ขอเอามาลงต่อนะคะ
อย่าสับสนเรื่องชื่อคนแต่งคนเอามาลงเลย
เพราะคนแต่งเองก็สับสนมากพอแล้ว หุหุ
+++++++++++++++++++++
ตอนที่51 (ต่อ)
ถึงแม้แววตาบุ้งจะน่าสงสารขนาดไหน แต่พอผมฟังแล้วก็กลับมาโมโหอีกรอบ มีที่ไหนกันมาขอโอกาสจีบแฟนเค้า ใครจะไปยอมกัน เรียนจบทำงานแล้วแต่ทำไมยังมีความคิดแบบเด็กๆได้ ให้ผมเป็นบ้าก่อนผมคงยอมตามที่บุ้งขอ
“บุ้งมีโอกาสมาตลอดนะ มากกว่าพี่อีกด้วย บุ้งรู้จักโอมมาก่อนพี่ซะอีก แต่บุ้งก็ต้องรู้นะไอ้เรื่องของความรักเนี่ย ถ้ามันไม่ใช่แล้วละก็ เวลานานแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงมันก็ไม่ใช่”
“พี่ให้บุ้งคบกับโอมต่อในฐานะเพื่อนเท่านั้น แต่บุ้งจะคิดมากไปกว่านี้พี่ก็คงห้ามไม่ได้ พี่บอกได้แค่....ยังไงพี่ก็ไม่ปล่อยโอมให้ใครแน่ๆ”
บุ้งพยักหน้า แล้วคงกลัวผมโกรธ เลยยกมือไหว้ผม ดูๆไปก็น่ารักดีไอ้เด็กบ้าเอ๊ย เป็นน้องเป็นนุ่งคงโดนเตะตายไปแล้ว
“ผมขอโทษพี่ต่ายนะครับที่ผมไปทำแบบนั้นกับโอม ตอนนั้นผมทั้งเมา ทั้งกำลังเสียใจน่ะพี่ โอมมันโดนผมบังคับนะครับ”
พูดสารภาพบาบขนาดนี้แล้วผมจะใจดำไม่ให้อภัยได้ยังไง ยังไงบุ้งก็เป็นคนนึงที่รักและหวังดีกับโอม แต่เจ้าน้องตัวดีของผมนะซิ ป่านนี้ไม่รู้ร้องไห้น้ำท่วมกรุงเทพไปแล้วมั๊งไม่รู้ไปอยู่ไหน
“พี่ต่ายว่าโอมจะโกรธผมไม๊ มันจะยกโทษให้ผมไม๊ ทำไมต้องหนีกลับก่อนด้วย ผมไม่เข้าใจ”
แล้วบุ้งก็บ่นต่อไปเรื่อยๆครับ ก็คงกลัวโอมจะไม่ยอมคบเป็นเพื่อนอีก มือก็กดโทรศัพท์หาโอมแต่คงไม่ติด ผมน่ะรู้นิสัยโอมเป็นคนใจอ่อน เดี๋ยวหายงอนก็คงยอมยกโทษให้เอง แต่โกรธนานๆหน่อยก็ดีวันหลังจะได้ไม่กล้าทำแบบนี้อีก
“บุ้งกลับกรุงเทพฯด้วยกันไม๊ล่ะ แล้วมีอะไรยังไงเราคุยกันต่อในรถ” ผมมันคนใจอ่อนครับ คิดซะว่าเป็นน้องอีกคนแล้วกัน ผมว่าบุ้งก็นิสัยตรงไปตรงมาดีนะครับ
“ครับพี่ ผมขอไปขอโทษโอมได้ไม๊ พี่จะว่าอะไรไม๊” บุ้งกังวลกลัวโอมโกรธมากๆเลยครับ ผมนึกขำในใจ
“ก็ได้ แล้วคุยกันให้ชัดเลยนะ อย่าไปคุยกันลับหลังพี่” จะมีใครใจดีไปกว่าผมไม๊นะ
ผมกับบุ้งไปลาป๋ากับแม่โอมแล้วขอตัวกลับ ท่านก็ให้ศีลให้พรจนผมปลื้มใจที่พวกท่านเอ็นดูผมเหมือนลูกจริงๆ
“ต่ายเดินทางปลอดภัยนะลูก แล้วปีใหม่ก็ขอให้เจริญในหน้าที่การงาน แล้วก็แต่งงานเมื่อไหร่อย่าลืมบอกแม่ล่ะ”
แต่พอฟังประโยคสุดท้ายผมกลับรู้สึกผิดต่อพวกท่านมากมาย เหมือนผมกำลังโกหกพ่อแม่ที่ผมเคารพ ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่าผมจะไม่ทำให้ลูกของแม่ต้องเสียใจ แล้ววันนึงผมจะบอกกับป๋าแม่ด้วยตัวเองเรื่องของผมกับโอม
ระหว่างนั่งรถกลับก็มีโทรศัพท์เข้ามาครับ ผมดูชื่อสายเข้าแล้วก็งงนิดหน่อย
“สวัสดีครับคุณคมว่าไงครับ”
“คุณต่าย สวัสดีปีใหม่ครับ อยู่ไหนครับเนี่ย”เสียงคุณคมดูร่าเริงมากเลยครับ
“ผมอยู่ต่างจังหวัดครับ สวัสดีปีใหม่ครับ มีความสุขมากๆนะครับ”
“ผมจะมีความสุขมากๆเลยถ้าได้เจอหน้าคุณต่ายทุกวัน ปีหน้าผมคงสมหวัง หึหึหึ”
:haun5:ผมฟังแล้วก็ขำ คุณคมเนี่ยแกหยอดมาทุกปี ขนาดผมมีแฟนเปิดเผยแล้วก็ยังไม่วาย ผมฟังจนชินแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย
“เงียบไปเลยนะคุณต่าย เจอผมจีบหน่อยเขินเหรอ”เสียงคุณคมหัวเราะร่ามาเลย
“ผมกำลังขำน่ะครับ คุณคมชอบพูดเล่นเรื่อย”
“ใครว่าผมพุดเล่น ผมพูดจริงทุกครั้งนะ”
ผมฟังแล้วชักเบื่อ น่ากลัวเหมือนกันแฮะ ไอ้พูดทีเล่นทีจริงแบบนี้ อีกหน่อยทำงานด้วยกันทุกวันจะเป็นยังไง มิต้องมานั่งฟังคำพูดแบบนี้ทั้งวันเหรอ
“ผมขอตัวก่อนนะคุณคม พอดีจะไปลาผู้ใหญ่กลับกรุงเทพฯ”
ตอนนี้ผมอยากวางสายแล้ว เลยพยายามส่งสัญญาณให้คุณคมรู้ตัว แต่เหมือนยังไม่ตรงกับเจตนาที่โทรมา
เสียงคุณคมดูมีความสุขมากจริงๆ “คุณต่ายผมเจอน้องโอมด้วยนะ ทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ”
อ้าวไปเจอที่ไหนกันล่ะเนี่ย ไปเจอกันได้ยังไง
“เจอที่ไหนครับ พอดีเลิกงานไม่พร้อมกันเลยไม่ได้มาด้วยกัน”
“เจอที่โรงหนังมากับสาวสวยซะด้วยนะ”
พอคุณคมพูดแค่นั้นวูบแรกผมหึงเอามากๆอยากรู้ว่าไปกับใคร
มือกำโทรศัพท์แน่นไปเองโดยอัตโนมัติ หลบจากกิ๊กทางนี้ไปมีกิ๊กทางนู้นรึไง แต่ลองฟังคุณคมพูดก่อน
“เดี๋ยวผมส่งรูปไปให้ดูนะครับ”
คุณคมผู้หวังดีแต่ประสงค์ไม่ค่อยดีเสนอตัวเป็นปาปารัซซีสมัครเล่นซะแล้ว แต่พอผมหยุดคิดนิดนึง มันก็ไม่น่าจะมีใครตอนนี้โอมสนิทกับติงคนเดียว ผมคงต้องวัดดวงเอาว่าผมจะเดาถูกไม๊
“ไม่ต้องก็ได้ครับเค้าไปกับเพื่อนเค้าน่ะ โอมเค้าโทรบอกผมแล้ว สูงๆขาวๆสวยๆใช่ไม๊ล่ะ น้องติงน่ะเพื่อนที่ทำงานสายโอมเค้า” ผมก็เดาเอานะครับแต่คงจะเดาถูก คุณคมเงียบไปพักนึง
“อ้าวเหรอ แหมงั้นแผนตีหัวแล้วแย่งเอาแฟนเค้ามาของผมก็ไม่สำเร็จซิ อุตส่าห์นึกว่าโชคดีแล้วเชียว หึๆ”
คุณคมนี่พูดตรงเกินไปรึเปล่าไม่รู้ซิ จนทำให้ผมหนาวกว่าเดิม ผมเลยต้องย้ำไปอีกที
“คุณคมก็รู้ยังไงผมก็รักโอมไม่ต้องมาล้อเล่นหรอกครับ แค่นี้นะครับแล้วค่อยคุยกันที่ทำงาน”
แล้วผมก็กดวางสายไปเลย ไม่ทันได้ฟังคุณคมพูดอะไรอีก บุ้งนั่งอยู่ข้างๆคงไม่รู้เรื่องอะไร แต่พอได้ยินผมพูดถึงโอมก็เลยถามขึ้นมา
“พี่ต่ายคุยกะใครน่ะเสียงดุจัง แล้วโอมอยู่ไหนพี่”
“พี่คุยกะลูกค้าน่ะพอดีเค้าไปเจอโอมที่โรงหนังกับเพื่อน”
ผมอดโมโหคุณคมไม่ได้ แล้วก็พาลโมโหไปที่โอมด้วย หนีผมไปแล้วก็ไปดูหนังกับสาวมันน่าจับตีซะให้เข็ดอย่างนี้ต้องแกล้งให้หนักๆเลย ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะแกล้งยังไงดี บุ้งก็ถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้
“โอมไปกับใครน่ะพี่ต่าย”บุ้งไม่ได้สนใจเลยว่าผมอยู่ในอารมณ์ที่จะตอบรึเปล่า
“ไปกับใครนะ”บุ้งก็ถามผมอยู่นั่นแหล่ะ
“ไปกับติง...เพื่อนเค้าน่ะ” ผมเลยชักเซ็งไม่อยากกลับบ้านกลับไปก็ไม่เจอเจ้าตัวดี แล้วไม่รู้นึกยังไงผมเลยชวนบุ้งไปดูหนัง
“บุ้งไปดูหนังกับพี่ไม๊”บุ้งหันมามองหน้าผมเหมือนผีหลอก ทำตาโตเชียว น่าเอ็นดู หึหึหึ
“พี่ต่าย...นึกยังไงพี่”บุ้งถามผมอย่างกับว่าผมทำสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ขำดี แกล้งโอมไม่ได้แกล้งบุ้งดีกว่า แก้เบื่อ
“ก็ทำไมล่ะ โอมเค้าก็ไปเที่ยวกับสาวแล้ว ทิ้งเราสองคน เราก็ไปเที่ยวกันมั่งซิ”
ผมหันมายิ้มให้กับบุ้ง บุ้งอ้าปากค้างหน้าแดง ผมเห็นแล้วก็ขำ บุ้งขี้อายพอๆกับโอมเลย สมกับเป็นเพื่อนกันจริงๆ
“พี่เห็นว่างๆ กลับไปก็ไม่เจอโอมหรอก ไม่ไปก็ได้นะพี่ไม่ได้บังคับซักหน่อย”
บุ้งทำท่าลังเลว่าจะเอายังไงดี ผมเองก็ไม่ได้อยากดูหนังหรอกแต่กลับไปก็ไม่เจอโอม เลยอยากหาอะไรทำฆ่าเวลา
“ไปก็ได้พี่ต่าย”
บุ้งทำท่าเหมือนตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต ผมอดจะอมยิ้มไม่ได้ แต่พอหันไปเห็นหน้าบุ้งที่ทำหน้าไม่ค่อยแน่ใจ เลยต้องหุบยิ้มกลัวจะเข้าใจเลยเถิดไปกันใหญ่
ไม่รู้คิดถูกหรือเปล่าชวนบุ้งไป เปลี่ยนใจล่ะ เอางี้ดีกว่า
“บุ้งลองโทรหาโอมซิว่าอยู่ที่ไหน เราตามไปเจอดีกว่า แต่ไม่ต้องบอกนะว่าพี่ไปด้วย”
“จะดีเหรอพี่ต่าย แล้วโอมเค้าจะยอมเจอผมเหรอ”
บุ้งถามผมแบบนี้แต่มือนะกดโทรไปแล้ว ไอ้พวกปากไม่ตรงกับใจ กลัวๆกล้าอยู่นั่นแหล่ะ
“ติดแล้วพี่.....โอมเปิดเครื่องแล้ว”บุ้งทำหน้าดีใจเหมือนเจอตังค์ 20 บาทที่ใครทำหล่นนะครับ
“โอมๆๆๆ ....เอ่อ..กรู...เอง”
ผมฟังบุ้งพูดแล้วก็ขำเหมือนคนสติแตก โอมนี่เค้าเก่งเรื่องที่ทำให้ใจคนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจริงๆ ผมหมายถึงตัวเองด้วยนะครับ หึหึ
“ดูหนังเหรอ...ที่ไหนล่ะจะไปหา”
“ให้กรูไปเหอะ..กรูอยากเคลียร์”
“ได้....ออกมาแล้วเจอกันนะ”
“โอมเค้ายอมคุยกับผมแล้วพี่”
คราวนี้ทำท่าเหมือนเก็บแบงค์ 100ได้ครับ ยิ้มหน้าบานได้แล้ว
“ก็ดีแล้วนี่ คุยกันให้รู้เรื่องนะ แค่เพื่อนนะเข้าใจไม๊”
ผมย้ำกับบุ้งอีกที ไม่อยากมาทะเลาะกับโอมอีกแล้วเรื่องบุ้ง เวลาเราโกรธกับใครก็ตามมันไม่ดีเลยครับเสียสุขภาพจิต โดยเฉพาะกับคนที่เรารัก บุ้งก็พยักหน้าตอบผมแบบหงอยๆ คงพยายามตัดใจได้ซักที
“ครับพี่ต่าย”
พอไปถึงที่ห้างสรรพสินค้าที่โอมนัด ผมก็ทิ้งบุ้งไว้ที่นั่นแล้วแยกตัวไปเดินที่อื่นก่อน แต่ไม่ลืมบอกบุ้งว่า
“บุ้งไปคุยที่ไหนกับโอมแล้วโทรบอกพี่นะ แล้วคุยเสร็จกดหาพี่ทีนึงแล้วพี่จะเข้าไปหาเอง แล้วอย่าบอกโอมล่ะ ไม่งั้นพี่ห้ามเจอโอมอีกจริงๆด้วย”
เด็กพวกนี้ต้องทั้งขู่ทั้งปลอบครับ เป็นวิธีของผมเองใช้กับน้องๆที่ทำงานบ่อยๆค่อนข้างได้ผลครับใครจะหาว่าเป็นจอมวางแผนก็ยอม แต่ผมเรียกแบบเข้าข้างตัวเองว่าเป็นวิธีเชิงจิตวิทยามากกว่าครับ
พอแยกจากกันกับบุ้ง ผมก็ไปหาซื้อของใช้เข้าบ้านครับ กะว่ายังไงวันนี้ขออยู่บ้านจัดการกับเจ้าน้องตัวดีของผม ต้องเอาซะให้เข็ดครับ น้องโอมที่รัก............ของพี่ต่าย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เล้าปิดหลายวัน แต่มัวไปคุยกับเพื่อนๆน้องๆ แต่งไปไม่คืบหน้าเลย