มาแล้วตอนที่ 18
หลายคนคงรอคอยนาน
ลุ้นว่าพิงอันจะตายไม่ตายใช่หรือเปล่าเอ่ย
แต่ยังไม่รู้หรอกอิอิ
เอาเป็นว่าไปอ่านเอาเลยแล้วกัน
+++++++++++++++++++++++++++
18
ด้านหนี่เจินก็เดินวนไปวนมาอย่างกังวลนัก เพราะไม่รู้ว่าพระสนมนั้นเป็นอะไรกันแน่ แล้วในไม่ช้าหมอหลวงก็เดินออกมาจากภายในห้องบรรทม ด้วยอาการหน้าถอดสี
“อาการของพระสนมเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวงฮัน”
“คาดว่าจะถูกพิษชนิดหนึ่งเข้าพ่ะย่ะค่ะฮองเฮา แต่หม่อมฉันเองก็จนปัญญานักพิษชนิดนี้ไม่มีในประเทศเราพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หม่อมฉันทำได้เพียงใช้เข็มสกัดพิษไม่เร่งของสู่หัวใจ”
“แล้วมีทางจะรักษาได้หรือไม่”
“หม่อมฉันจนปัญญาจริงพ่ะย่ะค่ะ คงต้องหาต้อตอของพิษชนิดนี้ก่อนว่าเป็นพิษอะไรถึงจะสามารถรักษาพระอาการพระสนมได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านไปได้”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฮองเฮา หม่อมฉันทูลลา”
หนี่เจินเดินมาแล้วนั่งลงข้างเตียงของคนที่ตอนนี้ไม่ได้สติหันไปมองนางกำนัลคนสนิทของพิงอัน ก่อนจะนึกสงสัยแล้วหันไปถามนางกำนัลคนสนิทของตัวเอง
“เสี่ยวเย่เมื่อกี้ใครนำขนมที่พระสนมนำมาให้ข้าไปจัดใส่จาด”
“รู้สึกจะเป็นนางกำนัลใหม่ที่พึ่งถูกส่งตัวมาเพค่ะ”
“นางกำนัลใหม่งั้นหรือ เจ้าไปพานางมาพบข้าเดี๋ยวนี้”
“เพค่ะฮองเฮา”
“ไห่เหยียนเจ้าดูแลพระสนมให้ดีนะ ข้าจะทำทุกทางให้นางหายดีให้ได้”
“เพค่ะฮองเฮา”เสียงที่ตอบกลับหนี่เจินช่างเบาหวิวราวกับวิญญาณ
“ฮองเฮาเพค่ะ!! แย่แล้ว!!” เสี่ยวเย่ร้องดังขึ้นและวิ่งเข้ามาด้วยท่าตื่น ๆ
“มีเรื่องอะไรค่อย ๆ พูดมาเสี่ยวเย่”
“นางกำนัลเพค่ะ!!”
“นางกำนัลเป็นอะไร”
“นางกำนัลคนนั้นตายแล้วเพค่ะ”
“ตายแล้ว?!!”
“เพค่ะ หม่อมฉันกำลังจะไปเรียกตัวนางตามที่พระองค์สั่ง แต่พอไปถึงก็พบว่านางตายไปแล้วสาเหตุน่าจะมาจากพิษเพค่ะ”
“พิษ!! หรือว่าจะเป็นพิษแบบเดียวกับที่พระสนมได้รับมา”
“ตอนนี้หม่อมฉันเองก็ไม่ทราบ แต่ว่าได้ให้หมอหญิงไปตรวจอาการแล้วเพค่ะ”
“งั้นไปบอกให้หมอหลวงตรวจซะ บอกว่าเป็นคำสั่งข้า”
“เพค่ะฮองเฮา”
“ส่วนเจ้าหลงเปาไปทำตำหนักกลางกับข้า ข้าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้เดี๋ยวนี้เลย”
“เพค่ะฮองเฮา”
หนี่เจินรีบออกจากตำหนักเหม่ยชุนไปยังตำหนักกลางของฮ่องเต้ด้วยความเร่งรีบ หนี่เจินใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงยังตำหนักกลาง
“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญนางเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ เชิยฮองเฮาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มองหนี่เจินที่เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ก่อนจะลุกจากที่ประทับมาประคองร่างบางแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะใกล้ ๆ แทน
“เจ้ามาหาของเพราะคิดถึงข้าใช่หรือไม่หนี่เจินของข้า”
“เอ่อ...หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูลเพค่ะ”
“หืม...มีอะไรไหนลองบอกข้าหน่อยสิ”
“สนมพิงอันเพค่ะ”
“พิงอัน? พิงอันทำอะไรเจ้าหรือว่า...”
“เอ๋...ทำไมทรงคิดว่าสนมพิงอันจะทำอะไรหม่อมฉันล่ะเพค่ะ”
“ก็เรื่องคราวที่แล้วเป็นเพราะพิงอันไม่ใช่หรือ”
“ใครทูลฝ่าบาทเพค่ะ”
“เอ่อ...จะใครก็ช่างคราวนี้พิงอันทำอะไรอีก คราวที่แล้วเพราะเจ้าไม่ได้เป็นอะไรหนักข้าเลยปล่อยนางไป แต่คราวนี้ถ้านางทำให้เจ้าเจ็บปวดอีกข้าไม่ปล่อยนางไว้แน่”
“เดี๋ยวก่อนเพค่ะ คราวนี้นางกำลังแย่ต่างหากเพราะข้านางเลยโดนพิษแทนข้า”
“พิษ? เจ้าว่าอะไรนะหนี่เจินใครโดนพิษนะ”
“ขนมที่สนมพิงอันเอามาถวายหม่อมฉันน่ะเพค่ะ ข้าพบว่ามันมีพิษแต่คนที่กินเข้าไปไม่ใช่ข้าแต่เป็นสนมพิงอันที่กินมันเข้าไป หม่อมฉันคิดว่าสนมพิงอันไม่มีทางคิดร้ายแน่เพราะถ้านางคิดจะฆ่าหม่อมฉันจริงก็คงไม่กินยาพิษที่ตัวเองตั้งใจจะให้หม่อมฉันกินแน่”
“อาจเป็นนางกำนัลของนางที่เป็นทำก็ได้ แล้วพอดีเจ้านายของมันก็กินแทน”
“ไม่ใช่หรอกเพค่ะ เพราะตอนที่สนมพิงอันกินเข้าไปนางก็อยู่ด้วยถ้าหากนางคิดวางยาหม่อมฉันจริงก็คงห้ามมิให้สนมพิงอันกินเป็นแน่ แล้วที่ยิ่งกว่านั้นพิษชนิดนี้ก็ไม่ใช่พิษภายในประเทศของเราอีกด้วยเพค่ะ”
“ถ้าไม่ใช่พิษของประเทศเราแล้วเป็นพิษจากประเทศไหนล่ะหรือว่า...”
“เอ่อ...”แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะได้บอกอะไรสุรเสียงก็ดังขึ้นขัด
“ข้าพอจะรู้แล้วว่าใครที่คิดร้ายต่อเจ้า ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัวให้มากนะหนีเจินเพราะไม่รู้ว่าฝั่งนั้นจะเล่นอะไรต่ออีก”
“เพค่ะ”
“ไหน ๆ เจ้าก็มาแล้วมาให้ข้ากอดเจ้าให้ชื่นใจหายเหนื่อยหน่อยสิ”
“ไม่ได้นะเพค่ะตอนนี้ยังต้องทรงจัดการาชกิจอีกตั้งมากมาย”
“ข้าทำจนปวดหัวไปหมดแล้ว ตอนนี้ขอข้าพักสักหน่อยไม่ได้หรือไงกัน”
“ก็ได้เพค่ะ แต่แค่กอดปกติไม่ใช่กอดแบบพิเศษนะเพค่ะ ทรงอย่างลืมว่าตอนนี้หม่อมฉันท้องอยู่”
“แหมเจ้าก่อนข้าไม่ลืมหรอกน่า คอยดูเถอะเจ้าคลอดเมื่อไรล่ะก็...”ประโยคหลังพูดเบา ๆ ให้ทรงเพียงได้ยินพระองค์เดียว
“เมื่อกี้ทรงรับสั่งอะไรนะเพค่ะ”
หนี่เจินถามขึ้นเมื่อได้ยินอะไรบางอย่างแต่มันเบาเสียจนเขาไม่ได้ยินเลยอันไปถามฮ่องเต้ที่ทรงประทับนั่งข้าง ๆ อย่างสงสัย
“เปล่า!! ข้าแค่อยากกินอะไรหวาน ๆ เท่านั้นเอง”
“ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันให้สั่งให้นางกำนัลนำมาถวายนะเพค่ะ”
“ก็ดี”
“หลงเปาเจ้าไปเตรียมขนมกับน้ำชามาให้ข้ากับฝ่าบาททีนะ ห้ามให้ใครทำให้เจ้าต้องทำเองทั้งหมดตอนนี้ข้าไม่ไหวใคร”
“เพค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว”
“ข้าว่าจะออกไปล่าสัตว์นอกวังกับคณะทูตอีกอีกสามวันข้างหน้า”
“หม่อมฉันก็อยากไปด้วยเพค่ะ”
“เจ้าไปไม่ได้หรอกหนี่เจิน เรื่องนี้ไม่เรื่องที่ฮองเฮาจะต้องทำ”
“แต่ว่า...”
“หรือเจ้าคิดถึงข้าล่ะ ห่างกันแค่เพียงครู่เดียวเองพอข้ากลับมาจะกอดเจ้าให้หายคิดถึงเลย”
“หม่อมฉันไม่ได้คิดเช่นนั้นเพค่ะ”
เสียงที่เอ่ยตอบด้วยความเขิลอายจนฮ่องเต้ทรงอดไม่ได้ที่ทาบทับฝีพระโอษฐ์ลงบนเรือผมสวยอย่างรักใคร่ ก่อนจะรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมพระอุระ
หลังจากทานขนมกับน้ำชาเสด็จแล้วฮ่องเต้ก็ทรงกลับไปทำงานต่อ หนี่เจินเลยกลับมาตำหนักเหม่ยชุนก็พบว่าตอนนี้ร่างของสนมพิงอันที่ควรอยู่ตำหนักตัวเองกลับหายไป
“เสี่ยวเย่ สนมพิงอันหายไปไหน”
“เอ่อ...ไห่เหยียนบอกว่าไม่อยากรับกวนตำหนักฮองเฮาเพค่ะ เลยพาพระสนมกลับตำหนักพิงหยางไปแล้วเพค่ะ”
“อืม...ไม่เป็นไร แต่ช่วยไปเรียกพี่จิ้งฟงมาพบข้าหน่อย ข้ามีเรื่องอยากให้พี่ใหญ่ช่วย”
“รับด้วยเกล้าเพค่ะ หม่อมฉันจะรีบไปเรียนท่านอ๋องจิ้งฟง”
เสี่ยวเย่ออกไปแล้ว หนี่เจินเอาแต่นั่งคิดอย่างไม่เข้าใจเมื่อวันก่อนก็ทีแล้ว วันนี้อีกทำไมทั้งสองถึงคิดจะฆ่าเรานัก เราไปทำให้พวกเขาคิดจะฆ่าแก้งได้เช่นนี้
แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะคิดอะไรต่อเสียงนางกำนัลคนสนิทก็รายงานขึ้น พร้อมกับบุคคลที่หนี่เจินบอกให้ไปเรียกพบเดินเข้ามาในห้อง
“ทูลฮ่องเฮาท่านอ๋องจิ้งฟงมาถึงแล้วเพค่ะ”
“ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นเถอะท่านพี่ไม่ต้องมากพิธี พวกเจ้าออกไปก่อนแล้วหาของว่างมาให้ข้ากับพี่ใหญ่ด้วย”
“เพค่ะฮองเฮา”
“ไม่ทราบว่าฮองเฮาทรงเรียกพบหม่อมฉันมีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“โธ่...ท่านพี่อยู่กันแค่สองคน พูดคุยกับข้างอย่างปกติเถอะ”
“ก็ได้พี่ตามใจเจ้า ว่าแต่ที่เจ้าเรียกพี่เข้าพบแบบนี้มีเรื่องอะไรจะให้พี่ช่วยอีกล่ะสิ”
“ค่ะท่านพี่ อีกสามวันฮ่องเต้จะทรงออกล่าสัตว์พร้อมกับเหล่าคณะทูตจากมองโกเลีย น้องไม่วางใจทางฝั่งนู้นนัก เพราะฝั่งนู้นลอบทำรายน้องถึงสองครั้งแล้ว”
“เจ้าว่าอะไรนะ!! สองครั้งแล้วทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องนี้!!”
“ใจเย็น ๆ สิพี่ใหญ่เดี๋ยวใครก็เข้ามาได้ยินหรอก ข้าไม่ได้เป็นไรมากเลยไม่ได้บอกไปท่านบ้านเรา กลัวท่านพ่อ ท่านแม่ แล้วชุนเซียงจะเป็นห่วงเลยไม่บอกไป แต่เรื่องนี้ฝ่าบาทก็ทรงทราบดีแล้วก็ป้องกันแน่นหนา เป็นเพราะข้าไม่ระวังตัวเองเลยบาดเจ็บ และวันนี้ข้าก็เกือบโดนวางยาพิษแต่เคราะห์ร้ายของพระสนมพิงอันที่โดยแทนที่จะเป็นข้า ตอนนี้อาการยังไม่ดีขึ้นเลยหมอหลวงบอกว่าเป็นพิษที่ไม่มีในประเทศเรา ข้าไม่รู้จะทำเช่นไรดีพี่ใหญ่”
“ไม่ต้องห่วงน้องพี่ พี่จะไปหาหมอหลวงที่สนิทกันช่วยอีกที ว่าแต่เจ้ามีตัวอย่างพิษหรือไม่พี่จะได้ให้เขาช่วยดูให้”
“มีเพค่ะมันผสมในขนมแล้วน้องก็เก็บไว้เดี๋ยวให้เสี่ยวเย่เอาให้ตอนท่านพี่จะกลับ”
“เอาล่ะเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วงพี่จะจัดการให้ ว่าแต่เรื่องที่ฮ่องเต้จะทรงออกล่าสัตว์ล่ะเจ้าจะเอายังไง”
“น้องกะว่าจะปลอมตัวเป็นทหารแฝงตัวไปพร้อมกับขบวนของฝ่าบาทกับท่านพี่ แล้วให้น้องหญิงชุนเซียงมาอยู่แทนข้าในวัง”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะบอกชุนเซียงให้”
“ขอบคุณมากค่ะท่านพี่”
จิ้งฟงยิ้มหวานให้น้องคนรองก่อนจะคว้าเข้ามากอดอย่างเอ็ดดู เขารู้แล้วทำไมฮ่องเต้ถึงไม่เอาผิดกับน้องของเขาเมื่อรู้ว่าไม่ใช่หญิง ก็น้องของเขาออกจะน่ารักน่าเอ็ดดูเช่นนี้เป็นใครก็โกรธไม่ลง
ไม่นานหลังจากการพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องที่หนี่เจินกังวลและเรื่องทั่วไปที่ผู้เป็นพี่ถาม ก่อนที่จิ้งฟงจะขอตัวไปทำตามแผนการที่หนี่เจินวางไว้
+++++++++++++++++++++++++
หนี่เจินมีแผลอะไรต้องติดตามตอนต่อไปนะ
ช่วงนี้อาจช้าหน่อยนะ
คนแต่งป่วย ปวดหัวแล้วแต่งไม่ออก 555+