(ต่อ)
ปึก!!.. หาทำเลเหมาะๆ ที่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านไปมาได้ ผมก็คว้าคอเอี้ยฟ้าที่เดินตามหลังต้อยๆ มาแบบไม่ให้มันทันตั้งตัว แล้วจัดการเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังเต็มแรง ก่อนจะเท้าแขนกับผนังคร่อมตัวมันไว้อีกทีกันหนี(..ถึงไม่คิดว่าคนอย่างมันจะหนีก็เหอะ แต่นาทีนี้ต้องข่มขวัญกันไว้ก่อน หึ!)
“เอาล่ะ.. สารภาพบาปมาซะ ฟ้าประทาน ทามิยะ”
“..........” จำเลยโคลงหัวไปมาช้าๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด คิ้วทั้งสองข้างย่นเข้าหากันจนแทบจะเป็นเส้นตรง ก่อนถามออกมาอย่างคนคิดไม่ตก “..กูต้องเริ่มจากตรงไหนอ่ะ?”
“เฮ้อ.. มึงนี่นะ” ผมถอนหายใจอย่างละเหี่ย พลางถอยห่างออกมายืนเท้าเอวมองหน้ามัน พยายามจะทบทวนหาเหตุผลว่าผีห่าซาตานตนไหนมันดลใจให้ผมตรงลงปลงใจคบกับไอ้บ้านี่ได้?
นี่มันอาจจะเป็นความผิดพลาดที่สุดของที่สุดของที่สุดในประวัติชีวิตยี่สิบปีของนายตะวันฉายคนนี้เลยก็ได้..
“ซันนี่..” ไม่เรียกเปล่า แต่ไอ้หัวหงอกมันยื่นมือมาเกี่ยวเอวผม แล้วรั้งให้กลับไปยืนที่เดิมด้วย ..ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร(กำลังเหนื่อยใจอยู่ แล้วมันก็ไม่ได้ใกล้จนน่าเกลียดอะไรด้วย) “โกรธมากเลยเหรอ?”
“เออสิ!” ถามมาก็ตอบไป ก่อนจะถอนหายใจอีกทียาวๆ
“ขอโทษนะ” มันพูดพลางยื่นมือมาแตะข้อศอกผม(..ผมเปลี่ยนมายืนกอดอกแล้ว)
“มึงทำอะไรผิดล่ะ ถึงต้องขอโทษ?”
“กูทำให้มึงโกรธ..”
“แล้วรู้ตัวรึเปล่าว่าถูกโกรธเรื่องอะไร?”
“....ก็สงสัยอยู่” มันตอบหน้าซื่อตาใส ดูจริงใจเสียจนผมอยากจะจับหัวมันโขกกับกำแพงสักที ฮึ่ม!
“กูจะบอกอะไรมึงซักอย่างนะไอ้คุณเอี้ยฟ้า..การที่คนสองคนจะคบกันยืดน่ะ...ความจริงใจ..เป็นสิ่งที่สำคัญมาก..”
“ความจริงใจ?”
“ใช่! จริงใจ.. เหมือนที่กูจริงใจกับมึง”
“กูก็จริงใจกับมึงนะ”
“แต่มึงมีเรื่องปิดบังกู! มึงไม่พูดความจริงกับกู! มึงบอกว่ายุ่ง! มาเจอกูไม่ได้! แต่มึงมานั่งกินไอติมกับไอ้มานะได้? นี่เหรอความจริงใจของมึง ฟ้า?” ยิ่งพูดก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นทุกขณะจิต จนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อระงับอารมณ์ ขืนมองหน้ามึนๆ ของมันนานๆ มีหวังได้มือไม้กระตุกขึ้นมาอีก ..เย็นไว้ซันชายน์ เย็นไว้มึง มีเหตุมีผลไว้ ใช่ๆ เหตุและผลๆๆๆ ท่องไว้ๆ
“กูแค่อยากกินไอติม..” มันตอบเสียงอ่อย “..ถ้าเป็นไปได้กูก็อยากจะมากินกับมึง แต่ช่วงนี้ชีวิตกูมันวุ่นวายนิดหน่อย...เลยคิดว่าอยู่ให้ห่างๆ มึงน่าจะดีที่สุด”
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น?” ผมถามสวนทันทีที่มันพูดจบ
เอี้ยฟ้ายืนมองหน้าผมนิ่งๆ พักนึง ก่อนจะพูดออกมา “ซันนี่.. ถ้าวันนึงกูไม่อยู่แล้ว มึงจะคิดถึงกูเหมือนที่กูคิดถึงมึงมั้ย?”
..ซึ่งก็ไม่ใช่การตอบคำถามของผม
“แล้วมึงจะไปไหน?”
“..........” คราวนี้มันเงียบ
“..กูไม่คิดถึงคนที่ทิ้งกูไปหรอก ชีวิตกูไม่จนตรอกขนาดนั้น” ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรอก ก็ปากดีไปงั้น ..แค่อยากจะรู้สึกว่าตัวเองก็มีทางเลือก ...ไม่จำเป็นต้องง้อมันคนเดียว
“..........” แต่มันก็ยังเงียบ ...เงียบจนผิดปกติ
“ฟ้า...มึงกำลังมีปัญหาอะไรกันแน่? บอกกูไม่ได้เลยเหรอ? กูไม่สมควรจะได้รับรู้เรื่องของมึงเลยใช่มั้ย?” พูดเองก็จุกอกเอง ตกลงนี่ผมมีความสำคัญต่อมันบ้างไหมเนี่ย? ผมเคยมีความหมายต่อมันไหม? ..ให้ตายสิ! มันทำให้ผมรู้สึกคล้ายตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย
“ถ้ามึงอยากรู้...กูก็จะให้มึงได้รู้ทุกเรื่อง ซันนี่” เอี้ยฟ้าเอื้อมมือมาลูบแก้มผมเบาๆ “ตอนแรกกูแค่คิดจะกันมึงออกห่างจากเรื่องที่กูกำลังเจออยู่ กูไม่ได้อยากจะปิดบังหรอกนะ..เชื่อเถอะ แต่เรื่องนี้มันอันตรายเกินกว่าที่กูจะดึงมึงเข้ามาเกี่ยวด้วย..”
อันตรายงั้นเหรอ?
มึงกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรกันแน่ ฟ้าประทาน? ..อันตรายที่ว่ามันคืออะไร? ..อะไรที่ทำให้คนเฉื่อยชาอย่างมึงดูกังวลใจได้ขนาดนี้? ..อะไรกัน? ..มันคืออะไรกันแน่? ..ในหัวผมมีแต่คำถามเต็มไปหมด
“แต่ตอนนี้มันคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ..”
ผมไม่เข้าใจว่ามันกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ แต่พอจะถามก็เห็นมันมองข้ามไหล่ผมไปทางด้านหลัง หันไปมองก็เห็นโคเนโรเดินยิ้มร่าดีใจพลางโบกไม้โบกมือมาทางผม โดยมีไอ้มานะเดินหน้านิ่งตามมาติดๆ
เอี้ยฟ้าบีบไหล่ผม แล้วเข้ามากระซิบเบาๆ ตอนที่สองคนนั้นมาถึงพอดี “ไว้กูจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ”
“มีอะไรรึเปล่าครับ?” ผมถามผู้มาใหม่ที่จำได้ว่าบอกให้รออยู่ในร้านไอศกรีม ..แล้วเดินมานี่ทำไม?
“ผมเห็นว่าคุณหายออกมานานแล้วน่ะ ห่วงว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า? เลยลองมาหาดู” โคเนโรตอบ
“ขอบคุณที่เป็นห่วง.. พอดีผมคุย..ธุระติดพันไปหน่อยน่ะ” ผมยิ้มแหยให้
“แล้ว..คุยเสร็จรึยังครับ?” โคเนโรถามด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นแบบแปลกๆ
ผมหันไปมองเอี้ยฟ้า มันพยักหน้าให้
ผมก็เลยหันกลับไปตอบคนถาม “ครับ”
“ดีเลย พอดีผมอยากจะซื้อของนิดหน่อยก่อนกลับเข้าโรงแรมน่ะ”
“ไปสิ คุณอยากได้อะไรล่ะ? เดี๋ยวผมพาไป” ผมบอกลูกทัวร์กิตติมศักดิ์ แล้วหันไปลาเอี้ยฟ้า “กูไปก่อนนะ ..ไว้ค่อยเจอกัน”
หลังจากโคเนโรแจ้งความประสงค์ของตัวเองแล้ว ผมก็ออกเดินนำไปยังร้านเป้าหมายทันที ระหว่างทางก็พูดคุยนั่นนี่กันไปเรื่อย แต่เดินได้สักพักก็รู้สึกตงิดๆ เหมือนไม่ได้มีแค่อิตาเลี่ยนบอยตามมาคนเดียว พอหันไปมองก็..นั่น ชัดเลย!
ห่างออกไปราวห้าเมตรมีเอี้ยฟ้าเดินใส่แว่นกุ๊ชชี่เลนส์สีม่วงมือล้วงกระเป๋าเดินตามมาห่างๆ อย่างสบายอารมณ์ และเลยหลังมันห่างไปอีกราวสองเมตรก็มีไอ้มานะหัวน้ำตาลทองเดินสะพายเป้(ไม่รู้มันใส่อะไรมา แต่ตุงเชียว)ตามมาอีกคน
ผมขมวดคิ้วพลางพยักหน้าส่งสัญญาณถามว่ามันจะเดินตามมาทำไม? เดี๋ยวก็เจอกัน(ผมกะว่าไปส่งโคเนโรเสร็จก็จะแวะไปหามันที่คอนโดน่ะ) แต่มันกลับยักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และขยับเข้ามาตามในระยะใกล้ทันทีเมื่อเห็นว่าผมรู้ตัวแล้ว(แน่นอนว่าไอ้มานะก็ขยับเข้ามาด้วย)
โคเนโรหันไปมองมันงงๆ แล้วหันกลับมามองผมเหมือนต้องการจะถามว่า ‘พวกมึงเล่นอะไรกัน?’ ผมก็เลยยืมท่าเอี้ยฟ้ามาใช้(ยักไหล่) แล้วส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่า ‘อย่าใส่ใจ’ ก่อนจะออกเดินต่อ
?!.. ขณะที่เดินผ่านกระจกร้านร้านนึงเข้าก็เลยสังเกตเห็นเงาสะท้อนของตัวเองและหมู่คณะที่เดินต่อแถวเรียงหนึ่งกันมาอย่างน่าตลก ..มิน่าล่ะ ทำไมเดินไปทางไหนถึงมีแต่คนมองกันแปลกๆ แถมมีแอบยิ้มแอบชี้ชวนกันดูอีกต่างหาก เพราะสภาพมันเป็นแบบนี้นี่เอง เหอะๆ
ผมได้แต่หัวเราะแกนๆ กับตัวเอง
นี่ถ้าผมมีผ้าพันคอสามเหลี่ยมหรือถือธงสามเหลี่ยมอยู่ในมือด้วยนะ
ใช่เลย.. คณะทัวร์ลูกเป็ดชัดๆ
“ก้าบ ก้าบ ก้าบ..”!!.. เสียงร้องประหลาดที่ดังมาจากข้างหลังทำผมต้องชะงักกึก แล้วหัน ควับไปมองหน้าโคเนโร..ลูกทัวร์หมายเลขหนึ่งที่ด้านหลัง ..โคเนโรเองก็มีหน้าตางงงวยจากเสียงปริศนาเมื่อครู่ไม่แพ้ผม ก่อนจะหันหลังกลับไปมองหน้าเอี้ยฟ้า..ลูกทัวร์หมายเลขสองบ้าง
เอี้ยฟ้าขยับแว่นนิดนึง มองหน้าผมกับโคเนโรสลับกันแบบมึนๆ แล้วจึงหันหลังไปมองหน้าไอ้มานะ..ลูกทัวร์คนสุดท้ายอีกทอดหนึ่ง
ไอ้มานะมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องมองด้วยตาทั้งสามคู่หกข้างพร้อมๆ กัน มันเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นคล้ายกับจะบอกว่ามันเองก็งงเหมือนกันว่าเสียงมาจากไหน?
สุดท้ายเราทั้งสี่คนจึงพร้อมใจกันมองไปทางด้านหลังของไอ้มานะโดยมิได้นัดหมาย ตอนแรกก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ตรงนั้นหรอก แต่พอไล่สายตาต่ำลงมาจนถึงระดับหัวเข้าก็เจอเข้าเต็มๆ เลย... ลูกเป็ดยักษ์!!!
มาไงวะเนี่ย?! ..พวกผมมองหน้ากันเองเลิ่กลั่ก ก่อนกลับไปจ้องมองเจ้าเด็กน้อยที่อายุไม่น่าจะเกินสามขวบ ระบุเพศไม่ได้ ระบุสัญชาติไม่ได้ แต่มีหัวสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเขียวใส ใส่ชุดเป็ดสีเหลืองตั้งแต่หัวจรดเท้า(..คือมันเป็นแบบชุดหมีอ่ะนะ แต่มันเป็นชุดเป็ด งงไหมเนี่ย?) ยืนพุงกลม แก้มกลม ยิ้มแป้นแล้นโชว์ฟันกระต่ายสองซี่ข้างหน้าให้พวกเราทุกคนดู ..ลูกใครวะเฮ้ย?!
“ก้าบ ก้าบ ก้าบ ..เอิ๊ก~” เจ้าลูกเป็ดหลงฝูงร้องก้าบๆ อีก แล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางตบไม้ตบมือชอบใจเมื่อรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นจุดสนใจของพวกผมเรียบร้อยแล้ว
“ก้าบ ก้าบ...เดินๆ” เจ้าหนูนั่นเข้าไปจับขาไอ้มานะ แล้วพยายามจะจับให้มันกลับหลังหัน ก่อนผลักให้เดินต่อไปข้างหน้า “ก้าบ ก้าบ..เดินต่อจิๆ...ก้าบ ก้าบ”
“อะไรของเอ็งเนี่ย เจ้าหนู?” ไอ้มานะที่โดนพันแข้งพันขาร้องขึ้นแบบกึ่งขำกึ่งงง ก่อนจะก้มลงไปยกเจ้าลูกเป็ดพุงกลมขึ้นมาเขย่าเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว “กินอะไรเข้าไปมั่งฮึ? ตัวหนักได้อีก ฮ่ะๆๆ”
“บินๆ..ฉูงอีกๆ..เอิ๊กกก..ฉูงๆๆ~” เจ้าหนูส่งเสียงดังอย่างสนุกสนาน กางแขนออกเหมือนกำลังจะบินจริงๆ เมื่อถูกมานะจับยกขึ้นสูงจนสุดแขน ไม่ได้มีท่าทางว่าจะกลัวคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย
“เป็ดน้อยน่ารักจัง~” โคเนโรเดินเข้าไปร่วมวงเล่นกับเจ้าลูกเป็ดยักษ์หลงฝูงอีกคนอย่างเอ็นดู
“นี่แก้มหรือซาลาเปาเนี่ย..?” จากที่ยืนดูแบบเฉยๆ ก็ชักอดใจไม่ไหว สุดท้ายผมเลยเลยเข้าไปดึงแก้มกลมๆ แดงๆ ของเด็กนั่นให้มันแดงขึ้นไปอีก แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ร้องโวยวายอะไร กลับหัวเราะชอบใจที่ถูกคนนั้นคนนี้รุมหยิกแก้มหยิกพุงซะอีก
คนเดียวที่ยังไม่เข้ามาร่วมวง(ทึ้งเด็กอ้วน)ด้วยก็คือ เอี้ยฟ้า.. มันไม่พูดไม่เข้ามาจับ แต่ยืนจ้องเขม็งแบบไม่วางตาเลยทีเดียว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คงไม่ใช่ว่ากำลังหิวอยู่หรอกนะ เหอๆ
“ปู่~...ปู่~..” พอสังเกตเห็นเอี้ยฟ้า เด็กน้อยก็ชี้ไม้ชี้มือใส่ ปากก็ร้อง ‘ปู่ๆๆ’ จนพวกผมงงกันอีกรอบ
“อะไรเหรอ?” ไอ้มานะถามเจ้าหนู
“คนนั้นผมสีขาวเหมือนปู่หนูเยย..ปู่~!” พูดแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอีก แต่คราวนี้ทั้งผมทั้งไอ้มานะและโคเนโรร่วมหัวเราะฮาตามไปด้วยอย่างกลั้นไม่อยู่
ฮ่าๆๆๆ ..โถ เอี้ยฟ้า เด็กมันว่ามึงแก่เหมือนปู่มันอ่ะ ฮ่าๆๆ ไอ้แก่เอ๊ย!!
!.. คราวนี้เอี้ยฟ้าเดินตรงดิ่งหน้านิ่งเข้ามาหาเด็ก(ที่อาจไม่มีโอกาสได้โต)อย่างรวดเร็วจนผมตกใจ และยิ่งตกใจไปใหญ่เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยจะต่อยคณะบดี(ของคณะอะไรไม่รู้)เพราะเคยไปวิจารณ์สีผมของมันเมื่อครั้งประกวดดาวเดือนตอนปีหนึ่ง
นี่คงไม่ใช่ว่ามึงคิดจะต่อยเด็กด้วยหรอกนะ เอี้ยฟ้า?!!
“เอิ๊กกก.. ฉูงอีกๆ...ฉู๊งงงงฉูง~ ฮ่าๆๆ”
!!... แต่การณ์ก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคาด เอี้ยฟ้าไม่ได้เข้าไปต่อยเด็กแต่อย่างใด แต่มันเข้าไปดึงเด็กจากไอ้มานะมาอุ้มซะเอง แถมยังเล่นกับเด็กด้วยท่าทางสนุกสนานซะด้วย
“สูงอีกมั้ย?...สูงอีกมั้ย?” อี้ยฟ้ายกตัวเด็กไปก็ถามไป ..แถมยังยิ้มไปอีกด้วย?
“ฉูงอีกๆๆ~”
“กูไม่เคยรู้เลยว่าหน้าอย่างมันจะเล่นกับเด็กเป็นด้วย..” ผมขยับเข้าไปยืนดูข้างไอ้มานะ ปากก็พูดกับมันเบาๆ ด้วยความทึ่งกึ่งสงสัย
“ฟ้ามันรักเด็กจะตายไป” ไอ้มานะพูดยิ้มๆ โดยไม่ได้ละสายตาไปจากเด็กตัวเหลืองและผู้ใหญ่ตัวขาวตรงหน้า
“....?!...” ผมมองหน้าคนพูดแบบอึ้งๆ ก่อนกลับไปมองไอ้สองตัวที่เอาแต่ร้อง ‘สูงๆ’ ตรงหน้า
มึงนี่มันเป็นปริศนาแห่งจักรวาลจริงๆ ว่ะ เอี้ยฟ้า..
“ว่าแต่.. เด็กนี่มันตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” ผมถามไอ้มานะอีก
“ไม่รู้ว่ะ” คนถูกถามส่ายหน้า “รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันร้องก้าบๆ นั่นแหล่ะ”
“ตายห่า.. ลูกใครเค้าล่ะเนี่ย?” ผมบ่นกับตัวเองมากกว่าจะถามหาคำตอบ
“แล้วคุณจะทำยังไงกับเด็กคนนี้เหรอ ซันนี่?” โคเนโรที่ยืนไม่มีบทอยู่นานถามขึ้นบ้าง
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ เสียงเอี้ยฟ้าก็โพล่งขึ้นก่อน “ซันชายน์!”
“ห๊ะ?! // What?!” ผมกับโคเนโรร้องขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“คนนี้ชื่อ..ซันชายน์..ต่างหาก...ไม่ใช่..ซันนี่..ซักหน่อย” เอี้ยฟ้าบอกโคเนโรด้วยหน้าตาเอาจริงเอาจัง บุ้ยใบ้มาทางผม
ผมกำลังจะพยักหน้าเพื่อยืนยันคำพูดนั้นกับโคเนโรแล้วเชียว ถ้าไม่ได้ยินประโยคถัดมาของเอี้ยฟ้าซะก่อน
“..เนอะ ซันนี่?” คนพูดพูดพลางพยักพเยิดหน้าอึนๆ ใส่ผม
“..........” ไอ้ห่านี่.. ทำเอาไปต่อไม่เป็นกันเลยทีเดียว
“เนอะ เป็ดน้อย?” แล้วมันก็หันไปพยักพเยิดกับเจ้าลูกเป็ดยักษ์ด้วย แต่...
หงับ!!
“....!!...” ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรืออะไรดี เพราะนอกจากจะไม่เอออ่อห่อหมกด้วยแล้ว เจ้าเป็ดอ้วนยังงับจมูกเอี้ยฟ้าเข้าให้เต็มคำ
“เจ็บ...” เสียงไอ้หน้ามึนร้องขึ้นเบาๆ
ถึงมึงจะรักเด็ก แต่ท่าทางเด็กเขาไม่ค่อยจะรักมึงเท่าไหร่เลยว่ะ เอี้ยฟ้า..
“น้องคลี!!” มีเสียงทุ้มแหบที่เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนดังขึ้น ดึง ความสนใจของพวกเราทั้งหมดให้หันไปมองได้ทันที
?.. แล้วผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นพี่คิรินตัวล่ำกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้าร้อนรน
“แด๊ดดี้~!” เจ้าเป็ดหลงแม่ยอมคลายเขี้ยวจากจมูกเอี้ยฟ้าและดิ้นออกจากมือมันไปเข้าอ้อมอกของคนที่เพิ่งเรียกว่า ‘แด๊ดดี้’ ด้วยท่าทางดีใจ
“โอ้ ขอบคุณพระเจ้า..” พี่คิรินกอดหนูน้อยในชุดเป็ดไว้แน่นราวกับว่ากลัวจะหายไปไหนอีก “ขอบคุณที่หนูปลอดภัยดี หนูทำแด๊ดดี้หัวใจแทบวายแน่ะ รู้มั้ย? อย่าทำแบบนี้อีกนะ...”
“..เอ่อ...เด็กนี่ลูกพี่เหรอ พี่คิ?” ผมขยับเข้าไปถามพ่อลูกอ่อนตัวล่ำอย่างไม่แน่ใจนัก จำได้ว่าแบรี่บอกว่าหมอนี่อายุแก่กว่าผมแค่สองปีเอง งั้นก็ไม่น่าจะเกินยี่สิบสอง? ..แล้วลูกนี่...ยังไง? ..หมอนี่มันมีลูกเร็วไปป่ะวะ?
“อ้าว.. ฉายเองเหรอ?” พี่คิเงยหน้าขึ้นมามองผมงงๆ ราวกับเพิ่งจะสังเกตเห็น ก่อนจะกวาดสายตายไล่ไปยังบรรดาลูกเป็ดอีกสามตัวของผมที่ยืนหน้าสลอนอยู่ด้วย “ใช่ ลูกพี่เอง ชื่อ ‘น้องคลี’ ..เออ แล้วทำไมน้องคลีถึงมาอยู่กับพวกฉายได้ล่ะ? เมื่อกี๊พี่เผลอไปนิดเดียว หันกลับมาอีกทีน้องคลีก็หายไปแล้ว ตกใจแทบแย่..”
“ก็ไม่รู้ว่ามาไงเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็เห็นมาเดินตามกันแล้ว” ผมตอบไปตามจริง
“หนูตามแม่เป็ดมาล่ะ แด๊ดดี้” เจ้าหนูเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้นที่จะเล่าตามประสาเด็ก
“หนูว่าอะไรนะ?” พี่คิยกตัวลูกขึ้นมาอุ้มไว้ ก่อนถามซ้ำอีกรอบอย่างไม่เข้าใจนัก
“หนูเป็นลูกเป็ด...ลูกเป็ดเก๊าะต้องเดินตามแม่เป็ด...เดินเป็นแถวๆ” พูดเจื้อยแจ้วพลางชี้มือมาทางผมที่ทำหน้างง “เนี่ย! แม่เป็ดๆ”
!!... ขนาดเด็กตัวกระเปี๊ยกก็ยังเห็นผมเป็นแม่เป็ดงั้นเรอะ?! ..เจริญล่ะกู
มีเสียงหัวเราะคิกคักที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไว้ของไอ้มานะและโคเนโรดังขึ้นจากข้างหลัง รวมทั้งเสียงหัวเราะหึๆ หึๆ จากเอี้ยฟ้าด้วย
ผมตวัดสายตาไปมองพวกมันพร้อมกันแบบให้รู้ว่าเคือง พวกนั้นเลยรีบหุบปากฉับแล้วเสหน้าหนีไปแอบหัวเราะต่อทางอื่น.. แง่ง!! หันกลับมาอีกทีก็เห็นสองพ่อลูกกำลังหัวเราะคิกคักชอบใจกันอยู่อีก แต่พอเจอสายตาผมเข้าไปไอ้พี่คิรินก็รีบหุบทั้งปากตัวเองและปากลูกน้อย แล้วส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผมแทน
..ให้ตายสิ แต่ละคน
“แล้วนี่กำลังจะไปไหนกันเหรอ?” ไอ้พี่คิรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นอย่างรวดเร็ว
“ผมพา..เพื่อนพี่ชายมาเที่ยวน่ะ” ผมชี้มือไปทางอิตาเลี่ยนบอยที่อยู่ด้านหลัง พี่คิพยักหน้ารับรู้ คราวนี้ผมเลยถามบ้าง “ชื่อน้องคลีเหรอ? ผู้หญิงผู้ชายเนี่ย?”
“น้องคลีตอบอาฉายหน่อยซิ หนูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย? หืม..” คนเป็นพ่อถามคนเป็นลูกต่อ
“หนูเป็นปู้ชาย..มีไอ้เจี๊ยวด้วย!” เด็กน้อยตอบแล้วหัวเราะชอบใจ
ผมเลยพลอยหัวเราะไปด้วย ก่อนจะเข้าไปแกล้งด้วยความหมั่นเขี้ยว “ไหนเอามาดูหน่อยดิ๊? ไอ้เจี๊ยวจริงเปล่า?”
“จริง จริ๊งงงง! แต่ปู่บอกว่าหนูจะมีไอ้แก้วแหล่ะ” เด็กน้อยทำปากจู๋เหมือนไม่เห็นด้วยกับคำของปู่ “ไอ้แก้วเขียวๆ...แต่หนูขาวจั๊วะนะ!”
“ไอ้แก้ว...นี่คือ?” ผมหันไปถามพ่อเด็กงงๆ
“หนอนแก้ว.. หนอนผีเสื้อตัวเขียวๆ น่ะ” พี่คิรินตอบยิ้มๆ “พ่อพี่ชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้ ที่บ้านก็เลยมีพวกนี้มาอยู่เยอะ พ่อก็เลยเลี้ยงเอาไว้ด้วย บอกที่สวนจะได้มีผีเสื้อสวยๆ แต่น้องคลีชอบไปจับมันมาเล่นอยู่เรื่อย ก็เลยถูกปู่ขู่ว่าถ้าเอามาเล่นบ่อยๆ เดี๋ยวไอ้เจี๊ยวจะกลายเป็นไอ้แก้ว”
ผมอดหัวเราะไม่ได้กับวีรกรรมปู่-หลานที่คนกลางอย่างพี่คิเล่าให้ฟัง
“แล้วนี่มากันแค่สองคนพ่อลูกเหรอ? แม่เด็กไปไหนล่ะ?” ผมถามยิ้มๆ ขณะมองเจ้าหนูคลีวิ่งไปเล่นกับเอี้ยฟ้า มานะ และโคเนโร
“เสียไปแล้วน่ะ”
คำตอบที่ได้รับทำเอาคนถามอย่างผมถึงกับสะอึก “เอ่อ..เสียใจด้วย”
“อืม..” พี่คิรับคำในลำคอพลางมองเจ้าหนูน้อยที่กำลังหัวเราะเล่นกับพวกนั้นด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก “แต่เค้าก็ทิ้งของขวัญที่มีค่าที่สุดเอาไว้ให้พี่ล่ะ”
“พี่...แต่งตัวให้ลูกน่ารักดีนะ” คราวนี้ผมเป็นคนเปลี่ยนเรื่องบ้าง
“น้องคลีชอบสีเหลืองน่ะ”
“เหรอ..”
หลังจากแยกกับพ่อตัวล่ำและลูกตัวอ้วนแล้ว คณะทัวร์ลูกเป็ดของผมก็เดินทางต่อไปยังจุดหมาย โดยมีผมเป็นแม่เป็ด..เอิ่ม..ไม่ใช่...มีผมเป็นไกด์นำขบวน มีโคเนโรเดินถือกล้องตามมาเป็นลูกทัวร์อันดับหนึ่ง มีเอี้ยฟ้าเดินลูบจมูกแดงๆ แฝงรอยเขี้ยวเล็กๆ ตามมาเป็นลูกทัวร์อันดับสอง และมีมานะเดินแบกเป้ใบใหญ่ปิดท้ายขบวน..
ก้าบ ก้าบ ก้าบ~
TBC. 
ซันนี่โหมด 'รมณ์เสีย
(ก็ยังน่าฮัก อิอิ)
