บทที่38
รอยร้าว
..............................................................
“ชื่อธามครับ ผู้ชายหน้าตาดีมีเชื้อจีนครับ จบมัธยมเอกชนชายล้วน ครอบครัวมีธุรกิจค้าทองคำ ส่วนตัวผมประกอบอาชีพสัตวแพทย์ เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานกับสัตว์เลี้ยงพิเศษโดยเฉพาะ งู เขียด กิ้งก่า ค่าง บ่าง ชะนีอะไรผมก็รักษาได้ครับ แต่รักษาเก้งไม่ได้จริงๆ เป็นแล้วเป็นเลย”
...ไม่ใช่ผมนะที่พูดออกมา ไอ้ปาล์ม ไอ้เหี้ย ถ้าไม่ใช่ว่าบังเอิญมีธุระกุไม่มาชวนมึงมาเดินเล่น กินกาแฟหรอกนะ แล้วดูมันทำคุยกับใครวะ เมื่อกี้มีคนมาขอเบอร์มันแล้วมันเสือกบอกว่าเป็นผม (แต่เบอร์มันจริงๆ) ผมบอกมันว่ามึงวางสายไปเดี๋ยวนี้ เลิกอ้างไม่งั้นผมจะเทกาแฟแก้วละร้อยของมันลงใส่กระถางต้นไม้ข้างๆ
“ผมล้อเล่นนะเมื่อกี้ คือไม่ว่างคุยตอนนี้พอดีติดธุรน่ะครับ ไว้ดึกๆแล้วกันนะครับ สวัสดีครับ” แหมมึง มีดึกๆ ไหนบอกเหงา ไหนบอกเฉาไม่มีสาวมานาน นานเท่าไหร่ นานยังไงคราวนี้มึงไม่นานเท่ากูแน่
“เยอะนะมึง”
“นิดหน่อยๆ ว่าแต่พึ่งว่างมาหากูได้เหรอ เปลี่ยนสไตล์ไม่เท่าไหร่หนวดเคราหาย หน้าใสเลยนะมึงเอ้ย” โดนเลยครับ ผมแสยะยิ้มรับ เออ ทำไม แล้วทำไม ยังไม่เปลี่ยนเว้ยกุยังอยู่ในช่วงทดลองอยู่ ไปไม่รอดกุกลับไปซบสาวแน่
“ปากมึงนะ ไม่หาเรื่องกุสักทีได้ไหม ไม่น่าเล่าให้มึงฟังเลย ถ้ารู้ว่าจะพูดแบบนี้เนี่ยนะ” ชักโหมดดราม่า น้อยใจ เดี๋ยวมันก็จะหุบปากและสำนึกผิด
“เห้ย กุล้อเล่น โทษๆ ไม่ได้ว่าอะไรเลยแบบนี้ก็เหมาะกับมึงดี ไม่ใช่แบบนี้ หมายถึงพี่กันต์ คือกุก็รู้จักไง พี่เค้าโปรไฟล์ดีน่าลองนะเว้ย” ไอ้ปาลืมให้คำแนะนำผมเหมือนจะลงทุนหุ้น น่าลอง มึงแนะนำกุแบบนี้เหรอเสี่ย
“ช่างแม่งเหอะ กุไม่ได้จะมาคุยกะมึงเรื่องนี้ อนาคตกุจะได้เป็นตัวใครก็แล้วแต่บุญกรรมกุ ที่จริงพี่คนนึงเค้าอยากคุยเรื่องขายรถ” พี่คนที่ว่าซึ่งปกติผมไม่ค่อยอยากจะเรียกสักเท่าไหร่ กระดากปาก ไม่มีท่าทางให้เหมาะกับการเคารพเลยักนิด แล้วที่อยากให้มาคุยก้องมาคุยที่ที่ทำงานพี่แกอีก เอาเข้าไป เรียกร้องมันทุกอย่าง ค่าอาหารก็โควต้าของฟรีที่มีอยู่แล้ว เอามาแจก คนที่ว่าคงเดาไม่ยาก เชฟหมิง... อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาเลิกงานเดี๋ยวก็จะออกมาและ
“เออ พี่คนไหนวะ เจ๊แป้งเหรอ”
“ไม่ใช่ เป็นเชฟ ชื่อหมิงอยู่คอนโดเดียวกะกูนี่แหละ” ผมซดกาแฟอีกอึก มองนาฬิกา แล้วหางตาก็เห็นผู้ชายตัวสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เดินมา เชฟมาแล้วครับ ไอ้ปาลืมหันมองตามสายตาผม
“เหี้ยธาม ว่าแต่เค้าจะขายรถทำไม” ไอ้ปาล์มสงสัย เพราะปกติคนเค้าก็ไม่ขายรถกันหรอกครับถ้าไม่มีเหตุจำเป็น ไม่มีมีใครบ้ามีงานอดิเรกคือขายรถเล่น ไม่ใช่พริตตี้มอเตอร์โชว์ต่อให้คนบ้าๆแบบพี่หมิงก็เหอะ
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”
.................................................................................................
(นาย)
ร้อนมาก ประเทศไทยเป็นประเทศที่ร้อนแบบสาหัส ร้อนเหี้ยๆ ร้อนจนแม่งอยากเอาปืนยิงพระอาทิตย์ให้ร่วง แต่อากาศแบบนี้ เลี้ยงจระเข้ได้ดีมาก จระเข้อยู่ดี แต่คนเลี้ยงแม่งสติจะแตก ผมขับรถกระบะคันใหญ่ที่ข้างหลังบรรทุกอัดแน่นไปด้วยไก่สดๆอาหารจระเข้ ไม่มีใครมาช่วย เพราะไอ้นาฏไปเรียน พี่นพก็ทำอะไรสักอย่างที่ช่างแม่งเหอะ แม่ไม่มาอยู่แล้ว พ่อก็ไปคุยกับเจ้าอาวาสวัด บ้านอื่นลูกชายบวชให้พ่อ แต่บ้านนี้มีแววพ่อจะบวชอีกรอบให้ลูก บาปกรรมกูแท้ๆ จอดเข้าที่ก็ตามปกติ ผมตะโกนหาคนงานให้มันมาแบกไก่ลงจากหลังรถ กูแบกไม่ไหวหรอกนะ แค่ขับรถตากแดดกุก็แสบตัวจะแย่อยู่ละ ฟิล์มกรองแสงที่ติดมาไม่ช่วยอะไรแม้แต่นิด
“คุณนายครับเอาไปไว้ไหนครับ” คนงานใหม่ มึงถามกุผิดเวลามาก แล้วไม่มีใครเตือนมึงใช่ไหมว่ากุดุสัสๆเวลากุอารมณ์เสีย
“ตู้เย็นเล็กบ้านมึงมั้ง ไก่เป็นร้อยตัว ไอ้ห่า” ผมด่ามันทีนึงเป็นรางวัล คนงานคนอื่นที่รู้หน้าที่ตัวเองดีไม่รู้สึกรู้สา รีบพาไอ้คนงานใหม่ดวงซวยไปห้องเย็นเก็บเนื้อ ผมคว้าของอีกไม่กี่อย่างลงจากรถแล้วก็เดินฉับๆเข้าบ้าน ร้อนเหี้ยๆ แต่ก่อนเข้าบ้านก็นึกขึ้นได้ กุจำได้ว่าสั่งไอ้โจไว้นี่หว่าว่าให้สอนงานคนงานใหม่ แล้วมาถามแบบนี้...
“ไอ้โจ อยู่ไหน!!” ผตะโกนจากบันไดขึ้นบ้าน ไอ้โจวิ่งมาหน้าตาเหรอหรา
“กุสั่งมึงว่าไง ให้ทำเหี้ยอะไรเมื่อเช้านี้” ผมเอานิ้วเคาะราวบันไดไม้สักเป็นการเร่งมันให้คิดออกโดยไวก่อนที่ผมจะอารมณ์เสียมากกว่านี้
“ให้สอนงานคนงานใหม่ครับ” จากที่เห็นเมื่อกี้คือมันวิ่งมาจากด้านหลัง ไม่รู้ซินะว่าเด็กที่ให้ดูแลมันยังไม่รู้เรื่อง
“เมื่อกี้ไอ้โหน่งคนงานใหม่มันมาถามกุว่าเก็บไก่ไว้ตรงไหน ถ้ามึงสอนมันควรมีคำถามนี้ไหม มึงไปคิดดีๆนะ” ผมคาดโทษแล้วก็หันหลังงดทำบาปข่มขู่ผู้อื่น
น้ำเย็นๆถูกเปิดจากขวดเทเข้าปากไม่ต้องใส่ก้งใส่แก้วแล้วตอนนี้ ไม่ทันใจ...
“นาย ไม่รับโทรศัพม์หมิงล่ะลูก” มี่นั่งดูละครน้ำเน่าภาคบ่ายชะโงกหน้ามาถามผม ไอ้เชฟจีนมันยังตามหลอกหลอนผมไปทุกที่จริงๆ
“ขี้เกียจคุย ขับรถอยู่อ่ะแม่ ทำงานเหนื่อย แดดร้อน คุยกับมันแล้วเสียอารมณ์” ก็แบบนั้นจริงๆ คุยกันมันทีไรของขึ้นทุกทีต้องคุยตอนมีสมาธิ ไม่งั้นแม่งมีขับแหกโค้งชนคนตายด้วยโทสะเพราะโดนมันกวนตีน
“อ้อเหรอๆ หมิงเค้าจะบอกว่าจะมาหาเย็นนี้” ห๊ะ...
“มาทำไม ผมไม่อยู่” ตอแหลสด
“จะไปไหนอีก ร้อยวันพันปีไม่ออกไป จะออกไปวันนี้เลยนะ” แม่ถามแบบนี้... จะให้กุไปไหนดี ห้างกุก็ไม่ชอบเดิน เหล้าก็ไม่มีเพื่อนกิน ผู้หญิงก็ร้างมาช่วงนึง แม่ง...
“มันจะมาตอนไหน” ไม่ไปก็ได้วะ
“เย็นๆ หมิงโทรบอกแม่แล้ว จะไปตลาดก็ซื้อกับข้าวมาเผื่อหมิงเค้าด้วยล่ะ” แม่พูดแต่ตาก็ยังจ้องละครอยู่ ผมเก็บขวดน้ำเข้าตู้เย็น เดินไปนั่งที่พื้น (แม่นั่งบนโซฟา)
“มันติดสินบนอะไรแม่เนี่ย” ผมเอาคางเกยตักแม่
“เค้าจะเอาเซ็ทขนมไทยจากโรงแรมมาฝากแม่จ้ะ” รู้หมดแม่ชอบอะไร พ่อชอบอะไร ไอ้หมิง มึงนะมึง...
แล้วผมมาทำบ้าอะไรอยู่ที่ตลาด คือไม่ใช่หรอกปกติผมก็ต้องออกมาซื้อกับข้าวกลับบ้านอยู่แล้ว แต่ว่าผมกลับต้องมายืนจ้องแผงกับข้าวนานกว่าปกติ จะซื้ออะไรกลับไปดีล่ะคราวนี้ ไอ้เชฟมันก็เรื่องมากด้วยไงเรื่องของกิน เพราะมันเป็นเชฟ แล้วกุตองซื้ออะไร เพราะปกติมันทำให้กิน
“เอาอะไรจ้ะ” ป้าอย่ากดดันผมได้ป่ะเนี่ย กำลังคิดอยู่เห้ย
“อะไรอร่อย” เออถามควายๆออกไปแล้ว
“อร่อยหมดทุกอย่างจ้ะ” เอาละไงกู คือเจ้านี่ผมก็ว่าอร่อยสุดในตลาดและ แต่อะไรจะอร่อยที่สุดในแผงป้าวะ... กุจบวิศวะ เป็นช่าง ทำอาหารไม่เป็น ทำแต่บัญชี ซื้อกินย่างเดียวแล้วแม่งกินไม่เลือก กุควรจะซื้ออะไรดีล่ะ คิดไม่ออกโว้ยยยย ป้าก็มองอยู่นั่นแหละ ไม่เคยเห็นผู้ชายจ่ายตลาดหรือไงวะ
“เอาหมดทุกอย่างนั่นแหละป้า” ตัดปัญหาแม่งเลย แดกไม่หมดกุจับยัดแน่
กลับมาจากตลาดแม่ก็ยังนั่งดูละครอยู่ ไม่รู้แม่เอามาจากไหนนักหนาละครไทยจบก็ต่อละครเกาหลี เชื่อเขาเลย ผมเดินเข้าครัวเอากับข้าวสิบถุงวางไว้บนเคานเตอร์ คว้าหาหนังยางมัดแกงมามัดผมเอาไว้ชั่วคราวถึงแม้ว่าตอนที่แกะออกผมจะร่วงออกมาเป็นกระจุกๆก็ช่างหัวมัน ร้อนๆแบบนี้ก็รำคาญผมตัวเองแต่ว่าก็ไม่อยากตัด ชอบหนังหน้าตัวเองตอนไว้ผมยาวมากกว่าสกินเฮด จัดการตัวเองเสร็จแล้วก็จัดการเทกับอาหารมั้งหมดลงใส่จาน เหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ก็ห้าโมง มันคงยังไม่มา กว่าจะมากับข้าวก็เย็น แต่ช่างหัวมัน เย็นก็ข้าวกินได้ เสียงรถเลี้ยวเข้าบ้าน พ่อคงกลับมาจากวัดแล้ว ตกใจแหงว่าผมซื้อบ้าอะไรมาตั้งเยอะ ระหว่างที่เทแกงมาครึ่งทาง เสียงพ่อก็เริ่มไม่น่าใช่เสียงพ่อ ไอ้สำเนียงภาษาไทยแปร่งๆที่ทักแม่ มันไม่ใช่เสียงพ่อ...
“นาย” ไอ้เจ๊กตัวป่วนชะโงกหน้าเข้ามาในครัว ยิ้มแฉ่มเดินร่าเข้ามาตัวเปล่าบ่งบอกว่าเอาสินบนไปให้แม่แล้วเรียบร้อย
“บางทีมึงมาไวเกินไป” ผมกวาดถุงพลาสติกลงถังขยะ
“ก็อยากอยู่ด้วยนานๆ” ชักจะเลี่ยนนะมึง
“เคยถามกุไหมว่ากุอยากอยู่ด้วยไหม” ถึงสวนมันกลับซึ่งไอ้หมิงไม่เคยแคร์ มันไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วเอานิ้วมาเขี่ยผมบนหัวของผมเล่น อย่ามาเล่นหัวกู!
“ไม่ถาม นายชอบโกหก” มึงเข้าข้างตัวเองมากว่ากุโกหก ไม่เคยโกหกสักนิด มีแต่มึงอ่ะโกหกกู...
......................................................................(3ปีที่แล้ว)
ผมมาทำบ้าอะไรที่นี่มันไม่ใช่แบบที่ผมเป็นเลยที่คอยมาจับผิดใครต่อใคร คนที่มันบอกเองกับปากพล่อยๆของมันว่ามันไว้ใจได้ แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมต้องมาดูไอ้เหี้ยตี๋นี่กระซิบกระซาบนัวเนียกับใครก็ไม่รู้ มันเกี่ยวกับผมไหม ผมไม่รู้ แต่ที่รู้คือเจ็บใจมาก...
ผมคว้าเป้สะพายขึ้นบ่า ไม่เหลียวกลับไปมองแม้สักนิด ผมไม่สนใจแล้ว มันเหมือนถูกหักหลัง ถูกตบหน้า ถูกย่ำศักดิ์ศรีซึ่งมันทำให้ผมโกรธแบบที่ไม่ได้โกรธกับใครมานานแล้ว เสียงเรียกชื่อผมด้วยสำเนียงแปลกๆ ดังมาจากข้างหลังแข่งกับเสียงเพลงด้านในร้านเหล้า ผมไม่ได้ยินและผมจะไม่หันกลับไปฟังคำแก้ตัวไหนทั้งนั้น ผมสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไปจากหน้าร้านเหล้า เพื่อนสามสี่คนที่มากับผมตกใจที่อยู่ๆผมก็กลับ พวกมึงตะโกนเรียกกุไปเหอะ เพราะวันนี้กุไม่มีอารมณ์จะแดกเหล้า กุอยากฆ่าคน
มาถึงหอพัก ผมโยนของทั้งหมดลง นั่งลงที่ปลายเตียงแล้วถามตัวเองว่า
...ผู้ชายแบบมันกุจะหวังอะไรได้
...แล้วผู้ชายอย่างกุทำไมต้องหวังอะไรจากผู้ชายแบบมัน
มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเมื่อหลายเดือนก่อนคนที่ใครๆก็รู้ว่ามันเคยควงเฟรชชี่เดินมาทักทายอดีตพี่ว้ากที่เคยไปกระชากแฟนออกมาจากมันในแบบที่เปิดเผยว่า ...สนใจว่ะ ผมที่ไม่เคยปิดตัวเองว่าผมเองก็เป็นไบ ไม่แคร์ว่าใครเพศไหนจะมาจีบถ้าดีผมก็คุย ทีแรกผมแปลกใจ แต่มันก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอที่จะลองคุยกับไอ้บ้าที่ดูเพี้ยนๆนี่สักหน ขนาดภาษาไทยยังพูดไม่ชัด ยังจะอยากมาจีบคนอื่น
“นายน่ารัก” ประโยคที่มันพูดชัดที่สุด เสี่ยวมากแต่ก็ตลกมาก
“ถ้ามึงไม่เลี่ยนนะ มึงก็ควรจะคิดถึงกุบ้างว่ากุเลี่ยนนะหมิง” ซึ่งมันไม่เคยแคร์ มันก็ยังคงพูดต่อไป ผมยินดีที่มีคนมาสนใจถึงผมจะไม่ได้จริงจังเล่นไปเรื่อยแต่อย่างน้อยผมก็ไม่เคยคุยกับใครพร้อมกันสองคน แล้วไม่คิดด้วยว่าจะมีใครกล้าทำแบบนั้นกับผม โดยเฉพาะไอ้หมิง ไอ้เจ๊กสิงคโปร์ที่แม่งมันออกตัวแรง แล้วทำเหมือนว่าน่าไว้ใจ
...กุไม่น่าเชื่อมึงเลย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไอ้หมิงโทรมา ผมกดรับ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับ มันไม่ได้ทำอะไรผิดแค่ทำลายความไว้ใจ และโกหกคำโต
“นาย...” มันพูดแค่นี้ คิดไม่ออกอ่ะดิว่าจะพูดยังไงต่อ
“อยู่ไหนอ่ะมึง” ผมเอนหลังนอนลงบนเตียงหลับตาไประหว้างที่พูด
“อยู่ข้างล่างหอนาย คือหมิง...”
“ขึ้นมาป่ะเดี๋ยวลงไปรับ” ผมเสนอ ไอ้หมิงตอบรับเสียงอือๆ ผมคว้ากุญแจห้องเดินลงไปข้างล่างหอ มันคงขับรถมา เห็นผมเดินออกมาเลยอาจจะรีบตามมา ผมเปิดประตูหอให้ หมิงยิ้มกว้างให้ผม ผมยิ้มตอบๆไม่ได้พูดอะไร เดินนำหน้าขึ้นบันไดไปจนถึงห้อง ผมเปิดห้องให้ไอ้หมิงเข้าไปก่อน
แกร็ก.. ผมล็อคประตูตามหลังอย่างที่เคยชินเวลาอยู่คนเดียว
“หมิงขอโทษ” หมิงพูดกับผมเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคู่เรียวที่ผมเคยคิดว่าไว้ใจได้
เคยคิดมาตลอดตั้งแต่รู้จักกัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นว่าอยู่กับรุ่นน้อง วันที่ผมยังตะโกนว้ากเด็กปีหนึ่ง วิ่งขึ้นตึกด่าเหมือนคนบ้าแล้วมีมันมองตามแฟนตาละห้อย จนตอนนี้พึ่งมารู้ว่าตัวเองคิดผิด มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แค่วันนี้ผมบังเอิญอยากกินเหล้าแล้วโทรไปชวนมันมากินด้วยกัน ที่บ้านเพื่อนผม แล้วมันบอกว่าไม่ว่าง มีงานที่ครัว ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไร ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าผมใจดีเข้าใจอะไรง่ายมาก เสียอย่างเดียวตรงที่มันบังเอิญว่าผมเลือกเปลี่ยนมากินที่ร้านแล้วเจอกับคนที่บอกว่ามีงานกำลังนัวเนียกับใครสักคนที่ผมไม่เสียเวลามองให้ชัดด้วยซ้ำว่าเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย
ผมกับหมิงไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่คนที่คุยกันในแบบที่มันสนใจผม แต่ผมก็ถือว่ามันเป็นเพื่อนที่ดีคนนึง ผมเชื่อใจ เจอแบบนี้มัน
...โคตรเจ็บใจ ตรงที่โดนหลอกหน้าด้านๆ
“กุบอกแล้วว่ามีอะไรก็ให้พุดกับกุตรงๆ เพราะกุก็พูดกับมึงตรงๆ” ผมพูดพร้อมทั้งตาก็ยังมองเข้าไปในตาของมัน มันสำนึกผิด แต่มันก็แค่ปกติของคนทำผิดที่ตอนทำไม่เคยคิด
“เค้ามาคว้าเราไปเองอ่ะนาย” ความอดทนสุดท้ายของผมหมดแล้ว
ผลัวะ!
ผมต่อยเต็มแรงเข้าที่ปากพล่อยๆ โกหกก็เกินพอแล้วมาแก้ตัว กุไม่ใช่ควายนะเว้ย ไอ้หมิงที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงบนพื้น ผมเดินไปยืนคร่อมมันเอาไว้แล้วกระชากคอเสื้อมันขึ้นมา หน้าที่ขาวเผือดแสดงความสำนึกผิดแล้วไม่คิดจะตอบโต้อะไรอีกแล้วยิ่งทำให้ผมเจ็บใจ
“หมิงผิดเอง”
“มึงผิด สำหรับกุมันไม่มีครั้งที่สองแล้ว” ผมพูดใส่หน้ามัน พอกันที เพราะขนาดตอนนี้ยังเจ็บแล้ว แล้วถ้ามีครั้งต่อไปมันจะไม่เจ็บกว่านี้เหรอ ถ้าถลำลึกลงไปกว่านี้ ยังดีที่มันเห็นสันดานกันก่อน
“นาย” มืออุ่นๆขยับมาจับมือผมที่กำลังเสื้อมันแน่น ไม่ได้แกะออกแต่กุมเอาไว้แบบนั้น... จะทำเพื่ออะไรวะหมิง ทำแบบนี้ทำไมวะ
“เรื่องเรา มันไปไม่รอดหรอกหมิง พอเหอะ”
ผมมองหน้ามันครั้งสุดท้ายแล้วค่อยๆปล่อยมือจากมัน แต่อยู่ๆน้ำหยดนึงก็หยดลงบนแก้มของหมิงที่นอนอยู่กับพื้น น้ำหยดนั้นทำให้หมิงสะดุ้งด้วยความตกใจ ภาพที่แสดงให้ผมเห็นคือมันเม้นปากแน่นจากนั้นก็ยอมปล่อยมือผมแต่โดยดี สีหน้าสีไม่เคยเห็นจากมันมาก่อน แต่กลับได้เห็นในวันนี้คือความรู้สึกผิดและเสียใจกำลังแสดงอยู่ตามที่มันก็สมควรที่จะมี
“ออกไปเหอะ แล้วอย่ากลับมาอีก” ผมเปิดประตูให้มันเดินออกไป หมิงเดินออกไปแต่โดยดี ผมเห็นมันใช้ปลายนิ้วมือเช็ดหยดน้ำเล็กๆนั้นออกไปจากหน้าของมันเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่ประตูจะปิดลง
ส่วนผมเองไม่คิดจะเช็ดหยดน้ำมากมายบนหน้าที่ตอนนี้ไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บสุดๆ เจ็บแบบไม่เคยเจ็บมาก่อน เพราะไม่คิดว่าจะเจ็บเพราะคนที่คิดเอาเองว่าน่าเชื่อใจ...
คิดไปเองฝ่ายเดียวทั้งนั้น…
...4-4-2012
เอิ้วววว บทนี้ไม่ฮา สะเทือนอารมณ์กันเลยนะ เอาใจคนถามหาหมิงกับนาย นี่คือต้นเหตุที่ทำไมนายถึงดูจีบยากจีบเย็นนักหนาสำหรับหมิง แล้วทำไมหมิงถึงยังยอมตื้อนายไปเรื่อยๆ
สปีดอืดมาก พยายามให้ไวทันใจทุกคนอยู่ แต่ว่าก้ยังอืดอยู่ดีนั่นแหละ เห้อออ T T
ขอบคุณทุกคนมากที่ยังติดตามอ่านกันเหมือนเดิม นักอ่านหน้าใหม่เยอะเลยนะเนี่ย ฮี่ๆ พลาดแล้วว ที่มาอ่าน เรื่องบ้าบอคอแตกมาก
ติชมได้เสมอ รักคนอ่านนะจ้ะ
