ตอนที่ 52“มิคยังไม่อยากกลับเลยอยากเที่ยวต่ออ่ะ” เสียงหวานของคนน่ารักดังขึ้นขณะที่ทุกคนมานั่งรวมตัวกันทานข้าวเช้าก่อนออกจากรีสอร์ท
“มิคก็ให้ไอ้ฟินพามาอีกซิครับ ที่สำคัญอย่าลืมชวนพวกเราด้วย อ้อ ถ้าให้ดีให้ไอ้ฟินมันเป็นคนจ่ายแบบทริปนี้ด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ” เสียงกวนของไอ้ตี๋หล่อดังขึ้นก่อนที่ผมจะเอ่ยกับคนรักของตัวเอง ส่วนเพื่อนคนอื่นนั่งยิ้มๆรอฟังการปะทะคารมระหว่างเพื่อนรัก
“มิคครับเดี๋ยวถ้าว่างฟินพามาดำน้ำอีกแน่ๆเปลี่ยนที่ไปที่อื่นบ้างก็ยังได้ ส่วนมึงไอ้ธีหวังของฟรีจากกูตลอดๆทั้งๆที่มี ‘ผัว’ เอ๊ย ‘แฟน’ รวยๆอย่างหมอเจ้าของโรงพยาบาลแบบพี่ภีมก็ให้พี่เค้าเลี้ยงมึงสิวะ พี่เค้าเต็มใจเลี้ยงมึงตลอดชีวิตอยู่แล้ว จริงมั้ยครับพี่ ฮ่าๆๆๆ เฮ้ยยยย เกือบโดนมิคเลยมึง เดี๊ยะๆ พี่ภีมจับมันไว้ครับ”
“ไอ้เชี่ยฟิน ปากหมาแบบมึง อย่าอยู่เลย อ๊ากกกกก เฮียจับไว้ไมวะ ปล่อยยยย” ตี๋คลั่ง(รัก)โดนล็อคตัวจากหมอหนุ่มหล่อที่นั่งข้างๆ ทำให้คนที่ยั่วกลับและสามารถเอาคืนเพื่อนตี๋ได้อย่างสาสมแบบผมนั่งหัวเราะตัวกระเพื่อมอย่างได้ใจ
“โอ๊ยยยย มิคครับ ฟินเจ็บนะ” เสียงร้องเจ็บปวดของผมดังขึ้นเพราะแรงบิดที่สีข้างจากมือขาวของมิค แต่ขอผมแสดงท่าเจ็บโอเวอร์เกินจริงสักนิดเถอะครับ เพราะหวังเรียกคะแนนสงสารจากคนน่ารักแต่ใจร้าย
“ฟินเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้ ไปพูดเรื่องจริงแบบนั้นธีก็เขินแย่ซิ คิกๆๆ” คนน่ารักแกล้งทำหน้าดุดันต่อว่าผม ก่อนที่มิคจะหันไปทางไอ้ตี๋ธีที่กำลังทำหน้าสะใจที่เห็นผมเจ็บตัว แต่มันต้องเปลี่ยนเป็นนั่งเอ๋อเมื่อโดนล้อเลียนจากมิคซะเอง
“ฮ่าๆๆ / ฮิ้ววว มิคสุดยอดที่รัก / คิกๆๆ / ฮึๆๆ” ทุกเสียงต่างแสดงออกถึงความรักที่มีต่อเพื่อนตี๋ตัวกวน
ทำเอาบรรยากาศยามเช้าที่เงื่องหงอยของใครหลายๆคนโดยเฉพาะคนน่ารักข้างกายผม เปลี่ยนเป็นสนุกสนานมีเสียงหัวเราะก้องกังวาลขึ้นมาทันตา เมื่อผ่านอาหารมื้อเช้าพร้อมการหยอกล้อพอหอมปากหอมคอแล้ว พวกเราจึงช่วยกันขนของขึ้นรถตู้ที่จอดรอหน้ารีสอร์ทเพื่อพาพวกเราเดินทางไปไหว้พระที่วัดหาดใหญ่กันก่อนกลับ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดประจำเมืองหาดใหญ่มีพระนอนที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก คือ ‘พระพุทธมหัตตมงคล’ พวกเราเข้ากราบสักการะขอพรท่านกันก่อน และออกเดินเก็บภาพบรรยากาศร่มรื่นภายในตัววัดซึ่งมีเหล่าพุทธศาสนิกชนมากมายเข้าชมวัดแห่งนี้ ก่อนพากันขึ้นรถเพื่อไปช็อปปิ้งกันที่ตลาด ‘กิมหยง’ ซึ่งเป็นที่ถูกใจของบรรดาคนน่ารักทั้งหลาย เมื่อมาถึงพวกผมต้องเร่งฝีเท้าตามเหล่านักช็อปตัวน้อยที่ไม่สนใจแฟนตัวเองแต่กลับตรงดิ่งเข้าหาร้านขนมของฝาก บรรดาช็อกโกแลต เกาลัด คุกกี้ มันฝรั่งแผ่นกรอบ หรือแม้แต่น้ำลูกพรุน ถูกเหมาเรียบ โดยไม่คิดเห็นใจคนถือของแบบพวกผมกันเลยครับ
“ฟิน มิครู้นะจะพูดอะไร อย่าบ่นให้ได้ยิน เนี่ยมิคก็ซื้อฝากทุกคนที่กรุงเทพฯ ของฟินก็อยู่ในนั้นด้วย” คนน่ารักเงยหน้าส่งสายตาแวววาวอย่างเอาเรื่องเมื่อเหลือบเห็นสายตาคนถือของแบบผมเข้า ความจริงผมไม่กล้าเอ่ยห้ามอยู่แล้วครับจะซื้อเท่าไหร่เต็มที่เลยแถมผมออกเงินให้อีกต่างหาก
“โธ่ มิคครับฟินไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย แค่จะบอกว่าอย่าลืมของฝากของเพื่อนๆกับอาจารย์ที่ปรึกษาเท่านั้นเอ๊งงง” แก้ตัวเพื่อเอาตัวรอดและเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ผมจึงต้องยกเพื่อนและอาจารย์ที่คณะของคนรักขึ้นมาเป็นตัวช่วย
“อ๊ะ จริงด้วยดีนะที่ฟินเตือนไม่งั้นที่ซื้อไปไม่พอแน่ๆเลย” มิคส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนหันกลับไปเลือกของเพิ่ม
“ฟู่ๆๆ เกือบไปแล้วกู” ผมมองตามแผ่นหลังบางที่หันหลังเดินกลับไปเลือกขนมของฝากต่อ
“สภาพกูกับพวกมึงนี่ไม่ต่างกันเลยว่ะ ฮึๆๆ” เสียงนิ่งของไอ้ปรัชที่ยืนถือของเต็มมือไม่ต่างจากผมดังขึ้น และมันก็ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะในคออย่างปลดปลง
สภาพของผม ไอ้ปรัช ไอ้วินนั้นไม่ต่างกันเลยครับ เป็นภาพของหนุ่มหล่อสามสไตล์ถือของเต็มมือยืนรอแฟนซื้อของไม่มีสิทธิ์ห้ามและไม่คิดจะห้าม ผมก้มมองตัวเองและหันไปมองเพื่อนอีกสองคน ก่อนพวกเราจะมองหน้ากันเองและอดจะหัวเราะกันและกันไม่ได้เพราะขำสภาพพะรุงพะรังของตัวเองกันครับ ส่วนหญิงมนถึงแม้จะเป็นสาวห้าวแต่นิสัยผู้หญิงก็ยังมีอยู่เพราะตอนนี้กำลังเลือกซื้อของไปฝากครอบครัวแต่ไม่ได้มากมายเท่าคนตัวเล็กแต่พลังช็อปกลับสวนทางกับขนาดตัว คู่ไอ้ธีกับพี่หมอภีมสองคนขอแยกตัวไปนั่งรอที่ร้านน้ำชาใกล้ทางออกหลังซื้อของฝากให้ที่บ้านนิดหน่อยก็แล้วเดินดูของจนเมื่อยก็แล้วแต่บรรดาคนตัวเล็กเค้าก็ยังเลือกขนมไม่เสร็จสักที ไอ้ธีมันขี้เกียจยืนรอจึงพาพี่ภีมไปนั่งจิบน้ำชาสวีทกันสองคนแทน
จวบจนนักช็อปเค้าพอใจกับภูเขาขนมแล้วนั่นแหละครับ พวกเราจึงได้เวลาไปหาของทานกลางวันกัน ซึ่งได้พี่คนขับรถตู้เค้าแนะนำร้านติ่มซำชื่อดังที่มีของนึ่งหลากหลายอย่างกินพร้อมกาแฟร้อนหรือโอวัลตินร้อนก็ได้ และร้านนี้ก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังติ่มซำที่สั่งนั้นอร่อยทุกอย่างเลยครับ มิคคีบติ่มซำเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ยแบบไม่มีวางตะเกียบให้เสียเวลา เห็นที่รักทานได้แบบนี้ผมก็เอาใจโดยการสั่งเพิ่มจนเข่งติ่มซำสูงท่วมหัว
“โอ้โห ทั้งหมดนี่ของโต๊ะเราเหรอ” คนกินเก่งหันมามองเข่งติ่มซำตาโต
“ใช่สิมิค ในนี้ของมิคกว่าครึ่งเลยล่ะ ฮิๆๆ” กัสแซวมิคขำๆ จนมิคยิ้มแหยก่อนหันมาทางผมแบบหาคนช่วย
“ไม่เป็นไรครับมิค ยังไงมื้อนี้ฟินเป็นเจ้ามือใครกล้าว่ามิค ฟินจะให้จ่ายเอง ฮึๆๆ” ผมโอบไหล่บางออกแรงโยกตัวคนน่ารักเพื่อปลอบใจ
“ฮึๆ ไม่ค่อยโอ๋เอาใจแฟนตัวเองเลยนะมึงน่ะ” ไอ้วินมันผลักไหล่ผมเบาๆอย่างหมั่นไส้ ผมยิ้มกวนๆยักไหล่ส่งไปให้มันแทนแบบไม่แคร์ที่มันกัดผม ทั้งๆที่ตัวมันเองก็ไม่ได้ต่างจากผมเลยครับ โอ๋กัสจนกัสเป็นเทวดาตัวน้อยๆของมันไปแล้ว
“อ้าวกูทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับกัสและมายต่างหาก ว่ากูจะ ‘ดูแลมิคเอาใจมิคอย่างเจ้าชายน้อยๆ’ กูคนรักษาสัญญาโว้ย”
หลังคำพูดผมมิคก็ยิ้มกว้างยักคิ้วส่งไปให้ทุกคนรอบโต๊ะ ทำให้สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนออกมาได้กับท่าทางกวนๆจากเจ้าชายองค์น้อยที่น่ารักของผม เมื่ออิ่มหนำกับอาหารกลางวันกันแล้วเราก็ตรงไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องในช่วงบ่าย ก่อนจะโหลดกระเป๋าลงเครื่องผมต้องมานั่งแพ็คของฝากที่เพิ่งซื้อมาลงกระเป๋าเดินทางซึ่งเนื้อที่กระเป๋าไม่พอจนต้องหอบหิ้วบางส่วนถือขึ้นเครื่องเองด้วย ผมยอมหอบหิ้วถุงขนมใบใหญ่ไว้เองปล่อยให้คนน่ารักเดินสบายๆไปครับ มิคยิ้มอ้อนเอาใจมาให้ผมเมื่อเห็นผมต้องเป็นคนหอบถุงใบใหญ่ที่เจ้าตัวเป็นต้นเหตุ
“ไม่เป็นไรครับ ฟินถือได้ขอแค่มิคพอใจจะซื้อมากกว่านี้ยังได้เลยครับ ฟินยอม” ผมอ้อนมิคกลับทำเอาคนน่ารักที่ได้ฟังยิ้มปากกว้างตาปิดออกมาอย่างถูกใจ
พวกเราเดินเข้าเกทเพื่อรอขึ้นเครื่องและตลอดทางคนน่ารักเกาะแขนผมแจไม่ยอมปล่อยเลย ทำเอาไอ้ธีมันแซวมิคไม่หยุดแต่คนน่ารักเค้าก็ไม่สนใจยังคงเกาะแขนผมอยู่และส่งยิ้มร้ายแลบลิ้นใส่ไอ้ธีไปครับ ทำเอาผมปลื้มใจเดินตัวลอยไปตลอดทาง พอเราขึ้นเครื่องนั่งกันเรียบร้อยแล้วมิคก็หลับซบอกผมไปตลอดการเดินทางเลยครับ คนน่ารักคงหมดแรงเพราะเหนื่อยจัดกับมหกรรมช็อปปิ้งครั้งนี้ มันเลยง่ายที่ผมจะแอบหากำไรเล็กๆน้อยๆกับแฟนตัวเอง ก็แฟนผมนั้นน่ารักทั้งนุ่มทั้งหอมทั้งตัวนี่ครับผมจะอดใจไหวได้ยังไงกัน
........................................................
“มิค ลูกซื้อขนมมาเยอะแยะแบบนี้จะกินหมดเหรอจ๊ะ ดูซิฟินก็ไม่รู้จักห้ามเด็กไม่รู้จักโตเลย หอบกันมาหมดได้ยังไงเนี่ย แม่ล่ะสงสัยซะจริง เฮ้อออ ลูกชั้น”
คุณแม่ยายที่น่ารักรื้อถุงนั้นถุงนี้ไม่หยุดแต่ก็บ่นลูกชายตัวเองไปด้วย คนโดนบ่นนั่งยิ้มแหยอยู่ข้างๆผมนี่แหละครับ ดูท่าจะเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาแล้ว ผมเอื้อมมือลูบหัวทุยก่อนส่งยิ้มปลอบใจไปให้คนน่ารักจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดมากนัก
“เอ่อ แม่ครับผมให้มิคซื้อเองแหละครับ เดี๋ยวซื้อมาไม่พอคนทางนี้จะน้อยใจเอาได้” ผมส่งยิ้มอ้อนให้คุณแม่ยาย ท่านก็ส่ายหน้ายิ้มๆมองผมสลับกับลูกชายตัวเอง
“หน้าหงอยเชียวลูกชั้น แม่ไม่ว่า ‘พี่มิคของฟิน’ แล้วก็ได้ ไหนๆก็ยกให้แล้วนี่เนอะ ฮิๆๆ” คุณแม่ยายยิ้มสวยพูดได้โดนใจลูกเขยแบบผมมากเลยครับ จนอยากจะเข้าไปหอมแก้มท่านสักฟอดใหญ่แต่เกรงใจคุณพ่อตาที่นั่งเงียบๆอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้ๆกัน
“แม่อ่ะ” ลูกชายคนโตของบ้านหน้าแดงปากยื่นเรียกแม่ตัวเองเสียงแผ่ว
ผมรู้ตัวเลยว่าตัวเองยิ้มกว้างมากจนเริ่มรู้สึกเมื่อยแก้มแต่มันหยุดไม่ได้จริงๆครับ จนคุณพ่อตาเงยหน้าขึ้นมาปรามผมเลยส่งยิ้มแหยๆไปให้ท่าน อดเกรงใจท่านไม่ได้ครับแม้ท่านไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาก็ตาม
“วันนี้นอนที่นี่กันใช่มั้ยลูก งั้นไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเดี๋ยวถึงเวลาค่อยลงมาทานข้าวกันนะจ๊ะ”
ผมจึงเดินตามคนน่ารักขึ้นบันไดมาจนถึงห้องนอนของมิค ก่อนจะผลัดกันอาบน้ำแล้วก็ได้มานอนกอดกันอยู่บนเตียง
“พรุ่งนี้ฟินรีบไปส่งมิคที่มหา’ลัยก่อนเวลาหน่อยนะ มิคจะรีบไปหาอาจารย์ไม่รู้ว่างานที่ส่งไปจะผ่านมั้ย อืม!ใช่ เตือนมิคเอาขนมไปฝากอาจารย์ด้วยนะ เผื่อท่านจะใจอ่อนเนอะ ฮิๆๆ” มิคเงยหน้าจากอกผมมาหัวเราะตาปิด
ผมที่ได้มองระยะประชิดตาพร่าเบลอและเหมือนมีแรงดึงดูดให้ผมก้มจูบปากแดงที่เผยอกว้างเก็บกลืนเสียงหัวเราะใสไว้กับตัว ร่างบางใต้ร่างหน้าแดงนอนหอบหลังจากจูบมาราธอนที่ผมเป็นคนหยิบยื่นให้ ผมเอื้อมมือเสยผมยุ่งให้เข้าที่ก่อนก้มจูบริมฝีปากแดงฉ่ำอีกหนึ่งทีและขบเม้มกลีบปากล่างเบาๆอย่างมันเขี้ยว
“มิคครับรีบจบนะครับ ฟินจะได้รับมิคไปอยู่ด้วยกันซะที” ผมสบสายตาฉ่ำเยิ้มที่ยังมีอารมณ์หวามจากรสจูบที่เพิ่งผ่านพ้น
“ตอนนี้มิคก็แทบไม่ได้ห่างจากฟินเลยนะ” เสียงแผ่วหวานกระซิบชิดริมฝีปากของผม
“สำหรับฟินได้จากมิคเท่าไหร่เหมือนมันไม่เคยพอ อยากจะกลืนกินมิคไว้ทั้งตัวไม่ให้ไปไหนด้วยซ้ำ” ปากแดงฉ่ำคลี่ยิ้มหวาน มือบางลูบไล้ต้นคอหนาแผ่วเบาอ่อนโยน
“หลงมิคมากเลยนะเนี่ย คิกๆ ให้เป็นแบบนี้ไปตลอดนะฟิน ถ้าวันหนึ่งฟินเปลี่ยนใจมิคก็ไม่รู้จะทำยังไง” เสียงหวานแผ่วลงสายตาเศร้าจนคนมองแบบผมใจหาย
“ชู่ว์ๆๆๆ ไม่เอาครับไม่ทำหน้าแบบนี้ ฟินหลงรักมิคจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วครับ จะมีวันนั้นได้ยังไง หืมมม ตลอดมาฟินไม่ได้ทำให้มิคมั่นใจในตัวฟินอีกเหรอครับที่รัก ว่า ‘ฟินรักมิค’ ได้คนเดียว” ผมจรดหน้าผากกับหน้าผากมนของคนรักที่คลี่ยิ้มหวานน้ำตาคลอ
“มิครับรู้ได้ว่าฟินทำเพื่อมิคมากแค่ไหน มากซะจนมิคกลัว กลัวว่าวันหนึ่งไม่มีฟินมิคจะอยู่ไม่ได้ เพราะฟินนั่นแหละมิคเลยเคยตัวแบบนี้” ใบหน้าหวานเริ่มบึ้งคิ้วขมวดปากยื่นอย่างคนโดนขัดใจ ผมจุ๊บปากยื่นๆของคนใต้ร่างก่อนฟัดแก้มกลมทั้งสองข้าง
“ฮึๆ มิคไม่ต้องกลัวเพราะจะไม่มีวันนั้น มิคต้องอยู่คู่กับฟินเท่านั้นครับ ฟินดีใจนะเนี่ยที่ทำให้มิคขาดฟินไม่ได้” ผมรวบกอดร่างบางเข้าหาอกก่อนซบหน้าไปที่ซอกคอหอมกรุ่น พลิกร่างบางให้มานอนเกยทับบนร่างผมทั้งตัว
“ฟินใจเต้นแรงจัง ฮิๆ” เสียงหวานดังขึ้นจากอกแกร่ง
“ใจฟินเต้นแรงเพราะมิคนะครับ มันคงอยากให้มิครู้ว่าเจ้าของหัวใจดวงนี้มีแต่มิคเท่านั้นที่จะครอบครองได้แต่ผู้เดียว” หมดคำพูดหวานเลี่ยนของผม มิคหัวเราะก้องเงยหน้าแดงๆขึ้นจากอก
“ฟินคิดได้ไงเนี่ย เลี่ยนมากกกก ฮ่าๆๆ” คนน่ารักหัวเราะปากกว้าง จนคนที่เห็นอดใจไม่ไหวกอดรัดร่างบางแน่นอย่างมันเขี้ยวก่อนจูบกระหม่อมของคนรักไปหลายฟอด
“ฮ่าๆๆ ว่าฟินเลี่ยนเหรอครับ ก็เลี่ยนกับมิคคนเดียวนี่แหละรู้ไว้ซะ”
“ก็ลองไปทำเลี่ยนกับคนอื่นซิ คอยดูเถอะ ชิ”
ตาต่อตานิ่งนาน ด้วยแววตาหวานละมุนของเราสื่อความหมายให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า ‘รัก’ ไม่ต่างกัน ริมฝีปากสีสดฉ่ำแดงเคลื่อนเข้าหาปากหนา เมื่อริมฝีปากบรรจบกันต่างฝ่ายต่างถ่ายทอดความรักผ่านทางรอยจูบให้อีกฝ่ายรับรู้เพื่อยืนยันคำพูดแทนคำว่า ‘รัก’
....................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
จบทริปทะเลหวานมาต่อบนเตียงด้วยบทรักหวาน(เลี่ยน)
ก่อนจะปิดฉากกับบทสรุปความรักของทั้งคู่ในตอนสุดท้าย
ซึ่งใครที่อยากร่วมงานแต่งของมิคฟินเชิญล่วงหน้าแล้วนะคะ^^
เจอทั้งคู่ได้วันจันทร์น้า
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์เหมือนเช่นเคยค่ะ และขอบคุณทุกท่านที่ช่วยคิดชื่อเรื่องใหม่
คู่ธีภีมนะคะ จะขอประมวลความคิดนิดนึงแล้วแจ้งตอนหน้าว่าได้ชื่ออะไร

และ

ทุกท่านที่ติดตามค่ะ