วันนี้มาแปะช้าหน่อย
และก็คงมาแปะแค่นี้อ่ะT^T
ต้องขออภัยหากทำให้ท่านค้างไปบ้าง555+
เอาล่ะไปอ่านกันเลยเถอะ
++++++++++++++++++++++++++
16
ไม่นานนักเหล่าทหารจากวังหลวงก็มาถึงและนำร่างของฮองเฮาที่ไร้สติ กับพระสนมพิงอันกลับไปยังวังหลวง
ณ วังหลวง ตำหนักเหม่ยชุน
ร่างของหนี่เจินถูกพาไปยังตำหนักเหม่ยชุนในทันที ฮ่องเต้ทรงเสด็จมายังตำหนักเหม่ยชุนเมื่อทราบข่าวพร้อมกับเฉินจิ้งฟงทั้งสองคนต่างมีสีหน้าเคร่งเคลียดเมื่อทราบข่าวของหนี่เจิน และเมื่อเสด็จมาถึงก็เห็นสองราชองค์ยืนอยู่หน้าห้องสีหน้าวิตกกังวล
“อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ฮองเฮาทรงเสียเลือดมากพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาอยู่”
แล้วหมอหลวงก็เดินออกมานอกห้องด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ยืนตัวสั่งเทาด้วยความกล้วเพราะเรื่องครั้งที่เขาพึ่งรอดตายมาอย่างปาฏิหาริย์ คราวนี้อาจไม่โชคดีเช่นนั้นไม่
“ว่าไงหมอหลวงอาการของหนี่เจินเป็นยังไงบ้าง”
“พระอาการยังไม่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เพราะทรงเสียเลือดมากแล้วยิ่ง...”
“แล้วอะไร หนี่เจินเป็นอะไรตอบข้ามาสิ!!”
“เพราะเมื่อคราวที่แล้วฮองเฮาทรงเสียเลือดมากพึ่งจะฟื้นจากพระอาการไม่นานก็ทรง...”
“แล้วหนี่เจินจะรอดมั้ย”
“ไม่ต้องทรงห่วงพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้พระโลหิตหยุดไหลแล้วรอดให้ทรงฟื้นก็หายห่วงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของฮ่องเต้ เฉินจิ้งฟงและสองราชองค์รักษ์ดีขึ้นในพริบตา คราวนี้นึกว่าจะเหมือนคราวที่แล้วที่เลือดไม่ยอมหยุดไหล
“แล้วหนี่เจินบาดเจ็บตรงไหนบ้าง”
“มีแค่บาดแผลที่เกิดจากดาบสองที่ แต่เป็นแค่เพียงบาดแผลเล็ก ๆ ไม่นานก็จะทรงหายไปเอง”
เมื่อฟังหมอหลวงรายงานเสร็จก็เสด็จเข้าไปยังในห้องที่หนี่เจินนอนหลับอยู่ และเมื่อนางกำนัลคนสนิทสอง พระหัตถ์หนาทาบทับหน้าผากมลสวย แล้วลูปไล่ลงมายังแก้มขาวเนียน พระหัตถ์อีกข้างก็ทรงจับมือบางไว้ ทรงทอดพระเนตรคนร่างบางที่ยังหมดสติ
“ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเจ็บตัวเช่นนี้อีกข้าสัญญา ข้าเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้เหมือนใจดวงนี้จะแตกสลายตามเจ้าไปทุกครั้งที่เจ้ามีภัยยอดรักของข้า” ริบพระโอษฐ์ทาบทับหน้าผากมลอยู่อ้อยอิ่งก่อนจะผละออก
หลังจากเหตุการณ์นั้นหนี่เจินก็หมดสติหลับยาวไปถึงสี่วัน ด้วยร่างการที่ยังไม่ฟื้นจากคราวก่อนและยังมาเจ็บตัวซ้ำอีกรอบ ทำให้ร่างกายของหนีเจินต้องฟื้นตัวนาน
ฮ่องเต้ทรงเสด็จประทับเคียงข้างหนี่เจินไม่ห่างได้แต่แค่เฝ้ามองคนรักนอนไม่ได้สติ ดวงพระทัยที่เหมือนจะหมดแรง ราชกิจที่ต้องทำก็ทำไม่ได้เพราะมั่วแต่พระทัยลอย จนเหล่าขุดนางต้องให้กราบทูลให้ทรงฟักผ่อนบ้าง
ไม่ผิดจากผู้เป็นถึงพระมารดาที่มาเยี่ยมหนี่เจินและฮ่องเต้นางสงสารลูกคนนี้นัก นอนก็นอนไม่หลับไหนจะโหมงามแล้วก็ยังมาเฝ้าหนี่เจินทุกวันอีก กลัวเหลือเกินว่าฮ่องเต้จะเป็นอะไรไปอีกคนเสียก่อน
“ฮ่องเต้แม่ว่าเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะนะ เจ้าไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วถ้าเกิดเจ้าเป็นอะไรไปอีกคนจะทำเช่นไร”
“เสด็จแม่หม่อมฉันไม่อาจนอนได้ ถ้าหาก....ลูกจะทำเช่นไรดี”
“ฮ่องเต้...”
“หนี่เจินลืมตามขึ้นมาสิ ใจเจ้าจะให้ข้าต้องรอรอีกนานเท่าไรเจ้าต้องเข้มแข็งสิเพื่อลูกของเรา เพื่อข้าเจ้าตื่นฟื้นขึ้นมาสิ...หนี่เจิน...”สิ้นเสียงรับสั่งก็ล้มลงข้างคนที่ยังหมดสติ
“ฮ่องเต้!!” ฮองไทเฮารีบวิ่งเข้าไปดูลูกชายก่อนจะตระโกนเรียกให้นางกำนัลไปตามมอง
“ใครอยู่ข้างนอกไปตามหมอหลวงมาแล้ว” สิ้นกระแสรับสั่งเหล่านางกำนัลและขันทีก็วิ่งวุ่น
“ฮ่องเต้ ฮึก...ลูกแม่...เจ้าต้องอดทนนะเจ้าต้องรอหนี่เจินนะ...”
ในวันต่อมาในวังต่างก็วุ่นวายเสียงที่ดังจนคนร่างบางที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่นั้นต้องลืมตาขึ้นเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น เสียงร้องละคนดีใจของนางกำนัลคนสนิทอย่างเสี่ยวเย่กับหลงเปาทำให้หนี่เจินต้องหันไปมอง
“ฮ่องเฮาทรงฟื้นแล้วรีบไปรายฮองไทเฮากับฝ่าบาทเร็วเข้า”
เสี่ยงหลงเปาหันไปสั่งนางกำนัลที่รับใช้ก่อนจะตรงมายังร่างบางที่กำลังมองดูพวกนางอย่างสงสัย ‘เราก็แค่ตื่นขึ้นมาเหมือนปกติทุกทีนี่นาแล้วทำไมต้องตกใจกันขนาดนี้’
“นี่พวกเจ้าเป็นอะไรทำไมทำท่าเหมือนกับข้าอาการหนัก ข้าก็แค่อ่อนเพลียแล้วก็ตื่นมาเท่านั้น”
หนี่เจินมองหน้าสองสาวใช้ที่มองเขาด้วยความห่วงใยมาก ใบหน้าของทั้งสองตอนนี้อาบไปด้วยน้ำตาแห่งความดีใจที่ผู้เป็นนายของตนฟื้นขึ้นมาเสียที
“พระองค์ทรงบรรทมไปนานมากเพค่ะ... จน....พวก...หม่อมฉัน....คิดว่า...ฮือ...จะไม่ทรงฟื้น...ฮึก...ขึ้นมา...ฮือ..อีกเสียแล้ว”เสี่ยวเย่พูดด้วยเสียงอันสั่นเทา
“ฮือ...หม่อมฉันด้วยเพค่ะ...ฮือ...ทรงบรรทมไปเกือบอาทิตย์ ฝ่าบาทก็ทรงมาเฝ้าจนตอนนี้ทรงประชวรไปด้วยอีกพระองค์”หลงเปาพูดไปร้องไห้ไป
หนี่เจินตาโตด้วยความตกใจจนรีบลุกออกจากเตียงวิ่งออกนอกห้องไป ตรงไปยังตำหนักกลางของคนที่เป็นเจ้าของดวงใจ โดยไม่ยอมฟังคนเสียงร้องห้ามของสองสาวใช้แม้แต่นิด ด้วยใจตอนนี้เป็นห่วงฮ่องเต้เหลือเกิน
ตลอดทางเหล่านางกำนัลและขันทีพากันตรงใจเมื่ออยู่ ๆ ฮองเฮาที่ตอนนี้ยังไม่น่าตื่นจากบรรทมกลับเสด็จออกมาและเสด็จไปยังที่ไหนไม่รู้อย่างรีบร้อน เหล่าบรรดาขันทีและนางกำนัลก็ร้องห้ามแต่ก็ไม่มีผู้ใดหยุดหนี่เจินได้ จนร่างบางมาถึงยังตำหนักกลางและมุ่งตรงไปยังห้องบรรทมของฮ่องเต้ทันที
พอร่างบางของหนี่เจินเข้าไปยังในห้องก็เห็นบรรดาหมอหลวงที่มาตรวจอาการของฮ่องเต้ เมื่อเห็นบุคคลผู้มาใหม่บรรดาหมอหลวงก็พากันคำนับ
“ถวายพระพรฮองเฮา ซะ..ทรงเสด็จมาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาททรงเป็นเช่นไรบ้างหมอหลวง”
“ทรงเพียงแค่บรรทมไม่พอพ่ะย่ะค่ะ เลยทำให้ทรงหมดสติไปเท่านั้นไม่น่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ งั้นกระหม่อมของตัวลา”
เหล่าหมอหลวงพากันออกจากห้องบรรทมของฮ่องเต้ไป เหลือเพียงหนี่เจินที่ลากเก้าอี้ไม้มานั่งข้างเตียงของคนที่กำลังนอนหลับตา มือสวยเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าที่ซีดขาวเพราะอดนอน ลูบได้สักพักก็ลุกแล้วล้มตัวนอนเคียงข้างด้วยความที่ยังเพลียเช่นกันก็เลยเผลอหลับไป
หนี่เจินรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีมือหนามาปัดปอยให้พ้นจากหน้า สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นดูก็พบกับเจ้าของห้องที่นอนเอาแขนเท้าหัวไว้และก้มลงมองตนเองอยู่ หนี่เจินหน้าแดงขึ้นเมื่อรู้ว่าตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของใคร
“ในที่สุดเจ้าก็ตื่นเสียที”
“เพค่ะ หม่อมฉันตื่นแล้วและตอนนี้ก็หิวมากเลยเพค่ะ”
“งั้นพวกเราก็ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ตอนนี้ข้าก็หิวแล้วเช่นกัน”
แต่พอหนี่เจินกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงพระหัตถ์หนาก็คว้าเข้าไปกอดก่อนที่ริบพระเนตร์คู่งามจะมีน้ำใส ๆ ออกมา
“หนี่เจินข้ากลัวหรือเกิน กลัวว่าเจ้าจะไม่ฟื้นขึ้นอีก กลัวว่าเจ้าจะจากข้าไป ข้ากลัวจนไม่อยากหลับตา กลัวว่าพอตื่นมาเจ้าจะหายไปจากข้า กลัวว่าข้าจะไม่ได้กอดเจ้าอีก ข้ากลัว ๆ เหลือเกิน”
พระวรกายสั่นเทากอดหนี่เจินแน่นจนเขาอึดอัดแต่ก็เข้าใจว่าทรงเจ็บปวดที่เห็นเขาเป็นอะไรไป หนี่เจินกอดตอบก่อนเสียงหวานจะเอ่ยปลอบขวัญ
“หม่อมฉันจะไม่จากพระองค์ไปไหน จะอยู่เคียงข้างไปจนกว่าชีวิตของหม่อมฉันจะหาไม่ จะอยู่จนลูกของเราเติบโตและขึ้นครองราชเพค่ะ”
“เจ้าสัญญากับข้าได้หรือไม่”
“เพค่ะหม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่จากพระองค์ไปไหนอีก”
“ข้ารักเจ้าหนี่เจิน”
“หม่อมฉันก็รักฝ่าบาทเช่นกัน
ร่างสองร่างกอดกันอยู่นานก็ผละออก หนี่เจินเดินออกมาจากห้องบรรทมพร้อมกับฮ่องเต้ก่อนจะสั่งให้นางกำนัลนำพระกระยาหารมาให้
ด้านฮองไทเฮาที่ตอนนี้กลับมายังตำหนักล่งซู่แล้ว ก็นึกไปถึงเรื่องตอนที่พระนางรู้ว่าหนี่เจินฟื้น ก็เลยทรงรีบเสด็จไปยังตำหนักเหม่ยชุน พอไปถึงนางกำนัลก็บอกว่าหนี่เจินนั้นไปตำหนักกลางเมื่อรู้ว่าฮ่องเต้ทรงประชวรหนัก
และพอมาถึงตำหนักกลางแล้วตรงไปยังห้องบรรทมของฮ่องเต้ ผู้เป็นพระมารดาถึงกับยิ้มเมื่อพบว่าร่างบอบบางหลับภายในอ้อมกอดของลูกตนเอง ก็เลยปล่อยให้ทั้งสองให้นอนต่อไปแล้วเสด็จกลับยังตำหนักล่งซู่แทน
“ทูลฮองไทเฮา ตอนนี้พระอาการของฝ่าบาทดีขึ้นแล้วเพค่ะ”
“แล้วอาการของหนี่เจินล่ะ”
“พระอาการของฮองเฮาเองก็ดีขึ้นแล้วเพค่ะ ตอนนี้ทรงสองพระองค์กำลังเสวยพระกระยาหารอยู่เพค่ะ”
“งั้นเจ้าไปบอกคนของตำหนักกลางด้วยว่าข้าจะไป”
“เพค่ะ”
++++++++++++++++++++++++++++
ตอนต่อไปใครที่เกลียดสนมพิงอัน
อาจต้องเปลี่ยนจากเกลียดเป็นสงสารแทนแล้วแหละ
จะด้วยเพราะเหตุใดคงต้องติดตามเอา