]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)  (อ่าน 165161 ครั้ง)

niph

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
กูเชื่อว่า คนเราทุกคนน่ะ มีที่ว่างสำหรับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะหาเจอ ไม่ว่าจะเป็นที่ว่าง หรือ สิ่งที่ดีที่สุด


เรื่องนี้ดูท่าจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนซะแล้ว และดูเหมือนว่าผู้ต้องสงสัยที่เหลือจะเป็นพี่จ๊อบกับแบงค์นั่นละร่วมมือกัน
เอ็นก็น่าสงสัย แต่เอ็นจะทำไปเพื่ออะไร ... แย่งชิงเมฆหรือซันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะไม่ได้เจอกันนานแล้ว ซึ่งตรงกันข้ามกับพี่จ๊อบหรือแบงค์ที่ดูจะมีน้ำหนักในการแย่งชิงมากกว่า

แอบคิดนะว่าจริง ๆ แล้วร่วมมือกันสามคนกับนัทด้วย และตุ๊กตาตัวที่เป็นของนัทคือตัวล่าสุดที่ส่งมาให้ซัน ไม่ใช่เป็นตัวแรกที่ส่งให้ ไอ้ตัวแรกที่ส่งให้น่ะคือตัวที่สั่งทำใหม่

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ สงสัยน้องต้นไม่ชอบไปหาหมอเนอะ แบบว่าปล่อยไว้ให้หายเอง
เหมือนพี่เลย  :m23:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
เหอ เหอ สงสัยน้องต้นไม่ชอบไปหาหมอเนอะ แบบว่าปล่อยไว้ให้หายเอง


ประมาณนั้นคับ ตอนนี้ก้อดีขึ้นมากแล้ว เมื่อคืนน่าจะเป็นมรสุมลูกสุดท้าย
ตอนนี้เลยเหลือแค่เจ็บหน้าอก เวลากินอะไรก้อลำบากหน่อย คิดว่าพรุ่งนี้คงดีขึ้นคับ
^^

ปล. ตอนที่ 26 (ตอนหน้า) มีเซอร์ไพรส์เล็กๆนะคับ  :mc3:


........................................................


วินาทีที่ 25


เมื่อเราทั้งสี่คนกลับเข้ามาในคอนโดอีกครั้ง ไคล์กับเมฆที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกก็เลยเดินสำรวจห้องแต่ละห้องกันยกใหญ่

“คิดว่าไงครับ เมฆ” ผมเดินเข้าไปโอบเอวมัน

“ก็ดีนี่ เมฆว่าน่าอยู่ดี แต่ว่า.........”

“อืมม ซันรู้ เรายังไม่ย้ายมาตอนนี้หรอกครับ แต่ซันก็แค่อยากจะเตรียมให้มันพร้อมไว้เท่านั้นเอง และบางทีซันก็อาจจะมานอนที่นี่มั่งก็ได้ เพราะว่ามันใกล้ที่ทำงานซันมากกว่าด้วยน่ะ เมฆจะว่าอะไรรึเปล่า”

“ไม่หรอก ก็แล้วแต่ซันนั่นแหละ.........” ไอ้เมฆตอบ แต่ผมรู้เลยว่ามันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นด้วยจริงๆ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้อยากจะแยกกันอยู่กับมันหรอก เพียงแต่ว่าถ้าสถานการณ์มันยังไม่ดีอยู่แบบนี้ และผมอาจจะทำให้ไอ้เมฆหรือโดยเฉพาะพ่อเล็กต้องลำบากไปด้วยล่ะก็ ผมคิดว่าถ้าผมเลือกแบบนี้มันอาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้

เย็นวันนั้นเราเชิญไอ้เอ็นกลับบ้านไปกินข้าวเย็นพร้อมกับพวกเราด้วย ซึ่งพ่อเล็กก็ต้อนรับมันเป็นอย่างดีเช่นกัน ส่วนตัวไอ้เอ็นเองก็ดูจะชอบใจมากด้วยที่เห็นครอบครัวของเราเป็นแบบนี้ เพราะหลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จ มันก็ยังเอ่ยปากชมพ่อเล็กและความโชคดีของเราไม่หยุดปาก

“พ่อมึงน่ารักมากเลยว่ะไอ้เมฆ และก็ดูท่านรักไอ้ซันกับไคล์มากโคตรๆเลยด้วยเหมือนกันนะ” ไอ้เอ็นพูดเมื่อเราสามคนนั่งกันอยู่ตามลำพังในห้องรับแขก

“อืม กูรู้ กูถึงได้คิดอยู่ตลอดเลยไงว่ากูโชคดีมากโคตรๆขนาดไหนที่ได้พ่อเอกเป็นพ่อน่ะ........ แต่ไม่ใช่แค่พ่อกูเท่านั้นหรอกนะที่ดีกับกูมากๆน่ะ พ่อแม่ไอ้ซันกับพ่อแม่ไคล์ก็ดีกับกูมากเหมือนกัน”

“พวกมึงนี่โชคดีว่ะที่มีพ่อแม่เข้าใจน่ะ”

“ใช่ อย่างน้อยๆนี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่พวกกูคิดกันมาตลอดว่าเราสองคนโชคดีมากที่มีครอบครัวเข้าใจและคอยซัพพอร์ทเราอยู่ตลอดเวลาน่ะ และไม่ใช่แค่ครอบครัวด้วยนะ แต่มันยังรวมไปถึงเพื่อนของเราหลายๆคนด้วย”

ไอ้เอ็นก้มหน้าเงียบแล้วหมุนแก้วเบียร์ในมือเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ผมกับไอ้เมฆที่รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วก็มองหน้ากัน ก่อนที่ผมจะพยักหน้าให้มัน และมันก็เลยย้ายไปนั่งข้างๆไอ้เอ็น

“มึงมีพวกกูนะ ไอ้เอ็น ถ้ามีอะไรก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว มึงเชื่อใจพวกกูได้ว่าเรื่องมันจะไม่หลุดออกไปไหนแน่นอน” ไอ้เมฆวางมือลงบนบ่าของไอ้เอ็นเบาๆ

“เปล่าหรอก กูไม่ได้กำลังคิดถึงเรื่องนั้น” ไอ้เอ็นส่ายหน้า

“และมึงก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาตัวเองตอนนี้หรอก” ไอ้เมฆพูดต่อ และไอ้เอ็นก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับมันทันที “มึงมีชีวิตดีๆให้ใช้ มึงมีขาสองข้างที่ยังเดินต่อไปได้ มึงก็แค่เดินต่อไป และเมื่อไหร่ที่มึงเจอสิ่งที่คิดว่าใช่สำหรับมึง มึงก็จะรู้เองนั่นแหละ เพียงแต่มึงต้องไม่ลืมว่านับจากวินาทีนี้ไป มึงมีพวกกูคอยรับฟังและคอยให้คำปรึกษาด้วยแล้ว มึงไม่จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้คนเดียวอีกหลายปีหรือต่อไปจนตลอดชีวิตของมึงอีกต่อไปแล้ว มึงเข้าใจนะ”

ไอ้เอ็นมองหน้าของไอ้เมฆนิ่งๆ จากนั้นก็หันมาหาผมพร้อมรอยยิ้ม แล้วก็หันกลับไปหาไอ้เมฆอีกครั้ง “กูพอจะรู้แล้วว่าทำไมไอ้ซันมันถึงได้รักและหวงห่วงมึงมากนักน่ะ เอาเถอะ กูก็คงพูดได้แค่ว่าขอบใจมึงมากนะเว้ย ทั้งสองคนเลย และกูก็ขอบอกพวกมึงไว้ตรงนี้เลยเหมือนกันนะว่า ต่อจากนี้ไป กูก็จะช่วยเหลือพวกมึงทุกทางเท่าที่กูทำได้เหมือนกัน ขอให้มึงเชื่อใจกูได้เลย”

คืนนั้นหลังจากที่ไอ้เอ็นกลับไป ผมกับเมฆก็นั่งดูรูปที่ไปถ่ายมาด้วยกัน และทุกๆรูปนั้นก็สวยมากจริงๆ โดยเฉพาะถ้าตัดรูปที่ผมกับไอ้เมฆเปลือยกายถ่ายด้วยกันในห้องน้ำนั่นออกไปแล้ว ผมก็ยังชอบรูปที่มีเราทั้งสี่คนพร้อมหน้านั่งกันอยู่ที่โต๊ะกินข้าวมากๆด้วย มันดูราวกับผมได้ยินเสียงหัวเราะและรับรู้ได้ถึงความมีชีวิตชีวาในช่วงเวลานั้นออกมาจากรูปถ่ายเลยจริงๆ

“พี่บอลฝากบอกมาว่า เพื่อนพี่บอลชอบรูปของพวกเรามากเลยนะ โดยเฉพาะรูปของไคล์น่ะ” ไอ้เมฆพูดขึ้น

“แล้วมันจะเอาไงล่ะ” ผมถาม

“อืมมม ไคล์มันบอกว่า มันก็ไม่ได้สนใจจะทำอะไรแบบนั้นเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าให้ทำเล่นๆก็โอเค อะไรแบบนี้น่ะ”

“งั้นมึงก็จัดการดูแลมันไปเลยแล้วกันนะ กูยกให้มันเป็นน้องชายมึงไปเลย จัดการเอาตามสะดวก”

“อ้าว แล้วมึงจะไม่สนใจเลยรึไง”

“สนดิ่ แต่กูยกให้มึงคอยดูแลมันไง ตัดสินใจกันไปเลยไม่ต้องเกรงใจกู มีอะไรก็ค่อยบอก แล้วก็กูจะรอดูผลงานมันเอง”

“ก็ได้ ถ้ามึงว่าอย่างนั้นน่ะนะ........” ไอ้เมฆยักไหล่ “แต่กูก็ให้พี่แอมป์เค้าดูแลให้อีกทีอยู่ดีแหละว่ะ กูไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากนักหรอก แต่นี่กูก็คิดจะบอกไอ้วิทเอาไว้เหมือนกัน เผื่อวันไหนหรือกูติดอะไรขึ้นมา มันจะได้ช่วยเราได้ แบบนั้นมึงว่าดีมั๊ย”

“ก็ดีแล้ว จะได้ช่วยๆกันดู ไม่ต้องให้มันไปเปลืองตัวอะไรเพื่อที่จะได้งาน”

“อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วว่ะ ไคล์มันรู้แล้วก็ตัดสินใจเอาเองได้อยู่แล้ว”

“ว่าแต่พรุ่งนี้น่ะ..........” ผมพลิกตัวเป็นนอนหงายแล้วจับมือของมันขึ้นมากุมไว้ในมือ “เมฆไปซื้อของเข้าคอนโดกับซันนะ แล้วซันจะให้เมฆเลือกได้ทุกอย่างเลยว่าเมฆอยากให้มันออกมาเป็นแบบไหนนะครับ”

ไอ้เมฆยิ้มรับแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆ..........

เช้าวันต่อมา ไคล์ก็บอกพวกเราว่ามันไปกับเราไม่ได้เพราะว่าเพื่อนโทรมาชวนออกไปดูหนังเมื่อคืน พวกเราก็เลยต้องไปกันแค่สามคน โดยผมรับหน้าที่ขับรถพาพ่อเล็กไปดูที่คอนโดก่อน และไอ้เมฆจะขับรถอีกคันตามหลังมา เพื่อที่ว่าเผื่อเราต้องซื้อของหลายอย่างเราจะได้ใช้รถสองคันขนได้ทีเดียวไปเลย ไม่ต้องขับรถวนไปกลับหลายรอบ

“พ่อครับ ถ้าเกิดผมจะชวนเมฆย้ายออกมาอยู่กับผม......... พ่อจะว่าอะไรมั๊ยครับ” ผมถามพ่อเล็กขณะที่เราอยู่ในรถกันสองคน

“อ้าว พ่อจะไปว่าอะไรได้ล่ะ” พ่อเล็กหันมามองหน้าผม

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คือผมไม่ได้จะย้ายออกมาเร็วๆนี้หรอกครับ แล้วก็ไม่ได้คิดจะชวนไอ้เมฆมันย้ายออกมาเร็วๆนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ผมก็แค่บอกเอาไว้ก่อนน่ะครับ ว่าหลังจากนี้ไป อาจจะสักปีนึง สองปี หรือห้าปี ผมก็คงจะขอลูกชายพ่อให้ออกมาจากเรือนสักวันแน่ๆ อะไรแบบนั้นน่ะครับ”

พ่อเล็กหัวเราะชอบใจ “ฮ่าๆๆ เออๆ ก็ดีนี่ เข้าใจพูดดี เอาเถอะ ซันกับเมฆตัดสินใจยังไงก็เอาเลย ชีวิตมันเป็นของลูกทั้งสองคนอยู่แล้วนี่ โตๆกันแล้ว พ่อว่าดีซะอีก เมฆมันจะได้ไม่ดูเป็นลูกติดพ่อมากเกินไปนัก มันน่ะนะ ชอบเป็นห่วงพ่อมากมายไม่เข้าเรื่องอยู่เรื่อย”

“มันก็เคยบอกผมครับว่ามันอยากอยู่กับพ่อเล็กก่อนสักพักใหญ่ๆค่อยคิดเรื่องย้ายออก แต่ผมก็เกรงใจ...... คือ ไม่ได้เกรงใจแบบนั้นหรอกครับ” ผมรีบพูด เมื่อรู้สึกว่าพ่อเล็กกำลังมองผมอยู่ “แต่ผมเกรงใจที่ผมยังต้องใช้ของทุกอย่างของพ่อเล็กอยู่เลยน่ะครับ ทั้งรถ ทั้งบ้าน....... ทั้งลูกชาย” เมื่อดิ้นอย่างนั้นพ่อเล็กก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง “คือมันไม่ใช่แค่ผมไงครับ ยังมีไคล์อีก ผมก็เลยอยากจะมีอะไรที่เป็นของตัวเองให้เป็นสัดส่วนบ้าง และเพื่อเป็นการตอบแทนพ่อเล็กได้ไปในอีกทางด้วย”

“อืมม พ่อเข้าใจ ซันเองก็เหมือนวันรุ่นทั่วไปทุกคนนั่นแหละ ที่พอเรียนจบมีงานทำแล้ว ก็อยากจะสร้างทางเดินของตัวเอง....... เอาเลย อยากทำอะไรก็ทำ พ่อไม่ว่าหรอก ถ้าอยากจะตอบแทนบุญคุณพ่อนะ ก็ดูแลลูกชายพ่อ ดูแลตัวเองดีๆ รักกันให้ดีๆก็พอแล้ว พ่อขอเพียงเท่านี้แหละ”

วันนั้นทั้งวันผมกับเมฆและพ่อเล็ก ต่างก็วุ่นอยู่กับการเดินเลือกซื้อของใช้และขนของเข้าคอนโดกันยกใหญ่ และพอตกบ่ายแก่ๆ ไคล์ก็กลับมาช่วยพวกเราด้วยอีกแรง ทำให้งานทั้งหมดเสร็จเร็วขึ้นได้กว่าปกติอีกราวๆสองชั่วโมง ก็เป็นอันว่าวันนี้ของเราก็ควรจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ เว้นเสียแต่ว่าผมได้รับโทรศัพท์ชวนให้ไปกินเหล้ากับพวกไอ้วิทและเพื่อนเอาเสียก่อน

“ทำไมมึงเพิ่งมาชวนกูเอาวันนี้ตอนนี้วะ ไอ้บ้า” ผมบอกมันไปหลังจากคำชวนแรกของมัน “นี่มันจะห้าโมงแล้วนะเว้ย”

“เอาน่า ตอนแรกพวกกูก็ไม่ได้ตั้งใจจะนัดกินเหล้าเหี้ยอะไรกันหรอก แต่นี่เมื่อเช้ากูตั้งใจจะมานั่งเล่นบ้านไอ้อีฟมัน แต่ปรากฏว่าไอ้เดียร์ก็กำลังจะมาเที่ยวอยู่แล้ว แถมแน่นอนว่าไอ้ป๋อมก็มาด้วย ตอนนี้ก็เลยมีกันอยู่สี่คน และพวกกูก็เลยโทรชวนคนอื่นๆมาด้วยเลยไง แค่กินข้าวกัน ไม่ได้มีอะไรหรอก”

“เดี๋ยวขอกูถามไอ้เมฆก่อนก็แล้วกัน เพราะตอนนี้พวกกูไม่ได้อยู่บ้าน กูเพิ่งซื้อของเข้าคอนโดกูกันเสร็จน่ะ นี่พ่อเล็กกับไคล์ก็อยู่ด้วยนะเนี่ย”

“อ้าวเหรอ เออ มึงลองไปถามไอ้เมฆดูก่อนแล้วกัน ถ้ามาได้ก็มา มาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูแดกเผื่อ” ไอ้วิทหัวเราะ จากนั้นมันก็วางสายไป ผมจึงเดินเข้าไปหาไอ้เมฆที่กำลังนั่งคุยกับไคล์อยู่ที่ห้องรับแขก

“อ้าว แล้วพ่อเอกล่ะ” ผมถามพลางนั่งลงข้างๆมัน

“เข้าห้องน้ำน่ะ ว่าแต่จะกลับกันยัง จะกินข้าวบ้านหรือกินเข้าไปเลยดี ไคล์หิวอีกแล้วนะ”

“อะไรวะ หิวอีกแล้วเรอะ” ผมหันไปมองหน้าไคล์ “เออ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจล่ะนะ เราก็หิวได้ทุกๆชั่วโมงอยู่แล้วนี่”

“วัยกำลังโตน่ะ มันช่วยไม่ได้” ไคล์ยักไหล่

“แต่ซันมีอีกข้อเสนอมาให้เมฆนะ” ผมหันกลับมาหาไอ้เมฆ “เมื่อกี๊ไอ้วิทโทรมาว่ะ แล้วมันชวนเราสองคน ไม่สิ ทั้งสามคนเลยไปกินข้าวที่บ้านไอ้อีฟน่ะ นัดกันแบบฉุกละหุกนิดหน่อย ตอนนี้ที่นั่นก็มีอีฟ เดียร์ มัน แล้วก็ไอ้ป๋อมแค่นั้นมั๊ง เดี๋ยวคนอื่นๆก็คงจะตามกันไปอีกแต่ไม่รู้มีใครบ้าง มึงเอาไงอ่ะ”

“อืมมม....... กูว่ากูผ่านดีกว่าว่ะ ขอพาพ่อเอกกลับบ้านไปพักดีกว่า เพราะดูท่าทางพ่อจะเหนื่อยมากแล้ว มึงไปเหอะ ฝากทักทายพวกมันด้วยก็แล้วกัน แต่อย่าเมามากแล้วหนีไปแรดไหนต่อไหนกับพวกมันนะเว้ย ไม่งั้นกลับบ้านมาแล้วคุณซันโดนคุณเมฆเล่นงานแน่นะครับ” ไอ้เมฆหันมายิ้มให้กับผม และผมก็ชะโงกหน้าเข้าไปประทับจูบของผมลงบนริมฝีปากคู่นั้นเบาๆโดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มสดใสในครั้งนี้ของมันนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของรอยทางแห่งน้ำตาที่เราสองคนใกล้จะต้องเผชิญ.........

เย็นวันนั้นหลังจากที่ไอ้เมฆ พ่อเล็ก และไคล์ขับรถออกจากคอนโดไปแล้ว ผมก็ขับรถแยกไปยังบ้านของอีฟที่เป็นจุดนัดหมายของพวกเราตามลำพัง เมื่อผมไปถึงที่นั่น เพื่อนๆของเราหลายคนก็กำลังนั่งกินเหล้าสังสรรค์กันอยู่แล้ว และหนึ่งในนั้นก็มีไอ้แบ๊งค์ที่ท่าทางจะเมากว่าคนอื่นๆอยู่หน่อยอยู่แล้วด้วยเช่นกัน

“นี่มึงมันคออ่อนหรือขี้เหล้ากันแน่วะ ไอ้แบ๊งค์ กูเจอมึงทีไรก็เห็นเมาเป็นหมาทุกที” ผมทัก

“ก็ถ้าเมาแล้วมันมีความสุขกูก็อยากจะเมานี่หว่า” ไอ้แบ๊งค์ตอบ

ผมส่ายหน้าเบาๆให้กับมันก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ว่างถัดจากมันมาพอสมควร และคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมแล้วก็คือไอ้วิทนั่นเอง

“ทำไมไอ้เมฆไม่มาวะ ซัน”

“กลับบ้านไปส่งพ่อเล็กกับไคล์น่ะ ท่าทางพ่อเค้าจะเหนื่อยแล้ว ไอ้เมฆมันก็เลยอยากให้เค้ากลับไปพักผ่อนไวๆ แต่มันก็ฝากความคิดถึงมาให้พวกมึงทุกคนด้วยนะ เออ แล้วก็มันฝากกูมาบอกมึงว่าเวลามึงว่างๆก็ให้โทรไปคุยกับมันที มันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยว่ะ”

“เอ้า เรื่องอะไรวะ มึงก็ไม่รู้เหรอ”

“เรื่องไคล์มั๊ง เอาเหอะ มึงก็โทรไปคุยกับมันหน่อยก็แล้วกัน” ผมยกแก้วเหล้าที่ไอ้วิทเพิ่งชงให้ขึ้นจิบ “ว่าแต่นัทไม่มาเรอะ” ผมหันมองไปรอบๆท่ามกลางเพื่อนๆหลายคนที่สนามหญ้าหน้าบ้านนี่ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของนัทอยู่เลย

“มาไม่ได้มั๊ง เห็นว่าติดธุระอะไรสักอย่าง ต้องถามอีฟดูว่ะ”

“ก็ดีแล้วล่ะ” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ทำเป็นไม่สนใจกับสีหน้าสงสัยของไอ้วิทมัน

จนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ไอ้แบ๊งค์ก็ยังคงไม่ได้เข้ามาวุ่นวายหรือพูดคุยกับผมเลย อาจจะเนื่องจากเพื่อนๆเราที่มากินกันคืนนี้ก็ปาเข้าไปจะสิบห้าคนแล้วก็ได้ ทำให้ส่วนมากแล้วใครนั่งอยู่ตรงไหนก็จะนั่งติดที่ แล้วก็จะได้พูดคุยกันเฉพาะคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกันมากกว่า รวมทั้งเมื่อตัวผมเองย้อนนึกไปถึงคำพูดของไอ้เอ็นที่บอกว่าอย่าเพิ่งไว้ใจใครทั้งนั้น บวกกับสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้วว่ามันชอบผม คำพูดของมันที่เคยพูดออกมา และการกระทำของมันที่จู่ๆก็โผล่มาที่บ้านของไอ้เมฆพร้อมพี่จ๊อบในวันนั้น มันก็ทำให้ผมอดรู้สึกกังวลและข้องใจในตัวของมันไปด้วยไม่ได้....... แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังคงไม่สามารถลืมคำพูดของตัวเองที่บอกมันไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ว่าจะไปกินข้าวกับมันสองคนอีกครั้ง กับรอยยิ้มดีใจแบบเด็กๆ รอยยิ้มซื่อๆของมันหลังจากที่ผมพูดแบบนั้นออกไปไม่ได้จริงๆ

“กูว่ามึงดูเครียดๆนะ” ไอ้วิททักผม

“งั้นเหรอวะ ทำไมมึงคิดงั้นล่ะ”

“ก็ดูมึงกินหนัก แล้วก็เงียบด้วย ไม่สิ เงียบอย่างเดียวไม่พอ หน้ามึงเหมือนมึงกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาเลยด้วยว่ะ เพลาๆลงหน่อย อย่าลืมนะว่ามึงต้องขับรถน่ะ” ไอ้วิทปรามผมพร้อมกับดึงแก้วเหล้าผมออกจากในมือ “แต่ก่อนมึงไม่เป็นงี้นะ ปกติกูไม่ค่อยเห็นมึงกินแบบนี้เท่าไหร่เลย มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าวะ”

“หึ ไม่มีอ่ะ กูก็แค่คิดอะไรเพลินๆ แล้วเหล้ามันอยู่ในมือก็เลยกระดกเอาๆแค่นั้นเอง” ผมยิ้มออกมา “แต่ยังไม่เมาหรอก มึงไม่ต้องห่วง กูดูแลตัวเองได้”

“ก็นั่นน่ะสิ แต่กูว่าไอ้เหี้ยนั่นท่าทางจะไม่ไหวแล้วนะน่ะ” ไอ้วิทพยักเพยิดไปทางไอ้แบ๊งค์ “ปกติมันก็คออ่อนอยู่แล้วนะ แล้วแม่งยังเลือกทำเก่ง”

“ปล่อยๆมันไปเหอะ นานๆที” ผมหันไปมองไอ้แบ๊งค์ที่หัวเราะร่วนอยู่กับเพื่อนๆ จากนั้นก็หันกลับมาหาไอ้วิท “ขอกูไปเติมน้ำแข็งก่อนนะ แล้วจากนี้ไปกูสัญญาว่าจะเหลือแค่น้ำส้มอย่างเดียวแล้วว่ะ”

“มึงไม่ต้องมาสัญญากู ไอ้ห่า กูไม่ใช่ไอ้เมฆแฟนมึง”

ผมหัวเราะและลุกขึ้นเดินไปเติมน้ำแข็งซึ่งก็ต้องเดินผ่านตรงที่พวกไอ้แบ๊งค์กำลังนั่งกันอยู่ ทำให้ผมบังเอิญได้ยินประโยคที่พวกมันกำลังคุยกันเข้าพอดี

“ทำไมมึงดูอารมณ์ดีจังวะ ไอ้แบ๊งค์ มีอะไรดีๆรึไง”

“ก็นิดหน่อยว่ะ กูก็แค่เจอของที่กูทำหายไปเมื่อนานมาแล้วน่ะ” ไอ้แบ๊งค์ตอบ เพราะท่าทางมันจะไม่รู้ว่าคนที่เดินผ่านข้างหลังมันคือผม ทำเอาผมถึงกับต้องสะดุด “ถ้าอะไรๆมันดีได้ไปตลอด มันก็คงจะดีว่ะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามน่ะนะ”

“น้ำแข็งจะหมดแล้วนะ อีฟ” ผมแกล้งพูดขึ้นมาเสียงดัง “จะให้กูออกไปซื้อให้มั๊ย”

“เออๆ ก็ดีเหมือนกัน เอ้าพวกมึง ผู้ชายเปล่าวะ ไปช่วยไอ้ซันมันคนนึงดิ่ เดี๋ยวขี่รถกูไปนี่แหละ”

ผมรับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์มาจากอีฟ จากนั้นก็เดินไปที่รถของมันโดยที่มีคนวิ่งตามหลังผมมาติดๆ ตอนแรกนั้นผมยังไม่รู้ว่าเป็นใครจนกระทั่งผมหันไปมองนั่นแหละถึงได้เห็นว่าคนที่อยู่ข้างหลังผมนั้นก็คือไอ้แบ๊งค์

“มึงจะไปกับกูเรอะ” ผมถาม

“อือ อยู่ห่างๆเหล้าหน่อยก็ดี จะได้สร่างๆหน่อย ไม่งั้นไม่ไหวว่ะ เดี๋ยวเป็นอย่างคืนนั้นที่บ้านไอ้เมฆอีก” มันตอบเสียงอ้อแอ้

“ก็ดีแล้ว เอ้า งั้นก็ขึ้นมา” ผมสต๊าร์ทรถ และเมื่อไอ้แบ๊งค์ขึ้นซ้อนท้ายผมแล้ว ผมก็ขี่รถออกจากบ้านของไอ้อีฟไปยังหน้าปากซอยแล้วจอดรถที่หน้าร้านขายของที่ติดอยู่กับร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ที่เป็นรถเข็นร้านหนึ่ง ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ของผมดังขึ้น และคนที่โทรเข้ามาก็คือไอ้เมฆนั่นเอง มันโทรเข้ามาถามผมว่าผมจะกลับไปกินข้าวที่บ้านอีกหรือเปล่า

“ไอ้เมฆโทรมาตามแล้วเหรอ ทำไมดูอารมณ์ดีจังวะ” ไอ้แบ๊งค์ถามหลังจากผมวางโทรศัพท์ไปเรียบร้อยแล้ว

“เปล่าหรอก มันแค่โทรมาถามว่ากูจะกลับไปกินข้าวบ้านอีกรึเปล่าน่ะ เออ เดี๋ยวกูจะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวหน่อยนะ มึงจะกินด้วยรึเปล่า”

“ก็ได้ กูนั่งเป็นเพื่อนมึงก็ได้ แต่กูไม่กินนะ ไม่ไหวแล้วว่ะ” ไอ้แบ๊งค์ส่ายหน้า

หลังจากที่เราสองคนนั่งลงที่โต๊ะจนผมเริ่มต้นกินก๋วยเตี๋ยวของผมแล้ว ไอ้แบ๊งค์ก็ยังคงนั่งจ้องหน้าผมเงียบอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มรู้สึกอึดอัดปนรำคาญเล็กน้อย

“มองห่าอะไรนักวะ” ผมพูด

“เปล่า ก็แล้วมึงจะให้กูมองอะไรล่ะ ก็กูเมานี่หว่า”

“มองเหี้ยอะไรก็มองไปดิ่ ไม่เห็นต้องมานั่งจ้องตอนกูแดกแบบนี้เลยนี่หว่า” ผมส่ายหน้าช้าๆก่อนจะก้มหน้าลงกินก๋วยเตี๋ยวต่อ “เออ แล้วนี่มึงมายังไงเนี่ย ขับรถมารึเปล่า จะกลับไหวเหรอวะ”

“มึงเป็นห่วงกูด้วยเหรอ” ไอ้แบ๊งค์ยิ้ม แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรออกไป “คือ กูก็นั่งแท็กซี่มาว่ะ แล้วเดี๋ยวก็คงนั่งแท็กซี่กลับนั่นแหละ ไม่มีปัญหาหรอก”

ผมพยักหน้าตอบ แล้วเราสองคนก็เงียบกันลงไปอีกจนกระทั่งผมกินเสร็จ และหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปซื้อน้ำแข็งออกมาสามถุงใหญ่ๆ จากนั้นไอ้แบ๊งค์ก็ขึ้นมานั่งซ้อนท้ายผมเหมือนเดิม

“เออ ไอ้แบ๊งค์ กูมีอะไรอยากจะบอกมึงว่ะ” ผมพูดขึ้นก่อนจะออกรถ

“หือ เรื่องอะไรวะ”

“ที่กูเคยนัดมึงไปกินข้าวอีกครั้งอ่ะ กูขอแคนเซิ่ลได้มั๊ยวะ ช่วงนี้กูมีปัญหานิดหน่อยว่ะ เลยคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”

“อ้าวงั้นเหรอ........” เสียงของไอ้แบ๊งค์ดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “เออ ไม่เป็นไรหรอก กูเข้าใจ”

“กูขอโทษทีนะเว้ย คิดซะว่ามากินที่บ้านไอ้อีฟคืนนี้เป็นนัดแบบผิดแผนของกูไปหน่อยก็แล้วกันนะ เพราะหลังจากนี้แล้วกูก็ไม่แน่ใจแล้วว่ะว่าจะได้ไปไหนมาไหนแบบนี้อีกรึเปล่าน่ะ”

“อืม ไม่เป็นไรหรอก เฮ้ย กูว่าเรารีบกลับเถอะว่ะ เดี๋ยวพวกมันจะรอน้ำแข็งนาน”

ผมพยักหน้า จากนั้นก็สต๊าร์ทรถและเริ่มขี่รถออกไป และระหว่างทางขณะที่ไอ้แบ๊งค์กำลังซ้อนท้ายผมอยู่นั้น ก่อนจะถึงหน้าบ้านของอีฟไม่นาน ผมก็รู้สึกได้ว่าไอ้แบ๊งค์มันเอาหัวของมันมาพิงอยู่บนหลังของผม และมือข้างหนึ่งของมันก็ค่อยๆเขยิบมาโอบเอวผมเอาไว้อย่างช้าๆด้วย

“กูขอโทษว่ะ.......” ไอ้แบ๊งค์พึมพำออกมาเบาๆ แต่มันคงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผมได้ยินสิ่งที่มันพูดออกมาทุกคำ





น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
แบงก์น่าสงสัยอันดับแรกเลยตอนนี้

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
นี่ก็น่าสงสัยอีกคน

 :a11: งง ๆ ใครน๊า เต้นหาคำตอบ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มสดใสในครั้งนี้ของมันนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของรอยทางแห่งน้ำตาที่เราสองคนใกล้จะต้องเผชิญ

มัวแต่ลุ้นเรื่องสืบสวนเพลิน จนเกือบลืมตอนเริ่มเรื่องแล้วสิ   :m13:

ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

artkung

  • บุคคลทั่วไป
คาดว่า แบ๊งค์ คงเป็นสาเหตุแน่เลย  :m13:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
รู้นะว่าอ่าน (ฮา)






















































































































































































แน๊ะ! ยังจะอ่าน!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2008 21:57:46 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
มานอนรอพี่ชาย

ใจเย็นๆนะคับพี่

ทุกๆอย่างมีทางแก้เสมอ (รึป้ะ?)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

ถ้าหากเพียงแค่เราสามารถสรรสร้างวาดแต่งท้องฟ้าของเราเองได้
ก็คงจะไม่มีใครต้องทนเปียกปอนเพราะความหนาวเหน็บจากน้ำฝน
และหม่นหมองใจ จากเงามืดของก้อนเมฆสีดำที่ปกคลุมนั่น

ถ้าหากเพียงแค่เราสามารถรังสรรค์ความงามของแสงอรุณ
ความมืดทั้งหลายก็คงจะไม่คืบคลาน
และความเหงา ก็คงไม่ต่างจากเงาดำของท้องฟ้าที่ไร้แสงจันทร์

ขอแค่สักครั้งในชีวิต ที่สองมือนี้จะได้ปั้นแต่ง วาดภาพที่สวยงามที่สุดในชีวิตขึ้นในจิตใจ
โดยไม่ต้องใช้ความทุกข์เศร้าเป็นผืนผ้า และใช้น้ำตาแทนหมึกวาด. . . . .


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .




วินาทีที่ 26


“ซัน มึงจะกลับมากินข้าวที่บ้านอีกรึเปล่า กูจะได้เผื่อไว้ให้” ผมโทรไปถามไอ้แสบของผม เพราะวันนี้มันออกไปกินเหล้าเจอเพื่อนๆที่บ้านของอีฟกัน แต่ผมไม่ได้ไปด้วยเพราะว่าอยากจะพาพ่อเอกกลับมาพักผ่อนนั่นเอง

“อ๋อ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูกินที่นี่แหละ ไม่ต้องห่วงนะ”

“อืมๆ ก็ดีแล้ว และนี่คนไปเยอะเปล่าวะ แล้วจะกลับกี่โมง”

“ก็พวกๆเราแหละ ไม่เยอะมากหรอก ส่วนเรื่องกลับ กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ น่าจะราวๆเที่ยงคืนได้มั๊ง มึงนอนก่อนเลยก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงกู”

“เอางั้นเหรอ ว่าแต่มึงมีกุญแจบ้านรึเปล่าล่ะ”

“มีๆ อยู่ในรถน่ะ เออนี่ เมฆ แบตกูจะหมดแล้วว่ะ เหลืออีกจึ๋งเดียวเอง กูขอวางก่อนนะ และถ้าเกิดมึงโทรมาไม่ติด ก็รู้ไว้เลยนะว่ามันเป็นเพราะแบตกูหมดน่ะ ไม่ต้องกังวลไปล่ะ เข้าใจรึเปล่า”

“คร้าบ เข้าใจแล้ว ยังไงก็อย่าเมามากก็แล้วกัน ขับรถดีๆ เข้าใจมั๊ย”

“คร้าบบ เข้าใจแล้วคร้าบบ รักมึงนะ ไอ้ตัวดี”

ผมอดอมยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ “รักมึงเหมือนกับครับ ไอ้ตัวแสบ”

“อื้อ งั้นแค่นี้ก่อนนะ แล้วกูจะรีบกลับ” ไอ้ซันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะวางสายไป

ผมยิ้มให้กับตัวเองนิดๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา โดยมีไคล์นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ

“ยิ้มอะไรน่ะ” ไคล์หันมาถามผม “ทำท่าทางหน้าตาน่าอิจฉาเชียว”

“เปล่า ไม่มีอะไร แค่อารมณ์ดีนิดหน่อยน่ะ นานๆจะเห็นไอ้พี่ชายของเราพูดจาแบบนั้นซักที” ผมตอบ พลางเขยิบหัวขึ้นไปนอนหนุนตักของไคล์ “ว่าแต่วันนี้ได้คุยกับพีรึยัง”

“ยังเลย แต่เดี๋ยวอีกสักพักก็จะขึ้นไปออนไลน์แล้วล่ะ”

“อื้มม ก็ดีแล้ว”

“นี่ ศิลา พี่ได้บอกซันเรื่องนั้นรึยัง”

ผมเงียบไปราวๆห้าวินาที ก่อนจะชันตัวขึ้นนั่ง และหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาดู

“ยังเลย และคงไม่บอกหรอก ช่างมันเถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ แถมไอ้ซันมันใจร้อนจะตายไป เกิดมันคิดมากและทำอะไรแรงๆขึ้นมาอีกมันจะยุ่งน่ะ และที่สำคัญที่สุดก็คือ อีกฝ่ายเค้าก็คงไม่ได้คิดอะไรมากมายนักหรอก จะฟันธงอะไรไปตอนนี้เลยก็คงไม่ได้”

“แน่ใจนะ เพราะว่าผมก็คงทำอะไรเรื่องนี้มากไม่ได้ด้วยสิ”

“นั่นน่ะดีแล้วล่ะ” ผมพยักหน้า “ไคล์ไม่ต้องทำอะไรหรอก และถ้าพี่อยากให้ไคล์ช่วยอะไรพี่จะบอกเอง เพราะมากคนมันก็มากความ พี่จะจัดการเรื่องตรงนี้เอง แบบนั้นดีกว่ามั๊ย”

“แล้วแต่ศิลาครับ ผมยังไงก็ได้ เพราะผมเชื่อใจพี่ทั้งสองคนอยู่แล้ว”

ผมหันไปยิ้มให้กับไคล์อีกครั้ง ก่อนจะขอตัวลุกขึ้นเดินขึ้นห้องไป แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะทันได้เปิดประตูห้อง โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้นมาอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ

“หวัดดีครับ ทำอะไรอยู่รึเปล่า ผมกวนรึเปล่าครับเนี่ย”

“หึๆ แล้วถ้าพี่บอกว่ากวนเนี่ย อาร์มจะทำยังไงครับ”

“ก็วางน่ะสิครับ ผมไม่อยากกวนเวลาพี่เมฆหรอก”

“อืมม พี่เข้าใจครับ แต่ว่าตอนนี้พี่ยุ่งๆอยู่จริงๆน่ะ เอาไว้เราค่อยคุยกันอีกทีวันหลังก็แล้วกันนะครับ ขอโทษทีนะ” ผมตัดสินใจโกหกออกไป

“อ้าวเหรอครับ อืม งั้นก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นแค่นี้ก็ได้ครับ เอ่ออ.......”

“อะไรเหรอครับ”

“ก็........ คือ........คืนนี้นอนฝันดีนะครับพี่ บ๊ายบายครับ” เมื่อพูดจบเขาก็วางสายไปทันที

ผมถอนหายใจแล้วก็ส่ายหัวเบาๆ นับตั้งแต่วันที่เราไปถ่ายรูปกันที่บ้านของพี่แอมป์ ถึงมันจะไม่มากนัก แต่ผมก็สังเกตและรู้สึกได้เลยว่าอาร์มกำลังพยายามที่จะหาเรื่องมาคุยกับผมบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องพี่สาวของเขา เรื่องรูปถ่าย เรื่องการถ่ายรูป เรื่องของไคล์ หรือเรื่องการออกกำลังต่างๆนาๆ ถึงมันจะดูเป็นการโทรมาคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป ไม่ได้แสดงออกจุดประสงค์อะไรมากมายนัก แถมยังไม่ได้โทรมาทุกวัน แต่ทว่าใครก็คงดูออกได้แบบไม่ยากเย็นเช่นกันว่าเขากำลังพยายามที่จะทำตัวสนิทสนมกับผมมากขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้ตอนแรกๆผมจะคิดว่ามันคงเป็นแค่ในระดับของพี่น้องหรือเพื่อนกัน แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นเรื่อยๆ ผมก็เริ่มมั่นใจมากขึ้นตามลำดับด้วยว่าอาร์มเองอาจจะไม่ได้ต้องการหยุดอยู่เพียงเท่านั้นแน่นอน และที่สำคัญก็คือ เรื่องนี้คงจะให้ไอ้ซันรู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าเกิดมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นตามมาแล้วล่ะก็ พวกเราคงจะวางตัวกับพี่แอมป์ได้ลำบากขึ้นแน่ๆ

นอกจากนั้นแล้ว เรื่องสำคัญและปัญหาใหญ่ที่ผมคงจะต้องรีบจัดการก่อนที่ไอ้ซันมันจะรู้และโวยวายเข้า นั่นก็คือเจ้าสิ่งๆนี้ที่ผมเพิ่งได้รับมาเมื่อเย็นนี้เอง ในห้องนอนของผมกับไอ้ซันนั้น ที่ตรงมุมห้องจะมีตู้เก็บหนังสือตู้เล็กๆอยู่ตู้หนึ่งเอาไว้ใช้สำหรับวางหนังสือการ์ตูนตั้งแต่สมัยผมยังเด็กๆ และด้านบนก็ยังใช้วางของใช้ของตบแต่งได้อีกนิดหน่อยด้วย และในวันนี้ บนตู้ๆนั้นก็กำลังมีช่อดอกไม้ช่อใหญ่วางเอาไว้อยู่ ผมเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาถือเอาไว้ในมือแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้

การ์ดที่ติดมากับช่อดอกไม้ช่อนี้ มีข้อความสั้นๆที่เขียนเอาไว้ว่า

“ให้แทนของขวัญวันเกิดนะครับ คิดถึงเสมอ”

และแน่นอนว่าชื่อที่ลงท้ายเอาไว้ก็คือ............. จ๊อบ




ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
โอ้วววว พี่ชาย

ผมได้เบอร์ใหม่แร้วนะ

โทรมาหากันบ้างล่ะ  :m13:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

นานมาแล้ว มีก้อนหินก้อนหนึ่งในป่าใหญ่ที่ตกหลุมรักท้องฟ้า

มันไม่มีปาก ไม่มีตา และไม่มีหู

มันพูดไม่ได้ มองไม่เห็น และไม่เคยได้ยิน

แต่ทว่ามันมีหัวใจ

หัวใจที่มอบให้ท้องฟ้าที่อยู่สูงเหลือคณา แต่ก็ใกล้ใจกว่าสิ่งไหนที่รายล้อม

วันหนึ่ง นางฟ้าจากสวรรค์เดินทางลงมายังโลก และจะบันดาลพรให้แก่ก้อนหินเพียงหนึ่งประการ

นางถามว่า “ระหว่าง ตา หู กับ ปาก เจ้าต้องการสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว”

ก้อนหินตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นบอกฉันก่อนได้ไหมเล่าว่า ถ้ามีตา หู หรือปากแล้ว มันใช้ทำอะไรได้บ้าง เพราะฉันไม่เคยมีสิ่งเหล่านั้นเลย”

“ถ้าเจ้ามีตา เจ้าก็จะสามารถมองเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสีได้ ถ้าเจ้ามีหู เจ้าก็จะสามารถได้ยินเสียงร้องของท้องฟ้าได้ ถ้าเจ้ามีปาก เจ้าก็จะสามารถเอ่ยพรรณนาความรักที่เจ้ามีต่อท้องฟ้าได้ เจ้าจะเลือกสิ่งใด”

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอมีหัวใจดวงนี้แค่ดวงเดียวที่มั่นคงในรักของฉันก็เพียงพอแล้ว”

“เพราะอะไรกันเล่า” นางฟ้าถามด้วยความแปลกใจ

“เพราะถ้าฉันมีตา ฉันก็คงต้องมองเห็นท้องฟ้าในยามโศกเศร้า แต่ฉันจะไม่สามารถได้ยินเสียงสะอื้น และเอ่ยคำปลอบใจให้แก่เขาได้ และถ้าฉันมีหู ฉันก็คงจะได้ยินเสียงของท้องฟ้าเฉพาะยามที่เขาเศร้าใจ หรือยามเกรี้ยวกราดแต่เพียงเท่านั้น และถ้าฉันมีเพียงปาก ฉันก็ไม่รู้อยู่ดี ว่าจะเอ่ยคำใดในยามที่เหมาะสมเช่นไร เพราะฉันมองไม่เห็นและไม่ได้ยิน เพราะฉะนั้น ฉันขอแค่มีใจที่ได้รักท้องฟ้าที่โอบอุ้มฉันเอาไว้มาเนิ่นนานแต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”

นางฟ้าพยักหน้า และเสกพรวิเศษออกมาให้แก่ก้อนหิน นั่นก็คือหัวใจบริสุทธิ์ ที่จะรักท้องฟ้าตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าต้องการแบบนี้ เพราะเจ้าก็จะต้องทนรักท้องฟ้าฝ่ายเดียวตลอดไป ต้องเปียกปอน ในยามที่ฝนตก ต้องเหน็บหนาว ในยามที่ท้องฟ้ามืดลง และอาจต้องแตกสลาย ถ้าท้องฟ้าเกิดเกรี้ยวกราดและส่งสายฟ้ามาทำลายเจ้า”

“แต่ความรักที่ฉันมีให้ท้องฟ้า ก็จะยังมั่นคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

“ถ้าเช่นนั้นแล้ว..........” นางฟ้าเสกตา ปาก และหู ให้แก่ก้อนหินทั้งสามอย่างพร้อมๆกัน นอกจากนั้นยังเสกให้ก้อนหินมีปีกสีขาวบริสุทธิ์งอกออกมาด้วย “ข้ามอบโอกาสให้แก่เจ้าแล้ว คราวนี้ก็อยู่ที่เจ้าแล้วว่าจะทำอย่างไรกับโอกาสที่ข้ามอบให้นี้ต่อไป........... แต่จงจำเอาไว้ว่า สักวันหนึ่ง ดวงตาของเจ้าอาจจะต้องมืดบอด หูของเจ้าอาจจะตื้อตัน เสียงของเจ้าอาจจะต้องหมดลง และปีกสีขาวนั้น ก็คงจะต้องอ่อนแรงลงสักวัน ขึ้นอยู่กับภาระการใช้งานของมัน เจ้าจงใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุดล่ะ” นางฟ้ากล่าวก่อนจะบินจากไป

ก้อนหินนึกยินดีและขอบคุณนางฟ้าอยู่ในใจ ก่อนจะมองสูงขึ้นไปเบื้องบน เชยชมกับความงามของท้องฟ้าสีคราม เงี่ยหูรับฟังเสียงลม ชื่นชมกับความอ่อนไหว และเอ่ยคำพูดคำแรกในชีวิตออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า...........



“ผมรักคุณ”



หลังจากนั้นก้อนหินก็ไม่เคยพูด และไม่เคยคิดที่จะสยายปีกออกเพื่อบินขึ้นไปหาท้องฟ้าของเขาอีกเลย.............


   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2008 22:10:46 โดย ExecutioneR »

artkung

  • บุคคลทั่วไป
อะไรจะโรแมนติคขนาดนั้นอ่ะพี่ต้นนิ่ม คริคริ  :mc4:  :mc4:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
อะไรจะโรแมนติคขนาดนั้นอ่ะพี่ต้นนิ่ม คริคริ  :mc4:  :mc4:

อ๊ะแน่นอนคับ อ่ะ คุ คุ คุ

ปล. แอบเหงาๆนิดหนอยน่ะ เลยแต่งนิทานเล่น


artkung

  • บุคคลทั่วไป
อะไรจะโรแมนติคขนาดนั้นอ่ะพี่ต้นนิ่ม คริคริ  :mc4:  :mc4:

อ๊ะแน่นอนคับ อ่ะ คุ คุ คุ

ปล. แอบเหงาๆนิดหนอยน่ะ เลยแต่งนิทานเล่น



ที่แอบเหงาเนี่ย เพราะพี่ทึ่มเป่าคับ อิอิ :m23:  :m23:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
อะไรจะโรแมนติคขนาดนั้นอ่ะพี่ต้นนิ่ม คริคริ  :mc4:  :mc4:

อ๊ะแน่นอนคับ อ่ะ คุ คุ คุ

ปล. แอบเหงาๆนิดหนอยน่ะ เลยแต่งนิทานเล่น





ที่แอบเหงาเนี่ย เพราะพี่ทึ่มเป่าคับ อิอิ :m23:  :m23:

ทำมาเป็นรู้ดีรู้ใจ เดี๋ยวปั๊ดจับมานอนหอมแก้มซะเลยนิ!


artkung

  • บุคคลทั่วไป
ฮึ๋ยๆ ไม่เอาอ่ะ กลัวพี่ทึ่มบุกมาถึงที่  o2

ละก้ออีกอย่าง เดี๋ยวไอ้คนข้างๆ เนี่ย จะงอนเอาอีก ง้อยากคับ 555+  :m25:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
วินาทีที่ 27


มันอาจจะเป็นเพียงความกังวลของผมแค่เพียงฝ่ายเดียวก็ได้ แต่ว่าบางครั้งผมก็เกิดรู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆเวลาที่ผมไปไหนมาไหนกับไอ้ซันนอกบ้านอยู่เหมือนกัน และไอ้ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็เริ่มจะส่งผลกับผมมากขึ้นเรื่อยๆแล้วด้วย อย่างเช่นว่า ผมเคยคิดจะชวนมันไปสมัครที่ฟิตเนสแห่งหนึ่งแล้วหาเวลาไปเล่นด้วยกันบางวันหลังจากเลิกงาน แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยังไม่ได้เอ่ยปากชวนมันเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะความไม่แน่ใจในสิ่งที่ผมกำลังกังวลอยู่นั่นเอง และอย่างล่าสุดก็คือเมื่อเย็นนี้นี่เอง หลังจากที่เราสามคนแยกกับไอ้ซันที่คอนโดและกลับมาถึงบ้านแล้ว ผมก็ต้องประหลาดใจครั้งใหญ่เมื่อเจอรถคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้าน และคนที่กำลังรอผมพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยู่นั้นก็คือ พี่จ๊อบ

“ให้เป็นของขวัญวันเกิดแทนอันที่ถูกทิ้งไปก็แล้วกันนะครับ อย่าคิดมากล่ะ แต่ว่าพี่ก็......... อยากให้เมฆลองคิดถึงพี่ดูบ้างเหมือนกัน ถ้าวันไหนที่เมฆต้องเสียใจเพราะซันล่ะก็ คิดถึงพี่ชายคนนี้ได้นะครับ” คือคำพูดทิ้งท้ายของพี่จ๊อบ ก่อนที่เขาจะขับรถออกไปโดยที่ผมไม่ทันแม้แต่จะได้อ้าปากพูดอะไรตอบกลับไปเลยแม้แต่นิดเดียว

และตอนนี้ ผมก็กำลังนั่งถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่นั้นเอาไว้ในมือ ในใจก็นึกครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผมกำลังกังวลและควรจะทำเพื่อแก้ไข เพราะว่าถ้าหากสิ่งที่ผมกังวลนั้นเป็นความจริงแล้วล่ะก็ ผมก็คงจะปล่อยมันผ่านไปเฉยๆไม่ได้แน่นอน........

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งเมสเสจไปยังเบอร์ๆหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเอาดอกไม้ไปจัดลงแจกัน วางไว้ที่ชั้นวางของ และกลับขึ้นมานั่งเล่นอินเตอร์เน็ตบนห้องของตัวเอง แต่ว่าหลังจากนั่งเล่นไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์หาไอ้ซันอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้ผมโทรไม่ติดแล้ว และนั่นก็คงเป็นเพราะโทรศัพท์ของมันแบตหมดอย่างที่มันบอกผมเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง แต่เนื่องจากความเพลียจากการซื้อของขนของในวันนี้ บวกกับความเหนื่อยใจหนักใจกับเรื่องที่มีให้คิดมากมาย จึงทำให้ผมตัดสินใจที่จะปิดคอมและลุกไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอนเลยโดยไม่ได้รอจนกว่าไอ้ซันจะกลับมาที่บ้านเสียก่อน

ผมนอนลืมตาในความมืด พลิกตัวไปมาอยู่หลายครั้ง พยายามไล่เลียงลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดและบอกตัวเองหนแล้วหนเล่าว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมนอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่หลายอย่าง ปล่อยจิตใจให้มันล่องลอยไปกับความนึกคิด ความทรงจำ และจินตนาการต่างๆนาๆ จนกระทั่งเสียงของพี่จ๊อบเริ่มค่อยๆดังก้องขึ้นมาในหัวของผมอีกครั้ง

“.......ถ้าวันไหนที่เมฆต้องเสียใจเพราะซันล่ะก็ คิดถึงพี่ชายคนนี้ได้นะครับ.......”

“ไม่มีทางหรอก เราคบกันมาตั้งสามปีแล้ว มันไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ

“.......เมฆ” เสียงของไอ้ซันดังขึ้นเบาๆ ผมหันไปมองตามเสียง ก็เห็นว่ามันกำลังยืนอยู่ไม่ไกล

“กลับมาแล้วเหรอ” ผมยิ้มและเดินตรงเข้าไปหามัน แต่ทว่ามันกลับถอยหลังหนีผมไปเรื่อยๆ “ทำไมวะ นี่มึงจะถอยหนีกูทำไม มีอะไรรึเปล่า”

ใบหน้าของไอ้ซันที่สงบนิ่งมาตลอดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่แสดงความผิดหวังออกมาทีละน้อย จากนั้นมันก็ชูช่อดอกไม้ช่อหนึ่งขึ้นมาตรงหน้า “นี่มันหมายความว่ายังไง มึงโกหกกูอย่างนั้นเหรอ”

“เปล่าสักหน่อย กูไม่ได้โกหกอะไรมึงเลยนะ” ผมปฏิเสธ

“ถ้างั้นแล้วนี่มันเหี้ยอะไร” ไอ้ซันพูดเสียงดังขึ้นจนเกือบจะเป็นการตะคอก แต่ทว่าก็ยังเป็นเสียงที่ฟังดูราวกับดังแว่วมาจากสถานที่อื่นอันแสนห่างไกลเสียเหลือเกิน “มึงโกหกกู มึงปิดบังกู เพื่อที่ว่ามึงจะได้ไปมั่วกับมันอย่างนั้นสินะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น อารมณ์ของผมก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีเช่นกัน “แล้วมึงล่ะ คนอย่างมึงมีสิทธิ์มาว่าอะไรกู ไอ้สัตว์!” ผมตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด เป็นอารมณ์โกรธที่แม้แต่ตัวผมเองยังต้องประหลาดใจเลย “อย่างมึงมันจะรู้อะไรบ้าง มึงคิดว่ามึงทำดีมากพอแล้วรึไงทุกวันนี้น่ะ อย่าให้กูต้องพูดเรื่องไอ้แบ๊งค์มันขึ้นมานะ ไอ้ซัน! มึงอย่าให้กูเริ่มนะเว้ย!”

ไอ้ซันส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากผมไปอย่างช้าๆ

“มึงจะไปไหน ซัน” ผมรู้สึกว่าเสียงของผมเริ่มสั่นขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงแทบไม่ได้ลดความรุนแรงลงเลย “นั่นมึงกำลังจะไปไหน!”

“ไปในที่ๆมึงอยากให้กูไปไง” ไอ้ซันหันกลับมาตอบผม จากนั้นก็เดินต่อไปโดยไม่หันมามองผมอีกเลย.......

“ไอ้ซัน!” ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่คลออยู่ที่ขอบตาและเหงื่อที่ไหลจนโซมกาย ผมลุกขึ้นนั่งแล้วเอามือปาดเหงื่อพลางมองไปรอบๆห้องที่มืดสนิท ไม่มีทั้งวี่แว่วของพี่จ๊อบ ไม่มีช่อดอกไม้ช่อนั้นอยู่ที่มุมห้อง และแน่นอน ว่าไม่มีมัน......... ผมเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงแล้วหรี่ตามองหน้าปัดนาฬิกา ตีสามครึ่งแล้ว แต่เตียงข้างกายผมก็ยังคงว่างเปล่า ไอ้ซันยังคงไม่กลับบ้าน ผมเอื้อมมือไปกดรีโมทแอร์ที่ผมลืมเปิดเมื่อตอนผล็อยหลับไป แล้วก็คว้าหินสีดำก้อนนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ ผมนั่งมองมันและนึกถึงคำพูดเมื่อวันนั้น คำสัญญาที่เราสองคนมีให้แก่กัน คำสัญญาของท้องฟ้าและก้อนเมฆที่มีต่อเส้นขอบฟ้าที่ทอดยาวอันเป็นนิรันดร์......... ผมกำก้อนหินก้อนเล็กๆนั่นแน่น ก่อนที่จะหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ของไอ้ซันอีกครั้ง แต่ทว่ามันก็ยังคงเป็นความพยายามที่ไร้ผลอยู่ดี ผมจึงวางของทั้งสองอย่างกลับลงไว้ที่เดิม ถอนหายใจอย่างไม่สบายใจทิ้งหนึ่งครั้ง และลุกขึ้นเดินออกจากห้องลงไปเปิดตู้เย็นในห้องครัวเพื่อหยิบน้ำเย็นมารินใส่แก้วให้แก่ตัวเอง

“นอนไม่หลับเหรอ เมฆ” เสียงของพ่อดังขึ้นจากทางประตูครัว

“เปล่าหรอกครับ เมื่อกี๊ฝันไม่ค่อยดีน่ะ แล้วก็ดันลืมเปิดแอร์ด้วย มันก็เลยตื่นขึ้นมาเอาตอนนี้” ผมหยิบแก้วมารินน้ำเย็นลงไปเพิ่มอีกหนึ่งใบแล้วเดินไปยื่นให้กับพ่อ “แล้วพ่อล่ะ ลุกมาทำอะไรดึกๆดื่นๆครับ”

“คนแก่ก็แบบนี้แหละ นอนน้อยตื่นง่าย” พ่อรับแก้วน้ำไปแล้วเดินนำผมไปนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว “แล้วว่าไงล่ะ เจ้าซันกลับมารึยัง”

นี่ต่างหากคือเหตุผลจริงๆที่พ่อลุกขึ้นมากลางดึกแบบนี้ พ่อเอกเองก็คงจะเป็นห่วงไอ้ซันจนนอนไม่หลับอยู่ด้วยเหมือนกัน และพ่อก็คงจะได้ยินเสียงของผมที่เดินออกจากห้องมา ถึงได้ลุกออกมาเพื่อนั่งเป็นเพื่อนผมแบบนี้นี่เอง

ผมส่ายหน้า “ยังเลยครับ”

“สงสัยจะนอนบ้านเพื่อนมั๊ง โทรติดต่อไปรึยังล่ะ”

“แบตมันหมดน่ะครับ แต่ว่า......... มันคงไม่ใช่อุบัติเหตุใช่มั๊ยพ่อ ผมชักจะกังวลแล้วนะเนี่ย” ผมมองดูนาฬิกาอีกครั้งอย่างกังวลใจ

“โทรไปหาเพื่อนเราสิ คนที่ไปเที่ยวด้วยกันน่ะ ลองถามเค้าดูว่าซันไปนอนไหนหรือว่ากลับออกมาแล้วรึเปล่าแบบนั้นน่ะ”

“เออ จริงด้วยแฮะ ลืมคิดไปได้ไงวะเนี่ย” ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์บ้านขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ของอีฟทันที “เออ อีฟ โทษทีนะเว้ยที่โทรมาดึกๆ แต่ว่าไอ้ซันมันยังไม่กลับบ้านเลยว่ะ นี่มันไปนอนบ้านมึงหรือบ้านใครรึเปล่า....... อ้าว....... งั้นเหรอ มันเกิดอะไรวะ....... แล้วนานรึยัง.......” ผมหันกลับมามองพ่อเอกด้วยใจกังวล แต่ก็พยายามจะเก็บสีหน้าให้ดีที่สุด แต่ดูเหมือนว่าผมจะทำได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งที่ผมได้ยินนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้ใจของผมมันสงบลงเลยแม้แต่นิดเดียว “.......มึงหมายความว่าไงวะ....... เหรอ....... เออๆ อืม ไม่เป็นไร กูเข้าใจแล้ว ยังไงก็ขอบใจมากนะเว้ย แล้วก็ขอโทษด้วยที่โทรมากวนดึกๆดื่นๆแบบนี้ อื้อ ไม่เป็นไรๆ อือ ไม่เป็นไรหรอก ฝันดีก็แล้วกัน......... อืมมมม ได้ แล้วกูจะโทรไปบอกอีกที มึงไม่ต้องห่วง ฝันดีนะครับ”

“ว่ายังไงล่ะ เจ้าตัวแสบของเราไปนอนไหนซะล่ะคืนนี้” พ่อถามขึ้นทันทีที่ผมวางโทรศัพท์ลง

“อีฟบอกว่ามันไปนอนที่คอนโดน่ะครับ เพราะเห็นว่ามีเรื่องนิดหน่อย”

“อ้าว แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ”

“ผมก็ไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรมากนะครับ มันเองก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะมันหลับอยู่ ดูละเมอๆยังไงไม่รู้ แต่ที่ผมมั่นใจและฟังดูแล้วไม่ผิดแน่ๆก็คือ ไอ้ซันมันกลับไปนอนที่คอนโดของมันกับไอ้แบ๊งค์สองคนน่ะครับ........”



น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ขอเหตุผลที่ดีที่สุดนะซัน สำหรับเรื่องที่ไม่กลับบ้านดันไปนอนที่คอนโด แถมนอนกะไอ้แบงก์สองคนอีกเนี่ย เพราะถ้าคำตอบไม่เป็นที่พอใจละก้อ  พี่จะช่วยเมฆตื้บซันให้จมธรณีเลย
แต่ก่อนฟังเหตุผล ก็ขอซักทีละกัน โทษฐานที่ทำให้พี่โกรธอย่างแรง :เตะ1: :เตะ1:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เข้าเล้าไม่ได้ไปนาน  เลยตามไม่ทันเลย
วันนี้น้ำค้างบอกว่าให้อ่าน  อิอิ

เข้ามาบอกน้องต้นว่าตามอ่านอยู่น้า  จุ๊บๆ  :oni2: :oni2:

artkung

  • บุคคลทั่วไป
ไปนอนที่คอนโดด้วยกัน หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่คิดนะ  :m13:  :m13:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
อย่าพึ่งเข้าใจผิดกันนะ เครียกันก่อน

ปล.คุณต้น ผมไม่ยอมจริงๆนะถ้าให้เรื่องนี้ จบด้วยน้ำตา


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ฤาจะเป็นแผนแยกกัน เราอยู่   :a5:  :a5:  :a5:

ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
 :เฮ้อ:

พี่ชายเร็วๆเซ่ะ

ปล. คิดถึงพี่ชายนะ ว่างๆจะไปนอนด้วย  :m1:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page


ปล. คิดถึงพี่ชายนะ ว่างๆจะไปนอนด้วย  :m1:

กลัวว่าถ้ามานอนแล้วจะกลายเป็นไม่ว่างน่ะเส่ะ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด