อ่านหลายๆreply แล้วก็เอ๊ะ เราว่าเราพยายามให้เรื่องมันอ่านแล้วขำๆนะ

ไหงทำไมเศร้ากันไปได้ จะปีใหม่แล้วยิ้มๆกันดีกว่านะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 46
ปรากฏว่าพี่ต่ายก็ต้องเป็นขับรถกลับอยู่ดีครับ เพราะนับไปนับมาผมดื่มเยอะกว่าพี่ต่ายอีก 5555 เป็นครั้งแรกที่ไปมั่วกินงานชาวบ้านเค้าอย่างจริงๆจังๆ รู้สึกละอายใจปนหน้าด้าน

“พี่ต่าย....ผมถามอะไรหน่อยซิ” อยากรู้จริงๆเลย
“ถามมาซิครับ”แล้วพี่ต่ายก็หันมายิ้มให้ผม
“พี่คม........เค้าก็จีบพี่มาตั้งหลายปีแล้วทำไมพี่ไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ” เป็นช่วงสัมภาษณ์ดาราครับ
“อืมม.......ไม่รู้ซิ”
“เนอะ.....นั่นซิไม่เคยคิด....ทำไมไม่ชอบก็ไม่รู้” เหอๆๆแล้วผมจะรู้ไม๊เนี่ย
“ที่จริงคุณคมเค้าก็ท่าทางนิสัยดีนะพี่”ลองโยนหินถามทางดูเล่นๆ ว่าพี่ต่ายคิดยังไง
“ใช่เค้านิสัยดีนะ.....หน้าตาก็ดีด้วย”
ชมคนอื่นต่อหน้าแฟน แถมเป็นคนที่มาชื่นชมตัวเองด้วย ผมควรจะโกรธพี่ต่ายไม๊ครับ

เริ่มชินแล้วครับไม่โกรธหรอก อย่างน้อยพี่ต่ายก็พูดความจริงกับผม เหมือนเคยถามเรื่องติงก็อย่างเนี้ย คราวนี้ไม่หลงกลพี่ต่ายละ
“แล้วที่บริษัทพี่คม เค้ารู้กันหมดเลยเหรอครับว่าพี่คมเป็นเกย์” คุยไปคุยมาเปลี่ยนเรื่องแล้วครับ
“ใช่.....เค้าก็ไม่ถึงกับประกาศออกมาหรอกนะ แต่ไม่ปิดบังน่ะ”
“แล้วที่ทำงานเค้าเป็นไงน่ะพี่....เค้าแสดงออกอะไรไม๊”ผมกำลังแอบคิดเผื่อตัวเองนะครับ
“ไม่มีใครค่อยกล้าแซวหรอก คุณคมเค้าตำแหน่งสูงพอตัว แล้วอีกอย่างเค้าทำงานเก่งนะ”
“แต่ถึงจะแซวพี่ก็ไม่เห็นเค้าโกรธ พวกน้องๆเค้าก็มีแซวพี่กับคุณคมเหมือนกัน”
“ถามจริงๆนะ ผมหล่อสู้พี่คมก็ไม่ได้ หุ่นก็ไม่ได้ดีไปกว่า เก่งก็ไม่เก่ง แล้วทำไมเป็นผม”ผมถามพี่ต่าย แล้วก็เหมือนถามตัวเองไปด้วย

“โอมพูดเหมือนไม่มั่นใจตัวเอง” พี่ต่ายถามผมขึ้นมา สงสัยไม่รู้จะตอบผมยังไงมากกว่า ก็ที่ผมพูดมาทั้งหมดน่ะมันจริง
“ก็ผมไม่เข้าใจนี่พี่ ผมไม่เคยมองว่าตัวเองดีไปกว่าคนอื่น”
“มันก็ไม่มีใครที่จะดีไปกว่าคนอื่นได้หมดหรอก”
“มันก็ไม่มีเหตุผลด้วย....ในการที่เราจะรักใคร” พี่ต่ายตอบแบบนี้ สรุปผมก็ไม่รู้อยู่ดีซิ
“โอมไม่ต้องห่วงเรื่องคุณคมนะ ยังไงพี่ก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก” พี่ต่ายพูดเหมือนรู้ว่าผมกังวลเรื่องอะไรอยู่ แล้วพี่ต่ายก็พูดต่อ
“เค้าเป็นได้แค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นเอง”
หุหุหุ ผมเชื่อพี่ต่ายครับ เพราะพี่ต่ายเป็นคนดี ผมจะขอรถเข็นให้พี่ซักคันจากคุณไตรภพ รายการแกก็ดันเลิกไปนานแล้ว อิอิ ตอนนี้เอาจักรยานของคุณปัญญาไปแทนละกัน
“ผมเชื่อพี่ แต่กลัวพี่คมแกไม่เลิกซิ” พี่ต่ายเชื่อได้ แต่คุณคมถ้าแกเอาจริงก็น่ากลัวครับ
“คุณคมเค้าก็เป็นลูกผู้ชายพอดูนะ......โอมควรต้องขอบคุณคุณคมด้วยซ้ำนะ” ผมขมวดคิ้วเลย ขอบคุณเรื่องอะไรกัน พี่ต่ายพูดอย่างกับว่าเค้าหลีกทางให้ผม
“เค้าเป็นคนทำให้พี่รู้ใจตัวเอง”
“เรื่องอะไรล่ะพี่ต่าย”
“ก็เรื่องที่ว่า....พี่รักโอมที่เป็น....ผู้ชาย” ผมเงียบไปเลยครับ มันก็เป็นความจริงที่เรารู้แต่ไม่ค่อยอยากไปเน้นให้มากนัก
“คุณคมเค้าทำให้พี่รู้ว่า.......มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร” พี่ต่ายพูดเหมือนรำพึงกับตัวเองมากกว่า
“พี่ยอมรับ....ว่าพี่ไม่รู้หรอกว่าพี่เริ่มมองโอมในแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหน”
“แล้วพอพี่มาเจอกับคุณคมอีกที....พี่ถึงรู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อโอมมันใช่น่ะ”
พี่ต่ายพูดไปเรื่อยๆ ฟังดูเหมือนบทเพลงแจ๊ซที่มันอ่อนหวาน ช่วงนี้ผมขอนั่งฟังเงียบๆครับ เหมือนกับว่ากำลังโดนสารภาพรักกลายๆ ออกจะเขินอยู่ไม่น้อย หุหุ

“โอมรู้ไม๊......ช่วงที่พี่ลังเลใจว่าควรจะเริ่มกับโอมยังไง...หรือควรจะเริ่มดีไม๊”
“พี่เคยออกไปเที่ยวกับคุณคมด้วยนะ.....”พี่ต่ายหันมามองหน้าผม รถติดไฟแดงพอดีครับ
ผมอึ้งไปเลยครับ จ้องตาพี่ต่ายไม่รู้ตัว อารมณ์สับสนบอกไม่ถูก มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเหมือนตามันร้อนๆ น้ำตามันจะไหลอีกล่ะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
“พี่กับพี่คมไปกันถึงไหน”

ที่ผมถามมันก็กินความหมายถึงทุกเรื่องแหล่ะครับ ไม่ได้เฉพาะสถานที่ แต่พี่ต่ายจะบอกผมไม๊ซิ
พี่ต่ายเงียบไม่ตอบครับ ผมหลับตา....น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ ผมหันหน้าออกไปทางหน้าต่างไม่อยากให้พี่ต่ายเห็น ทำไมผมต้องเศร้าขนาดนี้นะ สักพักนึงรถจอดนิ่งพี่ต่ายเปิดประตูออกไป ผมเลยลืมตาขึ้นมาดู ถึงบ้านเราแล้วนี่...........บ้านของเรา
พี่ต่ายกลับมาที่รถแล้วเอารถเข้าไปจอด พอรถจอดเสร็จผมเดินเข้าบ้านไปเลยครับ พี่ต่ายจัดการเดินไปปิดประตูรั้ว ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไร แล้วผมก็ได้ยินพี่ต่ายตะโกนบอกผมว่า
“โอมไปอาบน้ำก่อนนะดึกแล้ว....แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
ผมก็ทำตามที่พี่เค้าบอกนะครับ อาบน้ำไปด้วยน้ำตาก็ไหลไปด้วย บางทีก็ยิ้มขำตัวเอง ว่าพอมีความรักแล้วทุกคนเค้าจะอ่อนแอเกินเหตุแบบผมไม๊ เมื่อก่อนตอนที่มีแฟนผู้หญิง เวลาเค้าร้องไห้ผมมักจะนึกเสมอว่า ผู้หญิงนี่ช่างอ่อนแอเสียจริงอะไรนิดๆหน่อยๆก็เอาแต่ร้องไห้ แต่ตอนนี้ดูตัวเองซิมันแย่ยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนอีก
นึกไปนึกมาพี่ต่ายยังไม่ได้พูดอะไรซักคำ ผมท่าจะเป็นบร้าร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่ได้ แต่ความรู้สึกผมมันเหมือนกับว่าพี่ต่ายกำลังพูดถึงแฟนเก่ายังไงไม่รู้ เฮ้อ

อาบน้ำเสร็จพี่ต่ายก็ยังไม่ขึ้นมาผมเลยเข้านอนก่อน ร้องไห้แล้วมันปวดหัวเพลียๆยังไงไม่รู้ครับ
นอนรอไปรอมาเลยหลับไปเลย

ตื่นขึ้นมาอีกทีเช้าแล้วครับ แต่พอกวาดมือที่เตียงไม่มีใครอยู่ด้วย เตียงมันเย็นมากครับเวลาไม่มีพี่ต่าย ผมนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่อย่างนั้น สมองโล่งว่างเปล่านอนต่อดีกว่า แล้วพอหลับตาน้ำตาก็ไหลออกมาอีก ผมก็ปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้น

แล้วก็มีคนมาเช็ดน้ำตาให้ผม นิ้วของพี่ต่ายค่อยๆปาดน้ำตาที่แก้มผม พี่ต่ายยกหัวผมขึ้นให้มานอนอยู่ที่ตักพี่ต่าย แล้วก็ลูบหัวผม ได้ยินเสียงของพี่ต่ายแล้วผมยิ่งน้ำตาไหล มีสะอื้นด้วย
“อะไรกันโอม...พี่ไม่มานอนด้วยคืนเดียวเองร้องไห้เลยเหรอ...หืม”
ผมไม่ตอบแต่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาตัวพี่ต่าย เรื่องอะไรยังไม่รู้อีกหรือไงพี่ต่ายนะพี่ต่าย มาเล่าให้เค้าฟังทำไมเรื่องไปเที่ยวกับพี่คมน่ะ
คิดไปคิดมาผมว่าพี่ต่ายรู้แต่แกล้งมากกว่า แล้วพี่ต่ายก็พูดต่อ
“หรือว่าเรื่องเมื่อคืนที่โอมถาม........”
“พี่แค่ไปทานข้าว....แล้วก็” ผมกัดปากตัวเองไม่รู้ตัว ลุ้น
พี่ต่ายพูดๆแล้วหยุดซะงั้นนะครับ ไอ้คนรอฟังซิลุ้นจนใกล้บร้า แทบจะก้มหน้ากัดน้องชายพี่ต่ายประท้วง ที่พี่มานแกล้งผม
“แล้วก็อะไร.....”ผมเงยหน้ามองพี่ต่าย ผมว่าเสียงผมนี่โหดน่าดูครับ แต่พี่ต่ายคงไม่กลัวเพราะหัวเราะเสียงดังลั่น

“พี่ไปฟังเพลงกันแค่นั้นเอง...แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน”
“แค่ไปด้วยกันแค่นั้นพี่ก็รู้แล้วว่ากับคุณคมน่ะไม่ใช่......เพราะไปไหนพี่ก็คิดแต่ว่าถ้ามากับโอมก็คงจะดี”
“เรื่องพี่กับคุณคมมันมีแค่นี้จริงๆ”

“โอ๊ยยยยยยยยย.................”พี่ต่ายร้องดังลั่นเลยครับ ก็คงต้องร้องแน่ๆ
เพราะผมเลยกัดที่ขาอ่อนพี่ต่ายเลยครับ มานแค้นไอ้พี่ต่ายบร้าหลอกให้เราเสียน้ำตาไปหลายปี๊ป รู้ก็รู้ว่าผมมันบร้าคิดมาก ขี้ใจน้อยยังมาแกล้งกันอีก
แต่พี่ต่ายก็ไม่ยอมง่ายๆหรอกครับ ตอนนี้เลยปล้ำกันอยู่บนเตียงแหล่ะครับ พี่ต่ายเลยกัดผมบ้าง แต่ไม่ได้กัดที่ขาหรือแขนหรอกครับ แต่กัดที่ปากผมจนผมตัวอ่อนไปหมด แล้วก็มากัดที่คอผม ผมก็เลยกัดตอบขบไปที่หูพี่ต่ายเบาๆ
ตอนนี้เลยบร้ากันทั้งคู่แล้วครับ แลกหมัดกันไปเลย แป๊ปเดียวเสื้อผ้าของผมกับพี่ต่ายก็ไม่เหลือแล้วครับ พี่ต่ายเริ่มไซร้ที่ซอกคอผม หลังหู แล้วเลื่อนตัวต่ำลงมาเรื่อยๆ ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดกับพี่ต่ายสั่นๆว่า
“พี่ไปทำแบบนี้กับพี่คมหรือเปล่า....อือออ”
พี่ต่ายยังไม่ตอบครับปากไม่ว่างกลับมาดูดปากผมอีกรอบ แล้วพี่ต่ายก็ประคองหน้าผมไว้ มองตาผมด้วยแววตาอ่อนหวาน แล้วพูดเสียงกระเส่าว่า
“พี่ไม่เคยทำกับผู้ชายคนไหน ....โอมเป็นคนเดียว...เท่านั้น”
ผมไม่ได้พูดอะไรได้แต่ยิ้มตอบ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆจากผมและพี่ต่ายอีกเลย เราจบคำสนทนากันเท่านั้น ถ้าจะมีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาก็คงมีเพียงเสียงครางของความสุขของเราสองคนแค่นั้นเอง....วิ๊ดวิ้ว.....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แล้วเราก็นอนหลับต่อกันยาวไปจนเกือบเที่ยงครับ ข้าวเช้าไม่ต้องกินเลย แต่มาตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนกดกริ่งประตูบ้าน แต่คนอย่างผมเหรอที่จะลุกก่อนเหอๆ
“ไม่รู้ใครมาน่ะพี่ พี่ต่ายลงไปดูนะ ผมขออาบน้ำก่อน”
พี่ต่ายก็ไม่ว่าอะไรครับ ก็พี่ต่ายแต่งตัวเรียบร้อยกว่าผมเป็นคนลงไปเปิดประตูก็ถูกต้องอยู่แล้วนี่ ผมก็อาบน้ำไปอย่างสบายใจครับ ก็ไม่เห็นพี่ต่ายขึ้นมาบอกว่าใครมา พอผมอาบน้ำเสร็จชะโงกหน้าลงไปข้างล่าง มีคนที่คุณก็รู้ว่าใครเบอร์สองมาครับ ถ้าเป็นเบอร์1 น่ะบุ้ง แต่เบอร์2 นี่เป็นภาคหลังครับเลยออกมาทีหลัง พี่คมนั่นเอง
วันนี้มาแบบไม่มีหน้ากากล่ะครับ เปิดเผยให้เห็นใบหน้าอันสดใสชวนน่ามอง พี่คมแต่งตัวดีมาเชียวครับใส่เสื้อโปโลสีขาว กางเกงยีน หล่อซะขนาดนี้ เหมือนมีรังสีเปล่งประกายออกมา
ผมวิ่งกลับมาที่ห้องใหม่อีกทีเปิดตู้เสื้อผ้าส่องกระจกแบบเห็นทั้งตัว ผมเห็นไอ้ตี๋หัวยุ่งคนนึงมองตอบกลับมา หน้าตามันเหรอๆหราๆ ตาก็ชั้นเดียวถึงแม้จะมีขนตาดกดำ มีดีก็แค่มีดั้งกะเค้าหน่อยนึง กับปากสีแดงสดแต่ทำไมวันนี้ยังกับปากแองเจลิน่า โจลี่ยังงี้ล่ะ ต้องโทษพี่ต่ายจูบผมซะจนผมปากเจ่อขนาดนี้
ไอ้ตี๋คนเดิมมันใส่เสื้อปูนที่เค้าแถมมาครับเขียนว่าปูนตราเสือ พี่เสือไว้ใจได้ แต่ผมชักไม่ไว้ใจตัวเองซิ ดูเสื้อผมมีรอยมดกัดเป็นรูๆด้วย แล้วก็มีรอยซีอิ้วกระเด็นเป็นลายดาว ใส่กางเกงขาสั้นเก่าๆตัวนึงแถมจะหลุดมิหลุดแหล่ ก็ยางยืดมันเสื่อมแล้วนี่ ผมพยายามไปหยิบหวีมาหวีผม ลองเก็กหน้าหล่อใส่กระจก แต่หน้าตาผมมันก็ยังหล่อแต่.....หล่อน้อยเหมือนเดิม สรุปกับตัวเองได้แค่ว่า กรรมของกรูเอง

ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้า เค้าว่าไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ลองพยายามดูซักหน่อยจะเป็นไร พยายามหาชุดที่คิดว่าดีที่สุดมาใส่ ก็เห็นแค่เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินเข้ม กับกางเกงยีนส์ขาดๆเหมือนเดิม ส่องกระจกอีกที ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็พูดกับตัวเองดังๆให้กำลังใจตัวเองว่า
“เอาว่ะ.....คนจะงามๆที่ใจใช่ใบหน้า คนจะสวยๆจรรยาใช่ตาหวาน....สู้ๆ....ไฟท์ติ้ง” พร้อมทำท่าYes! Yes! Yes! ประกอบ

แล้วผมก็ปิดตู้ครับ............... เห็นพี่ต่ายยืนเอามืออุดปากกุมท้องตัวสั่นกลั้นหัวเราะอยู่ :m20:ผมละอายชิบหายเลย มาตั้งแต่เมื่อไหร่ว้า เห็นหมดเลยดิ ตอนตรูทำท่าบร้าๆบอๆ
ผมเข้าไปทุบที่แขนพี่ต่ายเลยครับ “พี่น่ะ..เข้ามาเงียบๆหยุดไปเลยนะห้ามหัวเราะด้วย”
พี่ต่ายไม่ปิดปากกลั้นแล้วครับคราวนี้หัวเราะออกมาดังๆเลย

555555555555555555555555555555555555555555555555555 แล้วก็ไปนั่งหัวเราะที่เตียง เอามือจับท้องไว้
ผมแทบจะไปหาปี๊ปมาคลุมหัว ไม่รู้จะทำไงให้พี่ต่ายหยุดขำ คนอะไรว่ะขำไม่ปรึกษา ไม่มีเกรงใจกันบ้างเลย
ผมทำอะไรไม่ได้ ก็เลยยืนกอดอกมองพี่ต่ายหัวเราะซะงั้น ยกนาฬิกาขึ้นมาดู
“ผมให้เวลาพี่ 1 นาทีไม่หยุดหัวเราะจะโกรธแล้วนะ”

ได้ผลครับท่าทางพี่ต่ายพยายามดีมาก
“โอเคๆ..หยุดแล้ว....โอมนี่น่ารักจริงๆเลย ชอบมีอะไรมาเซอร์ไพรส์พี่เรื่อย...หึหึหึ”พี่ต่ายยังพูดไปหัวเราะไปครับ

“คืองี้.........คุณคมเค้ามาหาจะมาชวนไปทานข้าว”
ผมกำลังจะบอกว่าไม่ให้พี่ต่ายไปแต่พี่ต่ายพูดออกมาก่อนว่า
“ไปด้วยกันนะโอม...พี่จะคุยกับเค้าเรื่องงานใหม่ด้วย”
พี่ต่ายเอื้อมมือไปหยิบโคโลญ มาทาให้ผม เอาหวีมาหวีให้ผมด้วย ทาแป้งให้หน่อยนึงพอไม่ให้หน้ามัน หอมแก้มผม แล้วก็ตบแก้มผมเบาๆ ก่อนมองหน้าผมแล้วยิ้มๆ
“เอ้าหล่อล่ะ...ลงไปคุยเป็นเพื่อนเค้าก่อนเดี๋ยวพี่ไปแต่งตัวก่อน”แล้วพี่ต่ายก็เขม้นมองมาที่ปากผม
“เอ๊ะ แต่ปากเป็นอะไร...แพ้อะไรรึเปล่าทำไมวันนี้ดูเซ็กซี่เป็นพิเศษ”
พี่ต่ายยังมีหน้ามาถามผมอีกนะ แล้วเอานิ้วมาแตะๆจับๆดู
“ก็แพ้ปากพี่ไง...ทำแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก...งั่มม” ผมแกล้งกัดนิ้วพี่ต่ายซะเลยเบาๆ พี่ต่ายไม่ร้องอะไรแค่พูดว่า
“งั้นต้องถอนซิ...จะได้หายแพ้”

แล้วพี่ต่ายก็จูบปากผม แต่ไม่รู้ว่าถอนพิษหรือเพิ่มพิษก็ไม่รู้ครับ ผมว่ามันเจ่อกว่าเดิมอีกตอนที่พี่ต่ายกลับออกไป ผมต้องมาลูบหน้าลูบตาปรับอารมณ์ก่อนลงไปเจอพี่คม
“สวัสดีครับพี่คม...ขอโทษด้วยครับลงมาช้าไปหน่อยพอดีมันร้อนเลยอาบน้ำอยู่”
“ไม่เป็นไรพี่รอได้....โอมไม่ใส่หน้ากากแล้วก็น่ารักดี ดูยังเด็กอยู่เลย”
“พี่คมก็หล่อเหมือนกัน...แหะๆๆ”
เหมือนยังใส่หน้ากากกันอยู่เลยครับ ยอกันไปยอกันมา เฮ้อ..เมื่อไหร่พี่ต่ายจะลงมาซักที แต่พี่คมแกก็ชวนคุยดีครับ
“โอมเมื่อไหร่จะไปตรวจบริษัทพี่มั่งล่ะ”
“ผมอยู่คนละสายครับพี่....ไม่ได้อยู่สายพี่เพ็ญ”
พี่คมก็เลยพยักหน้า“อ๋อ...มิน่าพี่ไม่เคยเห็นโอมเลย”
“พี่คมกับพี่ต่ายนี่รุ่นเดียวกันไม๊ครับ”ผมเดาอายุไม่ถูก เพราะหน้าตาก็น่าจะพอๆกัน
“พี่เป็นรุ่นพี่คุณต่ายปีนึง....แต่ก็นับว่าใกล้เคียงนะ”อืมก็เป็นเพื่อนกันได้เลยล่ะ แล้วผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี เงียบไปซักพัก พี่คมชวนคุยอีก
“งานเมื่อวานสนุกไม๊โอม...ไม่น่ากลับกันก่อนเลย หลังจากนั้นเค้าเต้นกันต่อมันส์มาก”
“พอดีเหนื่อยนะครับ ทำงานเสร็จแล้วก็ไปเรียนต่อมาด้วย ก็เลยอยากพัก”
“เรียนต่อด้วยเหรอขยันจัง โทรึเปล่า”
“ไม่ใช่ครับ..เรียนประกาศนียบัตรชั้นสูงวิชาสอบบัญชี เรียนไว้เตรียมตัวสอบน่ะครับ”
“เหรอ....แล้วสอบผู้สอบเมื่อไหร่ล่ะ” ผมชักเหนื่อยเหมือนสอบสัมภาษณ์ยังไงไม่รู้
“ปีหน้าครับ...ตอนนี้ก็เริ่มๆอ่านหนังสืออยู่”
พอผมตอบไปเสร็จพี่ต่ายก็ลงมาพอดี หล่อมาแต่ไกลเลยครับ ขนาดพี่ต่ายใส่เสื้อลำลองแขนสั้นหลวมๆมีลายดอกไม้จางๆปล่อยชายกับกางเกงยีนธรรมดายังดูดีเลย คนอะไรไม่รู้ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด พอมาดูกันสามคนแล้ว เค้าจะนึกว่าผมเป็นคนขับรถไม๊เนี่ย
ตกลงเราไปรถพี่คมกันครับ พี่คมจะพาไปทานข้าวที่ไหนไม่รู้ผมก็ได้แต่ตามไปกินน่ะครับ ไม่จ่ายหรอก อ้อ...แล้วก็ไปสังเกตการณ์ด้วย ถึงพี่ต่ายจะยืนยันนั่งยันรวมทั้งนอนยันไปแล้วเมื่อเช้าว่าไม่มีอะไร แต่เราก็ไม่ควรปล่อยกระต่ายย่างไปไว้ตามลำพังกับเสืออย่างพี่คมใช่ไม๊ครับ
ผมก็นั่งฟังพี่เค้าคุยกันไปเรื่อยๆนะครับจนมาถึงร้านอาหารแถวซอยศาลายา ไปกินกันไกลเชียวครับ เป็นร้านอาหารที่จัดแบบไทยประยุกต์กับแบบโมเดิร์นน่ะครับ ด้านนอกมีหลังคาแบบศาลาไทย ด้านในตกแต่งแบบสมัยใหม่ทาสีส้มสด มีภาพเขียนสีน้ำมันประดับอยู่โดยรอบ ผมเปิดดูเมนูแล้วก็อืมม...ราคาค่อนข้างแพงเหมือนกัน แต่ดูจากแขกที่มาทานก็เป็นชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ก็คงสมกับระดับของลูกค้าละครับ
พี่คมเค้าดูดีมีชาติตระกูลมากเลยครับ อันนี้ไม่รวมเรื่องรถดาว 5 แฉกของแกนะครับ แต่ผมว่ากริยามารยาทการพูดคุยดูดีมากๆ ถ้ามาเทียบกับผมแล้วคงประมาณแมวเปอร์เซียกับปังคุงนะครับ พอคิดได้แบบนั้นผมก็หงอยไปในบัดดล
แต่ดีที่พี่ต่ายนั่งข้างเดียวกับผม พี่ต่ายจับมือผมไว้ตลอดถึงแม้ว่ามือของเราจะซุกอยู่แค่ใต้โต๊ะ เหมือนกับความรักของเราที่ไม่ได้เปิดเผยทั่วไป แต่อย่างน้อยมันก็แสดงว่าความรักของเรายังมีอยู่.....ผมรู้สึกได้

ระหว่างรออาหารพี่คมก็ถามพี่ต่ายเรื่องงานครับ ทำให้ผมต้องฟังไปด้วย
“คุณต่ายตัดสินใจได้หรือยังครับ...ผมจะได้ไปบอกนาย”ผมหันไปมองพี่ต่าย ตัดสินใจอะไรน่ะ สงสัย
พี่ต่ายพูดกับคุณคมแบบสบายๆครับ “ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ ขอถามคนที่บ้านก่อน...กลัวเค้าจะห่วงเพราะงานที่ทำตอนนี้ก็โอเคค่อนข้างดีอยู่แล้ว” ฟังแล้วก็ยังไม่ชัดเจนเลย
“แต่ผมก็รอนะ.....”
“เพราะกว่าเรื่องการดำเนินงานของบริษัทจะเรียบร้อยก็ปีหน้า แต่ผมอยากให้มาร่วมก่อนเริ่มทำงานกัน มันจะง่ายกว่า”
“ผมว่าออกมาเถอะ ทำงานที่บริษัทผมสบายกว่าอยู่บริษัทคุณเยอะจะได้มีเวลาไปเรียนโทด้วยไง”
พอผมฟังที่พี่คมพูดก็พอรู้แล้วครับ สรุปก็คือพี่คมจะดึงตัวพี่ต่ายไปทำงานด้วยน่ะเอง ผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง ผมมองพี่ต่ายก็ดูเฉยๆไม่แสดงออกว่าสนใจหรือไม่สนใจ
“ผมอยากให้คุณต่ายลองไปคุยดูก่อน ไปฟังscope ของงาน แล้วก็เรื่องเงินเดือนด้วย เรื่องความมั่นคงไม่ต้องห่วง บริษัทผมปึ๊กแค่ไหนคุณต่ายตรวจบัญชีอยู่ก็รู้ดี”
พี่ต่ายก็คงสนใจเหมือนกันครับ เป็นผมก็สนใจ “ก็ได้ครับ...งั้นคุณคมนัดให้ผมหน่อยแล้วกันว่าจะไปคุยวันไหนได้ ผมจะได้ลาหยุด”
“ดีครับดี แล้วผมจะบอกคุณต่ายอีกที”พี่คมยิ้มดีใจมากเลยครับ เลยอารมณ์ดีมาชวนผมคุยด้วย
“น้องโอมไม่เห็นค่อยคุยเลย เบื่อไม๊ครับ”
“ไม่เบื่อครับ ฟังเพลินไปเลย”ผมยิ้มให้พี่คม
“แต่ทำไมใครๆเค้าชอบมองเรา พี่คมรู้จักเหรอครับ”
เวลาไปไหนกับคนหน้าตาดีนี่ลำบากใจเหมือนกันครับ ไปไหนก็คนมอง ไอ้เราก็พลอยติดร่างแหความหล่อไปด้วย ก็ทั้งพี่คมพี่ต่ายแกเปล่งประกายออร่ามาเผื่อผมด้วย พี่คมหัวเราะ แล้วพูดด้วยความมั่นใจว่า
“หึหึ ไม่รู้จักหรอก เราสามคนคงน่าสนใจมั๊ง”
ผมก็พลอยยิ้มไปด้วย กำลังฟังเพลินๆครับ พี่คมก็ถามขึ้นมาว่า
“โอมมีแฟนหรือยัง” ผมสำลักน้ำเลยครับ

ดีที่ไม่พ่นพรวดออกมาให้ได้อาย แต่ก็ไออยู่พักใหญ่ หน้าก็ธรรมดาแล้วถ้ามารยาทแย่ จะทำให้คนที่มาด้วยเค้าอับอายน่ะครับ
“.......................” คิดไม่ทัน จะตอบไงดี เหมือนสมองเสื่อมไปพักใหญ่
ผมมองหน้าพี่ต่าย ถามในใจว่า -ตอบว่าไงดี -

ดูหน้าพี่ต่าย........ไม่บอกผมครับ สงสัยไม่มีคลื่น คงจะอยู่มุมอับสัญญาณ ผมขยับตัวหาคลื่นนิดนึง ท่าทางพี่ต่ายเริ่มรับสัญญาณได้ แต่ยังทำหน้าเป็นปริศนาอยู่
เอ๊ะหรือจะบอกว่า - คิดเอาเองซิโอมโตแล้วนะ ต้องตัดสินใจเอง –

ผมถามในใจไปอีกรอบ - งั้นผมบอกไปเลยนะว่าเป็นแฟนพี่ –
พี่ต่ายไม่บอกอีกล่ะ แต่ยิ้มหวาน - โอมบอกไปเลย –
- อย่าท้านะ - ผมส่งสายตาบอกไปอีก ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้ล่ะ พูดกันปรกติดีกว่ามั๊ง
แต่พี่คมคงรู้ว่าเราคุยกันทางโทรจิตน่ะครับ เลยหันไปถามพี่ต่ายแทน หน้าตาจริงจัง
“โอมเป็นแฟนต่ายหรือเปล่า.........”
ผมหุบปากเงียบ ตกใจกับคำถามนี้ ทำตาปริบๆ “..........................”

พี่คมมีเกย์ด้าแน่เลย สงสัยมีรุ่นใหม่ด้วย พยากรณ์แม่นยำ ครั้งเดียวโป๊ะเชะ หรือเป็นเทพธิดาพยากรณ์ 1911 อาชีพเสริม
พี่ต่ายซิครับตอบไปเลยมั่นใจสุดๆ “.......................ใช่ครับ”
คำเดียวเองครับง่ายๆสั้นๆ แต่ชัดสุดๆ เหมือนกับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวถูกแฮรี่ พอตเตอร์เสกเวทมนต์ให้หยุดนิ่ง

ถ้าใครทำเข็มตกซักเล่มก็คงได้ยิน แต่ผมน่ะเหมือนอย่างกับมีดนตรีรับตอนประกาศผลรางวัลออสก้า แต่น แตนแตนแต๊นนนนนน ผมเกือบเผลอลุกยืนโค้งคำนับให้ผู้ชมที่ปรบมือให้
+
+
+
แล้วก็.....เฮ้ยยยยย!!!!.....พี่ต่ายพูดอะไรออกไป ปลื้มก็ปลื้มนะ อายด้วย ความรู้สึกปนๆเปๆแยกไม่ออก ผมหน้าแดงสลับซีด

เหมือนทีวีเสื่อมสภาพ ส่วนพี่คมผมเดาใจแกไม่ถูก หน้าพี่คมเฉยมากๆ แต่ถ้าไม่ได้คิดไปเองผมว่าซีดไปเล็กน้อย แต่ก็ยังสงบนิ่งอยู่ ผมว่าพี่คมคงนึกไม่ถึงว่าพี่ต่ายจะตอบตรงๆแบบนี้ แล้วพี่คมก็ฝืนส่งยิ้มมาให้ผมแล้วบอกผมว่า
“พี่ดีใจด้วย...พี่ดูไม่ผิดจริงๆ” พี่คมแกเป็นพระรองหนังเกาหลีจริงๆครับ ตอนอกหักยังไม่วายหล่อ หล่อไม่สร่างจริงๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขำๆกันนะอย่าไปเศร้าเลย ยังมีรักรออยู่เสมอ (บอกตัวเองด้วยหุหุหุ)
