้ดี  ดวงตาที่ปกติก็เศร้าอยู่แล้วยิ่งโศกสลดกว่าเดิมเป็นสิบเท่า  โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ว่าข้าวสารนั่นมาจากน้ำใจของเพื่อนๆที่ปันข้าวสารจากบ้านคนละนิดหน่อยมารวมกัน  ความสำนึกผิดและเวทนาสงสารยิ่งกัดกินใจ  จ้อยกับยายแร้นแค้นถึงขั้นไม่มีแม้ข้าวสารจะกรอกหม้อเชียวหรือ 

เขาเอาข้าวของจ้อยไปให้ไก่หมดแล้ว  ตัวจ้อยนั้นยังมีอาหารกลางวันของโรงเรียนที่กินฟรีได้  แต่ยายของจ้อยเล่า

ช่วงเช้าเขาวิ่งไปที่โรงอาหาร  ถามหานางนกแก้วแม่ครัวใหญ่  ตั้งใจจะขอแบ่งซื้อข้าวสาร  แต่เพราะปริมาณข้าวสารในครัวก็มีไม่มากนัก  หล่อนแบ่งให้เขาได้แค่กิโลสองกิโลเท่านั้น  น้อยนิดขนาดนั้นจะกินได้สักกี่มื้อ

“คุณชายลองไปซื้อที่โรงสีสิ” แม่ครัวร่างใหญ่แนะ “โรงสีของเมียกำนัน  อยู่ไม่ไกลนักหรอก  แต่ระวังเมียกำนันล่ะ  หน้าเลือดอย่าบอกใคร”

ไวเท่าความคิด  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์รีบฝากคาบสอนตอนบ่ายของเขาให้วิรัชสอนแทน  และขอยืมจักรยานของประพนธ์ปั่นไปยังโรงสีของคุณนายพูนทรัพย์ทันควัน 

ไม่ทันฉุกคิดว่าคำว่าไม่ไกลนักของนางนกแก้ว  หมายถึงเมื่อมาทางเรือต่างหาก   

ดังนั้น.. กว่าคุณชายจะถีบจักรยานมาถึงโรงสีได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่ก  เหงื่อโซมกายจนหลังเปียก  สุภาพสตรีวัยกลางคนร่างท้วม  ผิวขาวผ่อง  แต่งหน้าจัดจ้านที่กำลังดีดลูกคิดเป็นระวิงถึงกับชะงักเมื่อเห็นเขาไสจักรยานเข้าไป  ท่ามกลางคนงานวัยฉกรรจ์ทำงานกลางแดดจนตัวมันเลื่อมนับสิบ 

“ต๊ายตาย!! คุณชาย!!” คุณนายพูนทรัพย์ถลาออกมาต้อนรับ  ทองหยองเต็มตัว  เสื้อผ้าลายดอกฉูดฉาดจนเขาต้องหยีตา  “ลมอะไรหอบมาคะนี่”

คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นกับคำถาม  ก่อนตอบซื่อ “ลมไม่ได้หอบมา  ขี่จักรยานมา”
พลางหรี่ตามองคนตรงหน้า  ก็หน้าธรรมดานี่  ไม่เห็นจะมีเลือดอย่างที่นางนกแก้วบอกตรงไหน

มืออูมสะบัดพัดพรึ่บ ปิดปากหัวเราะคิก  ก่อนเชื้อเชิญเขาเข้าไปใน ’ออฟฟิศ’ 

‘ออฟฟิศ’ ของคุณนายช่างแสนโอ่อ่า  ข้างนอกร้อนแทบไหม้แต่ข้างในเย็นสบายด้วยพัดลมทองเหลืองส่งเสียงหึ่งๆ  โต๊ะทำงานไม้สักทอง  ชุดรับแขกไม้ชิงชันฝังมุก  มีน้ำเย็นๆจากตู้เย็นมาเสิร์ฟเขาอย่างดี  หรูหรายิ่งกว่าบ้านอาจารย์ใหญ่เสียอีก

“๔๐ บาทค่ะ” คุณนายพูนทรัพย์บอกราคาข้าวสาร ๑ ถังที่เขาต้องการซื้อ  รับเงินไปนับกรีดกรายแล้วถาม “เดี๋ยวอิฉันให้เด็กไปส่งให้ไหมคะ”

เลอมานปฏิเสธ  แค่สั่งให้เอาถุงข้าวสารขึ้นท้ายจักรยาน  และมัดให้แน่นหนาเท่านั้น  โดยไม่ลืมถามก่อนออกมา

“รู้จักบ้านจ้อยหลานยายช้อยไหม  อยู่ไหนหรือ”

บ้านจ้อยอยู่เลียบคลองท่อ  ถัดจากโรงเรียนไปไม่ไกล  แต่กว่าจะไปถึงได้เลอมานต้องผ่านอุปสรรคเหลือแสน  ไหนจะน้ำหนักข้าวสาร ๑๕ กิโลกรัมข้างหลังพาให้รถไถลลงข้างทางไปนอนเค้เก้  ไหนจะจักรยานโซ่หลุดกลางทางอีก  กว่าจะใส่กลับคืนได้ก็เล่นเอาหน้าตามือไม้มอมแมม  ไหนจะแดดเปรี้ยงที่ลงมาตรงหัว 

เขาสะโหลสะเหลหมดสภาพเต็มทีตอนเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านจ้อย..

เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนในอก  กล้ามเนื้อเหมือนมีเพลิงมาสุม  ริมฝีปากแห้ง  หอบหนักเหน็ดเหนื่อย  สายตาพร่ามัว  เห็นแค่ต้นมะขามใหญ่กลางลานดินกว้าง  เห็นหญิงชรานั่งตำหมากอยู่ที่แคร่  เห็นได้เพียงเท่านั้นโลกก็พลันหมุนคว้าง  แล้วทุกอย่างก็ดับมืดลง.. 

*********************
   
คนึงแปลกใจนักเมื่อเห็นว่าคาบวิชาที่เลอมานรับผิดชอบมีอาจารย์วิรัชเป็นคนสอนแทน  ซ้ำเจ้าตัวก็หายไปไม่บอกกล่าว  ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน 
   
จองหอง  เอาแต่ใจ  แล้วยังไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

กลับมาเมื่อไรล่ะน่าดู!

*********************
 
“เป็นยังไงบ้างหนู..”

เสียงอ่อนอุ่นกระซิบริมหู  เลอมานกระพริบตาสองสามครั้ง  โลกยังหมุนรอบตัวเขา  ปิดเปลือกตา  ลืมขึ้นใหม่  เห็นใบหน้าเหี่ยวย่นก้มต่ำ  ในดวงตาฝ้าฟางนั้นเปี่ยมด้วยเมตตา

“ยาย..” เด็กหนุ่มครางเสียงเบา  รู้สึกได้ถึงความเย็นจากผ้าชุบน้ำค่อยๆลูบซับตามใบหน้า 

“ไปยังไงมายังไง  มาเป็นลมเป็นแล้งต่อหน้าต่อตายาย  คนแก่ใจหายหมด”

ดวงตาคู่สวยหันมองรอบกาย  จักรยานกับถุงข้าวสารนอนนิ่งอยู่ที่พื้น  ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้ม

“ไปนอนพักต่อข้างบนเถอะ  ตรงนี้แดดไล่แล้ว  ลุกไหวไหมลูก” ร่างผอมบางหากแข็งแรงค่อยๆประคองเขานุ่มนวล  เลอมานเปลี้ยไปทั้งกาย  ไม่อยากเชื่อว่าหมดสติไปนานเพียงนั้น 


บ้านจ้อย.. ไม่สิ  เรียกว่ากระท่อมจะเหมาะกว่า 

กระท่อมของจ้อยอยู่ริมคลอง  มีท่าเล็กๆยื่นลงไปในน้ำ  มียอขนาดใหญ่เอาไว้ดักปลา  กลางลานดินมีต้นมะขามใหญ่ทะมึนคล้ายเป็นประธานของไม้อื่นๆ  มะม่วง ลำไย กระถิน โกสน ซุ้มพลู ฯลฯ พืชพรรณเรียงรายถี่ห่างดูร่มรื่น  ถัดไปไม่ไกลมีกระท่อมเล็กๆหลังหนึ่ง  พื้นปูไม้ไผ่ ผนังเช่นกัน หลังคามุงใบจากสีคล้ำจัด  หม้อดินเผาเคียงกระบวยกะลามะพร้าว จัดวางใต้ซุ้มกล้วยไม้ป่า 

หน้าขอนไม้ที่ใช้แทนบันไดมีกอมหาหงส์ขึ้นหนาแน่น  กอนี้กระมังที่จ้อยแบ่งไปปลูกให้เขา

เลอมานนอนเหยียดยาวบนระเบียง  ลมเย็นพัดใบมะขามแก่ปลิวฟ่อง  หอมดอกมหาหงส์โชยมา

กลิ่นยาหอมคลุ้งในอากาศ  มือเหี่ยวย่นประคองศีรษะเขาขึ้นป้อน  ละลายความพะอืดพะอมดีทีเดียว  ทั้งยังค้นในครัวได้มะนาวมาสองซีก  ฝานเป็นเสี้ยวบางๆ คลุกเกลือกับน้ำตาล ป้อนเขาทีละคำ ให้หวานเค็มเปรี้ยวกำซาบลงคอ

เริ่มรู้สึกหายใจสะดวกมากขึ้น  มีแรงทีละนิด  ดึงหมอนที่รองขามากอดไว้  ชวนคุย

“ผมเป็นเพื่อนจ้อย” แล้วยังไงต่อดี.. “จ้อยฝากให้เอาข้าวสารมาให้ยาย”
เขาตัดสินใจโกหก  เพราะเกรงว่าถ้าบอกไปตามจริง  หญิงชราจะปฏิเสธไม่ยอมรับ

“เพื่อนเรอะ?” ดวงตาเปี่ยมเมตตาสำรวจเขา  ยิ้มจนเห็นฟันดำ “อ้อ ที่จ้อยเล่าให้ยายฟังว่ามาจากเมืองนอก  พ่อเล็กใช่ไหม”

เขายิ้มแทนคำตอบ  ดีใจที่จ้อยเล่าเรื่องตนให้ครอบครัวฟัง 

คนสองคน  ต่างวัย  ต่างชนชั้น  นั่งสนทนากันอย่างครึกครื้น 

“เมืองนอกนี่มันเป็นยังไงนะ  ตั้งแต่เกิดมายายยังไม่เคยไปไกลเกินหัวรอสักที” หญิงชราถามพลางปาดปูนสีส้มลงกับใบพลู  มีดคมควั่นหมากแห้งท่าทางชำนาญ  นั่งฟังเขาเล่าเรื่องความเจริญศิวิไลซ์ของลอนดอน  โทรศัพท์ ไฟฟ้า น้ำร้อน  แก๊ส ถนนลาดยาง   

“ลำบากไหมลูก  มาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง” มือเหี่ยวย่นลูบแขนขาวอย่างอาทร  น่าแปลกที่เลอมานไม่รู้สึกรังเกียจสักนิด 

“ผมเริ่มชินแล้ว” ว่าพลางเหลียวมองรอบตัว “แล้วบ้านยายไม่มีไฟฟ้าหรือ” 

ยายช้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ  คว้ากระโถนเคลือบลายดอกแดงขึ้นรองรับน้ำหมาก “กำนันบอกว่าไฟยังมาไม่ถึง  ลำพังยายน่ะไม่อยากได้หรอก อยู่แบบนี้มาจนชินแล้ว  สงสารก็แต่จ้อยมัน  ต้องจุดตะเกียงอ่านหนังสือ  น้ำมันก็แพงเหลือใจ”

ดวงตาสีน้ำตาลสวยสำรวจรอบกระท่อมเก่า  อยู่ห่างกันไม่เท่าไรแท้ๆ  แต่ทำไมที่นี่ถึงมีสภาพต่างจากโรงสีของคุณนายพูนทรัพย์นัก

“พ่อเล็กว่าบ้านยายจะน้ำไหลไฟสว่าง เหมือนอย่างที่หลวงท่านบอกไหม”

“แน่นอนสิ” ริมฝีปากบางสวยคลี่ยิ้มสดใสกระจ่าง “ความจริงโครงการส่งผมมาก็เพื่อให้ผมมาช่วยพัฒนา”

อะแฮ่ม.. ถึงพระประสงค์ที่แท้จริงของท่านพ่อ  คือเพื่อดัดสันดานเขาก็เถอะ 
   
หญิงชราจ้องมองใบหน้างามนิ่ง  นัยน์ตาสีเทาเป็นประกายระยับอย่างประหลาด “ยิ้มสวยจริงลูก”

ในน้ำเสียงนั้นแฝงความอาลัย  มือเหี่ยวย่นลูบไล้ใบหน้าของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์อย่างทะนุถนอม “ยิ้มสวยเหมือนจินดาหลานยายไม่มีผิด”

“จินดา?!” ชื่อนั้นทำให้เขาชะงัก  ความทรงจำในค่ำคืนนั้นไหลบ่าจนอุ่นซ่านที่สองแก้ม “จินดาเป็นหลานยายหรือ  เธออยู่ไหม”

ยายช้อยนิ่งมอง  ดั่งชั่งใจ 

“อยากเจอหรือลูก” ปากเปื้อนน้ำหมากยิ้มเศร้า  หันไปทางห้องเล็กๆในกระท่อม “อยู่ในห้องโน่นแน่ะ  มาสิเดี๋ยวยายจะพาไป”

ไม้ฟากลั่นออดยามเขาเยื้องย่างฝีเท้าเบากริบต้อยตาม 

โลกกลมดีแท้  นึกว่าเป็นคนอื่นคนไกล  หรือเป็นสาวบ้านไหน  ไม่นึกว่าที่แท้คนรักของอาจารย์จอมโหดนั่นคือพี่สาวของจ้อยนี่เอง  ขอยลโฉมหน่อยเถิด  อยากรู้นักว่าจะงามสักปานใด  ถึงขั้นทำให้คนหลงเพ้อละเมอหาได้
 
แค่เปิดประตูเข้าไปเลอมานก็ชะงัก  ทั้งร่างชาวาบ

ในห้องนั้นไร้วี่แววของหญิงสาวดังที่คาดไว้  แต่กรอบรูปพร้อมกระถางธูปและช่อดอกมหาหงส์บนหลังตู้นั้นแทนคำตอบได้หมดสิ้น
   
“ยาย” เขาหน้าเจื่อน “ผมขอโทษ  ผมไม่รู้ว่าเธอ..”
   
หญิงชราโบกไม้โบกมือวุ่น  เดินนำเขาไปใกล้ๆ 

ครั้นพอเห็นหน้าบุคคลที่อยู่ในรูปชัดๆ 

ใบหน้าหวานคม นัยน์ตาสวยโศกแสนอ่อนโยน  เลอมานสะท้านทั้งร่างเมื่อได้รู้ความจริงชวนสับสน


จินดา.. เป็นผู้ชาย!? 


   
โปรดติดตามตอนต่อไป
   
   
-----------------------------------------------------------------------------
* ไกลบ้าน, ชาลี อินทรวิจิตร คำร้อง, ชรินทร์ นันทนาคร ขับร้อง
** สุนทรภู่
*** เป็นอาขยาน ก.ไก่ ในสมัยนั้นค่ะ


ดอกไม้ตอบเม้นค่ะ :L2:


BBChin JungBB
ไม่ต้องเตะค่ะไม่ต้องเตะ เพราะต่อไปอาจารย์คนึงจะทำให้ชายเล็กตัวแสบเจ็บซะยิ่งกว่าโดนเตะยอดหน้าอีกค่ะ รอติดตามนะคะ^^

tonkhaw
ยังไม่มีฉากอัศจรรย์จ้า แต่เดี๋ยวก็มีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจ้ะ

Mio
สามคำ >>> เดี๋ยว ก็ ได้ (กันค่ะ)  :-[
ขอบคุณที่ทำให้รู้จักเพลงเพราะๆอย่าง “รักระริน” นะคะ ฟังแล้วฟังอีก ฟังกี่รอบก็ไม่เบื่อเลย

Zymphoniz
๕๕๕+ ขืนให้สิงห์คู่กับลอยจริง มีหวังโดนคนอ่านรุมกระทืบแน่เลยค่ะ  เรื่องนู้นจะจบแล้ว แต่ยังมีตอนพิเศษอีกสองตอน แถมยังต้องรีไรท์อีก โอ.. อยากแยกร่างจริงๆค่ะ ณ จุดนี้

PetitDragon
ขอบคุณที่ตามไปอ่านที่อีกบอร์ดนึงนะคะ  (อีกสาเหตุนึงที่มาลงที่เล้าเป็ดก็เพราะบอร์ดนั้นลงฉาก NC ไม่ได้นี่แหละค่ะ) ตอนนี้อ่านทันถึงหลักกิโลที่เก้าแล้วสิเนี่ย นั่งกินโอเลี้ยงรอก่อนนะคะ อีกไม่นานจะกลับไปเขียนตอนที่ ๑๐ ค่ะ

roseen
เอ้ากอด.. :กอด1:

yagin
ว้าว.. ขอบคุณที่ชอบตัวละครในเรื่องนี้ทุกตัวค่ะ เพราะจากเท่าที่ลงบอร์ดอื่น เรตติ้งความเกลียดขี้หน้า คุณชายเล็กมาเป็นอันดับหนึ่งเลย (เขียนยังไงให้นายเอกโดนเกลียดได้นี่เรา) ขอบคุณที่ชอบคุณชายเล็กนะคะ

j4c9y
ขอบคุณค่ะ สงสัยเพราะเราอ่านนิยายสมัยก่อนมามาก ภาษาที่ใช้ก็เลยไปในทิศทางนั้นค่ะ โบราณๆนิดนึงเน้อ

hongzaa
๕๕๕+ จ๋าจ้าน้องหงส์ ก่อนอื่นต้องขอบคุณมากๆนะคะ ที่นำนิยายเรื่องนี้ไปแนะนำในกระทู้ “นิยายแนะนำ..เรื่องนี้ต้องอ่าน” นะคะ  สัญญาว่าจะตั้งใจเขียนตั้งใจมาอัพให้ถี่ขึ้นค่ะ 

อาจารย์ทำเยอะกว่านี้แน่จ้า  แต่รอเวลาอีกหน่อยนะจ๊ะ  อ้อ แล้วอย่าแช่งให้ชายเล็กก้นเป็นฝีเลยเน้อ เดี๋ยวใช้งานไม่ได้ขึ้นมาแล้วมันจะยุ่ง ๕๕๕+ ส่วนที่ถามถึงตอนใหม่ ตั้งใจว่าจะอัพในเล้าเป็ดให้ถึงตอน ๙ แล้วค่อยอัพตอน ๑๐ ต่อพร้อมกันทั้งสองบอร์ดค่ะ  (ฤกษ์แต่งไม่มีจ้า เพราะถนัดวิวาห์เหาะ ๕๕๕+ จริงๆคือตอนนี้ก็กำลังแต่งอยู่เรื่อยๆค่ะ แต่ไว้รอลงพร้อมกันทีเดียว)

ycrazy
เดี๋ยวก็รักกันแล้วค่ะ  อดใจรออีกนี้ดเน้อ ^^

ai_no_uta
ว้าย น้องพิมพ์รู้ทัน (สมแล้วที่เป็นน้องรักของพี่) เพิ่งกลับมาจากเจียงใหม่เจ๊า คุณแม่ของคนสำคัญของพี่ไม่สบายจ้ะ หาเกล็ดเลือดกรุ๊ปโอไม่ได้ พี่เลยขึ้นไปบริจาคเกล็ดเลือดด้วยตัวเองซะเลย (โดดงานไปอีกตะหาก) เลยอัพตอน ๖ ในเล้าช้าไปหน่อยจ้า

zazakapp
ตอนนี้แค่เบาะๆจ้า เริ่มแบบซอฟท์ๆก่อนเนอะ  เดี๋ยวตบจูบ(ของอีกคู่)จะตามมา

misso
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเล็กๆเรื่องนี้นะคะ  เราจะมาอัพที่เล้าเป็ดอาทิตย์ละตอน ขอสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังเช่นกันค่า

เกริด้า(๐-*-๐)v
ขอบคุณมากๆที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ และขอบคุณที่ตามไปอ่านถึงอีกบอร์ดนึงนะคะ ^^ ที่บอกว่าบรรยายได้น่าหมั่นไส้นี่ รู้เลยค่ะว่าหมายถึงใคร ^^

dearmeepooh
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้และยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  เพราะชอบอ่านแนวย้อนยุคก็เลยตัดสินใจเขียนแนวนี้ ขอบคุณที่ชอบนะคะ 

EoBen
ชอบแนวย้อนยุคเหมือนกันเลยค่ะ แต่ก็ขอสารภาพว่าเขียนยากจริงๆนั่นแหละ เพราะหลายๆครั้งเลยที่พอเขียนๆไปแล้วมานั่งนึก เอ..เราใช้คำถูกยุคถูกสมัยหรือเปล่านะ  คำๆนี้ในสมัยก่อนเขาพูดกันหรือเปล่านะ แต่โชคดีค่ะที่อ่านนิยายเก่าๆรุ่นคุณปู่มาเยอะเลยพอจะรู้คำศัพท์หรือสำนวนที่คนสมัยนั้นพูดกัน ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

silverspoon
รอดูพัฒนาการของคุณชาย และเป็นกำลังใจให้เขานะคะ เราเชื่อว่าคนเราทุกคนไม่มีใครเลวร้ายมาตั้งแต่เกิด ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง ทุกการกระทำมีที่มา  ตัวละครในเรื่องนี้ทุกคนก็เช่นกันค่ะ ขอบคุณที่อ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ

Phantom
ขอบคุณสำหรับของขวัญเป็นกำลังใจและคำอวยพรค่ะ แหม..แต่เรื่องลุ้นให้ไม่ดราม่าน้ำตาท่วมนี่ เห็นทีคนเขียนคงต้องคิดหนัก  เพราะเราชอบดราม่าที่สุดเลย  ๕๕๕+ (ชอบทำร้ายจิตใจตัวละครตัวเองเป็นงานอดิเรกค่ะ) จะพยายามให้หวานๆขมๆเหมือนช็อคโกแลตละกันนะคะ ^^


สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังทุกคนนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ

ด้วยรัก :กอด1:

ดอกไม้

๑๐ มกราคม ๒๕๕๕

ปล. อยากทำสารบัญของแต่ละตอนจังค่ะ แต่ทำไม่เป็น T^T ใครใจดีช่วยสอนนักเขียนโลวเทคตัวน้อยๆทีค่ะ

ออฟไลน์ WinterRose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ถ้าเราจะแต่งนอยายสักเรื่อง
เราอยากแต่งให้ได้สักครึ่งของคุณดอกไม้จังเลยค่ะ
ภาษา น้ำเสียง บรรยากาศ อ่านแล้วอุ่นเชียว
อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นนิยายไทยแท้ๆ

รออยู่เสมอนะคะ เป็นแม่ยกคุณชายที่หลงรักเจ้าสิงห์ค่ะ lol
ขอให้อาจารย์คนึงชินกับคุณชายได้ในเร็ววันนะคะ
(จะให้คุณชายหายดื้อคงยาก ฮ่าๆ)
ขอให้จ้อยกับสิงห์ได้กันเร็วๆด้วย  :laugh:

----

ส่วนเรื่องลิ้งค์ คุณดอกไม้ก็อปตามนี้ไปนะคะ แต่ตอนวาง ให้ลบช่องว่างของ u r l = ออกให้หมดเลย ให้ชิดกันเป็น url=http.. ไปนะคะ ^^
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1739885#msg1739885]บทนำ[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1747170#msg1747170]บทที่ ๑[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1758484#msg1758484]บทที่ ๒[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1767753#msg1767753]บทที่ ๓[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1777681#msg1777681]บทที่ ๔[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1788320#msg1788320]บทที่ ๕[/url]
[u r l = http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1803469#msg1803469]บทที่ ๖[/url]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2012 12:25:25 โดย WinterRose »

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ค่แตอนนี้คุณชายก็น่ารักขึ้นเยอะมากกกกแล้วอ่ะค่ะ  :mc4:

โถพ่อคุณ อุตส่าห์ขับจักรยานไปแบกข้าวสารมา

ส่วนพระเอกเราก็เริ่มมีปฏิกิริยาแว้ว  :laugh: เสร็จแน่

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกค่ะ
อ่านแล้วติดงอมแงมเลย
สนุก อ่านแล้วติดงอมแงมเลย
มาต่อเร็วๆ นะค่ะ   :L2: :3123:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
ชอบจัง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปอยู่ในเรื่องจริงๆ
พอดีเป็นคนที่ชอบอ่านรื่องแนวย้อนๆอยู่แล้วด้วบวกกับฝีมือการแต่งของคนเขียนอีก
ทำให้ยิ่งชอบ หากจะขอให้ลงทุกวันก้เหมือนจะทำให้คนเขียนลำบาก
เ็นกำลังให้คนเขีนนน่ะ  รอ ร๊อ รอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด