ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one  (อ่าน 371384 ครั้ง)

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #630 เมื่อ15-01-2008 23:09:26 »

รอคร้าบบบบ :m1:

civava14

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #631 เมื่อ16-01-2008 09:27:30 »

เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ซับน้ำตาตอนจบแระ

เอ้า ปูสาด ปูเสื่อ นั่งลุ้นกันหน้าคอมเนี้ยแระ

 :m15:

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #632 เมื่อ16-01-2008 09:35:04 »

อึดอัดๆๆๆๆๆ

เหมือนจะรู้เรื่องราว

แต่มันก็ไม่รู้อยุ่ดี

เกิดอะไร  ยังไง  ตอนไหน  ทำไม  เพราะอะไร

 :serius2:  :serius2:  :serius2:  :serius2:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #633 เมื่อ16-01-2008 09:48:12 »

บ้านที่ปลูก

เป็นของพี่ต่ายป่าวหว่า

รอคับ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #634 เมื่อ16-01-2008 10:30:29 »

 :เฮ้อ: ยิ่งเขียนยิ่งเครียด
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 56

พี่อิงกับพี่บุ้งมองหน้ากันคงสงสัยว่าผมจะเปิดปากพูดเองเหรอ  เพราะผมไม่ยอมพูดเรื่องนี้กับใครมานานแล้ว  แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองอยากจะพูดมากกว่า  บางทีการที่ผมอึดอัดกับเรื่องพี่ต่ายมาเป็นเวลานานมันก็ต้องการ  การปลดปล่อยเหมือนกัน   เรื่องมันก็ไม่นานจนผมจะจำไม่ได้นี่  ก็แค่เท่าอายุน้องมะขามเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เช้านี้ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องพี่ต่าย  พี่ต่ายหันหน้ามาพอดีกำลังติดกระดุมเสื้อจะผูกไทด์ไปทำงาน  ผมก็เลยเสนอตัวเป็นผู้ช่วย  พี่ต่ายเอามือมาโอบรอบเอวผม แล้วเราก็เลยดูเหมือนยืนกอดกันโดยปริยาย พี่ต่ายก็ยืนมองหน้าผมอยู่ได้  ก็รู้อยู่แล้วว่าผมเขินนะเว้ย  :o8: 5555 เขินซะจนเกือบลืมเรื่องที่จะมาบอกพี่ต่ายไปแล้ว

“พี่ต่ายครับวันนี้ไปเจอกันที่โรงพยาบาลนะ  จะไปดูหน้าทายาทคนแรกของตระกูลหน่อย”
ลูกของพี่อิงกับพี่กู้งพี่สะใภ้ผมเองครับ  คลอดไปเมื่อวานนี้เอง ยังไงผมก็ลอยตัวแล้วครับมีทายาทแล้ว  วันนี้ก็เลยกะจะไปเยี่ยมซะหน่อย

 “วันนี้ผมมีเรียนตอนบ่าย  เสร็จแล้วว่าจะชวนบุ้งกับติงไปด้วยกันน่ะพี่”พี่ต่ายก็ฟังผมเฉยๆไม่ได้พูดอะไรครับยิ้มๆอย่างเดียว

“พี่ต่ายซื้ออะไรรับขวัญหลานดีล่ะ”ผมเองพูดไปก็ผูกไทด์ให้พี่ต่ายไปด้วย พอผูกเสร็จพี่ต่ายก็เอาตัวผมเข้าไปกอดซะแน่น

“พี่ต่ายเดี๋ยวเสื้อยับนะ  พี่จะไปทำงานแล้วด้วย”พี่ต่ายส่ายหน้าแล้วก็ไม่ปล่อย แถมมาหอมแก้มผมอีก

“ยับได้ก็รีดได้   แต่ตอนนี้ขอกอดแฟนหน่อยเดี๋ยวต้องไปทำงานก็ไม่ได้เห็นหน้าคิดถึงแย่”

“ไม่เบื่อบ้างรึไงพี่ หึหึหึ” ผมนะชอบครับทำเป็นฟอร์มบ่นๆไปอย่างนั้นเอง  แต่ที่จริงขออีกชอบบบบ
“ไม่เบื่อหรอก อยากจะขอกอดไปตลอดชีวิตเลยนะ” o18

พี่ต่ายหอมแก้มผมอีกที ผมก็ยังเขินอยู่ดี ไม่รู้จะเขินไปทำไม  เพราะคบกันมาเกือบ 2 ปีล่ะ   ถ้ามีลูกได้อาจจะโตจนจะวิ่งเล่นได้แล้วมั๊ง  เสียดายไข่ผมไม่ยอมตกซักที ฮ่าๆๆๆ พี่ต่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากผม  ผมเลยต้องสรุปเรื่องของขวัญก่อน

 “พี่ยังไม่แนะนำผมเลยเอาไรดีน่ะพี่ให้หลาน”

ผมก็ยังลังเลว่าเราให้รวมกันจะดูแปลกๆไม๊  หรือว่าต้องแยกกันให้  จนถึงตอนนี้ที่บ้านก็ยังไม่รู้เรื่องผมกับพี่ต่าย

“เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง....ให้ทีหลังก็ได้นี่อิงจะกลับวันไหน”

“ไม่แน่ใจเลยพี่  อย่างน้อยก็น่าจะต้องมาพักอยู่ที่บ้านอาทิตย์นึงมั๊งกว่าพี่กุ้งจะกลับไปที่นู่นได้”

 พี่อิงก็ยังไม่ได้พูดอะไรแน่นอนว่าจะอยู่กี่วันกัน  แต่ที่แน่ๆช่วงนี้คงต้องแยกห้องนอนกันอยู่ซักพักล่ะครับ เดี๋ยวก่อนไปมหาลัยผมก็คงต้องจัดการเรื่องข้าวของที่มันปะปนอยู่ให้เรียบร้อย พี่ต่ายคว้ากุญแจรถเตรียมจะลงไปข้างล่างละ  อีกมือก็เอามือผมไปกุมไว้  เราเดินลงไปข้างล่างพร้อมๆกัน

“พี่ต่าย...อีกไม่กี่เดือนโอมจะเรียนจบแล้วนะจะทำยังไงดีล่ะ”

“ทำอะไรยังไง...พี่ไม่เข้าใจ”พี่ต่ายจับมือผมแน่น มองหน้าผมแล้วทำขมวดคิ้วสงสัย :m28:

“ผมไม่แน่ใจว่าแม่จะให้กลับบ้านไปช่วยไม๊นะซิ  เพราะผู้สอบผมก็สอบได้แล้ว  เรียนโทก็จะจบแล้ว”

ผมเผลอดึงแขนพี่ต่ายมากอดแน่น  ลืมไปหมดที่ตัวเองพูดว่าเสื้อพี่ต่ายจะยับ ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันจะต้องมีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปหลังจากผมเรียนจบ

“ให้พี่คิดดูก่อนนะ....”พี่ต่ายหันหน้ามาแล้วถามผม

“แต่โอมเองก็โตขึ้นแล้วนะลองคิดดูก่อนว่าจะเอายังไง.....พี่รับได้หมดกับทุกการตัดสินใจของโอม”
ผมไม่ชอบคำพูดแบบนี้เลย  มันดูดีหรือไม่ดีน่ะพูดไม่ถูก  อธิบายไม่ได้  ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะผมเองก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน 

ผมไปเปิดประตูให้พี่ต่ายโบกมือให้  ตอนที่พี่ต่ายขับรถออกไป  เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยซักคำ  หลังจากนั้นผมก็ไปเรียนตามปรกติ  พอเรียนเสร็จก็ชวนบุ้งกับติงไปโรงพยาบาลไปเยี่ยมหลาน

“น้องน่ารักจังเลยตัวแดงเชียว  เห็นแล้วอยากมีลูกเนอะโอม”
ติงหันมาถามความเห็นผม  ผมเกือบเผลอพยักหน้าไปแล้ว  แต่พอนึกขึ้นมาได้กลับรู้สึกอายติงขึ้นมาจนได้  แต่คนที่หน้าแดงกลับเป็นติง   แล้วพูดต่อเหมือนรำพึงกับตัวเอง

“ถ้าเป็นลูกโอมจะหน้าตาเป็นแบบไหนน่ะ”

“ติงอย่าพูดแบบนั้นก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้”

แล้วติงก็พูดต่อ“อยากมีลูกกับโอมน่ะ”  :sad5:ผมว่าผมตกใจกับหน้าตาเฉยๆของติงตอนที่พูดมากกว่า เลยแกล้งทำเป็นเล่นต่อไปด้วยเลย

“งั้นเรามาแต่งงานกันซิติง”

“โอมขอรึเปล่าล่ะ...ถ้าโอมขอติงก็แต่งนะ” ติงหันกลับมามองหน้าผมอย่างจริงจัง  :m17:เราสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ แต่ผมกลับเป็นคนเบือนหน้าหนีไปก่อน

“เฮ้ยจะบร้าเหรอ...คุยอะไรกันสองคนนี้”บุ้งก็คงฟังมาตั้งแต่ต้นน่ะครับแต่คงฟังจนทนฟังไม่ได้เลยต้องขัดขึ้นมา

“บุ้งก็จริงจังไปได้ติงแค่พูดเล่นๆเอง....ยังไม่ชินอีกเหรอฮึ”ติงเอามือไปตีผลัวะที่ไหล่บุ้ง

“ไม่รู้ห้ามๆๆๆ พูดเล่นอะไรแบบนี้เราไม่ชอบ” บุ้งขมวดคิ้วยืนกอดอกทำหน้างอ o12

บุ้งก็ยังคงเป็นบุ้งครับ  ตอนนี้คงอนุญาตให้ผู้ชายคนเดียวใกล้กับผมได้คือพี่ต่าย  ตอนที่เรียนโทด้วยกันบุ้งก็กันผู้ชายที่เข้ามาหาเราทั้งกันให้ผมกันให้ติงด้วย

 ส่วนตัวเองเหรอครับยังเอาตัวเองไม่รอดจากคุณเอที่มีมานะพยายามในการจีบบุ้งมาตลอด  จนผมร่ำๆจะยกบุ้งไปให้กับคุณเอเป็นรางวัลแห่งความพยายาม  แต่ติดที่ว่าของรางวัลมันไม่ยอมน่ะซิครับ คุณเอทำยังไงบุ้งมานก็ไม่รัก  แต่ก็คบเป็นเพื่อนเที่ยวกันได้อย่างเดียวเท่านั้น

พวกเราสามคนดูหลานเสร็จก็เข้าไปหาพี่อิงที่ห้อง  พี่อิงกำลังจะออกไปพอดี

“อ้าวพี่อิงไปไหน...”

“เค้าลืมเอาที่ชาจแบ็ตมาน่ะโอม  กำลังจะออกไปโทรสาธารณะพอดี  ตัวเองเอาโทรศัพท์มาให้ยืมหน่อยดิจะคุยเรื่องงาน  แล้วจะโทรบอกแม่ด้วยเรื่องว่าต้องอยู่ทางนี้กี่วัน  กุ้งเดี๋ยวเค้าไปดูลูกหน่อยนึงดีกว่าจะไปถามพยาบาลด้วยว่าออกได้วันไหน  เดี๋ยวมานะ”

“อ่ะเอาไปดิ....แต่ของเค้าแบ็ตก็เกือบหมดเหมือนกันนะ”

ผมก็ส่งโทรศัพท์ให้ไปไม่ได้คิดอะไร  แล้วก็หันมาฟังติงคุยกะพี่กุ้งเรื่องคลอดลูก  ซักพักพี่อิงก็เดินออกไปโทรข้างนอกเพราะพวกเราเสียงดังมาก

ผมว่านานเป็นชั่วโมงนะครับกว่าพี่อิงจะกลับมาจนติงกับบุ้งจะลากลับล่ะ  ส่วนผมกะว่าจะรอกลับพร้อมพี่ต่าย  เพราะยังไงวันนี้พี่อิงก็ต้องนอนเฝ้าพี่กุ้งอยู่ดี  พี่อิงคืนโทรศัพท์ให้ผม  ผมเอามาดูโหยใช้จนแบ็ตเกือบหมดน่ะเหลือขีดเดียวเอง  โทรศัพท์ยังร้อนอยู่เลย  ถ้าเงินค่าโทรศัพท์ผมหมดเร็วต้องเก็บตังค์กับพี่อิงแล้ว

“อ่ะโอม...โทรศัพท์  เมื่อกี้ต่ายโทรมาน่ะว่ามาโรงพยาบาลไม่ได้ติดงานด่วนให้ตัวเองกลับบ้านเอง” พอฟังแบบนี้กำลังจะทวงค่าโทรจากพี่อิงก็ลืมไปเลยครับมาโวยอีกเรื่องแทน :o

“อ้าวพี่ต่ายทำไมทำงี้ล่ะ  เดี๋ยวโทรไปโวยหน่อยยังงี้เค้าก็ต้องนั่งรถเมล์กลับเองดิเซ็งอ่ะ”

“เห็นเค้าว่าจะเข้าประชุมน่ะ...โอมกลับบ้านไปก่อนไปไม่ต้องอยู่หรอก”

ผมว่าพี่อิงดูเครียดๆไปนะครับ  เวลาแกยิ้มให้เมียก็ดูหน้าตาเหนื่อยๆสงสัยจะกังวลเรื่องงานเพราะต้องทิ้งมาหลายวัน  บุ้งมานก็เลยชวนกลับพร้อมกันเลยครับ

“โอมงั้นเดี๋ยวกรูไปกับมรึงเองยังไงก็ทางเดียวกันอยู่แล้ว  งั้นติงกลับพร้อมกันเลยเนอะ”

แล้วเราก็แยกย้ายกันไปครับ  พอถึงบ้านเพิ่งจะ 5 โมงกว่า ผมก็เลยนั่งดูทีวีรอพี่ต่าย  กะว่าให้พี่ต่ายซื้อของกินเข้ามาเลยดีกว่า  ผมก็โทรไปหาพี่ต่ายนานเลยครับกว่าจะรับสาย

“ว่าไงครับโอม”
เสียงพี่ต่ายดูเหนื่อยมากเลยครับ  แต่เสียงเงียบมากๆ หรือว่าประชุมอยู่ก็ไม่รู้

“พี่ต่ายซื้อส้มตำมาให้ด้วยนะอยากกินน่ะพี่เอาแซ่บๆนะ  ไก่ย่างด้วย”
ผมก็สั่งขอกินไปหลายอย่างนะครับพี่ต่ายก็พูดแต่ครับๆๆๆๆ  แล้วผมก็วางหูไป

ผมขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมานอนเล่นที่โซฟารอพี่ต่ายแล้วก็เผลอหลับไป   ตื่นขึ้นมาอีกทีเงียบมากๆไฟมืดไปหมด ผมก็ลุกขึ้นมานั่งงัวเงียพักนึงจนสายตาชินกับความมืด   ทีแรกผมตกใจตัวเย็นวาบก็เงาตะคุ่มๆอยู่ที่นั่งฝั่งตรงข้าม  :m29: พี่ต่ายมานั่งที่โซฟาเงียบๆไม่พูดอะไรไอ้ผมก็นึกว่าผีนะซิ  ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วย   พอเห็นชัดๆว่าเป็นใคร ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ :เฮ้อ:

“พี่ต่ายชอบเล่นแบบนี้อีกล่ะ  กลับมาแล้วทำไมไม่ปลุกมานั่งมืดๆ  กลัวน่ะเนี่ยพี่กระต่าย   เกิดผมหัวใจวายไปจะรีบไปหาแฟนใหม่ล่ะซิ  บอกก่อนนะผมไม่ตายไม่ยกให้ใครด้วย”

ผมลุกขึ้นเดินผ่านหน้าพี่ต่ายจะไปเปิดไฟ แต่พี่ต่ายดึงมือผมให้นั่งลงที่ตัก  พี่ต่ายกอดผมแน่น  ยังเงียบอยู่ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนพี่ต่ายเครียดๆนะผมว่า

“พี่ต่ายเป็นอะไร   เหนื่อยเหรอพี่” :haun5:

ผมเอามือขึ้นคล้องคอพี่ต่ายไว้แล้วเอามือไปบีบที่หัวไหล่พี่ต่ายมันตึงมากๆเลยครับ พี่ต่ายก็ยิ้มอ่อนโยนมาให้ผมยังไม่พูดอะไรอีก

“ติดใจล่ะซิ  เจอนวดแล้วเงียบเชียวนะพี่   ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ชอบ  วันหลังโอมไปเรียนนวดที่วัดโพธิ์ดีกว่า  เอาไว้บริการแฟนตอนทำงานกลับมาเหนื่อยๆ ดีไม๊พี่”

ผมก็พูดไปเรื่อยล่ะครับ  ถ้าแฟนเราพูดน้อยเราก็ต้องพูดมากขึ้น  ไม่งั้นต่างคนต่างไม่พูดก็ไปบวชกันดีกว่าอึดอัดตายเลย  แต่วันนี้ผมว่าพี่ต่ายต้องเครียดเอามากๆเลย  พูดน้อยมากกก

 ผมอ้าปากจะชวนคุยต่อ  แต่พี่ต่ายก็เอาปากมาปิดปากผมไว้ สัมผัสอ้อยอิ่งเนิ่นนานแต่อบอุ่นอ่อนหวานมากที่สุดในความรู้สึกของผม  มันอ้อยสร้อย โหยหา  เรียกร้อง แล้วบางทีก็เร่าร้อน สัมผัสครั้งนี้นานจนผมจะขาดใจ  พี่ต่ายประคองหน้าผมไว้ขณะที่จูบผม  เมื่อพี่ต่ายผละออกมาผมยังใจหวิวๆอยู่เลย แล้วพี่ต่ายก็ซบหน้าลงบนบ่าผม  เสียงแผ่วเบาของพี่ต่ายดังแว่วเข้ามาในหูผม

“โอม.....พี่ขอบคุณนะ  อุตส่าห์จะไปเรียนนวดให้พี่  แต่ไม่ต้องหรอกพี่ไม่อยากให้โอมต้องไปโดนเนื้อต้องตัวใครพี่หวง” ยังจะมาหวงอีกครับ

“พี่ต่ายล่ะก็  ผมก็พูดไปงั้นแหล่ะพี่  ยังไม่มีเวลาเลย หึหึหึ  ไม่ไปเรียนก็นวดได้น่า”

แล้วผมก็นวดไหล่ให้พี่ต่ายไปเงียบๆ  ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปรึเปล่าว่าพี่ต่ายผ่อนคลายมากขึ้นแต่ก็ยังไม่พูดอะไรอยู่ดี  นวดจนเมื่อยมือน่ะครับ

“พี่ต่ายผมหิวแล้วไปกินข้าวกันนะ”
ผมกำลังจะลุกขึ้น แต่มือของพี่ต่ายที่เอว  รั้งตัวผมเอาไว้  พี่ต่ายยังไม่เงยหน้าจากไหล่ผม เสียงของพี่ต่ายดูเหนื่อยจริงๆ

“เดี๋ยวได้ไม๊วันนี้พี่เหนื่อยมากๆ  ขอกอดโอมอีกซักนาทีนะ”
 
เรานั่งกอดกันเงียบๆอยู่นานทีเดียวครับผมว่ากว่านาทีแน่ๆ   แต่ผมก็มีความสุขดี  ตลอดเวลาที่คบกันเราอยู่ด้วยกันก็จริงแต่ช่วงหลังงานพี่ต่ายค่อนข้างยุ่ง  บางทีผมก็ต้องทำรายงานดึกๆไม่ค่อยมีเวลามาทำซึ้งกันบ่อยเหมือนแต่ก่อน

“ไปโอมไปทานข้าวกัน”
ไม่นานพี่ต่ายก็ปล่อยตัวผมแล้วจูงมือไปที่โต๊ะอาหาร  ผมเพิ่งสังเกตว่าบนโต๊ะมีจุดเทียนด้วยแต่อาหารเป็นไก่ย่างส้มตำ  พี่ต่ายตลกดีครับ  ซึ้งแบบอีสานรึไงไม่รู้    ผมเลยหันไปหาพี่ต่ายแล้วบอกว่า

“พี่ต่ายรู้ปะว่ามันแปลกๆ  ให้เข้ากันนะพี่ผมว่ามีบั้งไฟดีกว่า  มันถึงจะเข้ากับส้มตำ5555”
 :laugh3: พี่ต่ายแค่ยิ้มๆแล้วส่ายหัวครับ  วันนี้ไม่ค่อยทานเอาแต่มองหน้าผมเป็นส่วนใหญ่

 แต่ตอนนี้ผมหิวมากก็เลยทานอย่างเดียวเลยครับไม่สนใจอะไร  แปลกมากๆกินส้มตำกี่ครั้งก็ยังชอบ  บางทีเผ็ดจนน้ำตาไหล  เวลาเข้าห้องน้ำทรมานช่วงล่างมากที่สุด   แต่พอถึงเวลาก็อดที่จะชอบกินไม่ได้ ผมมานึกๆส้มตำก็เหมือนกับความรักน่ะครับบางทีก็ทำให้เราถูกใจกินไปยิ้มไป  แต่บางครั้งก็ทำเราน้ำตาไหลกินไปร้องไห้ไป  แต่สุดท้ายเราก็ขาดมันไม่ได้ต้องกลับมากินซ้ำไปซ้ำมาไม่มีเบื่อ

“พี่ต่ายขอค่าสึกหรอด้วยนะ”ผมเงยหน้ามองพี่ต่ายยิ้มๆ :oni1:

“ค่าสึกหรออะไรโอม”พี่ต่ายก็ยังมองผมอยู่ดี เลิกคิ้วสงสัย

“ก็เนี่ยเห็นมองผมตั้งนาน   จนถ้ามันวัดค่าออกมาได้ผมว่าผมได้ตังค์หลายแสนแล้วนะค่าตัวผมคิดเป็นวินาทีนะพี่ 555” :teach:

“เท่าไหร่พี่ก็จ่ายของมองหน่อยนะ”

เสียงพี่ต่ายเศร้ามากๆเลยครับ แววตาก็ไม่สดใสเหมือนเคย เป็นอะไรไปหว่า  หรือโดนพี่คมลวนลามมาเลยจิตตก  พี่คมแกก็อดทนครับยังทำตัวเป็นหมาป่าคอยจะงาบลูกแกะอย่างพี่ต่ายเรื่อย  นานๆทีผมก็ต้องออกไปแสดงตัวซักที  แกก็ถอยไปพักนึงแล้วเอาใหม่อีกล่ะ

“พี่ต่ายงานเยอะลาออกดีกว่าพี่   แฟนคนเดียวโอมเลี้ยงได้เรารับจ๊อบ audit กันนะ”พี่ต่ายหัวเราะกิ๊กเลยครับ  o3
 
“ไม่ต้องมาเลี้ยงพี่  พี่จะเก็บเงินไว้เลี้ยงโอมเองเจ้าเด็กขี้งอน”

พี่ต่ายพูดแค่นี้ครับแล้วหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดเรื่องอะไรกันจริงๆจังๆอีก  ทานข้าวเสร็จแปรงฟันผมก็เข้านอนไปก่อนตามปรกติ  พี่ต่ายอาบน้ำเสร็จก็ตามเข้ามานอนในห้องผม

พี่ต่ายเข้ามากอดผมค่อยๆถอดเสื้อผมออก  ผมก็พอรู้น่ะครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่วันนี้อารมณ์ดีเพิ่งจะได้หลานเลยแซวพี่ต่ายไปว่า

“พี่ต่ายจะหาน้องให้ไปเป็นเพื่อนเล่นลูกพี่อิงหรือพี่  ได้เลยพี่7วันก่อนมีเมนส์พอดีช่วงไข่ตกมาเลยพี่” ผมยักคิ้วให้พี่ต่ายด้วย หุหุ แรดซะไม่มี   :kikkik:

มือพี่ต่ายที่กำลังจะดึงกางเกงผมลงหยุดเลยครับ   :m30: แล้วแกก็เปล่งเสียงหัวเราะเอาเป็นเอาตายเอามือกุมท้อง จนผมอดขำท่าทางพี่ต่ายไปด้วยไม่ได้ ตอนนี้เราเลยนอนหัวเราะกันสองคน  :laugh: :laugh: แล้วพี่ต่ายก็หันมามองหน้าผม เอามือมาเขี่ยผมที่หน้าผากเบาๆ  ค่อยๆเอามือลูบแก้มผม เอามือเท้าคางนอนตะแคงมองหน้าผม แล้วพูดค่อยๆว่า
 
“ถ้าพี่ไม่มีโอมแล้วพี่จะหัวเราะได้แบบนี้อีกไม๊น่ะ” ผมก็เลยพูดตามไปยิ้มๆ

“ถ้าผมไม่มีพี่ต่ายแล้วผมจะหัวเราะได้แบบนี้อีกไม๊น่ะ”  :impress:พี่ต่ายไม่พูดอะไรครับแต่ดึงตัวผมเข้ามากอด  นิ่งไปพักนึงแล้วถึงพูดว่า

“ต้องได้ซิโอมน่ะอารมณ์ดีจะตาย  พี่ก็เห็นเรายิ้มได้ทุกที”

แล้วพี่ต่ายก็ลูบไล้หลังผมเลื่อนมือขึ้นมาจากลำตัวไล่ขึ้นไปที่คอ    พี่ต่ายฝังจมูกลงที่ซอกคอผมแล้วเลื่อนมาที่แก้มสูดความหอมจากแก้มผมแล้วมาอ้อยอิ่งอีกครั้งที่ริมฝีปาก  พี่ต่ายกัดริมฝีปากผมเบาๆผมเองก็สนองตอบไปด้วย   เราจูบกันเนิ่นนานไม่แพ้เมื่อตอนเย็น   ผมว่าเป็นจูบมาราธอนอย่างกับว่าเตรียมตัวจะไปเข้าแข่งขันลงกินเนสบุ๊ค
   
พอพี่ต่ายจะหยุดผมก็เริ่มต่อ   พอผมจะหยุดพี่ต่ายก็ต่ออีกจนเราเหนื่อยไปด้วยกันทั้งคู่  แล้วพี่ต่ายก็หยิบเสื้อมาใส่ให้ผม  ผมแอบงงนิดหน่อย :confuse:

แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรจนพี่ต่ายใส่เสื้อห่มผ้าให้ผมเสร็จ แล้วพี่ต่ายก็จูบผมเบาๆที่หน้าผากแล้วพูดว่า

“คืนนี้พี่ขอนอนกอดโอมอย่างเดียวดีกว่า  ระหว่างเรามันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นซักหน่อย”

ผมเองพี่ไม่ทำผมก็ไม่ว่าครับจะให้ผมทำเองก็ออกจะไม่งาม 5555  อย่างที่พี่ต่ายบอกว่าระหว่างเรามันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น   ผมก็เลยนอนหลับไปในอ้อมกอดพี่ต่ายอย่างสบายใจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ต่ายลุกไปตอนไหน  ขนาดว่าวันนี้ผมตื่นเช้าเพราะมีเรียนแต่เช้าก็ยังไม่ทันพี่ต่ายเลย  สงสัยออกไปแต่เช้ามาก  ผมก็รีบออกไปเรียนไม่ได้สนใจอะไร  วันนี้ทั้งวันผมก็วุ่นวายเรื่องเตรียมสอบคอมพรีฯ  ติวสอบกับเพื่อนจนบ่ายๆพี่อิงโทรมาหาผม

“โอมวันนี้พี่กลับที่ร้านนะ  ไม่ต้องมาหาพี่ที่โรงพยาบาล”เสียงพี่อิงเหมือนคุยอยู่ในรถน่ะครับ  คงกำลังขับรถกลับต่างจังหวัดอยู่

“อ้าวแล้วใครเฝ้าพี่กุ้งล่ะพี่   โอมไปเฝ้าให้ไม๊”ผมก็เอ๊ะพี่อิงทิ้งเมียไปได้ไงกัน  ห่วงงานมากกว่าเมียอีกเหรอ

“ไม่ต้องเฝ้าหรอกกุ้งเค้าโอเค  พรุ่งนี้จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

“ก็ได้งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่กุ้งออกจากโรงบาลเมื่อไหร่  พี่อิงโทรบอกเค้าแล้วกันเค้าจะได้ไปช่วยย้ายของ”

แล้วพี่อิงก็ถามแปลกๆครับ“โอมอยู่คนเดียวได้ใช่ไม๊”
ผมก็งง  ก็พี่อิงก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าพี่ต่ายอยู่ที่บ้าน

“อยู่ได้.....ก็พี่ต่ายก็อยู่ลืมแล้วเหรอตัวเอง”

“เอ่อลืมไป...แค่นี้นะโอมพรุ่งนี้เจอกัน”

แล้วพี่อิงก็วางสายไป  ผมก็ติวต่อครับจนเย็นก็โทรหาพี่ต่ายจะถามว่าเย็นนี้จะให้ผมซื้ออะไรเข้าไปทานไม๊แต่ก็โทรไม่ติดครับ  ไม่รู้ว่าแบ็ตหมดรึเปล่า  ผมก็เลยโทรเบอร์ที่ทำงานก็ไม่มีคนรับ  ผมเลยจนปัญญากลับบ้านไปก่อนแล้วไปหาซื้อเอาดาบหน้า

พอกลับไปถึงบ้านเงียบสนิท  ดูบรรยากาศวิเวกวังเวงวิเหว๋โหว๋วยังไงไม่รู้ครับ  ผมก็นั่งพักแป๊ปนึงพอหายเหนื่อยแล้วก็ต่อโทรศัพท์หาพี่ต่ายก็ยังไม่ติดอีก  ผมก็เลยไปอาบน้ำก่อน  กะว่าเดี๋ยวมารอกินข้าวพร้อมพี่ต่าย

รอไปจนสามทุ่ม  รอไม่ไหวเลยโทรหาบุ้งโทรไปบ่นกับมัน

“บุ้งพี่ต่ายหายไปไหนไม่รู้ติดต่อไม่ได้อีกแล้วล่ะ   ทำไงดีว่ะ”อย่างน้อยก็ดีกว่าบ่นอยู่คนเดียวไม่มีคนได้ยิน   ยังไงบุ้งก็เป็นคนยังโต้ตอบได้

“กรูจะไปรู้ได้ไง  พี่ต่ายไม่ใช่แฟนกรูนี่หว่า”อ๊ะไอ้นี่กวนผมแล้ว  คนกำลังอารมณ์ไม่ดีนะ

“งั้นกรูวางสายล่ะ....ไม่ช่วยคิดยังมากวนตรีนอีกนะเมิง” :angry2:

“โอ๋ๆๆๆๆ.....อ่ะคุยยยย  มีแฟนแล้วยังมางอนกรูอีกนะไอ้โอม”ดูมันพูดครับ อิอิ แต่ก็จริงของมัน
 
“ก็มันหงุดหงิดนี่หว่า   ทำไมพี่ต่ายไม่ติดต่อมาเลยล่ะ” :serius2:

“แล้วกรูจะรู้ไม๊เนี่ย  วันหลังมรึงเอาพี่ต่ายไปติดGprsเลยไป  หายตัวไปไหนก็หาเจอ”

ผมล่ะอยากตื๊บมัน แต่ก็ขำที่มันพูด  อยากจะบอกว่ากรูทำได้กรูทำไปแล้ว  ชอบหายตัวประจำพี่ต่ายเนี่ย แต่ก็ยังดีที่กลับมาเองทุกครั้งผมไม่ต้องไปตาม  หรือจะเลี้ยงหมาซักตัวเอาไว้ตามกลิ่นดี   ก็กลัวจะเว่อร์เกินไป

“มรึงโทรไปหาพี่คมให้กรูหน่อยดิ   แล้วเมิงคุยอ้อมๆสืบให้รู้ให้ได้ว่าพี่ต่ายไปไหนนะ  ทำได้ไม๊”

 ผมต้องหาผู้ช่วยแล้วครับเกือบ 4 ทุ่มแล้วพี่ต่ายยังเงียบหายอยู่เลย  ช่วยไม่ได้นะเมิงอยากเกิดมาเป็นเพื่อนกรูเอง  ฟ้าส่งผมมาเกิดแล้วส่งบุ้งมาเป็นผู้พิทักษ์ครับ หุหุหุ แต่ไอ้บุ้งมันโวยขึ้นมา  มันก็ยังไม่อยากไปสืบให้ผมอยู่ดี

“กรูพูดไม่เป็นมรึงก็รู้พี่คมฉลาดชิบหาย   กรูกลัวโดนจับได้” กรูรู้เค้าฉลาดมาก  มรึงก็ซื่อมากกก

“เอางี้ดิ  มรึงก็ทำเป็นโทรไปหางานทำกะพี่เค้า  บอกว่ากำลังจะจบโทแล้วก็เฉไฉเลี้ยวไปหาพี่ต่ายไง  แค่เนี้ยได้ไม๊ล่ะ”

  ถ้าผมโทรไปเองก็เสียฟอร์มซิครับเป็นแฟนกันแต่ไม่รู้เรื่อง  เพราะพี่คมก็ยังเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของผมอยู่ก็ต้องให้คนอื่นล่ะครับ  แต่ก็หวั่นๆว่าบุ้งจะทำแผนแตก ก็มานซื่อขนาดนั้นผมเลยต้องเตรียมเรื่องไว้นิดนึง 

“เออก็ได้...แล้วมีอะไรเป็นรางวัล” เราร้อนใจมันยังมีอารมณ์มามีลูกเล่นกะผมอีก ผมเลยบอกมันไปแบบนี้ล่ะครับ 555

“รางวัลน่ะเหรอกรูจะให้เมิงหอมพี่ต่ายทีนึง....หวงนะเว้ยไม่รักกันจริงไม่มีให้” :teach:

“ไอ้โอมกรูไม่เอา....เดี๋ยวจะได้ตรีนพี่ต่ายแถมมาเป็นโบนัสน่ะซิ” มันมาทำเสียงขยะแขยงครับ  แฟนผมออกจะหล่อแก้มก็หอม  ไม่เอาก็อย่าเอา

“มรึงรอกรูแล้วกันนะ   จะพยายามเต็มความสามารถที่กรูมี”

ก็ไอ้ความสามารถที่มันมีนี่แหล่ะครับที่น่าเป็นห่วงที่สุด   ผมไม่อยากจะบั่นทอนความเชื่อมั่นมัน  พอวางสายเสร็จผมก็รอด้วยความกระวนกระวายใจ 10 นาทีก็แล้ว15 นาทีผ่านไป จน30นาทีครับ  มันถึงโทรกลับมา

“ว่าไงบุ้ง...ว่าไงได้เรื่องเปล่า”

ผมละล่ำละลักถามมันไป  เพราะสงสัยเหมือนกันว่าทำไมมันคุยกะพี่คมนานจัง  ทีแรกบุ้งมันก็เงียบๆนะครับจนผมต้องถามมันซ้ำ

“อ้าวว่าไง...เงียบทำไมล่ะบุ้งได้เรื่องไม๊” พักนึงมันถึงเปิดปากออกมา

“กรูว่ามันไม่ได้เรื่องนะซิโอมมันจะเสียเรื่องแล้ว....มรึงไม่รู้เลยเหรอว่าพี่ต่ายลางานสองอาทิตย์ตั้งแต่วันนี้แล้ว”

พอบุ้งมันพูดเท่านั้นล่ะครับผมขาอ่อนต้องเอามือไปจับพนักเก้าอี้เอาไว้นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไม่เห็นพี่ต่ายเล่าอะไรเลย ได้ยินเสียงบุ้งมันเรียกแว่วๆ

“โอมๆฟังอยู่ไม๊......มรึงมีอะไรกันรึเปล่า...ให้กรูไปหาไม๊โอม”

เสียงบุ้งมันก็เป็นกังวลห่วงผม  แต่ใจผมมันไม่รับรู้อะไร  ตอนนี้มีแต่ความสงสัยเท่านั้นว่าเกิดอะไรกับพี่ต่าย  ผมไม่รู้ว่าผมตอบบุ้งไปว่าอะไร  เหมือนจะพูดไปว่า

“ไม่ต้องมาหา   กรูไม่เป็นอะไรกรูจะรอพี่ต่ายเอง  แค่นี้นะขอบใจนะเมิง  เด๋วพี่ต่ายกลับมากรูให้หอมทีนึง”แล้วผมก็วางสายครับ

  นั่งงอยู่พักใหญ่แล้ววิ่งขึ้นไปข้างบนที่ห้องพี่ต่าย  ปรกติพี่ต่ายก็ไม่ล็อคประตูอยู่แล้ว  ผมก็เลยเปิดเข้าไปอย่างง่ายดาย  พอเปิดประตูไปเท่านั้น  ผมก็ขาอ่อนไปอีกหนจนคราวนี้นั่งกองลงไปกับพื้น  ในห้องไม่มีของพี่ต่ายเหลืออยู่เลยครับ  เก็บทำความสะอาดเรียบร้อยเหมือนก่อนที่พี่ต่ายจะย้ายมาอยู่ไม่มีผิด
 
ผมขยี้ตาอีกครั้ง หยิกแก้มตัวเองหลายหน  ว่าผมเมาไปรึเปล่า  แล้วก็สงสัยว่าเมื่อกี้คุยโทรศัพท์มากไปรับคลื่นจากโทรศัพท์มากไปจนสมองเสื่อมรึเปล่า  แต่ภาพที่ผมเห็นก็ยังคงเหมือนเดิม     ผมบอกกับตัวเองอย่างงงๆด้วยเสียงที่สะท้อนอยู่ในใจของผมคนเดียวว่า

“พี่ต่ายไปแล้ว......” o7
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
วิ่ง :o12: :o12: อีกรอบนึง  ก่อนจะม้วนตัวหนีก้อนอิฐของคนอ่านที่เขวี้ยงมา

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #635 เมื่อ16-01-2008 10:46:07 »

มาจิ้มตูดนักเขียนก่อน   :oni2:

โทษฐานทำให้คนอ่านค้างคา  o12

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #636 เมื่อ16-01-2008 10:47:56 »

บัวเตรียมอิฐไว้พร้อมแล้วนะฟาง   :oni2:


รอดูว่าจะได้ขว้างรึป่าว

acht

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #637 เมื่อ16-01-2008 10:48:07 »

 :m15: :m15: :m15: กระต่ายหอบผ้าหอบผ่อนหนีโอมไปแล้วอ่า

fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #638 เมื่อ16-01-2008 10:55:20 »

 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:


มารุมคนแต่งงงงง

ต้องเอาหนักหนัก!!!

ออฟไลน์ sayajang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #639 เมื่อ16-01-2008 11:09:09 »

ตอนแรกเฉย ๆ แต่ตอนนี้เริ่มโกรธ  o13 คนแต่งแล้ว  อย่างนี้ต้องให้น้องมาเดินขบวนประท้วงซะหน่อยแล้ว

 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
« ตอบ #639 เมื่อ: 16-01-2008 11:09:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #640 เมื่อ16-01-2008 11:10:04 »

พี่ฟาง.... :m15: :m15: :m15:

piyakorn

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #641 เมื่อ16-01-2008 11:29:54 »

 :a4:พี่ต่ายเค้าต้องมีเหตุผลแน่นอนถึงได้ตัดสินใจอย่างนี้    แต่ก็อยากรู่ว่าทำไม

wutwit

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #642 เมื่อ16-01-2008 11:35:19 »

มาต่อยาวๆๆๆๆๆๆๆๆเลยคับ

civava14

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #643 เมื่อ16-01-2008 11:35:48 »

 :seng2ped:

ก้อนอิฐอยู่ไหน ทำมัยชอบทำให้ค้างคากันนักน่ะ

ออฟไลน์ life_fracture

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +518/-4
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #644 เมื่อ16-01-2008 12:32:23 »

โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ไอ้พี่ต่ายบ้า
จะไปจะมาช่วยเคลียร์กับโอมก่อนด้ายม้ายยยย

ปวดใจอ่ะ

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #645 เมื่อ16-01-2008 12:56:39 »

 :a5: ได้งั้ยอ่ะ ไปไม่บอกไม่กล่าว  :m16:

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #646 เมื่อ16-01-2008 13:02:32 »

เค้าอ่านตอนที่แล้ว
อ้างถึง
“ต่อนี้ไปลูกของแม่จะมีแต่รอยยิ้มนะลูกเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจขอให้มันหมดไปนะลูกนะ”

เค้าว่าพี่กระต่ายอ่ะ คุยกะครอบครัวของโอมเรียบร้อยแระ แต่โอมอ่ะมะสนใจมะใส่ใจเอง ก็เหมือนตอนที่ติงกำลังพูดถึงแล้วโอมปฏิเสธที่จะรับรู้นั่นละ

แต่ ... พี่ต่ายก็น่าจะบอกอะไรมั่งนะ มะใช่หายไปดื้อ ๆ แบบนั้น

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #647 เมื่อ16-01-2008 13:09:44 »

ตอนพี่อิงเอาโทรศัพทืโอมไปใช้แน่ๆเลย .... พี่ต่ายคงโทรมานึกว่าโอม คงพูดไรไปแน่ๆ ทำให้พี่อิงรู้  :a6:

ในมือถือก็ยังมีรูปถ่ายด้วยกันอีกนี่  :a5:.... พี่อิงคงไม่ปลื้ม ยังรับไม่ได้ คงคุยกับพี่ต่ายไป ทำให้พี่ต่ายต้งตัดสินใจไปจากโอมทั้งที่ยังรัก  o7

มันเป็นแบบนี้ใช่ป่าว .... น่าสงสารพี่ต่าย น่าสงสารโอม น่าสงสารทุกๆคน  :o12:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #648 เมื่อ16-01-2008 13:24:42 »

อ่านไปด้วยใจหวาดหวั่นนนนน ไม่รู้ก็อยากรู้ พอจะรู้ก็กลัว.... :sad2:
กระต่ายทำไร ไปไหนทำไมไม่บอก ... เพราะอะไร ทำไมต้องไป
สารพัดคำถามเลยวุ้ยยยย  o12
รอ
รอ
รอ
 :เฮ้อ:

krit-c

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #649 เมื่อ16-01-2008 13:35:04 »

ก่อนได้อ่านก็ลุ้น ...  :oni1:อ่านไปก็บีบหัวใจ ...  :m15:อ่านจบก็ยังต้องลุ้นต่อไปอีก .... ยังไงก็รีบมาต่อนะคร๊าบบบบบบ ... :m13: :m13: :m13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
« ตอบ #649 เมื่อ: 16-01-2008 13:35:04 »





ปั่ น ป่ ว น

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #650 เมื่อ16-01-2008 14:18:25 »

 :serius2: :serius2:  พี่กระต่ายหายไปไหนอ่าาาาา    :o12: :o12:

ออฟไลน์ Amamiya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #651 เมื่อ16-01-2008 14:24:28 »

 :a6: :a6:ทำไมเปงแบบเน้หล่ะเนี่ยยยยยยยยย....

ม่ายยอมน๊า.. :o12: :o12:

คนแต่งใจร้ายอ่า..... :m15: :m15:

ถ้าม่ายแฮปปี้จะโป้งด้วย.. o12 o12

 :o12: :o12: :o12:

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #652 เมื่อ16-01-2008 20:47:42 »

 :sad2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #653 เมื่อ16-01-2008 20:56:35 »

 :m15: ได้แต่เดาไปสารพัด  :m15:  :m15:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #654 เมื่อ16-01-2008 21:52:34 »

 :m15: :m15:  หายไปแบบนี้เนี่ยะนะครับ  ทำไมมีไรไม่พูดกัน  o12 o12 ทิ้งไว้อย่างนี้ถ้าจิตไม่แข็งพอเนี่ยะ  แล้วทำร้ายตัวเอง  อะไรก็คงสุดที่จะแก้ไขได้นะคับ  :m17: :m17:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #655 เมื่อ16-01-2008 22:14:32 »

ง่ะ

ไม่ยอม

มาต่อด้วย

 :pig4:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #656 เมื่อ16-01-2008 22:15:07 »

คงต้องโทษคนแต่งละว่าใจร้ายที่สุดเลย

Y_Yami

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #657 เมื่อ16-01-2008 22:23:07 »

อ๊ากกกกกก :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

คนเขียนใจร้ายยยยย..ขอความกระจ่างด่วน

wutwit

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #658 เมื่อ17-01-2008 09:20:48 »

ยังไม่มาต่ออีก งอนแล้วน้า.......... o12

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #659 เมื่อ17-01-2008 09:45:20 »

มาต่อแล้วค่ะ ด้วยความช้ำใจ ใครๆก็ไม่ร๊ากกก :sad2:
เดี๋ยวก็จบไปเลยซะดีไม๊เนี่ย :a14:
++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 57

“พี่ต่ายไปแล้ว....พี่ต่ายไปไหน” :m15:

ผมเฝ้าวนเวียนถามตัวเองหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครตอบ  ผมโซซัดโซเซเดินกลับมานั่งซึมอยู่ที่ห้อง  แต่แปลกที่ไม่มีน้ำตาไหลมาซักหยด  หันหน้ามองไปรอบๆห้องทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม  แต่ทำไมมันช่างหนาวขนาดนี้นะ  ผมลุกไปดูว่าเราเปิดแอร์เย็นไปหรือเปล่า  แต่ปรากฏว่าผมยังไม่ได้เปิดแอร์ด้วยซ้ำ

ผมโอบตัวเองด้วยความหนาวหันไปเห็นซองจดหมายอยู่บนโต๊ะ  ผมรีบลุกไปหยิบมาเปิดอ่านด้วยมือไม้สั่น  พี่ต่ายต้องมีธุระด่วนแล้วทิ้งจดหมายไว้บอกผมแน่นอน

แต่พอเปิดออกมาเห็นเป็นพันธบัตรออมสินใส่ชื่อพี่อิง จำนวนเงิน20,000 บาทแล้วก็มีจดหมายเขียนด้วยลายมือพี่ต่ายสั้นๆสองใบ
ใบแรกเขียนว่า

อิงเพื่อนรัก

ให้หลานคนแรกของเราด้วยความรัก
จากต่ายและโอม

ใบที่สองเขียนแค่ว่า

พี่ต่ายรักโอม

มีแค่นี้เองครับผมพลิกไปดูด้านหลังก็ไม่มีอะไร  เอาไปส่องกับไฟก็ไม่มีหรือว่าต้องมีวิธีพิเศษแบบในหนังเอาไฟลน  หรือเอาไปจุ่มน้ำแล้วตัวอักษรจะขึ้นมา  ผมก็สติแตกคิดไปเรื่อยครับ  แล้วก็รู้ว่ามันไม่มีหรอก  มันก็มีแค่นี้เอง  ความจริงมันก็มีอยู่เท่าที่ในมือผมแค่นั้นเอง   :undecided:ผมเชื่อในสิ่งที่พี่ต่ายบอกว่าพี่ต่ายรักผม  แต่พี่บอกแค่นี้มันสั้นเกินไป

ผมนั่งซึมยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำอะไร  แล้วสักพักผมก็คิดขึ้นมาได้  พอดูนาฬิกาตี1 แล้วครับ ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าหยิบกระเป๋าสตางค์ลงไปข้างล่าง

บรรยากาศมันเงียบและหนาวมากเลยครับ  ได้ยินเสียงหมาหอนรับส่งกันเป็นระยะ เห็นจักรยานจอดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน  นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่พี่ต่ายทิ้งไว้คงจะลืมเอาไปด้วย  ผมคว้าจักรยานมาขี่ไปตามถนนที่ว่างเปล่า   ผมขี่ไปใจก็คิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น  เมื่อวานนี้เราคุยอะไรกัน  เราทำอะไรกัน เราไม่ได้โกรธกันหรืองอนอะไรกันเลยนี่  ผมเริ่มน้ำตาเอ่อ  แล้วผมก็ตะโกนออกมาดังๆอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว

“กรูไม่เข้าใจโว้ย!!!!!!!!”   :serius2:

พี่ต่ายไม่ได้ยินครับ  แต่หมามันหอนรับกันเกรียวเลย มันคงคิดว่ามานก็ไม่เข้าใจว่าไอ้บร้านี่มันเป็นอะไร  จะตะโกนไปทำไมดึกๆดื่นๆ

 น้ำตาผมไหลพร่างพรูอาบแก้ม  ผมขี่จักรยานไปด้วยดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา  o7  จนมาถึงบ้านหลังเดิมที่ผมเคยมากับพี่ต่าย  ถึงจะมาไม่บ่อย  แต่ผมก็จำทางมาได้ดี  ที่นี่เป็นบ้านของพี่ต่ายครับ

 บ้านที่พี่ต่ายเคยพูดว่าอยากให้ผมมาช่วยแต่งบ้าน  บ้านที่พี่ต่ายบอกว่าจะเก็บไว้เผื่อโดนผมไล่ออกจากบ้านจะได้มีบ้านอยู่  แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของพี่ต่าย  รถก็ไม่มีจอด  บริเวณบ้านเงียบเชียบ สวนก็ยังสวยเหมือนเดิมเพราะพี่ต่ายหมั่นมารดน้ำต้นไม้ดูแลเสมอๆ   อากาศยามดึกทำให้ผมต้องห่อตัวด้วยความหนาว
 
ผมจอดจักรยานแล้วตัดสินใจปีนรั้วเข้าไปในบ้าน   เข้าไปส่องดูด้านในตามหน้าต่าง  ภายในบ้านก็ยังคงว่างโล่งเหมือนเดิม  ไม่มีข้าวของอะไรมาวางอยู่   ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าพี่ต่ายทำอะไรอยู่  แล้วไปไหน   สุดท้ายผมก็ต้องปีนออกมาแล้วทรุดตัวนั่งลงบนฟุตบาทหน้าบ้านพี่ต่าย

“งงโว้ย!!!!!!!!!” :serius2:
 
ผมตะโกนระบายความอัดอั้นออกมาอีกที  ผมนั่งชันเข่าเอามือกุมหน้าผาก แล้วก็นั่งอยู่อย่างนั้นล่ะครับ  น้ำตามันก็ไหลไปเรื่อยๆ  ไม่มีการฟูมฟาย  มีแต่ความทรมานใจ  ทิ้งกันไปง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ  นี่เหรอคนที่รักกัน  ผมทำอะไรผิดผมก็ยังไม่เข้าใจ ไม่มีแม้แต่คำอธิบาย   :o7:

จนเริ่มเห็นแสงอาทิตย์รำไร  ผมถึงเริ่มรู้สึกตัวผมลุกขึ้นยืนด้วยความปวดเมื่อย เดินไปที่จักรยานอย่างช้าๆ   แล้วก็ขี่กลับบ้านตัวเองไปเหมือนเป็นหุ่นยนต์

พอกลับมาถึงบ้านผมก็ขึ้นไปนอนเลยครับ  อดไม่ได้ที่จะเดินไปดูที่ห้องพี่ต่ายอีกครั้งแต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง  เงียบร้างว่างเปล่าเหมือนกับใจของผมในตอนนี้

แล้วผมก็นอนขดตัวหลับไปยาวเลยครับ  ไม่รู้ตัวเลยว่านอนไปนานแค่ไหน  บางครั้งเหมือนได้ยินเสียงโทรศัพท์แต่ก็ไม่แน่ใจ  ผมว่าผมฝันด้วยว่าพี่ต่ายมานั่งที่เตียงแล้วลูบหัวผม  ผมจับมือพี่ต่ายไว้ยังไม่ยอมลืมตา   แล้วผมก็สะอื้นร้องไห้ขึ้นมา  :sad2: พี่ต่ายลูบหัวผมอีกครั้งเหมือนปลอบใจผม  ได้ยินเสียงพูดเบาๆว่าไม่เป็นไรโอมพี่อยู่นี่ ผมรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมากเลยนอนหลับสนิทไปอีกที   แต่ผมก็รู้สึกว่าผมยังคงจับมือพี่ต่ายไว้ไม่ปล่อย

“โอม....ตื่นมาทานข้าวได้แล้ว”
เสียงของพี่อิงครับปลุกให้ผมตื่นขึ้นมา  ผมลุกขึ้นงัวเงียยังปวดหัวอยู่เพราะร้องไห้มานาน  หันไปมองรอบกายไม่มีใครอยู่นอกจากพี่อิง

“โอมไม่ได้ทานอะไรเลยทั้งวันกินข้าวซะจะได้กินยา  ตัวเองตัวร้อนนะ”

เสียงอ่อนโยนของพี่อิงทำผมน้ำตาไหลอีกที  ผมยอมกินข้าวที่พี่อิงเอามาให้  กินไปน้ำตาก็ไหลไป   แล้วผมก็หัวเราะนี่น่าจะเรียกว่ากินข้าวคลุกน้ำตามากกว่า พี่อิงเองก็ดูหน้าเศร้าไม่แพ้กันมองหน้าผมแล้วทำตาแดงๆด้วย  :monkeysad:  ผมถามพี่อิงไปเสียงสั่นๆ  น้ำตาก็ไหลอยู่

“ตัวเองเป็นอะไร   ทำไมทำตาแดงๆ” คราวนี้พี่อิงน้ำตาไหลเลยครับ บอกผมว่า

“สงสารน้อง”

แล้วพี่อิงก็วางจานข้าว  แล้วโอบเอาตัวผมมากอดไว้ลูบหลังลูบไหล่ผม  แล้วเราสองคนพี่น้องก็ร้องไห้กันครับ   ผมรู้แล้วว่าพี่อิงรู้ว่าพี่ต่ายจากไป  แล้วก็รู้ด้วยว่าผมกับพี่ต่ายคงเป็นอะไรกัน  แต่พี่อิงไม่พูด  ไม่พูดอะไรเลย ไม่มีคำถามใดๆจากพี่อิง  แต่กริยาที่พี่อิงลูบหลังผมมันบอกครับว่าพี่อิงสงสารผมเป็นห่วงผม 

ผมปล่อยโฮออกมาอย่าไม่อายใคร  มันเป็นช่วงเวลาปลดปล่อยความทรมานใจที่ผมได้สั่งสมมาตลอดทั้งคืน  มันบีบคั้นอารมณ์ผมให้ทนไม่ไหวต้องระเบิดเป็นน้ำตาออกมา   เมื่อมาเจอกับพี่ชายของผมแค่คำว่า “สงสารน้อง”เพียงคำเดียว  ผมก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมไม่รู้ว่านานแค่ไหน  ที่ผมร้องไห้ในอ้อมอกของพี่ชาย  :โฮๆ1:


จนกระทั่งบุ้งกับติงค่อยๆเดินเข้ามา  ผมหันไปเห็นพอดี  ในความเสียใจก็ยังมีความอายอยู่ พูดออกไปเสียงก็ยังสั่นเครือ

“ติงเข้ามาได้ไงห้องผู้ชายนะเป็นสาวเป็นนาง  บุ้งด้วยเมิงคิดจะมาทำอะไรกรู  มรึงพาติงออกไปก่อนเดี๋ยวกรูตามลงไป”
 
 พี่อิงเองก็หยุดร้องแล้วครับแต่ตายังแดงๆอยู่  หันไปบอกบุ้งกับติงที่ยืนทำหน้าเศร้าเหมือนกำลังดูมิวสิควีดีโอพี่ชายที่แสนดีอยู่ให้ลงไปก่อน

“ไป....ลงกันไปก่อนเดี๋ยวให้โอมเค้าเช็ดตัวเสร็จแล้วตามลงไปนะติง บุ้ง”  แล้วหันมาบอกผม

“โอมเดี๋ยวพี่มาเช็ดตัวให้รอเดี๋ยว”
แล้วทั้งสามคนก็เดินออกไปครับ  ผมอยากจะบอกพี่อิงว่าผมทำเองได้  แต่ตอนนี้ใจมันก็ไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น  เลยได้แต่นอนนิ่งๆตามแต่ที่พี่อิงสั่ง

พี่อิงกลับมาเช็ดตัวให้ผมอีกครั้ง  พี่อิงเช็ดตัวผมไปผมก็นึกถึงตอนที่ผมไม่สบายแล้วพี่ต่ายมาเช็ดตัวให้ผม  น้ำตาผมค่อยๆไหลรินลงมาอีกครั้ง  พี่อิงเงยหน้าขึ้นมองผม ไม่มีเสียงใดๆจากพี่อิงอีกนอกจากตาแดงๆ  แล้วผมก็หัวเราะขึ้นมาอีก  เพราะอยู่ดีๆก็นึกถึงเพลงของพลพลกับน้องพันช์ 

พี่อิงทำหน้าตกใจ“หัวเราะอะไรโอม  บร้ารึเปล่า เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะ”

แต่ผมว่าผมก็บร้าจริงๆน่ะแหล่ะ “เปล่าเค้านึกถึงเพลงพลพลกะพันช์น่ะ เพลงตาแดงๆ  เลยขำ”

“ไอ้บร้า ยังจะมีแก่ใจไปนึกถึงเพลงอีก” พี่อิงส่ายหัวทั้งๆที่หน้ายังเศร้าอยู่

พอพี่อิงเช็ดตัวผมเสร็จ ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้เรื่องหลาน  เลยเดินไปหยิบพันธบัตรที่พี่ต่ายทิ้งไว้ให้พี่อิง  พี่อิงรับมาดูแล้วบอกว่า”ขอบใจนะโอม”

 ผมเลยตอบกลับไปว่า “ของพี่ต่ายพี่...ของพี่ต่าย”

พี่อิงมองหน้าผมแล้วบแกผมด้วยเสียงเรียบๆว่า “ก็ต่ายเค้าบอกอยู่แล้วนี่ว่าของต่ายกับโอม” แล้วผมจะพูดอะไรได้   :m15:
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผมเดินลงไปหาบุ้งกับติงที่กำลังเล่นกับหลานของผมอยู่ครับ  ที่จริงวันนี้ผมตาบวมมากเลยน่ะ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่อยากพบใคร  แต่ช่างมันล่ะไม่มีอะไรจะต้องอายมากไปกว่าโดนเค้าทิ้งเอาดื้อๆแบบนี้แล้ว   แต่ถ้าพวกติงหัวเราะเยาะน่ะมีเคืองแน่ๆ ผมคงไล่ให้ออกไปจากบ้านไปเลย  ติงพูดเสียงเบาๆเหมือนกลัวว่าถ้าพูดดังๆ  จะไปกระตุ้นต่อมเศร้าของผมเข้า

“โอมเราเอาชีทมาให้  โอมจะไปเรียนไม๊น่ะพรุ่งนี้คาบสุดท้ายล่ะนะเผื่ออาจารย์จะบอกเรื่องแนวข้อสอบ”

“.........................”ยังไม่อยากคุยอะไรเลยครับ  มันหดหู่ เศร้าหมอง เซ็ง จิตป่วย อยากบอกว่า  อย่ามายุ่งกับผม  ติงมองหน้าหุ่ยๆของผมแล้วก็บอกว่า

“ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะอยู่บ้านอ่านหนังสือกันก็ได้  เดี๋ยวติงไปฟังแล้วมาเล่าให้ฟังเอง”
 ติงพูดเมือนอย่างกับว่าผมจะตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว  ผมต้องอยู่ได้ซิครับ  แค่โดนทิ้งเอง ชิลด์ๆจะตาย

“โอมเมิงไม่ต้องไปก็ได้นะ....กรู...”บุ้งมันก็เสริมมาอีกคน

“กรูจะไป...กรูอยากไป” o12

ผมไม่อยากอยู่คนเดียว  ผมต้องหาอะไรทำให้มันยุ่งๆเข้าไว้  ยังไงๆผมก็ไม่รู้จะไปตามพี่ต่ายที่ไหนอยู่ดี  ลองโทรไปหาใหม่กี่ครั้งก็ไม่เปิดเครื่อง  ผมได้แต่ฝากข้อความไว้เป็นร้อยๆครั้งในความรู้สึกผม

แล้วอยู่ดีๆหลานผมก็หัวเราะเอิ๊กๆ ออกมาครับ  เราสามคนหันหน้าไปมองหลานผม  เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ  แก้มใสอ้วนน่ากอด  เป็นอีกชีวิตใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา ผมยิ้มเศร้าๆให้กับตัวเอง  ผมมีสิ่งใหม่เข้ามาทำให้อิ่มเอมหัวใจแทนได้  ในขณะที่สิ่งที่มีค่าในชีวิตอีกสิ่งหนึ่งได้หายไป

ผมลุกเดินไปดูหลานที่นอนพลิกไปมาอยู่บนเบาะ “ไหนหลานอา เป็นยังไงครับพี่กุ้งเหนื่อยไม๊  พี่อิงช่วยบ้างรึเปล่า”

ผมพยายามให้ความสนใจหลานดีกว่าครับ  เห็นเด็กๆแล้วสบายใจกว่า ไม่อยากทำให้ช่วงเวลาที่มีความสุขของครอบครัวกับหลานผม  ต้องมาแปรเปลี่ยนไปเพราะเรื่องของผมคนเดียว
 
“พี่ดูแลเองได้ค่ะ   เมื่อวานน้องโอมไม่สบายพี่เลยไล่อิงให้ไปเฝ้าน้องโอม  แต่ไม่ต้องเกรงใจนะ  พี่ยังไหว  วันนี้ดูน้องโอมอาการดีขึ้นแล้วนี่ค่ะ” ผมหันไปมองหน้าพี่อิงที่กำลังหยอกลูกอยู่  พี่อิงเงยหน้าขึ้นมามองผมแว๊บนึง

ผมถึงได้รู้ว่ามือเมื่อวานที่ลูบหัวผมคงเป็นมือพี่อิงนั่นเอง  ลึกๆก็อดเสียใจไม่ได้ที่ไม่ใช่มือพี่ต่าย  แต่อีกความรู้สึกนึงที่ตามมาก็คือพี่ผมเป็นคนอบอุ่น  ถึงแม้บางครั้งจะพูดจาตรงๆไปหน่อย  แต่พี่อิงก็รักน้องที่สุด  ผมปาดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาอีกออกไป  แล้วฝืนยิ้มให้พี่กุ้ง

“หายดีขึ้นเยอะแล้วพี่กุ้ง  วันนี้ผมคืนพี่อิงให้ไปช่วยพี่เลี้ยงลูกดีกว่า  ไอ้น้องอย่างผมมันไม่ไหวทำให้แต่พี่ๆเสียใจ” :m17:
 
ไม่มีใครพูดอะไรอีก  ไม่มีคำถาม ไม่มีข้อโตเถียง  ทุกคนทำเหมือนกับว่าเข้าใจทุกสิ่งที่ผมพูดออกมา   แล้วก็ไม่มีใครพูดถึงพี่ต่ายเลย ราวกับว่าบ้านหลังนี้ไม่เคยมีพี่ต่ายมาอยู่ถึง 2 ปี เราไม่รู้จักคนที่ชื่อวริศ หรือพี่ต่ายมาก่อน

 ผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะง่ายเกินไปหรือเปล่า  เราจะตัดคนที่เรารักได้ง่ายๆเพียงข้ามคืนเหรอ  ถ้ามันง่ายเหมือนเรากดดีลีทไฟล์ที่ไม่ใช้อย่างนั้นก็ดีน่ะซิ   

 แต่ผมว่าความรักที่ไม่สมหวังมันเป็นไวรัสที่ลบออกไปจากหน่วยความจำกันไม่ได้ง่ายๆ   ถึงแม้ว่าเราจะลงโปรแกรมแม็คอาฟี่หรือสปายแวร์ป้องกันเป็นภูมิต้านทานไว้แล้ว  แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันติดขึ้นมาแล้วล่ะก็   มันก็ไม่ได้ลบทิ้งกันง่ายๆเลยครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากนั้นผมก็ไปเรียนตลอดครับ  ไม่เคยขาดเรียนเลยแต่เพื่อนที่ไม่สนิทกันจะบอกว่าผมเหมือนหุ่นยนต์มากกว่า  แต่ก็ยังดีที่เค้าว่าเหมือนหุ่นยนต์อาซิโม(Asimo)ไม่ใช่ไอ้ควายเหล็กอย่างคูโบต้า  ถ้าใครว่าอย่างนั้นมีโกรธจริงๆครับ
 
 ผมก็พยายามนะครับฝืนความรู้สึกตัวเอง  บอกตัวเองตลอดเวลาว่าเราต้องยิ้มได้ เราต้องหัวเราะได้  แล้วเราก็ต้องอยู่ได้

แต่พอกลับบ้านไปอยู่ที่เดิมๆ  ที่ไหนๆก็มีแต่พี่ต่ายครับยิ่งตอนนี้พี่อิงหอบลูกเมียกลับบ้านไปแล้ว  ก็เหลือผมคนเดียวมันยิ่งเหงา  เป็นโคตรรรรของความเหงาเลยครับ  แล้วจะไปเหลือเหรอ  ผมก็นอนร้องไห้ทุกวัน

 บุ้งกับติงพยายามจะมาขออยู่ด้วยเป็นเพื่อนแต่ผมก็ไม่ยอมเพราะผมรู้ดีว่า  จะมีใครอยู่ด้วยหรือไม่มีผมก็ร้องอยู่ดี  แล้วจะมาเปิดการแสดงโชว์ร้องไห้ของคนอกหักให้เพื่อนดูทำไมกัน  เงินก็ไม่ได้ซักกะบาทเดียว
 
ผมไม่โกรธที่พี่ต่ายหายไป  แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นเพราะเหตุอะไร  เพราะคราวนี้มันเป็นไม่ใช่การเปลี่ยนชีวิตผมแบบ Minor change นะครับอันนั้นมันปรับนิดๆหน่อยๆเปลี่ยนเบาะหนัง เปลี่ยนคอนโซลล์ ปรับหน้าจอ หรือไฟท้าย  แต่นี่มันเปลี่ยนแบบMajor change เลยเปลี่ยนรูปร่างทั้งคัน ปรับใหม่หมด  อยู่ด้วยกันนอนห้องเดียวกันมาสองปี ตื่นมาอีกทีหายไปละ เหมือนฝัน

แล้วที่สำคัญเปลี่ยนแบบปฎิวัติด้วยนะครับ  เหมือนตื่นขึ้นมาเจอรถถังอยู่หน้าบ้าน  ดึงปุ๊ปตกลงจากเก้าอี้  ไม่ได้มีเวลายุบสภา  แล้วเลือกตั้งกันใหม่  เป็นใครก็ต้องตกใจล่ะครับ  เตรียมใจไม่ทัน  บางคนยังพอรู้ลาดเลา  หอบเอาเงินไปฝากไว้ที่อื่นก่อนไปซื้อบ้านหาที่อยู่สำรอง  แต่ผมซิไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย  ผมว่าผมไม่บ้าไปเลยก็ดีแล้วครับ

พอครบสองอาทิตย์ที่พี่ต่ายลาพักร้อนผมก็ยังพอมีความหวัง  ว่าจะได้รู้เรื่องกันบ้าง  ผมตัดสินใจยอมลดอาการเสียวฟัน เอ๊ยเสียฟอร์ม  ไปหาพี่ต่ายที่ทำงานครับ  เคยมีคนบอกว่าเมื่อเรามีความรักให้วางศักดิ์ศรีเอาไว้บ้าง  ถือไว้มันก็จะหนักเปล่าๆ  แล้วอีกอย่างการไปหาพี่ต่ายมันก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ตัวผมลดคุณค่าของตัวเองลงไปนี่นา

ผมเข้าไปติดต่อที่พนักงานต้อนรับขอพบพี่ต่าย  เธอก็บอกให้ผมนั่งรอสักครู่ สักประมาณ5 นาทีก็เห็นพี่คมเดินออกมา  ผมเองก็คาดเดาอยู่แล้วว่าจะต้องเจอแน่ๆ  ก็เลยเตรียมใจไว้แล้วล่วงหน้าแล้ว

“สวัสดีครับพี่คม  พอดีผมมาพบพี่ต่าย” พี่คมรับไหว้ผมแต่สีหน้าก็ไม่ค่อยดีเลยครับ ทำหน้าอย่างกับคนปวดท้อง  แต่ก็ยังอุตส่าห์ยกมือรับไหว้แล้วส่งยิ้มมาให้ผม

“สวัสดีครับน้องโอม   ก็นี่แหล่ะพี่จะมาบอกว่าต่ายกำลังคุยกับนายอยู่คุยตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่ออกมาเลย  ท่าทางจะยาวเสียด้วยซิ  มานั่งรอห้องพี่ก่อนไม๊”

“ก็ดีครับพี่......แต่ผมมีสอบวันนี้ตอนบ่ายคงรอได้ซักครู่”

พี่คมเดินนำผมไปที่ห้องทำงานพี่คมซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากห้องพี่ต่ายเท่าไหร่  ถ้าพี่ต่ายเข้ามาเมื่อไหร่ก็คงจะเห็นทันทีเพราะห้องทำงานเป็นกระจกใสหมดเห็นได้รอบ

“โอมนั่งรอแป๊ปนึงนะเดี๋ยวพี่มา”

พี่คมทิ้งผมไว้ที่ห้องแล้วพักนึงก็มีคนเอากาแฟมาให้ผม   ผมดื่มกาแฟไปนั่งรอไปด้วยความกระวนกระวายใจ  ไหนจะเรื่องพี่ต่ายแล้วก็เรื่องสอบตอนบ่ายอีก แล้วพี่คมก็กลับมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี

“โอมทำไงดีต่ายออกไปข้างนอกกับนายแล้ว  พี่ไปบอกแล้วแต่ขัดนายไม่ได้ ท่าทางซีเรียสกันมาก  พี่ว่าโอมไปสอบก่อนดีกว่ามั๊ง  แล้วพี่จะบอกต่ายให้”

ผมแทบจะร้องไห้ตรงนั้น  แล้วจะเจอกันได้ยังไง  ผมรอมาแล้วตั้งสองอาทิตย์นี่อีกแค่เอื้อมเท่านั้นเอง  ผมพยายามเก็บรักษาอาการของความผิดหวังยิ้มเจื่อนๆให้พี่คม  แล้วบอกลาพี่คม

“ขอบคุณพี่คมมากครับ  ยังไงให้พี่ต่ายโทรหาผมแล้วกัน” 

พี่คมตบไหล่ผมเบาๆแล้วพยักหน้าให้ผม  ผมเดินคอตกเป็นไก่หงอยกลับออกมาจากบริษัท แต่ไม่มีเวลาจะมาคิดมากยังมีสอบรออยู่  ผมรีบเดินทางไปสอบที่มหาวิทยาลัย

แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่ได้รับคำตอบเช่นเคย แล้วผมก็คิดว่ายังไงพี่ต่ายก็คงจะไม่ได้โทรหาผมด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันรุ่งขึ้นผมมีสอบปากเปล่า  เป็นการสอบจบปริญญาโทของผม  ผมเลยต้องพยายามดึงสมาธิกลับมาที่การเรียน   พยายามตัดความคิดเรื่องพี่ต่ายออกไป  ถึงแม้มันจะคอยมาวนๆเวียนๆให้ผมหดหู่เป็นระยะ   แต่สำนึกดีของผมบอกว่า  ผมไม่ควรจะเอาเรื่องความรักมาทำให้ความตั้งใจเรียนที่ผ่านมาทั้งหมดของผมต้องพังทลายลง  ป๋ากับแม่กับพี่อิงจะเสียใจแค่ไหนถ้าผมไม่จบ  ผมจะต้องทำให้ได้

ผมเข้าสอบไปด้วยความมั่นใจไม่เต็มร้อย  แต่ก็พยายามเต็มที่  จนตอนเย็นสอบเสร็จผมชวนบุ้งกับติงไปหาพี่ต่ายที่บริษัทอีกครั้ง  แต่บุ้งกับติงไม่ค่อยเห็นด้วยครับ
 
บุ้งบอกว่า“มรึงแน่ใจเหรอว่ะโอม  เมิงจะไปหาเค้าทำไมเค้าเก็บของออกไปขนาดนี้ไม่บอกอะไรเมิงเลย  มันก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าพี่เค้าต้องการอะไร”

ส่วนติงถึงไม่ค้านออกมาตรงๆ  แต่ฟังๆดูก็ไม่อยากให้ผมไปเจอพี่ต่ายเหมือนกัน

“น่านซิโอม  แน่ใจนะว่าเข้มแข็งพอที่จะเจอน่ะ”

“เราอยากรู้เหตุผลน่ะติง  จะเลิกกันเราก็ทำอะไรไม่ได้หรอก  แต่เราอยากรู้สาเหตุว่าเพราะอะไร  เราทำอะไรผิด  หรือพี่ต่ายไม่รักเราแล้วมีคนอื่น  เราก็รับได้  แต่ไม่ใช่ไม่บอกอะไรเราเลยติง  มันทรมานน่ะติง  เหมือนพี่ต่ายลงโทษเราโดยที่เราไม่รู้ข้อหา” :impress:

ผมน้ำตาเอ่อ แต่ติงน้ำตาไหลเลยครับ  ไอ้บุ้งก็ตาแดงๆ  แล้วในที่สุดทุกคนก็ยอมไปกับผม  แต่กว่าจะไปถึงก็เกือบ6 โมงเย็นแล้วครับ  พนักงานทยอยกลับกันไปเกือบหมดละ
แต่ผมก็เจอพี่คมจนได้  พี่คมเลยเรียกเราไปนั่งในห้อง  พี่คมเองหน้าขมวดคิ้วตลอดเวลา

“โอม  พี่ไม่รู้จะบอกโอมว่ายังไงดี”หน้าตาพี่แกดูลำบากใจมากครับ ทำอย่างกับจะบอกว่าผมติดF แต่ไม่กล้าบอกกลัวผมเสียใจ

“บอกมาเถอะพี่  พี่ต่ายกลับไปแล้วเหรอ  แล้วตอนนี้พี่ต่ายไปอยู่ที่ไหน”
ผมถามออกไปแบบไม่สนใจแล้วว่าพี่คมจะรู้หรือไม่รู้   ว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว  ขอเพียงให้ได้เจอพี่ต่ายเท่านั้น

“ต่ายบินไปสิงค์โปร์เมื่อเช้านี้แล้ว  เค้าต้องไปทำงานที่นั่น”

พอพี่คมพูดออกมาประโยคนี้  ผมบอกกับตัวเองว่า มันก็แค่ทำให้ผมหมดหวังที่จะได้เจอพี่ต่ายเท่านั้นเองครับ  แต่ความเสียใจน่ะมันคงมากไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว  เพราะระดับความเศร้ามันขึ้นสูงสุดไปแล้ว  ปลงเถอะไอ้โอม

“ทำไมมันกะทันหันขนาดนี้ล่ะพี่คม  พี่รู้เรื่องมาก่อนไม๊”บุ้งเป็นคนถามขึ้นมาเพราะผมคงพูดอะไรไม่ออกแล้ว

พี่คมที่ตอนนี้รู้เรื่องอยู่คนเดียวก็ยังเอ๋อครับ “พี่เองก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เอง  พี่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  แต่มารู้ทีหลังว่าช่วงอาทิตย์ก่อนที่ต่ายลา  เค้าเข้ามาหานายว่าอยากขอย้ายที่ทำงานไปต่างประเทศที่เป็นสาขาของเราที่ไหนก็ได้  นายก็ไม่อยากให้ไปนะ  แต่ขัดไม่ได้  พี่ก็งงไปสิงคโปร์ก็ไม่ได้ดีกว่าที่นี่นะไม่รู้คิดยังไง  งงอยู่เนี่ย”

 ผมว่าผมเชื่อที่พี่คมพูดทุกอย่างไม่มีเหตุผลอะไรที่จะโกหก  พี่ต่ายต้องการหนีผมเท่านั้นเอง  เป็นเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ผมคิดได้ในตอนนี้  ผมตัดสินใจกลับดีกว่า

“ไปเถอะ บุ้ง ติง รบกวนเวลาพี่คมมากไปแล้ว”

ใจผมมันด้านชาไปแล้วครับ ยกมือสวัสดีพี่คมแบบมึนๆ  ยังได้ยินพี่คมบ่นเรื่องงานที่พี่ต่ายทิ้งไว้ด้วยซ้ำต้องหาคนมาทำแทน
 
 นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเรื่องของพี่ต่าย  เพราะผมหยุดการตามหาพี่ต่าย  ไม่มีการติดตามอีกต่อไป  ผมจะทำอย่างที่พี่ต่ายต้องการคือ-----ไม่ต้องมาเจอหน้ากันต่อไป----
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :เฮ้อ: :seng2ped:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด