มาแล้วครึ่งหลัง
คนแต่งพิมไปตาลายไป 555+
พยายามอย่างหนักไม่ให้ตาปิดก่อนจะแต่งจบตอน
หลายคนเบื่อพี่น้องตระกูลลีและ
อีกไม่นานอ่ะสองคนนี้จะไปพ้นจากชีวิตของหนี่เจินและฮ่องเต้แล้ว
ฮิ้ว....ดีใจกันหน่อยเร็ว...อิอิ
น่าจะอีกตอนสองตอนแหละ ทุกคนก็จะไม่ได้เห็นและ= =
ไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ด้านหนี่เจินก็ได้แต่เดินวนไปวนมาในห้อง เพราะในใจก็เอาแต่ห่วงฮ่องเต้ว่าจะทรงเป็นอะไรหรือไม่ ที่ต้องห่วงมากขนาดนี้เพราะเมื่อวันก่อน เขาไปเดินเล่นนอกตำหนักเหม่ยชุนในยามดึกและปลอมตัวเป็นขันทีน้อยออกไป เลยทำให้ไม่มีใครจำเขาได้
และเมื่อเดินไปถึงยังตำหนักรับรองขององค์ชายลีซานและองค์หญิงลีอาร์ก็ต้องตกใจกับการสนทนาของพี่น้องคู่นี้
‘พรุ่งนี้เจ้าล่อฮ่องเต้ให้เข้าไปไปในป่าให้ลึกที่สุด พี่บอกให้คนของเราดักซุ่มรอและเมื่อเจ้าพาฮ่องเต้ไปถึงยังจุดนั้นแล้วก็ให้ลงมือเลย แล้วเดี๋ยวพี่จัดการอีกเรื่องเสร็จจะรีบตามไปสบทบกับเจ้าให้เร็วที่สุด’
“แล้วอีกเรื่องที่ว่าคืออะไรล่ะ ถ้าเรารู้ว่าอีกเรื่องคืออะไรก็คงดีจะได้กันไว้ก่อน”
หนี่เจินเดินไปบ่นไปกับตัวเอง จนเสี่ยวเย่กับหลงเปาหันมองผู้เป็นนายอย่างสงสัย เพราะหนีเจินเอาแต่เดินไปเดินมา แล้วก็บ่นตัวเองอยู่นานแล้วยังไม่เห็นว่าจะหยุดซะด้วย
“เอ่อ...จะไม่หยุดเดินก่อนหรือเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะเหนื่อยเอานะค่ะท่านอ๋องน้อย”เนื่องด้วยที่ว่าตอนนี้ไม่มีใครนอกจากหนี่เจินและพวกนางก็เลยอนุญาตให้เรียกได้แต่ต้องในนามของชายเท่านั้น
“ใช่ค่ะท่านอ๋อง ตอนนี้ท่างอ๋องกำลังตั้งครรถ์นะเจ้าค่ะเดินมาก ๆ เช่นนี้ข้าเกรงว่า...”
“ก็ได้ ๆ ข้าเข้าใจแล้วนั่งก็ได้”
แล้วหนี่เจินก็หันไปนั่งบนเก้าอี้แบบนอนก่อนจะเอนตัวแล้วหลับตาเพื่อพักสมองที่คิดมานาน แต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้หลับสนิทก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างนอกแทน
“รีบคุ้มกันฝ่าบาท มีคนลอบทำร้าย”
เสียงร้องของเหล่าทหารและเสียงวิ่งไปมาทำให้หนี่เจินสะดุ้งลืมตาขึ้น และเห็นว่าเสี่ยวเย่กับหลงเปาจับมั่นไว้ที่กระบี่คู่กาย หนี่เจินเองก็เอามือจับมั่นไว้ที่ดาบเช่นกัน
“รีบไปเร็วเข้าฝ่าบาททรงอยู่ในอันตรายแล้ว”เสียงจิ้งฟงดันขึ้นสั่งให้ทหารรีบออกไปช่วย แล้วเดินก้าวเข้ามาในห้องพักที่อยู่หนี่เจินอยู่ ก่อนจะย่อตัวให้
“ตอนนี้ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ เชิญฮองเฮาเสด็จกลับก่อน”
“ไม่!! ฝ่าบาททรงเป็นไรพี่ใหญ่”
“ฝ่าบาททรงควบม้าเข้าไปในป่าลึกพวกกระหม่อมตามไปไม่ทันพ่ะย่ะค่ะ แล้วระหว่างทางก็ถูกคนรอบทำร้าย กระหม่อมเลยพลัดหลงกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝะ...ฝ่าบาท”
หนี่เจินล้มลงไปกองกับพื้นท่าทางเหมือนกับสติจะหลุดลอยไป เมื่อได้ทราบข่าวคราวจากผู้เป็นพี่จนสาวใช้ทั้งสองต้องรีบเข้ามาประคองให้นั่งบนเก้าอี้แบบนอนแทน
“ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วต้องขอให้ฮองเฮาเสด็จกลับวังก่อน
“ไม่!! ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น!! ข้าจะไปช่วยฝ่าบาทก่อนพี่ใหญ่!!”
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าทรงไปด้วยอีกพระองค์อาจจะเข้าแผนของอีกฝ่ายก็เป็นได้ ตอนนี้กระหม่อมสั่งให้ทหารออกตามหาฝ่าบาทแล้ว”
“ถึงข้ากลับไปข้าก็อดหัวไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละ ให้ข้าอยู่ช่วยนะพี่ใหญ่”
เสียงหวานร้องขออย่างอ้อนวอน เขาไม่เคยเห็นน้องคนนี้ร้องไห้หรือทำหน้าเศร้ามาก่อน ราวกับหัวใจดวงจะแตกสลาย ถึงเขาเองจะห่วงฮ่องเต้มากเท่าไร ก็คงไม่มากกว่าน้องของเขาเป็นแน่
“ก็ได้ถ้าเจ้าจะอยู่ที่นี่ แต่พี่ไม่อนุญาตให้เจ้าออกไปข้างนอก รอให้สงบก่อนถึงจะออกไปได้ตอนนี้ขอให้เจ้ารอพี่อยู่ที่นี่จนกว่าพี่จะบอกให้เจ้าออกไปได้ ถ้าตกลงพี่ก็จะให้เจ้าอยู่แต่ถ้าไม่พี่จะส่งเจ้ากลับทันทีไม่มีข้อแม้อะไรทั้งสินตกลงมั้ย”
หนี่เจินพยักหน้าถึงเขาจะไม่เห็นด้วยที่ไม่ยอมให้ออกไป แต่ก็ดีกว่าถูกส่งกลับไปวังแล้วไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
เมื่อรับรู้ว่าหนี่เจินนั้นยอมรับขอตกลงของตัวเอง จิ้งฟงก็หันมาสั่งสองสาวใช้ให้ดูแลหนี่เจินให้ดีอย่าให้ออกไปข้างนอกเด็ดขาด สองสาวใช้พยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เมื่อสองสาวใช้รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะก็รีบเดินออกนอกที่พักไป
“ขอให้ฝ่าบาททรงปลอดภัยด้วย อย่าได้ทรงเป็นอะไรเลย”
หนี่เจินเอามือลูบท้องแบนราบราวกับจะให้ลูกน้อยที่ยังไม่ลืมตาดูโลกช่วยภาวนาให้พ่อของเขาปลอดภัย ใบหน้าหวานตอนนี้มีสีหน้ากังวล สองสาวใช้เองก็อดที่จะเศร้าแทนผู้เป็นนายไม่ได้ แต่ก็ได้แต่นั่งมองอย่างเดียวเท่านั้น
ไม่นานนักเสียงด้านนอก็เบาลงอาจเป็นเพราะตอนนี้เหล่าทหารเริ่มแยกย้ายไปตามหาฮ่องเต้แล้วก็ได้ หนี่เจินได้แต่นั่งภาวนาก็ต้องตกใจ เพราะจู่ ๆ ก็ทหารนายหนึ่งเดินข้ามา
“จิ้งฟงอยู่มั้ย ท่านแม่ทัพจิ้งฟง”
ชายในชุดทหารที่ไม่ต่างกับหนี่เจินและสองสาวใช้นักเดินเข้ามาในห้อง หมวกที่ปกปิดหน้าตาไว้ทำให้หนี่เจินมองไม่เห็นว่าหน้าตาของอีกฝ่ายเป็นใคร โชคดีที่หนี่เจินไม่เผลอตัวถอดหมวกออกเลยทำให้อีกฝ่ายเองก็ไม่เห็นหน้าตาของหนี่เจินเช่นกัน
“ท่านแม่ทัพออกไปตามหาฝ่าบาท ไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือฝากข้าไว้ก็ได้ ถ้าท่านแม่ทัพกลับมาข้าจะรายงานให้”
“ข้า...”ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะเอ่ยก็มีทหารอีกนายโผล่เข้ามาแทน
“ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ อ่ะ...อ้าว...”
ทหารอีกคนก้าวเข้ามาก็ต้องหยุดชะงักเพราะแทนที่เขาจะได้เจอกับบุคคลที่เอ่ยนาม แต่กลับเป็นทหารสี่นายที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใครแทน
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพอยู่มั้ย”
“ท่านแม่ทัพออกไปตามหาฝ่าบาทมีอะไรก็บอกข้าเดี๋ยวข้ารายงานให้”
“ถ้างั้นก็ขอฝากด้วยเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก นี่เป็นสารจากวังหลวงบอกว่าให้รีบส่งให้ท่านแม่ทัพโดยด่วน”
“สารจากวังหลวงงั้นหรือ?”
“ขอรับ งั้นข้าขอตัวก่อนขอรับ”พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง
หนี่เจินเปิดอ่านสารที่พึ่งได้รับมาในทันที และแล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่ออ่านข้อความในสารด่วนนี้จนจบ ก่อนจะทิ้งลงอย่างไม่ใยดี ทหารอีกนายที่ยังคงไม่ไปเก็บสารฉบับนั้นขึ้นมาอ่านก่อนอีกฝ่ายจะมีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
“หนี่เจินไม่จริงใช่มั้ย”
“เอ๋? ไหนข้าขออ่านหน่อย”
“รายงานท่านแม่ทัพตอนนี้มีคนร้ายบุกวังหลวงลักพาตัวฮองเฮาที่ทรงประทับอยู่ในวังหลวงไป ตอนนี้เราทำการติดตามคนร้ายไปแล้ว”
“ไม่จริง ชุนเซียง ชุนเซียงกำลังตกอยุ่ในอันตราย”
“ชุนเซียง? เจ้าพูดอะไรคนที่โดดผ่านตัวไปเป็นหนี่เจินนะ”
ทหารนายนั้นเถียงขึ้นหนี่เจินหันไปมองหน้าอย่างสงสัย เสียงทุ้มนุ้มอันคุ้นเคยกับการเรียกแบบนี้นอกจากฮ่องเต้แล้วก็มีเพียงคนที่บ้านเท่านั้นที่จะเรียกเช่นนี้ได้
“หรือว่าท่าน? คือ...ฝ่าบาท?”
“เอ๊ะ? เจ้ารู้ได้ยังไงกัน แล้ว...เสียงนี้...ข้าว่าคุ้น ๆ นะ หรือว่าเจ้าจะเป็น...”
“หม่อมฉันหนี่เจินเพค่ะฝ่าบาท”
ว่าแล้วก็พลางถอดหมวกออกก่อนจะโผล่กอดฮ่องเต้ที่ยังทรงงงอยู่ว่าทำไมถึงได้มาอยู่ตรงหนี้ได้ ก่อนจะนำพระหัตถ์ถอดหมวกออกแล้วมองคนในอ้อมกอดให้แน่ใจ
“เจ้า...ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“ฝ่าบาทเองก็เหมือนกัน ทำไมทรงฉลององค์เช่นทหารอย่างนี้ แล้วก็หม่อมฉันคิดว่า...ทรงโดนลอบทำร้ายอยู่”
“คนที่โดนลอบทำร้ายน่ะเป็นแค่ตัวปลอมที่ข้าให้เข้ามาแสดงบนบาทของข้าเท่านั้น”
“ได้ยินเช่นนี้หม่อมฉันก็วางใจแล้วเพค่ะ”
“ว่าแต่ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วถ้างั้นใครกันล่ะที่โดนจับตัวไป”
“จริงด้วยทำไงดีเพค่ะ น้องสาวของหม่อมฉันเพค่ะ น้อสาวของหม่อมฉันที่ชื่อเฉินชุนเซียง ชุนเซียงโดนคนร้ายจับไปแล้ว หม่อมฉันจะทำเช่นไรดีหม่อมฉันปลอมตัวออกมาพร้อมกับขบวนของฝ่าบาท เลยให้ชุนเซียงปลอมตัวเป็นหม่อมฉันแล้วอยู่ในตำหนักแทน ไม่คิดว่า...จะทำเช่นไรดีเพค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงโอบกอดร่างบางไว้ พระหัตถ์ข้างหนึ่งยกขึ้นลูบเรือนผมยาวสวยที่ถูกถักเปียไว้อย่างเบามือ ก่อนจะพาหนี่เจินไปนั่ง
“ใจเย็นก่อน ตอนนี้ทหารได้ติดตามไปแล้วอีกอย่างราชองค์รักษ์สองของข้าก็อยู่นะเจ้าอย่าลืมสิ ข้าให้พวกเข้าคุ้มครองเจ้า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงพวกนั้นไม่อยู่เฉยแน่”
“จริงหรือเพค่ะ ค่อยยังชั่วถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็คงวางใจได้”
“ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ข้าบอกให้เจ้าอยู่ที่วังไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ...ก็หม่อมฉันเป็นห่วงฝ่าบาทน่ะเพค่ะ”
“ยังไงก็เถอะ คราวนี้ข้าจะไม่เอาผิดเจ้าเพราะถ้าเจ้าอยู่ในวังจริง ข้าคงเสียใจนักหากเจ้าถูกพาตัวไปเช่นนั้น”
“ถึงไม่ใช่หม่อมฉัน แต่คนที่ถูกพาไปเป็นน้องสาวของหม่อมฉันนะเพค่ะ”
“เอาเถอะน่า ตอนนี้พวกเราก็ได้แต่รอข่าวจากสองคนนั้น”
“เพค่ะ”
“ทูลฝ่าบาท อ๊ะ...ฮองเฮา!! ทะ..ทำไมทรงประทับอยู่ที่นี่ล่ะพ่ะย่ะค่ะ!!”เสียงมหาขันทีเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้ามาเพื่อรายงานเหตุการณ์ข้างนอก
“เจ้ามาก็ดีแล้วเสี่ยวงตั้งจือ ไปเอาชื่อของสตรีมาให้ข้าหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
แล้วเสี่ยวตั้งจือก็เดินออกไปจากห้องทิ้งให้หนี่เจินและสองสาวใช้ไว้ เมื่อเห็นว่ามหาขันทีออกไปแล้วฮ่องเต้ก็ทรงส่งสายตาไปยังสองสาวใช้ที่หันมามองพอดี สองสาวใช้ที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องทำอะไรเลยลุกขึ้นแล้วขอตัวออกไป ทิ้งให้หนี่เจินอยู่กับฮ่องเต้เพียงลำพัง
+++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนะ
เอาไว้ไปลุ้นกันต่อตอนหน้าจร้าาาาา