มาตั่งป้อมรอพี่ฟางครับ ได้ข่าวว่าดึกๆจะมาลง
กระดาษทิชชู่พร้อมครับ(ไม่รู้ว่าจะได้เช็ดอะไรเอามาก่อน)
เหอๆๆเอามาเช็ดน้ำลายมั๊งโน๊ต อิอิ ไม่มี๊ ไม่ต้องเตรียมจ๊ะ

ยังไม่ดึกเท่าไหร่ ลงไปเลยละกันเนอะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 60
หลังจากที่วางมาดว่าไม่หิวเดินสะบัดก้นเล็กน้อยแต่พองามเดินขึ้นห้องมา พอเข้าไปในห้องผมต้องทรุดตัวลงนั่ง พอเอามือจับที่หน้าอก ผมรู้สึกได้ทันทีว่าหัวใจผมเต้นแรงมาก จนต้องบ่นด่าใจตัวเองออกมาว่า
“เต้นแรงออกนอกหน้าไปแล้วไอ้น้อง....มรึงคิดถึงแฟนเก่ามากรึไงว่ะ ศักดิ์ศรีน่ะมีไม๊ รักษาหน้าลูกพี่มรึงหน่อย”
ผมสูดลมหายใจลึกๆเพื่อให้คลายความตื่นเต้นลงไป พยายามหายใจให้ช้าลง กรูจะตายเพราะหัวใจวายไม๊เนี่ย พี่ต่ายก็ยังคงมีอิทธิพลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผมอย่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ ถึงแม้จะหายไปนาน
แล้วท้องผมมันก็ร้องดังโครกออกมาเตือนผมอีกว่าอย่าทำเสล่อหรือทำหยิ่ง ก็ที่จริงมันหิวมากเลยครับแทบจะกินหัวคนได้ด้วยเลยมั๊ง แต่นาทีนี้จะลงไปข้างล่างอีกครั้งไอ้ที่ปูพื้นทำฟอร์มไว้ว่าไม่สนไม่หิวก็คงไม่ดี จะไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเพราะพี่ต่ายก็คงยังไม่กลับทันที ผมก็เลยต้องอดทนหิวแบบรอคอย ยังหวังว่าจะมีมาม่าหลงเหลืออยู่บ้างเดี๋ยวดึกๆค่อยลงไปกินก็ได้ฟะ
ผมเลยตัดสินใจไปอาบน้ำเอาน้ำมาลูบท้องไปพลางๆก่อน อาบน้ำสระผมไปผมก็คิดไปเรื่อยๆ พี่ต่ายกลับมาแล้วกลับมาทำไม มาแล้วก็ไม่พูดอะไรแล้วก็ไม่มีท่าทีอะไรด้วยนอกจากไอ้สัญญาณบ้าบอนั่น ไปเรียนมาจากไหนไม่รู้ แล้วตกลงไม่ยอมมาค้างจริงๆด้วยใช่ไม๊ โกรธอ่ะอยากจะฆ่าให้ตายคามือจริงๆ ผมควรจะทำตัวยังไงดีคิดอะไรไม่ออกจริงๆ กลับมาสมองกลวงอีกครั้ง
ผมจะแปรงฟันแต่พอส่องกระจกแล้วก็งงภาพที่สะท้อนกลับมาผมยิ้มหน้าบานมากเลยครับ

นี่กรูยิ้มทำไม๊เนี่ย มันเหมือนตอนที่เรากำลังเล่นคอมฯน่ะครับ แล้วคนอื่นเค้าก็มองว่าเรายิ้มให้กับคอมฯทั้งที่จริงๆแล้วเราอ่านหรือดูอะไรอยู่แล้วยิ้ม หรือไม่ก็กำลังchatมันส์ๆกะใครอยู่ แต่เราน่ะไม่รู้ตัวหรอก พอดูในกระจกมันชัดเลยครับ นี่ผมดีใจที่พี่ต่ายกลับมาขนาดว่ามันแสดงออกมาทางใบหน้าเลยเหรอ เฮ้อ
ไอ้จะนอนก็นอนไม่หลับเพราะมันหิว เลยลุกมานั่งที่โต๊ะเอาสมุดมาเขียนอะไรเล่นๆเป็นแผนผังทางเลือกตามที่ผมสงสัย
ขั้นแรกพี่ต่ายกลับมาเพื่ออะไร ???????????1.
กลับมาเยี่ยมป๋ากับแม่ผมอย่างเดียว แล้วก็มาดูหน้าแฟนเก่าที่เขี่ยทิ้งไปแล้ว ผมเผลอเอามือดึงทึ้งผมตัวเองออก....แล้วก็...เจ็บหัวโว้ย...เจ็บใจด้วย
ใจร้ายยยจริงๆ ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ผมจะได้ทำใจถือซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตละกัน งึ่มๆ

หรือ
2.
กลับมาหาผม กลับมารักกันใหม่เหรอ เป็นจริงก็ดีเลยล่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็มีสองทางเลือกอีก
2.1
ยอมคืนดีด้วย แต่ว่าระยะเวลาการยอมเนี่ยก็ยังต้องมาพิจารณาอีก อืมมม
2.1.1
ยอมไปเล้ย รอมาตั้งนานเค้ากลับมาแล้วจะไปเล่นตัวทำไม๊ เดี๋ยวหนีไปอีกรอบมิต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งเหรอ ไม่ต้องไปสนใจเหตุผลแล้วว่าหายไปเพราะอะไร อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมัน อย่างพี่ต่ายหายากต้องรีบคว้าไว้ เพราะยังมีคนเข้าคิวรออีกแยะ ไม่ต้องปิดป้ายเซลส์ก็มีคนจะมาซื้อแล้ว
2.1.2
งอนนานๆหน่อย ปล่อยให้เราเหงาเศร้าหุ่ยอยู่เป็นปีๆ อยากจะรู้ว่าพี่ต่ายจะทำยังไง ต้องให้ง้อซะให้เข็ด

จะได้รู้ว่าเราไม่ใช่ง่ายๆนึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา แต่แอบกังวลใจว่าถ้าเค้าไม่ง้อต่ออีกจะทำไงดี ชักลังเลซิ

2.2
เข็ดแล้ว......ก็ตัดใจไปเลยดีกว่า รักมากก็เจ็บมากเดี๋ยววันดีคืนดีพี่ต่ายหายไปอีกที ผมจะทำยังไง

คงทนไม่ได้แน่นอนคราวนี้คงมีถึงชีวิต(พี่ต่าย)ต้องฆ่าให้ตายกันไปข้างนึง หรือไม่จะเดือดร้อนวัดแถวบ้านต้องมามีคนอย่างผมไปสิงผ้าเหลืองให้ศาสนาเสื่อมเปล่าๆ
ผมอ่านที่ผมเขียนเสร็จแล้วก็ขำ

ว่าทำไปได้นะเรา.....จะมีคนเพี้ยนแบบผมอีกไม๊เนี่ยทำอย่างกะเขียนแผนงานธุรกิจ หุหุหุ คริคริ ผมว่าผมอารมณ์ดีเกินไปรึเปล่าเนี่ย กรูนี่ท่าจะบร้า ตอนเรียนโทยังไม่เคยทำอะไรอย่างนี้เลย

เอามานอนอ่านเล่นบนเตียงแล้วก็ยังตอบแต่ละคำถามไม่ได้ เพราะแค่คำถามแรกผมก็ตอบไม่ได้แล้ว ว่าพี่ต่ายกลับมาทำไม คิดจนเผลอหลับไปไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะความหิวท้องมันร้องครวญครางยังกับจะเปิดมินิคอนเสริท ผมดูนาฬิกา 5 ทุ่มกว่าล่ะได้เวลากินมาม่าแล้ว อาหารเย็นมื้อเฉพาะกิจของผม
พอลงมาข้างล่างก็ไม่มีใครอยู่แล้ว ผมก็ก๊อกๆแก๊กๆหานู่นนี่มากิน ระหว่างนั่งรอมาม่าบวมได้ที่ ผมก็เอาไอ้ที่ผมเขียนติดมือมาวางไว้ กะว่าจะนั่งอ่านเพื่อพิจารณาตัดทิ้งไปทีล่ะข้อ ผมก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ ตอนดึกๆนี่มันเงียบมากครับได้ยินแต่เสียงหริ่งหรีดเรไรและเสียงหมาเห่าเป็นช่วงๆ กำลังคิดเพลินๆถึงพี่ต่าย ว่ากลับมาคราวนี้ก็ยังดูดีน่ามองเหมือนเดิม ดูมีเสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นไปด้วย แล้วผมก็นั่งยิ้มเป็นคนบร้าอยู่คนเดียว อยู่ดีๆก็มีเสียงที่ไม่ได้รับเชิญพูดขึ้นมาค่อยๆที่ข้างหูผม
“ตกลงเลือกข้อไหนล่ะ”

+
+
+
ผมหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม o22เหมือนกับว่ามันหลุดกระเด็นออกไปเลยใจหายวาบ รีบตะครุบหัวใจแทบไม่ทัน สะดุ้งเหมือนโดนไฟช๊อต แล้วเจ้าของเสียงปริศนานั้นก็ดึงเอากระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะไปดู
“ไหนดูซิ” เฮ้ยยยยยยยย!!!! มาได้ไงอ่ะ

“พี่อิงเอาของเค้าคืนมานะ”
ผมไปยื้อดึงกลับคืนมาแต่ก็ไม่ได้เลยพี่อิงปัดมือผมออก ผมเลยปลงล่ะ พี่อิงรีบเดินออกไปอ่านนอกห้อง ผมเลยช่างหัวพี่อิงล่ะ เชิญเลยตามสบายยังไงพี่อิงก็รู้เรื่องผมอยู่แล้ว จะรู้ว่าผมสติแตกอีกซักอย่างก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกล่ะ ผมนั่งกินมาม่าต่อไปอย่างกังวล กินจนเกือบจะเสร็จล่ะ แล้วพี่อิงก็เอากระดาษแผ่นเดิมมาคืนให้ผม วางไว้ที่โต๊ะแล้วบอกแ่ค่นี้เองครับ
“อ่ะ...คืนแล้วนะ....เอาตามนี้แล้วกัน” แล้วก็เดินขึ้นบ้านไปเลยครับ พอผมเห็นที่พี่อิงมาวางไว้ ผมล่ะทึ่งกับพฤติกรรมพี่ผมจริงๆ สุดยอดดดด

พี่อิงเอาปากกามาไฮไลท์ให้ผมครับ ตรงนี้ล่ะครับ
2.
กลับมาหาผม 2.1
ยอมคืนดีด้วย 2.1.2
งอนนานๆหน่อย หุหุหุ คริคริคริ ฮ่าฮ่าฮ่า กร๊ากกร๊ากกร๊าก

yes!yes!yes!
เอาว่ะ!!!! พี่ชายช่วยเลือกให้ขนาดนี้ว่าไงว่าตามกัน ผมจะทำได้ไม๊เนี่ยผมมันคนใจอ่อนซะด้วย เมื่อกี้นี้ตอนที่เจอกันที่แรกในใจผมแทบจะวิ่งเข้าไปกอดพี่ต่ายอยู่แล้ว แต่ว่ายังยั้งไว้ด้วยหิริโอตัปปะ ทิษฐิมานะ สัพเพสัตตา มุทิตา อุเบกขาทั้งหลายแหล่มั๊ง

แปลว่าอะไรบ้างก็ไม่รู้แต่ก็ทำให้ฝืนข่มใจไปได้
แต่พี่ต่ายซิใจดำ ไม่ถามผมซักคำว่าเป็นไงบ้าง ผมก็ยังไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นไงแต่คราวนี้ผมคงจะต้องรอคอยอย่างเดียวด้วยใจอดทน รอมาตั้งปีกว่าแล้วนี่ให้พี่ต่ายรอบ้างจะเป็นไรไป ส่งบัตรคิวให้พี่ต่ายรอต่อไปบ้างแล้วกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมกำลังนั่งตรวจบัญชีอยู่ที่โต๊ะหมกมุ่นกับงานจนไม่ได้เงยหน้ามองอะไร ตอนที่พี่ต่ายมาจากไหนไม่รู้อยู่ดีๆก็มานั่งข้างๆผม ผมหันไปมองเพราะมีความรู้สึกเหมือนมีใครมานั่งมองหน้าอยู่ หันไปเห็นพี่ต่ายนั่งทำหน้ายิ้มเผล่อยู่ ผมทำเป็นไม่สนใจกลับมาทำงานต่อ แต่ปากก็พูดไปด้วย
“พี่มีอะไรเหรอ....ผมยุ่งมาก” เสียงของผมคงแข็งไปหน่อย เพราะผมเองยังตกใจกับน้ำเสียงตัวเองเลย เสียงเราทำไมมันดุอย่างนี้นะ
“พี่คิดถึงโอม...มาหาไม่ได้เหรอ”

พี่ต่ายพูดด้วยเสียงออดอ้อน เหอๆๆ คิดถึงเนี่ยนะหลังจากที่ทิ้งกันไปเป็นปีๆ
“พี่มีอะไรพูดมาเลยดีกว่า....ผมไม่มีสมาธิทำงาน”มาดผู้จัดการเข้าสิงเลยครับ แบบตอนที่มีเซลส์มาตื๊อขายของน่ะ หรือตอนที่มีคนจะมาขายประกันชีวิต
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ต่าย แอบกังวลนิดนึงวันนี้ผมหน้าตาดูดีไม๊เนี่ยเมือคืนนอนดึกไปหน่อย ขอบตาจะดำไม๊หว่า ผิดกับพี่ต่ายที่ยังดูดีแบบไม่ต้องเกรงใจใคร
“พี่ขอโทษที่ผ่านมาทำให้โอมเสียใจ.....โอมจะให้อภัยพี่ได้ไม๊”

คำพูดเสียงเศร้าสร้อยประกอบกับหน้าตาที่ดูเหมือนสำนึกผิดของพี่ต่าย ทำให้ผมใจอ่อนไปประมาณ10% ละ แต่ผมต้องใจแข็งไว้ให้ได้ อีก90% ต้องรอไปก่อน
แต่เนื่องจากเป็นตอนเช้าคนค่อนข้างพลุกพล่าน ระหว่างที่คุยก็มีลูกค้าบ้าง ลูกน้องบ้างมาถามนู่นนี่กับผมตลอดเวลา บางครั้งผมต้องลุกออกไปจัดการธุระ พี่ต่ายก็ได้แต่นั่งทำตาละห้อยรอผม กว่าจะได้คุยกันอีกทีผมก็ปล่อยให้พี่ต่ายนั่งรอไปเกือบชั่วโมง
ผมกลับมานั่งคุยกับพี่ต่ายต่อ แล้วก็ถามอย่างที่ผมอยากจะถามมาตลอดตั้งแต่พี่ต่ายหายไป
“ผมอยากรู้เหตุผลที่พี่ต่ายหายไป....”

พี่ต่ายเงียบก่อน “................................”แล้วพี่ต่ายก็ส่ายหัว
ผมถามไปอีกครั้ง “บอกมาซิพี่”ถามแค่นี้เองทำอย่างกับว่าผมถามว่าสส.คนไหนจะได้ใบแดงมั่ง มันไม่ได้ตอบยากอะไรเลยนะ ไม่ต้องรอ กกต.ประกาศด้วย ผมมองหน้าพี่ต่ายอีกครั้ง
ในที่สุดพี่ต่ายก็พูดว่า “พี่ไม่อยากพูด......”
อืมมมน่ะ......ให้มันได้แบบนี้นะ ผมเกือบเผลอตบเข่าตัวเอง ถ้าไม่อยากพูดก็เป็นใบ้ไปตลอดชีวิตแล้วกันนะพี่
“พี่เป็นใบ้หรือไงพูดไม่ได้น่ะ”

อ้าวตายยยย! กรูว่ากรูคิดในใจนี่หว่าแล้วทำไมพูดออกไปได้ล่ะเนี่ย เริ่มลืมตัว วันนี้ผมเป็นอะไรไปนะดูเข้มแข็งและกวนตรีน เป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากพี่ต่ายทำให้ผมใจฮึกเหิมมากขึ้น
“ไม่เป็นไรพี่ไม่พูดก็ไม่ต้องมาพูดกับผมละ”
แล้วผมก็ทำงานต่อดีกว่า ไม่บอกก็ไม่ต้องมาบอกเลย ไม่เคลียร์เรื่องนี้แล้วจะคบกันต่อไปได้ยังไง กลับบ้านไปเลยไปพี่ต่าย
+
+
แต่ว่า......พี่ต่ายลุกไปเลยครับ เฮ้ยยยย!!!!!

ตายอ่า.....แค่คิดในใจทำไมรู้อ่ะ ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดไล่ไปเลยนะสาบานเลย ทำไงดี ทำไงดี แงๆๆๆๆ ผมได้แต่ตะโกนตามไปว่า
“กลับมาก่อนพี่ต่าย กลับมาก่อน........” :

:ไม่ฟอร์มโกรธแล้ว กลับมาหาผมเถอะพี่ต่าย หายโกรธแล้วนะ ไม่งอนแล้วก็ได้ ทำไมง้อแป๊ปเดียวเองยังไม่ถึง 3 ชั่วโมงเลย ผมกำลังจะวิ่งตามพี่ต่ายไป
แล้วใครก็ไม่รู้มาดึงตัวผมไว้แล้วเขย่าๆๆอย่างแรง จะเขย่าทำไมมันเวียนหัวน่ะเนี่ย

“โอมๆๆๆๆ ตื่นๆๆๆเป็นไรไม๊ลูก สายแล้วนะ ทำไมตื่นสายยังงี้ล่ะ....แล้วนี่ละเมออะไรกัน”
ผมลืมตาขึ้นมาดูแม่นี่หว่าที่เขย่าตัวผม

อ้าวตายเลยก้มลงมองตัวเองยังอยู่ในชุดนอน แต่น้ำตายังคลอๆตาอยู่เลย ทำไมมันฝันได้เหมือนจริงขนาดนี้ได้ ผมขยี้ตาตัวเองฝันจริงๆด้วยอ่ะ เวรกรรม.....มันจะเป็นลางร้ายบอกเหตุอะไรหรือเปล่า
“อ้าวยังมานั่งงงอะไรอยู่อีกล่ะ ไปอาบน้ำได้แล้วโอม”แม่จับไหล่ผมเขย่าเบาๆ ผมมองหน้าแม่ แล้วก็กอดเอวแม่ไว้แอบดมพุงแม่ด้วยหอมจัง
“อะไรมาอ้อนแม่แต่เช้าเชียว...จะเอาอะไรรึเปล่า”พอแม่ถามผมอยากบอกแม่ว่า...จะเอาพี่ต่ายน่ะแม่ ขอได้ไม๊อ่ะ
“อึฮึ...แม่.....”ผมสั่นหัวแต่ยังคงกอดเอวแม่แน่น แม่ลูบหัวผมเบาๆผมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกหลังจากฝันร้ายมาเมื่อกี้ แล้วแม่ก็พูดกับผมด้วยเสียงอ่อนโยนว่า
+
+
+
“โอมหัวเหม็นน่ะ.....สระผมมั่งป่าว”

หุหุหุ หมดกันช่วงเวลาแห่งความประทับใจ แม่อ่ะเกิดจะมาจมูกดีเอาตอนผมกำลังซึ้งๆ มันคนละซีนกันเลยนะแม่ หมดอารมณ์ไปเลย

“ฮึ....ไปอาบน้ำดีกว่า.......ออกจะตัวหอมมาว่าเค้าเหม็น”
ผมรีบลุกไปอาบน้ำดูนาฬิกาเกือบ 8 โมงแล้ววันนี้ต้องไปพบลูกค้าด้วย ได้ยินเสียงแม่หัวเราะไล่หลังตามมาเบาๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันนี้เป็นวันเสาร์แต่ที่บ้านผมก็คงทำงานกันตามปรกติครับ แต่วันนี้ผมมีนัดกินข้าวเย็นกับคุณก้อยด้วยนะซิ พรุ่งนี้ก็มีนัดกินข้าวกะพวกติงจะชวนบุ้งไปด้วยมันก็ดันไม่ว่าง ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ต่ายจะกลับมาตอนนี้ แต่ที่จริงทำไมผมต้องไปสนใจด้วยล่ะในเมื่อพี่ต่ายเองก็ยังเงียบๆอยู่ไม่มีท่าทีอะไรเลย พอบ่ายๆคุณก้อยก็โทรเข้ามา
“คุณโอม....วันนี้จะเข้ากรุงเทพฯกี่โมงจะได้นั่งรถไปด้วยกัน”ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย อ้าวแล้วคุณก้อยไม่มีรถรึไง จะมานั่งไปกับผมเนี่ยนะ ผมก็เลยถามไปว่า
“อ้าวแล้วรถคุณก้อยล่ะ.....ไม่ได้รังเกียจนะแต่สงสัยเฉยๆ”
“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยคุณโอมก็.....หึหึหึ”คุณก้อยคงกำลังอยู่หน้างานได้ยินเสียงคนตะโกนถามให้วุ่นวาย
“ผมจะให้ลูกน้องขับตามไปที่ร้านที่เราจะไปกิน ผมจะได้นั่งรถไปเป็นเพื่อนคุณโอมไง”จะดีเหรอนั่งไปด้วยกันเนี่ย แต่คิดไปคิดมาถ้ามาขับรถให้ก็ดีเหมือนกันนะกำลังขี้เกียจขับอยู่
“งั้นคุณก้อยมารถผมแต่ช่วยขับได้ไม๊ล่ะ.... ผมไม่รู้จักร้านที่จะไปกินด้วยเป็นพวกบ้านนอกนานๆเข้าเมืองที อิอิ” ถ้าเรียกเพราะๆก็คือแอบอ้อนหน่อยนึง ถ้าเรียกแบบไม่เพราะก็คือพูดดีๆแล้วหลอกให้เค้าขับรถให้ ฮ่าๆๆๆ
“ได้ซิไม่มีปัญหา.....กี่โมงครับเจอกันที่ไหนที่ร้านไม๊ผมเข้าไปหา”
เสียงคุณก้อยกระตือรือร้นมากเลยครับเข้าทางผมเลย แต่ผมไม่อยากให้มาที่ร้านนะซิเดี๋ยวเจอพี่อิงล่ะยุ่งเลย เป็นความลับครับบุ้งก็ไม่รู้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะปกปิดเป็นความลับไปทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยนี่นาแค่ไปกินข้าวกับลูกค้าธรรมดาๆ ผมเลยตัดสินใจไปหาคุณก้อยเองดีกว่า
“เอางี้....ผมเสร็จงานแล้วเข้าไปหาคุณก้อยที่ไซท์งาน แล้วค่อยไปด้วยกันก็ประมาณ 4 โมงเย็นดีไม๊ครับ ไปถึงกรุงเทพฯไม่ดึกเกินไป”
“โอเค...ตามใจคุณโอมงั้นผมรอนะแล้วค่อยเจอกันครับ”
ผมวางสายไปรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเหมือนกำลังมีนัดกับคู่รักยังไงไม่รู้ มันก็อดหวั่นไหวไม่ได้เหมือนกันครับ คุณก้อยคุยกับผมทุกวันแต่ต่างกับตอนที่คุยกับบุ้ง สำหรับบุ้งคุยทุกวันเจอทุกวันก็ไม่สั่นคลอนใจผมในแนวทางของคู่รักไปได้ อาจเป็นเพราะผมเริ่มจากความเป็นเพื่อน แต่ความผูกพันกับบุ้งแน่นอนว่าผมย่อมมีให้มากกว่าอยู่แล้ว
พอใกล้เวลานัดผมเข้าไปบอกแม่ว่าจะเข้ากรุงเทพฯ
“แม่โอมไปแล้วนะเดี๋ยวไปไซท์งานแล้วจะเลยเข้ากรุงเทพฯ พรุ่งนี้กลับตอนเย็นๆ คืนนี้จะค้างที่บ้านกะพี่อั้ม”
“อ้าวไหนว่านัดติงวันพรุ่งนี้ไง แล้วรีบไปทำไมตั้งแต่วันนี้”แม่จำได้ด้วยเฟ้ย เอาไงดีไม่อยากมุสา
“วันนี้นัดเพื่อนคนล่ะกลุ่มน่ะแม่....จะไปกินข้าวด้วยกัน”แม่มองผมทำหน้าสงสัยว่าเพื่อนกลุ่มไหนอีก
“พอดีเค้ารู้ว่าโอมจะเข้ากรุงเทพฯเค้าเลยชวนไปกินข้าว”
“ตามใจ.....ขับรถดีๆแล้วกันนะ แล้วพรุ่งนี้ก็อย่ากลับค่ำมากล่ะ ดึกๆขับรถมันอันตราย”
แม่สั่งแล้วก็เดินไปครับ ผมยังไม่ทันเจอพี่อิงเลยรีบเผ่นก่อนดีกว่า ไม่อยากถูกซักอะไรไปกว่านี้อีก ก่อนจะไปหาคุณก้อยผมเลยเข้าไปดูไซท์งานบ้านริมเขานิดนึง เผื่อช่างจะมีอะไรมาปรึกษา ช่างคนนี้ก็รุ่นพ่อน่ะครับผมรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แกก็เอ็นดูผมแบบลูกหลาน
“ช่างจิตรครับเดี๋ยวผมจะเข้ากรุงเทพฯ พรุ่งนี้ก็ไม่อยู่จะเอาของอะไรไม๊ผมจะได้รีบสั่งให้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ร้านเค้าปิดนะครับไม่มีรถส่งของ”
“โอม....เห็นว่าเจ้าของบ้านเค้าจะเข้ามาดูพรุ่งนี้นะ โอมจะไม่อยู่เหรอ” ตายเลยทำไงดีว่ะ อยากจะเจออยู่เหมือนกันมีเรื่องที่อยากคุยอยู่เยอะทีเดียว แต่ทำไมไม่ได้ข่าวเลยล่ะว่าเค้าจะมา
“แล้วช่างจิตรรู้ได้ไงล่ะ....ผมยังไม่รู้เลย”งงจริงๆ

“เห็นอิงบอกน่ะแต่ลุงก็ยังไม่รู้นะว่าจะมากี่โมงเค้าคงมาดูทั่วๆไปน่ะ เพราะไม่ได้นัดเวลาแน่นอน”
เอาไงดีล่ะกับติงก็เลื่อนนัดไม่ได้เพราะนัดล่วงหน้ามาตั้งนานแล้ว เพื่อนคนอื่นๆด้วยนะซิ ในที่สุดผมก็ต้องโทรหาพี่อิงจนได้
“พี่อิงเห็นว่าเจ้าของบ้านริมเขาจะมาเหรอพรุ่งนี้น่ะ เห็นช่างจิตรบอกโอม”
“อืมใช่แล้ว”
“แล้วทำไมตัวเองไม่เห็นบอกเค้าล่ะ เค้าจะได้อยู่รอ”

หงุดหงิดน่ะเนี่ยทำไมไม่รู้ได้ไง ผมก็คนมีความรับผิดชอบนะ ทำอะไรแล้วก็ต้องเต็มที่ ปลูกบ้านมากว่าเดือนยังไม่เคยเจอตัวเลย
“ก็เค้ามาดูเฉยๆ ก็โอมมีนัดไม่ใช่เหรอเค้าเลยไม่ได้บอก” อืมก็จริง
“งั้นตัวเองมาช่วยคุยกับลูกค้าเองแล้วกันนะ...สงสัยอะไรโทรถามเค้าแล้วกัน นี่เค้าจะไปกรุงเทพฯแล้วนะ” ให้พี่อิงรับไปเลยแล้วกันเรื่องคุยกะลูกค้า
“เออได้...แล้วรีบไปทำไมตั้งแต่วันนี้อ่ะนัดติงพรุ่งนี้นี่”
เซ็ง.....ชีวิตของผมถูกผู้คนรู้กันไปหมดเลยครับ

ความเป็นส่วนตัวไม่มีเลยเฮ้อ ผมถึงไม่อยากบอกใครเรื่องที่นัดกินข้าวกับคุณก้อยไง ไม่งั้นเรื่องยาวแน่ๆ แต่ก็ต้องตอบเอาหน้ารอดไปก่อนครับ
“เค้ามีนัดกินข้าวกับเพื่อนอีกกลุ่มนึงวันนี้ไง” ผมรู้ว่าพี่อิงต้องถามต่อแน่ว่าใคร ก็เลยเล่นมุกนี้
“ZZZZZZZZZZZZZZZZ..โหลๆๆ.....ไม่ได้ยินเลยพี่อิง.....วางแล้วนะ”
หุหุหุ มุกไม่มีสัญญาณนี่แหล่ะเด็ดสุด

“เดี๋ยวๆๆๆๆ.....ไปกินกะใคร.....โอมได้ยินปะ.....โอมไปกับใคร....อะไรว่ะสงสัยไม่ได้ยินเฮ้ออยู่ไหนเนี่ย”
ผมได้ยินเสียงพี่อิงบ่นพึมพำๆก่อนที่ผมจะวางหูไป หึหึหึ ขืนไม่ใช้แบบนี้มีหวังโดนซักเละครับ แล้วผมก็ขับรถเลยไปหาคุณก้อยครับ ไปถึงคุณก้อยกำลังคุมงานอยู่ ผมเลยเดินดูไปรอบๆบ้านที่คุณก้อยปลูก ก็เป็นพวกบ้านคนมีเงินที่กรุงเทพฯน่ะครับเงินเหลือก็มาปลูกๆไว้เป็นที่พักผ่อนไว้สูดโอโซนที่เขาใหญ่ แล้วก็มีมือมาจับที่บ่าผมตกใจเลยครับ พอหันไปดูเป็นคุณก้อยนั่นเองยืนส่งยิ้มสวยมาให้ผม
“ฮั่นแน่แอบมาดูอะไรครับคุณโอม.....ขอค่าเข้าชมด้วยนะ”คุณก้อยยังไม่ปล่อยมือจากบ่าผมเลยตอนนี้โอบไหล่ผมไว้ หน้ายิ้มๆอยู่ใกล้กับผมนิดเดียวเอง หล่อไม่เบาแฮะ

“คุณก้อยไปทำงานก่อนเถอะ...ผมรอได้”อยากบอกว่าเอามือออกไปได้ไม๊อ่ะมันหนักไหล่นะเนี่ย อึดอัดด้วย
“งั้นคุณโอมรอซัก 10 นาทีนะเดี๋ยวผมสั่งงานแป๊ปนึง นั่งรอข้างหน้าก็ได้มีม้าหินอยู่”
“ครับ....งั้นผมรอข้างหน้า”
แล้วคุณก้อยก็ผละไปทำงาน ผมเลยเดินๆแล้วก็มานั่งรอคุณก้อย ผมแอบคิดว่าอีกหน่อยถ้ามีบ้านแบบนี้มั่งก็ดีเหมือนกัน ได้อยู่กับคนที่เรารัก แล้วผมก็ไปคิดถึงไอ้ฝันเมื่อคืน ถ้าผมงอนนานๆแล้วพี่ต่ายไม่ง้อ ผมจะทำไงดี คิดจนหน้านิ่วคิ้วขมวด คุณก้อยมาจากไหนไม่รู้มาทักผม
“คุณโอมเครียดเรื่องอะไรหน้างอเชียว....ช่วยไม๊เรื่องบ้านที่คุมอยู่รึเปล่า”
ผมเลยลุกขึ้นเดินไปที่รถส่งกุญแจให้คุณก้อยแล้วก็ส่ายหน้า
“ไม่ใช่หรอกเรื่องอื่นน่ะ....คุณก้อยขับนะผมเพลียๆเดี๋ยวขับๆไปแล้วง่วง”โชคดีจริงๆมีคนมาขับรถให้ เมื่อคืนก็ดันฝันว่างอนเล่นเอาเหนื่อยไปเลย
“ไม่มีปัญหา...ยินดีรับใช้ตลอดเวลาครับคุณโอม”
คุณก้อยนั่งที่คนขับรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วก็มองมาที่ผมที่ยังนั่งเฉยอยู่ อยู่ต่างจังหวัดขับใกล้ๆไม่ค่อยได้รัดเข็มขัดเวลาขับรถครับมักจะลืม คุณก้อยทำเสียงดุผม
“ทำไมไม่รัดเข็มขัดล่ะครับอันตรายนะ”
ผมกำลังจะเอี้ยวตัวไปเอาเข็มขัดมาคาด แต่ไม่ทันครับคุณก้อยชะโงกตัวไปดึงเข็มขัดข้างๆประตูมารัดให้ผม ผมไม่ทันตั้งตัวหน้าของคุณก้อยใกล้กับผมนิดเดียว ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของคุณก้อยที่หน้าผม ผมมองหน้าคุณก้อยนิ่งๆเราสบตากันแล้วต่างชะงัก คุณก้อยอมยิ้มหน้าแดงระเรื่อแล้วก็กลับมานั่งที่ตัวเอง ก่อนจะบอกผมว่า
“มองหน้าคุณโอมใกล้ๆแล้วน่ารักจัง”คราวนี้กลายเป็นผมแล้วครับที่หน้าแดง

ก็มาชมกันอย่างนี้ได้ไง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
:m29:ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆจริงๆเลยเรา
ขอหายไปอีกหลายๆวันนะ ช่วงนี้จิตตก
