hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มตัวละครไหนมากที่สุด?

ซันนี่
ซินเซียร์
ไอ้เอี้ยฟ้า
ไอ้บ้ากาย
อิเมย์บี

ผู้เขียน หัวข้อ: hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]  (อ่าน 1235761 ครั้ง)

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
จัดโคเนโร่มาเป็นมือที่สามคู่ฟ้าซันเลย
อยากหายหัวไม่ตามติดดีนัก

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
สิ่งที่ สัตว์นรก นั่นทำ ไม่สมควรได้รับการอภัยจริงๆ


แต่ ถ้าเป็นอย่างพี่คิรินพูด ปล่อยมันไปเถอะ ซันนี่ ซินเซียร์ "ปล่อยให้มันสำนึกผิดกับบาปที่ไม่ได้รับการอภัย" แค่นี้ทั้งชีวิตของมันก็คือการทรมานตลอดชีวิต



“เรา..ควรจะทุ่มเทความสำคัญให้กับคนที่รัก...ไม่ใช่คนที่เกลียด....หรืออดีตที่ชิงชัง.. ฉาย”

ชอบมากกกก  o13


เดินหน้าแล้วอยู่กับความสุขแบบพี่คิรินบอกดีกว่า นะแฝด


ปล. โคเน่มา จะดราม่าแล้วใช่ไหมจะได้ไปต้มน้ำ  :oni1: :oni1: :oni1:

ออฟไลน์ my pumpkin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นามสกุลนั้น!!!!!!
พี่ชายของเอี้ยฟ้า~~~~~~ ><

ตอนนี้ฟ้าประทานสาบสูญสินะ มาแต่นาม ไม่เห็นตัว T^T

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
อ๊าาาาา เอี้ยฟ้าก็ยังไม่ได้ออกซักที

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
กร๊ากกกกกกกกก มาเจอ "No" ของซอลลี่ประโยคเดียว(บวกหนังหน้างามๆ)
ทำอิชั้นเพ้อออออออ เนื้อเรื่องที่อ่านข้างบนลืมหมด พระเจ้า!!!


 :กอด1: ลูกเป็ดอยู่ไหนหนอ  :กอด1:

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
เราเข้าใจซันนะ คนถูกกระทำอ่ะ มันลืมไม่ได้หรอก
มันคืออดีตของเรา และมันก็จะยังอยู่ตรงนั้น
แต่ตั้งแต่แฝดมาเจอกับสกายและเมย์บีแล้ว
เราว่าแฝดอยู่กับปัจจุบันมากขึ้นนะ
พอมีฟ้าเข้ามา ก็เก็บเกี่ยวความสุขเป็นด้วย
คิดว่าน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ (ถ้าไม่มีอะไรมาสะกิดให้สะเทือนใจ)

ฟ้าประทานหายไปไหน เป็นห่วงมาก

o oxijan

  • บุคคลทั่วไป
คิรินยังไม่เครียล์ ยั้งจะมีโคโรเนโร่วองโกเล่อะไรเข้ามาเกี่ยวอีกล้ะหน้ออออออออ

 :z2:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
ในที่สุดพี่ของฟ้าประทานก็โผ่ลมาแล้ว :เฮ้อ:

จะเป็นยังไงต่อไปน๊า :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปจ้า :bye2: :bye2: :bye2:

ฟ้าก็ยังไม่มา :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
อืมมม รอตอนต่อปาย

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
555 ซอลลี่ส่ายหน้าได้เด็ดขาดมาก No!!
อ่านช่วงกลาง ๆ แล้วน้ำตาไหล สรุปแล้วซินโดนไท่หลันข่มขืนจริง ๆ หรอ...ไหนว่าไม่ถึงขั้นนั้นไงอ่ะ
แต่เรื่องนั้นไว้ก่อน โคเนโร่โผล่มาอย่างนี้ จะเกิดเรื่องกับฟ้ารึเปล่าเนี่ย ไม่คิดว่าพี่น้องจะลงรอยกันนักหนาหรอกนะ
คงไม่มีพี่ชาย(ที่รักน้อง)คนไหนบอกว่าน้องไม่น่าจะอยู่รอดเกิน 20 ปี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aishiteru.

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ชอบจังเลย กับคำพูดประโยคนี้

“ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะมานั่งฝังใจอยู่กับอดีตนะ..”
“แค่พริบตาเดียว..”
“คนที่เคยอยู่ข้างเรา..อาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้”
“เรา..ควรจะทุ่มเทความสำคัญให้กับคนที่รัก...
ไม่ใช่คนที่เกลียด....หรืออดีตที่ชิงชัง..”

กดไลค์รัวๆๆๆ เอาสิ่งที่เกลียด มาใส่ใจ จน เราไม่มีความสุข
หลงลืมไปหรือป่าว สิ่งที่ควรใส่ใจจริงๆคืออะไร >[]<b

โคเน่ ญาติของเอี้ยฟ้าโพล่มาแล้ว จะมีบทบาทอ่ะไรกับซันนี่มั้ยเนี่ย
เอี้ยฟ้าหายไปทั้งตอนเลย คิดถึงเด็กเอ๋อๆ มึนๆเหมือนกันนะเนี่ย

ขอบคุณสำหรับประโยคโดนๆนะคะ
รออ่านตอนต่อไปน้าาา สู้ๆจ้าา
 :กอด1:

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
กึ๊ดฮอดเอี้ยฟ้าขนาด

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ไม่ขอพูดอารายมาก ฮ่าน้ำตาไหลตอนคนเขียนพูดปิดท้าย 555++

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
จะเกิดศึกชิงนายรึเปล่าเนี่ย

'จารย์หงอกไปไหนกลับมาได้แล้ว

 :z2:

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
ลูกเป็ดหัวหงอกหายไปไหน?
โอ๊ะๆๆมีบุคคลเกียวข้องกับลูกเป็นโผล่มา
อดีตลูกเป็ดกำลังจะเปิดเผยยย(หรือเปล่า?) ฮ่าๆ

ออฟไลน์ erascal

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เรื่องไซเฟอร์ของนาริตะ มินาโกะค่ะ สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ แต่ว่ามันเก่ามากแล้ว
ถ้าไปหาอ่านไม่รู้จะเจอหรือเปล่า มีอีกวิธีคือถ้าภาษาอังกฤษแข็ง ก็ลองเสิร์ชเว็บการ์ตูนที่เขาเอาการ์ตูนมาแปลเป็นอังกฤษดู

babynevercry

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ พี่คิรินเนี่ย ดูอบอุ่นจังเลยนะฮะ ฮิ้ววววว

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
เพิ่งเจอพี่คิริน เมื่อก่อนซันกับซินเคยมีอดีตที่เลวร้ายมากซินะ จริงอย่างซินพูดคำพูดสวยหรูจะให้พูดยังไงก้อได้เพราะมันเป็นแค่ลมปาก จะลืมว่าใครเคยทำให้เราเจ็บขนาดไหนมันคงยาก เอาเป็นว่า "ให้อภัยได้แต่ไม่ลืม" คงได้แค่นี้แหละ

เดี๋ยวจะได้เจอ โคเรโน่ (พี่ชายเอี้ยฟ้า) แล้ว อยากรู้ว่าจะมีอะไรต่อไป

pompom-3-

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็ตามอ่านทัน วะฮะฮ่า!
ยาวแท้เหลา  :laugh:
แต่จะบอกว่า ประทับใจเรื่องนี้แบบ สุดๆๆๆ อ่ะ  :-[
สนุกมากๆๆๆๆ แทบตัวละครแต่ละตัวก็นะ.. น่ารักซะ!
โดยเฉพาะฟ้า า า า~ พระเอกแบบนี้ ไม่เคยพบเคยเจอ 555+

รักเรื่องนี้มากๆ!
รออ่านต่อนะคะ ^___^

ออฟไลน์ โดดเดี่ยวแต่ไม่

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-6
มาแปะไว้ตอนที่ 8 แล้วนร้าครับ กำลังเร่งตามให้ทันครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kaame

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ถ้าเจอแบบที่ซันนี่เจอ (ก็ไม่รู้ว่าเจออะไร) แต่ถ้ามันฝังใจ
คงทำใจลืมยากเหมือนกัน คงต้องใช้เวลาสักนิด พูดนิดพูดหน่อยมันลืมไม่ด้ายยย

เพื่อนซอลลี่เกี่ยวกับฟ้าแน่เลย คุ้น ๆ ชื่อ (อีกแล้ว) 55555

ออฟไลน์ www.maxdevil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เริ่มได้ดีครับ ....

faratellll

  • บุคคลทั่วไป
ใก้ล ความจริงเค้ามาแล้วสิเนี่ย   เจ๊อดกลัวไม่ได้  :sad4:
ไม่นะเอี้ยฟ้า สรุปตอนนี้ไม่มีสุดที่รักของเจ๊ เลยอ่ะ ><"

P.S. เจ๊เข้าใจซันนี่ พูดว่าให้อภัยนะง่ายแต่ความรู้สึก เนี่ย  :เฮ้อ: สู้เค้า

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อดีตที่คนอ่านอยากรู้มากๆ

a-o-pai

  • บุคคลทั่วไป
เราเห็นด้วยกับซันนี่นะที่แค้นแล้วไม่มีวันลืม

ถึงแม้ว่าเราจะทำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม

ความเจ็บปวดที่ถูกกระทำนั้นมันยากที่จะลืม

ถ้าศิรินมาบอกให้ลืมง่ายๆ อ่ะ มันง่ายไปหรือเปล่า

ไม่โดนเองไม่มีวันรู้หรอก

โอเคนะ ศิรินอาจจะพูดถูกว่าชีวิตของเราสั้นนักไม่ควรจบอยู่กับความแค้น

แต่ทำไมศิรินไม่มองมุมกลับบ้างว่าถ้าเป็นศิรินโดนบ้่างอ่ะจะพูดคำนี้ออกมาหรือเปล่า

เราอ่านอ่ะเรารู้สึกชอบซันนี่มากขึ้นอีกแถมเริ่มเกลียดศิรินที่เข้ามาพูดแบบนี้อีก

แค้นนี้ต้องชำระ ตายไม่ต้องมาเผาผีกัน  :fire: :fire: :fire:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
Chapter :: 35 :: ทัวร์ลูกเป็ด!







โคเนโร แบร์ลุสโคนี เป็นผู้ชายที่ดูดีจนน่าตกใจ..


ที่ว่าน่าตกใจก็คือ...ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ บุคลิกลักษณะ หรือแม้แต่บรรยากาศแปลกๆ รอบตัวของผู้ชายคนนี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเอี้ยฟ้าประทาน ทามิยะ อย่างกับถ่ายมาจากสำเนาเดียวกันงั้นแหล่ะ ..ถ้าไม่ติดว่าเขาคนนี้อายุมากกว่า ท่าทางเป็นมิตรกว่า ดูเป็นผู้เป็นคนกว่า และเป็นอิตาเลี่ยนแต๊ๆ ล่ะก็..


ผมคงจะอดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะเป็นฝาแฝดที่มาจากดาวดวงเดียวกับเอี้ยฟ้าเป็นแน่แท้


มันค่อนข้างน่าตกใจหากคิดว่าอาจจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกับเอี้ยฟ้าอยู่บนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้มากกว่าหนึ่ง..


ฮืมมม หรือว่าเทรนด์นี้กำลังมา..?


แต่จะว่าไปแล้วก็อย่างกับมองภาพเนกาทีฟของเอี้ยฟ้ายังไงยังงั้นเลย แม้เสื้อผ้าหน้าผมจะมาสไตล์เดียวกัน แต่สีสันกลับดูตาลปัดไปหมด.. ขณะที่เอี้ยฟ้าชอบใส่เสื้อผ้าสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่โคเนโรกลับแต่งดำอย่างกับอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ตั้งแต่เท้าจรดหัว ..เอี้ยฟ้าหัวขาว(เงิน) ส่วนโคเนโรหัวดำ ..เอี้ยฟ้ามีดวงตาสีดำสนิท แต่ผู้ชายคนนี้มีดวงตาสีเทาซีด..ที่ดูมีเสน่ห์น่าเข้าใกล้และอันตรายน่าถอยห่างในเวลาเดียวกัน..


ก็ไม่รู้หรอกว่านิสัยใจคอจะกลับตาลปัดกับเอี้ยฟ้าด้วยหรือเปล่า? แต่ที่ผมแน่ใจอย่างหนึ่งคือ...ไม่น่าจะธรรมดา (อย่างน้อยนามสกุลของหมอนี่ก็ไม่ธรรมดาล่ะ ..อ้างอิงจากที่ซอลลี่เคยเล่าให้ฟังอ่ะนะ)


“หวัดดี..” ทันทีที่ขับรถมาจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูระดับเจ็ดดาว ผมก็เปิดประตูออกไปทักทายคนที่มายืนรออยู่ก่อนแล้ว ..จับไม้จับมือทักทายกันตามธรรมเนียมพอหอมปากหอมคอ ผมก็ชักชวนอีกฝ่ายขึ้นรถ


“โทษทีที่มาช้า พอดีรถติดน่ะ” ผมเอ่ยประโยคแก้ตัวสุดคลาสสิกของพลเมืองบางกอกแลนด์พลางยิ้มแหย


หลังจากที่เราเข้ามาอยู่ในรถกันเรียบร้อย ผมก็ขับรถออกจากโรงแรมเพื่อไปยังเป้าหมายแรกของวัน...วัดพระแก้ว


วันนี้ผมต้องกล้ำกลืนฝืนใจมาทำหน้าที่ไกด์จำเป็นให้กับ โคเนโร แบร์ลุสโคนี แขกพิเศษที่ซอลลี่โบ้ยมาให้โดยไม่ถามความสมัครใจกันสักแอะ.. แทนที่จะได้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาพักผ่อนคลายให้สบายอารมณ์หลังจากตรากตรำทำข้อสอบมาเป็นเวลายาวนานร่วมสองวีค แต่ผมกลับต้องมาถูกซอลลี่พี่ชายที่แสนดีโขกสับประหนึ่งทาสในเรือนเบี้ยแบบนี้เนี่ยนะ? พระเจ้าเหอะ! รู้งี้นอนกลิ้งอยู่คอนโดแบรี่ต่ออีกสักสองสามวันก็ดีหรอก ไม่น่ารีบกลับคอนโดตัวเอง(ที่ตอนนี้ถูกยึดโดยแม่เลี้ยงใจร้ายของนังซิน)เลย หึยยย..


และหลังจากโยนหน้าที่รับผิดชอบอันควรจะเป็นของตัวเองพร้อมกับคู่มือนำเที่ยวกรุงเทพฯขนาดพกพาเล่มนึงมาให้ผม เจ้าตัวก็ออกไปลั้ลลาหรรษาอยู่ที่บ้านไอ้ยูริที่เพิ่งจะสอบเสร็จอย่างสบายใจ.. แง่ง! ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?!


จะบ่ายเบี่ยงหรือโบ้ยต่อให้ซินเซียร์ก็ไม่ได้ด้วย เพราะวันนี้มันกำลังเก็บข้าวเก็บของเตรียมจะไปขอนแก่นพร้อมกับสกายและเมย์บี.. ไอ้สองตัวหลังอ่ะพอเข้าใจ เพราะปิดเทอมทีไรพวกมันก็เกิดอาการสำนึกรักบ้านเกิดกันทุกที(เห็นคราวนี้บอกว่าจะไปสักวีคนึง) ..แต่ไอ้คนแรกอ่ะ ไอ้พี่ชายหัวหลอดของผมอ่ะ! มึงจะไปทำม้ายยยย? ไปเกี่ยวอะไรกับเขาเนี่ย? ...ฮืออออ มึงทิ้งกู(อ้าว?)
เอาล่ะ! เลิกเวิ่น สรุปสั้นๆ คือวันนี้ผมต้องรับหน้าที่พาอิตาเลี่ยนบอยนายนี้ทัวร์กรุงเทพฯ ..ตามนั้น


“ไม่เป็นไร ผมยังรอไม่ถึงสองชั่วโมงดีเลย” นักท่องเที่ยวของผมพูดตอบเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งด้วยท่าทางอารมณ์ดี
..แต่ถ้าจะพูดขนาดนี้ มึงด่ากูเลยเหอะ!!


“..........”


“ฮ่ะๆๆๆ ล้อเล่นน่ะ.. คุณทำหน้าตลกจัง” โคเนโรเฉลยพร้อมหัวเราะชอบอกชอบใจที่อำผมได้สนิท ..ฮึ่ม ถ้าเป็นเพื่อนเป็นฝูงพ่อจะตบให้หัวทิ่มเลย เดี๊ยะๆ


“มีอารมณ์ขันนะ” ผมหัวเราะแกนๆ


“แล้วนี่เรากำลังจะไปไหนกันเหรอ?” พอนั่งรถมาได้ระยะนึงผู้โดยสารของผมก็ถามขึ้นเหมือนเป็นการชวนคุย


“คุณอยากไปไหนล่ะ?” ผมถามกลับ


“อืม..” อีกฝ่ายทำหน้าครุ่นคิด ก่อนดึงคู่มือเที่ยวกรุงเทพฉบับเดียวกับที่ซอลลี่โยนให้ผมขึ้นมากางดูแล้วพูดไปพลาง “เวลาผมไปเที่ยวที่ไหนผมก็มักจะสนใจศึกษาเกี่ยวกับรากเหง้าของท้องถิ่นนั้นๆ ด้วยน่ะ ..อืม งั้นเอาเป็นว่า..เราไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกันก่อนดีกว่า”


“ผมจะพาคุณไปวัดพระแก้ว” ผมตอบหน้าตาเฉย ก่อนแอบยิ้มสะใจเล็กๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหวอๆ ประมาณว่า ‘แล้วมึงจะถามกูเพื่อ..?’ ฮ่าๆๆ


ผมอ่านคู่มือมาแล้วล่ะ ..10 สถานที่ในบางกอกที่ชาวต่างชาติน่าจะสนใจ อันดับแรกคือ..วัดพระแก้ว ต่อมาก็เป็น..วัดโพธิ์, พระบรมมหาราชวัง, วัดแจ้ง, วัดเบญจฯ, พระที่นั่งวิมานเมฆ, บ้านไทย จิม ทอมป์สัน, พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ, วังสวนผักกาด และตลาดนัดสวนจตุจักร ..วันนี้คงไปได้ไม่ครบ แต่เอาเป็นว่าจะพยายามพาไปให้ได้มากที่สุดแล้วกันนะ


แล้วอยากจะบอกว่าบางที่ผมก็ยังไม่เคยไปเลยเหอะ อย่างบ้านจิม ทอมป์สันอะไรเนี่ยก็ยังไม่เคย ส่วนวัดพระแก้วกับพระราชวังนี่เคยมาเมื่อสิบปีก่อนเห็นจะได้(ทำเหมือนไม่ได้อยู่กรุงเทพเนาะ?) รู้สึกตอนนั้นจะเพิ่งเข้ามิดเดิลสคูล แล้วคุณครูก็พามาทัศนศึกษา ..อืม น่าจะประมาณนั้นแหล่ะ


โคเนโรเปลี่ยนเป็นยิ้มและหัวเราะเบาๆ แล้วว่า “ที่นั่นผมก็อยากไปอยู่เหมือนกัน”


“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ” ผมพูดยิ้มๆ




 

หลังจากได้คลุกคลีตีสนิทกันมาครึ่งค่อนวันก็ทำให้ผมได้รู้จัก โคเนโร  แบร์ลุสโคนี มากขึ้น(เล็กน้อย).. ผมว่าเขาเป็นคนที่น่าคบคนหนึ่ง(อย่างที่ซอลลี่ว่า)เลยนะ เขาดูสบายๆ ยิ้มง่าย พูดคุยเก่ง และเป็นกันเองกว่าที่ผมคิดไว้มากโข ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะมีท่ามีมาดหรือเรื่องเยอะมากมายกว่านี้(เพราะเห็นว่าเป็นคุณชายจากตระกูลผู้ดีเก่าและมีอิทธิพล)ซะอีก


เสียอย่างเดียว.. ดวงตาสีเทาซีดของเขามันไม่ชวนให้ผมรู้สึกสนิทใจสักเท่าไหร่.. มันทำให้ผมนึกถึงเอี้ยฟ้า ..ตอนที่เรายังไม่ได้มีสถานะเช่นปัจจุบัน


“คุณพูดไทยได้ด้วย?” ผมเลิกคิ้วถามคนที่นั่งตรงข้ามอย่างแปลกใจ เนื่องจากเพิ่งได้ยินเขาถามหาน้ำเปล่าจากเด็กเสิร์ฟเป็นภาษาไทยเมื่อครู่


ขณะที่ตอนนี้เขากำลังชื่นชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาพลางตักน้ำแข็งใสใส่ปากอย่างรื่นรมย์ หลังจากที่เราหลบร้อนเข้ามาหาอะไรเย็นๆ ทานในร้านขนมริมแม่น้ำเจ้าพระยายามบ่าย


“นิดหน่อยครับ...” เขาเอ่ยขึ้นเนิบๆ


..ใช่ล่ะ เขาพูดสำเนียงเนิบเหมือนกับเอี้ยฟ้า(ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย และผมเดาว่าภาษาอิตาเลี่ยนของเขาก็คงจะพูดเนิบอีกเหมือนกัน) เพียงแต่ว่าไม่ได้มีหน้าตาง่วงงุนสัมพันธ์กับสำเนียงเนิบนาบเหมือนอย่างเอี้ยฟ้าด้วยเท่านั้น


นี่มันชักจะเหมือนกันเกินไปแล้วหรือเปล่า?


“ผมมีน้องชายคนนึง..ที่เกิดที่นี่...เขาพูดภาษานี้..” โคเนโรเล่าเป็นภาษาไทยที่ค่อนข้างกระท่อนกระแท่น แต่ก็ไม่น่ารำคาญเกินไปที่จะทนฟัง “หลังจากที่เขาย้ายไปอยู่กับเรา..ที่อิตาลี...เราเข้ากันได้..ไม่ดีนัก..ผมก็เลย..ลองไปเรียนภาษาไทยดู...เผื่อว่ามันจะช่วยให้..เข้าใจเขาได้มากขึ้น..”


“แล้ว..?” ผมเลิกคิ้วอีกครั้ง เว้นช่องว่างเป็นเชิงถามว่ามันได้ผลไหม?


โคเนโรส่ายหน้าและหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเปลี่ยนกลับมาพูดภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วกว่า “ดูเหมือนปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่การสื่อสาร..”


ผมพยักหน้าว่าเข้าใจ ต่อให้เกิดในประเทศเดียวกัน หรือแม้แต่บ้านเดียวกันก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้ดีนักหรอก


..ว่าแต่ทำไมน้องชายของเขาถึงมาเกิดอยู่ที่นี่ล่ะ?


อืม.. น่าสนใจ แต่ไม่อยากถาม เดี๋ยวจะหาว่าละลาบละล้วงเกินงาม


“แต่ถ้าพูดได้ขนาดนี้ผมไม่เรียกว่า ‘นิดหน่อย’ แล้วนะ” ผมเอ่ยชม อีกฝ่ายยิ้มรับ 


“ผมอิจฉาซอลฟานะ ที่มีน้องชายน่ารักอย่างคุณ..” เสียงทางนั้นว่า


ก็ไม่รู้ว่าพูดจริงหรืออยากแค่ล้อเลียนกันแน่.. ผมเลิกคิ้วนิดหน่อย ตักน้ำแข็งใสใส่ปาก ก่อนพูดยิ้มๆ “แน่นอน เขาน่ะน่าอิจฉาที่มีน้องชายสุดแสนจะน่ารักและเป็นคนดีมีน้ำใจอย่างผม ..แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ค่อยจะรู้ตัวซักเท่าไหร่”


คราวนี้โคเนโรหัวเราะออกมาเสียงดังจนโต๊ะข้างๆ พากันหันมามอง


..โอเค คำพูดเมื่อกี๊มันอาจจะฟังดูหลงตัวเองไปนิด แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังนี่หว่า ก็แค่พูดเล่นๆ อ่ะ โจ๊กน่ะ โจ๊ก! เข้าใจไหม? จะขำจะฮายังไงก็ช่วยไว้หน้ากันบ้างสิเฮ้ย! อายเป็นเหมือนกันนะเนี่ย แง่ง!!


“พอได้แล้วมั้ง..” ผมพูดอุบอิบไม่เต็มเสียง แต่แอบตวัดสายตาใส่เคืองๆ เมื่อเห็นหมอนั่นหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาเล็ด ยิ่งมองหน้าผมก็ดูเหมือนเขาจะยิ่งหยุดขำไม่ได้ เชื่อได้เลยว่าตอนนี้หน้าผมต้องแดงเถือกและดูตลกมากแน่ๆ


“โทษที..โทษที..” โคเนโรหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตา ขณะพยายามหยุดหัวเราะอย่างลำบากลำบน “ซอลฟาเคยพูดถึงคุณ..และฝาแฝดของคุณให้ผมฟังหลายอย่างน่ะ”


“เช่นว่า..” ผมตอบโต้อย่างไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมนัก


“พวกคุณเป็นเด็กที่หนวกหูมาก..”


“เยี่ยม!” แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะมีอารมณ์บ้างแล้วล่ะ อารมณ์ครุกรุ่นๆ น่ะนะ


ฮึ่ม! ซอลลี่นะ ซอลลี่! ไม่รู้ว่าไปแอบนินทาผมกับซินเสียๆ หายๆ ยังไงกับใครไว้บ้าง? ให้ตายเหอะ พี่บ้า! 


“แล้วก็น่ารักมากเหมือนกัน..”


คำบอกเล่าต่อมาของโคเนโรไม่ได้รับความเชื่อถือจากผมสักเท่าไหร่(แม้มันจะฟังใกล้เคียงความเป็นจริงมากกว่าข้อแรกก็เหอะ ฮ่ะๆๆ)


และดูเหมือนคนพูดจะรู้ตัว เขาเลยรีบพูดเสริม “เขาพูดแบบนี้จริงๆ นะ”


“คุณโกหก” ผมเบ้ปาก หยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดูดเพื่อล้างรสชาติหวานๆ ของน้ำแข็งใสที่เพิ่งกินหมดไป


“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นล่ะ?” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้มนิ่งๆ “เพียงแต่เขาไม่ได้บอกผมว่าคุณจะน่ารักมากถึงขนาดนี้”


“เขามักจะประเมินผมต่ำเสมอแหล่ะ”
ผมพูดไปด้วยอารมณ์ที่ยังครุกรุ่นต่อเนื่อง กว่าจะสำนึกได้ว่าตัวเองเพิ่งจะพูดอะไรไป โคเนโรก็เริ่มหัวเราะอีกแล้ว..


ให้ตายเหอะ! ตกลงนี่ผมมาเป็นไกด์หรือมาเป็นโจ๊กเกอร์กันแน่เนี่ย?


ก็ไหนป๊ะป๋าเคยบอกว่าความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดีไง? หึยยยย..




 

ขากลับผมเลือกจะไปเดินตากแอร์เย็นๆ ที่พารากอน แทนที่จะไปทนเดินอบอ้าวอยู่ตลาดนัดจตุจักรอย่างที่ลูกทัวร์ของผมต้องการ(เป็นไกด์ที่โคตรตามใจตัวเองเลย ฮ่าๆๆ) ..ระหว่างที่เดินดูโน่นดูนี่และพูดคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กันไปเรื่อย โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น หยิบมาดูก็เห็นหน้าจอโชว์ชื่อ ‘Duckie’ พร้อมกับใบหน้ายามหลับของเจ้าของฉายาที่ผมแอบถ่ายไว้เด่นหรา จนผมอดยิ้มขำกับตัวเองไม่ได้


ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะเมมด้วยชื่อนี้หรอก แต่ซินน่ะสิ สาระแนแย่งไปพิมพ์ให้ว่า ‘Ducky’ ..ทำเอาขนลุกพรึบพรับ ถึงความหมายหนึ่งจะเหมาะกับเจ้าของเบอร์ก็เหอะ แต่อีกความหมายมันก็...นะ กระดากบ้างไรบ้าง


สุดท้ายผมก็เลยเปลี่ยนใหม่จากตัว ‘y’ เป็นตัว ‘ie’ ซะ ..ออกเสียงเหมือนกัน แต่ความหมายชัดเจนและเจาะจงกว่ากันเยอะเลย ฮ่ะๆๆ


“ว่าไง?” ผมกดรับและกรอกเสียงลงไปอย่างคุ้นเคย


ช่วงนี้มาแต่เสียงตลอดอ่ะคนเนี้ย ไม่เคยได้เห็นหน้าเห็นหนวดหรอก แล้วโทรมาก็ไม่ค่อยจะมีเวลาแน่นอนเหอะ เหมือนกับนึกอยากโทรตอนไหนก็โทร ..แต่ไม่เป็นไร ยังไงผมก็แอบดีใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงมันล่ะนะ เพราะอย่างน้อยนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่ามันยังปลอดภัยดี..


คือ..ไม่รู้สิ ถึงผมจะไม่รู้อะไรเลย(ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากรู้ แต่เพราะมันแทบไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังต่างหาก)แต่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ยังไงชอบกล ..ปกติลูกเป็ดอย่างมันถ้าไม่มีเหตุขัดข้องหรือจำเป็นจริงๆ ป่านนี้ต้องแจ้นมาเดินตามผมต้อยๆ แล้ว แต่นี่อะไร? หายหัวไปเลย?(ถึงจะมีเสียงตามสายมาก็เหอะ)


เอ้อ...ก็ไม่ใช่ว่ามั่นใจในตัวเองอะไรนักหนาหรอกนะ แค่ผมเชื่อว่าสิ่งที่มันพูดน่ะเชื่อถือได้ ก็ทุกครั้งที่มันโทรมามันมักจะพูดว่า ‘คิดถึง’ ผมน่ะสิ 


“คิดถึง..” เสียงจากปลายสายตอบกลับมาทันที


นั่นไงล่ะ! ..ผมร้องในใจ


“แต่กูไม่เห็นจะคิดถึงมึงเลย” ผมตอบกลับไปพลางอมยิ้มกับตัวเอง “แล้วถ้ามึงยังมีมาแต่เสียงแบบนี้นะ อีกไม่นานกูก็จะลืมมึงด้วยเหอะ”


“ซันนี่อ่ะ” เสียงเนิบร้องกลับมาแบบอ้อนๆ


“กูถามจริงเหอะ มึงกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ เอี้ยฟ้า?” ผมตัดสินใจถามในสิ่งที่เคยถามไปแล้วครั้งหนึ่ง...แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ ขณะที่ขาก็ก้าวเดิน และสายตาก็มองนู่นนี่ตามโคเนโรไปเรื่อย


“ก็...หลายๆ อย่างน่ะ” แล้วมันก็เลี่ยงที่จะตอบเหมือนเดิม


“...........”


“ซันนี่?” เอี้ยฟ้าเรียกชื่อผม เมื่อเห็นว่าผมเงียบไป “..งอนเหรอ?”


“กูไม่เคยงอนมึง” ผมตอบกลับแทบจะทันที ด้วยเสียงที่แข็งขึ้นเล็กน้อย


“งั้นโกรธ?” มันเปลี่ยนข้อสันนิษฐานใหม่


“แน่นอน!” ..จากใจเลยนะเนี่ย


จากนั้นก็ต่างคนต่างเงียบไปพักนึง.. ผมไม่รู้ว่าอีกฟากสายกำลังคิดอะไร? แต่ผมกำลังคิดว่าที่ผ่านมาผมรออะไร? รอแล้วจะได้อะไรงอกเงยขึ้นมาไหม? และสมควรจะรอต่อไปอีกหรือเปล่า? ถ้าเพียงแต่มันจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ผมได้มั่นใจมากกว่านี้ ผมก็จะไม่นึกลังเลแบบนี้เลย ...จริงๆ


ขณะที่เดินคิดเล็กคิดน้อย(?)อยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายผมสีน้ำตาลทองหน้าคุ้นๆ นั่งอยู่ในร้านไอศกรีมฝั่งตรงข้าม แต่ที่ดึงดูดสายตาผมไปยิ่งกว่านั้นก็คือผู้ชายผมสีเงินที่นั่งหันหลังให้กระจกต่างหาก!


ไม่ผิดแน่! นั่นมันไอ้เอี้ยฟ้า กับไอ้มานะเพื่อนมันนี่!!


จังหวะที่ผมกำลังยืนมึนงงผสมโมโหขึ้นมาตงิดๆ ก็มีเสียงถอนหายใจยืดยาวดังมาตามสาย ก่อนเสียงพูดจะตามมา “..ไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะ”


“เมื่อไหร่?” ผมถามกลับไปเสียงแข็ง ขณะที่ขาพาตัวผมตรงดิ่งไปทางร้านนั่นแล้ว และดูเหมือนเพื่อนของมันจะยังไม่ทันสังเกตเห็นผมด้วย


“เฮ้..” แว่วเสียงเรียกและเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามหลังมาของโคเนโรที่ผมเกือบลืมไปแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้หันไปสนใจ เพราะตอนนี้เป้าหมายของผมมีเพียงร้านไอศกรีมตรงหน้าเท่านั้น


“เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย...” ทางนั้นตอบกลับมาในตอนที่ผมไปหยุดยืนตรงกระจกหน้าร้าน ..ซึ่งอีกฝั่งมีเอี้ยฟ้าและเพื่อนของมันกำลังนั่งกินไอติมอยู่


!!.. ดูเหมือนไอ้มานะจะสังเกตเห็นผมแล้ว


“...ไม่จำเป็นแล้วมั้ง” ผมตอบกลับเอี้ยฟ้าพลางส่งเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก ก่อนจะเคาะกระจกเบาๆ สองสามที..


ไอ้หัวหงอกหันมาตามเสียงและเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นผม “ซันนี่?”


“นี่ใช่มั้ย...ธุระอันยุ่งเหยิงของมึง ฟ้าประทาน?” ถามจบผมก็กดตัดสายแล้วตรงดิ่งเข้าไปในร้านด้วยอารมณ์คุกรุ่นจนพนักงานต้อนรับยกมือไหว้กันแทบไม่ทัน แต่ละก้าวที่ก้าวเดินผมก็คิดไปด้วยว่าจะทำยังไงกับไอ้เอี้ยนี่ดี? ตบกะโหลกสักที? สองที? หลายทีรัวๆ? หรือถีบแม่งตกเก้าอี้ เตะซ้ำอีกสองที? กระทืบอีกสามที? แล้วค่อยถามหาเหตุผลกันอีกที?..แบบนี้ดีไหม?


ฮึ่ม! ตอบไม่ดีมีตายคาถ้วยไอติมแน่ ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน ทามิยะ!!


“ไง มึง? ไอติมอร่อยมั้ย?” เดินไปถึงโต๊ะมันผมก็พยักหน้าถามนิ่งๆ พยายามระงับอารมณ์จนถึงที่สุด


“ก็ดีนะ..ลองชิมมั้ย?” มันตอบหน้าซื่อตาใส แถมยังมีน้ำใจยื่นช้อนไอติม(ที่มันเพิ่งเลีย)มาให้ผมชิมด้วย


!!... นี่มึงตั้งใจกวนส้นตีนกูอยู่ใช่ไหม? ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน!!!!!!


กูพยายามแล้วนะ! กูพยายามจะใจเย็นกับมึงแล้ว แต่...โว้ยยยยยยย! โมโห โมโห โกรธ!!


ผัวะ! ..เสียงผ่ามืออรหันต์ของผมกระทบหัวหงอกๆ ของไอ้หน้ามึน


เคร้ง!! ..เสียงช้อนไอติมอันเต็มไปด้วยน้ำใจ(ผสมน้ำลาย)หล่นกระทบโต๊ะ


“โอ๊ะ..” เสียงร้องเบาๆ ของผู้ถูกกระทำหลังจากหน้าคะมำลงไปกระแทกกับถ้วยไอติม


โครม! ..เสียงถ้วยไอติมล้มไปโดนแก้วน้ำเปล่าที่วางใกล้ๆ กัน และ...


“เฮ้ยยยย..!!” เสียงหลงของไอ้มานะที่ถูกน้ำเปล่าไหลไปราดเป้ากางเกงแบบพอดิบพอดี


“มีอะไรกันรึเปล่าครับ คุณลูกค้า?” ส่วนอันนี้เป็นเสียงพนักงานในร้านที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาถามด้วยกลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น


“ไม่มี!” แน่นอนว่านี่เสียงผม.. ผมหันไปตอบทันทีด้วยเสียงที่แข็งจนแทบจะกลายเป็นตวาด แต่พอเห็นอีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยถึงกับสะดุ้งเฮือก หน้าถอดสี(นี่มันไม่สู้คนอยู่แล้ว หรือว่ากูดูน่ากลัวเกินไปวะเนี่ย?) ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาตงิดๆ เลยพยายามปรับโทนเสียงและสีหน้าให้อ่อนลงใกล้เคียงปกติมากที่สุด


“...ก็แค่ทักทาย..ด้วยความคิดถึง” ผมพูดต่อพลางเหล่กลับมาทางเอี้ยฟ้า 


“..อย่างแรงนิ” แว่วเสียงชายผู้โชคดี(?)บ่นพึมพำเบาๆ


ผมหันกลับมามองก็เห็นมันนั่งคลำหัวคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ หน้าตามึนๆ งงๆ เหมือนน็อตในหัวจะกระเด็นหายไปหลายตัว 


“ระ..เหรอครับ” พนักงานมองผมกับเอี้ยฟ้าสลับกันเหมือนไม่ค่อยเชื่อ..


แต่ก็เชื่อ..เอ๊ะ?..ยังไงก็ไม่รู้ว่ะ...รู้แต่ว่ามันคงกลัวเกินกว่าจะกล้าถามไปมากกว่านี้แล้วล่ะ มันเลยหนีตายด้วยการไปหาผ้ามาช่วยไอ้มานะเช็ดโต๊ะเช็ดเป้ากางเกงแทน


“ซันนี่..มาได้ไง?” หลังจากเก็บน็อตใส่กลับเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เอี้ยฟ้าก็เริ่มกลับมาสนทนาภาษามนุษย์โลกได้อีกครั้ง มันเงยหน้าขึ้นมาถามผมพลางยึดข้อมือผมเอาไว้แน่น


นี่มึงกลัวกูจะหนีหรือไง เอี้ยฟ้า? ..ไม่ต้องห่วง ยังไงวันนี้กูก็ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย ไม่หายไปไหนแน่ๆ ถ้ากูยังไม่กระจ่างเรื่องที่มึงกำลังทำอยู่กูก็จะเกาะติดมึงประหนึ่งผีอีแพงนั่นแหล่ะ วางใจได้เลย!


แล้วถ้าผล(ที่กูเป็นคนตัดสินเอง)มันออกมาว่ามึงกำลังคิดปั่นหัวกู มึงก็เตรียมตัวหัวกุดได้เลย ไอ้เอี้ย!!   


“กูขี่ไม้กวาดมาไง สัด!” ผมกัดฟันตอบเสียงต่ำ ไม่อยากจะเป็นจุดสนใจไปมากกว่านี้(แต่ตอนนี้ก็หันมามองกันทั้งร้านแล้ว) ส่วนมือก็พยายามแกะมืออีกฝ่ายออกไปให้พ้น ทั้งแอบหยิกแอบบิดแต่ไอ้หน้ามึนมันก็ทนเหลือเกิน ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เลยยื้อกันไปมาจนกระทั่งมีอีกเสียงหนึ่งที่ถูกหลงลืมไปดังขึ้นขัดจังหวะ


“เอ่อ..โทษนะ ซันนี่...คือผม...” ภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งที่ดังขึ้นจากข้างหลังทำให้เราทั้งหมด(ผม เอี้ยฟ้า ไอ้มานะที่สาละวนอยู่กับเป้าตัวเอง รวมทั้งพนักงานหน้าแหยที่สาละวนอยู่กับเป้าไอ้มานะอีกคน)พร้อมใจกันหันไปมอง   


“เอ้อ..โทษที โคเนโร ผมลืมคุณไปซะสนิทเลย..” ผมเอ่ยขอโทษลูกทัวร์ที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง


ว่าแต่...ผมยังไม่ได้บอกหมอนี่หรือไงนะว่าผมชื่อ ‘ซันชายน์’ ?


สงสัยจะเรียกตามซอลลี่ ให้ตายสิ..


“จริงสิ!” หลังจากยืนเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่แป๊บนึง ผมก็นึกได้ว่าควรจะแนะนำเขาสักหน่อย 


“โคเนโร...นี่เพื่อนผม..ฟ้าประทาน ทามิยะ” ผมผายมือมาทางเจ้าของชื่อ และเห็นว่าอีกฝ่ายก็มองลูกทัวร์ของผมอยู่ก่อนแล้ว ..มองนิ่งๆ แบบไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ..ซึ่งแปลกมาก เพราะนี่ไม่ใช่วิสัยการมองแบบปกติของมัน


ถ้าเผื่อใครไม่รู้นะ ผมจะบอกให้ว่าปกติเอี้ยฟ้ามันจะมีวิธีการมองอยู่สองแบบด้วยกัน.. แบบแรกคือ...จดจ้อง ถ้ามันมองแบบจดจ้อง นั่นแปลว่ามันกำลังสนใจ แม้จะไม่พูดอะไรออกมา แต่มันก็กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัวกะโหลกหงอกๆ ของมันแน่นอน(ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี อันนี้ก็ต้องไปสังเกตกันต่ออีก...เอิ่ม..ตกลงนี่กำลังเล่นเกมทายใจหรืออะไรเนี่ย?)


แบบที่สองคือ...มองผ่านๆ แล้วก็เลิกสนใจ หันไปมองอย่างอื่นแทน ซึ่งนั่นก็แปลว่ามันไม่ได้สนใจ และไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับสิ่งนั้นเลย...


ดังนั้นการมองนิ่งๆ ของมันในครั้งนี้จึงทำเอาผมรู้สึกตะขิดตะขวงข้างในใจในระดับนึง ยิ่งผมมองหน้ามันสลับกับหน้าโคเนโรก็ยิ่งรู้สึกว่าสองคนนี้ช่างเหมือนกันจริงๆ


เหมือนกันเกินไป...


แต่เมื่อลอบสังเกตปฏิกิริยาของทั้งคู่ก็ไม่เห็นจะมีท่าทางอะไรผิดปกติเพิ่มเติมอีก(นอกจากการมองของเอี้ยฟ้า) ทั้งคู่ก็พยักหน้าทักทายกันตามสมควร ผมเลยสลัดความคิดสงสัยคาใจทิ้งไปก่อน(ชั่วคราว) แล้วผายมือต่อไปทางไอ้มานะซึ่งก็มองหน้าโคเนโรนิ่งๆ อีกเหมือนกัน(อะไรของมันวะ ไอ้สองตัวนี้?) 


“ส่วนนี่...มานะ..เพื่อนของฟ้าประทาน”


“นี่..โคเนโร แบร์ลุสโคนี...เพื่อนพี่ชายกู” ไอ้มานะก็พยักหน้าให้พลางยิ้ม(แบบฝืนๆ ยังไงไม่รู้? หรือผมจะคิดไปเอง??) ส่วนโคเนโรก็ยิ้มตอบทั้งคู่ด้วยท่าทางเป็นมิตรไม่ต่างจากที่ยิ้มให้ผม “เค้ามาเที่ยวน่ะ”


“มึงอิ่มยัง?” เสร็จพิธีแนะนำตัวผมก็หันไปถามเอี้ยฟ้าอย่างไม่ต้องการคำตอบ เพราะผมเตรียมคำตอบไว้ให้มันแล้วไง มีแค่คำตอบเดียวด้วย “ถ้าอิ่มแล้วก็ตามมา ..มาคุยกันหน่อยดิ๊”


“คุณรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวผมกลับมา” ผมบอกโคเนโรพลางกดตัวเขาให้นั่งลงไปแทนที่เอี้ยฟ้า เขาทำหน้างงๆ เหมือนอยากจะพูดจะถามอะไร แต่ผมไม่ได้สนใจ กลับหลังหันแล้วเดินนำเอี้ยฟ้าออกมานอกร้านเลย..



(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 17:49:31 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)



ปึก!!.. หาทำเลเหมาะๆ ที่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านไปมาได้ ผมก็คว้าคอเอี้ยฟ้าที่เดินตามหลังต้อยๆ มาแบบไม่ให้มันทันตั้งตัว แล้วจัดการเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังเต็มแรง ก่อนจะเท้าแขนกับผนังคร่อมตัวมันไว้อีกทีกันหนี(..ถึงไม่คิดว่าคนอย่างมันจะหนีก็เหอะ แต่นาทีนี้ต้องข่มขวัญกันไว้ก่อน หึ!)


“เอาล่ะ.. สารภาพบาปมาซะ ฟ้าประทาน ทามิยะ” 


“..........” จำเลยโคลงหัวไปมาช้าๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด คิ้วทั้งสองข้างย่นเข้าหากันจนแทบจะเป็นเส้นตรง ก่อนถามออกมาอย่างคนคิดไม่ตก “..กูต้องเริ่มจากตรงไหนอ่ะ?”


“เฮ้อ.. มึงนี่นะ” ผมถอนหายใจอย่างละเหี่ย พลางถอยห่างออกมายืนเท้าเอวมองหน้ามัน พยายามจะทบทวนหาเหตุผลว่าผีห่าซาตานตนไหนมันดลใจให้ผมตรงลงปลงใจคบกับไอ้บ้านี่ได้?


นี่มันอาจจะเป็นความผิดพลาดที่สุดของที่สุดของที่สุดในประวัติชีวิตยี่สิบปีของนายตะวันฉายคนนี้เลยก็ได้..


“ซันนี่..” ไม่เรียกเปล่า แต่ไอ้หัวหงอกมันยื่นมือมาเกี่ยวเอวผม แล้วรั้งให้กลับไปยืนที่เดิมด้วย ..ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร(กำลังเหนื่อยใจอยู่ แล้วมันก็ไม่ได้ใกล้จนน่าเกลียดอะไรด้วย) “โกรธมากเลยเหรอ?”


“เออสิ!” ถามมาก็ตอบไป ก่อนจะถอนหายใจอีกทียาวๆ 


“ขอโทษนะ” มันพูดพลางยื่นมือมาแตะข้อศอกผม(..ผมเปลี่ยนมายืนกอดอกแล้ว)


“มึงทำอะไรผิดล่ะ ถึงต้องขอโทษ?”


“กูทำให้มึงโกรธ..”


“แล้วรู้ตัวรึเปล่าว่าถูกโกรธเรื่องอะไร?”


“....ก็สงสัยอยู่” มันตอบหน้าซื่อตาใส ดูจริงใจเสียจนผมอยากจะจับหัวมันโขกกับกำแพงสักที ฮึ่ม!


“กูจะบอกอะไรมึงซักอย่างนะไอ้คุณเอี้ยฟ้า..การที่คนสองคนจะคบกันยืดน่ะ...ความจริงใจ..เป็นสิ่งที่สำคัญมาก..”


“ความจริงใจ?”


“ใช่! จริงใจ.. เหมือนที่กูจริงใจกับมึง”


“กูก็จริงใจกับมึงนะ”


“แต่มึงมีเรื่องปิดบังกู! มึงไม่พูดความจริงกับกู! มึงบอกว่ายุ่ง! มาเจอกูไม่ได้! แต่มึงมานั่งกินไอติมกับไอ้มานะได้? นี่เหรอความจริงใจของมึง ฟ้า?”  ยิ่งพูดก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นทุกขณะจิต จนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อระงับอารมณ์ ขืนมองหน้ามึนๆ ของมันนานๆ มีหวังได้มือไม้กระตุกขึ้นมาอีก ..เย็นไว้ซันชายน์ เย็นไว้มึง มีเหตุมีผลไว้ ใช่ๆ เหตุและผลๆๆๆ ท่องไว้ๆ


“กูแค่อยากกินไอติม..” มันตอบเสียงอ่อย “..ถ้าเป็นไปได้กูก็อยากจะมากินกับมึง แต่ช่วงนี้ชีวิตกูมันวุ่นวายนิดหน่อย...เลยคิดว่าอยู่ให้ห่างๆ มึงน่าจะดีที่สุด”


“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น?” ผมถามสวนทันทีที่มันพูดจบ


เอี้ยฟ้ายืนมองหน้าผมนิ่งๆ พักนึง ก่อนจะพูดออกมา “ซันนี่.. ถ้าวันนึงกูไม่อยู่แล้ว มึงจะคิดถึงกูเหมือนที่กูคิดถึงมึงมั้ย?”


..ซึ่งก็ไม่ใช่การตอบคำถามของผม 


“แล้วมึงจะไปไหน?”


“..........” คราวนี้มันเงียบ


“..กูไม่คิดถึงคนที่ทิ้งกูไปหรอก ชีวิตกูไม่จนตรอกขนาดนั้น” ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรอก ก็ปากดีไปงั้น ..แค่อยากจะรู้สึกว่าตัวเองก็มีทางเลือก ...ไม่จำเป็นต้องง้อมันคนเดียว


“..........” แต่มันก็ยังเงียบ ...เงียบจนผิดปกติ


“ฟ้า...มึงกำลังมีปัญหาอะไรกันแน่? บอกกูไม่ได้เลยเหรอ? กูไม่สมควรจะได้รับรู้เรื่องของมึงเลยใช่มั้ย?” พูดเองก็จุกอกเอง ตกลงนี่ผมมีความสำคัญต่อมันบ้างไหมเนี่ย? ผมเคยมีความหมายต่อมันไหม? ..ให้ตายสิ! มันทำให้ผมรู้สึกคล้ายตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย


“ถ้ามึงอยากรู้...กูก็จะให้มึงได้รู้ทุกเรื่อง ซันนี่” เอี้ยฟ้าเอื้อมมือมาลูบแก้มผมเบาๆ “ตอนแรกกูแค่คิดจะกันมึงออกห่างจากเรื่องที่กูกำลังเจออยู่ กูไม่ได้อยากจะปิดบังหรอกนะ..เชื่อเถอะ แต่เรื่องนี้มันอันตรายเกินกว่าที่กูจะดึงมึงเข้ามาเกี่ยวด้วย..”


อันตรายงั้นเหรอ?


มึงกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรกันแน่ ฟ้าประทาน? ..อันตรายที่ว่ามันคืออะไร? ..อะไรที่ทำให้คนเฉื่อยชาอย่างมึงดูกังวลใจได้ขนาดนี้? ..อะไรกัน? ..มันคืออะไรกันแน่? ..ในหัวผมมีแต่คำถามเต็มไปหมด


“แต่ตอนนี้มันคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ..”


ผมไม่เข้าใจว่ามันกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ แต่พอจะถามก็เห็นมันมองข้ามไหล่ผมไปทางด้านหลัง หันไปมองก็เห็นโคเนโรเดินยิ้มร่าดีใจพลางโบกไม้โบกมือมาทางผม โดยมีไอ้มานะเดินหน้านิ่งตามมาติดๆ


เอี้ยฟ้าบีบไหล่ผม แล้วเข้ามากระซิบเบาๆ ตอนที่สองคนนั้นมาถึงพอดี “ไว้กูจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ”


“มีอะไรรึเปล่าครับ?” ผมถามผู้มาใหม่ที่จำได้ว่าบอกให้รออยู่ในร้านไอศกรีม ..แล้วเดินมานี่ทำไม?


“ผมเห็นว่าคุณหายออกมานานแล้วน่ะ ห่วงว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า? เลยลองมาหาดู” โคเนโรตอบ


“ขอบคุณที่เป็นห่วง.. พอดีผมคุย..ธุระติดพันไปหน่อยน่ะ” ผมยิ้มแหยให้


“แล้ว..คุยเสร็จรึยังครับ?” โคเนโรถามด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นแบบแปลกๆ


ผมหันไปมองเอี้ยฟ้า มันพยักหน้าให้


ผมก็เลยหันกลับไปตอบคนถาม “ครับ”


“ดีเลย พอดีผมอยากจะซื้อของนิดหน่อยก่อนกลับเข้าโรงแรมน่ะ”


“ไปสิ คุณอยากได้อะไรล่ะ? เดี๋ยวผมพาไป” ผมบอกลูกทัวร์กิตติมศักดิ์ แล้วหันไปลาเอี้ยฟ้า “กูไปก่อนนะ ..ไว้ค่อยเจอกัน”
 





หลังจากโคเนโรแจ้งความประสงค์ของตัวเองแล้ว ผมก็ออกเดินนำไปยังร้านเป้าหมายทันที ระหว่างทางก็พูดคุยนั่นนี่กันไปเรื่อย แต่เดินได้สักพักก็รู้สึกตงิดๆ เหมือนไม่ได้มีแค่อิตาเลี่ยนบอยตามมาคนเดียว พอหันไปมองก็..นั่น ชัดเลย!


ห่างออกไปราวห้าเมตรมีเอี้ยฟ้าเดินใส่แว่นกุ๊ชชี่เลนส์สีม่วงมือล้วงกระเป๋าเดินตามมาห่างๆ อย่างสบายอารมณ์ และเลยหลังมันห่างไปอีกราวสองเมตรก็มีไอ้มานะหัวน้ำตาลทองเดินสะพายเป้(ไม่รู้มันใส่อะไรมา แต่ตุงเชียว)ตามมาอีกคน


ผมขมวดคิ้วพลางพยักหน้าส่งสัญญาณถามว่ามันจะเดินตามมาทำไม? เดี๋ยวก็เจอกัน(ผมกะว่าไปส่งโคเนโรเสร็จก็จะแวะไปหามันที่คอนโดน่ะ) แต่มันกลับยักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และขยับเข้ามาตามในระยะใกล้ทันทีเมื่อเห็นว่าผมรู้ตัวแล้ว(แน่นอนว่าไอ้มานะก็ขยับเข้ามาด้วย)


โคเนโรหันไปมองมันงงๆ แล้วหันกลับมามองผมเหมือนต้องการจะถามว่า ‘พวกมึงเล่นอะไรกัน?’ ผมก็เลยยืมท่าเอี้ยฟ้ามาใช้(ยักไหล่) แล้วส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่า ‘อย่าใส่ใจ’ ก่อนจะออกเดินต่อ


?!.. ขณะที่เดินผ่านกระจกร้านร้านนึงเข้าก็เลยสังเกตเห็นเงาสะท้อนของตัวเองและหมู่คณะที่เดินต่อแถวเรียงหนึ่งกันมาอย่างน่าตลก ..มิน่าล่ะ ทำไมเดินไปทางไหนถึงมีแต่คนมองกันแปลกๆ แถมมีแอบยิ้มแอบชี้ชวนกันดูอีกต่างหาก เพราะสภาพมันเป็นแบบนี้นี่เอง เหอะๆ


ผมได้แต่หัวเราะแกนๆ กับตัวเอง


นี่ถ้าผมมีผ้าพันคอสามเหลี่ยมหรือถือธงสามเหลี่ยมอยู่ในมือด้วยนะ


ใช่เลย.. คณะทัวร์ลูกเป็ดชัดๆ




“ก้าบ ก้าบ ก้าบ..”


!!.. เสียงร้องประหลาดที่ดังมาจากข้างหลังทำผมต้องชะงักกึก แล้วหัน ควับไปมองหน้าโคเนโร..ลูกทัวร์หมายเลขหนึ่งที่ด้านหลัง ..โคเนโรเองก็มีหน้าตางงงวยจากเสียงปริศนาเมื่อครู่ไม่แพ้ผม ก่อนจะหันหลังกลับไปมองหน้าเอี้ยฟ้า..ลูกทัวร์หมายเลขสองบ้าง
เอี้ยฟ้าขยับแว่นนิดนึง มองหน้าผมกับโคเนโรสลับกันแบบมึนๆ แล้วจึงหันหลังไปมองหน้าไอ้มานะ..ลูกทัวร์คนสุดท้ายอีกทอดหนึ่ง


ไอ้มานะมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องมองด้วยตาทั้งสามคู่หกข้างพร้อมๆ กัน มันเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นคล้ายกับจะบอกว่ามันเองก็งงเหมือนกันว่าเสียงมาจากไหน?


สุดท้ายเราทั้งสี่คนจึงพร้อมใจกันมองไปทางด้านหลังของไอ้มานะโดยมิได้นัดหมาย ตอนแรกก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ตรงนั้นหรอก แต่พอไล่สายตาต่ำลงมาจนถึงระดับหัวเข้าก็เจอเข้าเต็มๆ เลย... ลูกเป็ดยักษ์!!!


มาไงวะเนี่ย?! ..พวกผมมองหน้ากันเองเลิ่กลั่ก ก่อนกลับไปจ้องมองเจ้าเด็กน้อยที่อายุไม่น่าจะเกินสามขวบ ระบุเพศไม่ได้ ระบุสัญชาติไม่ได้ แต่มีหัวสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเขียวใส ใส่ชุดเป็ดสีเหลืองตั้งแต่หัวจรดเท้า(..คือมันเป็นแบบชุดหมีอ่ะนะ แต่มันเป็นชุดเป็ด งงไหมเนี่ย?) ยืนพุงกลม แก้มกลม ยิ้มแป้นแล้นโชว์ฟันกระต่ายสองซี่ข้างหน้าให้พวกเราทุกคนดู ..ลูกใครวะเฮ้ย?!


“ก้าบ ก้าบ ก้าบ ..เอิ๊ก~” เจ้าลูกเป็ดหลงฝูงร้องก้าบๆ อีก แล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางตบไม้ตบมือชอบใจเมื่อรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นจุดสนใจของพวกผมเรียบร้อยแล้ว 


“ก้าบ ก้าบ...เดินๆ” เจ้าหนูนั่นเข้าไปจับขาไอ้มานะ แล้วพยายามจะจับให้มันกลับหลังหัน ก่อนผลักให้เดินต่อไปข้างหน้า “ก้าบ ก้าบ..เดินต่อจิๆ...ก้าบ ก้าบ”


“อะไรของเอ็งเนี่ย เจ้าหนู?” ไอ้มานะที่โดนพันแข้งพันขาร้องขึ้นแบบกึ่งขำกึ่งงง ก่อนจะก้มลงไปยกเจ้าลูกเป็ดพุงกลมขึ้นมาเขย่าเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว “กินอะไรเข้าไปมั่งฮึ? ตัวหนักได้อีก ฮ่ะๆๆ”


“บินๆ..ฉูงอีกๆ..เอิ๊กกก..ฉูงๆๆ~” เจ้าหนูส่งเสียงดังอย่างสนุกสนาน กางแขนออกเหมือนกำลังจะบินจริงๆ เมื่อถูกมานะจับยกขึ้นสูงจนสุดแขน ไม่ได้มีท่าทางว่าจะกลัวคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย


“เป็ดน้อยน่ารักจัง~” โคเนโรเดินเข้าไปร่วมวงเล่นกับเจ้าลูกเป็ดยักษ์หลงฝูงอีกคนอย่างเอ็นดู


“นี่แก้มหรือซาลาเปาเนี่ย..?” จากที่ยืนดูแบบเฉยๆ ก็ชักอดใจไม่ไหว สุดท้ายผมเลยเลยเข้าไปดึงแก้มกลมๆ แดงๆ ของเด็กนั่นให้มันแดงขึ้นไปอีก แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ร้องโวยวายอะไร กลับหัวเราะชอบใจที่ถูกคนนั้นคนนี้รุมหยิกแก้มหยิกพุงซะอีก


คนเดียวที่ยังไม่เข้ามาร่วมวง(ทึ้งเด็กอ้วน)ด้วยก็คือ เอี้ยฟ้า.. มันไม่พูดไม่เข้ามาจับ แต่ยืนจ้องเขม็งแบบไม่วางตาเลยทีเดียว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คงไม่ใช่ว่ากำลังหิวอยู่หรอกนะ เหอๆ


“ปู่~...ปู่~..” พอสังเกตเห็นเอี้ยฟ้า เด็กน้อยก็ชี้ไม้ชี้มือใส่ ปากก็ร้อง ‘ปู่ๆๆ’ จนพวกผมงงกันอีกรอบ


“อะไรเหรอ?” ไอ้มานะถามเจ้าหนู


“คนนั้นผมสีขาวเหมือนปู่หนูเยย..ปู่~!” พูดแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอีก แต่คราวนี้ทั้งผมทั้งไอ้มานะและโคเนโรร่วมหัวเราะฮาตามไปด้วยอย่างกลั้นไม่อยู่


ฮ่าๆๆๆ ..โถ เอี้ยฟ้า เด็กมันว่ามึงแก่เหมือนปู่มันอ่ะ ฮ่าๆๆ ไอ้แก่เอ๊ย!! 


!.. คราวนี้เอี้ยฟ้าเดินตรงดิ่งหน้านิ่งเข้ามาหาเด็ก(ที่อาจไม่มีโอกาสได้โต)อย่างรวดเร็วจนผมตกใจ และยิ่งตกใจไปใหญ่เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยจะต่อยคณะบดี(ของคณะอะไรไม่รู้)เพราะเคยไปวิจารณ์สีผมของมันเมื่อครั้งประกวดดาวเดือนตอนปีหนึ่ง


นี่คงไม่ใช่ว่ามึงคิดจะต่อยเด็กด้วยหรอกนะ เอี้ยฟ้า?!!


“เอิ๊กกก.. ฉูงอีกๆ...ฉู๊งงงงฉูง~ ฮ่าๆๆ”


!!... แต่การณ์ก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคาด เอี้ยฟ้าไม่ได้เข้าไปต่อยเด็กแต่อย่างใด แต่มันเข้าไปดึงเด็กจากไอ้มานะมาอุ้มซะเอง แถมยังเล่นกับเด็กด้วยท่าทางสนุกสนานซะด้วย


“สูงอีกมั้ย?...สูงอีกมั้ย?”  อี้ยฟ้ายกตัวเด็กไปก็ถามไป ..แถมยังยิ้มไปอีกด้วย?


“ฉูงอีกๆๆ~”


“กูไม่เคยรู้เลยว่าหน้าอย่างมันจะเล่นกับเด็กเป็นด้วย..” ผมขยับเข้าไปยืนดูข้างไอ้มานะ ปากก็พูดกับมันเบาๆ ด้วยความทึ่งกึ่งสงสัย


“ฟ้ามันรักเด็กจะตายไป” ไอ้มานะพูดยิ้มๆ โดยไม่ได้ละสายตาไปจากเด็กตัวเหลืองและผู้ใหญ่ตัวขาวตรงหน้า


“....?!...” ผมมองหน้าคนพูดแบบอึ้งๆ ก่อนกลับไปมองไอ้สองตัวที่เอาแต่ร้อง ‘สูงๆ’ ตรงหน้า


มึงนี่มันเป็นปริศนาแห่งจักรวาลจริงๆ ว่ะ เอี้ยฟ้า..


“ว่าแต่.. เด็กนี่มันตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” ผมถามไอ้มานะอีก


“ไม่รู้ว่ะ” คนถูกถามส่ายหน้า “รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันร้องก้าบๆ นั่นแหล่ะ”


“ตายห่า.. ลูกใครเค้าล่ะเนี่ย?” ผมบ่นกับตัวเองมากกว่าจะถามหาคำตอบ


“แล้วคุณจะทำยังไงกับเด็กคนนี้เหรอ ซันนี่?” โคเนโรที่ยืนไม่มีบทอยู่นานถามขึ้นบ้าง


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ เสียงเอี้ยฟ้าก็โพล่งขึ้นก่อน “ซันชายน์!”


“ห๊ะ?! // What?!” ผมกับโคเนโรร้องขึ้นแทบจะพร้อมกัน


“คนนี้ชื่อ..ซันชายน์..ต่างหาก...ไม่ใช่..ซันนี่..ซักหน่อย” เอี้ยฟ้าบอกโคเนโรด้วยหน้าตาเอาจริงเอาจัง บุ้ยใบ้มาทางผม


ผมกำลังจะพยักหน้าเพื่อยืนยันคำพูดนั้นกับโคเนโรแล้วเชียว ถ้าไม่ได้ยินประโยคถัดมาของเอี้ยฟ้าซะก่อน


“..เนอะ ซันนี่?” คนพูดพูดพลางพยักพเยิดหน้าอึนๆ ใส่ผม


“..........” ไอ้ห่านี่.. ทำเอาไปต่อไม่เป็นกันเลยทีเดียว


“เนอะ เป็ดน้อย?” แล้วมันก็หันไปพยักพเยิดกับเจ้าลูกเป็ดยักษ์ด้วย แต่...


หงับ!!


“....!!...” ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรืออะไรดี เพราะนอกจากจะไม่เอออ่อห่อหมกด้วยแล้ว เจ้าเป็ดอ้วนยังงับจมูกเอี้ยฟ้าเข้าให้เต็มคำ


“เจ็บ...” เสียงไอ้หน้ามึนร้องขึ้นเบาๆ


ถึงมึงจะรักเด็ก แต่ท่าทางเด็กเขาไม่ค่อยจะรักมึงเท่าไหร่เลยว่ะ เอี้ยฟ้า..




“น้องคลี!!” มีเสียงทุ้มแหบที่เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนดังขึ้น ดึง ความสนใจของพวกเราทั้งหมดให้หันไปมองได้ทันที


?.. แล้วผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นพี่คิรินตัวล่ำกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้าร้อนรน


“แด๊ดดี้~!” เจ้าเป็ดหลงแม่ยอมคลายเขี้ยวจากจมูกเอี้ยฟ้าและดิ้นออกจากมือมันไปเข้าอ้อมอกของคนที่เพิ่งเรียกว่า ‘แด๊ดดี้’ ด้วยท่าทางดีใจ


“โอ้ ขอบคุณพระเจ้า..” พี่คิรินกอดหนูน้อยในชุดเป็ดไว้แน่นราวกับว่ากลัวจะหายไปไหนอีก “ขอบคุณที่หนูปลอดภัยดี หนูทำแด๊ดดี้หัวใจแทบวายแน่ะ รู้มั้ย? อย่าทำแบบนี้อีกนะ...”


“..เอ่อ...เด็กนี่ลูกพี่เหรอ พี่คิ?” ผมขยับเข้าไปถามพ่อลูกอ่อนตัวล่ำอย่างไม่แน่ใจนัก จำได้ว่าแบรี่บอกว่าหมอนี่อายุแก่กว่าผมแค่สองปีเอง งั้นก็ไม่น่าจะเกินยี่สิบสอง? ..แล้วลูกนี่...ยังไง? ..หมอนี่มันมีลูกเร็วไปป่ะวะ?


“อ้าว.. ฉายเองเหรอ?” พี่คิเงยหน้าขึ้นมามองผมงงๆ ราวกับเพิ่งจะสังเกตเห็น ก่อนจะกวาดสายตายไล่ไปยังบรรดาลูกเป็ดอีกสามตัวของผมที่ยืนหน้าสลอนอยู่ด้วย “ใช่ ลูกพี่เอง ชื่อ ‘น้องคลี’ ..เออ แล้วทำไมน้องคลีถึงมาอยู่กับพวกฉายได้ล่ะ? เมื่อกี๊พี่เผลอไปนิดเดียว หันกลับมาอีกทีน้องคลีก็หายไปแล้ว ตกใจแทบแย่..”


“ก็ไม่รู้ว่ามาไงเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็เห็นมาเดินตามกันแล้ว” ผมตอบไปตามจริง


“หนูตามแม่เป็ดมาล่ะ แด๊ดดี้” เจ้าหนูเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้นที่จะเล่าตามประสาเด็ก


“หนูว่าอะไรนะ?” พี่คิยกตัวลูกขึ้นมาอุ้มไว้ ก่อนถามซ้ำอีกรอบอย่างไม่เข้าใจนัก


“หนูเป็นลูกเป็ด...ลูกเป็ดเก๊าะต้องเดินตามแม่เป็ด...เดินเป็นแถวๆ” พูดเจื้อยแจ้วพลางชี้มือมาทางผมที่ทำหน้างง “เนี่ย! แม่เป็ดๆ”


!!... ขนาดเด็กตัวกระเปี๊ยกก็ยังเห็นผมเป็นแม่เป็ดงั้นเรอะ?! ..เจริญล่ะกู


มีเสียงหัวเราะคิกคักที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไว้ของไอ้มานะและโคเนโรดังขึ้นจากข้างหลัง รวมทั้งเสียงหัวเราะหึๆ หึๆ จากเอี้ยฟ้าด้วย


ผมตวัดสายตาไปมองพวกมันพร้อมกันแบบให้รู้ว่าเคือง พวกนั้นเลยรีบหุบปากฉับแล้วเสหน้าหนีไปแอบหัวเราะต่อทางอื่น.. แง่ง!! หันกลับมาอีกทีก็เห็นสองพ่อลูกกำลังหัวเราะคิกคักชอบใจกันอยู่อีก แต่พอเจอสายตาผมเข้าไปไอ้พี่คิรินก็รีบหุบทั้งปากตัวเองและปากลูกน้อย แล้วส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผมแทน


..ให้ตายสิ แต่ละคน 


“แล้วนี่กำลังจะไปไหนกันเหรอ?” ไอ้พี่คิรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นอย่างรวดเร็ว


“ผมพา..เพื่อนพี่ชายมาเที่ยวน่ะ” ผมชี้มือไปทางอิตาเลี่ยนบอยที่อยู่ด้านหลัง พี่คิพยักหน้ารับรู้ คราวนี้ผมเลยถามบ้าง “ชื่อน้องคลีเหรอ? ผู้หญิงผู้ชายเนี่ย?”


“น้องคลีตอบอาฉายหน่อยซิ หนูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย? หืม..” คนเป็นพ่อถามคนเป็นลูกต่อ


“หนูเป็นปู้ชาย..มีไอ้เจี๊ยวด้วย!” เด็กน้อยตอบแล้วหัวเราะชอบใจ


ผมเลยพลอยหัวเราะไปด้วย ก่อนจะเข้าไปแกล้งด้วยความหมั่นเขี้ยว “ไหนเอามาดูหน่อยดิ๊? ไอ้เจี๊ยวจริงเปล่า?”


“จริง จริ๊งงงง! แต่ปู่บอกว่าหนูจะมีไอ้แก้วแหล่ะ” เด็กน้อยทำปากจู๋เหมือนไม่เห็นด้วยกับคำของปู่ “ไอ้แก้วเขียวๆ...แต่หนูขาวจั๊วะนะ!”


“ไอ้แก้ว...นี่คือ?” ผมหันไปถามพ่อเด็กงงๆ


“หนอนแก้ว.. หนอนผีเสื้อตัวเขียวๆ น่ะ” พี่คิรินตอบยิ้มๆ “พ่อพี่ชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้ ที่บ้านก็เลยมีพวกนี้มาอยู่เยอะ พ่อก็เลยเลี้ยงเอาไว้ด้วย บอกที่สวนจะได้มีผีเสื้อสวยๆ แต่น้องคลีชอบไปจับมันมาเล่นอยู่เรื่อย ก็เลยถูกปู่ขู่ว่าถ้าเอามาเล่นบ่อยๆ เดี๋ยวไอ้เจี๊ยวจะกลายเป็นไอ้แก้ว” 


ผมอดหัวเราะไม่ได้กับวีรกรรมปู่-หลานที่คนกลางอย่างพี่คิเล่าให้ฟัง


“แล้วนี่มากันแค่สองคนพ่อลูกเหรอ? แม่เด็กไปไหนล่ะ?” ผมถามยิ้มๆ ขณะมองเจ้าหนูคลีวิ่งไปเล่นกับเอี้ยฟ้า มานะ และโคเนโร


“เสียไปแล้วน่ะ” 


คำตอบที่ได้รับทำเอาคนถามอย่างผมถึงกับสะอึก “เอ่อ..เสียใจด้วย”


“อืม..” พี่คิรับคำในลำคอพลางมองเจ้าหนูน้อยที่กำลังหัวเราะเล่นกับพวกนั้นด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก “แต่เค้าก็ทิ้งของขวัญที่มีค่าที่สุดเอาไว้ให้พี่ล่ะ”


“พี่...แต่งตัวให้ลูกน่ารักดีนะ” คราวนี้ผมเป็นคนเปลี่ยนเรื่องบ้าง


“น้องคลีชอบสีเหลืองน่ะ”


“เหรอ..”





หลังจากแยกกับพ่อตัวล่ำและลูกตัวอ้วนแล้ว คณะทัวร์ลูกเป็ดของผมก็เดินทางต่อไปยังจุดหมาย โดยมีผมเป็นแม่เป็ด..เอิ่ม..ไม่ใช่...มีผมเป็นไกด์นำขบวน มีโคเนโรเดินถือกล้องตามมาเป็นลูกทัวร์อันดับหนึ่ง มีเอี้ยฟ้าเดินลูบจมูกแดงๆ แฝงรอยเขี้ยวเล็กๆ ตามมาเป็นลูกทัวร์อันดับสอง และมีมานะเดินแบกเป้ใบใหญ่ปิดท้ายขบวน..


ก้าบ ก้าบ ก้าบ~









TBC.  :z2:

ซันนี่โหมด 'รมณ์เสีย
(ก็ยังน่าฮัก อิอิ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 17:51:19 โดย White Raven »

ryokame

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ aishiteru.

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
โหยยยยยยยย จบค้างคามากมายยยยย
อยากจะกระชากคอเสื้อเอี้ยฟ้า มาเขย่าๆๆๆให้หัวหลุด ฮึ่ยยยย
ซันนี่ จัดการเหวี่ยงวีนใส่เอี้ยฟ้าเล๊ยยย ตบท้ายด้วย จูบเน้นๆสักที ฮ่าๆๆ
คิดถึงลูกเป็ดอ่า เมื่อไหร่จะมาเดินตามซันนี่ต้อยๆเหมือนเดิมน้า
กำลังทำอะไรอยู่น้อ คุยไรกับมานะอ่ะเนี่ย
โคเน่ พี่ชาย ของ เอี้ยฟ้า ใช่ป่าว จะเจอหน้ากันแล้วด้วย หึหึ
เอี้ยฟ้าจะหึงป่าวน้อ ฮ่าๆๆ เรื่องน่าสงสัยน่าลุ้นเยอะแยะเลย
รออ่านอยู่น้าาา สู้ๆจ้าา
 :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด