องก์ที่ 20
เย็นนั้นผมยังไม่ได้ไปกินข้าวกับมันเหมือนทุกครั้ง ผมไม่ได้หลบหน้ามัน แต่ผมรู้ตัวเองดีว่า ถ้าเจอมันตอนนี้ ไม่มันหรือผมก็ต้องแหลกกันไปข้างนึง
ไม่ใช่เพราะว่าไปหึงหวงอะไรมัน เพราะผมเองก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับมันซักหน่อย แต่ผมรู้สึกโหโม ที่มันมาหลอกผม แล้วก็ไม่รู้จักดูแลคนของตัวเองให้ดีกว่านี้
ไม่ใช่ว่าผมจะฟังความข้างเดียวหรอก แต่ถ้าให้ผมฟังมันตอนนี้ จะเหมือนว่ามันแก้ตัว เพราะฉนั้นต้องรอให้ผมสงบลงซะก่อน
แต่ผมก็ยังไม่อยากกลับห้อง ยิ่งไม่มีทีวีให้ดู เดี๋ยวจะยิ่งฟุ้งซ่านไปใหญ่ ผมเลยเลือกที่จะมาเดินเล่นในห้างแถวๆนั้น อย่างน้อยได้เดินดูอะไรเพลินๆ คงจะช่วยให้อารมณ์ผมดีขึ้น ผมหวังอย่างนั้นจริงๆ
ผมแวะหาข้าวกินที่ food center จากนั้นก็ไปนั่งกิน ไอติมสเว่นเซ่น (โปรโมชั่น59.-) แล้วก็แวะเข้าร้านขนมปังยามาซากิ กาโตเฮ้าร์ แต่ก็ไม่ได้อะไรติดมือ ผมเลยเลือกที่จะเข้าร้าน S&P อย่างน้อยมันก็มีเค้ก(ผมชอบเค้กมาก.....แต่ไม่มีตู้เย็น ก็เลยซื้อไปเก็บไม่ได้...เสียดายจริงๆ) เวลาผมอารมณ์ไม่ดี ก็จะซื้อของแหลก กินแหลกเลย คงมีหลายๆคนเป้นเหมือนผม ใช่ป่ะ
ช่วงที่กำลังเดินเลือกเค้กอยู่ (อันไหนๆก็น่ากิน
เหอๆๆๆๆ) ก็โดนใครบางคนสะกิด หันกลับไปก็เป็นไอ้หมีฟายนั่นเอง มันเค่นยิ้มให้ผม (ไม่เต็มใจก็ไม่ต้องยิ้ม......พาลเค้าอีก)
ทำไมโลกมันแคบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ขนาดนี้
ผมไม่เลือกแล้ว คว้าเค้กที่อยู่ตรงหน้ามา 2 ชิ้น แล้วก็เดินถือถาดไปจ่ายเงินเลย แต่มันก็ยังเดินตาม มาจ่ายให้ผม
(เงินเดือนมรึงเยอะกว่ากรูไม่เท่าไหร่ ทำเป็นหน้าใหญ่เนอะ......พาลอีกแระ)
ได้เค้กแล้วผมก็เดินออกเลย
“หนุ่ม” มันเรียกผมเบาๆ พร้อมคว้าแขนผมไว้ ไอ้เชี่ยนี่ เดี๋ยวเค้กกรูเละ
“ปล่อยกรู” จริงๆผมอยากจะสบัดแขนออกด้วยซ้ำ แต่กลัวเค้กเละอ่ะ
“ฟังก่อนได้มั้ย” ผมเลยหันหน้าไปจ้องหน้ามัน ก็ให้โอกาสมันหน่อย อย่างน้อยมันก็จ่ายตังค่าเค้กให้
มันก็มัวแต่อ้ำอึ้ง เห็นอาการแบบนี้ ผมเองก็ยิ่งหงุดหงิด
“หมดเวลา” คราวนี้ผมสบัดมือมันออก แล้วเดินออกจากห้าง แต่มันก็ยังเดินตามผมมาไม่หยุด ผมสุดกลั้นแล้วจริงๆ
“มรึงจะเอาไงเนี่ย” ผมหันไปเผชิญหน้ากับผม
ดูมันตกใจ เพราะหน้าตาผมตอนนี้คงดูเอาเรื่องสุดๆ
“มรึงจะพูดมั้ย ถ้าตอนนี้ไม่พูด ก็ไม่ต้องพูดอีกเลย” ผมให้โอกาสมันครั้งสุดท้าย
“ฟังก่อนได้มั้ย”
“แล้วนี่กรูยืนแดกข้าวอยู่รึไง” ปรี๊ดไปแล้ว กู่ไม่กลับแล้วผม
“ก็ถ้ามรึงยังร้อนอยู่แบบนี้ ถึงกรูอธิบายไป มรึงก็ไม่ฟัง จริงมั้ย” เออ จริงของมัน เก่งจริงๆมรึง สามารถทำให้อารมณ์ผมกลับลงมาได้
“อ่ะ กรูดีขึ้นละ มรึงว่ามา”
“ไปคุยที่ห้องได้มั้ย ตรงนี้คนเยอะ” ยังจะมีสิทธิ์เลือกอีก แต่ก็จริงอีกแหละ ผมกับมัน กำลังเป็นจุดสนใจ และในช่วงที่ผมกำลังเดินถึงหน้าหอ โดยมีมันเดินตามมาติดๆ
ติ๊ด...ตี่.....ตะละลิคติด............... เสียงโทรศัพท์มือถือผม เป็นเบอร์ขึ้นด้วย 02 อารมณ์ยิ่งไม่ดีอยู่
“ครับ” ผมกดรับอย่างเสียไม่ได้
“น้องหนุ่ม นี่พี่เองนะ” พี่ไหนวะ
ผมเงียบ………….
“แฟนทศไง” ไอ้หน้าปลาไหลนี่เอง (เรียกเค้าซะเสีย)
“ว่าไงครับ” จะเอาไรกะกรูอีกมรึง
“พี่จะโทรมาบอกว่า ถึงน้องจะไปฟ้องทศ เค้าก็คงไม่สนใจหรอกนะ เพราะเค้ารักพี่มาก”และก่อนที่ไอ้หน้าปลาไหลมันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีนิสัยลักกิน ขโมยกินของใคร พี่เองก็ควรจะเอาเวลาไปใส่ดูแลแฟนตัวเองให้มากๆ ดีกว่าที่จะมาคอยบอกผมแบบนี้นะ” เอาซิ๊ ครั้งนี้ผมไม่ยอมให้มันพูดฝ่ายเดียวหรอก
“เออ มรึงเข้าใจก็ดี ผัวกรู.......” เปลี่ยนลักษณะการพูดไปเลย เฮ้อ ......และก่อนที่มันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้หมีฟายมันฟัง
ผมไม่รู้หรอก ว่าไอ้หน้าปลาไหลมันพูดอะไรบ้าง แต่ที่รู้ๆ คือไอ้หมีฟายหน้ามันเครียดเลย แต่ผมก็สะใจเป็นบ้า
เล่นกับใครไม่เล่น
มันไม่พูดอะไรซักคำ ได้แต่ยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันอีกแล้ว ผมเดินขึ้นห้อง มันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จบกันซักที ไม่ต้องอธิบาย ไม่ต้องร่ำลา ตั้งแต่พรุ่งนี้ มรึงกับกรู ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป.........