[Y] จอมใจจักรพรรดิ์ [ตอนจบ+บทส่งท้าย] [P. 21] [26/07/55]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ท่านคิดว่าเรื่องนี้สนุกหรือไม่ (เอาความจริงนะจะได้ไปแก้ให้ดีขึ้น)

สนุกมาก
262 (73%)
ก็ใช้ได้ไม่น่าเบื่อเกิน
97 (27%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 282

ผู้เขียน หัวข้อ: [Y] จอมใจจักรพรรดิ์ [ตอนจบ+บทส่งท้าย] [P. 21] [26/07/55]  (อ่าน 394836 ครั้ง)

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

เรื่องนี้เคยโพสอีกเบอร์ดหนึ่งมาก่อน

แล้วพอดีเรายากแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ บอร์ดนี้ด้วย

ถ้าใครที่เคยอ่านมาแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเราจะย้ายบอร์ดลงนะ

เพราะเราจะลงทั้งสองเบอร์ดเลย

วันนี้จะลงให้ครบ 10 ตอนเลยจะได้เท่ากับอีกบอร์ดที่ลงอยู่ด้วย

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

จอมใจจักรพรรดิ

บทนำ

ในสมัยราชวงศ์ถังรัชกาลฮ่องเต้ถังเกาจู่ได้ให้กำเนิดพระโอรส 3 พระองค์ ได้แก่ องค์ชายใหญ่หลี่เจี้ยนเฉินองค์ชายรองหลี่ซื่อหมิน องค์ชายเล็กหลี่หยวนจี้

จากนั้นภายในวังก็เกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์กันระหว่างพระโอรสทั้ง3 พระองค์ ต่างก็แย่งชิงเพื่อจะให้ตนได้ขึ้นครองราชย์และในที่สุดองค์ชายรองหลี่ซื่อหมินก็สังหารองค์ชายใหญ่ที่เป็นพระเชษฐาและองค์ชายเล็กที่เป็นอนุชาลง

เนื่องมากจากพระเชษฐาคิดลอบปลงประชนองค์ชายรองจึงทำให้องค์ชายรองตลบแผนเป็นฝ่ายปลงประชนแทนส่วนพระอนุชานั้นผู้สังหารคือเว่ยฉือจิ้งเต๋อซึ่งเป็นคนสนิทขององค์ชายรอง

หลังจากการแย่งชิงบัลลังก์สิ้นสุดลงฮ่องเต้เกาจู่ก็ได้แต่งตั้งองค์ชายหลี่ซื่นหมินเป็นไท่จื่อ(รัชทายาท) และในเวลาต่อมาก็ได้สละราชสมบัติให้องค์ชายหลี่ซื่อหมินได้ครอบราชต่อเมื่อขึ้นครองราชย์ได้เปลียนพระนามเป็น‘ฮ่องถังไท่จง’

ตั้งแต่ที่ทรงขึ้นครองราชย์มาฮ่องเต้ถังไท่จงยังไม่ทรงแต่งตั้งฮองเฮาไว้คู่บารมีสักทีสาว ๆที่เข้ามาถวายตัวต่างพากันลุ้นว่าตนเองจะได้ขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคตต่างพากันแย่งชิงดีชิงเด่นกัน
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:47:18 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
1

ณ ตำหนักอ๋องเฉิน

“อะไรนะคะ ท่านอ๋องน้อยจะออกไปเที่ยวข้างนอก”เสียงสาวใช้คนสนิทเอ่ยอย่างตกใจ

“ใช่เสี่ยวเย่ ข้าอยากออกไปข้างนอกบ้าง ไม่รู้ทำไมท่านพ่อท่านแม่ต้องห้ามไม่ให้ข้าออกไปข้างนอกก็ไม่รู้ ทั้งที่ข้างเป็นชายแท้ ๆ แต่กลับต้องอยู่ในบ้านเยี่ยงสตรีเช่นนี้ทุกวัน ๆ ข้างเบื่อจะแย่แล้ว ที่น้องหญิงของข้ายังออกไปไหนมาไหนได้เลย”

คนที่บอกตนเองเป็นชายชาติบุรุษ แต่รูปร่างนั้นหาใช่เยี่ยงชายชาตรีไม่ แต่กลับกลายเป็นรูปร่างโปร่งบางเยี่ยงสตรี รูปหน้ามลเรียวสวยได้รูป ที่เขากับดวงตาเรียวคู่สวย ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสวย และเรือนผมสีดำสนิทยาวสลวยจนถึงกลางหลัง

ถ้าใครได้เห็นต้องไม่สงสัยแน่ว่าคนตรงหน้านั้นหาได้เป็นชายชาตรีอย่างแน่นอน แต่คงจะคิดว่านางฟ้ามาจุติหรืออย่างไรเป็นแน่แท้

“ไม่ได้นะคะท่านอ๋อง ถ้าท่านออกไปสภาพนี้ข้างเกรงว่ายามหน้าประตูคงไม่มีวันให้พวกเราออกไปแน่”เสี่ยวเย่ทักท้วง

“ก็จริงนะ งั้นจะให้ข้าควรทำไงดีล่ะเพื่อที่จะได้ออกไปบ้างนอกได้”

“งั้นก็ปลอมตัวออกไปสิคะ ท่านอ๋องน้อยหนี่เจิน” เสียงของสาวใช้คนใหม่นามหลงเปาเดินเข้ามาในห้อง

“นี่พี่หลงเปาก็เป็นไปอีกคนหรือคะ ถ้าท่านอ๋องเฉินและฮูหยินรู้เข้าจะไม่พอใจเอานะค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่าข้าจะบอกท่านแม่เองว่าข้าบังคับให้พวกเจ้าพาออกไป ไม่งั้นข้าจะหนีออกไปเองพวกเจ้าเลยต้องพาข้าออกไป”อ๋องน้อยหนี่เจินตอบพลาง ยิ้มหวานที่เล่นเอาคนมองต้องใจอ่อนจนได้

“งั้นท่านอ๋องต้องเปลี่ยนชุดก่อน ข้าจะเตรียมให้รอสักคู่นะคะ”

หลงเปาหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเสื้อผ้า ที่มองยังไงก็เสื้อผ้าผู้หญิงทั้งนั้น

“นี่เจ้าคงไม่ได้ให้ข้าเปลี่ยนชุดนี้ออกไปหรอกนะ นี่มันชุดของหลิงเอ๋อนิ”

“ใช่ค่ะ ข้าไปขอยืมท่านหญิงมาเพื่อให้ท่านใช้ในการปลอมตัวออกไป”

“แต่ท่านต้องสัญญากับข้าก่อนนะคะว่าจะใส่ชุดนี้และออกไปในฐานะท่านหญิงหนี่เจินแทนท่านอ๋องน้อยหนี่เจินน่ะคะ”หลงเปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ก็ได้ ๆ ข้าตกลงแล้วจะไปกันตอนไหนล่ะ”

“ถ้าท่านอ๋องพร้อมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเลยดีกว่าค่ะ”

เวลาเดียวกันในวังหลวงฮ่องเต้ที่กำลังทรงงานอยู่ก็ละจากหนังสือดีกาหันไปถามคนสนิททั้งสอง ที่เดินเข้ามาในห้องพอดี

“ฝ่าบาทเรียกกระหม่อมทั้งสองมีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเว่อฉือจิ้งเต๋อดังขึ้นโดยมีอีกคนที่เดินเข้ามาคือหยวนตงเฟย

“ข้าว่าจะออกไปนอกวังไปดูความเป็นอยู่ของประชาชนซะหน่อย ข้าอยากให้พวกเจ้าไปกับข้าด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะรีบเตรียมตัวและสั่งให้ทหารจำนวนหนึ่งคอยอารักขาไปด้วย”เป็นหยวนตงเฟยที่เสนอความเห็น

“ไม่จำเป็นต้องนำคนอารักขาไปด้วย ไปแค่เจ้าสองคนก็พอแล้ว เราจะไปในฐานะพ่อค้าเร่ที่มาจากต่างเมือง เอาไว้ไปเตรียมรถม้าให้ข้าแล้วรอข้าที่นั้นอีกสักพักข้าจะตามไป”

“รับด้วยเกลาพ่ะย่ะค่ะ งั้นหม่อมฉันทูลลา”

หลังจากที่ทั้งสองออกไปฮ่องเต้ถังไท่จงก็ส่งสะสางงานที่ครั่งค้างให้เสร็จ ก่อนจะกลับยังตำหนักเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ให้เป็นเช่นพ่อค้าเร่ที่ให้เหล่า นางกำนัลได้จัดเตรียมไว้แล้ว

ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดสีแดงขริบเงินที่ดูเหมือนพ่อค้าจากต่างแดนที่มาข้าขายก่อนจะนั่งเกี้ยวไปยังที่เตรียมรถม้าไว้รอพระองค์

“เรียบไปกันเถอะวันนี้ข้ากะจะดูโคมลอยซะหน่อย นาน ๆ จะออกนอกวังสักที”

“ฝ่าบาทไหนพระองค์บอกจะไปดูความเป็นอยู่ของประชาชนไงพ่ะย่ะค่ะ”เสียงจิ้นเต๋อ(ขอเรียกย่อแล้วกันชื่อยาวเกิน)ขัดขึ้น

“นี่ก็เป็นการไปดูความเป็นอยู่ยังไงล่ะ ข้าก็แค่ได้ผลประโยชน์ในการไปนิดหน่อยเท่านั้น”

“พ่ะย่ะค่ะหม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์มีผมประโยชน์เพียงนิดหน่อยเท่านั้น”เสียงตงเฟยกล่าวอย่างปลง ๆ

“เอาน่าพวกเจ้าไม่ต้องเป็นการเป็นงานมากนักหรอก แล้วอยู่ข้างนอกให้เรียกข้าว่านายท่านพอ ตอนนี้ข้าปลอมเป็นพ่อค้าเร่ ที่เข้ามาทำการค้าที่เมืองฉางอันอยู่เข้าใจมั้ย”

“ขอรับนายท่าน/ขอรับนายท่าน”ทั้งสองรับคำก่อนที่จะเชิญฮ่องเต้ประทับรถม้าส่วนพระองค์แล้วตัวเองก็ขี้ม้านำขบวนแทน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:48:23 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
2

กลับมาด้านหนี่เจินและสองสาวใช้

หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยทั้งสามคนก็ออกจากตำหนักโดยอ้างว่าท่าน อ๋องอนุญาตแล้ว เมื่อออกมาได้เฉิงหนี่เจินก็ร่าเร่งขึ้นมาอย่างมาก เพราะโลกภายนอกนั้นเขาไม่เคยได้ออกมาได้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวมันช่างมีแต่เรื่องน่าสนุกซะนี่ มองไปทางไหนก็ตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด

“นี่วันนี้มีงานโคมลอยด้วยแหละไปกันมั้ยเธอ เขาว่ามีการประชัดโคมลอยด้วย”เสียงของชาวที่เดินผ่านไปมากคุยกันดังขึ้นเรียกความสนใจของเฉิงหนี่เจินไม่น้อย

งานโคมลอยหรือข้าเองก็อยากไปดูเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยออกมาดูท่ามกลางผู้คนเลย มีแต่ต้องไปนั่งดูชั้นพิเศษที่มีไว้สำหรับขุนนางเท่านั้น

“นี่ข้าอยากไปงานโคมลอยพวกเจ้าพาข้าไปได้หรือเปล่า”หนี่เจินหันไปถามสองสาวใช้ที่กำลังเดินดูของตามหลังมาติด ๆ

“ไม่ได้ค่ะท่านหญิง งานโคมลอยจะเริ่มเมื่อเย็นมากแล้วข้าเกรงว่าเราจะกลับไปก่อนที่ท่านอ๋องเฉิน และฮูหยินกลับไม่ทันค่ะ”หลงเปาตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย นาน ๆ ข้าจะออกจากบ้านไม่สินี่เป็นครั้งแรกที่ข้าออกมาเองด้วยซ้ำไปตามใจข้าหน่อยสิวัน ๆ ข้าอยู่แต่ในบ้านเรียนฝึกดาบ การต่อสู้ก็บ่อย แถมยังต้องไปนั่งเรียนการเป็นกุลสตรีกับน้องเล็กอีกปล่อยให้ฉันได้ทำอะไรตามใจชอบบ้างไม่ได้หรือไง”หนี่เจินบอกเสียงเศร้าเล่นทำเอาพี่เลี้ยงทำหน้าไม่ถูก

“ก็ได้ค่ะท่านหญิง แต่ท่านต้องสัญญาก่อนนะค่ะว่าท่านดูเสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านน่ะ”เสี่ยวเย่เอ่ยขึ้นเล่นเอาคนเป็นนายต้องตกปากรับคำ

“อืม เราสัญญาดูโคมลอยจบเมื่อไรข้าจะรีบกลับตำหนักเลย”หนี่เจินตกปากรับคนเสียงใส

ในขณะที่เดินเที่ยวชมภายในตลาดอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้นจู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีล้อมหน้าล้อมหลังคนทั้งสามเอาไว้เสียแล้ว

“น่ะ...นี่พะ...พวกท่านจะทำอะไรน่ะ”เสียงถามอย่างตกใจของเสี่ยวเย่เอ่ยถามกลุ่มคนที่ล้อมพวกนางไว้

“ข้าอยากให้แม่นางคนสวยไปชมโคมลอยด้วยกันคืนนี้ ต้องขออภัยที่คนของข้าเสียมารยาทไปหน่อย”

เสียงของชายหนุ่มรูปงามที่เดินเข้ามาใหม่เอ่ยขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้คนที่ถูกล้อมคล้อยตามคำพูดนั้นได้ เสี่ยวเย่และหลงเปาออกมายืนบังไม่ให้ชายคนนั้นเข้าใกล้หนี่เจินได้

“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครถึงได้มาชวนท่านหญิงของเราไปดูโคมลอยอย่างนั้นหรือ”หลงเปาเป็นฝ่ายถามกลับไปก่อน

“ข้าเป็นลูกของใต้เท้าหวังหลงอู่ ชื่อหวังหลงเฟย”

หลงเฟยเอ่ยแนะนำตัวเองก่อนจะมองไปยังหนี่เจินที่แอบอยู่ข้างหลังหลงเปาและเสี่ยวเย่

“ที่แท้ก็คุณชายตะกูลหวังนี่เอง แต่เราคงให้ท่านหญิงของเราไปกับท่านไม่ได้หรอก”เป็นเสี่ยวเย่ที่เอ่ยขึ้น สร้างความแปลกใจให้กับอีกฝ่าย

ในขณะเดียวกันกลุ่มคนอีกกลุ่มที่มองเห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดกำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสบาย ๆ ในโรงเตี๋ยมข้าง ๆ ที่เกิดเหตุ

“ท่าทางจะมีเรื่องกันนะขอรับนายท่าน”จิ้งเต๋อเอ่ยทำลายความเงียบก่อนคนแรก

“อืม ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”ซื่อหมินเอ่ยจบก็ลุกขึ้น

“เดี๋ยวก่อนนายท่าน ข้าเกรงว่าจะไม่ควรที่ท่านจะไปเองให้ข้าและจิ้งเต๋อไปดูก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ”

ตงเฟยออกความแต่ว่าคนที่ฟังไม่สนใจเดินไปยังจุดที่ผู้คนมุงดูกันอยู่อย่างสนใจ และเขาก็ได้เห็นหญิงสาวในชุดสูงศักดิ์ รูปร่างโปร่งบางใบหน้ามลสวย ตาเรียวสวย และริมฝีปากสีแดงสวยได้รูปนั้นอีก

เขาตกตลึงเมื่อแรกเห็น สวย...ช่างสวยงามอะไรอย่างนี้ เขาไม่เคยพบเห็นใครที่จะงดงามได้เท่านางมาก่อน แม้แต่สนมในวังก็ยังไม่อาจเทียบเท่านางได้

“หยุดนะนั้นท่านจะทำอะไรท่านหญิงของข้า”เสียงของเสี่ยวเย่ท้วงการกระทำของหลงเฟย

“ไม่ทราบว่าแม่นางมีนามว่าอันได”หลงเฟยยังคงไม่ลดละที่จะเข้าใกล้หนี่เจิน

“ถ้าท่านอยากทราบเราก็จะบอก”หนี่เจินเอ่ยเสียงหวาน

น้ำเสียงหวานไพเราะนั้นทำให้ผู้คนที่ได้ยินเคลิบเคลิ้มไปตาม ๆ กันไม่เว้นแม้แต่คนที่เดินเข้าใหม่

“ข้าชื่อเฉินหนี่เจิน เป็นลูกของอ๋องเฉินจิ้นหลาง”หนี่เจินตอบไปแบบนั้นแต่พี่เลี้ยงทั้งสองไม่พอใจเลยแก้ให้ใหม่
“ท่านหญิงคือธิดาท่านอ๋องเฉินน่ะค่ะ”หลงเปาเป็นฝ่ายแก้ให้ใหม่

“อ่อที่แท้ก็ธิดาท่านอ๋องเฉินนี่เอง สมคำล่ำรือนักว่าธิดาท่านอ๋องช่างงดงามและเข้าพบได้ยากนัก ช่างเป็นบุญของข้าที่ได้พบท่านหญิงแล้ว”

“ข้าก็ยินดีเช่นกันที่ได้พบกับคุณชาย แต่ข้าคงต้องขอปฎิเสธท่านเรื่องที่ชวนข้าไปดูโคมลอยด้วย”

“ทำไมท่านหญิงถึงได้ปฏิเสธน้ำใจข้าเช่นนี้เล่า”

“วันนี้ข้าอยากจะเดินชมกับคนของข้า และไม่อยากได้คนติดตามมากมายเช่นท่าน”

“เมื่อท่านไม่ยอมไปกับข้าดี ๆ เห็นทีข้าคงต้องบังคับท่านเสียแล้ว แล้วอย่าหาว่าข้าใจร้ายเลยนะท่านหญิง” หลงเฟยพูดจบคนของเขาที่ล้อมพวกหนี่เจินไว้ก็ตีวงแคบขึ้น แต่แล้วก็มีเสียงชักกระดาบออกมาก่อน

“หยุดนะเจ้าคนทราม คิดจะใช้กำลังกับสตรีเช่นนางงั้นหรือ”เสียงของชายหนุ่มรูปงานอีกดังขึ้นและชายคนนั้นก็เดินเข้าแทรกกลางระหว่างกลุ่มของหนี่เจินและหลงเฟย

ชายหนุ่มคนนี้รูปร่างสูงใหญ่หน้าเรียวได้รูปรับกับดวงตาคมคู่สวย จมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากที่สวยได้รูป ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอะไรเช่นนี้ เล่นเอาคนที่พบเห็นหัวใจสั่นไหว และชุดที่เขาใส่นั้นเป็นแบบพ่อค้าที่มีฐานร่ำรวยจะหาใส่ได้

“นะ...นายท่านเดี๋ยวก่อนสิขอรับ รอพวกข้าก่อน”เสียงของชายอีกสองคนดังขึ้นขณะที่กำลังฝ่าฝูงชนเข้าใหม่เพื่อมาสบทบผู้เป็นนาย

“แม่นางไม่ต้องกลัวข้าจะช่วยท่านเอง”เสียงทุ้มนุ่มเมื่อได้ยินใกล้ ๆ เล่นเอาหนี่เจินอดหน้าแดงไม่ได้แล้วมองสบตาอีกคนก่อนจะพยักหน้าให้

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าว่ารีบถอยไปจะดีกว่านะถ้าไม่อยากเจ็บตัว”หลงเฟยเอ่ยอย่างท้าทาย

“เห็นทีจะไม่เกี่ยวกับข้าคงไม่ได้ เพราะข้าเห็นอยู่ว่าเจ้ากำลังจะทำร้ายแม่นางทั้งสาม”ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ

“งั้นถ้าเจ้าเกิดตายขึ้นมาก็อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน จัดการมันได้แล้วและพาท่านหญิงมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” หลงเฟยพูดจบก็หันไปสั่งให้คนของเขาทันที

กลุ่มชายที่ยืนล้อมอยู่ในตอนแรกแปลเปลี่ยนมาชักดาบและพุ่งเข้าใส่คนทั้งสาม ชายหนุ่มรูปงามที่เข้ามาช่วยยกดาบขึ้นกันดาบที่ฟาดลงมาได้ทันท่วงที

เคร้ง! เคร้ง! ฉิ้ง!

ชายหนุ่มเหวี่ยงดาบและหลบดาบของคู่ต่อสู้ได้อย่างชำนาญก่อนที่ดาบจะฟันเข้ายังผิวของอีกฝ่าย

“อ๊ากกกกกก” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชายที่เขาสู้ด้วย

ตุบ ตุบ

และต่อด้วยเสียงของอีกสองคนที่ต่อสู้ได้เก่งไม่แพ้ผู้เป็นนายของเขาเลยแม้ แต่น้อย และตอนนี้ล้มคู่ต่อสู้ไปได้เยอะแล้ว และกำลังจะไปจัดการพวกที่เหลือดรอดอยู่

“เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง แค่คนสามคนก็จัดการไม่ได้เห็นทีข้าคงต้องลงมือเอง”

หลงเฟยชักดาบของตนเองออกมาก่อนจะพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนใกล้กับหนี่เจิน ทันทีแต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ไหวตัวทันเขายกดาบขึ้นรับดาบที่ฟันลงมาได้ทันทวงที

เคร้ง!!

เสียงดาบปะทะกันดังลั่นทำเอาหนี่เจินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ หนี่เจินคล่ำหาดาบสั้นที่พกติดตัวออกมาก่อนจะระวังตัวเองให้ออกห่างจากการต่อสู้

“ระวัง!!”

เสียงเสี่ยวเย่ร้องเตือนชายหนุ่มแต่ไม่ทันเสียแล้ว แต่แล้วจู่ ๆ หนี่เจินก็พุ่งตัวเข้าไปรับดาบแทน เล่นทำให้พี่เลี้ยงแทบจะล้มทั้งยืน เมื่อท่านหญิงผู้บอบบางวิ่งเข้าไปหาชายผู้นั้นซะแล้ว

ฟ้าว  เคร้ง!

เสียงดาบตัดผ่านเสื้อผ้าไปนิดเดียวเท่านั้น ตอนนี้หนี่เจินชักดาบสั้นออกมารับทวงที ถ้าพลาดไปอีกนิดได้มีเลือดตกยางออกแน่ เห็นอย่างนั้นเหล่าพี่เลี้ยงก็ชักดาบที่พกมาด้วย และช่วยกันจนคู่ต่อสู้ล้มลงไปนอนที่พื้นกันทั่วหน้า

“พะ...พวกเจ้า กล้าทำร้ายข้าอย่างงั้นรึ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”หลงเฟยทิ้งทายก่อนจะพยูงตัวแล้วหนีไป

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”

ชายหนุ่มรูปงามหันมาถามหนี่เจินที่ตอนนี้เสื้อผ้าขาดไปนิดนึง แล้วก็ต้องตากค้างเมื่อส่วนที่ขาดนั้นคือส่วนตรงไหล่มลที่ตอนนี้เผยให้เห็นผิวขาวนวล

เขาถอดเสื้อตัวนอกที่เป็นเสื้อคลุมออกแล้วสวมทับให้คนร่างบางตรงหน้า ทำให้คนร่างบางสงสัยถึงการกระทำของอีกฝ่ายและก็ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ตนนั้นหา ได้อยู่ในฐานะชายไม่

“ดูท่าแม่นางจะไม่เป็นอะไรมากแค่นี้ข้าก็ดีใจแล้ว”

“ต้องขอบคุณท่านมากที่เข้ามาช่วยเหลือข้า ให้ข้าให้ตอบแทนท่านสักหน่อยเถอะค่ะ”หนี่เจินกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใส

“ไม่ทราบว่าแม่นางชื่อเสียงเรียงนามอะไรหรือ”ทั้งที่เขาก็รู้ดีอยู่แล้ว เพราะได้ยินตอนที่นางบอกครั้งแรก แต่ใครล่ะจะไม่อยากได้ยินเสียงใส ๆ ของนางอีก

“ข้ามีนามว่าเฉินหนี่เจิน เป็นธิดาท่านอ๋องเฉินค่ะ แล้วไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอันใด”หนี่เจินตอบพลางหน้าแดงเมื่อสบเข้ากับดวง ตาคมคู่สวยคู่นั้นเข้า

“อันตัวข้านั้นเป็นเพียงพ่อค้าเร่ มิบังอาจเอ่ยนามที่ต้อยต่ำให้ท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ระคายหูหรอก”ชายหนุ่มกล่าวเสียงทุ้มเรียบ

“ท่านหาได้ต้อยต่ำไม่ บอกข้ามาเถลิดนามของท่าน”

หนี่เจินเอ่ยออกมาอย่างไร้เดียงสา ซึ่งทำให้อีกฝ่ายพอใจเป็นอย่างมากที่นางไม่เห็นว่าเขาเป็นเพียงชายผู้ต้อย ต่ำกว่าตน ไม่แม้จะถือว่าตนนั้นสูงกว่าเขาด้วยซ้ำไป

“ถ้าท่านหญิงใคร่รู้ข้าก็ใคร่ตอบ ข้านั้นมีนามว่าหยางซื่อหมิน เป็นพ่อค้าเร่ที่เข้ามาทำการค้าขายที่เมืองนี้”

“อย่างนั้นหรือ แล้วท่านค้าขายอะไรเล่าข้าอาจจะช่วยรับซื้อถือเป็นการตอบแทนน้ำใจที่ท่านมีต่อข้าในวันนี้”

“ข้าหาได้ต้องการเงินทองแต่อย่างไร เพียงแต่ท่านหญิงผู้สูงศักดิ์จะให้เกียรติข้าน้อยพาชมงานโคมลอยก็พอครับ”ซื่อหมินเอ่ยขึ้น เขาต้องการให้นางตกลงเพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสใกล้ชิดนางมากขึ้นกว่านี้

“ได้... ข้าตกลงข้าจะไปดูโคมลอยกับท่านหยางซื่อหมิน”

“เรียกข้าว่าพี่ซื่อหมินก็ได้ครับ พวกเราก็รู้จักกันแล้วข้าไม่อยากให้ท่านเรียกข้าเช่นนั้น”

“ก็ได้ค่ะพี่ซื่อหมิน เรียกอย่างนี้ก็สบายดีไม่ยาวมากด้วย”

“แต่กว่างายโคมลอยจะเริ่มก็อีกนาน ตอนนี้ข้าว่าไปหาอะไรทานก่อนดีกว่านะครับ”

“ข้าเห็นด้วยค่ะ อ๊ะข้าลืมพี่หลงเปากับพี่เสี่ยวเย่เลย” พูดถึงสองสาวใช้ก็ปรากฏตัวทันที

“ท่านหญิงน่ะลืมพวกข้าได้อย่างไรกันค่ะ”เสียวเย่เอ่ยอย่างน้อยใจ

“ข้าขอโทษ เอ่อนี่คือท่านพี่หยางซื่อหมิน แล้วนี่ก็พี่เลี้ยงของข้าเองคนทางซ้ายพี่หลงเปา คนทางขาวพี่เสี่ยวเย่”

เมื่อแนะนำตัวเสร็จทุกคนก็เดินหาร้านอาหารเพื่อกันรอเวลาที่จะเริ่มงานโคมลอยที่มีขึ้นในไม่ช้านี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:49:03 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
อย่าลืมแปะกฎด้วยนะค่ะ
 :bye2:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
3

หลังจากที่เดินหาร้านอาหารอยู่นานก็มาถึงยังโรงเตี๋ยมที่ใหญ่พอตัว ข้างในมีแต่พวกขุนและพ่อค้าที่ร่ำรวย หนี่เจินเห็นแล้วไม่อยากจะเข้าเลยชะงักเท้าทำให้คนที่เดินตามมาพากันสงสัย

“ทำไมท่านหญิงไม่เข้าล่ะค่ะ”เสี่ยวเย่เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ข้าว่าเราหาร้านอื่นดีกว่าเอาโรงเตี๋ยมกลาง ๆ พอ ข้าไม่อยากเข้าที่นี่”

หนี่เจินเดินออกห่างร้านนั้น ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับกลุ่มของชายหนุ่มที่เดินตามมาติด ๆ สองบ่าวที่เดินตามนายของตนหันมองหน้ากันแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลยหันไปถามผู้เป็นนายแทน

“นายท่าน ข้าว่าท่านหญิงท่านนี้แปลกมั้ยขอรับ”ตงเฟยเป็นฝ่ายเอ่ยถามในข้อสงสัยผู้เป็น นายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถ้าเป็นปกติหญิงสูงศักดิ์ก็ต้องไปในที่ ๆ สูงศักดิ์ แต่นางกลับไม่ใช่เช่นนั้นทั้งยังบอกว่าไม่อยากเข้าอีก

เดินมาได้สักก็เจอโรงเตี๋ยมขนาดกลางที่ผู้คนไม่มากนัก คราวนี้หนี่เจินเลือกที่จะขึ้นไปนั่งยังชั้นสองและติดกับระเบียงที่มองเห็น ข้างนอก

“นางจะกินอาหารแบบนี้ได้หรือนายท่าน แล้วนางคิดเช่นไรถึงได้เข้าร้านนี้ล่ะ”จิ้งเต๋อเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่เจ้าของร้านพามานั่ง

“ข้าเองก็อยากรู้ว่าเหตุใดนางจึงไม่เลือกร้านนั้น แต่กลับเลือกร้านนี้แทน”

เมื่อได้ร้านอาหารและโต๊ะนั่งแล้วหนี่เจินก็สั่งอาหารมากมายที่พอจะกินได้หกคนมา แล้วก็หันไปมองทิวทัศน์ด้านนอกแทน

“แม่นางเฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามท่าน”

“เรียกหนี่เจินก็ได้ค่ะพี่ซื่อหมิน ข้าไม่ถือหรอก”

“อ่า...หนี่เจิน ข้ามีเรื่องถามเจ้า”

“ค่ะว่ามาเลยพี่ซื่อหมิน”

“ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าร้านแรกล่ะ ในเมื่อมันออกจะสมฐานะของเจ้า”ซื่อหมินมองไปยังคนตรงหน้าที่ยิ้มน้อย แต่ทำให้หัวใจกระตุ้กไม่น้อย

“นั้นก็เพราะข้าไม่อยากให้พวกท่านพี่ที่ตามข้ามาต้องอึดอัดกับบรรยากาศของที่นั้น ก็ที่นั้นมีแต่เหล่าขุนนางชั้นสูง พวกนั้นก็ไม่ชอบที่ให้คนชั้นกลางเข้าไปนักหรอกค่ะ และอีกอย่างข้าเองก็ไม่ชอบคนพวกนั้นที่มองคนที่ภายนอกด้วย”

“แล้วอีกอย่างไม่ว่าทานอะไรที่ไหนก็อาหารเหมือนกัน ไม่จำเป็นที่ข้าจะทานที่นั้นอย่างเดียวหรอกค่ะ”

คำตอบของหนี่เจินเล่นทำเอาคนทั้งหมดที่ได้ฟังถึงกับชื่นชม ที่นางไม่ยึดติดกับยศฐานบรรดาศักดิ์เลย และยังนึกพวกเขาที่ตามนางมาอีกด้วย

ยิ่งได้ยินเช่นนี้ยิ่งทำให้ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยในตัวของธิดาอ๋องเฉินยิ่งนัก และคิดแผนที่จะให้นางเข้าวังและเป็นฮองเฮาคู่บารมีของตนเองให้ได้

“ข้าว่าเรารีบทานดีกว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามข้างหน้างานโคมลอยก็จะเริ่มแล้ว เพราะข้ามัวแต่หาร้านอาหารแท้ ๆ ทำให้พวกท่านต้องเสียเวลากับข้าไปด้วยเลย”

เสียงตอบอย่างไม่พอใจน้อย ๆ เรียกร้อยยิ้มจากคนที่ยิ้มยากเช่นนายของเขาได้ ท่านหญิงคนนี้ไม่เลวเลย ตงเฟยมองหน้าผู้เป็นนายที่อมยิ้มกับความน่ารักใสซื่อของท่านหญิงตระกูลเฉิน แล้วหันไปกระซิบกับเพื่อนพูดคุยถึงความแปลกตาไปของเจ้านายตนเอง

แล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วคนทั้งหมดมุ่งหน้าสู่ลานที่จัดงานโคมลอย ผู้คนมากมายต่างพากันเข้ามาในงานทำให้บรรยากาศครึกครื้น ภายในงานมีการออกร้านมากมายและผู้คนต่างให้ความสนมาก เดินไปเลื่อย ๆ จะเจอกับลานที่ใช้ในการปล่อยโคมลอย

หลังจากที่ลอยโคมกันแล้วก็เดินไปยังศาลาริมน้ำนั่งดูโคมลอยกันแล้วก็ถึงเวลาที่แยกย้ายกันซะที

“คุณหนูนี่ดึกมาแล้วข้าว่าเรากลับกันเลยดีกว่านะค่ะ ท่านอ๋องกับฮูหยินจะเป็นห่วงเอาได้นะคะ”เสี่ยวเย่เตือนหนี่เจินที่กำลังนั่ง ดูโคมลอยเพลิน ๆ อยู่

“จริงด้วย! งั้นเห็นทีข้าคงต้องกลับจริง ๆ เสียแล้ว ไม่งั้นท่านพ่อท่านแม่ได้ให้คนออกตามหาแน่”

“เจ้าจะกลับแล้วหรือหนี่เจิน”เสียงที่เจือเศร้าเพราะไม่อยากจากคนตรงหน้า

“ค่ะพี่ซื่อหมิน เห็นทีข้าควรกลับได้แล้วมิเช่นนั้นคนที่ตำหนักจะเป็นห่วงเอา”

“แล้วข้าจะได้มีโอกาสพบเจ้าอีกหรือไม่”

“ถ้ามีวาสนาต่อกันข้าเกรงว่าเราคงได้พบกันอีก แต่ถ้าท่านอยากพบข้าล่ะก็ให้ท่านไปหาข้าที่ตำหนักอ๋องเฉินก็ได้ค่ะ แค่เพียงท่านบอกมาพบหนี่เจินเขาจะมาบอกข้าเอง”

“ถ้าว่าเช่นนั้นข้างเองก็คงไม่มีเรื่องใดจะพูดอีก หวังว่าข้าคงได้พบเจ้าอีกเท่านั้น”

“ค่ะพี่ซื่อหมินแล้วพบกันใหม่”

“แล้วพบกันใหม่”

เมื่อล่ำลาเสร็จหนี่เจินก็เดินทางกลับจ้วนอ๋องเฉินทันทีและเมื่อถึงประตูตำหนักก็เห็นว่าผู้คนในจ้วนต่างพากันวุ่นวายอยู่

“นั้นไงเห็นมั้ยค่ะท่านอ๋องน้อย ข้านึกแล้วไม่มีผิด”เป็นเสี่ยวเย่ที่ทักขึ้น

“เอาน่ามันไม่ถึงกับตายหรอน่า แค่โดนทำโทษนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”หนี่เจินพูดติดตลกแต่สองพี่เลี้ยงสาวกับไม่ตลกด้วยสิ

“ท่านอ๋องน้อยกลับมาแล้ว พวกเรารีบไปรายงานท่านอ๋องกับฮูหยินเร็ว”เสียงของพ่อบ้านร้องขึ้นเมื่อหันมาเห็นหนี่เจินเข้า

“ท่านอ๋องน้อยท่านหายไปไหนมา รู้มั้ยว่าคนทั้งจ้วนเป็นท่านแค่ไหน”พ่อบ้านจางจู่ซกเอ่ยถามพลางสำรวจหมุน ซ้ายหมุนขวาจนหนี่เจินเวียนหัวไปหมด

“พอก่อนพ่อบ้านจาง ท่านกำลังทำให้ข้าเวียนหัวแล้วนะ”หนี่เจินเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย

“ขออภัยขอรับท่านอ๋องน้อย ข้าแค่สำรวจดูว่าท่านไม่บาดเจ็บตรงไหนเท่านั้น”พ่อบ้านจางตอบแล้วก็ถอยห่างนำหนี่เจินเข้าตำหนัก

เมื่อเข้าไปยังข้างในจ้วนเสียร้องดีใจก็ดังกันทั่วหน้า ที่เห็นผู้ที่ทุกคนต่างตามหากันให้ทั่วกำลังเดินเข้ามา

“ลูกแม่ ลูกหนี่เจินเจ้าหายไปไหนมารู้มั้ยว่าแม่แทบนั่งไม่ติดที่เมื่อได้ยินว่าเจ้าหายตัวไป”ฮูหยินหลิงหลันโอบกอดหนี่เจินไว้ ก่อนจะตรวจดูไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนอย่างที่พ่อบ้านจางทำ

“ท่านแม่ข้าไม่ได้เป็นอะไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าแค่ออกไปเที่ยวข้างนอกเท่านั้นและก็เลยไปงายโคมลอยมา”

“เจ้าไม่ควรออกไปเลย แม่เป็นห่วงเจ้าพ่อเจ้าเกือบจะออกไปตามหาเจ้าแล้วถ้าเจ้ายังไม่กลับมาอีกภายครึ่งชั่วยาม”

“ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงข้ามากเกินไปแล้วนะครับ ข้าน่ะเป็นบุรุษเพศหาใช่สตรีไม่ใยข้าต้องกลัวอันตรายด้วย”

“แม้นหากเจ้ามีใบหน้าเยี่ยงบุรุษควรมีพ่อก็จะไม่ห่วงเจ้าเลยหนี่เจิน”อ๋องเฉินกล่าวขึ้นพลางโอบกอดลูกชายคนรองไว้

“ท่านพี่นี่ก็ดึกแล้วข้าว่าเราควรจะให้ลูกได้พักผ่อนก่อนมีอะไรค่อยพูดคุยกันพรุ่งนี้จะดีกว่านะค่ะ”

“งั้นเจ้าไปพักผ่อนเถอะหนี่เจิน พรุ่งนี้พ่อจะถามเจ้าว่าไปข้างเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนี่เจินที่กำลังเตรียมใจว่าพรุ่งคงไม่พ้นถูกทำโทษก็ โล่งอกขึ้นทันตา ที่แท้ก็เรียกมาถามว่าข้างนอกเป็นเช่นไร

“ครับท่านพ่อ”

หลังจากเรื่องยุ่ง ๆ ผ่านพ้นไปหนี่เจินก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนชุดและเข้านอน วันนี้เกิดอะไรหลายอย่าง แต่ที่ทำให้หนี่เจินคิดอยู่ในขณะนี้คงไม่พ้นชายหนุ่มที่นามว่าหยางซื่อหมินเป็นแน่

ณ เวลาเดียวของอีกฝั่งในวังหลวง

“ไม่รู้ตอนนี้เจ้าจะทำอะไรอยู่นะหนี่เจิน”

ฮ่องเต้ถังไท่จงทรงทอดมองออกไปยังข้างนอกที่ตอนนี้ดวงจันทราขึ้นให้เห็นได้เด่นชัด พระจันทร์วันนี้ช่างสวยงามนักแต่ก็ยังแพ้ความงามของนางอันเป็นที่รัก

ในตอนเช้าของวันต่อมาฮ่องเต้ถังไท่จงก็ทรงไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาและก็ต้องเป็นที่แปลกพระทัยอย่างยิ่ง เพราะปกติฮ่องเต้จะไม่รีบเข้าเฝ้าด่วนในยามเช้าเช่นนี้เพราะจะทรงงานก่อน แล้วถึงได้แวะไปเยี่ยมพระมารดา แต่วันนี้กลับเช้าซึ่งไม่เคยเกิดเรื่องช่นนี้มาก่อน

“วันนี้เจ้ามาหาแม่รีบเร่งด่วนมีเรื่องอะไรรึ”ฮ่องไทเฮาทรงตรัสถามอย่างสงสัยว่าลูกชายคนนี้มีเรื่องด่วนอะไรนักถึงได้มาแต่เช้าเช่นนี้

“เสด็จแม่ หม่อมฉันมีเรื่องอยากให้เสด็จแม่ทรงช่วยพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ทรงตรัสตอบพระมารดา

“มีเรื่องอะไรจะให้แม่ช่วยเจ้ารึ รีบบอกมาสิ”

“หม่อมฉันอยากให้เสด็จแม่เรียกธิดาอ๋องเฉินเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”

“เรียกธิดาอ๋องเฉินเข้าวัง เรียกนางเข้ามาทำไมล่ะ”

“หม่อมฉันอยากได้นางเป็นฮ่องเฮาพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสออกมาทำให้ฮ่องไทเฮาทรงแปลกพระทัยยิ่งนั้นในเมื่อพระนางเคยเสนอลูกขุนนางมากมายให้เป็นสนมและส่งเสริมให้พวกนางเหล่านั้นเป็นฮ่องเฮา แต่ไม่มีสักคนที่พวกนางจะเป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ แต่นี่ฮ่องเต้กลับเป็นฝ่ายขอให้ธิดาอ๋องเฉินขึ้นมาเอง ยิ่งคิดยิ่งสงสัย

“เจ้าคิดดีแล้วหรือ เจ้าเคยเห็นนางแล้วหรืออย่างไรถึงได้อยากได้นางเป็นฮ่องเฮา”

“พ่ะย่ะค่ะ ลูกเคยพบนางแล้วและคิดว่านางเหมาะสมที่จะเป็นฮ่องเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

“เลยอยากให้แม่เรียกนางเข้าวังอย่างงั้นสินะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ได้แม่รับปากว่าจะเรียกนางเข้าวัง แต่แม่ไม่รับปากว่านางจะยอมเป็นฮ่องเฮาหรอกนะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ว่าแต่เจ้าสนใจธิดาอ๋องเฉินคนไหนล่ะ”

“เฉินหนี่เจินพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“เฉินหนี่เจินหรือ แม่ไม่เคยเห็นหน้าเลยแต่เห็นว่าหลิงหลันบอกว่านางสวยมาก”

“พ่ะย่ะค่ะ นางงดงามมากจนหม่อมฉันไม่สามารถอธิบายได้”

“ได้แม่จะจัดการให้เจ้าเอง”ฮ่องไทเฮาทรงแย้มพระสรวลน้อย ๆ อย่างพึ่งพอพระทัยที่ฮ่องเต็ทรงคิดที่จะแต่งตั้งฮ่องเฮาเสียที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:49:55 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
4

ด้านจ้วนอ๋องเฉิน

ในตอนเช้าอ๋องเฉิน ฮูหยินหลิงหลัน จิ้นฟงผู้เป็นพี่ชาย และชุนเซียงผู้เป็นน้องสาวต่างสักถามเรื่องที่หนี่เจินออกไปเที่ยวจนได้ เรื่องเมื่อวานนี้และหนี่เจินเล่าว่าเขาได้พบกับอะไรบ้าง

“ดีแล้วที่เจ้าปลอดภัย พ่อล่ะอยากให้รางวัลพ่อหนุ่มคนนั้นเสียจริงที่ช่วยเจ้าไว้ทันเวลา”อ๋องเฉิน เอ่ย ทำเอาคนที่ได้ฟังกันต้องพากันคิดไปว่า ถ้าเขาของอ๋องน้อยหนี่เจินล่ะจะว่าอย่างไร

แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยออกไปเพราะทุกคนต่างรู้ดีกว่าท่านอ๋องเฉินคนนี้หวงและห่วงท่านอ๋องน้อยเพียงใด ลูกชายที่งดงามยิ่งหว่าหญิงใดในใต้หล้า ยกเว้นแต่ฮูหยินหลิงหลันผู้เป็นแม่เท่านั้นที่ท่านอ๋องยกเว้นไว้คน

“แล้วถ้าชายหนุ่มผู้นั้น ขอลูกหนี่เจินท่านอ๋องก็จะให้เขาหรือ”ฮูหยินหลิงหลันเป็นผู้เอ่ยถามคำถามที่ ทุกคนในที่นั้นมิกล้าถามอย่างแน่นอน

“ไม่มีทาง ลองขอสิข้าจะจับมันผู้นั้นไปลงโทษเสียที่บังอาจมาขอลูกหนี่เจินที่ข้ารักมากเช่นนั้น”

“ข้าเองก็มีไม่ทางยกน้องรองให้ใครหน้าไหนเด็ดขาด ข้าจะปกป้องน้องรองเองท่านพ่อ”จิ้นฟงเอ่ยสนับสนุนผู้เป็นพ่อ

“ถ้าท่านพ่อและท่านพี่ทำเช่นนั้นจริง ข้าคงต้องสงสารพี่รองซะแล้วที่พวกท่านห่วงเขาเกินไป”ชุนเซียงเอ่ยขึ้นพลาง หันไปมองผู้เป็นพี่ชายคนรอง

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ น้องเล็ก พูดเรื่องอะไรกันข้าไม่เห็นเข้าใจเลยจะให้ข้าชอบผู้ชายด้วยกันได้เช่นไร ในเมื่อตัวข้านั้นเป็นบุรุษเพศเดียวกัน”หนี่เจินพูดขึ้น

แต่ทุกคนกลับคิดตรงกันว่า จะมีหญิงใดกล้าแต่งกับเขากันในเมื่อ หน้าตาของเขาสวยกว่าผู้หญิงแท้ ๆ เสียอีก แล้วผู้เป็นพ่อก็ต้อถอดหายใจอีกครั้ง เขาจะไม่หนักใจเลยถ้าลูกคนนี้หน้าตาเป็นเยี่ยงบุรุษพึ่งจะมี

“ท่านอ๋อง ฮูหยินครับ มีคนของราชสำนักมาขอเข้าพบครับ”พ่อบ้านจางเดินเข้ามารายงาน

“คนของราชสำนักมาทำอะไรที่นี่”อ๋องเจินถามกลับไปอย่างสงสัย

“ไม่ทราบครับ เห็นบอกว่าต้องการพบท่านอ๋องแลฮูหยินเป็นการด่วนเห็นว่าเป็นรับสั่งของฮ่องไทเฮาครับ”

“เป็นรับสั่งของฮ่องไทเฮาอย่างงั้นรึ มันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากแน่ ๆ เจ้ารีบพาพวกเขาไปที่ห้องรับรองก่อนแล้วบอกว่าข้าและฮูหยินจะรีบไป“

ไม่นานนักอ๋องเฉินและฮูหยินหลิงหลันก็ไปถึงยังห้องรับรองที่ตอนนี้มีคนของ ราชสำนักคอยอยู่ เมื่อเข้าไปในห้องคนของราชสำนักก็ยืนขึ้นแล้วคราวะอ๋องเฉินและฮูหยินหลิง หลัน

“ต้องขออภัยที่ทำให้พวกท่านต้องรอ เชิญนั่งก่อน”พูดจบก็นั่งลงยังที่นั่งของตนเอง พร้อมกับฮูหยินหลิงหลันที่นั่งเคียงข้าง

“ขอบคุณครับท่านอ๋อง”

“ไม่ทราบว่าที่พวกท่านมานั้นมีเรื่องอันใดหรือ”

“เรานำราชองค์การของฮ่องไทเฮามาให้ท่านครับ”

“ราชองค์การอย่างนั้นหรือ”อ๋องเฉินเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ครับท่านอ๋อง ทรงมีราชองค์การให้ธิดาของท่านเข้าวังครับ”

“ธิดาของข้า มีรับสั่งให้ธิดาของข้าเข้าวังหรือ”

“ครับ พระองค์บอกว่าทรงอยากให้ท่านหญิงหนี่เจินเข้าเฝ้าในวันพรุ่งนี้ครับ”

“วะ...ว่าไงนะ!! ให้หนี่เจินเข้าเฝ้าพระองค์แทนที่จะเป็นชุนเซียงน่ะหรือ”

“ครับท่านอ๋อง”

“ท่านพี่เราจะทำเช่นไรดีค่ะ”เสียงฮูหยินหลิงหลันถามผู้เป็สามีอย่างร้อนใจนัก

“มันต้องมมีทางออกสิ ไม่เป็นไรเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าคิดว่าเราต้องผ่านมันไปได้ด้วยดีแน่”

ท่านอ๋องปลอมใจผู้เป็นภรรยาที่ตอนนี้ทำท่าจะร้องไห้เมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้า

“เอ่อ...ไม่ทราบว่าฮ่องไทเฮาต้องการเรียกลูกหนี่เจินไปเข้าวังเพื่อเรื่องอันใดหรือท่าน”

“เรื่องนี้ข้าเองก็มิทราบเมื่อกันท่านอ๋อง พระองค์บอกเพียงว่าจะให้เขาเฝ้าในวันพรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้!!” ทั้งอ๋องเฉินและฮูหยินหลิงหลันร้องออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ

“เอ่อ... งั้นข้าฝากกราบทูลฮ่องไทเฮาด้วยว่าข้ารับทราบแล้วและจะพาลูกหนี่เจินไปเข้าเฝ้า”

“ครับ งั้นหมดเรื่องแล้วข้าขอตัวก่อน”

แล้วคนของราชสำนักทั้งสองก็เอ่ยลาแล้วรีบกลับเข้าวังทั้งที เพื่อนำเรื่องนี้ไปกราบทูลต่อฮ่องไทเฮาซึ่งร้องฟังข่าวอยู่ที่ตำหนักหลงซู่

กลับไปด้านวังหลวงที่ตอนนี้ฮ่องเต้เอาแต่เฝ้าให้ถึงวันที่จะพบกับหนี่เจินอีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ จนไม่อันเป็นทำราชกิจ ฎีกาที่ถูกนำมาถวายยังคงกองสุมอยู่บนโต๊ะทำงานเยอะแยะมากมาย แต่ดูท่าฮ่องเต้จะทรงไม่สนใจเอาแต่มองออกไปยังหน้าประตูเผื่อที่ขันทีจะเดิน เข้ามากราบทูลถึงข่าวดี

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ จะไม่ทรงงานหรือพ่ะย่ะค่ะตอนนี้มีฎีกามากมายรอให้พระองค์ทรงอ่านและตอบกลับ มากมายนะพ่ะย่ะค่ะ”เสียงมหาขันทีเสี่ยวหลงจือ

“ตอนนี้จิตใจข้าไม่อยากทำอะไรเลย ข้าอยากได้ยินว่านางจะยอมรับการเข้าวัง และเมื่อถึงตอนนั้นข้าถึงจะมีอารมณ์ทำงานต่อ”

“แต่ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ จะทรงเสียการเสียงานนะพ่ะย่ะค่ะ”

“อืมนั้นสินะ งั้นข้าจะตอบฎีกาทั้งหมดนี้ก็พอใช่มั้ย”คำตอบที่เล่นเอาทำให้มหาขันทียิ้มบาง ๆ อย่างพอใจที่ฝ่าบาทจะทรงงานเสียที

“พ่ะย่ะค่ะ แค่ตอบฎีกาก็พอพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูล” เสียงของหยวนตงเฟยกล่าวขึ้นขณะที่ฮ่องเต้กำลังตอบฎีกา ทำให้ความสนใจล่ะจากฎีกาตรงหน้ามองผู้มาใหม่แทน

“เจ้ามีเรื่องอะไรรีบบอกข้ามาสิ”

“ทรงทราบหรือยังพ่ะย่ะค่ะว่าฮ่องไทเฮาจะทรงเรียกท่านหญิงหนี่เจินเข้าวังในวันพรุ่งนี้”

“เจ้าว่าอะไรนะ! เป็นเรื่องจริงหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ แล้วทางท่านอ๋องก็รับทราบแล้วด้วยเห็นบอกว่าพรุ่งนี้จะให้เฉินหนี่เจินเข้าวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี ๆ งั้นข้าจะรีบทำงานพรุ่งนี้ข้าจะได้ไปพบหนี่เจินเสียที”

“งั้นหม่อมฉันทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

สิ่งที่ได้ยินยิ่งทำให้ฮ่องเต้ที่ตอนแรกไม่มีแรงใจจะทำงานก็ตั้งหน้าตั้งตา ตอบฎีกามากมายที่กองสุมอยุ่กองโต แต่ตอนนี้แทบจะไม่หลงเหลืออีกแล้ว

เช้าวันใหม่ก็มาถึง

ในตอนเช้าที่แสนสนชื่นเช่นนี้ แต่บรรยากาศจ้วนอ๋องเฉินกับไม่สดชื่นนักเมื่อท่านอ๋องน้อยตระกูลเฉินจะต้อง แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นหญิงงามแทนชายหนุ่มรูปงามดั่งเช่นเคย

“ไม่เคยคิดเลยการที่เราไม่ให้เจ้าออกนอกจ้วนจะทำให้เป็นเรื่องเช่นนี้ได้”เสียงท่านอ๋องเฉินเอ่ยออกมาอย่างปลง ๆ

“ก็เพราะท่านพี่หวงลูกหนี่เจินเกินไปเลยทำให้เป็นเรื่องอย่างนี้ไงเล่า ใคร ๆ ก็คิดว่าเราหวงลูกหนี่เจินเลยคิดกันไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าลูกหนี่เจินเป็นท่านหญิงใหญ่ของท่านอ๋องแทนที่จะคิดว่าเป็นท่านอ๋องน้อยแทน”เสียงฮูหยินหลิงหลันตอบกลับผู้เป็นสามี

“ก็ข้าไม่อยากให้หนี่เจินออกไปแล้วเจอเรื่องไม่ดี ก็เลยอยากให้อยู่แต่ในจ้วนนี่ อีกอย่างลูกเราออกจะสวยกว่าผู้หญิงขืนให้ออกไปข้างนอก ข้าเกรงว่าลูกเราจะไม่ปลอดภัย”

“ก็เลยทำให้ชาวบ้านเขาคิดว่าลูกเราเป็นบุตรสาวแทนบุตรชายน่ะสิ เพราะพวกพ่อค้าที่เข้ามาขายของก็แอบมาสืบข่าว และมีบางครั้งก็บอกว่าเป็นฝาแฝดกับชุนเซียงอีก พวกเราเองก็ไม่เคยบอกกับใคร ๆ ว่าหนี่เจินเป็นบุตรชายมีแต่คนที่จ้วนเท่านั้นที่รู้ว่าลูกเรานั้นเป็นบุตรชายหาใช่บุตรสาว”

“ข้าผิดเองที่เป็นหวงว่าลูกจะเป็นอันตรายจนทำให้เขาต้องทำแบบนี้ แต่ที่ข้าไม่เข้าใจทำไมฮ่องไทเฮาถึงอยากเจอลูกหนี่เจิน”

“เรื่องนั้นคงเป็นเพราะข้าเอง ตอนนั้นข้าพาฮูหยินเหม่ยเจียงมาที่จ้วนและตอนนั้นลูกชุนเซียงจับให้ลูกหนี่เจินแต่งเป็นสตรีอยู่ พอฮูหยินเหม่ยเจียงเห็นเขาก็ถามและได้เล่าเรื่องนี้ให้ฮ่องไทเฮาทรงทราบและ เรียกข้าไปสักถาม ข้าเลยบอกว่าลูกหนี่เจินเป็นบุตรีไป”

“เรื่องนี้ค่อยคิดกันอีกทีว่าจะกราบทูลอย่างไร ข้าว่าตอนนี้ควรไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาก่อนดีกว่า”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:50:31 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
5

หลังจากที่จ้วนอ๋องเฉินวุ่นวายกับการจับท่านอ๋องน้องแปลงโฉมเป็นท่านหญิงผู้ งามได้สำเร็จ ก็ออกเดินทางเพื่อเข้าไปยังวังหลวงทำคำสั่งของฮ่องไทเฮา

“ท่านแม่ ทำไมข้าถึงต้องเข้าวังด้วยล่ะ นี่เป็นสิ่งที่น้องหญิงต้องเป็นคนทำมิใช่หรือ”เสียงหนี่เจินถามฮูหยินหลิงหลัน

“พอเจ้าไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาแล้วเจ้าจะเข้าใจเองลูกแม่”

“ครับท่านแม่”

และทั้งสองก็เดินทางเข้าไปในวังและตอนนี้ได้มาถึงยังตำหนักล่งซู่ของฮ่อ งไทเฮาแล้ว เมื่อมาถึงยังหน้าตำหนักนางรับใช้ของฮ่องเฮาก็เดินเข้ามาและโค้งคำนับฮูหยิน หลิงหลันและหนี่เจิน

“ฮ่องไทเฮารอพวกท่านอยู่ข้างในแล้วค่ะ เชิญด้านในเลยได้เลยค่ะ”พูดจบนางก็เดินนำทั้งสองเข้าไปยังด้านใน

เมื่อเดินเข้าไปยังด้านในตำหนักที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเล่นทำให้คนที่พึ่ง มาใหม่อย่างหนี่เจินมองนู่นนี่อย่างสนใจ ก่อนที่สองแม่ลูกจะไปถึงยังห้องที่ฮ่องไทเฮาทรงรออยู่

“ฮ่องไทเฮาเพค่ะ ฮูหยินหลิงหลันกับท่านหญิงหนี่เจินมาถึงแล้วเพค่ะ”

“ให้พวกนางเข้ามาได้”

“เพค่ะฮองไทเฮา”

“เข้ามาก่อนสิหลิงหลัน”

“เพค่ะฮองไทเฮา”

“พวกเจ้าเข้ามาแล้วนั่งก่อนสิ ไหนให้ข้าดูหน้าใกล้  ๆ หน่อยหนี่เจิน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าใช้ศัพท์นามผิดไปนะ ต้องเพค่ะแทนพ่ะย่ะค่ะสิเจ้าเป็นผู้หญิงนะ”

“พะ...เพค่ะ”

เมื่อเข้าไปยังในห้องสองแม่ลูกก็ถูกสั่งให้นั่งลงและหนี่ถูกเรียกให้เข้าไปหาใกล้ ๆ ฮ่องไทเฮาพิจารณารูปร่างหน้าตาและกิริยาที่งดงามสมเป็นหญิงของหนี่เจินก็พึ่งพอใจ ฮ่องเต้ช่างเลือกดีแท้งามหมดจดไม่ว่าจะเป็นท่วงท่า กิริยา หรือรูปร่างหน้า นางเหมาะสมจะเป็นฮ่องเฮา

“ข้าจะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในวันนี้เพราะข้าอยากให้หนี่เจินเข้าวัง”

“แต่หม่อมฉันคิดว่าหนี่เจินไม่เหมาะกับวังหลวงหรอกเพค่ะฮ่องไทเฮา”

“ทำไมเจ้าคิดว่าไม่เหมาะล่ะหลิงหลัน”

ผู้เป็นแม่ทำหน้าซีดเมื่อฮ่องไทเฮาถามถึงเหตุผล

“ลูกของหม่อมฉันเป็นบุรุษเพค่ะ”

“นี่เจ้าจะล้อข้าเล่นหรือไง หน้าตาหมดจด รูปร่างบางเล็กเช่นนี้ จะใช่บุรุษได้เช่นไรเจ้าไม่อยากให้ลุกเจ้าเข้าวังมาอยู่กับข้าก็ว่ามาเถอะ”

เมื่อรับรู้ถึงกระแสรับสั่งที่ไม่พอพระทัยทำเอาฮูหยินหลิงหลันทำตัวไม่ถูก รวมถึงหนี่เจินที่พลอยนั่งหน้าถอดสีไปด้วยอีกคน

“เอ่อ...หม่อมฉัน”

“ข้ารู้แล้วเจ้าคงห่วงลูกคนนี้มากล่ะสิถึงได้ไม่อยากให้ลูกของเจ้าเข้าวัง เจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี”

“เพค่ะ หม่อมฉันห่วงลูกคนนี้มากเนื่องจากไม่เคยออกไปไหนมาก่อน”

“ท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าก็ได้ ข้าโตแล้วนะเห็นอย่างนี้แต่ข้าจะไม่ให้ใครรังเกข้าอย่างแน่นอน” หนี่เจินเดินเข้าไปใกล้ผู้เป็นแม่แล้วโอบกอดไว้

“เห็นมั้ยหนี่เจินยังไม่กลัว แล้วใยเจ้าจึงกลัวล่ะลองให้ลูกเจ้าใช้ชีวิตในวังสิข้าจะคอยดูแลแทนเจ้าเอง”

“เอ่อ...ฮ่องไทเฮาเพค่ะ หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูล”หนี่เจินเอ่ยออกก่อนที่จะทำให้ฮ่องไทเฮาแปลกพระทัยอยู่ไม่น้อย

“ว่ามาสิเรื่องที่จะบอกข้า”

“หม่อมฉันขออยู่ในวัง 7 วันกลับบ้าน 7 วันจะได้มั้ยเพค่ะ”

“ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ หรือเจ้าไม่อยากอยู่ในวังแห่งนี้”

“เปล่าเพค่ะ หม่อมฉันแค่คิดถึงบ้านหากต้องจากบ้านไปเลย”

“ได้ข้าอนุญาตแต่เจ้าเองก็ต้องรักษาสัญญานะว่าจะอยู่ในวัง 7 วันกลับบ้าน 7 วัน ไม่ใช่เจ้าพอได้กลับบ้านแล้วไม่อยากกลับเข้าวังอีกล่ะ”

“พ่ะ...เอ่อ..เพค่ะ หม่อมฉันจะทำตามนั้น"

“งั้นเจ้าก็เริ่มอยู่ในวังตั้งแต่วันนี้เลยเป็นไงล่ะ”

สิ่งที่ฮ่องไทเฮารับสั่งออกมาทำให้แม่ลูกทั้งต่างพากันมองหน้าอย่างมิได้นัดหมาย แล้วก็เป็นฝ่ายลูกที่วิงวอนผู้เป็นแม่ให้แก้ไขเรื่องนี้ให้หน่อย

“เอ่อ...ฮ่องไทเฮาเพค่ะ การให้หนี่เจินอยู่ในวังวันนี้เลยจะไม่เร็วไปหน่อยหรือเพค่ะ”

“ยิ่งเร็วสิ่ยิ่งดี ฮ่องเต้น่ะชอบพอในตัวของหนี่เจินมากถึงกับเป็นคนออกปากขอร้องให้ข้ารับหนี่เจินเข้าวังด้วยตัวเองเชี่ยวนะ”

“ฮ่องเต้!!”เสียงร้องสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันอย่างประหลาดใจ

เขาไปเคยพบกับฮ่องเต้ตอนไหนกันนะ เท่าที่จำได้เขาไม่แม้แต่จะเคยเห็นพระพักตร์ของฮ่องเต้เลยสักครั้ง

“ใช่ ฮ่องเต้ลูกข้าบอกว่าอยากให้หนี่เจินเข้าวังเองเลยล่ะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ไปพบเจอหนี่เจินได้อย่างไรแต่ว่าฮ่องเต้ไม่เคยของ ให้ข้าเรียกใครเข้าวังเหมือนกับหนี่เจินมาก่อนซะด้วย”

“เอ่อ...การเรียกตัวเข้าวังมันไม่ได้ความว่าฮ่องไทเฮาจะให้ลูกหนี่เจินเป็นสนมของฝ่ายบาทหรอกนะเพค่ะ”

“ข้าไม่เคยคิดอยากให้หนี่เจินเป็นสนมนะ”

พอได้ยินดังนั้นก็ทำให้สองแม่ลูกสบายใจที่ลูกของตนไม่ต้องเข้าวังเพื่อนถวายตัว แต่สิ่งที่ได้ยินตามหลังมานั้นทำให้สองแม่ลูกแทบจะล้มทั้งยืน

“ข้าไม่อยากให้หนี่เจินเป็นสนม แต่อยากให้เป็นฮองเฮาต่างหากเล่า”

“ฮองเฮาหรือเพค่ะ ทำไมทรงรับสั่งเช่นนั้นเพค่ะลูกของหม่อมฉันหรือจะเป็นฮ่องเฮา”

“ทำไมเจ้าล่ะ เจ้าคิดว่าลูกของเจ้าไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือหลิงหลัน”

“หม่อมฉันคิดเช่นนั้นจริง ๆ เพค่ะ ลูกของหม่อมฉันยังเด็กนักทั้งยังขาดความเป็นกุลสตรีคงไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้นเพค่ะฮ่องไทเฮา”

“แต่เท่าที่ข้าเห็นนางก็กิริยาเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีอยู่แล้วมิใช่หรือ”

หนี่เจินที่ตอนนี้ถูกพลาดพิงก็สดุ้งตัวน้อย ๆ

“เพราะงั้นข้าเลยอยากให้นางเข้าวังตั้งแต่วันนี้ไง เพื่อเรียนการเป็นกุลสตรีที่เหมาะสมจะขึ้นเป็นฮ่องเฮารวมไปถึงขนบทำเนียม ประเพณีในวังทั้งหมดด้วย”

“พะ...เพค่ะฮองไทเฮา แต่ว่า...”

แต่ยังไม่ทันที่ฮูหยินหลิงหลันจะได้พูดต่อฮองไทเฮาก็หันไปถามหนี่เจินซะก่อน

“เจ้าว่าอย่งไรหนี่เจินจะลองเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในวังสักหน่อยดีหรือเปล่า ถ้าอยู่ไปแล้วเจ้าไม่ชอบข้าจะไม่ทักท้วงอีก”

“ได้เพค่ะ หม่อมฉันจะลองทำดูเพค่ะ” หนี่เจินตอบออกไปด้วยความมั่นใจ

“งั้นก็ดีข้าให้คนจัดห้องให้เจ้าแล้ว ซูหลางพาหนี่เจินไปยังห้องที่ข้าเตรียมไว้ซะสิ”

“เอ่อ...หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะขอเพค่ะ หม่อมฉันอยากให้สาวใช้คนสนิทมาค่อยรับใช้จะได้หรือเปล่าเพค่ะ”

“ได้สิข้าอนุญาต งั้นหลิงหลันเจ้ากลับจ้วนอ๋องเฉินก็ส่งพวกนางเข้ามาในวังให้ดูแลหนี่เจินแล้วกัน”

“รับด้วยเกล้าเพค่ะ”

“เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าไปได้แล้ว”

“เพค่ะ” สองแม่ลูกรับคำก่อนจะเดินออกจากห้อง

หนี่เจินกำลังเดินไปตามทางเพื่อส่งแม่ของตนกลับจ้วน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเดินใจลอยคิดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ โดยที่ไม่ทันได้ระวังตัวเองเลย

จู่ ๆ ก็มีมือแขร่งแกร่งข้างหนึ่งเข้าโอบรัดร่างบางของหนี่เจิน ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ทาบปิดริมฝีปากบางที่กำลังจะส่งเสียงของความช่วยเหลือซะก่อน

ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดแข็งแรงนี้แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผมนัก เพราะยิ่งหนี่เจินดิ้นแรงเท่าไรอ้อมกอดนี้ก็ยิ่งกระชับแน่นขึ้นกว่าเก่า

“เจ้าดิ้นไปก็เสียแรกเปล่ายังข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าแน่ แต่ถ้าเจ้าให้สัญญากับข้าว่าถ้าข้าปล่อยเจ้า เจ้าต้องไม่ส่งเสียงร้องแล้วก็ห้ามหนี่ด้วยข้าจะปล่อยเจ้าเดี๋ยวนี้เลย”

เสียงทุ้มนุ่มที่แสนคุ้นเคยทำให้หนี่เจินเริ่มสงบสติอารมณ์ลงและเง้ยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดแข็งแรงที่โอบกอดตนในตอนนี้

และพอหนี่เจินเง้ยหน้าก็พบกับใบหน้าหล่อคมกับตัวตาคู่สวยที่จำได้ว่าคน ๆ นี้คือใคร ‘พี่ซื่อหมิน’ ก่อนที่หนี่เจินจะพยักหน้าตอบคำถามก่อนหน้านี้

ฮ่องเต้เมื่อได้รับคำตอบกลับมาเช่นนั้นจำต้องปล่อยหนี่เจินออกจากอ้อมกอดของ ตนอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะหันไปสิ่งยิ้มให้หนี่เจินที่ตอนนี้เขินหน้าแดงอยู่อีกฝั่ง

“ทะ...ทำไมพี่ซื่อหมินถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ในเมื่อ...ที่นี่...” หนี่เจินถามขึ้นอย่างสงสัย

“ข้าเข้ามาค้าขายกับคนในวังน่ะ”

“แต่ว่าที่นี่มันเขต...”

“พอดีองค์ฮ่องไทเฮาต้องการหาของขวัญให้กับคน ๆ หนึ่ง ก็เลยเรียกข้าเข้ามาถามว่าจะหาอะไรให้คนผู้นั้นดี”

“อ้อ อย่างนี้นี่เองข้าก็นึกว่าท่านเป็นขุนชั้นผู้ใหญ่ปลอมตัวมาเสียอีก ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้”

สิ่งที่หนี่เจินเดานั้นไม่ได้ผิดนักเสียแต่ว่าไม่ใช่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ หากแต่เป็นถึงองค์ประมุขของแผ่นนี้เสียและนั้นทำให้ฮ่องเต้สรวลออกมาน้อย ๆ ในความคิดนี้ของหนี่เจิน

“ถามแต่ข้า แล้วเจ้าล่ะทำไมถึงเข้ามาในวังเช่นนี้ได้ล่ะ”

คำถามที่ทำเอาหนี่เจินเศร้าลงทันที ซื่อหมินมองหนี่เจินแล้วพลอยใจหายไปด้วย นี่เจ้าไม่อยากอยู่ในวังกับข้าหรือหนี่เจิน ฮ่องเต้คิดแล้วก็เดินเข้าไปโอบกอดปลอบโยนหนี่เจน

ส่วหนี่เจินเองก็ไม่ขัดเขินกอดตอบชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหาที่พึ่ง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนนั้นต้องไปส่งมารดาของตัวเอง

“ฝ่าบาท!!”

แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะบอกกล่าวอะไรกับฮ่องเต้ต่อ เสียงขันทีและข้าราชบริพารหลายคนก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน

“ฝ่าบาท?” หนี่เจินทวนคำอย่างสงสัย

“ฝ่าบาททรงมาทำอะไรที่นี่พ่ะย่ะค่ะ คนทั้งวังออกตามหาพระองค์กันให้วุ่นทรงมาอยู่ที่นี่นี่เอง”เสียงขันทีเอ่ยถามพี่ซื่อหมินของหนี่เจิน ซึ่งก็คือฮ่องเต้นั้นเอง

“ฝ่าบาท!!” หนี่เจินรีบเอามือกุมริมฝีปากของตนอย่างตกตลึง แล้วเผลอถอยหลังทำให้สะดุดล้มแต่ดีที่ได้วงแขนแข็งแรงของคนตรงหน้าคว้าตัว ไว้ก่อนที่จะล้มลง

“นี่เจ้าอยากเจ็บตัวหรือไง ถึงได้เดินไม่ดูน่ะหนี่เจิน”

“ข้า...เอ่อ...หม่อมฉันขอประทานอภัยเพค่ะ”เสียงที่เอ่ยอย่างสั่นกลัว สร้างความขบขันให้คนตรงหน้าไม่น้อย ขนาดกลัวก็ยังน่ารักเจ้านี่จะทำให้ข้าหลงรักเจ้าไปถึงไหนกันหนี่เจิน

“หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระองค์คือฮ่องเต้ แล้วยังเสียมารยาทกับพระองค์ไปตั้งหลายครั้ง”

“ใช่เจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นฮ่องเต้ แต่เจ้ารู้ว่าข้าเป็นพี่ซื่อหมินของเจ้าไง”

“หม่อมฉัน....”

“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้วตอนนี้เจ้าต้องไปส่งแม่ของเจ้ากลับจ้วนมิใช่หรือ ข้าจะไปด้วย”

“พะ...เพค่ะ”

แล้วหนี่เจินก็เดินมาถึงยังเกี้ยวที่นั่งมาในตอนแรก เห็นผู้เป็นแม่ยืนรออยู่แล้วเมื่อเดินเข้าไปใกล้ปรากฎว่าแม่ของตนหันไปคำนับ ผู้ที่เดินตามตนมา

“ถวายพระพรเพค่ะฝ่าบาท”

“ลุกขึ้นเถอะฮูหยินหลิงหลัน ข้ามาสั่งท่านกลับจ้วน”

“ขอบพระทัยเพค่ะที่ท่านอุตสามาส่งหม่อมฉัน แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ทรงมากับลูกของหม่อมฉันได้เพค่ะ”

ฮูหยินหลิงหลันหันไปมองบุตรชายที่อยู่ร่างของหญิงสาวอย่างหนักใจ ก่อนจะหันกลับมาทางฮ่องเต้ที่ตอนนี้แย้มพระสรวลน้อย ๆ ออกมา

“ก็ตอนที่ข้าเดินไปตำหนักของฮ่องไทเฮาก็บังเอิญได้พบนางเข้า”

“เพค่ะ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันทูลลาเพค่ะ” แล้วฮูหยินหลิงหลันก็คำนับอีกครั้งก่อนที่จะเดินมาหาผู้เป็นลูก

“หนี่เจินแม่ต้องกลับแล้วดูแลตัวเองให้ดี ๆ แล้วแม่จะฝากของใช้ต่าง ๆ ของเจ้ามากับเสี่ยวเย่และหลงเปานะ

“ค่ะท่านแม่ ข้าจะดูแล้วตัวท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงข้าค่ะ”

“งั้นแม่ไปแล้วนะ”

“ขอให้เดินทางปลอดภัยค่ะ”

หลังจากที่ล่ำลาเสร็จหนี่เจินก็จะเดินกลับมายังที่ฮ่องเต้ประทับอยู่ ฮ่องเต้ทรงเดินนำพาหนี่เจินมายังสวนภายในตำหนักส่วนพระองค์

ภายในสวนถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม แต่หนี่เจินไม่กล้าแม้แต่จะมองไปยังสวนตลอดทางก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปด้วยความกลัวที่มีนั้นยังไม่หายไป

“ทำไมเจ้าถึงไม่กล่าวอะไรเลยล่ะหนี่เจิน”เป็นฮ่องเต้ที่เอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศที่เงียบ

“หม่อมฉันไม่มีเรื่องอะไรจะกราบทูลเพค่ะ”เสียงก็กล่าวตอบแต่หน้ากับไม่ได้มองผู้ตนผู้คุยด้วย

“ปกติเจ้าร่าเริงเหตุไฉนวันนี้เจ้าจึงดูไม่ร่าเริงเช่นที่เคยเป็น หรือเป็นเพราะข้าเจ้าถึงได้เป็นเช่นนี้”

“ปะ...เปล่าเพค่ะหม่อมฉันแค่...”

“แค่อะไรรึ”

“เอ่อ...หม่อมฉันแค่ไม่ชินเท่านั้นเองเพค่ะ”

ท่าทีตอบกล้า ๆ กลัว ๆ ของหนี่เจินทำให้ฮ่องอดใจไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปแล้วคว้าร่างบางนั้นมาโอบกอด ไว้อย่างหวงแหน หนี่เจินที่อยู่ในอ้อมกอดจะดิ้นหนีก็ไมได้จะผลักออกก็ไม่ได้เลยทำให้แต่ให้อีกฝ่ายกอดไป

“ข้าคิดถึงเจ้าหนี่เจิน ตั้งแต่ที่พบเจ้าข้าก็นอนไม่หลับอยากให้เจ้ามาอยู่ใกล้ ๆ ข้าในทุก ๆ วัน”

“เอ่อ...ข้า..อะ..ไม่ใช่หม่อมฉัน”

“อยู่กับข้าเจ้าทำตัวตามสบายเถอะ” พูดจบก็กดหน้าจนหน้าสัมผัสกับเรือนผมหอมของอีกฝ่ายที่ยืนตัวแข็งไปแล้ว

“เอ่อ...หม่อมฉันมีเรื่องจะบอกพระองค์”

“หืม...เจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือหนี่เจิน”

หนี่เจินกระอักกระอ่วนใจที่จะตอบแต่อย่างไรสักวันฝ่าบาทก็ต้องรู้ สู้เขาบอกตอนนี้แล้วรับโทษคนเดียวจะดีซะกว่า

“หม่อมฉัน....”

แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะได้กล่าวอะไรเสียงของฮ่องไทเฮาก็ขัดจังหวะทั้งสอง เสียก่อน ตามมาด้วยบรรดาสองคนสนิทที่ทำหน้าปั้นยากเมื่อเห็นนายของตนกำลังกอดสาวสวย ไว้ในอ้อมกอดทั้งยังไม่ยอมปล่อยเสียด้วย

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่เอง หนี่เจินข้าตามหาเจ้าแทบแย่นึกว่าหนีกลับบ้านไปซะแล้ว ที่แท้ก็มาอยู่กับฮ่องเต้นี่เองถึงว่าไม่อยู่ที่ห้องของตัวเอง”

แล้วฮ่องไทเฮาก็ประทับตรงที่นั่งในสวน ส่วนฮ่องเต้เองก็ลากหนี่เจินให้เดินไปประทับข้าง ๆ ฮ่องไทเฮาอีกที

“เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นไงบ้างหนี่เจิน”

“สวยเพค่ะ”

“ใช่ที่นี่สวยงาม แต่ไรซึ่งจิตวิญญาณที่นี่ไม่ชีวิตชีวาเป็นเพียงสิ่งประดับเท่านั้นเจ้าว่า มั้ยหนี่เจิน ข้าอยากให้คนที่มีชีวิตชีวาเช่นเจ้ามาเติ่มเต็มที่นี่”

“เอ่อ...หม่อมฉันหรือเพค่ะมีชีวิตชีวา”หนี่เจินชี้มาที่ตัวเองแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ข้าดูจากที่ฮ่องเต้ใกล้ชิดเจ้าเช่นนี้ก็รู้แล้ว เดิมที่ฮ่องเต้ไม่แม้นแต่จะสนใจใครผิดกับเจ้าที่หวงอย่างกับอะไรดี จะทำได้มั้ยมาเป็นแม่ของแผ่นดินที่ดีและคอยดูแลฮ่องเต้แทนข้า”

“หม่อมฉันน่ะหรือเพค่ะ”

“ใช่เจ้านั้นแหละ ตอนนี้ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไปดีมั้ยฮ่องเต้”

“ดีพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ หม่อมฉันเห็นด้วย”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:52:41 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
6

เช้าวันใหม่ของวังหลวงดูจะสดใสขึ้นของใครหลาย ๆ คน แต่สำหรับพระสนมพิงอันหรือลูกสาวไต้เท้าที่ได้ยินข่าวการมาของหนี่เจินซึ่ง เป็นธิดาของอ๋องเฉิน

และก็ไม่สบายใจนักและยิ่งได้ยินมาว่าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องไทเฮาและฮ่องเต้ เป็นอย่างมาก ยิ่งทำให้สนมพิงอันไม่ชอบในตัวของหนี่เจินยิ่งขึ้นไปอีก

“พระสนมจะทรงกังวลไปทำไมเพค่ะ ในเมื่อฝ่าบาทเองก็ยังมิทรงได้แต่งตั้งนางเป็นพระสนมเลย แสดงว่านางคงไม่ได้มีความสำคัญต่อพระองค์หรอกเพค่ะ”เสียงสาวใช้คนสนิทพระสนมพิงอันกล่าวขึ้นปลอมใจผู้เป็นนาย

“เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรก็พูดได้สิ เมื่อว่าข้าเห็นกับตาว่าฮ่องเต้ทรงโปรดนางขนาดไหน พระองค์ทรงกอดนังผู้หญิงนั้นไม่ยอมปล่อย ขนาดข้าพระองค์ยังไม่เคยทำเช่นนั้นกับข้าเลย แล้วยิ่งพระสนมอี้หลันที่ว่าทรงโปรดนักก็ยังสู้นางผู้นี้ไม่ได้เลย ข้าล่ะเจ็บใจนัก”พิงอันทำท่าฟึดฟัดไม่พอใจ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้สงบสติอารมณ์แทน

“แล้วพระสนมจะทรงจัดการอย่างไรเพค่ะ”

“ข้าจะทำทุกวิถีทางให้นังผู้หญิงนั้นอยู่ในวังไม่ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรข้าก็ยอม”

ด้านหนี่เจินก็ตื่นขึ้นมาในยามเช้าที่แสนสดชื่นพอสาวใช้แต่ตัวให้เสร็จก็ต้องไปเรียนการเป็นกุลสตรีที่เหมาะสมกับการเป็นฮ่องเฮา

ทั้งการแต่งโคลงกลอน เรียนดีดพิณ เย็บปักถักร้อยต่าง ๆ และหนี่เจินก็เป็นคนที่สามารถเรียนดูได้เร็วเลยทำให้เป็นที่รักยิ่งของบรรดา อาจารย์ที่สอนยิ่งนัก และยิ่งหนี่เจินมีความสมารถในการบรรเลงพิณด้วยแล้ว
เสียงชมต่าง ๆ นานาได้ยินไปถึงหูของฮ่องไทเฮาและฮ่องเต้ที่ต่างก็พอใจไม่น้อยในความฉลาดและน่ารักของหนี่เจิน

เสียงพิณที่ถูกบรรเลงโดยมือบอบบางจากร่างสูงโปร่งบางที่กำลังเพลินกับเสียง ของพิณที่ตนบรรเลงหาได้รู้ไม่ว่าตอนนี้ตัวเองนั้นหาได้อยู่คนเดียวไม่

จากตรงที่หนี่เจินนั่งบรรเลงไม่ไกลมากนักมีบคุคลสองคนยืนดูสายตาหนึ่งมอง ด้วยความเอ็ดดูด้วยความน่ารักไร้เดียงสา แต่อีกสายตาหนึ่งมองด้วยเสน่หาอยากเข้าโอบกอดใกล้ชิด

“แม่ว่าหนี่เจินเหมาะแล้วที่จะเป็นฮ่องเฮา แม่อยากแต่งตั้งนางเร็ว ๆ ซะแล้ว”

“หม่อมฉันก็เห็นด้วยเสด็จแม่รีบแต่งตั้งนานเร็ว ๆ ไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ก็อยากแต่งตั้งเร็ว ๆ นะ แต่กลัวนางจะไม่ยอม”

“นางไม่ยอมแต่ถ้าเสด็จแม่รับสั่งละก็นางไม่อาจปฎิเสธได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“จริงของเจ้าฮ่องเต้ ข้ารับสั่งใครจะไม่กล้าทำตาม”

หลังจากหารือกับฮองไทเฮาเสร็จ ฮ่องเต้ก็ทรงเดินไปยังที่หนี่เจินนั่งดีดพิณอย่างสบายอารมณ์โดยไม่สนใจต่อ สิ่งรอบด้าน ทำให้ไม่ทันรู้ตัวว่าตอนนี้ฮ่องเต้ได้มาประทับอยู่ข้างหลังของตนแล้ว

เมื่อร่างบางตนหน้าหาได้รู้สึกตัวไม่ พระองค์จึงฉวยโอกาสรวบเข้าที่เอวของร่างจนสดุ้งเผลอร้องอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจ

“หยุดบรรเลงทำไมเล่าข้ากำลังเพลิน ๆ เลย เจ้าดีดพิณได้ไพเราะยิ่งนักหนี่เจินของข้า”ไม่เพียงแต่โอบเอวบางเฉย ๆ แต่ฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่ม ๆ ของอีกฝ่ายโดยที่เจ้าตัวไม่กล้าจะปฏิเสธ

“เอ่อ...หม่อมฉันไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงฟังอยู่เพค่ะ”

“พอดีข้าเดินผ่านมาแล้วได้ยินเสียงพิณก็เลยแวะดูสักหน่อย”

ได้ข่าวว่าพระองค์ทรงตั้งใจเดินมาที่นี่เองมิใช่หรือ  นี่เป็นความคิดของตงเฟยและจิ้งเต๋อที่ต่างคิดขึ้นอย่างพร้อมเพียงกัน

“วันนี้เจ้าไม่มีเรียนอะไรแล้วใช่มั้ยไปเดินในอุทยานกับข้าดีกว่า ข้าจะพาเจ้าเดินสวนเล่นกัน”

“เพค่ะ”

การเดินเล่นในอุทยานเป็นภาพที่แสนน่ารักของบรรดาขันทีและสาวใช้ แต่มันเป็นภาพที่ทำให้เหมือนมีหนามทิ่มแทงใจของเหล่าสนมนัก ไม่เว้นแม้แต่สนมพิงอันที่ได้เห็นแล้วทนไม่ได้

“พี่หลงเฟยค่ะ ข้าอยากให้ท่านพี่ทำให้นางอยู่ในวังแห่งนี้ไม่ได้” ชายหนุ่มรูปงามเคียงข้างสนมได้ชื่อว่าเป็นลูกชายไต้เท้าหวังหลงเกา

“พี่ไม่เห็นนางจะมมีพิษสงอะไร ทำไมเจ้าถึงได้กลัวนักหนา”หวังหลงเฟยยังคงมองหนี่เจินกับฮ่องเต้อย่างไม่วางตา ในใจก็คิดไปว่า

ช่างงามเหลือเกิน ครั้งแรกที่เขาเจอว่างามแล้วแต่ยิ่งได้เห็นครั้งนี้ยิ่งงดงามยิ่งนัก อยากได้มาเป็นของตัวเองเหลือเกิน

“น้อยไปสิท่านพี่ นังผู้หญิงคนนี้เป็นคนโปรดของฝ่าบาทอีกหน่อยถ้าได้รับแต่งตั้งเห็นทีข้าจะอยู่ในวังคงมิได้ท่านพี่”

“ได้งั้นพี่จะจัดการให้เจ้าเอง”

หวังหลงเฟยมองตามร่างบางที่เดินดูดอกไม้ต่าง ๆ ด้วยกิริยาน่ารัก ก่อนจะคิดแผนการที่จะช่วงชิงความน่ารักนี่เป็นของตนเอง

ด้านจ้วนอ๋องเฉินก็กลุ้มใจกันทั่วหน้า ไม่รู้ว่าภัยนั้นจะมาถึงตัวเมื่อไร ต่างคนต่างคิดไปต่าง ๆ  นานว่าเมื่อไรหนี่เจินจะได้ออกจากวังสักที

“ท่านพี่ข้าเป็นห่วงลูกเจินเหลือเกินค่ะ ถ้าฮ่องเต้ทรงทราบว่าลูกเจินหลอกลวงจะทรงทำเช่นไรบ้างก็ไม่รู้”

“ข้าเองก็ห่วงลูกเจินไม่แพ้เจ้าหรอกหลิงหลัน แต่ตอนนี้เราทำได้แค่รอและหวังให้ฮ่องเต้รักชอบลูกเจินจากใจมิใช่รูปร่างภายนอก”

“ข้าก็หวังเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นลูกเจินและฝ่าบาทจะเจ็บปวดกันทั้งคู่”

“ท่านอ๋องขอรับ ฮูหยินขอรับมีคนจากวังมาขอเข้าพบขอรับ”

“คนจากวังอีกแล้วหรือ”เสียงฮูหยินออกจะสั่น ๆ อย่างหวาดกลัว มาครานี่คงมิใช่เรื่องของลูกเจินอีกหรอกนะ

“เชิญพวกเขาเข้ามาได้”เสียงอ๋องเฉินสั่งพ่อบ้านคนสนิทไปเชิญคนจากวัง

“เชิญพวกท่านทั้งสองข้างในขอรับ”

เมื่อสิ้นเสียงพ่อบ้านจางบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็เดินเข้าไปยังข้างในตามคำเชิญของพ่อบ้านจาง และโค้งคำนับเจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม

“เชิญพวกท่านนั่งก่อน”อ๋องเฉินเชิญให้แขกจากวังหลวงนั่ง

“ไม่ทราบว่าวันนี้พวกท่านมีธุระอะไรกับพวกข้าอีกล่ะ”เสียงท่านอ๋องเฉินเป็นฝ่ายเปิดการเจรจาก่อน

“เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับหนี่เจินหรอกนะ”ฮูหยินหลิงหลันถามหยั่งเชิงก่อน

“เอ่อ...ข้าเกรงว่าจะเกี่ยวกับท่านหญิงครับ”

เสียงของหลั่วหยางเอ่ยขึ้นทำให้ความหวังของผู้เป็นพ่อและแม่พังทลาย คิดได้อย่างเดียวว่า ขออย่าให้เป็นเรื่องร้ายเลย

“ลูกเจินงั้นหรือ เจ้าว่าเกี่ยวกับลูกเจินมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ”

“ข้าได้บัญชาจากฮ่องไทเฮาและฮ่องเต้ให้ทาบทามกับพวกท่านน่ะครับ ทั้งสองพระองค์อยากให้พวกท่านเห็นด้วยกับการที่จะแต่งตั้งให้ท่านหญิงเป็น ฮ่องเฮาครับ”

“แต่งตั้งเป็นฮ่องเฮา มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือ ลูกเจินพึ่งเข้าไปอยู่ในวังเพียบ 6 วันเท่านั้นเอง”

“แต่ทรงมีรับสั่งมาเช่นนี้ครับ และยังสั่งให้พวกท่านเตรียมการให้พร้อมด้วย”

หลังจากที่รายงานคำสั่งที่ได้รับหมอบหมายมาเสร็จแล้วทั้งสองก็ลุกขึ้นโค้งคำนับอีกครั้งก่อนจะเริ่งรีบออกจากจ้วนอ๋องเฉินทันที

“ท่านพี่...เราจะอย่างไรดีถ้าเป็นอย่างนี้เห็นทีครอบครัวของเราคง...”ฮูหยินหลิงหลันกล่าวเสียงเบาหวิว

“เรื่องนี้ข้าจะไปกราบทูลฮ่องไทเฮาเอง”

“แต่ทรงมีรับสั่งลงมาแล้วเราคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกท่านพี่”

“ตอนที่อภิเสธยังไม่เท่าไร ปัญหาคือตอนส่งตัวนี่แหละที่เป็นปัญหาถ้าเราสามารถยืดเวลาไปได้ล่ะก็ลูกเจินก็จะปลอดภัย”

“ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คือภาวนาให้ลูกเจินผ่านพ้นมันไปได้ก็พอ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:53:15 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
7

หลังจากที่จ้วนอ๋องเฉินได้รับข่าวนั้นก็พากันคิดหาหนทางกัน ประจวบเหมาะกับที่เฉินจิ้งฟงกลับมาจากชายแดนพอดี

“ท่านพ่อ ท่านแม่ว่าอย่างไรนะครับ หนี่เจินจะถูกแต่งตั้งให้เป็นฮ่องเฮาอย่างนั้นหรือครับ”

“ใช่ฮ่องไทเฮาและฝ่าบาทเองก็ทรงมีรับสั่งลงมาแล้วด้วย”

“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดีครับ ถ้าเรื่องที่หนี่เจินเป็นบุรุษเกิดแดงขึ้นมาตระกูลเฉินต้องรับผิดชอบ”

“เรื่องอะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดไปตอนนี้เราแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว หวังอย่างเดียวว่าหนี่เจินจะไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนี่เจินใสซื่อเกินกว่าจะรับเรื่องพวกนี้ได้”

“ข้าจะไปพูดกับลูกวันนี้”ฮูหยินหลิงหลันหันไปสั่งให้คนเตรียมเกี้ยวทันที

“ลูกเจินต้องรู้เรื่องนี้ท่านพี่อย่างน้อยให้ลูกเจินเป็นคนบอกับฝ่าบาทเองจะดีกว่า”

ณ ตำหนักล่งซู่ห้องของหนี่เจิน

“ท่านแม่ข้าคิดถึงท่านแม่ที่สุดเลย”หนี่เจินเดินไปกอดผู้เป็นแม่อย่างคิดถึง

“แม่เองก็คิดถึงลูกจ๊ะ เป็นอย่างไรชีวิตในวัง”

“ก็สนุกดีครับท่านแม่”

“ไม่ได้ ๆ เจ้าห้ามพูดจาแบบผชายชาตรีอีกนะหนี่เจินต่อไปเจ้าต้องทำตนให้เป็นสตรีเข้าใจหรือมั้ยลูกแม่”

“เอ่อ...ค่ะท่านแม่ แต่ว่าข้าไม่ชินแบบนี้เลยต้องแต่งเป็นสตรี แล้วก็ใช้วาจาเช่นสตรีเช่นนี้”

“เจ้าต้องทำตัวให้ชินนะหนี่เจิน เพราะอีกหน่อยเจ้าจะต้องเป็นฮ่องเฮาแล้ว”

“อะไรนะ เมื่อกี้ท่านแม่กล่าวเช่นไรกับข้า ฮ่องเฮา ข้าน่ะหรือเป็นฮ่องเฮาท่านแม่พูดอะไรข้าไม่เข้าใจ”

“อย่างที่แม่บอกเจ้านั้นแหละลูกเจิน อีกไม่นานเจ้าจะถูกแต่งตั้งให้เป็นฮ่องเฮาแล้ว”

“แต่ท่านแม่เองก็รู้ว่าลูกเป็นฮ่องเฮาไม่ได้นี่”

“แม่ถามเจ้าตามตรง แล้วเจ้าเองก็ตอบมาตามจริงนะลูกเจิน ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อฝ่าบาทเป็นเช่นไรกันแน่”

คำถามของผู้เป็นแม่นั้นทำให้หนี่เจินตลึงค้าง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเขาคิดทบทวนให้ดี ที่จริงเขามีความสุขมากตอนที่อยู่ใกล้ฝ่าบาท แต่ก็เจ็บปวดในคราเดียวกันที่ต้องปกปิดว่าตนนั้นเป็นบุรุษ ยิ่งอยู่ใกล้ ๆ มากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บปวดทั้งที่รักไปแล้วหมดใจ

“ท่านแม่ข้าขอตอบท่านตามตรงข้ารักฝ่าบาท และไม่อยากจากพระองค์ไปไหนแต่...แต่ข้าหลอกลวงฝ่าบาท ข้ากลัวพระองค์จะไม่ทรงมองลูก ข้าไม่กลัวให้ฝ่าบาททรงลงโทษแต่กลัวว่าพระองค์จะหมดรักในตัวของข้า ท่านแม่ข้าควรทำเช่นไรดี ข้าจะบอกฝ่าบาทหากแม้นพระองค์ไม่อาจยอมรับตัวข้าได้ ข้าจะขอยอมตายแต่จะไม่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่มารับผิดชอบเรื่องนี้ ข้าจะขอให้ฝ่าบาททรงยกโทษให้พวกท่าน”

“ลูกเจินของแม่”ฮูหยินหลิงหลันกอดปลอบหนี่เจิน

ณ ตำหนักพระสนมพิงอัน

“เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าคงไม่ได้ฟังมาผิดใช่มั้ยไห่เหยียน”

“เพค่ะพระสนมพิง หม่อมฉันได้ยินมาจากพวกนากกำนัลของฮ่องไทเฮาเพค่ะ”

“นังหนี่เจิน แกใช้มารยาอะไรทำให้ฮ่องเต้ทรงลุ่มหลงได้ถึงเพียงนี้ เห็นทีข้าคงต้องรีบให้พี่หลงเฟยทำอะไรสักอย่างแล้ว”

“หม่อมฉันจะให้ส่งคนไปเชิญท่านหลงเฟยเองค่ะ”ไห่เหยียนเอ่ยขึ้น

“ดี เจ้ารีบไปส่งข่าวถึงพี่ข้าด่วนเลยให้เขารีบเข้ามาที่ตำหนักข้าตอนนี้”

“เพค่ะพระสนม”

ด้านฮ่องเต้ก็เร่งรีบตอบฎีกาต่าง ๆ ที่เหล่าขุนางและบัณฑิตส่งมาจำนวนมากมาย แต่นอกจากจะทรงงานแล้ว ในหัวก็ทรงคิดถึงร่างบางที่ไม่รู้ตอนนี้ทำอะไรอยู่

“เฮ้ย...เมื่อไรจะอ่านฎีกาพวกนี้หมดสักทีนะ ข้าจะได้ไปหาหนี่เจินของข้าเสียที”

เสียงบ่นกระปอดกระแปดทำเอามหาขันทีเสี่ยวตั้งจื้อหัวเราะออกมาน้อย ๆ กับพระอาการใจลอยของฝ่าบาท

“จะทรงพักก่อนดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ล่ะ ข้าอยากรีบตอบให้เสร็จก่อนจะพักทีเดียวยาว ๆ เลย แล้วเรื่องแต่งตั้งฮ่องเฮาไปถึงไหนแล้วล่ะ”

“เรื่องนี้ฮ่องไทเฮาได้ส่งคนไปยังจ้วนอ๋องเฉินแจ้งข่าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ แล้วตอนนี้ฮูหยินหลิงหลันก็มาหาพระนางหนี่เจินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นคงมาคุยเรื่องอภิเสธกับข้าล่ะสิ ไม่รู้ว่านางจะยอมหรือไม่ ข้าล่ะกังวลนัก”

“แต่กระหม่อมได้ยินนางกำนัลตำหนักล่งซู่ทำท่าดีใจกันยกใหญ่ แล้วฮ่องไทเฮาก็ทรงมีรับสั่งให้นางกำนัลเตรียมจัดงานแล้วด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“จริงหรือ ที่เจ้าพูดมาคงไม่ได้หลอกให้ข้าดีใจเล่น ๆ ใช่มั้ยเสี่ยวตั้งจือ”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมจะกล้าทูลล้อเล่นกับฝ่าบาทได้เช่นไรกันพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี ดีมากข้าชักมีกำลังใจทำงานต่อแล้วสิ”


สีหน้ายิ้มแย้มเล่นเอาทำมหาขันทีเสี่ยวตั้งจื้อพลอยยิ้มตาม พระองค์เป็นกันเองกับเขามากมีเรื่องอะไรจะทรงมาปรึกษากับเขา หรือไม่ก็กับท่านหยวนตงเฟยและท่านเว่อจือจิ้งเต๋อ

ตำหนักพระสนมพิงอัน

“เจ้าว่าอะไรนะน้องพี่ ฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งเฉินหนี่เจินเป็นฮ่องเฮาเร็ว ๆ นี้หรือ”

“ค่ะพี่หลงเฟย น้องจะทำเช่นไรดี”

“งั้นเห็นทีคืนนี้พี่ต้องทำให้เฉินหนี่เจินเป็นของพี่ให้จงใจ เพื่อที่นางจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นฮ่องเฮา”

“แต่ท่านพี่นางจะกลับบ้านวันนี้แล้วท่านพี่จะลอบเข้าไปบ้านของนางหรือ”

“ใช่พี่จะทำเช่นนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป”

ณ จ้วนอ๋องเฉิน

“พี่รองพี่กลับมาแล้ว ข้าคิดถึงพี่รองจังเลย”ชุนเซียงเดินเข้าไปโอบกอดผู้เป็นพี่ พลางหอมเข้าที่แก้มเบา ๆ อย่างรักใคร่

“พี่ก็คิดถึงน้องเล็กมากเลย ตอนอยู่ในวังพี่เหงาที่ไม่ได้ยินเสียงจอมซนเช่นเจ้า”พอหนี่เจินกล่าวจบก็พา กันหัวเราะ เพราะท่านหญิงองค์นี้ช่างแสนซนนัก

“ท่านพี่ล่ะก็ ข้าหาได้ซนซะหน่อย แค่เป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่เป็นเท่านั้นเอง”ชุนเซียงแก้ต่างให้ตัวเอง

“นั้นแหละที่เขาเรียกว่าซนน่ะ”เสียงของพี่ชายคนโตดังมาจากด้านหลังของหนี่เจิน

“พี่ใหญ่ ข้าคิดถึงพี่ใหญ่ที่สุดเลย” พูดจบก็เดินเข้าไปกอดพี่ชายของตนเอง

“เจ้าอยากเข้าไปกอดชายใดสุ่มสีสุ่มห้าเชี่ยวล่ะ ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะบุรุษอีกต่อไปแต่อยู่ในฐานะสตรี และเป็นสตรีที่เป็นว่าที่ฮ่องเฮาแล้วซะด้วย”

“พี่ใหญ่ล่ะก็ ข้าก็เขินเป็นนะ”

“ลูกเจิน มาให้พ่อกอดเจ้าหน่อย”หนี่เจินเดินเข้าไปกอดอ๋องเฉิน ก่อนที่ท่านอ๋องจะสำรวจดูหนี่เจินแล้วก็สรุปกับตัวเองว่าลูกของตนสบายดี อย่างแน่นอน ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึ่งพอใจ

“กลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนเสียงเถอะมีอะไรไว้ค่อยคุยกันตอนทานอาหารเย็น”

“ค่ะท่านพ่อ ท่านแม่”หนี่เจินรับคำที่เล่นเอาคนฟังแปลกใจยกเว้นฮูหยินหลิงหลันที่เป็นคนบอกให้หนี่เจินทำ

“หลิงหลันทำไมลูกเจินถึงได้ใช้สรรนามอย่างนั้นล่ะ”

“เอาไว้ข้าจะเล่าให้ท่านฟังเองค่ะ”

ตกดึกคือนี้ช่างเงียบนัก หนี่เจินมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรี คิดถึง เพียงออกมาไม่กี่ชั่วยามแต่กลับคิดถึงอีกคนที่อยู่ห่างออกไป

ตอนนี้พระองค์จะทรงทำอะไรอยู่นะ จะทรงงานหนักหรือเปล่า แล้วจะทรงเสวยพระกระยาหารหรือยัง แล้วจะทรงคิดถึงเขาหรือเปล่า

“ท่านหญิงนี่ดึกแล้ว ท่านควรนอนได้แล้วนะเจ้าค่ะ ถ้าท่านล้มป่วยล่ะก็ท่านอ๋องและฮูหยินจะลงโทษพวกข้าได้”

“อืมข้าจะเข้านอนเดี๋ยวนี้แหละ”

หนี่เจินเดินเข้าไปยังในห้องนอนของตนก่อนจะดับไฟแล้วล้มตัวลงนอน โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าตนนั้นอยู่ในสายตาของอีกคนหนึ่งที่แอบเฝ้าดูแล้ว

“คืนนี้เจ้าจะต้องเป็นของข้าท่านหญิงหนี่เจิน”ชายในชุดสีดำทั้งตัวยิ้มอย่างพอใจก่อนจะกระโดนข้ามกำแพงเข้ามาแล้วแอบตรงพุ่มมไม้

ทางด้านฮ่องเต้ที่คืนนี้ไม่อาจหลับได้ก็สั่งให้เสี่ยวตันจือและสองคนสนิทนั้นก็คือจิ้งเต๋อและตงเฟยออกนอกวังในยามค่ำคืนนี้

“จะทรงเสด็จไปไหนพ่ะย่ะค่ะ ค่ำมืดเช่นนี้”ตงเฟยกล่าวขึ้นแต่สายตาก็คอยละแวกระวัง

“จะไปไหนมันก็เรื่องของข้าน่า เจ้ามีหน้าที่ตามมาก็พอ”

“หรือจะทรงไปหาท่านหญิงหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”จิ้งเต๋อเอ่ยดักทางของผู้เป็นนาย

“ถ้าใช่แล้วพวกเจ้าจะไม่ตามข้าไปหรือไงเล่า”ฮ่องเต้ที่ถูกดักทางไว้ก็เอ่ยแก้เขิน

“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมก็แค่อยากรู้เท่านั้นฝ่าบาทก็ไม่น่าจะทรงปิดพวกกระหม่อมนี่พ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวตันจือเป็นฝ่ายถามกลับทำให้ฮ่องเต้เกิดอาการเขินจนรีบเดินนำหน้าไปก่อน

ด้านหนี่เจินที่ตอนนี้กำลังหลับสบายในห้องพัก ไม่ได้ล่วงรู้ถึงภัยที่กำลังมาถึงตนเองแม้แต่น้อย

ฟรุ๊บ! พรึบ!

เสียงผ้าเสียดสีจากการกระโดดลงจากที่สูงทำให้หนีเจินเริ่มรู้สึกตัวก่อนจะลืมตาดูแต่ก็ไม่พบสิ่งใด จนกระทั่งมองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มตรงมาที่เตียงของตนเอง

“นั้นใครน่ะหยุดนะ”

ไม่มีเสียงตอบกลับแต่อีกฝ่ายตรงมาแล้วใช้ผ้าปิดปากก่อนจะสติของหนี่เจินจะหมดไป เขาดูชายคนนั้นอุ้มออกมาอย่างง่ายดาย

ชายปริศนาอุ้มหนีเจินออกกลับออกมาทางเดิมที่เข้ามา ตาหารู้ไม่ว่า ณ เส้นทางนั้นขบวนของฮ่องเต้ได้ใช้ในการเดินทางมายังจ้วนแห่งนี้ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

“ฝ่าบาทนั้นมีผู้ชายอุ้มผู้หญิงไปที่ไหนสักแห่งแน่ แต่ทางนั้นมันทางจากจ้วนอ๋องเฉินนี่”

“นั้นสิงั้นเจ้ารีบตามไปดูก่อนข้าจะไปที่จ้วนก่อน ข้าไปจะถามก่อนว่าใครหายตัวไป”

“ถ้าเช่นนั้นข้าสองคนจะตามไปก่อนแล้วค่อยให้ตงเฟยกลับมารายงานท่าน

ณ จ้วนอ๋องเฉิน

“ทำเช่นไรดี ท่านอ๋องน้อย ท่านอ๋องน้อยถูกคนร้ายลักพาตัวไปแล้ว”

“ลูกเจิน ฮือ หนี่เจินของแม่”

“ใจเย็นก่อนฮูหยินอย่างพึ่งวิตกไป ลูกเจินต้องไม่เป็นไรแน่อย่างน้อยลูกเราก็เก่งวิทยายุทธอยู่ไม่น้อย”

“ใช่ครับท่านแม่น้องรองเก่งกาจหาได้อ่อนแอไม่”

“แต่ถ้าโดยยาหรืออะไรก็ตามแต่ น้องจะสู้พวกนั้นได้หรือจิ้งฟง”

“เกิดอะไรขึ้น!”

ขณะที่จ้วนอ๋องเฉินกำลังวุ่ยวาย คนในจ้วนพากันแตกตื่นก็มีเสียงทรงอำนาจดังขึ้นทำให้คนในจ้วนหันมองเป็นตาเดียวกัน

“ฝ่าบาท!!”

“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเห็นคนท่าทางน่าสงสัยอุ้มหญิงสาวอยู่ออกมาทางด้านจ้วนอ๋องเฉินเลยรีบมาถามว่าใครหายตัวไปบ้างหรือเปล่า”

“ท่านหญิงค่ะฝ่าบาท ท่านหญิงหนี่เจินถูกลักพาตัวไป”

“เจ้าว่าอะไรนะ!! หนี่เจินรึ!!”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เราให้คนช่วยกันออกตามหาแล้ว”

“ฝ่า...”

ทรงไม่อยู่รอฟังสิ่งใดอีกต่อไปรีบเสด็จออกจากจ้วนทันที ประจวบกับที่ตงเฟยเดินเข้ามารายงานทันที

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมทราบแล้วครับ หญิงที่ถูกพาไปคือท่านหญิงครับกระหม่อมจะรีบพาพระองค์ไปที่บ้านที่ท่านหญิงถูกพาตัวไปพ่ะย่ะค่ะ”

ได้ยินเช่นนั้นก็ทรงรีบให้พาไปยังบ้านที่หนี่เจินถูกพาตัวไปทันที

ด้านหนี่เจินตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยู่ในห้องนอนในจ้วนอ๋องเช่นเคยก็ตกใจอย่างมาก พยายามมองว่าที่นี่คือที่ไหนแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตนนั้นถูกคนร้ายพาตัวมา

“ตื่นแล้วอย่างนั้นหรือท่านหญิง”

“เจ้าเป็นใครเหตุใดจึงจับข้างมาเช่นนี้”

“ข้าจะเป็นใครไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ท่านต้องเป็นของข้างท่านหญิง”

พูดจบชายคนนั้นก็เดินตรงมายังเตียงที่หนีเจินนอนอยู่ทำให้หนีเจินต้องถอยหนีแต่ด้านหลังกลับเป็นกำแพงไม้

หนี่เจินพยายามโดดหนีอีกทางพยายามปัดป้องและมองหาของที่จะใช้เป็นอาวุธไปด้วยแต่เมื่อนึกได้เขาก็ใช้ขาเรียวคู่สวยถีบไป

 “ฤทธิ์มากนักนะท่านหญิงเห็นทีข้าไม่ลงมือกับท่านคงไม่ได้”

“ปล่อยข้านะเจ้าคนชั่ว ถ้าคนที่บ้านข้าตามพวกเจ้าเจอเมื่อไรพวกเจ้าได้ตายไม่ดีแน่”

“ก็กว่าพวกมันจะมาถึงท่านหญิงแสนสวยคงเป็นของข้าผู้นี้ไปแล้วล่ะ ข้าว่าเราอย่างมั่วเสียเวลามาเริงรักกันต่อดีกว่า”


“ไม่อย่า อย่าทำเช่นนี้กับข้าได้โปรด”

เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มตอนนี้ถูกคนตรงหน้าดึงเพื่อให้หลุดจากร่างบาง แต่หนี่เจินก็ยื้อฉุดเอาไว้ได้ก่อนที่หลงเฟยจะถอดมันออก

“มาสนุกกับข้าเถอะท่านหญิง”

“ไม่ข้าไม่ได้ชอบท่าน ข้าไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องข้านอกจาก...”

“นอกจากใคร!! บอกข้ามาสิว่าท่านมอบหัวใจให้ผู้ใด”หลงเฟยประทุอารมณ์โกรธขึ้นมากเมื่อได้ยินหนี่เจินพูดถึงชายคนอื่นมิใช่ตน

“จะใครไม่ใช่เรื่องของท่าน”

“ใช่สิเพราะอีกไม่กี่นาทีท่านจะเป็นของข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องสนใจใครหน้าไหนอีกฮ่า ฮ่า ฮ่า”หลงเฟยหัวเราะอย่างบ้าครั่งทั้งยังพยายามจะถอดชุดของหนี่เจินแต่เจ้าตัว ก็พยายมยื้อไว้เต็มที ใบหน้าที่เคยสวยยามนี้พรั่งพรูไปด้วยน้ำตา

พลั่ว!!

เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างแรงท่ามกลางความตกใจของหนี่เจินและหลงเฟย กลุ่มคนผู้มาใหม่เดินก้าวเข้ามาในห้อง ภาพที่เห็นตอนนี้คือหนี่เจินโดนคร่อมโดยหลงเฟย ใบหน้าสวยนั้นมีแต่คราบน้ำตา ตัวสั่นด้วยความกลัว

ฮ่องเต้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็เกิดโทสะ เดินเข้าไปกระชากหลงเฟยให้ออกห่างหนี่เจินก่อนจะโอบกอดร่างบางที่ตัวสั่งน้ำ ไหลนองเต็มหน้า เสื้อผ้าหลุดหลุยเผยให้เห็นไหล่ขาวมลของร่างบาง

“พวกแก่เป็นใคร อ๊ากกก” ยังไม่ทันที่หลงเฟยจะถามจบแขนของเขาก็ถูกบิดโดยตงเฟย

“ปล่อยข้านะเจ้าบ้า”

และเมื่อหลงเฟยเห็นใบหน้าคนทั้งหมดอย่างชัดเจนก็ถึงกับตะลึง นั้นฮ่องเต้และเหล่าคนสนิทของท่านหรือเนี่ย

“เอายังไงดีขอรับนายท่าน ให้ข้าสังหารมันผู้นี้ทิ้งเลยดีกว่ามั้ย”

“ไม่ต้องจับมันเข้าคุกแล้วรอข้าตัดสินอีกที”

“ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนายท่าน ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว”

แต่ฮ่องเต้มิได้สนใจสิ่งที่หลงเฟยพูดสักนิด แต่หันมาสนใจคนร่างบางที่ยังสั่งกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“หนี่เจินเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” ฮ่องเต้สำรวจตามร่างกายของร่างบางและเห็นว่าไม่มีบาดแผลอะไรก็โล่งอก

“ฝ่าบาทหม่อมฉันกลัวเหลือเกินเพค่ะ คิดว่าจะไม่ได้เจอฝ่าบาทอีกต่อไปแล้วฮึก ฮื่อออ”

ว่าแล้วก็ซบลงพระอุราของฝ่าบาทแล้วร้องไห้อย่างไม่อาย ฮ่องเต้เองก็ทรงกอดปลอบอยู่นาน

“นายท่านได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ”

“ฝ่าบาททรงปล่อยคนผู้นี้ไปเถอะเพค่ะ”

“เจ้าพูดอะไร ทำไมข้าต้องปล่อยคนที่ทำร้ายเจ้าเช่นนี้ไป ข้าไม่มีวันปล่อยมันและจะลงโทษให้สาสมกับที่มันทำให้ยอดดวงใจของข้าต้องเจ็บ ปวดเช่นนี้”

“ถือว่าเห็นแก่หม่อมฉันนะเพค่ะ หม่อมฉันเองก็ไม่ได้เป็นอะไรถือว่าให้โอกาสเขาได้ไถ่โทษด้วยเถอะเพค่ะ”

“ก็ได้ข้าจะยอมเจ้าสักครั้ง ตงเฟยปล่อยตัวเขาไปซะ แล้วอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าทำร้ายหนี่เจินเป็นครั้งที่สองไม่งั้นเจ้าอย่าหวังให้ข้าให้อภัยเจ้าอีก”

“ขอบคุณมากขอรับนายท่าน ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว ขอบคุณครับ”

แล้วหลงเฟยก็วิ่งออกไปจากห้องหลังจากที่ถูกตงเฟยปล่อยให้เป็นอิสระ คนร่างบางทำท่าจะไม่ไหวเอนตัวไปซบคนร่างสูงก่อนจะหมดสติไป

ฮ่องเต็ทรงอุ้มหนี่เจินที่สลบไม่ได้สติมาถึงหน้าจ้วนอ๋อง ที่ตอนนี้วุ่นวายกันออกตามหาท่านหญิงที่หายตัวไปและเมื่อเห็นว่ามีบุคคลที่ พาตัวท่านหญิงกลับมาก็รีบไปแจ้งรายงายต่ออ๋องเฉินและฮูหยินหลิงหลันทันที

“เชิญพวกท่านเข้าไปข้างในก่อนขอรับ”พ่อบ้านจางนำฮ่องเต้และผู้ติดตามทั้งสามเข้าข้างในจ้วน

“ห้องของท่านหญิงอยู่ที่ไหนล่ะ ข้าจะได้ไปส่งท่านหญิงที่ห้อง”ฮ่องเต้หันไปถามพ่อบ้านจาง

“อ่ะ...เอ่อ...คงไม่เหมาะหากท่านจะเข้าไปส่งท่านหญิงถึงห้องเช่นนี้”พ่อบ้านจางเอ่ยอย่างกลัว ๆ

“ไม่เป็นไรให้ฝ่าบาททรงไปส่งหนี่เจินถึงห้องเถอะพ่อบ้านจาง”เสียงของท่านอ๋องดังขึ้น ก่อนจะโค้งคำนับฮ่องเต้

“ขอประทานอภัยกระหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์คือฮ่องเต้ กระหม่อมจะนำทางไปยังห้องท่านหญิงเองพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เดินมาถึงห้องของหนี่เจินก่อนที่สาวใช้คนสนิทของหนี่เจินจะเปิดประตู ห้องให้เพื่อให้ฝ่าบาทพาหนี่เจินเข้าไปในห้อง ก่อนจะวางคนร่างบางที่ยังไม่ได้สติลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล แล้วเดินออกจากห้องมา

หลังจากที่ทรงออกมาจากห้องของหนี่เจินก็ตรงไปยังอีกห้องที่ตอนนี้คนของ ตระกูลเฉินอยู่กันอย่างพร้อมหนาพร้อมตา เมื่อทรงเข้าไปยังในห้องทุกคนก็ยืนขึ้นและถวายบังคับ

“เชิญประทับก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“มันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรท่านอ๋อง ทำไมคนร้ายถึงได้เข้ามาลักพาตัวหนี่เจินได้อย่างง่ายดายเช่นนี้”น้ำเสียงที่ ทรงกริ้วของฝ่าบาทเล่นทำให้คนในห้องไม่กล้าแม้นจะสบตา

“เป็นความบกพร่องของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยทำให้เวรยามไม่รัดกุมเท่าที่ควรนัก”

“จะโทษท่านคงไม่ได้ ต้องโทษเจ้าคนร้ายนั้นที่บังอาจมาลักพาหนี่เจินดีที่ข้าผ่านมาพอดีเลยเข้าไป จึงช่วยนางได้ทัน ไม่งั้นข้าจะไม่ยกโทษให้มันผู้นั้นที่ทำร้ายหนี่เจินของข้าแน่”

“พ่ะย่ะค่ะ ต่อไปนี้กระหม่อมจะจัดเวรยามให้แน่นหนาขึ้นเพื่อให้หนี่เจินปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”

“เห็นทีข้าต้องเร่งพิธีอภิเสธเสียแล้ว ข้าเป็นห่วงหนี่เจินหากต้องห่างกับนางอย่างนี้นาน ๆ ซะแล้ว”

หลังจากนั้นฝ่าบาทก็ทรงเสด็จกลับวัง ทำให้จ้วนอ๋องกลับมาสงบอีกครั้ง แต่ในความสงบครั้งนี้จะแลกมาซึ่งความวุ่นวายในภายหน้าหรือไม่ ไม่มีใครรู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:53:58 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
8

หลังจากผ่านคืนอันวุ่นวายมาแล้วที่จ้วนอ๋องก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนการเฝ้า เวรยามเสียใหม่หมด โดยที่ทหารเฝ้าเวรยามนั้นจะถูกผลัดเปลี่ยนทุก ๆ 2 ชั่วยาม เพื่อป้องกันยามหลับใน

“เท่านี้ข้าก็คงหายห่วงไปอีกเรื่องล่ะ เวรยามเยอะอย่างนี้คงไม่มีคนกล้าเข้าจ้วนอ๋องยามวิการอีกแน่”เสียงท่านอ๋อง เฉินดูจะว่าใจไม่น้อยที่มาตรวจตราว่ายามเฝ้าการดีหรือไม่

“แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้นะท่านพ่อ เพราะข้าเกรงว่าเจ้าพวกนั้นจะใช้สถานะการเช่นนี้แอบปลอมเป็นทหารยามแล้ววแฝง ตัวเข้ามายังด้านในจ้วนได้ครับ”แต่ดูท่าพี่ชายที่แสนจะหวงน้องจะไม่อาจวางใจ ได้

“งั้นเจ้าคิดว่าเราควรป้องกันอย่างไรล่ะจิ้งฟง”

“ข้าว่าที่ปลอดภัยที่สุดตอนนี้เห็นที่จะเป็นวังหลวงครับท่านพ่อ”

“วังหลวงรึลูกฟง แต่ถ้าอยู่ใกล้ฮ่องเต้เช่นนั้นลูกเจินก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี”เสียงฮูหยินเอ่ยอย่างกังวล

“แต่ก็ดีกว่าอยู่จ้วนอ๋องนะครับท่านแม่ถึงจะเสี่ยงไปหน่อยแต่ถ้าหนี่เจินไม่ยินยอมล่ะก็ฝ่าบาทไม่มีทางฝืนใจหนี่เจินแน่ครับ”

“ก็จริงของเจ้าฝาบาททรงเป็นสุภาพบุรุษท่านหนึ่งเลยล่ะไม่มีทางที่จะทรงทำอะไรหนี่เจินจนกว่าจะแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแน่"

“งั้นเห็นที่ต้องให้ลูกเจินอยู่ในวังไปก่อนแล้วห้ามกลับจ้วน ให้เรื่องนี้ผ่านไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยคิดกันอีกทีว่าพวกเราจะทำอย่างไรกัน ต่อไป”

ทางจ้วนอ๋องกำลังปรึกษาหาทางแก้ ทางด้านวังหลวงเองก็วุ่นวายไม่แพ้กันเพราะตอนนี้ฮ่องเต้กำลังกลุ้มพระทัยและ ทรงเป็นกังวลจนทรงมิอันทำพระราชกิจ

“ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาพวกเจ้าไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”เสียงทรงอำนาจสั่งมหาขันที

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

ณ ตำหนักล่งซู่

“เสด็จแม่ ลูกอยากให้ทรงเร่งการแต่งตั้งและงานอภิเษกกับหนี่เจินพ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่อาจปล่อยให้นางมีอันตรายได้อีกแล้ว ถ้าวันนั้นหม่อมฉันไม่ออกไปนอกวังเพื่อไปหานางแล้วช่วยไว้ได้ทันล่ะก็...”

“ฮ่องเต้ แม่เองก็เห็นใจเจ้าแต่แม่ว่านางยังไม่พร้อมที่จะเป็นฮ่องเฮาหรอก เจ้าต้องไปถามเจ้าตัวด้วยสิว่านางพร้อมที่จะเป็นเมียเจ้าหรือยัง”

“แล้วจะทรงให้ลูกทำเช่นไรเล่าเสด็จแม่ ลูกไม่อาจอยู่เฉยให้หนี่เจินมีภัยได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”

“เอาไว้แม่จะถามหนี่เจินกับแม่ของนางก่อนว่าพร้อมหรือยัง ถ้าฝ่ายนั้นตอบตกลงแม่ก็จะรีบแต่งตั้งนางทันที”

“เสด็จแม่ทำไมต้องทรงถามความเห็นทั้งสองก่อนด้วยเล่า ก็ทรงมีรับสั่งลงไปยังทั้งสองก็ต้องยินยอมอยู่แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วเจ้าจะไม่ถามความสมัครใจของเจ้าตัวเลยหรือ จะใช้การบังคลแบบนั้นเจ้าจะได้ใจของหนี่เจินหรือ”

“ต้องได้สิพ่ะย่ะค่ะ ตลอดเวลาที่ลูกดูใจกับนางก็ไม่เห็นนางจะรังเกียจอะไรในตัวของลูก แล้วจะมีเหตุผลอันใดที่นางจะปฏิเสธตำแหน่งที่หลายคนอยากได้กันล่ะเสด็จแม่”

“แต่หนี่เจินหาใช่เช่นนั้นพวกนั้นไม่ลูก นางเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทงาม และไม่คิดการใหญ่เหมือนแม่พวกนั้นที่ถูกบรรดาพ่อของตนเองประเคนใช่พานถวาย ให้เจ้าหรอกนะฮ่องเต้”

“เพราเป็นเช่นนั้นน่ะสิ ลูกถึงอยากให้นางเป็นฮ่องเฮาของลูก ความที่นางไม่มักใหญ่ใฝ่สูงไม่เห็นเงินทองลาบยศมาก่อนนั้น ทำให้ลูกเห็นถึงใจอันดีงามและเหมาะจะเป็นแม่ของแผ่นที่ดีได้”

“อันนั้นแม่ก็เห็นด้วยกับเจ้า ก็ได้แม่จะมีคำสั่งลงไปแม่เองก็ใช่ว่าไม่อยากได้หนี่เจินเป็นแม่ของดินเพราะ อยากได้น่ะสิถึงได้ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้นแม่ก็ไม่อยากห้าม แม่จะทำตามที่เจ้าต้องการ”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่ ลูกรักเสด็จแม่ที่สุด”พูดจบฮ่องเต้ก็ทรงเดินเข้าไปโอบพระวรกายของพระมารดาอย่างดีพระทัย

“ที่อย่างนี้มารักแม่ได้นะฮ่องเต้ ที่ปกติไม่เห็นเจ้าจะรักอย่างที่ปากพูดเลย”

“ใครว่าล่ะเสด็จแม่ ลูกรักเสด็จแม่เสมอพ่ะย่ะค่ะ แต่ช่วงนี้ราชกิจน้อยใหญ่เยอะเหลือเกินลูกเลยไม่มีเวลาจะมาเยี่ยมเสด็จแม่”

“แม่ยังไม่ทันว่าอะไรเจ้าเลย”

“งั้นลูกขอตัวไปตอบฎีกาจกาเหล่าขุนนางและบัณฑิตก่อนพ่ะย่ะค่ะ พวกนั้นชอบส่งเรื่องน่าปวดหัวให้ลูกอยู่เรื่อย”

“นั้นสิเจ้าไปจัดการราชกิจน้อยใหญ่ของเจ้าซะ ส่วนเรื่องหนี่เจินแม่จะรีบมีคำนสั่งให้นางเป็นฮ่องของเจ้าทันทีเลย”

“พ่ะย่ะค่ะ งั้นลูกทูลลา”

หลังจากฮ่องเต็เสด็จกลับยังตำหนักกลางก็ทรงงานต่อ ทั้งที่ใจก็ลอยไปหาใครบางคนที่อยู่ในพระทัยซะแล้ว และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตอนนี้พระทัยของฝ่าบาทลอยไปหายังที่จ้วนอ๋อง แล้ว

เช้าวันต่อมาที่จ้วนอ๋องเฉินก็ต้องพากันวุ่นวายอีกครั้งเมื่อมีพระราชโองการ จากฮ่องไทเฮาให้แต่งตั้งหนี่เจินเป็นฮ่องเฮาและให้มีการจัดงานอภิเษกสมรสที่ จะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้านี้

“ท่านอ๋องค่ะ เราจะทำเช่นไรดีนี่ทรงให้ฮ่องไทเฮาจัดการเรื่องทั้งด้วยพระองค์เอง”

“ทำไมถึงเป็นเรื่องเช่นนี้ไปได้นะ ทางเรายังไม่ได้ตอบตกลงที่จะให้หนี่เจินอภิเษกกันฮ่องเต้เลยแต่ทรงมีคำสั่ง แต่งตั้งและให้เตรียมงานเช่นนี้อีก”

“เห็นทีพระองค์คงกลัวว่าทางเราจะขัดพระทัยเลยไม่ทรงบอกกล่าวเราเช่นนี้ เลยทรงมีพระราชโองการที่ทำให้พวเราไม่อาจขัดราชโองการได้เช่นนี้มา แทน”จิ้งฟงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อแม่นิ่งไป

“เห็นทีพวกเราคงไม่อาจหลีกเลี่ยงให้แล้วสินะค่ะท่านพี่ เราคงต้องเตรียมตัวส่งหนี่เจินเข้าวังอย่างเป็นทางการซะแล้ว ถ้าเราขัดราชโองการอาจจะถูกประหารทั้งตระกูลเป็นแน่”

“งั้นเจ้าก็ไปเตรียมตัวเถอะหลิงหลัน”

“ค่ะท่านพี่”

ด้านตำหนักสนมพิงก็วุ่นวายไม่แพ้กัน เพราะนางกำลังให้คนไปตามพี่ชายของตนเองเพื่อถามข่าวที่ตนได้ฟังมาว่าจริงเท็จแค่ไหน

“ไห่เหยียนเจ้าจงไปตามพี่ชายข้างมาพบที บอกเขาว่าข้ามีเรียนสำคัญจะถาม”

“เพค่ะพระสนม หม่อมฉันจะรีบไปเพค่ะ”

ไม่นานหลังจากนางกำนัลคนสนิทออกไป ก็พาผู้เป็นพี่ชายของตนเองมาถึงยังตำหนัก

“ท่านพี่ไหนท่านบอกว่าจะจัดการนั้นจิ้งจอกนั้นให้ข้าไงล่ะ ตอนนี้ข้ายังเห็นมันลอยหน้าลอยตาอยู่ในวังอยู่เลย แล้วข้าก็ได้ยินข่าวลือว่าไม่ช้านี้จะมีการแต่งตั้งนางและพิธีอภิเษกอย่าง เป็นการแล้ว ข้ายังไม่เห็นท่านพี่จะทำอะไรให้ข้าได้เลย”

“ใจเย็นน้องพี่ ไมใช่พี่ไม่ทำแต่ทำไปแล้วต่างหากเล่า และเพราะอย่างนี้พี่เลยเลี่ยงไม่เข้าวังไงอย่างไรล่ะ”

“ท่านพี่ทำไปแล้วแต่ทำไมข้ายังเห็นมันหน้าชื่นตาบานล่ะ ถ้านางเป็นของท่านไปแล้ว”

“พี่ทำแล้วแต่มันไม่สำเร็จ พอดีตอนที่พี่กำลังจะจัดการนางไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงทราบได้อย่างไรว่านางอยู่ นั้นกับพี่ เลยทรงมาช่วยได้ทัน และดีที่พี่ปลอมตัวไปและประจวบกับที่ตอนนั้นมันมืดมากเลยไม่ทรงรู้ว่าเป็น พี่ พิงอันพี่ไม่อาจทำตามที่เจ้าขอร้องได้อีกแล้ว พี่ว่าพี่รักแม่นางหนี่เจินเข้าให้แล้วล่ะ พี่ไม่อยากให้นางเสียใจ เพราะนางพี่ถึงได้รอดมาได้”

“อะไรนะท่านพี่ ท่านบอกว่าท่านรอดมาได้เพราะนางงั้นหรือ”เสียงถามด้วยความแปลกใจขออกจากเรียวปากคู่งาม

“ใช่ เพราะนางขอกับฝ่าบาท ว่าอย่างเอาเรื่องพี่เลยพี่เลยรอดตัวไม่ต้องถูกลงโทษอย่างนี้ พี่คงทำเรื่องแบบนั้นกับนางไม่ได้อีกแล้ว”

“ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อพี่เป็นพี่ของข้าและนังนั้นก็เป็นศตรูหัวใจของน้องนะท่านพี่”

“พี่เสียใจแต่พี่ไม่อาจทำให้เจ้าได้อีกแล้ว”

หลังจากพูดจบหวังหลงเฟยก็เดินออกจากตำหนักสนมพิงทันที เขาไม่อาจทำร้ายหัวใจของนางเป็นมีจิตใจงดงามเช่นนั้นได้ และไม่อาจเห็นนางเศร้าเสียใจอีก เขายอมรับว่าตอนแรกเขาแค่สนใจในความงามนั้นแต่หากเป็นตอนนี้เขาหลงรักความดี ของนางซะมากกว่า

หลายวันต่อมา

และแล้ววันที่ใครหลายคนต่างรอคอยก็มาถึง พิธีแต่งตั้งและอภิเษกสมรสระหว่างหนี่เจินและฮ่องเต้ก็มาถึง ภายในวังถูกประดับประดาด้วยของใช้สีแดงที่สื่อความหมายอันเป็นมงคลแก่ ฮ่องเต้และฮ่องเฮา เสียงบรรดาขันทีและสาวรับใช้ต่างยุ่งกับการจัดเตรียมงามกันให้ยุ่งวุ่นวาย

ทางด้านหนี่เจินหลังจากที่ได้ยินข่าวก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่ก็อดกังวลใจไม่ได้เมื่อถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ ถ้าฮ่องเต้ทรงรู้ว่าเขานั้นหาใช่สตรีแต่เป็นบุรุษปลอมตัวมาจะทรงทำเช่นไรกับ เขา

พิธีอภิเษกเริ่มจะขบวนรถของหนี่เจินที่เดินทางเข้าออกจากจ้วนอ๋องเฉินเข้า สู่วังโดยเป็นขบวนรถม้าที่แสดงถึงเกรียติท่านหญิงเฉินที่จะอภิเษกกับฮ่องเต้

และระหว่างทางหนี่เจินต่างเห็นบรรดาชาวบ้านยืนมองตามสองข้างทางต่างชื่นชม และกล่าวยินดี จนตัวของเขาอดไม่ได้ที่จะโบกมือบางให้แก่ชาวบ้านเหล่านั้น และก็ได้คำตอบรับเป็นเสียงปราบปลื้มที่ดังกว่าเดิน

ขบวนรถม้าก็ได้เดินทางมาถึงยังพระราชวังและหนี่เจินก็ถูกนำตัวไปแต่งตัวที่ ตำหนักล่งซู่ในทันทีที่มาถึง ภายในตำหนักต่างก็วุ่นวายไม่แพ้กัน

“พวกเจ้าออกไปเถอะข้าจะแต่งตัวให้ลูกสาวข้าเอง พอแต่งตัวเสร็จพวกเจ้าค่อยมาทำผมแต่งหน้าให้นาง”

“ค่ะฮูหยิน”

“ท่านแม่ข้าตื่นเต้นจัง แล้วตอนที่เข้าหอข้าจะทำเช่นไรดี”

“เจ้าต้องพยายามบอกกับพระองค์ว่าเจ้ายังไม่พร้อมแล้วหาทางทำให้พระองค์ไม่ ทรงล่วงเกินเจ้าซะ แม่เห็นทางออกแค่ทางนี้เท่านั้น แต่ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จพ่อกับแม่ก็เตรียมรับโทษไว้แล้วเจ้าแค่บอกว่าเจ้านั้น ไม่รู้ก็พอ”

“ข้าจะทำเช่นได้อย่างไรกันท่านแม่ ในเมื่อนี่คือตัวข้าแล้วข้าจะไม่รู้ได้เช่นไร”

“เจ้าก็บอกว่าพ่อกับแม่บังคับเจ้าเพราะเกรงอาญา เจ้าเลยมิอาจขัดผู้เป็นพ่อแม่ได้”

“ไม่!! ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นข้าจะเป็นผู้รับผิดแต่เพียงผู้เดียวท่านพ่อท่านแม่และพี่น้องของข้าไม่มีความผิด ข้าจะรับผิดเอง”

“ลูกเจินเจ้าจะทำให้แม่เสียใจหรือ ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปเจ้าคิดว่าแม่จะทนได้หรือ”

“ท่านแม่ ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ตระกูลของเราอยู่ต่อไปได้นะค่ะ”

“แต่เจ้าจะไม่คิดถึงใจพ่อแม่บ้างหรือ หากต้องเสียเจ้าไปเช่นนี้”

“เราจะไม่พูดเรื่องกันอีกค่ะ ข้าไม่อาจทำให้ท่านพ่อท่านแม่เป็นอะไรไปได้”

หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วหนี่เจินก็อยู่ในชุดเจ้าสาวสูงศักดิ์งามสง่าสมกับ ที่เป็นธิดาอ๋องเฉิน และต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาก่อนที่จะเริ่มพิธีอภิเษกสมรส

พิธีเริ่มต้นจากจัดขบวนเพื่อนำเจ้าสาวไปยังลาดพิธีหน้าตำหนักใหญ่เพื่อทำ พิธี หนี่เจินต้องนั่งเกี้ยวผ่านยังตำหนักน้อยใหญ่ต่าง ๆ เพื่อนผ่านไปยังตำใหญ่ที่เป็นสถานที่จัดพิธี

จากนั้นขบวนเกี้ยวเจ้าสาวก็มาถึงยังลานพี่และต่อด้วยการเดินเข้าพิธีอย่างสง่างามของเจ้าสาวและฮ่องเต้ที่ทรงยืนรอตรงแท่นพิธีก่อนแล้ว

ทางเดินที่ถูกปูด้วยผ้าสีแดงยาวไปถึงยังแท่นพิธีและระหว่างสองข้างทางที่ เดินผ่านก็มีเหล่าขุนนางและบัณฑิตยืนถวายพระพรยางจนถึงแท่นพิธี

เมื่อหนี่เจินเดินมาจนสุดทางก็พบก็ฮ่องเต้ในฉลองพระองค์ชุดมังกรสีแดงและ เหล่านางกำนัลที่ทำหน้าที่ดูแลเจ้าสาวก็ส่งตัวเจ้าสาวให้แก่ฮ่องเต้และจาก นั้นจึงเริ่มพิธีไหวฟ้าดิน

“ต่อไปจะเป็นพิธีคำนับฟ้าดินพ่ะย่ะค่ะ”มหาขันทีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหนี่เจินมาถึงแล้ว

“เชิญทั้งสองพระองค์คำนับฟ้าดินพ่ะย่ะค่ะ  คำนับครั้งที่ 1 คำนับฟ้าดิน” แล้วหนี่เจินกับฮ่องเต้ก็หันออกยังด้านคำนับฟ้าดิน

“คำนับครั้งที่ 2 คำนับพ่อแม่ผู้มีบุญคุณ” แล้วกันมาคำนับฮ่องไทเฮาที่ทรงอยู่สูงสุดของแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ และก็ทรงยิ้มรับอย่างมีความสุข

“คำนับครั้งที่ 3 คำนับซึ่งกันและกัน” แล้วหนี่เจินก็กันมายังข้าง ๆ ที่ตอนนี้ฮ่องเต้เองก็ทรงหันมาทางหนี่เจินเช่นกัน ก่อนจะคำนับกัน

“เป็นอันเสร็จพิธีคำนับฟ้าดินแล้วพ่ะย่ะค่ะ เชิญฝ่าบาทเปิดหน้าฮ่องเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากนั้นก็ทรงไม่รอช้าทรงจับชายผ้าแล้วเปิดผ้าแล้วก็ทรงตกตลึงเมื่อพบใบ หน้าของหนี่เจินยามนี้ ทั้งที่ปกติก็งดงามอยู่แล้ว แต่เวลานี้ยิ่งกว่างดงามเสียอีกช่างหาคำบรรยายมิได้

หนี่เจินก็เกิดอาการเขินอายเมื่อคนตรงหน้าเอาแต่จ้องมองมิวางตา เลยได้แต่หลบสายตาของอีกฝ่ายเท่านนั้น

“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี ขอให้ฮ่องเฮาทรงพระเจริญพันปี พัน ๆ ปี” แล้วเสียงบรรดาขุนนาง และบัญฑิตต่างก็สรรเสริญให้แก่ฮ่องเต้และฮ่องเฮา

หลังจากเสร็จพิธีต่าง ๆ ก็มืดค่ำแล้วก็ถึงพิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอที่หลายคนต่างก็ดีใจที่พิธีต่าง  ๆ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

อ๋องเฉินและฮูหยินหลิงหลันต่างพากันเข้าไปยังห้องหอภายในตำหนักจงจินที่เป็น ตำหนักของฮองเฮาและตอนนี้ก็กำลังกล่าวอวยพรแก่ลูกของตนและย้ำกับหนี่เจินถึง เรื่องต่าง ๆ และพากันออกไปยกเว้นเฉินจิ้งฟงผู้เป็นพี่

“น้องเจิน ไม่ต้องห่วงถ้าเจ้ากลัวว่าความจะแตกพี่จะหาทางช่วยเจ้าเอง”จิ้งฟงเอ่ยปลอบ ผู้เป็นน้องแต่แล้วเจ้าตัวกลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ข้าสามารถเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน”

“แต่ใจพี่มิอาจหมดห่วงได้ ถึงพี่จะรู้ว่าเจ้านั้นสามารถเอาตัวรอดได้แต่หากใจเจ้ามิอาจปฏิเสธเล่าน้องพี่”

“ไม่ต้องห่วงข้ามากหรอกท่านพี่ ข้าคิดว่าดูแลตัวเองได้”

แล้วหนี่เจินก็ผลักพี่ชายของตนเองให้ออกจากก่อนจะกอดพี่ชายอีกครั้งและปิด ประตูห้องลง ถึงจะบอกว่าไม่ต้องห่วง แต่ใจของหนี่เจินตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นที่ตนกล่าวมา แล้วพาร่างอันโรยแรงกลับมายังเตียงที่อีกไม่นานฝ่าบาทจะทรงมาประทับเคียง ข้าง

ไม่นานความกลัวของหนี่เจินก็เกิดขึ้นเมื่อฝ่าบาทได้ทรงเสด็จมาถึงยังห้องบรรทมแล้ว เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับที่มีอีกพระวรกายกำยำของฝ่าบาททรงดำเนินมายัง ข้างใน ทรงทอดพระเนตรฮ่องเฮาที่มีท่าทีตื่นตะหนกขึ้นมาทันทีหลังจากที่ฝ่าบาททรงปิด ประตูแล้วเดินเข้าไปหาหนี่เจิน

หนี่เจินก็เป็นฝ่ายก้มลงกราบในทันทีก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงเดินเข้าไปหา และก็ทรงสงสัยอะไรที่ทำให้ฮ่องเฮาของเขาต้องทำเช่นนั้น

“เจ้าทำอะไรน่ะหนี่เจิน”

“หม่อมฉันทำผิดกับฝ่าบาทเพค่ะ”

“ทำผิดงั้นหรือ เจ้าทำอะไรผิดข้ายังไม่เห็นว่าวันนี้เจ้าทำอะไรให้ข้าขุ่นข้องหมองใจอะไรสัก หน่อย แถมวันนี้เจ้ายังน่ารักเป็นพิเศษข้าจะลงโทษเจ้าได้อย่างไรหนี่เจินของข้า”

“งั้นก็ต่อจากนี้เพค่ะที่หม่อมอาจทำให้พระองค์เสียพระทัย หม่อมฉันมีเรื่องจะบอกเพค่ะ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:54:45 โดย manami_01 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
9

หนี่เจินจ้องไปยังพระพักตร์ที่ทอดพระเนตรกลับอย่างสงสัย วันนี้นางอันที่รักของพระองค์ดูแปลกไปไม่สนใสและน่ารักเหมือนเมื่อหลายวันก่อน

“ก่อนที่จะบอกอะไรข้าเจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ เห็นเจ้าทำเช่นนี้ข้าไม่สบายใจเลยหนี่เจิน”

“ไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องกราบทูลฝ่าบาทก่อน”

สรรพนามแทนตนเปลี่ยนไปทำให้ฮ่องเต้สงสัยถึงการกระทำของคนตรงหน้านี้ยิ่งนัก หนี่เจินของเขาดูแปลกไปจริง ๆ

“ลุกขึ้นเถอะมีเรื่องอะไรจะบอกข้าก็ได้ทำไมเจ้าต้องทำเหมือนเป็นเรื่องร้ายแรงเลยหนี่เจินของข้า”

“พ่ะย่ะค่ะมันเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดที่พระองค์มิอาจให้อภัยกระหม่อมผู้นี้ได้เลย”

“เจ้าแทนตัวเองว่ากระหม่อมหรือหนี่เจิน”

“พ่ะย่ะค่ะ และมีสิ่งที่กระหม่อมอยากถามพระองค์หากเรื่องที่จะกราบทูลต่อไปนี้มันทำให้ พระองค์มิอาจทรงให้อภัยกระหม่อมผู้นี้ได้จะทรงทำเช่นไร”

“....”ทรงนิ่งอย่างทรงไม่เข้าพระทัย

“ถ้าสิ่งที่กระหม่อมทำนั้นเป็นการทำให้พระองค์เสื่อมเสียพระเกีรติของพระองค์”

“กระหม่อมขอรับโทษนั้นหากแม้นพระองค์จะทรงสั่งให้ลงโทษประหาร กระหม่อมจะขอรับโทษตาย แต่ขอเพียยงอย่างเดียวอย่าทรงลงโทษครอบครัวของกระหม่อม แค่นั้นที่กระหม่อมจะขอเป็นสิ่งสุดท้ายจากพระองค์”หนี่เจินกล่าวขึ้นน้ำเสียงสั่นไหว

ฝ่าบาททรงประทับนิ่งอย่างทรงคาดการณ์เหตุการณ์ไม่ได้ ทรงสับสนพระทัยขณะรับฟังสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยขึ้น

“เจ้ากำลังจะพูดอะไร ทำไมโทษที่เจ้าจะได้รับถึงเป็นโทษประหาร ทำไมถึงคิดว่าข้าฟังสิ่งที่เจ้าจะพูดแล้วจะมิอาจให้อภัยได้”

“หากแม้นกระหม่อมเป็นชายมิใช่หญิงล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“...”

“หากกระหม่อมผู้นี้เป็นชาย พระองค์จะทรงทำเช่นไร”

ขณะที่อีกฝั่งสถานการณ์ตึงเครียด ทางจ้วนอ๋องก็สถานการณ์ตึงเครียดไม่แพ้กันอ๋องเฉินและฮูหยินมิอาจจะหลับลง ได้ เพราะห่วงลูกชายคนรองที่ตอนนี้มิอาจล่วงรู้ว่าตอนนี้มีชะตากรรมเช่นไร ฝ่าบาทจะทรงรู้หรือยังว่าหญิงที่ทรงอภิเษกด้วยหาใช่หญิงอย่างที่หวังไว้หากแต่เป็นชายเช่นนี้

“ท่านพี่ข้าห่วงลูกเจินเหลือเกิน ลูกเจินจะบอกกับฝ่าบาทไปหรือยัง หรือว่าลูกเจินอาจจะไม่กล้าแล้วพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ร่วมหอลงโรงกันฝ่าบาทก็ เป็นได้”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นอาจจะดีกับลูกเจินมากกว่า ข้าก็หวังให้ลูกเจินทำเช่นนั้น”

“หากแม้นเทพเจ้ามีจริง ข้าขอภาวนาให้ลูกหนี่เจินอย่างได้เป็นอะไรเลยขอให้ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยสิ่งที่ลูกเจินทำด้วยเถอะ”

สองสามีภรรยายามนี้ได้แต่ภาวนาให้ลูกชายคนรองอยู่รอดปลอดภัยและอย่างได้รับ อันตรายเลย จากนั้นแสงไฟในห้องก็ดับลง แต่ดวงไฟอีกดวงของห้องถัดมาไม่ไกลนักกลับยังสว่างไสวไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ เท่าไร

“ท่านหญิงยังไม่นอนหรือเจ้าค่ะ”เสียงสาวใช้คนสนิทเอ่ยถามท่านหญิงเพียงหนึ่งเดียวของบ้านที่ไม่ยอมเข้านอนเสียที

“ข้าเป็นห่วงพี่รองเหลือเกินหนิงหนิง ไม่รู้ตอนนี้ท่านพี่จะเป็นเช่นไรบ้าง”

“ข้าคิดว่าท่านอ๋องน้อยคงหาทางออกได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องน้อยเป็นคนเฉลียวฉลาดและรู้ว่าอะไรควรมิควรเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่”

“ข้าก็หวังเช่นนั้น ข้าหวังว่าในวันพรุ่งนี้ข้าจะไม่ต้องรับฟังข่าวร้ายที่อาจจะมาถึง”

“เจ้าค่ะ ข้าเองก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้น แต่วันนี้ท่านหญิงควรนอนได้แล้วนะค่ะไม่เช่นนั้นข้าอาจโดนตำหนิได้ว่าไม่ดูแลท่านหญิง”

“อืม ข้าจะเข้านอนแล้วเจ้าออกไปเถอะ

และเมื่อหนิงหนิงออกไปไฟในห้องก็ดับลง ค่ำคืนนี้จ้วนอ๋องก็ต่างหลับกันอย่างไม่เต็มตาเพราะไม่อาจรับรู้ถึงข่าวของ บุคคลอันเป็นที่รักที่ตอนนี้เป็นเช่นไร

กลับมาด้านวังหลวงที่ฮ่องเต้ยังทรงประทับยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำกล่าวจากร่าง บางที่ยังก้มหน้านิ่งอยู่ ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ ตอนนี้พระองค์ตกพระทัยกับสิ่งที่ได้ยิน

“เจ้าว่าเช่นไรนะ เจ้าว่าเจ้าเป็นอะไรนะ”

“กระหม่อมเป็นชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยินดีรับโทษตายหากแม้นพระองค์สั่ง”

พระทรงคิดใคร่ครวญมองพนิจพิจารณาก่อนจะทรงย้อนถึงวันคืนเก่า ๆ ที่ทรงทำร่วมกับร่างบางตรงหน้านี้ภาพความน่ารักสดใสและงดงามยังคงตราตึง พระทัยพระองค์

หากแม้นสิ่งเหล่านั้นลวงตาก็ทรงมิอยากตื่น หากแม้นสิ่งเหล่านั้นร่างบางตรงหน้าทำไปมิใช่แค่ตบตา หากแม้นหัวใจดวงนั้นที่หมอบให้พระองค์มิใช่สิ่งจอมปลอมพระองค์จะทรงยอมรับ ได้หรือไม่

ทรงมองร่างบางที่ตอนนี้เริ่มมีเสียงสะอื้อเบา ๆ ก็ทรงเจ็บที่พระทัยยิ่งนั้นหากแม้นตอนนี้หัวใจพระองค์เองก็เจ็บไม่แพ้คนตรงหน้าเช่นกัน

พระองค์จะทรงทำเช่นไรต่อไปดีจะทรงให้เรื่องผ่านเลยไปไม่สนใจหรือจะทรงลงโทษคนตรงหน้าที่บังอาจหลอกลวงพระองค์นานแสนนานเช่นนี้

และตอนนี้พระองค์ก็ได้คำตอบแล้วทรงดำเนินประทับเคียงข้างร่างบางที่ยังสะอื้นไห้ไม่สนใจสิ่งใด ก่อนจะใช้พระหัตถ์ทั้งสองเงยใบหน้าสวยที่ตอนนี้น้ำตาไหลอาบหน้าสบเข้ากับพระเนตรคู่สวยที่ตอนนี้ทอดมองคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

“งั้นหากข้าผู้นี้มิใช่ฮ่องเต้ เจ้าจะยังรักข้าอย่างที่เจ้าทำตอนนี้หรือไม่”

“หากแม้นแต่ฝ่าบาทมิใช่กษัตริย์ กระหม่อมก็มิอาจห้ามใจมิให้รักพระองค์ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นหากตอนนี้หัวใจของข้ามิใช่ของข้าแต่เป็นของเจ้าล่ะ เจ้าจะยังยอมรับที่จะเป็นภรรยาข้าต่ออีกหรือไม่”สิ่งที่ทรงตรัสมาทำให้คนฟัง อึ้งแล้วต้องถามกลับอย่างสงสัย

“ฝ่าบาท ทรงตรัสอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”หนี่เจินถามขึ้นอย่างสงสัย

“เจ้าเลิกแทนตนเช่นบุรุษเสียที ตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาข้าแล้วต้องแทนตัวเองเช่นสตรีสิ”

“แต่ว่ากะ...” ยังไม่ทันร่างบางจะพูดจบก็ทรงค้านขึ้น

“ไม่มีแต่ หากเจ้าไม่เชื่อฟังข้าจะลงโทษเจ้า”

“พะ...เพค่ะ”

“และคำตอบของข้าก็ไม่เปลี่ยนข้ารักเจ้าเช่นใดก็ยังคงรักเช่นนั้น ถึงแม้นความจริงแล้วเจ้าจะหาใช่หญิงดังที่ข้าคาดไว้ แต่หัวใจที่ข้ามอบให้นั้นหาใช่หลอกลวงแต่เป็นรักอันใสบริสุทธิ์ที่มอบให้แก่บุคคลอันเป็นดวงใจของข้า ข้ามิอาจอยู่ได้หากขาดเจ้า มิอาจจะลงโทษเจ้าได้และหากแม้นเจ้าเจ็บข้าสิจะยิ่งเจ็บกว่า”

พอทรงตรัสจบก็โอบร่างบางด้วยพระกรแข็งแกร่งและบรรจงพรมจุมพิตลงบนหน้าผากมน สวยพลางใช้พระหัตถ์เช็ดน้ำตาของคนร่างบางอย่างเบามือ คนในอ้อมพระกรแข็งแกร่งนั้นรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนก็กอดตอบพลางซบหน้าลงยัง พระอุระอุ่น ๆ

“ทรงไม่เคืองพระทัยหรือเพค่ะ ที่หม่อมฉันหลอกลวงพระองค์เช่นนี้”

“ถ้าตอบว่าไม่ข้าคงโกหกเจ้า ข้าโกรธเจ้าที่หลอกลวงข้าแต่ข้าก็หาได้ต้องการลงโทษเจ้า หาแม้นหัวใจของข้ามิใช่ของเจ้า ข้าอาจลงโทษประหารเจ้าเสียแต่หัวใจข้าผู้นี้ผู้ที่เป็นถึงจักรพรรดิของแผ่นดินได้มอบให้เจ้าไปแล้วไม่อาจรับคืนได้ ข้าจึงจำยอมรับสิ่งที่เจ้าเป็นแทนที่จะทำร้ายหัวใจตัวเองสู้ข้ายอมรับเจ้าจะดีกว่า”

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน...”

“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ข้ารู้เพียงว่าต่อจากนี้ไปข้าจะมีเจ้าเคียงข้าในฐานะฮองเฮาตลอดไป”

“เพค่ะ หม่อมฉันจะเคียงข้างพระองค์ตลอดไป”

“งั้นเราก็ควรทำเรื่องฉันท์สามีภรรยาเสียที”ฮ่องเต้ตรัสจบคนร่างบางในอ้อมกอดก็หน้าขึ้นสีทันที

“แต่หม่อมฉันเป็นชายจะทำเรื่องเช่นนั้นกับฝ่าบาทได้เช่นไรกัน”

“แล้วเจ้าจะรู้เองหนี่เจินของข้า”

เมื่อทรงตรัสจบก็ทรงประทับริมฝีปากของพระองค์ทาบทับคนร่างบางที่ยังมิทัน ตั้งตัวแล้วมอบความหวานให้ ร่างบางมิอาจขัดขืนจึงรับความหวานที่ถูกส่งผ่านมาให้แทน

“อืม...อืม....”เสียงหวานครางออกมาจากปากเรียวสวยเมื่อพระหัตถ์ของฝ่าบาทสอดเข้าไปภายใต้เสื้อผ้าที่ปกปิดกายอยู่

เสื้อผ้าที่ปกปิดกายถูกถอดออกโดยง่าย พระหัตถ์ข้างหนึ่งลูบไปตามหน้าท้องแบนราบก่อนริบฝีปากเรียวก็สัมผัสต้นคอขาว ไล่ลงมายังยอดอดสีชมพูที่ชูชันขึ้น

“อ๊า...อา...ตรงนั้นไม่ได้เพค่ะ...อ๊า....”

เสียงหวานยังคงครางทำให้กระตุ้นคนฟังยิ่งนั้น พระหัตถ์เลื่อนลงต่ำยังจุดอ่อนไหว ทรงพระหัตถ์รูดขึ้นลงจนคนร่างบางเกิดอาการเสียววาบ เสียงครางยังคงดังต่อเนื่อง

“อ๊า...อ๊า...อืม...มะ...หม่อมฉัน....จะไม่ไหวแล้ว....พะ...เพค่ะ....ฝ่าบาท...อา.....”

และเมื่อสิ้นเสียงร่างบางน้ำขาวขุ่นก็ถูกปลดปลอยเต็มหน้าท้องและเปอะเปื้อน พระหัตถ์ด้วย แต่ฮ่องเต้ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นก่อนจะเลี้ยงน้ำสีขาวขุ่นนั้นจดหมด แถมยังทำท่าว่าทรงอร่อยอีกด้วย

“ฝะ...ฝ่าบาท!! ทรงทำเช่นนั้นได้อย่างไรเพค่ะ”สีหน้าตื่นตะหนกของร่างบางก็ทำให้ฮ่องเต้ทรงพระสรวยออกมาอย่างพึ่งพอพระทัยยิ่งหนัก

“จุ๊บ” ทรงก้มลงประทับจุมพิตให้คนร่างบางก่อนจะทรงส่งยิ้มอ่อนโยนให้

“ฝ่าบาททำไมไม่ทรงตอบล่ะเพค่ะ”

“ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนิ”

“แต่พึ่งจะเสวยสิ่งนั้นเข้าไปนะเพค่ะ ทรงคายออกมาเถอะเพค่ะ”

“ข้าไม่รังเกียจสิ่งนั้นของเจ้าหรอกนะ กลับคิดว่าหวานดีด้วยซ้ำจนข้าอยากจะชิมอีกครั้งสองครั้ง”

“ฝ่าบาท”

“เอาล่ะเรามาต่อกันดีกว่าตอนนี้เจ้าเสร็จไปครั้งหนึ่งแล้วแต่ข้ายังไม่เสร็จเลยสักครั้งนะอย่าลืมสิ”

“แต่...อุ๊บ”

ทรงทาบทับริมฝีร่างบางที่ยังเอ่ยมิทันจบ หลังจากที่ร่างบางกำลังรับความหวานที่ถูกส่งผ่านมาพระหัตถ์ก็ลูบไปยังช่อง ทางที่อยู่ข้างล่างของจุดอ่อนไหวก่อนจะทรงสอดดัชนีเข้าไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะคาไว้อย่างนั้นและเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้า ๆ

“อ๊า.....อา....ฝ่าบาท....”

จากนั้นก็ทรงเพิ่มดัชนีขึ้นเป็นสองและทรงขยับเข้าออกจากช้า ๆ เป็นเร็วขึ้น ๆ จนช่องทางของร่างบางตอดรัดดัชนีน้อย ๆ

“อ๊าย....อ๊า...อืม....อา...”

หลังจากที่เห็นว่าช่องทางที่ทรงสอดดัชนีเข้าไปนั้นพร้อมจะรับสิ่งที่ใหญ่ กว่าดัชนีของพระองค์แล้วทรงกระซิบที่ข้างหูคนร่างบาง เสียงทุ่มนุ่มนั้นทำให้คนฟังหน้าขึ้นสีด้วยความอายแต่ก็มิได้ขัดขืนแต่อย่างไร

“อดทนหน่อยนะยอดดวงใจของข้า เจ้าอาจจะเจ็บสักหน่อยแต่เมื่อชินแล้วเจ้าจะมีความสุขร่วมกับข้า”

“เพค่ะ”

หนี่เจนกล่าวพร้อมพยักหน้าน้อย ๆ แล้วจากนั้นฮ่องเต้ก็แทรกแกนกายของพระองค์ที่จ่อยังปากทางของช่องทางเข้าไปในช่องทางแคบนั้นจนสุด

เมื่อทรงแทรกเข้าไปแล้วก็ยังไม่ทรงขยับพระวรกายแต่รอให้ช่องทางแคบนี้ชินกับขนาดของแกร่งกายที่แทรกเข้าไปเสียก่อน

ส่วนคนร่างบางเมื่อสิ่งแปลกปลอมแทรกผ่านช่องทางเข้าก็นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดมือสองข้างกำผ้าปูเตียงแน่น พอช่องทางแคบนี้เริ่มชินแล้วสีหน้าเจ็บปวดเมื่อกี้ก็ครายลง

และเมื่อฮ่องเต้ทรงเห็นว่าหนี่เจินครายสีหน้าเจ็บปวดเมื่อกี้และพร้อมแล้วก็ ทรงเริ่มขยับพระวรกายอย่างช้า ๆ ซึ่งร่างบางก็แอ่นสะโพกรับ

ฮ่องเต้เริ่มขยับพระวรกายด้วยจังหวะช้า ๆ เพื่อให้ร่างบางชินเสียก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะให้ถี่และเร็วขึ้นตามลำดับ

“อ๊า...อ๊า...อืม...อา”เสียงครางรับกับจังหวะที่ฮ่องเต้ทรงเคลื่อนไหว

“อ๊า...หนี่เจินตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง ตอนนี้ข้าอืม...มีความสุขที่ได้เช่นนี้กับเจ้านัก”

“อ๊า...อ๊า...อา...อืม...มะ...หม่อมฉัน....กะ....ก็มีความสุขเพค่ะ....อ๊า...อ๊า...”

“อ๊า...อืม...ข้าดีใจที่เจ้าชอบวันนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าได้นอนเลยยอดรักของข้า”

ฮ่องเต้ทรงเร่งจังหวะเร็วถี่ขึ้นร่างบางเองก็แอ่นเอวรับจังหวะที่เพิ่มขึ้น เสียงครางไม่ได้ศัพท์ยังคงดำเนินต่อไป ทรงใช้กพระหัตถ์จับเข้าที่จุดอ่อนไหวของร่างบางก่อนจะรูดขั้นลงตามแรงจังหวะ ที่พระองค์ขยับ จนร่างบางทนต่อไปไม่ได้

“ฝ่าบาท....มะ...หม่อมฉันจะออกอีกแล้วเพค่ะ หม่อมฉันจะไม่ไหวแล้วอ๊า.....”

น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจนเปอะเปื้อนเต็มหน้าท้องของคนตัวเล็กอีกครั้งแต่ครั้งนี้ฝ่าบาทก็ทรงเร่งจังหวาะขึ้นไปอีกขั้น

“อ๊า...หนี่เจินข้าก็ใกล้จะเสร็จแล้วขอทำแรงอีกนะข้าจะเสร็จแล้วข้าจะปล่อยในตัวเจ้า”

เมื่อทรงกระแทกแรง ๆ อีกสองสามทีน้ำสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยภายในกายของหนี่เจินและหนี่เจินเองก็ รับรู้ได้ถึงของเหลวอุ่น ๆ ที่ถูกปล่อยเข้ามาในร่างกายของตนเอง

หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงทำเช่นนั้นอีกหลายต่อหลายครั้งจนเวลาล่วงเลยมาจนถึง เกือบเช้าของอีกวัน ร่างบางที่ทนต่อความเหน็บเหนื่อยมาทั้งวันก็หมดสติไปเสียก่อน

“จุ๊บ เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันพักผ่อนเถอะยอดดวงใจของข้า”หลังจากตรัสจบก็ทรงเข้าบรรทมทันที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:55:21 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
10

หนี่เจินตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท พระพักตร์ยามบรรทมที่ราวกับเทพมาจุตินั้นทำให้หนี่เจินไม่อาจละสายตาไปไหนได้

แล้วพระเนตรที่ยังทรงบรรทมก็ลืมขึ้นพร้อมกับพระหัตถ์ที่คล้องเอวบางไว้ คนร่างบางก็ตกใจเมื่อรู้ว่าตนนั้นถูกฮ่องเต้รวบเอวแล้วดึงเข้าอ้อมพระอุรา

“ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือเพค่ะฝ่าบาท”เสียงใสของร่างบางเอ่ยถามขึ้นและพยายามออกจากอ้อมพระอุระ

“ข้าตื่นก่อนเจ้านานแล้ว แต่ยังไม่ลุกก็เลยนอนกอดเจ้าต่อ”

“ไม่ได้นะเพค่ะ ยังต้องทรงงานอีกมากมายหม่อมฉันว่าฝ่าบาททรงรีบฉลองพระองค์เถอะเพค่ะ”

“แต่ข้านั้นมิอยากไปไหนในยามนี้ อยากอยู่กับเจ้าเช่นนี้ทั้งวันเลย”

รับสั่งนี้ของฝ่าบาทเล่นเอาหนี่เจินหน้าขึ้นสีไม่น้อย รับสั่งไม่พอพระกรของฝ่าบาทก็เริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างบอบบาง คนถูกลูบไล้เริ่มมีอารมณ์คล้อยตามคนร่างใหญ่กว่า

“มะ...ไม่ได้นะเพค่ะ ยัง...มีงานราชกิจน้อยใหญ่อีกมากมายที่รอฝ่าบาททอดพระเนตรอีกนะเพค่ะ”

“ยามนี้ข้ามิอาจมีใจทำงานหรอก หากแม้นแต่ข้างยังอยากอยู่ข้าง ๆ เจ้าเช่นนี้”

“แต่ว่า...”

“เจ้าไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ข้าหรือหนี่เจิน”

“ทำไมหม่อมฉันถึงจะไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ฝ่าบาทล่ะเพค่ะ แต่หม่อมฉันเองก็ไม่อาจเห็นฝ่าบาททรงไม่สนราชกิจได้เพค่ะ” ทรงสรวลน้อย ๆ กับความคิดของฮองเฮายิ่งนัก

“ก็ได้แต่ข้าจะเชื่อเจ้า”

“งั้นก็ทรงลุกจากที่บรรทมได้แล้วเพค่ะ หม่อมฉันจะสวมฉลองพระองค์ให้เพค่ะ”

นี่เจินเดินออกมายังห้องที่ติดกับห้องบรรถมและเห็นชุดมังกรว่างอยู่บนโต๊ะก่อนจะนำฉลองพระองค์สีทองปักลายมังกรเข้าไปยังห้องบรรทมทันที

เมื่อหนี่เดินเข้ามายังห้องบรรทมก็พบว่าฮองเต้ยังทรงไม่ยอมลุกจากที่บรรทมเลยและยังคงมองตรงมายังตัวเอง ทำให้หนี่เจินจำต้องว่างฉลองพระองค์ไว้บนโต๊ะภายในห้องแล้วเดินเข้าไปยังที่บรรทมอีกครั้ง

“ฝ่าบาทเพค่ะ ทรงลุกจากที่บรรทมได้แล้วเพค่ะเดี๋ยวจะทรงงานสายนะเพค่ะ”

“งั้นเจ้าก็ช่วยดึงข้าทีสิ ข้าลุกไม่ไหว”

หนี่เจินเมื่อได้ยินว่าฝ่าบาททรงลุกไม่ไหวก็ใช้มือเรียวยืนไปหวังให้ฮองเต้จับแล้วช่วยฉุดให้ลุก แต่เมื่อฮองเต้ทรงจับมือเรียวขาวนั้นก็เป็นฝ่ายฉุดร่างบางให้ล้มมาทับพระวรกายแทน พระหัตถ์ที่เหลืออีกข้างโอบรอบเอวบางไว้ไม่ได้คนตรงหน้าหนีไปไหน

“ฝ่าบาท ทรงงานสายแล้วนะเพค่ะจะทรงทำอะไรหม่อมฉันอีก”

“ข้าแค่อยากทำกับเจ้าอีกสักรอบ ก่อนจะไปทำงานน่ะสิ”

“ฝ่าบาท...อุ๊บ”ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ฝีพระโอษฐ์ก็ทาบทับเรียวปากบางในอ้อมพระอุระเสียแล้ว

พระหัตถ์ทั้งสองลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางก่อนจะปลดอาภรณ์ที่ปกปิดร่างกายของร่างบางที่มีเพียงชิ้นเดียวออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นเรือนร่างขาวนวลจนพระองค์มิอาจห้ามใจได้อีกต่อไป

“อืม...”

เสียงหวานใสที่ครางเร่งเร้าให้ฮองเต้ต้องการมากขึ้น พระองค์ปลดฉลององค์ที่มีเพียงชิ้นเดียวเช่นกับร่างบางก่อนจะพลิกพระวรกายให้ทาบทับร่างบางแทนก่อนจะพรมจุมพิตไปทั่วหน้ามลไล่ลงยังเบื้องล่าง ไล่ไปตามซอกคอขาว แล้วพระหัตถ์ทั้งสองก็สัมผัสกับยอดอกที่ตอนนี้ชูชันตามแรงอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ

“อืม...อ๊า...ฝ่า....บาท....หม่อมฉัน...อ๊า...”

พระหัตถ์เลื่อนลงต่ำยังจุดอ่อนไหวของคนร่างบางทรงลูบไล้เพียงนิดเดียวจุดอ่อนไหวก็เริ่มมีการตอบสนองขึ้น ร่างบางสะดุ้งมือพระหัตถ์ของฮองเต้สัมผัสและเริ่มรูดขึ้นลงในจังหวะช้า ๆ และเริ่มเร่งขึ้น พระหัตถ์อีกข้างตรงไปยังช่องแคบที่ตอนนี้ก็เริ่มตื่นตัวเช่นกัน

“อือ....อือ....อ๊า....”เสียงหวานครางไม่ศัพท์ของร่างบางถูกเปล่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย

ทรงใช้นิ้วสอดเข้าไปทีละนิ้วจบครบช่องแคบจากนั้นก็ทรงเริ่มขยับเข้าออกร่างบางเมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมสอดเข้ามายังช่องแคบก็เริ่มบิด

“อ๊า....อ๊า...ฝ่าบาท....หม่อมฉัน....อ๊า....จะไม่ไหวแล้ว”

สิ้นเสียงร่างบางก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นจนเต็มหน้าท้อง แล้วพระวรกายของฮองเต้ก็เลื่อนลงต่ำเลียน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะอยู่จนหมดก่อนที่พระองค์จะถอดนิ้วที่สอดออก และแทนทีด้วยแกนกายของพระองค์เอง

หนี่เจินที่ตอนแรกรับรู้ว่าฮองเต้ทรงถอดนิ้วของพระองค์ออกแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเจอกับของที่ใหญ่ว่าสอดเข้ามาแทนนิ้วของฮองเต้ มันไม่เจ็บเท่ากับเมื่อวานก็จริงแต่ความเจ็บปวดก็ยังคงมีอยู่เพราะแผลเก่ายังไม่หาย แผลใหม่ก็แทรกเข้ามาแทน

“อ๊ะ...ฝ่าบาท...เบาหน่อยเพค่ะ หม่อมฉันเจ็บ”เมื่อได้ยินเสียงหวานกล่าวเช่นนั้น พระวรกายที่กำลังจะขยับเมื่อทรงดันแกนกายจนสุดแล้วนิ่งชะงักไป

“เจ้าเจ็บหรือหนี่เจิน ข้าของโทษข้าไม่รู้ว่าเจ้าเจ็บขนาดนี้งั้นข้าว่าตอนนี้เรา...”

“ไม่เพค่ะหม่อมฉันไม่ได้เจ็บอะไรมาก แค่ทำให้เบาลงก็พอเพค่ะ”

“งั้นข้าจะนุ่มนวลกับเจ้าให้มากกว่านี้แล้วกันยอดรักของข้า”ทรงจุมพิตลงบนหน้าผามลเพื่อให้คนร่างบางบรรเทาอาการเจ็บปวดลง

ก่อนที่พระวรกายจะเริ่มขยับในจังหวะช้า ๆ เพื่อให้คนร่างบางไม่เจ็บมากทรงทำอย่างนี้อยู่นานและอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นทำให้พระองค์จำต้องเริ่งจังหวะขึ้นไปอีกขั้นแต่ยังคงช้ากว่าเมื่อวานนัก

“อ๊า ๆ ฝ่าบาท...แรงขึ้นอีกก็ได้เพค่ะ...หม่อมฉันไม่เป็นไร อ๊า....อืม....อือ...”

ทรงเร่งขึ้นตามที่หนี่เจินบอกร่างบางร้องครางไม่หยุดด้วยอารมณ์ที่ยากจะเอ่ยถ้อยคำใด ๆ เสียงลมหายใจทั้งสองสอดผสานเป็นหนึ่ง เช่นเดียวกับร่างกายที่แนบแน่นราวกับจะเป็นร่างเดียวกัน ฝ่าบาทยังคงเร่งจังหวะขึ้นโดยไม่ทำให้หนี่เจินเจ็บปวดเพิ่ม

“อ๊า ๆ ฝ่าบาทหม่อมฉันจะถึงอีกรอบแล้ว อ๊า...อ๊า...อืม...อ๊า”

“ข้าเองก็ไม่ไหวแล้วหนี่เจินข้าของแรง ๆ เลยนะอ๊า...”

แล้วน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาจากคนร่างบาง ในขณะที่คนตัวใหญ่กว่านั้นปลดปล่อยภายในช่องแคบจนคนร่างบางรับรู้ถึงของเหลวร้อนที่อยู่ปล่อยเข้ามาภายในได้

“แฮ่ก ๆ”เสียงเหนื่อยหอบของทั้งสองยังคงอยู่พระวรกายที่เปลือยเปล่าโอบรัดร่างบางที่ยังคงไม่หายเหนื่อยเช่นกัน

“หนี่เจินเจ้ารู้มั้ยข้านั้นมีความสุขยิ่งนั้น เมื่อได้เจ้ามาเคียงข้างข้าเช่นนี้”เสียงทุ่มของฮองเต้กระซิบข้างหู้ของคนที่โดนโอบกอดอยู่

“เพค่ะ หม่อมฉันเองก็มีความสุขไม่แพ้ฝ่าบาทเพค่ะ หม่อมฉันดีใจที่ฝ่าบาททรงรักหม่อมฉันที่หม่อมฉันเป็นเช่นนี้ หาได้หลงเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของหม่อมฉัน”

“เด็กโง่ ข้ามิได้รักเจ้าเพียงแค่ต้องการร่างกายของเจ้า ถ้าข้าคิดเพียงแค่นั้นนางสนมในวังมีออกมากมาย หากแม้นแต่ข้านั้นรักเจ้าเพราะต้องการให้ได้ใจเจ้าต่างหากเล่าถึงได้ไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นเช่นไร”

“เพค่ะ หม่อมฉันซาบซึ้งใจยิ่งนักที่ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับหม่อมฉันเช่นนี้”

“เอาล่ะตอนนี้ข้าคงต้องไปทำงานแล้ว ถึงใจข้าจะไม่อยากจากเจ้าไปไหนก็เถอะ แต่ข้าสัญญากับเจ้าแล้วว่าจะไปทำงานหลังจากที่เราทำกันเสร็จแล้ว”

“เพค่ะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะได้ทรงฉลองพระองค์เพค่ะ”

หลังจากนั้นฮองเต้ก็ทรงเสด็จยังท้องพระโรงเพื่อว่าราชการ โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับศึกระหว่างกับชาวซินเกียง

“ทูลฝ่าบาท ตอนนี้ชายแดนที่ติดกับชาวซินเกียงกำลังมีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ”

“เกิดปัญหาอะไรขั้นงั้นเหรอไต้เท้าหยาง”

“ทหารสายสืบได้รายงานกระหม่อมว่าตอนนี้ทางซินเกียงมีความเคลื่อนไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทบอกว่าเราควรทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ”

“สั่งให้ทหารตามแนวชายฝั่งตะวันตก ให้ตรึงกำลังเฝ้ายามให้แน่นหนาขึ้นพบใครที่น่าสงสัยให้จับกุมตัวแล้วไต่สวน ถ้าพบว่าเป็นสายลับจากฝั่งซินเกียงให้นำตัวมาเมืองหลวงข้าจะสอบปากคำเอง”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องต่อไปล่ะ”

“ทูลฝ่าบาท มีรายงานว่าช่วงนี้มีโจรป่าออกอาละวาดที่เมืองหลงซานพ่ะย่ะค่ะ ชาวบ้านที่นั้นอยู่กันอย่างหวาดกลัวจนไม่กล้าออกมาทำมาหากินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ส่งทหารลงไปปราบกลุ่มโจรป่าพวกนั้น แล้วหาต้นตอว่าทำไมถึงได้มาเป็นโจรป่าด้วยข้าจะได้ทำการแก้ไขทีหลัง”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบทำการปราบปรามโดยเร็วที่สุด”

“เรื่องต่อไปล่ะ”

“ทูลฝ่าบาทเอ่ยทางมองโกเลีย ได้ส่งเครื่องบรรณาการมาให้พ่ะย่ะค่ะทั้งยังส่งองค์หญิงซีอาร์มาเป็นราชทูตพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วคณะทูตจะมาถึงเมื่อไรล่ะ จะได้มีการเลี้ยงต้อนรับเหล่าคณะทูตและองค์หญิงลีอาร์”

“เห็นบอกว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าพ่ะย่ะค่ะ เมื่อใกล้เมืองหลวงจะทำการรายอีกทีพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี งั้นวันนี้เลิกได้”

“ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปีพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

หลังจากที่ทรงรับฟังเหล่าขุนนางแล้วก็ทรงเสด็จยังห้องทรงอักษรทันที ทั้งที่ใจก็ลอยไปหาใครบางคนที่ตอนนี้พระองค์ไม่รู้เจ้าตัวทำอะไรอยู่ แต่ไม่ทันที่ใจจะลอยไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงมหาขันทีกล่าวรายงานขึ้น

“ฮองเฮาเสด็จพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”เสียงของมหาขันทีที่เหมือนรู้ใจผู้เป็นนายเป็นอย่างดี ไม่ต้องรอให้ผู้เป็นนายรับสั่งก็เปิดประตูทันที

ร่างบางในชุดสูงศักดิ์ตามยศฐาที่พึ่งได้รับแต่งตั้งมา ผิวขาวที่รับกับชุดส่งให้หนี่เจินสวยสง่ายิ่งขึ้นบรรดาเหล่าข้าราชบริพานต่างพากันมองความงดงามของฮองเฮาองค์ใหม่ ไม่เว้นผู้เป็นถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่มองภรรยาของตนไม่ว่างตาเช่นกัน

“ถวายพระพรฝ่าบาท หม่อมฉันชงชามาถวายเพค่ะ เพื่อให้ฝ่าบาทได้ทรงผ่อนคลายจากทรงงานหนักเพค่ะ”

หนี่เจินยกชาที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนว่างตรงข้าง ๆ กับฮองเต้และกำลังเดินออกมาแต่พระกรแขนแกร่งก็คว้าตัวไว้ก่อนแล้วดึงมาทำให้หนี่เจินเสียการทรงตัวและล้มลงไปนั่งบนตักของฮองเต้ ทำให้มหาขันและหนี่เจินหน้าขึ้นสีทันที

“ฝ่าบาททรงทำอะไรน่ะเพค่ะ ปล่อยหม่อมฉันนะเพค่ะอายเสี่ยวตั้งจื้อบางสิเพค่ะ”

“เสี่ยวตั้งจือเจ้าออกไปได้แล้วข้าจะอยู่กับฮองเฮาเพียงลำพัง”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

จากนั้นมหาขันทีก็เดินออกจากห้องทรงอักษรไป ทิ้งให้หนี่เจินต้องหาทางเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว ฮองเต้เองก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเจ้าตัวให้เป็นอิสระเสียด้วย ซ้ำยังใช้พระกรอีกข้างโอบรอบเอวบางไม่ให้หนีไปไหน

“ปล่อยได้แล้วเพค่ะ หม่อมฉันอึดอัดจะแย่แล้ว”

“ไม่เอาเรื่องอะไรข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ กันเล่ารู้มั้ยใจข้าไม่เป็นอันกทำงานมั่วแต่คิดว่าเจ้านั้นกำลังทำอะไรอยู่”

“ฝ่าบาทเพค่ะ หม่อมฉันก็อยู่เคียงข้างฝ่าบาทอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องทำเช่นนั้นเลยนี่เพค่ะ”

“ก็ทำไงได้เล่าข้าน่ะรอเวลาที่จะได้อยู่กับเจ้ามานาน ข้าก็เลยไม่อยากแยกจากเมื่อได้อยู่กับเจ้า”

“เพค่ะหม่อมฉันทราบแล้ว ตอนนี้หม่อมฉันว่าพระองค์ทรงเสวยพระกระยาหารมื้อเที่ยงก่อนดีกว่าเพค่ะ หม่อมฉันเองก็เริ่มหิวแล้วด้วย”

“ไปสิ ข้าเองก็หิวแล้วเช่นกัน”

หลังจากนั้นฮองเต้และนี่เจินก็รับเสวยกพระกระยาหารมื้อเที่ยงในอุทยานที่หนี่เจินชื่นชอบ โดยที่มีสายตาคู่หนึ่งที่มองด้วยความอิจฉา

“เพราะเจ้านังตัวดี ข้าจะทำให้เจ้าร่วงจากตำแหน่งและถูกลงโทษให้จงได้”

สนมพิงอันเดินจากไปด้วยความริษยาในใจก็คิดแต่จะแก้แค้นหนี่เจินที่แย่งฮองเต้ไปจากตน และจะทำทุกวิถีทางทำให้หนี่เจินได้รับความเจ็บปวดอย่างสุดแสน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 05:56:20 โดย manami_01 »

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
 :pig2: คุ้นๆเหมือนเคยอ่าน

หนี่เจินนี่น้า น่ารักน่าตีจริงๆ ซนจนได้เรื่อง ดีที่ฮ่องเต้ท่านดีแสนดี  :m3: แต่ก็ต้องตกไปอยู่ในหมู่เสือ สิงห์ กระทิง แรด แถมยังต้องปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นผู้ชายอีก หลังจากนี้คงมีเรื่องมากมายมาให้ประสาทกิน ทั้งเหล่าสนม ทั้งเจ้าหญิงซีอาร์(ด้วยมั้ง)  o9

เอาใจช่วยทุกคน แล้วก็ :กอด1: คนเขียนทีนึง ภาษาอ่านง่าย แล้วก็อ่านสนุกดีค่ะ รอติดตามตอนต่อไป อย่ามาม่ามากน้า  :monkeysad:

Mio

  • บุคคลทั่วไป
น่าสนุก :z1:

สามคำละกัน     ส่อ  ดรา  ม่า   o18

ออฟไลน์ boworange

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0
 :-[มาเดียรา10ตอนจุใจจริงๆคะ  :-[

เนื้อเรื่องน่ารักดีคะ.....แต่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะน่ารักไปอีกนานรึเปล่า  :เฮ้อ: กลัวดีแตกไปซะก่อน  o18

จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ ขอขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านคะ :pig4:

ปล.ปวกเป็ดไปแว้ว :3123:

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ชอบจังเลย อยากอ่านต่อไวๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ

เอิ่ม..ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ เอาตัวร้ายไปไกลๆได้มั้ยอ่ะ สงสารอ่ะ

plaraya

  • บุคคลทั่วไป
 :pig4:ชอบมากค่ะ...เเนวจีนโบราณ... :L1:คนเเต่งมากคะ

yumekun

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีค่ะ
ฝ่าบาทน่ารักมากเลยยย

tawan

  • บุคคลทั่วไป
สุดยอดทีเดียว 10 ตอน o13

 :call:

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ชอบเรื่องนี้มากๆ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ฮ่องเต้ กับ ฮองเฮา น่ารักทั้งคู่เลย  แต่สนมคนนั้นท่าทางจะร้ายไม่เบา เอาใจช่วยฮองเฮาที่น่ารัก

kakashiget

  • บุคคลทั่วไป
ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย    เริ่ดคะ       สู้ๆๆๆๆๆนะคะ  :L2: :L2:

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
สนุกมากจ้าาาา
ทีเดียวสิบตอนรวดเลย^^
รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ audio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ยังไม่ได้อ่านเลยแต่มาเม้นให้ก่อนนะคับ

เขียนต่นคับจะเป็นกำลัง

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
ติดงอมแงมเลยค่ะ
รออ่านตอนต่อไป :3123: :L2:

yunjae_yusoo_min

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีค่ะ

คำผิดเยอะไปหน่อย

ปล.สามคำเหมือนกัน

     ส่อ ดรา ม่า

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
ฝ่าบาทน่ารักมาก แต่เห็นเค้าดราม่ามาแต่ไกล เป็นกำลังใจให้จ้า

Aini_es

  • บุคคลทั่วไป
 o13 ชอบแนวนี้มากๆ จีนโบราณ

ออฟไลน์ lunarinthesky

  • ~ My Cutie Candy... ~ Meow
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-0
มาเป็นหนึ่งในกำลังใจค่ะ ชอบอ่าน Y แบบจีนโบราณค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด