มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 713256 ครั้ง)

ออฟไลน์ ~l3aml3ery~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0
หน่วงดีจริงๆ อิอิ
อยากให้คุณเล็กวีนเลย ดูสิครูคนึงจะทำยังไง :o211:

รออ่าน(สภาพ)จ้อยตอนหลัง

ปล.พี่สิงห์เท่สุดๆเลย ฮ่าๆๆ FCพี่สิงห์ :ped149:

+๑
+เป็ด
 o13

ออฟไลน์ Yforever

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แค่ครึ่งแรกก็น้ำตาคลอตามคุณชายเล็กแล้ววววว
แอบสงสารพี่สิงห์ด้วย เป็นนักเลงสิ้นลายเลยอ่ะ

ออฟไลน์ nutjisub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
เบื่ออาจารย์คนึง ทำร้ายจิตใจเล็กมากเกินไป คนรักกันเขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอก เบื่อพวกคิดเองเออเอง ที่สุด
ต้อนรับการกลับมาของคุณดอกไม้สู้ๆ ช่วยปั่นให้พ้นช่วงดราม่าเสียทีเถอะคะ :hao5: :sad4: :o12:

ออฟไลน์ greensoda

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
สงสารทุกคู่เลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ ครับ สู้ๆ

---------------------------------------------
รอน้องจ้อย กับพี่สิงห์ ด้วยใจจดจ่อ

ออฟไลน์ supernatural

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รำคาญบทจ้อยอ่ะแต่ชอบคู่หลักมากเลยจ้าครูหนุ่มกะคุณชายชอบบบ

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
คุณชายกับพี่สิงห์ ก็เคมีเข้ากันดีนะ
ครูคนึงเป็นใคร เราไม่รู้จักกันชั่วคราวนะ
 :m16:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เศร้าจังเลย โดนมรสุมทุกคน

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
อ่ะ มาอ่านอีกมี่มาม่าชามโตชามที่ 2 มาล่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะคะ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีทั้งคุณและแม่นะคะ
เวลาเจอจะได้รีบรักษา

tanuki

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
สงสารคุณชายเล็กอะครับ  ฮือๆๆ

ออฟไลน์ Noockie

  • Always keep the faith
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แง คุณชายน่าสงสาร

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
สงสารเลอมาน คนึงทำไมใจร้ายแบบนั้น คิดเองเออเองเคยถามเลอมานบ้างไหมว่ารู้สึกยังไง ต้องการอะไร ย่าเลอมานจะรู้ไหมทำอะไรลงไป สงสารสิงห์ สิงห์ไม่ได้ทำสักหน่อย เลอมานเข้าใจผิดนะ

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
 :sad4: รันทดสุดๆ สงสารทุกคน เมื่อไหร่จะเข้าใจกัน :z3:

ออฟไลน์ watcharet

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-2
เจ็บ  บอกได้คำเดียวว่า "เจ็บ"

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บียคั้นหัวใจ คนจะรักกันช่างยากลำบาก รออ่านคู่สิงห์จ้อยนะคะ :ling1:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
อ.คนึง ใจร้าย
คิดว่าทำแบบนี้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเหรอ
คิดว่าเจ็บเสียตั้งแต่วันนี้เพื่ออนาคตที่ดีของคุณชาย?

ถ้าคุณชายเสียมาก ประชดตัวเองด้วยการทำตัวสัมเลเทเมา คบคนพาลจนเสียผู้เสียคน
อ.คนึงจะเสียใจไหม

ความรักเป็นเรื่องที่สองคนร่วมกันสร้าง
ถ้าความรักครั้งนี้จะต้องจบลง
อีกฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะรู้ ความเป็นไป ไม่ใช่หรือ

ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล โลกหมุนรอบตัวเอง
ก็เห็นด้วยกับการกระทำของอ.
แต่คุณชายมีเหตุผลและรักศักดิ์ศรี ทำไมถึงเลือกทางนี้
หรือเพราะยังเยาว์

ปล. คอมเมนท์ตามอารณ์ในมุมผู้ถูกกระทำ ขออย่าได้ถือสา
เพราะถ้าเป็นตัวเองก็ทำแบบครูเหมือนกัน ^^

ออฟไลน์ punomenon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
 :เฮ้อ:

หน่วงจิตจริงๆเรื่องนี้ ทำไมทำแบบนี้นะ :hao5:

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1

บทที่ ๒๗

คนเลวของเธอ   

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


   ถึงจะเป็นวันอาทิตย์  แต่จ้อยก็ตื่นแต่ไก่โห่เหมือนเช่นทุกวัน  ดวงตาเหม่อคว้างมองมือขวาที่พอกผ้าพันแผลนิ่งงัน  มันบวมปริเหมือนมือกบที่เอามาเผาไฟ  เพียงขยับแม้ปลายนิ้วก็เจ็บแปลบ  ยามเช้าอากาศเย็นชื่น  ดูท่าเมื่อคืนฝนคงตก  หนุ่มน้อยสูดไอชื้นเข้ามาในอกที่ว่างโหวงอย่างประหลาด  ชุดนักเรียนตำราเรียนถูกทำลายเสียป่นปี้  แบบนี้.. พรุ่งนี้จ้อยจะเอาอะไรไปเรียนหนังสือ 
   
จ้อยเก็บที่นอนไปพับไว้มุมห้องด้วยมือเดียวอย่างทุลักทุเล  หันไปมองที่เตียงใหญ่ว่างเปล่า  ไอ้สิงห์คงยังไม่กลับมา  เมื่อวานนี้มันหายหัวไปไหนไม่รู้ทั้งวัน  แต่ช่างหัวมันเถิด  มันจะไปไหนก็เรื่องของมัน  ดีเสียอีก  ไม่ต้องมาอยู่เกะกะลูกตา  มีก็แต่น้าแป้นกับน้าเวกที่ห่วงใยจ้อยนัก  คอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้  จ้อยแทบไม่ต้องหยิบจับอะไร  งานบ้านงานเรือนก็ทำแทนให้ทุกอย่าง  แม้จะกินข้าวยังจะป้อนให้  จ้อยรีบปฏิเสธแทบไม่ทัน  มือขวาเจ็บแต่ก็ยังมีมือซ้าย  แค่กินข้าวแค่นี้ไม่หนักหนาอะไร  ผลหรือ.. จ้อยทำข้าวหกกะเรี่ยกะราด  สุดท้ายน้าแป้นก็บังคับป้อนเอาจนได้     
   
ดวงตาคู่ใสหันไปเห็นอะไรบางอย่างที่มุมทำการบ้านประจำ  ถุงกระดาษใบเขื่องสองถุง  น่าแปลก.. เมื่อวานยังไม่เห็นมี  ใครเอามาวางไว้ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร?  มือเล็กค่อยคลี่ออกดูอย่างใคร่รู้เต็มที หากทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน  ดวงตาหม่นหมองก็เบิกกว้าง  คล้ายแสงตะวันจะส่องลงมาไล่พยับเมฆครึ้ม
   
กางเกงสีกากี  เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวอย่างละสองตัว  กลิ่นหอมสะอาด  พับมาเรียบร้อย  ส่วนอีกถุง  บรรจุตำราเรียนใหม่เอี่ยมอ่อง  ปกมันปลาบไม่มีแพ้รอยยับสักนิด 
   
จ้อยยิ้มกว้างยิ่งกว่ากว้าง  หอบถุงกระดาษวิ่งตึงตังออกไปด้วยความดีใจ  เจอน้าแป้นกำลังถูพื้นพาไลอยู่พอดี  จ้อยถามทั้งรอยยิ้มสดใสว่าใครซื้อให้จ้อย  น้าแป้นนิ่งคิดอยู่อึดใจแล้วก็ร้องอ้อ! เสียงสูงปรี๊ด “ละ..ลุงกำนันจ้า แกไปหาซื้อมาให้ครูเมื่อวานนี้”
   รอยยิ้มยินดีแต่งแต้มบนใบหน้าอ่อนใส  กอดชุดนักเรียนกับตำราใหม่ไว้แน่นแนบอก  ดวงตาที่เคยหม่นเศร้ามาทั้งวานนี้  บัดนี้เคลือบความหวังอันเปรมปรีดิ์จับตาน่ามอง 
   
ผู้มากวัยกว่ามองรอยยิ้มนั้นด้วยความชื่นใจ  แต่พอหนุ่มน้อยพรวดพราดลุกขึ้น บอกว่าจะไปขอบคุณลุงกำนันเท่านั้นแหละ
   
“เดี๋ยวครู!” น้าแป้นคว้าข้อมือผอมบางไว้แทบไม่ทัน ละล่ำละลักบอก “ลุง..ลุงกำนันไม่อยู่ แกออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
   พอครูพยักหน้าหงึกหงัก เดินหอบถุงใบเขื่องพร้อมรอยยิ้มเรื่อจากไป แกก็ถอนใจยาวโล่งอก
   
อภิโธ่อภิถัง.. ลุงกำนันคนดีของครูไม่กลับบ้านมาสามสี่วันแล้ว  แล้วแกจะเอาหูตาที่ไหนมารับรู้ว่าครูถูกคุณนายเอาตะไกรหั่นมือ จะเอามือตีนที่ไหนถ่อไปซื้อตำราใหม่มาให้  ลงอีแบบนี้จะมีใคร้..
   
สาวใหญ่หันไปมองตู้ไม้สักหลังใหญ่ชิดผนัง  ไอ้เสือซุ่มค่อยๆ โผล่หน้ารกเรื้อออกมา  ที่แท้ก็แอบดูอยู่ตั้งแต่ต้น
   
“ขอบคุณนะน้า” มือหนาเทอะทะพนมไหว้ท่วมหัว  หากสายตายังทอดตามร่างเล็กที่เดินไปไกลลิบๆ “เมื่อวานก็ช่วยดูมันให้ ขอบคุณจริงๆ”
   
แกโบกมือวุ่น “ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงสิงห์ไม่ฝาก ครูเจ็บขนาดนี้ น้าต้องช่วยดูอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็ก้มหน้าถูพื้นต่องกๆๆ
   ลูกชายกำนันมองตามแผ่นหลังเล็กนั้นไม่ละสายตา  ภาพเมื่อกี้.. งดงามดุจเทวาเสกสรร  เปล่งประกายยิ่งกว่าดวงตะวัน  น้องยิ้มแก้มเรื่อ  ดวงตาเรืองรอง  สองมือกอดชุดนักเรียนกับตำราที่เขาบากหน้าไปหามาให้แนบอกอย่างทะนุถนอม  ชุดนักเรียนกับตำราที่ปริปากไม่ได้ว่าเขาหามาทูนให้  หาไม่มันคงถูกขว้างทิ้ง

   ถ้าสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นเป็นหัวใจของพี่  ถ้า.. รอยยิ้มนั้น.. เจ้ามอบให้กับพี่  ไอ้สิงห์ไม่อยากจะคิด  ไม่กล้าจะฝันใฝ่  หากวันนั้นมีจริง  หัวอกเอ๋ยจะเบ่งบานปานดอกไม้เพียงใด 

   นี่ขนาดลอบมองไกลๆ  พี่ยังสุขหัวใจถึงเพียงนี้   

***************************
   
   จ้อยในผ้าขาวม้าประคองขันรองหินด้วยมือเดียว  เดินเลียบคลองไปตามสะพานไม้เคี่ยมกว้าง ๒ แผ่นที่ปลูกเหนือพื้นดินราว ๑ เมตร  ผ่านเรือกสวนรกครึ้มของกำนันเสริม 

   ไข้ไม่มี  วันนี้อาบน้ำเสียทีคงได้  ดีกว่านอนนิ่งเป็นภาระให้น้าเวกเช็ดตัวให้แบบเมื่อวาน 

   ความจริงจ้อยไม่ต้องลำบากลำบนมาอาบไกลถึงท้ายสวนแบบนี้ก็ได้  ท่าน้ำหน้าเรือนก็มี  ท้ายเรือนก็มี  ถ้าไม่ติดตรงมีไอ้ตัวจัญไรมันชอบมาด้อมๆ มองๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  หะแรกมันก็ลอบมองจากหน้าต่างห้องนอน  แต่ยิ่งนับวันยิ่งรุกหนัก  บ้านช่องออกใหญ่โต  ทำไมมันต้องจำเพาะมาวนเวียนอยู่แต่ที่ตีนท่า  เจาะจงเวลาตอนที่จ้อยอาบน้ำทุกคราไป  มายืนเต๊ะจุ๊ยดูดบุหรี่บ้าง  เอารถเครื่องมาขัดๆ ถูๆ บ้าง  หรือไม่มีอะไรจะทำก็มานั่งผิวปากรับลมเสียเฉยๆ  อย่ากระไรเลย  แค่นึกถึงหน้ามันจ้อยก็สะอิดสะเอียนเหลือทน 

   ท้ายสวน  จ้อยวางขันและผ้าผลัดลงบนท่าเล็กๆ ที่น้าเวกต่อยื่นลงไปในคลอง  ด้านหลังเป็นลำประโดงคดเคี้ยว  มะพร้าวเอย  มะม่วงเอยปลูกเรียงกันเป็นแนว  ฝนซา  แดดส่อง  ปลาซิวลง  พวกมันว่ายตามน้ำวนเวียนมาเป็นฝูงๆ นับพันนับหมื่นตัว  ข้างท้องของมันเป็นสีขาว  สะท้อนกับน้ำและแสงแดดเป็นประกายวับๆ  พืชผักทั่วไปที่เกิดในน้ำต่างทอดยอด  ผักบุ้ง ผักกระเฉด  ผักแว่นยอดอวบขาวสะอาด  พอเด็ดหรือหักคงจะเกิดเสียงดังเป๊าะกรอบน่ากิน  จนจ้อยอดใจไม่ไหว  มือข้างที่ไม่เจ็บรวบผ้าขาวม้าถลกขึ้นสูงจนเห็นต้นขาขาวสะอาดราวหยวกกล้วย  เดินดุ่มลงน้ำเลาะตลิ่ง  ก้มๆ เงยๆ เด็ดยอดผักบุ้งเอาไปให้น้าแป้นทำกับข้าวมื้อเย็น
   คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเก็บผักหารู้ตัวไม่  ใครคนหนึ่งย่องตามติดมาเงียบเชียบ  ณ เวลานี้จะเป็นใครไปได้เล่า

   ลูกชายกำนันอาศัยต้นมะพร้าวน้ำหอมกำบังกาย  เห็นตัวขาวๆ ลิบๆ อยู่ที่ตีนท่า  ไกลไป.. คนตัวโตขยับใกล้เข้าไปอีก  ตัดสินใจลุยน้ำลงลำประโดง  เปียกเปิกไม่สนละ  มือใหญ่เอากอผักบุ้งโปะหัวไว้แล้วโผล่ขึ้นดู  เหมือนนกกระเจ่าเฝ้าปลาทำตาปริบๆ
อู้ฮู.. ไอ้หยั่งที่เขาว่าจาวตาลหรือลูกส้มโออ่อนนั้นอย่ายกมาพูดเลย  บั้นท้ายไอ้จ้อยมันลูกมะพร้าวอ่อนชัดๆ  ทั้งกลมทั้งครัดเคร่ง  ยามผ้าขะม้าเปียกลื่นแนบเนื้อเมื่อไร  ไอ้สิงห์หวิดจะขาดใจตายอยู่กลางลำประโดง  เนื้อตัวหรือเล่า  ขาวสะอ้านปานจะเย้ยมะลิให้ได้อาย  ไอ้ตุ่มไตสีแดงเรื่อนั่นก็ชูเชิด  เหมือนกะจะบีบหัวใจนักเลงหนุ่มให้ยุบลงไปเดี๋ยวนั้น

   ช้าก่อนไอ้ฉิบหาย!  นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดอกุศล  มือ!  มือน้อยๆ ข้างนั้น  มือที่หมอสั่งนักสั่งหนาว่าห้ามโดนน้ำ 

   แล้วไอ้ตัวดีทำอวดเก่งลงไปเก็บผัก  มือมันจุ่มน้ำไปบ้างหรือยังวะนั่น!?

   ความห่วงหาสั่งไอ้นักเลงโตให้คลานกระดืบๆ ขึ้นตลิ่งทั้งกอผักบุ้งยังเต็มหัว  ใบไม้แห้งส่งเสียงดังกรอบแกรบ  เป้าหมายที่ซุ่มมองอยู่นานหันขวับ  ชะรอยจะคิดว่าเป็นตัวอะไรที่ชอบลากไก่ไปกินในน้ำเป็นแน่แท้ 

   พ่อเจ้าประคุณจึงเขวี้ยงก้อนหินมาโดนกบาลไอ้สิงห์อย่างจัง! 

   “โอ๊ย!” ร่างสูงใหญ่ทะลึ่งพรวดขึ้นจากลำประโดง  สารรูปดูไม่ได้  เปียกปอนทั้งตัว  ผักบุ้งคาหัวหู  จอกแหนติดเต็มตามแผ่นอกเปลือยเปล่ากำยำ 

   เจ้าตัวจ้อยตกตะลึงตาเบิกโพลง  เห็นตัวเหี้ยจริงๆ มันยังตกใจน้อยกว่านี้อีกกระมัง  มือเล็กคว้าขัน  ทำท่าจะเดินหนีไปให้พ้นๆ  หากไอ้สิงห์โจนพรวดเดียวถึงตัว  ฝันไปเถิดว่าจะยอมให้หนีไปง่ายๆ  มันมาซ้ายสิงห์ก็ดักซ้าย  มาขวาสิงห์ก็ดักขวา  สุดท้ายก็จนมุมอยู่บนท่านั่นแหละ

   สองแขนเล็กกอดตัวเองไว้แน่นราวจะปิดบังนวลเนื้อขาวเนียนให้พ้นจากสายตาเขา  ดวงตาดำจ้องมาราวจะกินเลือดกินเนื้อ 

   “มาทำไม!” ไอ้ตัวเล็กตะคอกถาม  ถอยร่นจนอีกก้าวเดียวก็คงตกน้ำตูม 

   นักเลงโตเงอะงะ  หาคำตอบไม่เจอ  ลงท้ายก็ขายผ้าเอาหน้ารอด “มาเก็บผักบุ้ง!” มือใหญ่คว้ากอผักบุ้งที่ติดตามหลังไหล่ยื่นให้ดูด้วยเอ้า!  หากพอเห็นสภาพกระจะตาแล้ว..

   เก็บผักบุ้งบ้านมึงซีไอ้สิงห์  แก่หง่อมจนใบเหลืองเหนียว  ควายยังเคี้ยวไม่ขาดเลย!

   “เอ็งจะอาบน้ำเรอะ” เข้าเรื่องเถิดจะเกิดผล  น้องไม่ตอบคำ  หน่วยตาดำยังซ่อนแววระแวง “หมอไม่ให้แผลโดนน้ำ  เอ็งจะอาบเองยังไง” พี่แกว่งมือลงล้างในน้ำคลองใส  ก่อนคว้าขันจ้วงน้ำเตรียมพร้อม “มา เดี๋ยวข้าอาบให้”

   “ไม่ต้อง!” คำตอบทันควัน  กอดรั้งตัวเองแน่นขึ้นอีก  ลูกตาลนลานส่องหาทางหนีทีไล่  ไอ้สิงห์หรือจะปล่อยให้รอดเงื้อมมือ  คนตัวโตยืนจังก้าเต็มท่าน้ำ  มือแกร่งคว้าแขนกระชากเข้าหา  พูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องก็คงต้องใช้กำลัง 

   “ปล่อยกู!” ร่างเล็กดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต  ทั้งผลักทั้งถีบพัลวัน  นักเลงโตรำคาญสุดแสน  นี่ถ้ามือมันไม่เจ็บละก็คงได้มียันโครมลงน้ำกันบ้าง 

   แต่ในเมื่อทำคนไม่ได้  แล้วอะไรเอ่ยรับกรรม?

   “โว้ย!” เสียงกร้าวสบถด้วยโทสะ  มือใหญ่เขวี้ยงขันสาครลอยหวือไปกลางคลอง  ขันใบน้อยลอยเท้งเต้งอยู่บนกอผักตบเขียวขจี “เก่งนักก็ไปเอามาสิไป!”

   เอาซิเอา  อยากดูน้ำหน้า ‘คนเก่ง’ นัก

   ‘คนเก่ง’ เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง  กัดริมฝีปากแน่น  และแล้ว.. สายตาคู่นั้นก็มองมา.. มีรอยรื้นน้ำ.. สายตาแบบนั้น.. สายตาเหมือนลูกสัตว์ตัวเล็กๆ โดนรังแก

   “โธ่โว้ย!”

   นักเลงหนุ่มไม่เคยรู้สึกทุเรศตัวเองเท่านี้มาก่อนในชีวิต  เขวี้ยงขันมันไปเพื่ออะไร  เพื่อให้อีกชั่วอึดใจก็ว่ายน้ำตาลีตาเหลือกไปเอาขันคืนให้มันเช่นนี้น่ะเรอะ?!

   “เอ็งมันรั้น!” หัวหน้าอันธพาลหอบแฮ่กขณะตะกายกลับขึ้นท่า  หยดน้ำเกาะพราวทั้งหลังไหล่  กางเกงขาก๊วยแนบเนื้อรัดท่อนขากำยำ  เขาแอบเห็นคนแสนรั้นเบือนหน้าหนี  “รู้ไหมถ้าแผลโดนน้ำจะเป็นยังไง  มือเอ็ง.. สักพักจะกลัดหนอง  เป็นแผลเน่า  แมงวันบินมาหยอดไข่  สักพักก็หนอนไต่ยั้วเยี้ย  กลายเป็นไอ้มือเน่า  แล้วหมอก็จะตัดมือเอ็งทิ้ง!”    เขาขู่เป็นเรื่องเป็นราว  รอยสบใจฉายชัดในแววตาเมื่อเห็นนวลหน้าผ่องใสเจื่อนลงๆ “แล้วเอ็งจะเอามือที่ไหนเขียนหนังสือ!”

   คำนั้นดั่งตอกตะปูปิดฝาโลง 

   นักเรียนครูยกมือตัวเองขึ้นดูอย่างชั่งใจ  ใจ.. ที่เริ่มเอนเอียง  สักพัก.. ก็ยอมนั่งลงอย่างว่าง่าย 

   “หันหน้ามา” ไม่รู้มันจะหันหลังให้หาพระแสงอะไร  ต้องให้ดุให้ว่ามันถึงยอมอิดออดหันหน้ามาหา  แก้มสะท้อนแดดใส  นวลเหมือนแป้งในใบตองอ่อน  ขนตายาวเป็นแพเหนือดวงตาที่ไม่ยอมมองมาสักนิด 

   น้ำขันแรกราดลงไหล่  เจ้าตัวจ้อยนั่งนิ่งยอมให้ราดน้ำแต่โดยดี  แต่พอมือหยาบแตะแขนมันยกขึ้นเท่านั้น

   “อย่าจับ!” เสียงเล็กขู่ฟ่อ  ถ้าเป็นแมวคงขนพองไปทั้งหัวหาง 

   “อยากจับตายห่าละ  แขนเล็กยังกะแขนลิง!” พี่ว่าเข้าให้  ผลักหัวน้องไปที  “เอ้า จะถูตรงไหนก็ถู เดี๋ยวราดน้ำให้”

   เป็นการอาบน้ำที่สุดแสนชุลมุนชุลเก  แค่จะถูหลังให้  คนเจ็บก็โมโหแย่งขันคืนมา  โขกกบาลไอ้สิงห์เข้าเต็มรัก  แถมตอนจะผลัดผ้า  สิงห์เอาผ้าขาวม้าผืนที่เตรียมมาพันเอวเล็กไว้  สั่งให้น้องจับปมให้ดี  ก่อนมือใหญ่ล้วงเข้าไปกระตุกผ้าเปียก  ทำอีท่าไหนไม่ทราบได้  ผ้าเปียกผ้าแห้งหลุดผลั่วะออกมาพร้อมกันเผยเนื้อสะโพกขาวสล้างไปกว่าครึ่ง  สิงห์ตะลึงจ้องตาเหลือก  ขณะที่น้องโมโหควันออกหู  รัวทุบอั้กๆ ไปตามหลังไหล่ล่ำสัน 

   “โอ๊ยๆๆๆ” เสียงห้าวร้องลั่น  ปัดป้องพัลวัน “เอ็งเห็นข้าเป็นลูกกระท้อนเรอะถึงได้ทุบเอาทุบเอา!” 

   เรียกว่ากว่าจ้อยจะอาบเสร็จ  ลูกชายกำนันก็น่วมไปทั้งตัว

   ดวงตาคู่ใสมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าดงไปลิบๆ  คนประสาท!  ไปมาเหมือนลมเพลมพัด  จ้อยยกมือขวาขึ้นดู  เนื้อตัวสะอาดสะอ้านมีหยดน้ำเกาะพราว  แต่มือข้างนี้ไม่มีแม้ละอองน้ำกระเซ็น 

   จะว่าไป.. ท่าน้ำนี้ไม่ใช่หรือเล่า.. 

   ริมตลิ่ง  ลำพูต้นนั้นยังอยู่  หน้าน้ำขึ้น  กิ่งใบโน้มลงจรดพื้นน้ำ  ตกกลางคืนที่ท่านี้คงเรืองรองไปด้วยแสงหิ่งห้อย 

   กี่หน.. ที่เด็กชายตัวน้อยได้แต่มองเด็กอื่นจับกลุ่มเล่นลูกข่างกันในตลาด  ของเล่นยอดนิยมที่จ้อยได้แต่มองน้ำลายยืด  อยากได้จับใจแต่ก็ไม่กล้าขอเงินยายไปซื้อ  แต่มีมืออบอุ่นของใครคนหนึ่ง  พาจ้อยมาที่นี่ 

   เขาเด็ดลูกลำพูกลมแบนมาให้  เหลาไม้เสียบตรงกลาง  สอนให้จ้อยเล่นแทนลูกข่าง  ยามลูกลำพูหมุนอย่างตั้งอกตั้งใจดั่งนักเต้นเริงระบำ  เกสรสีชมพูเหมือนเกสรม่าเหมี่ยวสะบัดพลิ้ว  เด็กชายตัวน้อยจ้องตาวาวตีมือแปะๆ ชอบอกชอบใจ  ครั้นพอเงยหน้าขึ้น  ก็พบว่า ‘ใครคนนั้น’ จ้องมองจ้อยอยู่นานแล้ว 

   “พี่ฉิง” จ้อยยังพูดไม่ชัดเลย 

   เขาหัวเราะเห็นฟันขาว “พี่สิงห์หรอก  พูดชัดๆ ซี”

   จ้อยยังเด็กมาก  แต่ทุกความทรงจำยังกระจ่างชัด       

   ลูกลำพูลูกหนึ่งร่วงลงสู่คลอง  จ้อยได้แต่มองมันไหลลอยตามกระแสน้ำไป
   
   น้ำไหลไปมักไม่ไหลทวน
   ชีวิตเราไม่มีหวน  ไม่กลับทวนเหมือนกัน


   ชีวิตที่ไม่ต่างอะไรกับอยู่ในกรงขัง  จะหาความเริงใจสักนิดก็หามีไม่  ถึงจะเจ็บแต่จ้อยก็ยังต้องทำงาน  ที่นอกชาน.. จ้อยกับน้ำฝนกำลังช่วยกันรีดกลีบบัวเพื่อเอาไปมวนบุหรี่  แม่หนูน้อยดูจะชอบอกชอบใจกับหน้าที่ปลิดกลีบสีชมพูอ่อน  เกสรหอมละมุน  เรณูที่เป็นละอองเหลืองๆ ติดเต็มมือกลมป้อมเหมือนผงทอง  สีชมพูอ่อนหวานของกลีบบัวจะหายไปทันทีที่ถูกเตารีดอุ่นๆ นาบ  กลายเป็นสีชมพูอมเทาหม่น

   คงเหมือนชีวิตของจ้อย

   ‘มัน’ ก็ยังวนๆ เวียนๆ อยู่แถวนี้ไม่ห่าง  ประเดี๋ยวก็ให้อาหารปลาในอ่างบัว  ประเดี๋ยวก็เที่ยวไปเคาะๆ กรงนกที่แขวนเรียงราย  สักพัก.. คุณนายพูนทรัพย์ก็กลับมาจากโรงสี  ดูประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งเอ้เต้ติดบ้านก็เป็นด้วย

   “ตาสิงห์ เมื่อวานไปไหนมา” คุณนายถามลูกชายที่เงยหน้าเหรอหราขึ้นมอง “มีคนเห็นเราที่ตลาดหัวรอกับ..กับใครน้า..” คิ้วโก่งดำขมวดย่น  ราวกับกำลังนึกคำพูดที่เหมาะสม “อ้อ! กะท่านชาย  ท่านชายที่มาจากเมืองฝรั่งน่ะ”

   คุณนายเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้หม่อมราชวงศ์เลอมานเสียฉิบ  จ้อยได้แต่ทำงานเงียบๆ  ไม่ได้คิดจะแอบฟังนะ  แต่ลมมันพามาเข้าหูเอง 

   มันอึกอักเอ้ออ้า  แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธสักคำ  อย่างนี้นี่เอง.. ที่เมื่อวานมันหายไปทั้งวัน  นึกว่าไปตายโหงตายห่าที่ไหน  ที่แท้ก็ไปเที่ยวกับคุณชายเล็ก 

   มันคงจะเบื่อจ้อยแล้วกระมัง.. ตอนนี้คงกำลังคิดปองดอกฟ้า 

   “ดีแล้วลูกดีแล้ว” เสียงคุณนายเพราะพริ้ง  ไม่ต้องเงยหน้าดูก็รู้ว่ายิ้มบานเต็มหน้า “รู้จักคบค้ากะคนระดับนี้มั่ง  อย่าไปสุงสิงกับพวกขี้ข้าขี้ครอกให้มันมากนัก” ตาคมกริบปรายมาทางจ้อย  ริมฝีปากเหยียดแสยะ “คนมันเกิดมาต่ำยังไง๊ยังไงมันก็ต่ำอยู่วันยังค่ำ  เรียนหนังสือไปก็เท่านั้น  สันดานขี้ข้า!”

   แกไม่ได้เอ่ยชื่อ  แต่หมายถึงจ้อยแน่นอน  หนุ่มน้อยไม่คิดจะต่อคำ  ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง  ทำได้เพียงกลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นจนตื้อลงคอ  มือเล็กยกกระจาดที่เต็มไปด้วยกลีบบัวสีหม่นขึ้น  หมายจะไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ 

   “เดี๋ยวไอ้จ้อย!” คุณนายเรียกไว้ทันที “ผ้าผ่อนเต็มตะกร้า  แกซักหรือยัง”

   “แม่บอกว่ากลับมาจากตลาดจะซักจ้ะ” เด็กหญิงอาสาตอบแทนให้ 

   ปากแดงเหยียดยิ้มแสยะ “แหม้.. วิเศษวิโสเหลือเกิ๊น  กะอีแค่มือเจ็บทำสำออยนักนะ  สบายนักนี่  จะทำอะไรก็มีแต่คนเสนอหน้ามาช่วย” แกว่าเสียงสูง  กอดอกมองบ่าวตัวเล็กด้วยปลายตา  และแล้ว.. คุณนายกำนันก็สั่งให้เด็กหญิงลงไปช่วยพ่อเอาชันยาเรือที่ใต้ถุน  แม่หนูอิดออดอยู่อึดใจ  พอโดนดุเข้าให้ถึงได้ยอมลงเรือนไปแต่โดยดี 

   “ส่วนแก ไอ้จ้อย” นรกขุมไหนจะร่วงลงหัวกบาลจ้อยอีก “เอาผ้าของทุกคนไปซักให้หมด!  เร็วๆ เข้า เดี๋ยวไม่ทันแดด”

   จ้อยชะงักนิ่ง  นั่นประไร  ออกจากแอกก็เข้าไถเลยเชียว  มือขวาที่พอกผ้าพันแผลดูจะทวีความเจ็บขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
 
   “เอ๊ะ ไอ้นี่  สั่งแล้วยังมามองหน้า  รีบไปสิ ไป๊!” ผู้อาวุโสชี้หน้าเท้าเอวไล่ส่ง  ลงแบบนี้จ้อยจะทำอะไรได้  เกิดมาเป็นขี้ข้าก็ได้แต่ก้มหน้าจำทน

(มีต่อจ้ะ :hao7:)

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
นักเรียนครูรวบรวมเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของทั้งกำนัน คุณนายและลูกชายใส่ตะกร้าหวายใบใหญ่กระเตงลงมาที่ลานซักผ้าอย่างทุลักทุเล  คุณนายช่างใจดำนัก  กีดกันคนที่พอจะช่วยเหลือได้ไปหมดสิ้น  ซ้ำยังจงใจสั่งให้ซักผ้าแบบนี้  มือจ้อยจะหนีน้ำไปไหนพ้น

   ลานซักผ้าอยู่หน้าเรือนครัว  หนุ่มน้อยค่อยๆ เตรียมอุปกรณ์ทั้งหลายแหล่  ทั้งเปลสังกะสีหนารูปยาวรี  อ่างเคลือบกลม  และแผ่นคราดไม้หยักช่วยครูดผ้าหนาที่สกปรก  มือเล็กเปิดน้ำผ่านสายยางลงอ่างเคลือบ  เพียงลงมือแยกผ้าเนื้อหนาของกำนัน  และผ้าเนื้อดีบอบบางของคุณนายออกจากกัน  ทันใดนั้น.. อัศวินขี่ควายดำก็มาปรากฏกาย

จู่ๆ มันก็พรวดพราดเข้ามา  แย่งผ้าในตะกร้าที่จ้อยกำลังแยกยกไปวางข้างตัว  ลับๆ ล่อๆ ล่อกๆ แล่กๆ เหมือนกลัวใครเห็น 

   “บอกมาว่าทำยังไงบ้าง” ร่างใหญ่โตเป็นยักษ์มักกะสันนั่งแปะลงบนม้านั่งตัวเล็กหน้ากะละมัง  พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ตีหน้าเหรอหราก็ขู่เสียงเฉียบ “เร็วๆ สิวะ! เดี๋ยวแม่ข้าก็มาเห็นเข้าหรอก”

จ้อยอึกอัก  ทำอะไรไม่ถูก  มันควรแล้วหรือที่เขาจะมาใช้ศัตรูซักผ้าให้  ที่สำคัญ.. วันนี้.. มันช่วยเหลือเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว 
   สิงห์สุดจะทนกับความเบื้อใบ้ไม่ทันใจ  เลยคว้าสบู่กรดก้อนสีฟ้าขาวประเดิมถูลงบนเนื้อผ้า

เสื้อผ้าไหมสีปีกแมงทับของคุณนายพูนทรัพย์!

   “อย่า!” เสียงเล็กร้องห้ามลั่น  มือใหญ่ชะงักกึก  “ของป้าทรัพย์ต้องใช้นี่ซัก” มือบอบบางยื่นโหลแก้วบรรจุผงสีขาวสะอาดส่งให้  นักเลงหนุ่มคว้าไปส่องดู  มีรอยปากกาขีดพร้อมระบุวันที่ซื้อเสร็จสรรพ  ด้วยลายมือผู้เป็นมารดา 

“ส่วนที่เหลือใช้สบู่ซันไลต์” จ้อยชี้ไปทางสบู่สีเหลืองก้อนโตชนิดปาหัวหมาแตก “ยกเว้นกางเกงยีนส์นั่น  ใช้สบู่กรด”
   ไอ้สิงห์ย่นจมูก  ก็พอจะรู้อยู่ว่าแม่เขาหน้าเลือด  แต่คาดไม่ถึงว่าจะขนาดนี้  ผ้าตัวเอง  ใช้แฟ้บราคาแพงซักอยู่คนเดียว! 

อีกอย่างที่คาดไม่ถึง..  ซักผ้านี่มัน.. กินแรงฉิบหาย!!

ทุกทีจ้อยมันซักคนเดียวได้ยังไง  แถมเสร็จแล้วยังมีแรงแต่งเนื้อแต่งตัวไปโรงเรียน  มีแรงเรียนหนังสือทั้งวันอีก  ยิ่งถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์แบบนี้  งานบ้านอีกสารพัดก็กองสุมรอให้ไปจัดการ  จ้อยมันทำได้ยังไง?

หนุ่มน้อยนั่งตาปริบอยู่หน้าอ่างเคลือบพูนฟอง ๒-๓ ใบ  หัวหน้าอันธพาลที่ท้าตีท้าต่อยมาทั้งตำบลกำลังนั่งขยี้ผ้าด้วยเรี่ยวแรงเหมือนวัวควายอยู่ตรงหน้านี่  คิ้วหนาขมวดมุ่น  สายตาแน่วแน่อย่างตั้งใจ  เม็ดเหงื่อผุดซึมตามไรผมดำสนิท  กระทั่งแผ่นอกกำยำจนมันปลาบ  จ้อยนึกละอายขึ้นมา  เพราะนี่มันงานของจ้อยชัดๆ  แต่พอยื่นมือไปแค่หมายจะใช้มือเดียวซักน้ำสะอาดให้เท่านั้น 

“เอ็งนั่งเฉยๆ!” มันขู่เสียงเหี้ยม  ขัดกันเหลือเกินกับมือที่กำลังขยี้เสื้อแพรเนื้อบางเบาจนฟองฟอด “เดี๋ยวมือโดนน้ำ!”
จ้อยเลยได้แต่นั่งนิ่ง  หุบเล็บเก็บเขี้ยวเอาไว้พยศกันวันหลัง 

ไม่ทันไรก็ได้เรื่อง  มือหยาบที่ตะโบมโหมแรงลงกับผ้า  ทำฟองกระเด็นใส่ตาตัวเองเข้าให้!

“โอ๊ย!” มันทำตัวเองนะ  จ้อยไม่เกี่ยว! “แสบตาโว้ย!” มันร้องเป็นควายถูกเชือด  พยายามเช็ดตากับหัวไหล่  จ้อยจะนิ่งดูดายก็กระไรอยู่  อารามตกใจ  ทำอะไรไม่ถูก  จ้อยลนลานเข้าเรือนครัว  คว้ากระปุกเกลือเม็ดเทพรวดเต็มฝ่ามือแล้ววิ่งกลับมาหามัน  อาศัยจังหวะที่มันแหกปาก  จ้อยก็โปะเกลือเข้าปากมันทีเดียวหมดกำ

ทีนี้มันเลยหายแสบตาเป็นปลิดทิ้ง  เปลี่ยนเป็นเค็มขึ้นสมองแทน  หน้าย่นยู่ยี่เหมือนผ้าขี้ริ้วแช่น้ำ  แทบไม่มีสีเลือดที่หน้าเพราะมันคงกรูกันไปเลี้ยงไตหมด 

“เอ็งจะฆ่าพี่รึไง!” มันตวาดใส่  พ่นเกลือในปากใส่จ้อยกราวๆ  จ้อยต้องเบือนหน้าหลบ  นี่จ้อยไม่ได้แกล้งมันนะสาบานได้  อ้อ  แล้วอย่านึกว่าจ้อยห่วงมันล่ะ  ก็แค่กลัวมันตาบอดแล้วจ้อยจะต้องมีภาระดูแลคนพิการขึ้นมาอีกอย่างก็เท่านั้น

   ผลสุดท้ายน่ะหรือ.. เสื้อผ้าทั้งหมดถูกนำขึ้นตากบนราวลวดเรียบร้อย  มือใหญ่คู่นั้นสะบัดผ้าแรงจนน่ากลัวตะเข็บขาด  งานเบาๆ ที่ไม่ต้องถูกน้ำอย่างเอาไม้หนีบผ้าหนีบเสื้อกันไม่ให้ร่วงเวลาต้องลม  เป็นงานเดียวที่มันยอมให้จ้อยแตะ

ลมโบยโบกพัดมา  หอมไอแดดจางๆ  มันเปียกปอนทั้งตัวยังกะไปมุดน้ำที่ไหนมา  ส่วนจ้อย.. เหมือนเดิม.. ไม่มีแม้ละอองน้ำกระเซ็น 

***************************
   
รุ่งเช้า..
เมื่อขอบฟ้าพร่าพราวราวทองทาบ

สิงห์นั่งดูดบุหรี่อยู่ที่นอกชาน  นิ่งมองท้องฟ้าเคลือบสีทองเรืองรอง  บัวหลวงบัวสายบานสะพรั่งกลางคลองสีน้ำตาลอ่อน  หากอยู่ใกล้ๆ คงได้เห็นฝูงแมงปอบินว่อนลอยวน   

เสียงฝีเท้าทำให้นักเลงหนุ่มหันขวับ  ดวงตาสีเข้มนิ่งมองน้องน้อยในชุดนักเรียนครูที่เขาหามาให้  สองมือกอดตำราเรียนที่เขาซื้อมาให้  ชายหนุ่มมองมันด้วยความเต็มตื้น  ท่าทางคงยังไม่รู้ว่าทั้งหมดนั่นเป็นฝีมือเขา ไม่ใช่พ่อ  แต่ไม่เป็นไร  ไม่รู้อย่างนี้แหละดีแล้ว

จ้อยดูประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเขานั่งอยู่ตรงนี้  ใบหน้าอ่อนใสอึกอักเหมือนไม่รู้จะทายทักกันเช่นไร  คนตัวโตลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  “เดี๋ยวไปส่ง”

   “ไปเองได้” ประโยคนั้นสั้น ห้วน หลบสายตา  แถมทำท่าจะเดินหนีลงเรือนไป 

“เดินไป?” เขาถามเสียงต่ำ “กี่ปีชาติจะถึง”

เขาเห็นความลังเลในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน  มือใหญ่ดับบุหรี่โยนทิ้ง  แตะแขนเล็กนำทางไปที่ท่าน้ำหน้าบ้าน “ไปเถอะ เดี๋ยวเข้าเรียนสาย”

ริมฝีปากได้รูปลอบยิ้มสบใจ  เจ้าตัวเล็กต้อยตามติดมาแต่โดยดี  ไม่มีพยศเลยสักนิดเดียว

คลองใสไหลเย็นเงียบสงบ  ต้นไม้ใบหน้าเขียวชอุ่มระบัดใบ  แดดหอมจนไม่มีใครอาลัยฝน  หลั่งลงเคลือบคลุมทุกตารางนิ้วในท้องทุ่ง  ริ้วแดดส่องกระทบผิวน้ำระยิบระยับเหมือนเกล็ดเพชร  งดงาม.. แต่ฝีพายไม่ละสายตาจากสิ่งใด  นอกจากแผ่นหลังเล็กๆ ของคนตรงหน้า  หัวใจอิ่มเอิบพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด

สิงห์แวะที่ท่าท้ายโรงเรียน  มือใหญ่คว้าหัวหลักเหนี่ยวเรือเข้าเทียบท่า  ร่างเล็กที่หัวเรือลุกขึ้นเดินไป  มิวายหันมามองหน้ากัน

   “เอ่อ..” จ้อยก้มหน้างุด  กลีบปากสีเรื่อพึมพำอะไรบางอย่าง  รอบกายสงบจนนักเลงหนุ่มจับใจความได้ว่า..
   
ขอบคุณ...

เท่านั้นก็ผินหลังทำท่าจะเดินจากไป

   “เดี๋ยว!” เสียงห้าวเรียกไว้ทันควัน  เจ้าตัวจ้อยชะงักกึก  หันกลับมามอง  เครื่องหมายคำถามเต็มใบหน้า  ร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นจากเรือ  เดินอาดๆ ไปหา 

   เพียงเพื่อจะปัดเศษใบมะขามที่เกาะอยู่บนไหล่เล็กให้..
   จ้อยนิ่งขึงเหมือนรูปปั้นจนน่าขัน  มือใหญ่คู่นั้นยังสาละวนจัดชุดนักเรียนให้เข้ารูป  ดึงจีบแขนเสื้อจนเรียบสวย  สองมือจับบ่าเล็กไว้  กวาดตามองด้วยความชื่นชม  รอยยิ้มระบายเกลื่อนหน้า

“ตั้งใจเรียนนะครู” เสียงทุ้มละมุนลงกว่าที่เคย  พูดแค่นั้นก็หันหลังลงเรือไป  แต่มิวายมองนักเรียนครูเดินไปจนลับสายตา 

ถึงใจน้องหมองหมางไปอย่างนี้
   แต่ใจพี่ยังรักนั้นหนักหนา
   เหมือนแมงภู่อยู่ที่พุ่มปทุมา
   จะรอรายั้งหยุดนั้นสุดใจ**


***************************

Why does my heart go on beating?
Why do these eyes of mine cry?
Don’t they know it’s the end of the world?
It ended when you say goodbye***

   
“โอ๊ย ทำไมเพลงมันเศร้าแท้” สง่าโอดขึ้นหลังจากเลอมานเดินออกจากห้อง  เสียงเพลงจากแผ่นไวนีลยังดำเนินไป  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ออกมายืนมองท้องฟ้านอกห้องเรียน  เสียงพวกนักเรียนบ่นยังลอยมาเข้าหู  ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าหรอก  เดี๋ยวนี้ทุกคนเกรงใจเขาขึ้นเยอะ  บรรยากาศในห้องเรียนเมื่อมีเขาอยู่หน้าชั้นสงบเงียบขึ้นมาก  ไม่มีใครแซว ไม่มีใครพูดยวนกวนโมโห  เขาเองก็ไม่ต้องปาชอล์คใส่ใคร  แค่ดำเนินการสอนไปเงียบๆ ให้หมดคาบไปวันๆ 
   แต่เลอมานชอบแบบเมื่อก่อนมากกว่า..

บุคคลในวงกลมมิตรภาพของเลอมานดูจะเหลืออยู่เพียงสองจำพวก  หนึ่ง.. เอาอกเอาใจ สอพลอจนเกินไป หรือไม่ก็ สอง.. ไม่แยแส ไม่ใยดีกัน  ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา  แต่ไม่ว่าจะจำพวกไหนก็ตามแต่  ยังความอดสูสู่หัวอกเขาได้เพียงกัน 

คนอื่นทิ้งระยะห่างจากเขายังไม่เจ็บปวดเท่าไร  แต่อาจารย์คนึงนี่สิ  ‘เบื่อ’ งั้นหรือ?  อาจารย์พูดคำนั้นออกมาได้อย่างไร  รู้หรือไม่ว่าแค่คำนั้นก็ทำให้เขานอนน้ำตาเปียกหมอนทั้งคืน  ตอนแรกเขาเข้าใจว่าอาจารย์คงโกรธและหึงหวงที่เขาหายไปกับนายสิงห์ทั้งวัน  คำนั้น.. อาจารย์คงพูดออกมาด้วยความโกรธ 

   แต่พอเวลาผ่านไป  ‘คำนั้น’ มีน้ำหนักขึ้นจนน่าตกใจ  จนแสนปวดร้าว  ทุกอย่างที่อาจารย์ทำ  ทุกคำที่อาจารย์พูด  ล้วนแสดงออกถึงความ ‘เบื่อ’ อย่างชัดเจน  ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป  แม้แต่ดวงตาคู่นั้นยามมองเขา  เลอมานพยายามมองหาความรักที่เคยเปี่ยมล้นอยู่ในนั้น  แต่ก็หาไม่เจอ 

คนเรานั้น.. เมื่อรู้สึกว่าได้รับความรักจะรู้สึกหัวใจพองโต  แถมโลกทั้งใบจะเล็กลงจนเหมือนคว้ามาได้ในอุ้งมือ  แต่พอความรักจางหายไป  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่ามาก็กลับตรงข้ามกัน  โลกใบเดิมขยายขนาดขึ้น  แต่หัวใจถูกบีบจนเล็กลงๆ  ท่ามกลางโลกกว้างใหญ่  เลอมานกลับอ้างว้างเหมือนถูกทิ้งไว้อยู่เดียวดาย

เด็กหนุ่มไหวไหล่เพื่อจะรั้งตัวเองอยู่ในอ้อมกอดตน  ราวต้นไม้ขึ้นผิดที่  ผลิดอกผิดฤดูกาล  หรือสายน้ำหลงทางวกเวียนขึ้นดิน  มีแต่จะระเหยหายไป  มีแต่จะกลายเป็นของแปลกปลอม  กลับบ้านดีไหม  หรืออยู่ที่นี่  อยู่กับผู้ชายที่มอบความรักแสนหวานให้  แต่ก็เปลี่ยนแปลงจากเทพบุตรเป็นซาตานในชั่วข้ามคืน 

อย่างเมื่อเช้านี้  อาจารย์ใหญ่ประกาศประชุมอาจารย์ทุกคน  รวมถึงอาสาสมัครฝึกสอนเช่นเขาด้วย  ขณะนั่งกลางวงล้อมผู้ชายเจ็ดแปดคน  แม้ทุกคนจะพูดคุยกันอย่างรื่นเริงสนิทสนม  เด็กหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแปลกหน้า  เคว้งคว้าง.. ราวเก้าอี้ที่นั่งอยู่เป็นสิ่งเดียวในจักรวาล 

คนึงเหลียวมาหา  เลอมานส่งสายตาไถ่ถาม  ก่อนหน้านี้แค่ขยับตัว  คนึงก็เข้าไปเดินกลางใจ  แต่เวลานี้  เขาเบือนหน้ากลับไปฟังอาจารย์ที่นั่งข้างๆ อย่างตั้งใจ 

ผลการประชุมหรือ?  ทุกคนมีรายงานการปฏิบัติหน้าที่ของตนถ้วนหน้า  ยกเว้นเขาเพียงคนเดียว  อาจารย์ใหญ่ซึ่งปกติใจดีมาตลอด  แต่หากเป็นเรื่องงาน  ท่านก็ต้องว่าไปตามผิดถูก  หม่อมราชวงศ์เลอมานจึงถูกตำหนิอย่างช่วยไม่ได้ 

ความจริง.. เรื่องนี้เขาผิดเต็มประตู  อาจารย์ใหญ่แจ้งเรื่องนัดประชุมตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์แล้ว  วันที่เขาหายไปกับนายสิงห์ทั้งวันนั่นอย่างไรเล่า  แต่อาจารย์คนึงก็เหลือเกิน  ทำไมถึงไม่ยอมบอกกันบ้าง

ตกเย็น  อาจารย์วิรัชกับอาจารย์ประพนธ์เลยมาออกันเต็มห้อง  อาสาช่วยให้คำแนะนำเรื่องสรุปงานที่เขาต้องทำส่ง  อาจารย์วิรัชก็ยังเหมือนเดิม  ประจบสอพลอเหลือรับ  ใบไม้สะบัดพลิ้วได้เพราะลมฉันใด ลิ้นอ.วิรัชก็พลิ้วได้ด้วยผลประโยชน์ฉันนั้น  อย่างที่ใครสักคนกล่าวไว้ว่าพวกลิ้นกระดาษทราย น้ำลายเชลแล็คไม่มีผิด 

ไม่อย่างนั้นจะมากระซิบบอกเขาหรือว่า.. “กลับอังกฤษไปแล้ว  อย่าลืมฝากฝังกระผมกับท่านพ่อเรื่องงานในสถานทูตด้วยนะขอรับ”

   “อาจารย์คนึงไปไหนเล่า  ทำไมไม่มาช่วยสอนคุณชาย” อาจารย์ประพนธ์ถามเมื่อเหลียวรอบห้องไม่เห็นแม้เงาของสมาชิกร่วมห้องอีกคน

หม่อมราชวงศ์หนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดฝืน  ตอบไม่สบตา “ไม่รู้สิครับ  เขาคงงานยุ่ง” อย่าว่าแต่คนอื่นเลย  แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าอาจารย์ไปไหน  ระยะนี้ตกเย็นไม่ค่อยเห็นหน้ากันเหมือนเคย  แถมบางคืน.. กว่าอาจารย์จะกลับเขาก็หลับไปแล้วด้วยซ้ำ

   “นั่นสินะ  เห็นว่าต้องเตรียมงานทำบุญกระดูกให้จินดานี่” อาจารย์ประพนธ์ว่า  เด็กหนุ่มสูงสักดิ์ชะงัก  เสียวยอกในอกโดยไม่รู้เหตุ  แค่เพียงได้ยินชื่อนั้น.. จินดา..

“ศิษย์รักเขานี่นะ” อาจารย์วิรัชเสริม

“งั้นหรือครับ”

“ตอนยังอยู่ละก็ทั้งรักทั้งหวงเชียวละ” อาจารย์ประพนธ์เล่าให้ฟัง  ความจริงที่เลอมานเองก็ไม่เคยรู้ “พอไม่อยู่แล้วทำอาจารย์คนึงกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย  จนคุณชายมาอยู่ได้สักพักละถึงดีขึ้น” ว่าพลางชี้นิ้วไปทางเตียงนอน “เมื่อก่อนจินดาก็นอนเตียงคุณชายนี่ละ”

“อย่างว่า  เขาเห็นกันมาแต่เด็ก  คนึงเขาสอนจินดามา  พอเรียนจบก็ได้มาฝึกสอนโรงเรียนเดียวกันอีก” วิรัชว่า “ถ้าสักคนเป็นผู้หญิง  แห่ขันหมากคงดังทั่วทุ่งไปแล้ว”

“จะเป็นผู้หญิงได้ยังไง  นี่โรงเรียนชายล้วน”

“นั่นสินะ ฮะๆๆๆ”

   “เอ้อ ว่าแต่คุณชายจะไปร่วมงานบุญด้วยไหม  นี่อาจารย์คนึงเขาชวนพวกผมด้วยนะ” ประพนธ์หันมาชวนเขา  เล่นเอาคุณชายอึ้งไปอีกรอบ..

ทุกคนรู้กันหมด  แต่อาจารย์คนึงไม่เคยบอกเขาเลยสักคำ  ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้กระมัง

***************************

คนึงกลับห้องพักตอนสามทุ่มกว่า  หลังจากมัวคุยกับยายช้อยที่บ้าน  พยายามถ่วงเวลาจนเห็นว่ารบกวนแกเกินไป  จึงขอตัวกลับ  แต่ยังมิวายโอ้เอ้อยู่กับวงเสวนาของอาจารย์ใหญ่  เขาไม่อยากกลับถึงห้องพักเร็วนัก  เหตุผลสำคัญ.. เขาไม่อยากกลับห้องมาเห็นหน้าใครบางคน 

ร่างสูงใหญ่เดินฝีเท้าเบากริบขึ้นกระไดกลับไปที่ห้อง  ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีแว่วมาจากตึกนอนของนักเรียน  มือหนาผลักประตูเปิดออกแผ่วเบา  ไฟในห้องยังสว่าง  เลอมานคงเปิดไว้รอเขา  นัยย์ตาสีเข้มอ่อนแสงลง  อดสะท้อนใจไม่ได้ 
   ร่างนุ่มละมุนหอมกรุ่นฟุบหลับอยู่กับโต๊ะหนังสือ  ดูท่าคงตรากตรำกับงานที่อาจารย์ปรีชาสั่งพอตัว  ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นปากกายังคาอยู่ในหว่างนิ้วเรียวขาว  ชายหนุ่มค่อยๆ หยิบออกให้  แล้วนั่นอะไร  สิ่งที่เจ้าเด็กดื้อเอาหน้าทับไว้  รายงานผลสรุปการเรียนการสอนประจำปี  คนึงค่อยๆ ดึงออกแผ่วเบา  เอามาอ่านอย่างตั้งใจ  ไม่ไหว  ขนาดฝากให้วิรัชกับประพนธ์มาช่วยสอนให้ก็ยังทำผิดอยู่หลายจุด  ภาษาไทยก็ยังเขียนผิดๆ ถูกๆ  อาจารย์หนุ่มส่ายหน้าให้ความไม่เอาไหน  ก่อนคว้าปากกามาแก้ไขให้เท่าที่พอจะทำได้

“อาจารย์..” สีปากพลิ้วราวกับจิ้มลิ้นจี่แต้มละเมอเรียกเขาแผ่วเบา  เปลือกตายังคงปิดสนิท  คนึงได้แต่ทอดมองนิ่งงัน  ฝันถึงเขาอยู่หรือเปล่าหนอ  ถ้าฝันอยู่  ก็อย่าเพิ่งตื่นขึ้นมาพบความจริงอันโหดร้ายจากผู้ชายคนนี้เลย 
   กลิ่นกายหอมสะอาดกระทบนาสิกประสาทจนคนึงยากจะหักใจข่ม  ปลายจมูกโด่งเป็นสันก้มลงหมายจะสูดกลิ่นหอมที่แสนอาลัยกักเก็บไว้ในหัวใจส่วนที่ลึกที่สุด

“อือ..” เด็กหนุ่มครางในคอแผ่วเบา  คนึงรีบผงะออกห่างทันใด  และแล้วเปลือกตาบอบบางก็กะพริบปริบ 

คุณชายตื่นเต็มตา  ตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าผู้มายืนตรงหน้าเป็นใคร “อาจารย์มานานแล้วหรือ”

คนึงไม่ตอบคำ  สายตาเย็นชาเข้ามาแทนที่แววตาอ่อนโยนเมื่อครู่เสียสิ้น 

ตัดบัวอย่าเหลือใย  ตัดใบอย่าเหลือขั้ว!

บุตรชายท่านทูตถอนใจพรู  พบเจอความเย็นชาแบบนี้มาบ่อยแล้วก็จริง  แต่เขายังทำใจให้ชินไม่ได้เสียที 

“เห็นอาจารย์ประพนธ์บอกว่าจะจัดงานทำบุญให้.. จินดาหรือครับ” เขาพยายามชวนคุย  ไขว่คว้าหาความจริงในคราเดียวกัน  “ผมไปด้วยคนได้ไหม”

แล้วนี่หรือคำตอบที่ได้รับ..

“คุณชายไม่ต้องยุ่งหรอก  จัดการเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” อาจารย์ตอบเหมือนไม่ยี่หระสักนิด “แต่คงไม่มีปัญหาแล้วสินะ  ได้ข่าวว่าอาจารย์วิรัชกับอาจารย์ประพนธ์มาสอนถึงในห้องนี่”

   “ผมทำไม่เป็น..” เลอมานตอบอุบอิบ  หยิบรายงานบนโต๊ะขึ้นดู  เอ.. ใครมาเขียนแก้ให้เต็มไปหมด  อาจารย์ประพนธ์กระมัง

“คุณชายนี่ดีจริงนะ  ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เคยสิ้นไร้ไม้ตอก  มีแต่คนเอ็นดู” ถ้อยคำเสียดสีเห็นได้ชัด  ครั้นเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นตาความเหยียดหยัน  นั่นใช่สายตาอาจารย์คนึงหรือ? “อยู่อังกฤษก็มีพี่ชานนท์  มาอยู่นี่ไม่ทันไรก็คว้าเอาผม  สักพักก็มีนายสิงห์มาหาถึงห้อง  อีกวันก็มีประพนธ์กับวิรัชมาประจ๋อประแจ๋  สนุกมากไหม”

ความเงียบงันไหลบ่าเข้ามา  เลอมานพูดไม่ออก  แม้ลมหายใจยังติดขัด  สายตาพร่าพรายคล้ายเมฆหมอกบดบัง  อาจารย์เป็นอะไร  พูดจาตัดรอนหัวใจเขาได้ไม่เว้นวัน  เขาไปทำอะไรให้  พูดมาแต่ละคำ  เหมือนไม่ใช่คนรักกัน 

   เหมือนเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหน..

   “อาจารย์พูดอะไร..” เด็กหนุ่มริมฝีปากสั่น “เล็กรักอาจารย์คนเดียว”

“หึ” คนึงหัวเราะขึ้นจมูก  ผินหลังทำท่าจะเดินหนี  หม่อมราชวงศ์หนุ่มทิ้งยศศักดิ์ทั้งปวงกองไว้  ปรูดไปคว้าแขนแกร่ง  ทวงถามอย่างไร้ศักดิ์ศรี “อาจารย์เป็นอะไรไป  เรารักกันไม่ใช่หรือ”

ชายคนรักหันหน้ามา  ยิ้มเยาะหยันทั้งดวงตาอย่างเลือดเย็น 

“ตลกดี  แค่ได้นอนด้วยกันก็นึกว่ารักกัน”

   ในดวงตาที่เคยสัญญาฝากใจ
กลับมีน้ำตาอาบไว้ ล้นเอ่อ
เก็บน้ำตาเอาไว้ทำไม ร้องไห้สิเธอ
เพื่อเธอจะยิ่งเกลียดฉัน..

   

โปรดติดตามตอนต่อไป
__________________________________________________________________________
*คนเลวของเธอ, กวี สัตโกวิท คำร้อง, ชรินทร์ นันทนาคร ขับร้อง
**พระอภัยมณี, สุนทรภู่    
***The End of The World, Skeeter Davis



ช่วงดอกไม้เม้ามอย :L2:

เอิ่ม... ๑..๒..๓..๔... (นับนิ้วงึมงำ) ๒๐ วันพอดีเป๊ะเลยค่ะ สำหรับเวลาในการเขียนครึ่งหลังนี้
ห่างจากครึ่งแรกที่อัพไป ๒๐ วัน ไม่ทิ้งช่วงเป็นเดือนแล้วนะเอ้อ
ดอกไม้จะพยายามนะคะ จาก ๒๐ วัน ต่อไปจะให้เหลือ ๑๕ วัน ๑๐ วัน และจะพยายามเป็น ๗ วันต่อตอนให้ได้เลย ฮูเร่!

รักคนอ่านเหมือนหนมตาลรักใบตอง

ดอกไม้ค่ะ
๒๓ มี.ค. ๕๗

ปล. ไม่ทันได้ตรวจคำผิดเลยค่ะ ขออภัยถ้าอาจมีบ้างนะคะ เดี๋ยวว่างๆ จะมาตรวจทานแก้ไขอีกทีเน้อ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
จะร้องให้เศร้าเหลือเกิน  ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น  แต่ก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้ารักกันต่อไปแล้วจะทำยังไงกับครอบครัวของเล็ก  ฝ่ายนั้นจะยอมเหรอ  เรื่องนี้จบ แฮปปี้ไหมเนี้ยยย :เฮ้อ:  รอคุณดอกไม้ทำตามที่มุ่งหวัง 55 จาก 20 เป็น 10  แล้วเหลือแค่ 7 ถึงวันนั้นจุดพลุฉลองด้วยความปิติยินดี :mc4:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
สงสารเลอมาน คนึงคิดว่าทำแบบนี้ดีแล้วจริง ๆ หรือ สิงห์น่ารัก จ้อยเมื่อไรจะใจอ่อนนะ

ออฟไลน์ Nemasis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
พี่ฉิงกับน้องจ้อยน่ารักมากกกก แอบหวาน แม้เพียงนิดๆหน่อยๆก็ชุ่มชื่นใจ

คู่หลังนี่สิหนทางมืดมนมาก จะเจอแสงสว่างที่ปลายทางมั้ย สงสารทั้งครูคนึงทั้งเล็ก T_T

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
สงสารคุณเล็กอ่ะ อย่าจบเศร้านะคะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คู่พี่สิงห์-น้องจ้อย กำลังจะเบ่งบาน ด้วยความมานะอดทนของพี่สิงห์
ส่วนคู่อ.คนึง-ชายเล็ก กำลังจะเฉาตาย มันน่าจะมีวิธีที่จากกันได้โดยไม่ต้องทำร้ายกันสิ

ออฟไลน์ Yforever

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พอคู่พี่สิงห์-น้องจ้อยเริ่มจะดีขึ้น
คู่ อ.คนึง-คุณชาย ก็ทำเราน้ำตาไหลอีกละ  :sad4:

ปล.ดีใจกับสถิติการอัพที่เร็วขึ้นของดอกไม้ค่าาา

kissazazel

  • บุคคลทั่วไป
อีกคู่อาการค่อยๆ ทุเลาลง

แต่อีกคู่นี่สิ อาการทรุดลงเรื่อยๆ

อย่าให้ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อเลยนะ คุณดอกไม้

อิฉันใจไม่ดี

ปล.ขึงป้ายเชียร์พี่สิงห์สุดใจ ความดีชนะทุกสิ่ง พี่สิงห์เป็นคนดีแบบนี้ให้ตลอดนะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :sad4: คนึง...ใจร้ายเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ punomenon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
*บีบคออาจารย์คนึง*  :fire:

ประโยคสุดท้ายนั่น แรงงงงงง ร้ายยยยยยยย ขอกรีดร้องงงงงงง!!!

ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ คิดเองเออเองแบบสุดๆอ่ะ
ไม่มีใจจะสู้เพื่อเลอมานเลยเหรอ แค่นี้ก็ยอมแพ้ซะแล้ว
แบบนี้เขาไม่เรียกเจียมตัว แต่เขาเรียกปอดแหกนะคะอาจารย์ (อินมาก)
พอมีอุปสรรคเข้าหน่อยก็ตัดใจซะแล้ว แถมยังทำร้ายจิตใจกันอีก
ไม่สู้ก็บอกไปตรงๆเถอะค่ะว่าไม่สู้ อย่าทำร้ายอีกฝ่ายเลย มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
ก่อนหน้านี้อจารย์ก็ใจร้ายกับเลอมานไปตั้งเท่าไหร่ เลอมานยังรัก
ของแค่นี้ไม่ทำให้เลอมานตัดใจหรอกค่ะ คิดบ้างสิคะ

โอ๊ยยยยยยย ขอยาดมหน่อย 555555555 :sad4:

fern_event

  • บุคคลทั่วไป
แอบซุ่มอ่านมาตั้งนาน ได้มาสมัครไอดีก็เพราะเรื่องนี้แหละ...
ฮืออออ สงสารคุณชายเล็ก อาจารย์คณึงใจร้ายยยย ตัดรอนความรักของคุณชายได้ลงคอ
ทำแบบนี้มันไม่น่ารักเลยนะคะ น่าให้สิงค์หักคอจิ้มน้ำพริกเสียให้เข็ด
รอนะคะ จะอัพทุกวัน สิบวัน สิบห้าวัน เดือนนึง สามเดือน หรือปีนึงก็จะรอ ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ไรท์สู้ต่อไปนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด