...อ้อมกอดเด็กช่าง(Drama story)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...อ้อมกอดเด็กช่าง(Drama story)  (อ่าน 1120268 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
นึกว่าแก้วจะเขว
ไปกับพงษ์ซะแล้ว o13

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขอโทษนะพี่พงษ์ที่เข้าใจพี่ผิด ก็อิฝิ่นนะสิมันบิ้วซะ โทษมันเลย อิอิ
แหม...แก้วน่ารักจริง จริ๊ง
สรุป เราต้องปล่อยพงษ์ให้ไปสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อไป

ออฟไลน์ Satanza321

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 671
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
ตอนแรกนึกว่าจะมีเรื่องกันซะแล้ว  :เฮ้อ:
พงษ์นายเป็นพี่ชายที่แสนดีเลยนะ
รักกันให้มากๆนะ ฝิ่นแก้ว ^ ^

ออฟไลน์ honeyhoon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่แล้วทำใจหายใจคว่ำหมดเลย :sad4:ดีใจที่พงษ์ไม่ได้คิดรัยกับลูกแก้ว :pig4:รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
ฝิ่นมันน่ารักว่ะ  :impress2:

 :pig4: นะคะ

ออฟไลน์ jeeu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
พี่ฝิ่นตัวโต แต่ขี้ใจน้อยชะมัด
แก้วพูดอะไรก็ไม่ฟัง แล้วยังจะถาม "กูไม่ฟังตอนไหน"
ทุกตอนเลยเพ่!!!!
พี่ฝิ่นตัวโต อย่านอยด์บ่อยนัก
นอกจากจะทำให้เจ้าแก้วกลัวแล้ว เจ้คนอ่านก็ตลกด้วยจ้า

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
ยังไงก็ฝิ่นแก้วละน้า

 :กอด1:

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1043
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
กดบวกเป็ดให้เลยค่ะ

ตอนพิเศษตอนนี้พี่ฝิ่นเท่ห์มว๊ากอ้ะ และแก้วก็น่ารักสุดๆไปเลยย

แอบเขินกับฉากระเบียง งุงิ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ momoshiro

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-1
คือ... กูฮาไอ้พี่ฝิ่น ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

โอ๊ยยย โดนพี่พงษ์เล่น กร๊ากกกกก พี่พงษ์ยกนิ้วให้เลย!

ปล่อยพี่ฝั่นมันเป็นตัวอิจฉาบ้าบอไปถอะ ขี้หึงว่ะพี่ฝิ่น : P

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ว๊าว!!!~ มีแอบบอกรักกันตอนท้าย .....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kikumaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
อยากรู้บทสรุปของหัวใจ
ว่าเป็นไง รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ ลู่เคอOlive♥

  • แซ่บเว่อร์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-8

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
แผนลองใจลูกสาว(?)กะลูกเขยก่อนพงษ์จะปล่อยมือจริงๆว่างั้นเถอะ o3

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ชอบมากๆๆๆๆๆ รอตอนต่อไป ตอนแรกใจหายใจคว่ำหมดไม่กล้าอ่านตอน 1 เลย ต้องรอตอนสองก่อนแล้วค่อยมาอ่านตอนพิเศษ 55555

ปล.ว่าแต่....อยากอ่านตอนหวานๆของฝิ่นกะแก้วจังเลยน้า อิอิ  :-[

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
คดีพลิกนี่หวา ใครชนะไม่รู้

รู้แต่คนอ่านมีความสุข

เรื่องนี้สนุกทุกตอนกันเลยทีเดียว ลุ้นตลอด จะรอเรื่องต่อไปของคนเขียนอีกนะ

ออฟไลน์ หลงไหลในม่านหมอก

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 548
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +298/-2
อ้อมกอดเด็กช่าง Special Ending


“คราวนี้จะไปไหนกันล่ะ?”  เจ้าของอู่ยืนเท้าสะเอวเอ่ยถามในขณะที่ลูกชายตัวเอง พี่ไม้ โจ้ และเขา  ช่วยกันล้างรถให้ลูกค้า  กะว่าคันนี้เป็นคันสุดท้ายเลยมาช่วย ๆ กันจะได้เสร็จไวขึ้นเพราะตอนนี้ก็ปาไปห้าโมงเย็นแล้ว

“ยังไม่ได้คิด”  พี่ฝิ่นตอบ 

“เวรกรรมของคนเป็นพ่อเป็นแม่พวกมึงเนอะ”  พ่อบ่นพลางส่ายหน้าแล้วตั้งท่าจะเดินหนี

“พ่อ ๆ”  แต่ไอ้พี่ฝิ่นร้องทักไว้ก่อน

“อะไร?”

“สมทบทุนหนูล่ะ”  หน้านิ่ง ๆ แต่แบมือไปหาพ่อตัวเอง

คนเป็นพ่อส่ายหน้าอย่างเอือม ๆ แต่กลับควักกระเป๋าตังค์ออกมาพร้อมหยิบแบงค์พันให้ลูกชายห้าใบ

“ในบัญชีมึงล่ะ?”

“เก็บไว้กินดอก”

“เจริญ”

“อ่ะ  ตังค์ทอน”  พี่ฝิ่นคืนเงินให้พ่อสองพัน

“พอค่าเหล้าเหรอไอ้ลูกชาย?”

“ยังหาเงินเองไม่ได้ใช้เท่านี้ก็เยอะแล้ว”  พี่ฝิ่นตอบแล้วหันมาช่วยเช็ดรถต่อ

“ถุย พ่อมึงโคตรซึ้งใจ”  พ่อกระแนะกระแหนแล้วควักแบงค์พันออกมาจากกระเป๋าตังค์อีกรอบพร้อมกับเอาเงินสองพันที่เพิ่งได้คืนจากพี่ฝิ่นไปยัดใส่กระเป๋ากางเกงหลังของโจ้

“โหย  จะก้มกราบมือก็ไม่ว่าง  ขอบคุณครับพ่อ”  โจ้ยิ้มแป้น

“เงินกองกลาง  ออกเดินทางก็ให้ไอ้ไม้เก็บแล้วกัน  ไม่งั้นไม่เหลือไว้แดกอย่างอื่นหรอกพวกมึงน่ะ”  พ่อว่าก่อนเดินออกไป

เรื่องทางบ้านพี่ฝิ่น  เขาไม่เคยซักไซ้ว่าพ่อกับแม่พี่มันคิดยังไงถึงไม่ได้ต่อว่าเขา  หรือลูกชายตัวเองที่คบกัน  อยู่ด้วยกันอย่างนี้  เพราะพี่ฝิ่นมันบอกออกไปตรง ๆ  หน้าตาเฉย  เหมือนเป็นเรื่องทั่วไปที่ครอบครัวนี้เขาคุยกันปรกติ  แต่เท่าที่รู้คือ  พ่อของพี่ฝิ่นเป็นคนหัวสมัยใหม่  ดูเข้าใจอะไรง่ายไปซะทุกเรื่อง ...อันนี้แม่พี่ฝิ่นบอกมา  และเขาก็มีความสุขที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้
 
ส่วนพี่ไม้ยังมาเป็นเด็กอู่ประจำถึงแม้พี่เขาจะผ่านช่วงฝึกงานและเรียนจบ ปวส.แล้วก็ตาม  ซึ่งเป็นเรื่องปรกติของคนกลุ่มนี้  พี่ฝิ่นบอกว่า  หลังเลิกเรียนหรือว่าช่วงปิดเทอม  เด็กช่างวิทยาลัยอาชีวะxจะมาทำงานที่อู่นี้หลายคนและพ่อก็ให้การสนับสนุน  มีค่าตอบแทนให้ทุกคน  มากกว่าแค่ให้ประสบการณ์

โจ้ซึ่งอยู่ว่าง ๆ ก็ติดสอยห้อยตามกันตลอด

“ทำไมต้องไปวันนี้วะ?”  พี่ไม้เปิดประตูด้านหลังเข้ามานั่งในรถพร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเชิงบ่น

หลังออกจากอู่ซ่อมรถพี่ฝิ่นก็ขับรถไปบ้านโจ้  ตามด้วยบ้านพี่ไม้เพื่อให้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้ากัน  ส่วนเสื้อผ้าของตัวเองเมื่อตอนบ่ายได้กลับไปเอาที่บ้านพร้อมกีต้าร์หนึ่งตัว  ที่เหลือแค่เสื้อผ้าเขาซึ่งยังไม่ได้เก็บเพราะเมื่อเช้าพี่ฝิ่นไม่มั่นใจว่าพี่ไม้จะตกลงทันทีหรือไม่  เขาจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร...จนกลายเป็นคนเดียวที่ช้าสุด

“วันนี้พี่รวยนี่หว่า”  พี่ฝิ่นตอบกวน ๆ เพราะวันนี้เงินเดือนพี่ไม้ออก

“ฝัน  ไอ้โจ้เอาตังค์มาเก็บ”  พี่ไม้ตอบเสียงเรียบพร้อมบอกโจ้ซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังข้างกัน

“โหย  พี่น่ะ  ทีพ่อจะให้ก็ไม่เคยรับ  พอลับหลังล่ะ แหม ๆ” 

“เดี๋ยวจะโดน”  พี่ไม้ขู่หน้านิ่ง  เก็บเงินจากมือโจ้มานับ  “เจ็ดพัน  ฝิ่นค่ารถเอาของมึงออกนะ”  แล้วเก็บเงินใส่กระเป๋าตังค์ตัวเอง

“อะไรเล่า”  พี่ฝิ่นว่า

“อยากโดนเป็นเจ้าของ  อยากมี...”

“ไอ้โจ้!”  พี่ฝิ่นเสียงเข้มขึ้นมาทำให้ไอ้โจ้ต้องหยุดร้องเพลงเก่า ๆ ไปโดยปริยาย  “อยากไปวันนี้  ถ้าถึงพรุ่งนี้ไม่ได้ออกเดินทางปีนี้ก็ไม่ไปไหนแล้ว”  พี่ฝิ่นมองกระจกคุยกับพี่ไม้ต่อ  พี่ไม้ได้แต่พยักหน้าด้วยสีหน้าประมาณ...แล้วแต่มึงกูขี้เกียจขัด

.

.

.

“ไม่ไปด้วยกันจริงเหรอ?”  เขาถามพงษ์ขณะสะพายเป้ใส่เสื้อผ้าขึ้นไหล่เตรียมจะลงไปข้างล่างเพราะอีกสามคนนั่งรออยู่

“ไม่”  พงษ์ยืนยันคำตอบเดิมตั้งแต่เมื่อเช้าที่รู้ว่าเขาจะต้องไปเที่ยวกับพวกพี่ฝิ่น  ซึ่งเป็นกิจกรรมที่พวกนั้นทำกันทุกปี  “แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ครีมกันแดด  ครีมทากันยุงใส่กระเป๋ารึยัง?”  มันถาม

“อืม”  เขาพยักหน้าแทนคำตอบ

“แล้วตกลงจะไปที่ไหนเนี่ย?”

“ยังไม่รู้เลย  พวกข้างล่างกำลังคิดอยู่”  เขาตอบ  พงษ์ย่นคิ้วขึ้นมาทันที

“จิ๊  อ่ะ พกติดตัวไว้”  มันจิ๊ปากขัดใจก่อนเปิดกระเป๋าเป้แล้วหย่อนมีดพับใส่เข้าไป

“เอาไปทำไม  ไม่ได้ไปตีกับใคร”

“พกไว้ป้องกันตัวก็ไม่เสียหายอะไรหรอก”

เห็นสีหน้าเป็นกังวลของมันเขาจึงเลยตามเลย  อยากให้พกก็พก

“ไม่ไปทะเล  ไม่ไปน้ำตก  ไม่เข้าป่า  ไม่ขึ้นเขา  ไม่ไปที่เคยไปมาแล้วทั้งหลายแหล่  ...เหนื่อยเดิน?”   พี่ไม้กอดอกพยักหน้าตามโปรแกรมที่ไอ้โจ้ร่ายมายาวเหยียด   

เขากับพงษ์เดินลงมาจากชั้นสองพอดีเลยทันได้ยิน

“แต่ผมอยากไป”  โจ้พูดต่อ  หันมองหน้าพี่ฝิ่น  พูดจริงจัง

เขานั่งลงข้างพี่ฝิ่น  พงษ์นั่งโซฟาตัวเดียวที่อยู่ข้างพี่ไม้

“แน่ใจว่าเหนื่อย?  หรือเพราะอย่างอื่นกันแน่  มึงว่าไงวะโจ้”  พี่ฝิ่นหันไปจ้องหน้าพี่ไม้แต่ถามโจ้ที่พยักหน้ารัวอย่างเห็นด้วย

อ้อ  ที่ไอ้โจ้พูดขึ้นมาตอนแรกคงมาจากคำพูดของพี่ไม้สินะ

“...ไปรีสอร์ตไอ้แก้วสิ”

พี่ฝิ่นกับโจ้หันควับมองหน้าพงษ์แทบจะพร้อมกัน  เมื่อไอ้พงษ์ออกความเห็นหลังจากงุนงงกับท่าทีของทั้งสามคนพอ ๆ กับเขา  ส่วนพี่ไม้พยักหน้าพลางยกยิ้มใส่รุ่นน้องทันที

“เฮ้ย  พงษ์”  เขาทำตาขวางใส่มัน  “คือไม่ใช่รีสอร์ตผม”  เขาโบกไม้โบกมือปฏิเสธ  นั่นมันของพ่อกับครอบครัวพ่อเขาต่างหาก

“หึ  เห็นด้วย  คราวที่แล้วที่ไปก็น่าสนใจดี  เสียดายแค่ไม่ได้ไปอย่างสงบอารมณ์  คราวนี้ไปกางเต้นท์นอนริมแม่น้ำ ริมภูเขาที่นั่นดู  เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”  พี่ไม้เสริม

“เปลี่ยนตรงไหนวะไปแม่ฮ่องสอนพี่ก็นอนริมน้ำเหมือนกัน”  พี่ฝิ่นบ่นอย่างเสียอารมณ์  ...แต่ดูท่าว่าเสียอารมณ์กับพงษ์ที่เสนอขึ้นมามากกว่าเพราะพูดไปพลางเสมองมองพงษ์ไปด้วยอย่างเคือง ๆ

“ไปดูว่ารอบตัวไอ้แก้วเป็นยังไง  กำพืดไอ้แก้วเหมือนที่พวกมึงเสือกแอบรู้กันมากน้อยแค่ไหน  ...อนาคตมึงจะได้สู้รบปรบมือได้ถูก”  พงษ์บอกพี่ฝิ่นแต่เขาไม่เห็นด้วย

“ไปที่อื่นที่พี่อยากไปดีกว่า  ที่นั่นไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”  เขาแย้งพลางกัดฟันมองหน้าพงษ์เขม็ง  ...แต่มันดันยักไหล่ให้เฉย 

เดี๋ยวเรื่องของเขา  เขาก็ค่อย ๆ เล่าให้พี่ฝิ่นฟังเองแหละน่า  ตอนนี้พี่มันก็รู้จักตัวเขาเกือบจะทุกเรื่องแล้ว  เหลือแค่เรื่องทางบ้านเท่านั้นที่เขาไม่มีอะไรจะต้องพูดถึง

“ตกลงไปสระบุรี  ไปบ้านไอ้แก้ว  รวมทั้งรีสอร์ตที่ไม่น่าสนใจนั่นด้วย”  พี่ฝิ่นพูดโดยไม่มองเขาตั้งแต่เขาบ่ายเบี่ยงแล้ว 

“...พี่”  เขาดึงชายเสื้อมัน 

ไอ้พี่ฝิ่นหันมามองเขาแล้วเลิกคิ้วใส่เชิงถามว่า  มีอะไร? 

เฮ้อ...กรรม

...ทั้งที่เขาแย้งแล้วแท้ ๆ

“ไป  ออกเดินทาง”  พี่ไม้ปรบมือสองสามทีแล้วลุกขึ้นหยิบเป้สะพายเป็นคนแรก

โจ้หน้ามุ่ยให้กับอาการของพี่ไม้แต่ก็ก้มหน้าก้มตาหยิบเป้ลุกขึ้นยืน

“แล้วนี่ไม่ไปด้วยกันเหรอ?”  พี่ไม้ถามพงษ์  พงษ์ลุกยืนพลางล้วงกระเป๋ากางเกงสองข้าง

“ไม่  ...ไม่อยากมีความทรงจำร่วมกับพวกมึง”  เออะ  ไอ้พงษ์ลอยหน้าลอยตาตอบ

“หึ”  พี่ไม้ยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนเดินเลยพงษ์ออกไปหน้าบ้าน

“อยู่คนเดียวดีแล้วปากอย่างนี้”  โจ้ต่อว่าพงษ์ก่อนเดินตามพี่ไม้ออกไป

“อยากมีความทรงจำร่วมตายล่ะ  เขาแค่ถามตามมารยาท”  พี่ฝิ่นต่อว่าพงษ์อีกคน  แต่ไอ้ต้นเรื่องดูไม่ได้ใส่ใจหรอก  ดูท่าว่าจะสนุกซะมากกว่า

“ฝากดูแลมันด้วยนะ”  พงษ์บอก  มองหน้าพี่ฝิ่น

“จำเป็นต้องฝากด้วยเหรอ  กูก็ดูของกูดีอยู่แล้วเหอะ”

“หึ เดินทางดี ๆ นะตัวเล็ก  ไปถึงแล้วโทรมาบอกด้วย”  แล้วไอ้พงษ์ก็หันมาบอกเขา

“อืม  อย่าไปเมาที่ไหนนะ  ไปแค่อาทิตย์เดียว  เดี๋ยวรีบกลับ”  เขาบอกมัน

“ตัวเล็ก ตัวเล็ก เหอะ  ไปเถอะเดี๋ยวไปถึงดึก”  พี่ฝิ่นเสียงเล็กเสียงน้อยแล้วหยิบกระเป๋าของตัวเองและของเขาไปถือ 

แต่พงษ์แตะแขนพี่ฝิ่นและดึงกระเป๋าออกจากมือพี่ฝิ่นหนึ่งใบ  โยนให้เขารับ

“ให้มันสะพายเอง”  พงษ์บอก

“อ้อ อืม”  พี่ฝิ่นยอมอย่างว่าง่ายเหมือนเข้าใจว่าพงษ์ต้องการอะไร

...เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

พงษ์เดินกอดคอเขาออกมาส่งถึงหน้าบ้าน  พี่ฝิ่นเดินรั้งท้ายไม่ได้พูดอะไร  แต่พอพงษ์ดันหลังให้เขาเดินไปก่อน   สองคนข้างหลังนั่นก็หยุดคุยอะไรกันสั้น ๆ ไม่กี่คำ  ก่อนที่ไอ้พงษ์จะยิ้มและโบกไม้โบกมือส่งเมื่อเขากับพวกพี่ฝิ่นเดินออกพ้นรั้วบ้าน  พร้อมตะโกนไล่หลังมา

“ฝากดูแลมันด้วยนะ!”

เขาหัวเราะ  โบกมือตอบกลับมัน  ในเมื่อก็เป็นห่วงเขาทำไมไม่ไปด้วยกันเลยล่ะ  ...พ่อคนอุดมการณ์สูง










ออฟไลน์ หลงไหลในม่านหมอก

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 548
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +298/-2
.


.


.



ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวน่าจะถึงไวกว่านี้  แต่พี่ฝิ่นจอดรถทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเขาด้วยเหตุผลว่าการเดินทางจะได้อรรถรสก็ต่อเมื่อละทิ้งความสะดวกสบายแบบปรกติแล้วหันมาใช้บริการของรถทัวร์ที่หมอชิตแทน

ภายหลังจากรถทัวร์จอดเทียบท่า  พวกเขาจึงเหมารถสองแถวจากสถานีขนส่งจังหวัดมาลงหน้าทางเข้ารีสอร์ต  ถนนคอนกรีตเส้นตรงเปิดไฟเป็นแนวยาวไปจนถึงหน้าบ้านพักรับรองลูกค้าหลังใหญ่  และทางซ้ายมือที่มืด ๆ นั่น  คือที่ของเขา  เขาเปิดเป้หยิบไฟฉายออกมาหมายจะกดเปิดเพื่อให้มีแสงสว่างนำทาง  แต่พี่ฝิ่นแย่งไปถือไว้เองทันที

“คืนนี้ไปนอนบ้านไอ้พงษ์ก่อนดีกว่า  นี่ก็ปาไปเที่ยงคืนแล้ว  บ้านมึงยังไม่ได้ทำความสะอาดนี่”  พี่ฝิ่นบอก

กว่าจะตัดสินใจลงตัวว่าจะมาที่นี่ก็มืดแล้ว  ไม่มีใครกล้าเข้าไปทำความสะอาดบ้านริมน้ำของเขาหรอก  แม้แต่แม่บ้านที่เคยไปทำให้ประจำก็เถอะ

“พรุ่งนี้ออกแต่เช้าได้ไหม  แบบ...เช้าตรู่น่ะ”  เขายื่นข้อเสนอเพราะลองได้พูดขึ้นมาอย่างนี้ไอ้พี่ฝิ่นมันต้องตัดสินใจมาแล้วและอย่าหวังจะไปเปลี่ยนใจคน ๆ นี้เลย

“หึ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที  ตอนนี้พี่ไม้กับไอ้โจ้ง่วงแล้ว  รีบไปเถอะ”

อยากเอาฝ่ามือฟาดหน้าผากตัวเองแรง ๆ แต่ข้อมือโดนลากเบา ๆ พาเดินตรงไปทางบ้านหลังใหญ่แล้ว

“กูง่วงเหรอโจ้?”  พี่ไม้ซึ่งตามหลังมาเอ่ยถามโจ้

“ผมด้วย  ผมหลับมาตลอดทางนี่ยังง่วงอีกเหรอ?”  ไอ้โจ้ถามพี่ไม้กลับ

พวกเขาทั้งสี่คนแบกกระเป๋าเดินผ่านบ้านรับรองซึ่งมีพนักงานเข้าเวรตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  และแน่นอน  มีที่ไหนที่จะให้แขกมาใหม่เดินผ่านหน้าไปโดยไม่มีการเช็คอินก่อน

“เอ่อ สวัสดีค่ะ  ไม่ทราบลูกค้าจองหลังไหนไว้คะ?”  เสียงหนึ่งดังมาจากคนที่วิ่งตามหลังมา

ทุกคนหันกลับไปมอง

“อุ้ย!  นะ นายน้อย  สวัสดีค่ะทำไมมาป่านนี้คะ?”  พนักงานสาวมีสีหน้าไปไม่ถูกรีบยกมือสวัสดีและเอ่ยถาม

“บ้านคุณลุงทำความสะอาดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ  ผมจะเข้าไปพัก”  เขาไม่ได้ตอบแต่ถามเสียงนิ่งและบอกพนักงานถึงจุดประสงค์ทันที

“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เองค่ะ  เคาน์เตอร์บอกว่าคุณพงษ์โทรมาสั่ง  ดิฉันนึกว่าท่านจะมาพัก”

สมกับเป็นพงษ์

“อ้อ  เปล่าหรอกครับคุณลุงยังอยู่ฝรั่งเศสอยู่เลย...”  เขาบอกเธอ  “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมครับ  คุณไปทำงานเถอะ  ผมไปเองถูก” 

“เอ่อ ค่ะ”  พนักงานยิ้มแหยให้   “ประเดี๋ยวพรุ่งนี้ดิฉันให้คนจัดโต๊ะอาหารเช้าพร้อมนายนะคะ”

ฟู่ว...เขาถอนหายใจด้วยอาการแน่นหน้าอกขึ้นมาอย่างดื้อ ๆ

เขารู้ว่าตอนนี้คุณพ่อกลับมาที่นี่ถึงเลี่ยงจะมาเพราะไม่อยากเจอ...ครอบครัวของพ่อที่พร้อมหน้าพร้อมตา

แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก  ...ตลกร้ายจริง ๆ

“ไม่ต้อง...”

“ครับ  พรุ่งนี้นายน้อยของคุณจะมาทานข้าวเช้าที่นี่”  พี่ฝิ่นพูดแทรกจบแล้วจับข้อมือเขาพาเดิน  “ไม่ต้องหลบ  ไม่ต้องหนี  เดี๋ยวกูหนุนหลังให้เอง”

“หึ”  เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้  แต่เป็นการแสยะยิ้มเท่านั้น  มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครคิดหรอกกับการเผชิญหน้ากันของความผูกพันที่มีรอยร้าวกั้นตรงกลาง ความห่างไกลในความใกล้ชิด  ...เข้าใกล้ทีไร  หัวใจของเขาเหมือนโดนเข็มทิ่มทุกที

“กลัวอะไร  มีอะไรให้หนี?”  พี่ฝิ่นพูดต่อขณะเดินนำหน้าเขา

“ไม่ได้กลัว ...แค่ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรอีก  ไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว”  เขาตอบ

ขนาดไอ้พงษ์ให้เขาเจอหน้าพ่อบ่อยขึ้นช่วงฝึกงาน  แต่กลับไม่ได้ทำให้ใจเขารู้สึกดีขึ้นมาเลย 

สู้ไม่เจอหน้ากันเลยยังดีซะกว่า  ในเมื่อเขาไม่ต้องการอะไรจากคนที่นี่อีกแล้ว  ให้เขาไม่มีตัวตนสำหรับที่นี่  ต่อไปยังได้    เพราะมีที่อื่นที่มองเห็นเขา  โดยที่เขาไม่ต้องอดทนกับอะไรที่เป็นการทำร้ายตัวเองแต่ไม่เกิดประโยชน์ใดเลย


.


.


.


แบกสัมภาระออกจากรีสอร์ตไม้หลังเดี่ยวสองชั้น  สี่ห้องนอน  สามห้องน้ำ  บ้านพักตากอากาศอีกหนึ่งหลังของครอบครัวพงษ์ในเช้าตรู่วันถัดมาตามที่เขาต้องการ  แต่แบกมาทิ้งไว้หน้ารีสอร์ตหลังใหญ่แล้วเดินตามหลังไอ้โจ้ที่ถือกล้องเดินถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้าไปรอบบริเวณ

“สวยว่ะ  แต่ชอบตรงที่อากาศโคตรสดชื่นนี่แหละ  แล้วก็ดูเป็นส่วนตัวดีว่ะ  กี่ไร่วะแก้ว”  ไอ้โจ้ถามแต่มันไม่ได้หันมามองเขากับพี่มันอีกสองคนที่เดินตาม 

“พันกว่า”  เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“โห  แล้วรีสอร์ตแต่ละหลังคืนเท่าไหร่วะ  โหตั้งกี่หลังวะเนี่ย  โชคดีที่เรามาค้างฟรี  โชคดีของพี่ฝิ่นด้วย”

ป๊าบ

พี่ฝิ่นก้าวขายาว ๆ ไปตบหัวโจ้

บรรยากาศดีเขาไม่เถียงเพราะที่นี่สวยด้วยธรรมชาติอยู่แล้ว  แต่กลับไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจ  ในความรู้สึกของเขา  ออกจะเบื่อหน่ายมากกว่าด้วยซ้ำ  สู้บ้านริมธารของเขายังไม่ได้ครึ่งเลย   

“ตรงโน้น”  เขาชี้ไปทางเนินเขาลูกหนึ่ง  “มีโฮมสเตย์  ไร่องุ่นก็อยู่ตรงนั้น  ไปเลยดีกว่าเนอะเช้า ๆ คนงานเก็บองุ่นกัน  จะได้เก็บไปกินที่บ้านด้วย”  เขาเปลี่ยนเรื่องชวนทุกคนอย่างตั้งอกตั้งใจ

แถว ๆ นี้จะเป็นรีสอร์ตเพื่อพักผ่อน  สามารถทำกิจกรรมเบา ๆ ได้เช่น  วิ่งออกกำลังกายหรือว่ายน้ำ  แต่ถ้าจะทำกิจกรรมจำพวกลุย ๆ เสียงดัง  ลูกค้าจะไปพักที่โฮมสเตย์แทน 

“ไปกินข้าวกับพ่อมึงก่อนดีกว่า  องุ่นเก็บเมื่อไหร่ก็ได้”  พี่ฝิ่นขัดพร้อมหันเดินกลับไปทางรีสอร์ต

“เมื่อไหร่ไม่ได้หรอก  สาย ๆ แดดก็ออก  ร้อนตายเลย”  เขาเดินตาม  พร้อมให้เหตุผล  “ใช่ไหมพี่ไม้”  ทั้งยังพยักพเยิดหน้าจะให้พี่ไม้เห็นด้วยอีกแรง

แต่คนนั้นเดินเตะใบไม้ใบหญ้าเงียบ  เฉย...พึ่งพาไม่ได้เอาซะเลย

“เมื่อไหร่ก็ได้  ไม่ได้หมายถึงภายในวันนี้”  ไอ้พี่ฝิ่นหันมามองขวับ

ก็...เออ  ไม่วันนี้ก็ไม่วันนี้

สรุปเขาต้องมานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับพ่อจนได้     

“ดูหน้าตาแต่ละคน”  คุณแพรวพรรณซึ่งนั่งรอที่โต๊ะอาหารพูดกับพนักงานให้พวกเขาได้ยิน

ครืด!

พี่ฝิ่นลากเก้าอี้เสียงดังแล้วนั่งเยื้อง ๆ ก่อนดึงแขนเขาให้นั่งตามซึ่งตรงข้ามคุณแพรวพรรณพอดี

“พี่ไม้  โจ้  ตามสบาย”  เขาบอกอีกสองคนโดยเลี่ยงไม่มองคนตรงข้ามเท่าไหร่นัก  ได้ยินแต่เสียง เหอ ๆ ของไอ้โจ้เล็ดลอดออกมาเบา ๆ

“ไร้มารยาท”  นายผู้หญิงของที่นี่พูดขึ้น  พี่ฝิ่นผิวปากขึ้นตามทันที  ไม่แน่ใจกับคำว่าไร้มารยาทของคุณเธอว่าหมายถึงเรื่องไหนกันเพราะตั้งแต่เจอหน้าเขาก็ไม่ยังได้ยกมือไหว้ทำความเคารพเลย 

เขาเคยคิดจะรักและเคารพผู้หญิงคนนี้  เขายินดีเป็นอะไรก็ได้ในสายตาเธอ  ทั้งร่างกายและจิตใจที่ถูกกระทำเมื่ออยู่ลับหลังผู้เป็นพ่อ  ขอเพียงแค่ให้อยู่ในสายตา  ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่...อีกคน   ขอแค่เห็นเขามีตัวตนบ้างให้เด็กคนหนึ่งซึ่งเพิ่งสูญเสียแม่ผู้ให้กำเนิดไป  แม้เพียงแค่เวลาซึ่งถูกกระทำเพียงเท่านั้นเขาก็ยินดี  แต่นั่นกลับเป็นความคิดที่โง่เขลา  เมื่อเขาได้เจอกับพงษ์  ...พงษ์ซึ่งเป็นเพียงคนนอก  แต่ปลุกเขาให้ตื่นด้วยคำว่า  ตลอดเวลาที่ผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามาที่นี่  เขาย่อมมีตัวตนในสายตาเธออยู่แล้ว  เพราะเขาขวางหูขวางตาคุณแพรวพรรณโดยที่ไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง  ฉะนั้น  อย่างฝันว่าเขาจะถูกรักอีกต่อไป

“ฝิ่น”  พี่ไม้เรียกเสียงต่ำ  พี่ฝิ่นจึงยักไหล่แล้วเลิกผิวปาก

“ขอโทษครับพ่อคุยงานค้างไว้นิดหน่อยเลยเคลียร์ให้เสร็จก่อน”  คุณพ่อเดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมมีพี่ลูกขวัญเดินตามหลัง

พวกเขาลุกขึ้นยกมือไหว้สวัสดีก่อนนั่งลงเมื่อคุณพ่อผายมือให้

พี่ลูกขวัญเลื่อนเก้าอี้ให้คุณพ่อนั่งลงตรงหัวโต๊ะ

“ลูกขวัญมานั่งตรงนี้ค่ะ”  คุณแพรวพรรณขยับที่ให้พี่ลูกขวัญนั่งใกล้คุณพ่อแทน  ซึ่งเป็นที่นั่งตัวตรงข้ามกับเขา

พี่ลูกขวัญนั่งนิ่งเงียบไม่ได้สนใจผู้ร่วมโต๊ะสักคน  เหมือนมองไม่เห็นคนอื่นอย่างนั้น

“สบายดีไหมพี่ฝิ่น”  คุณพ่อเปิดบทสนทนา  คงด้วยความที่เคยเจอพี่ฝิ่นที่โรงแรมบ่อย ๆ  แต่เขาไม่เคยแนะนำให้พ่อรู้จักมากไปกว่ารุ่นพี่คนละสถาบัน

“สบายดีครับ  คุณพ่อสุขภาพแข็งแรงดีนะครับ?”  ไอ้พี่ฝิ่นก็สัมมาคารวะดีจริง ๆ  พี่มันสามารถเรียกพ่อเขาได้อย่างสนิทสนมอย่างรื่นปากเชียวล่ะ

“เป็นไปตามวัยน่ะลูก  กินไปคุยไปเนอะ  คนกันเองไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก”  คุณพ่อบอกพร้อมหยิบขวดซอสมะเขือเทศเทใส่จานเบรคฟาสต์ตรงหน้าเขาก่อนเทใส่จานพี่ลูกขวัญ  แล้วคุณพ่อก็วางมือประสานกันไว้บนโต๊ะ 

พี่ไม้  พี่ลูกขวัญ  โจ้  เริ่มลงมือทาน  แต่คุณแพรวพรรณยังนั่งตัวตรงมองมาที่เขาอย่างรำคาญ 

“พักผ่อนบ้างนะครับ  รู้สึกคุณพ่อจะทำงานตลอดเลย  เกรงว่าร่างกายจะล้าเกินไปรึเปล่า”  พี่ฝิ่นก็คุยต่อ  แต่เขาต้องหั่นไส้กรอกบ้าง  ไข่ดาวบ้างจิ้มเข้าปากตามมารยาท

“ทำ ๆ ไว้ให้ลูก ๆ ทั้งนั้นแหละ  วันข้างหน้าเขาจะได้สบาย  ลำพังพ่อน่ะ  ไม่หวังอะไรมากหรอก”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ  เข้าใจว่าคุณพ่อไม่อยากให้ลูกลำบาก  แต่การที่คุณพ่อทำทุกอย่างไว้เสร็จพร้อม  แล้วลูกคุณพ่อจะทำอะไรไม่เป็นเอานะครับ”

“ฮะ ฮ่า ฮ่า นักเลงไม่เลือกถิ่นเลยนะเรา  พี่ฝิ่นสะดวกเมื่อไหร่ก็มาเรียนรู้งานที่นี่สิ  ต่อไปจะได้ช่วยลูกแก้วเขา  ที่นี่พ่อสร้างไว้ให้เขา”  คุณพ่อคุยกับพี่ฝิ่นอย่างชอบใจ

“ชิ!  ดิฉันขอตัวล่ะค่ะ!”  คุณแพรวพรรณวางส้อมวางมีดเสียงดัง  แล้วลุกขึ้น  “ลูกขวัญ!  ตามแม่มา” 

“ทานต่อสิลูก”  พ่อบอกเมื่อพี่ลูกขวัญวางส้อมลง

“ขวัญอิ่มแล้วครับคุณพ่อ”  พี่ลูกขวัญบอกแล้วลุกยืน  คุณพ่อพยักหน้าให้ด้วยสีหน้าจำยอมแล้วพี่ก็เดินตามคุณแพรวพรรณออกไป

ทำไมวันนี้พี่ชายเขาดูไร้อารมณ์จังนะ  หรือเป็นเพราะ...เขามาที่นี่ 
แต่ก็คงเป็นคำตอบอื่นไปไม่ได้  เพราะแม้แต่หน้าเขา  พี่ยังไม่มอง 
...แล้วจะใส่ใจทำไมในเมื่อพี่ลูกขวัญก็ยังไม่สนใจเขาเลย

“เอ่อ  ผมก็ขอตัวก่อนนะครับ  ไปโจ้”  พี่ไม้บอกขออนุญาตพ่ออีกคนก่อนเดินออกไปพร้อมโจ้

“งั้น  ผมขอตัวด้วยคน”  พี่ฝิ่น

“อยู่ก่อนก็ได้ครับ  พี่ฝิ่นก็เป็นคนในครอบครัว  ไม่ต้องเกรงใจพ่อ”

พี่ฝิ่นนั่งลงตามเดิม 

“คนในครอบครัว?”  เขาเอ่ยถามพ่อ

“ใครที่ทำให้ลูกมีความสุข  พ่อซึ่งไม่สามารถทำให้ลูกได้  ย่อมยินดีกับทุกสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ”  พ่อพูดด้วยรอยยิ้มแสดงถึงความรู้สึกนึกคิดเช่นนั้นจริง

“คุณพ่อรู้?  ใครบอกครับ?”  เขาถามด้วยความข้องใจ  พลางหันข้างไปมองใบหน้านิ่งเฉยของพี่ฝิ่น

“ความรู้สึกของลูก  เป็นสิ่งที่พ่อควรจะรู้ด้วยตนเองไม่ใช่เหรอ?  ถูกต้องรึเปล่าพี่ฝิ่น?” 

“ฮึ่ม อ๋อ ๆ  ครับ”  ไอ้พี่ฝิ่นกระแอมไอพลางเหล่ตามองเขาแล้วเบนหน้าหนีไปอีกทาง

คิดว่าเนียนแล้วสินะ!

“คุณแพรวพรรณจะไม่พอใจก็เรื่องของเขา  แต่พ่อบอกตลอดว่าไร่นี้คือสินสมรสของพ่อกับแม่ของลูก  เพราะฉะนั้นที่นี่ก็คือบ้านของลูก”  คุณพ่อบอก  มองหน้าเขา

“ถ้าเป็นสินสมรส  ผมขอแค่ส่วนของคุณแม่พอครับ  เพราะผมไม่คิดว่าจะดูแลอะไรที่นี่ได้  ความจริง  งานของคุณพ่อ  พี่ลูกขวัญน่าจะเหมาะมากกว่านะครับ  พี่เขาเรียนทางนี้โดยตรง”  เขาพูดขึ้นบ้าง 

ที่นี่เคยเป็นบ้าน  เคยเป็นชีวิต  แต่ที่นี่ไม่ใช่ความสุขของเขามานานแล้ว  ประโยชน์อะไรที่ต้องอยากได้มาครอบครอง

“พ่อตามใจลูกได้ทุกเรื่องที่ลูกต้องการ  แต่นี่ก็เป็นความต้องการของพ่อเหมือนกัน  พ่อเข้าใจว่าเราสองคนไม่เหมือนเดิม  แต่สิ่งที่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนคือพ่อเป็นพ่อของลูกนะ”

“...ครับ”

หลายเหตุผล  ...หลายอย่าง  ที่เขาไม่อยากคุยกับพ่อนาน  เพราะอะไรก็ตามแต่ในคำพูดของพ่อมันมาจากการรู้สึกผิดต่อแม่ของเขา 

อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นหลังจากครอบครัว  ที่ไม่ใช่เราสามคน พ่อ แม่ ลูก 

แม้เขาจะพยายามมองว่าคุณพ่อ  ยังเป็นพ่อคนเดิม  แต่เขากลับรู้สึกอย่างนั้น...ไม่ได้สักนาที









ออฟไลน์ หลงไหลในม่านหมอก

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 548
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +298/-2
.


.


.


บ้านไม้ชั้นเดียวริมลำธารท่ามกลางป่าไม้ผืนกว้าง   คงเป็นบ้านของเขาจริง ๆ เพียงแห่งเดียวในความรู้สึก
ข้างนอกรั้วนั่น  คือสวนมะพร้าวน้ำหอมที่ไม่มีอะไรให้นักท่องเที่ยวได้สนใจมากนัก  วัน ๆ หนึ่งจะมีก็แต่คนสวนที่มาเก็บลูกมะพร้าวไปไว้รับรองแขกเพียงไม่กี่เที่ยว  และที่ตรงนี้  ก็เป็นส่วนตัวเกินกว่าใครจะกล้าเข้ามาหรือแม้แต่ส่งเสียงรบกวน

“เอาเป็นว่า  มึงต้องการอะไรจากพ่อมึง?”  พี่ฝิ่นเอ่ยถามอยู่ข้างเขาซึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน  มองไปยังลำธารตรงหน้า

“มันผ่านมาแล้วล่ะ  จากที่เคยต้องการ  ก็ไม่มีอะไรให้ต้องการแล้ว”  เขาตอบโดยไม่หันไปมองคนข้างกาย

“มึงมันเป็นเอามากกว่าที่คิด”

“พี่คิดว่าผมเป็นยังไงล่ะ?”  เขาหันไปถามซึ่งหน้า

“กล้าดีขึ้นทุกวัน”  พี่ฝิ่นทำหน้าเคร่ง  ยกมือกอดอกตัวเอง  พลางเหล่หางตามองเขาเหมือนปราม ๆ  แต่เขาดันยิ้มตอบกลับเลยโดนพี่มันแสยะยิ้มให้ก่อนจะหันหนี

“มึงเคยเห็นพ่อกูพูดดี ๆ พูดเพราะ ๆ กับกูบ้างไหม?”  อยู่ ๆ พี่ฝิ่นก็ถามขึ้นมา  ...พ่อพี่ฝิ่นน่ะเหรอ  เห็นเอ่ยปากทีไรเหมือนจ้องจะต่อยกับลูกชายตลอด  ซึ่งพ่อในสมัยหนุ่ม ๆ ก็คงเหมือนพี่ฝิ่นเป๊ะ  “เขาเสียงแข็งกับกูตลอด  แต่กูอยากทำอะไรก็ปล่อยให้คิดเองทำเอง  แล้วถ้ากูพลาดขึ้นมา  เขาก็จะซ้ำเติมกูให้หนักเข้าไว้  แต่กูไม่ยักคิดว่าพ่อไม่รักไม่หวังดี  กูว่าวิธีแสดงความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกว่ะ  ให้พ่อกูโอ๋กูก็คงไม่เอา”  พูดจริงจังขึ้นมาเชียว

“หึ  สิ่งที่ผมต้องการมันไม่มีวันเป็นจริงได้หรอก  มันหายไปหมดตั้งนานแล้ว”  เขาก้มหน้าพูดก่อนเงยหน้าหันไปมองพี่ฝิ่นที่ชำเลืองมองเขาอยู่ตลอด   เขายิ้มบาง ๆ   “...บางทีพ่ออาจยังรักผม  รักแม่  แต่...มันส่งมาไม่ถึงผมแล้ว  ...แล้วพี่คิดว่าผมจะต้องการอะไรได้เหรอ?  ได้กอด  ได้ยินคำบอกรัก  ผมก็คงไม่ดีใจ”  เขาบอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี 

แต่ความจริงยังอยากอยู่ใกล้ ๆ แต่พอเข้าใกล้กลับเหมือนโดนเตะออกนอกวงโคจรเพราะรอบกายของพ่อ  คือใคร?  ใช่ ...ใคร?  ซึ่งไม่ใช่แม่ของเขา  แล้วอะไรคือรัก  อะไรคือผูกพัน  อะไรคือครอบครัว?

พงษ์รู้ดีเพราะมันเคยกีดกันความรู้สึกเหล่านี้เพื่อไม่ให้เขาได้สัมผัส  ซึ่งเขาก็เพิ่งได้พูดคุยกับพ่ออีกครั้งก็คือช่วงที่ฝึกงาน  เขารู้ว่าพ่อคงรู้ข่าวคราวของเขาอยู่ห่าง ๆ ตลอดเวลา  และความคิดของพงษ์คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการประกาศตนว่ายังมีเขาอีกคนที่เป็นลูกพ่อ  ไม่ก็คงอยากให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง  หลังจากถอยห่างมาหลายปีเพื่อทำใจ    หึ  แต่กลับไปเผชิญหน้าอีกครั้งก็เหมือนมีกระจกใสกั้นอยู่ดังเดิม

“เดี๋ยวกูพามึงมาเจอพ่อมึงบ่อย ๆ ละกัน” 

“หืม?”  เขาเลิกคิ้วสูงด้วยความข้องใจ  เพื่ออะไร?

“เอาเป็นว่าตกลงแล้วกัน  กูเชื่อว่าพ่อมึงไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกน่า”  พี่ฝิ่นหันหลังยืนพิงรั้วระเบียงและมองหน้าเขาตรง ๆ

“พี่เอาอะไรมาเชื่อ  รู้จักกันไม่ถึงปี”

“กูเชื่อมึงก็เชื่อตามกูเถอะน่า”  ไม่พูดเปล่ายังยกมือขวาขึ้นขยี้ศีรษะเขาอีกต่างหาก 

“..................”  เขาทำหน้ามุ่ยใส่

“นี่กูไม่ได้บังคับมึงนะ  ...แต่มึงเองก็อยากอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ?”

เขาลังเลเล็กน้อยแต่กลับพยักหน้าออกไป

...จากเคยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยรอยยิ้มซึ่งเกิดจากความอบอุ่นภายในครอบครัว  หลังจากที่แม่เสียชีวิต  คุณพ่อก็เปลี่ยนไป  เจอหน้าเขาก็เอาแต่ทำหน้าเครียด  และเวลาของพ่อก็หมดไปแต่กับการทำงาน  ไม่นับรวมสมาชิกใหม่ที่เข้ามาอยู่ร่วมบ้าน ณ ขณะนั้นอีกสองคน  ยิ่งทำให้เขา  ห่างไกลพ่อออกไปมากขึ้นทุกที

แล้วเขาล่ะ?  เขากลายเป็นใครในครอบครัวที่ไม่มีตัวตน

เขาคงไม่ต้องการอะไรมากกว่าความรู้สึกเดิม ๆ ของการเป็นครอบครัวเดียวกัน  ซึ่งไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันเป็นจริง   

“พงษ์บอกอะไรพี่  ถึงได้กล้าไปว่าพ่อผมอย่างนั้น”  เขาถาม

“บ้าง...แต่กับพ่อมึงก็พูดตรง ๆ ได้นี่หว่า  ไม่เห็นมีอะไรยุ่งยากเหมือนที่มันบอกเลย  แล้วไอ้พงษ์มันก็ตามใจมึงแบบผิด ๆ เกิน  จะไม่ให้คิดว่ามันระ...”

“หืม?”  เขาเลิกคิ้วสงสัยเมื่อพี่ฝิ่นหยุดพูดไปดื้อ ๆ

“เปล่า  เอาเป็นว่าลองค่อย ๆ เปิดใจให้พ่อมึงไปเรื่อย ๆ ละกัน  กูว่ามึงเก็บกดเพราะตัวมึงเองนี่แหละ  แล้วเลิกคิดเยอะได้แล้ว  คิดอะไรตื้น ๆ หน่อยนะ  เป็นอย่างนี้  ใครเขาก็ห่วงมึงทั้งนั้น” พี่ฝิ่นพูดหน้ามุ่ย

“สนอะไรผมมีพี่ฝิ่นทั้งคน”  เขาตอบหน้าตาเฉย

“มึงนี่นะ...”  พี่ฝิ่นพูดอย่างหมั่นเขี้ยวพร้อมเอามือจับแก้มเขาสองข้างส่ายไปมา  ก่อนเราจะหัวเราะร่วนทั้งคู่

“สวีทในบ้านสิครับ  เตียงออกจะใหญ่”

“ไอ้โจ้!”  พี่ฝิ่นเน้นเสียงเรียกชื่อรุ่นน้อง  โจ้มันเพิ่งเดินกลับมาจากทางต้นน้ำพร้อมกล้องถ่ายรูป

“แฮ่  ขอโทษครับ”  มันเสียงสูงยิ้มตาหยี  “แล้วพี่ไม้ล่ะพี่”

“อยู่โน่น”  พี่ฝิ่นลุกจากระเบียงมองไปริมลำธารทางด้านซ้ายมือไม่ไกลมาก  พี่ไม้ยืนอยู่ตรงนั้นสักพักได้แล้ว  หลังกางเต้นท์ที่เอามาจากรีสอร์ตเสร็จ   

“ครับ”  โจ้ตอบรับแล้วเดินเลยไปหาพี่ไม้พร้อมตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงร่าเริงเกินเหตุ  “จะเล่นน้ำแต่หัววันเลยเหรอพี่  ร้อนตายห่า”

“พี่ไม้ดูเงียบ ๆ นะพี่”  เขาถามคนข้าง ๆ มองไปยังพี่ไม้ซึ่งยืนอยู่คนละฝั่งกับเจดีย์เถ้ากระดูกของแม่เขา

ตรงนั้นมันสงบสำหรับแม่มาก  เขาคิดว่าท่านน่าจะชอบเมื่อได้มองกลับมายังบ้านหลังนี้
 
เขาหันมองข้าง ๆ เมื่อพี่ฝิ่นยังเงียบอยู่  เห็นพี่มันมองสองคนที่อยู่ริมน้ำด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใยที่น้อยครั้งจะเห็นจนจับได้อย่างนี้ 

“ไอ้เป้งมันชอบเที่ยว”  พี่ฝิ่นบอก  ...เกี่ยวอะไรกับที่เขาถาม?  “เปลี่ยนที่เที่ยวยังไงบรรยากาศก็เดิม ๆ ล่ะวะ  เป้งมันชอบเล่นน้ำทั้งที่มันขี้หนาว  แต่มันก็เล่นทุกครั้งที่มีพี่ไม้อยู่ด้วย  เพราะพี่ไม้จะเตรียมผ้าไว้ห่มให้ตอนมันตัวสั่นงก ๆ ขึ้นจากน้ำตลอด  ...จะทำอะไรมันเลยไม่ห่วงตัวเอง  เพราะมีคนคอยห่วงมันอยู่แล้ว”

เขาเงียบตั้งใจฟัง

“เจดีย์เก็บกระดูกมัน  พี่ไม้เป็นคนบอกให้สร้างไว้ตรงนั้นเอง  ขนาดตายไปแล้วพี่ยังเป็นห่วงกลัวมันไม่มีความสุขถ้าไม่ได้อยู่กับอะไรที่ชอบ  ...แต่ที่มากกว่า  ก็ต้นไม้ใหญ่ที่เหมือนตัวแทนพี่ไม้นั่นล่ะ  มันก็พูดของมันไปเรื่อย  ยามแดดออก  ฝนตก  ก็มีที่กำบัง  เหมือนตอนหาเรื่องแต่ยังมีพี่ไม้เข้าข้าง  ...พี่กูก็เก็บไว้ทุกคำ”

พี่ไม้คงไม่ต่างจากเขาเมื่อเห็นเจดีย์เก็บกระดูกของพี่เป้งแล้วพลอยนึกถึงแม่ขึ้นมาเพราะแวดล้อมดูใกล้เคียงกัน  ซึ่งนั่นก็เพราะ...

“พี่ไม้เขา...”

“กูถึงบอกมึงไงว่ารักก็คือรักจะไปจำกัดให้ความหมายมันแคบไม่ได้หรอก  เพราะกูเคยเห็นมาแล้ว...ว่ารักมันสร้างความสุขและเจ็บปวดได้ขนาดไหน”

“อืม...”

“ขอโทษที่เอามาเล่นกับมึง”  เขาไม่เคยโกรธเคืองเลย  เพราะสิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มเหลือเกิน  “แต่กูจะรักมึงให้มากกว่าที่เคยเจอ  แล้วไม่ต้องมาถามหาความหมายจากกูด้วย” 

“ฮื่อ”  เขายิ้มกว้าง  “ผมรักพี่จัง”

“พูดอะไรบ่อย ๆ ได้หน้าตาเฉยวะ  เอาไว้กูถามค่อยบอกสิ”  พี่ฝิ่นมองหน้าเขาก่อนมองไปทางอื่น  ...ซ้ายบ้าง  ขวาบ้าง  มองเลยหัวเขาไปบ้าง 

“หึ  ไม่เอาหรอก  ผมรักพี่ผมก็บอกว่ารัก  พี่ก็ชอบฟังใช่ไหมล่ะ?”  เขาย้อนขำ ๆ  อย่างไม่กลัวโดนลูกหลงเพราะคนตรงหน้าพอใจซะยิ่งกว่าอะไร














<i>ตัวเล็ก...มึงกลับมาถึงบ้านกูก็อยู่นิวยอร์คแล้วล่ะ  ขอโทษนะที่ไปโดยไม่บอกก่อน  แต่ว่า...กูยอมให้มึงโกรธที่กูหนีมาก่อนยังดีกว่าให้มึงมองตามหลังกูว่ะ  ส่วนหนึ่งกูก็เห็นแก่ตัวนะยอมรับ  ก็กูไม่อยากรู้สึกเหมือนทิ้งมึงอีกนี่หว่า  ...มึงคงกำลังน้อยใจ  แต่คงไม่มาก  เพราะไอ้เหี้ยฝิ่นคงทนดูไม่ได้ ฮ่า ๆ  ไว้กูอยู่ตัวแล้วจะโทรหาให้มึงบ่นกูให้หนำใจไปเลยแล้วกัน  แต่กูคำนวณก่อนนะอีกกี่วันมึงจะหายโกรธ  หึ  ตัวเล็กครับ...ไม่ต้องร้องไห้นะ  ถึงไอ้ฝิ่นอนุญาตแต่กูก็ไม่อยากให้มึงเสียน้ำตาเพราะกูหรอก  ตลอดเวลาของกู  ต้องการแต่รอยยิ้มของมึง  ^^ ยิ้มสิวะ!  ...คราวนี้กูคงอยู่นาน  พวกมึงดูแลกันและกันด้วย  ...กูเชื่อว่าไอ้ฝิ่นดูแลมึงได้ดี </i>







......................................ตั๊กบริบูรณ์  จ๊าก! จบบริบูรณ์จ้า................................................
...จะเล่นทำไม? :really2:?

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2012 08:05:04 โดย หลงไหลในม่านหมอก »

ออฟไลน์ หลงไหลในม่านหมอก

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 548
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +298/-2

คำเตือน...คนเขียนบ่นส่งท้าย  ยาวด้วย


หนึ่งปีกับนิยายเรื่องนี้ 
...การเขียนนิยายเรื่องนึงนี่ใช้เวลาเป็นปีเลยเหรอ?  ทำไมต้องนานอย่างนี้ ?
ตอนแรกคิดว่าสามเดือนก็น่าจะจบได้แล้วนะ  แต่เอาเข้าจริง  เฮ้ย สามเดือนฉันยังไปได้ไม่กี่ตอนเอง ยิ่งนานวันยิ่งกลัวใจตัวเองผีจะออกจากร่างวันไหนก็ไม่รู้  เราเคยหัดเขียนนิยายลงบล็อกส่วนตัวนะคะ  เซฟไว้อ่านเองคนเดียวก็เคย  และก็ไม่เคยจบสักเรื่องด้วย  สองตอนขี้เกียจแล้วจ้า  ฮ่า ๆ  แต่การลงนิยายให้คนอ่านทั้งที่ต้องปั่นสดไปพร้อมกันนี่ท้าทายดีนะ  วอนโดนคนอ่านด่าได้ง่ายดี กร๊ากกก
พอได้ลองทำ  เออ  ลองมีความรับผิดชอบบ้างก็ดีเว้ย  ถึงได้เข้าใจว่าทำไมการเขียนนิยายถึงต้องใช้เวลาขนาดนี้ 
เราอ่อนภาษาไทยมาก(ไม่ใช่เก่งภาษาอื่นนะ  แต่แบบใช้ภาษาไทยไม่ค่อยสมบูรณ์)  และเป็นคนใจร้อน  แต่ก็พยายามกลั่นกรองให้นิยายไม่ห้วนเหมือนนิสัย  ก็...นุ่มนวลได้เท่าที่เห็นล่ะค่ะ คำตอบทั้งหมดคือคนอ่านนั่นเองที่ทำให้เราได้นั่งทบทวนประธาน กริยา กรรม  ประโยคอะไรต่าง ๆ นานา  หลายต่อหลายคำก็search ถามอากู๋ทั้งนั้น  แต่ก็ออกได้มาเท่าที่เห็นY^Y....
ขอบคุณคนอ่านมาก  ขอบคุณทุกคนจริง ๆ ค่ะ  บอกตรง ๆ ถ้าไม่มีพวกคุณนามแฝงที่ชื่อซีซั่นก็ไม่สามารถเขียนจนจบเรื่องได้หรอก  ...เรารู้นิสัยตัวเองดี  ว่าไม่เอาไหนซะเหลือเกิน  แต่เขียนนิยายจบได้เรื่องหนึ่งละ  โคตรภูมิใจในตัวเองอย่างไม่กลัวใครหมั่นไส้เลย แทบจะก้มกราบตัวเองแล้ว  ...แม้จะเลยกำหนดที่ตั้งใจไว้นานมาก

...การทำอะไรที่อยากทำไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ  แต่ทำแล้วเสร็จ  พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าสำเร็จ  มันโคตรฟิน 

นิยายเรื่องอ้อมกอดเด็กช่าง  ขอจบไว้เพียงเท่านี้นะคะ  เราในฐานะคนเขียน  คิดเองเออเองว่า  เรื่องราวทั้งหมดมันสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองแล้วค่ะ

ตัวละครทุกตัวต่างมีหนทางที่เขาเลือกคิดเลือกกระทำ  ค้างคาใจบ้าง ก็เดาต่อกันไปก่อน ฮ่า 

เรื่องหนังสือ  ปีหน้าน่าจะมีข่าวนะคะ  ก็ตั้งใจว่าจะทำ  ถึงงานจะทับคอตายอยู่ทุกวันก็ยังหวังอยู่เสมอ  หลังอัพตอนนี้  คนเขียนก็จะลงมือปรับปรุง  แก้ไขเนื้อเรื่อง  พร้อมกับได้แต่งตั้งผู้ช่วยแล้ว  เพื่อมาฃ่วยให้หนังสือออกมาตามใจคนเขียนให้ได้  (แต่ยังไม่มีเวลาส่งรายละเอียดให้นาง ฮ่า ๆ ๆ ๆ)  แต่ให้เราพร้อมจริง ๆ สำหรับการตระเตรียมจัดทำหนังสือเรื่องแรกในชีวิต  ไว้พร้อมแล้ว  ถึงวันนั้นถ้าคนอ่านยังต้องการ  ก็เจอกันค่ะ 

ขอบคุณทุกคำแนะนำ  ขอบคุณทุกกำลังใจ  ขอบคุณมิตรภาพจากหลังไมค์ที่เรารบกวนเสมอ  (ตัวเองคนเดียวนั่นแหละ)  ขอบคุณทุกคนที่เปิดรับจินตนาการของเรานะคะ  เรามีความสุขมากค่ะเมื่อได้ถ่ายทอดออกไปแล้วมีคนอ่าน  และบางคนมีบอกว่าได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้ด้วย  ดีใจ^++^  เลือดอาชีวะเรามันเข้มค่ะ ก็อวย ๆ พรรคพวกนิดนึง

...แล้วเจอกันอีกในเรื่องใหม่นะจ๊ะ  จุ๊บ ๆ  (เมื่อคนเขียนมีวินัยในการอัพ  เมื่องานคนเขียนลดลงT^T)


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
เหมือนมันยังไม่จบเลยค่ะคุณซีซั่น
เอ๊ะ หรือเราไม่เข้าใจเอง กลับไปอ่านอีกรอบ

ออฟไลน์ jeeu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
เรื่องแก้วกับพ่อ เป็นอะไรที่หน่วงตั้งแต่อ่าน
จริงๆก็ไม่เข้าใจพ่อ ถ้ารู้สึกผิดกับแม่ ทำไมไม่เคยทำให้แก้วรู้บ้าง
ถ้าท่านรู้ว่าคุณแพรวกับขวัญทำอะไรแก้ว ทำไมไม่ปกป้องบ้าง
ทำไมกันน๊า.....
ถ้าพี่ฝิ่นจะทำให้แก้วเข้าใจกับพ่อ เราก็ดีใจมาก
ยิ่งตอนท้าย พี่ไม้คิดถึงพี่เป้ง น้ำตาซึมเลย
พี่ไม้เป็นพี่ที่ดีจริงๆ
และสุดท้าย พี่พงษ์วางใจปล่อยแก้วไว้กับพี่ฝิ่นแล้ว
มีทางเดินของตัวเองซะทีนะพี่
สุดท้าย ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ ครบทุกอารมณ์จริงๆ
รอติดตามเรื่องใหม่นะคะ

ออฟไลน์ NaEZ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เป็นตอนจบพิเศษที่ยาวและหน้ารักมากสมกับที่ติดตาม แล้วเราจะรออ่านเรื่องต่อๆไปนะ o13 o13 :bye2:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
นึกว่าตอนพิเศษหมดแล้วซะอีก สวรรค์!!!!

โครตจะชอบเรื่องนี้เลย ทั้งตัวละครทั้งการวางเนื้อเรื่อง อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

รอผลงานใหม่ๆของนักเขียนคนนี้ นะจ๊ะ โครตจะชอบ!!!  :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
ใจหายนะ รอเรื่องใหม่นะคะ รักแก้ว และรักลูกขวัญด้วย(เริ่มสงสารขวัญล่ะ) ^^

ice_spok

  • บุคคลทั่วไป
จบจริงๆหรอครับบบ

Y____Y

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อยากบอกคนเขียนว่า ประทับใจกับเรื่องนี้จริงๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันกัน
เรื่องนี้ทำให้ได้เห็นความคิดมุมมองหลายๆอย่าง ซึ่งมันน่าจะอยู่ในตัวตนของคนเขียน ถึงทำให้บรรยายออกมาได้ดีแบบนี้
เป็นกำลังใจให้ค่ะ รอข่าวดีเรื่องหนังสือปีหน้านะคะ :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
 :L2:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่าติดตามและนิยายดีๆคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด