ตอนที่ 35กัส“ของครบนะครับ ลืมอะไรอีกมั้ย”
วินก้มหน้ามาถามเมื่อของทุกชิ้นได้ขนขึ้นรถหกล้อของบริษัทคุณพ่อของวินที่จัดมาให้เพื่อใช้ย้ายของๆเค้าและมิคเพื่อนสนิทที่ตัดสินใจขอย้ายจากโรงพยาบาลที่เราทำงานมาสองปีเต็มแห่งนี้ เค้าตัดสินใจย้ายไปทำงานในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯส่วนมิคตัดสินใจเรียนต่อเฉพาะทางที่มหาวิทยาลัยที่เราจบมา ที่เค้าไม่ได้ไปเรียนกับมิคนั้นเพราะทางครอบครัววินไม่อยากให้เค้าเหนื่อยมากจึงจะเปิดคลินิกให้ที่กรุงเทพฯหลังจากทำงานใช้ทุนที่โรงพยาบาลครบในปีที่สาม นี่ก็เหลืออีกปีเดียวและจะให้ลาออกมาทำคลินิกที่จะเปิดให้แทน ตอนแรกเค้าจะไม่ยอมเพราะการลงทุนเปิดคลินิกนั้นต้องใช้เงินค่อนข้างสูงวินก็ไม่ยอมด้วยตั้งใจจะลงทุนเปิดให้เค้าเองทั้งหมด จึงได้คุณแม่มาช่วยหาทางออกว่าให้วินลงทุนให้ก่อนแล้วเค้าค่อยทยอยคืนเป็นงวดๆไป ทีแรกวินก็ทำท่าไม่ยอมจนเค้าต้องขู่ว่าไม่งั้นเค้าจะไม่ย้ายไปที่กรุงเทพฯเจ้าตัวจึงจำใจยอมในที่สุด ใจเค้านั้นไม่อยากพึ่งพาวินให้มากนักเพราะเดี๋ยวจะเคยตัวจะทำอะไรก็ต้องหวังพึ่งคนอื่นแม้วินจะเป็นคนรักก็ตามแต่เค้าก็อยากยืนหยัดด้วยตัวเองบ้าง วันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายที่เค้าจะอยู่ในที่ที่เคยใช้ชีวิตทำงานมาถึงสองปีตั้งแต่จบมาก็ย่อมมีความผูกพันกับคนและสถานที่ เมื่อคืนทางท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้จัดเลี้ยงส่งอำลาให้เค้ากับมิคเป็นงานเล็กๆที่มีแต่คนในโรงพยาบาลเท่านั้นบรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานและซาบซึ้งคนที่สนิทคุ้นเคยทั้งลูกน้องในฝ่ายหรือพี่ๆน้องๆพยาบาลรวมทั้งเค้ากับมิคต่างน้ำตาซึมกับการจากลา แต่มิตรภาพระหว่างพวกเรานั้นยังคงอยู่แม้ตัวต้องไกลกัน กว่าจะลำลากันเสร็จก็เที่ยงคืนกว่าไปแล้วเค้าและมิคนั้นได้ของที่ระลึกมากมายกลับมา วันนี้จึงมีเพียงลูกน้องในฝ่ายบางคนมาช่วยขนของเพราะที่เหลือต้องทำงานและเราได้น้องทันตแพทย์ที่เพิ่งจบปีนี้มาอยู่แทนแล้วเป็นน้องผู้หญิงน่ารักสองคน
“หมอกัสหมอมิคโชคดีนะคะ ไปแล้วกลับมาเยี่ยมให้เราหายคิดถึงบ้างนะคะ” น้องตูนลูกน้องในฝ่ายเอ่ยลาเสียงสั่น เค้าจึงตบหลังเบาๆและส่งยิ้มไปให้พร้อมพยักหน้ารับ และไม่สามารถพูดอะไรไปได้เพราะกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมา ส่วนมิคพยักหน้ารัวยิ้มน้อยๆเอ่ยเสียงสั่น
“ตูนก็โชคดีเหมือนกันนะ ว่างๆหมอจะซื้อขนมมาฝากครับ” ตูนยกมือไหว้ เราสองคนจึงรับไหว้กลับไป วินเดินมาแตะบ่าลูบเบาๆปลอบโยนเค้าหันไปสบตาจึงพบสายตาอ่อนโยนปลอบประโลมมาให้จึงยิ้มปากสั่นกลับไป เราสามคนหันหลังกลับไปที่รถของวินที่ขับมาพร้อมรถขนของที่ตอนนี้ขับนำไปก่อนแล้วแต่ต้องชะงักกับเสียงเรียก
“น้องกัสครับรอก่อน” หันกลับมาพบหมอพจน์ที่ยังใส่เสื้อกราวด์ตัวยาวอยู่เดินกึ่งวิ่งมาทางเรา หยุดยืนจ้องหน้าเค้าสายตาเศร้าสร้อยและผินหน้าไปมองทางวินอยู่นานก่อนเอ่ยปาก
“ผมฝากคุณวินดูแลกัสและรักกัสให้มากๆนะครับ กัสครับพี่ขอให้กัสมีความสุขมากๆและโชคดีนะครับ” ส่งยิ้มกว้างที่ดูดีและจริงใจมาให้ เค้าจึงยิ้มกลับอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณครับพี่พจน์” หมอพจน์ยิ้มกว้างและหัวเราะน้อยๆออกมา
“ฮึๆๆ พี่ดีใจนะพี่กัสเรียกพี่ว่าพี่พจน์แทนหมอพจน์ซะที” เค้าส่งยิ้มเขินอายไปให้กับหน้าตาล้อเลียนของหมอหนุ่มตรงหน้า
“อะแฮ่มๆ ถึงคุณหมอไม่บอกผมก็จะรักและดูแลกัสอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว” วินหน้ายุ่งเล็กน้อยเค้าหันไปส่งค้อนเล็กๆให้ก็จะมาหึงอะไรกันตอนนี้เนี่ย คนที่หวังดีเค้าแค่รำลากันเอง
“ครับผมเชื่อคุณและขอให้คุณโชคดีเหมือนกันครับ” หมอพจน์ส่งมือมาตรงหน้าวินและยิ้มจริงใจมาให้ ส่วนวินก็ยื่นมือไปจับกระชับเขย่าเบาๆยิ้มมุมปากกลับไปให้อีกฝ่ายเหมือนกัน นี่ก็คงเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นใหม่ของผู้ชายสองคนนี้ซินะจนทั้งสองผละมือออกจากกัน เราหันไปทางมิคที่ยืนคุยกับฟินที่มาพร้อมวินอยู่
“น้องมิคโชคดีนะครับ ทั้งสองคนถ้าว่างก็มาเยี่ยมเยียนกันบ้างนะ” มิคยิ้มกว้างพยักหน้าให้และเอ่ยปากอวยพรกลับให้หมอหนุ่มเหมือนกัน
หลังจากนั้นพวกเราสี่คนก็ขึ้นนั่งบนรถเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ จนรถวิ่งออกมาถึงประตูโรงพยาบาลภาพโรงพยาบาลที่ปรากฏอยู่ที่กระจกหลังนั้นทำเอาเค้าใจหายและมองไม่ละสายตาจนรู้สึกถึงมือที่ถูกกุมกระชับ หันไปมองก็พบดวงตารื้นน้ำตาของเพื่อนสนิทที่สบมองอย่างเข้าใจในความรู้สึกของกันและกัน เค้าจึงเอื้อมมืออีกข้างกอบกุมมือบางของมิคบีบกลับส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้แก่กัน
.........................................................................
ของเกือบทั้งหมดถูกส่งไปไว้ที่บ้านวินแต่มีบางส่วนที่เป็นเสื้อผ้าและของที่ต้องใช้ถูกส่งไปที่คอนโดของวิน ในส่วนของมิคนั้นก็ถูกขนเสร็จเมื่อสักครู่ที่รู้เพราะมิคเพิ่งโทรมาบอกและเอ่ยปากฝากบอกขอบคุณคุณพ่อมาด้วยและจะนำของมาแทนคำขอบคุณภายหลัง ตอนนี้เค้ามาเก็บของที่บ้านวินให้เข้าที่เข้าทางแต่ยังไม่รื้อออกจากกล่องคงต้องทยอยเก็บทีหลังแทน
“เสร็จรึยังครับกัส” วินเปิดประตูห้องนอนของเค้าที่เคยนอนคืนแรกที่มาที่บ้านหลังนี้และใช้เก็บของส่วนตัวที่ขนมา
“เสร็จแล้วครับ คุณพ่อคุณแม่กลับมารึยัง” ระหว่างที่ถามก็เดินไปล้างหน้าล้างมือที่ห้องน้ำ วินยื่นผ้าขนหนูมาให้ทันทีหลังเค้าล้างหน้าเสร็จจึงยิ้มขอบคุณให้คนรัก ยื่นมือไปรับแต่ผ้ากลับถูกส่งมาซับน้ำให้ที่หน้าแทนเราจ้องตากันนิ่งแววตาอ่อน
หวานเปล่งแสงออกมาจากตาคมคู่ที่อยู่ตรงหน้า
“ท่านทั้งสองเพิ่งมาถึงครับ คุณแม่ถามหากัสทันทีเลยนะที่เจอหน้าวิน ไม่มีถามเลยว่าวินเป็นไงบ้าง น่าน้อยใจชะมัด ฮึๆ” เสียงเหมือนน้อยใจแม่ตัวเองแต่แววตากลับแพรวพราวแถมหัวเราะปิดท้าย
“คิกๆ สมน้ำหน้าคนแม่ไม่รัก อื้อ...”
โดนฉกจูบจากคนตรงหน้าริมฝีปากร้อนผ่าวกดแนบสนิทเบียดคลึงจนเผลอคางทำให้ลิ้นร้อนถูกส่งออกมาสำรวจทั่วโพรงปาก กวาดต้อนดูดกลืนลิ้นเค้าอย่างหยอกเย้ารุนแรงเหมือนหมั่นเขี้ยวและแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวาน รู้สึกถึงฝามือที่ท้ายทอยและอ้อมกอดที่โอบประคอง จนใกล้หมดลมจึงทุบไปที่หลังแกร่งเบาๆเป็นสัญญาณให้วินปล่อยเค้าจากจูบที่แสนหวานนี้ซะที พอได้รับอิสระจึงรู้ว่าจูบของวินยังส่งผลรุนแรงต่อเค้าไม่เปลี่ยนเข่าอ่อนยืนไม่อยู่ต้องทิ้งร่างพิงอกกว้างหอบอากาศเข้าปอดตัวโยน เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นใกล้หูและรับรู้ถึงจูบแรงที่กระหม่อม จนเรี่ยวแรงกลับมาสามารถยืนได้ด้วยตัวเองผละออกจากอกกว้างเห็นรอยยิ้มกว้างเป็นสิ่งแรกและแววตาระยับอย่างถูกใจ นิ้วยาวถูกส่งมาลูบไล้แผ่วเบาที่ริมฝี
ปากที่บวมเจ่อของเค้า ตาวินจับจ้องที่มันเป็นเค้าที่คว้ามือหนาไว้ก่อนจะเลยเถิดไปกว่านี้
“วิน เราลงไปกันเถอะคุณพ่อคุณแม่รออยู่นะ นะครับ” อ้อนซะหน่อยได้ยินเสียงถอนใจเฮือกจากวินที่ก้มหน้ากุมขมับ คงพยายามระงับใจเป็นแน่ เค้าอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้แต่ไม่ให้วินเห็นหรอกถ้าเห็นจะว่าเค้ายั่วแล้วเรื่องจะยาวกว่านี้ วินเงยหน้าส่งยิ้มบางพยักหน้ามาให้
“อยู่ใกล้กัสทีไรวินอดใจไม่ไหวทุกที เฮ้อออ ไปครับลงไปข้างล่างกัน” โดนจับจูงมือพาเดินลงไปข้างล่าง เค้าแอบส่งยิ้มให้แผ่นหลังกว้างที่เจ้าของคงต้องข่มใจอย่างมากอยู่
เราเดินลงมาถึงห้องนั่งเล่นที่อยู่ใกล้สระว่ายน้ำภายในห้องมีคุณพ่อคุณแม่นั่งรออยู่ คุณแม่เมื่อเห็นเค้ารีบลุกจากโซฟายิ้มกว้างเข้ามาโอบกอดแน่นหอมแก้มทั้งสองข้างฟอดใหญ่ พอโดนปล่อยตัวจึงมีโอกาสยกมือไหว้ทำความเคารพท่านได้และหันไปไหว้คุณพ่อที่นั่งยิ้มกว้างส่งมาให้ที่ข้างคุณพ่อมีวินที่เดินไปนั่งกับท่านตอนที่เค้าโดนคุณแม่แสดงความรักเมื้อกี้นี้แน่ๆ
“แม่คิดถึงกัสมากเลยนะลูก ดีใจที่กัสมาอยู่ที่กรุงเทพฯแบบถาวรแล้ว เพราะแม่จะได้ไม่ต้องทนมองคนที่ร้อนรนและบ่นคิดถึงแฟนอยู่นั่น เบื่อแล้ว” หลังคำพูดของคุณแม่เรียกเสียงหัวเราะจากคุณพ่อที่มองลูกชายตัวเองหน้ามุ่ยแอบส่งค้อนไปให้แม่ตัวเอง
“ไปๆเลิกงอนได้แล้วตาวิน” คุณพ่อลุกขึ้นและเดินเข้ามาโอบกอดคุณแม่ให้เดินไปทางห้องอาหารด้วยกัน เค้าก็โดนวินจับจูงข้อมือตามท่านทั้งสองไป
เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารที่ทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วเค้าก็เพิ่งนึกถึงพี่จักรที่วันนี้ยังไม่เจอเลยแม้ได้เวลาอาหารแล้วก็ตาม
“พี่จักรล่ะครับคุณแม่”
“อ้อ วันนี้ตาจักรไปดินเนอร์กับหนูแพมจ๊ะ ฝากบอกกัสว่าเดี๋ยวจะพาไปฉลองต้อนรับน้องสะใภ้วันหลังนะ” ยิ้มแซวมาให้ลูกสะใภ้ทำเอาเค้าอดหน้าร้อนวาบขึ้นทันที ได้ยินเสียงหัวเราะถูกใจจากสองหนุ่มบนโต๊ะและที่ดังมากจนน่าหมั่นไส้ก็นายวินตัวแสบน่ะแหละหัวเราะจนตาปิดอย่างถูกใจไปแล้ว อดเอื้อมมือหนีบเอวให้ได้เจ็บตัวไปบ้างเรียกเสียงโอดโอยเกินจริงขึ้นมา
หลังจากนั้นเราก็นั่งทานอาหารกันไปคุยกันไปในเรื่องทั่วไปจนเสร็จแล้วย้ายกลับไปที่ห้องนั่งเล่นคุณแม่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เรื่องหลักก็คือคุณแม่อยากให้เค้ากับวินย้ายจากคอนโดมาอยู่ที่บ้าน แต่ติดที่ว่าที่ทำงานของวินไกลจากบ้านนี้ คุณแม่ก็แย้งว่าคอนโดมันคับแคบไปสำหรับคนสองคนแต่ถ้าอยากอยู่แบบส่วนตัวก็จะสร้างบ้านอีกหลังให้ในพื้นที่รั้วเดียวกัน พอได้ฟังเค้านั้นซาบซึ้งในความรักที่ท่านทั้งสองเอ็นดูทำให้ใจฟูฟ่องเต็มอก
“กัสช่วงก่อนเริ่มทำงาน แม่จะหาวันว่างแล้วเราไปพบคุณป้าของกัสกันนะลูก” เค้าจะเริ่มงานในอีกสองสัปดาห์นั่นหมาย
ความว่าเค้าจะว่างตลอดก่อนเริ่มงาน แล้วคุณแม่ต้องการไปพบคุณป้าเค้าทำไมน้า หน้าตาเค้าคงแสดงออกชัดว่าสงสัยคุณแม่จึงยิ้มอ่อนหวานมาให้และเอ่ย
“แม่อยากไปพบผู้ใหญ่ของหนูและให้ผู้ใหญ่ทางกัสรับรู้เรื่องวินกับกัส แม่จะขอกัสให้วินและค่อยจัดงานเลี้ยงพระทำบุญกันทีหลังและเชิญคุณป้าของหนูมาด้วยส่วนตอนเย็นแม่ตามใจเราสองคนนะว่าจะจัดใหญ่ขนาดไหนแล้วแต่เลยแม่พร้อมเสมอ ฮิๆๆ” ได้ฟังก็ใจเต้นโครมครามนี่แสดงว่าคุณแม่จะให้เค้าแต่งงานกับวินงั้นเหรอหันไปมองวินที่ยิ้มลิงโลดเข้าไปกอดแม่ตัวเองแน่นโยกตัวไปมา
“โฮ แม่รู้ใจวินที่สุดเลย รักแม่ที่สุดครับ ฟอดดด” จบด้วยการหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ ยิ้มกว้างมาให้เค้ากวักมือเรียกให้ไปใกล้เพราะเค้านั่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว จึงคลานเข่าไปนั่งเคียงข้างวินต่อหน้าท่านทั้งสอง ยกมือพนมไหว้กราบลงไปกับตักนุ่มอย่างขอบคุณและซาบซึ้งใจในความรักที่ท่านทั้งสองมีให้เรา ซึ่งวินที่นั่งข้างกันก็ทำตามมือบางของคุณแม่ลูบหัวทุยแผ่วเบา และเราผละไปกราบคุณพ่อที่ส่งแววตาเอื้อเอ็นดูมาที่เราทั้งสองคน
“ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่เอ็นดูและรักกัสนะครับ ทำให้กัสคิดถึงพ่อแม่ถ้าท่านอยู่ก็คง...อึก ฮื้อออ” โผล่กอดเอวบางของคุณแม่แน่นร้องไห้กับอกอุ่นที่ทำให้ยิ่งคิดถึงอ้อมกอดของแม่ที่จากไป
“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะคนเก่งของแม่ ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะถ้าคิดถึงแม่ กัสก็มาหาแม่มากอดแม่ได้ตลอดเลยนะลูก อย่าร้องๆ เดี๋ยวแม่ร้องไห้ตามไปด้วยนะ” มือนุ่มปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและเช็ดน้ำตาที่ซึมจากหัวตาตัวเอง
“อ้าวๆ สองแม่ลูกหยุดร้องไห้ได้แล้วร้องไห้มากเป็นลางไม่ดีนะ นี่ตาวินมัวแต่ทำอึ้งอยู่นั่นไปโอ้ลูกสะใภ้พ่อไป” วินดึงเค้ามาโอบกอดจนหยุดร้องไห้ และค่อยหันไปส่งยิ้มเอียงอายทางท่านทั้งสองที่ส่งยิ้มเอ็นดูมาให้
“วินพากัสไปพักผ่อนได้แล้วไป เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” วินรับคำแล้วพาเค้าขึ้นมาที่ห้องของวิน โอบประคองแน่นโยกตัวไปมา
“ต่อไปนี้กัสอย่าร้องไห้แบบนี้อีกรู้มั้ยวินใจไม่ดีเลย จำไว้นะครับถึงกัสไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แล้วแต่กัสยังมีวิน ครอบครัววิน ที่ยอมรับกัสเข้ามาเป็นคนในครอบครัวแล้ว”
“อืม ก็คนมันตื้นตันนี้คุณพ่อคุณแม่ดีกับกัสจังพาลคิดถึงพ่อแม่ตัวเองอ่ะ แต่ต่อไปกัสจะไม่ร้องแบบนี้อีกเดี๋ยวคุณแม่จะน้อย
ใจกัสที่มีท่านอยู่แต่กัสยังทำเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นแบบนี้”
“ฮึๆๆ ใช่มีแนวโน้มว่าแม่จะน้อยใจลูกคนโปรดได้เพราะแม่รักลูกคนนี้มากกกก ฮ่าๆๆ”
หลังจากหายเศร้าอารมณ์กลับมาคงที่แล้วก็ผลัดกันเข้าห้องน้ำทำธุระและกลับมานอนกอดกันมอบความอบอุ่นให้แก่กัน วิน
จูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากพร้อมคำว่า ‘หลับฝันดีนะครับที่รักของวิน’ และเข้าสู่นิทราไปพร้อมกันด้วยหัวใจสองดวงที่มีความสุข
...................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
ครอบครัววินรับลูกสะใภ้กันอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ
ก็หวานกันเบาๆไปค่ะตอนนี้ และเรื่องนี้มีอีก 3 ตอนก็จบแล้วนะคะ
เริ่มใจหายอ่ะ แต่เดี๋ยวมีอะไรมาแจ้งในตอนสุดท้ายสำหรับ
นักอ่านที่น่ารักและลุ้นคู่นี้มาตลอดค่ะ ติดตามกันได้
ปล.มีคนถามหามิคฟิน ขอแจ้งว่าได้มีสต๊อคเรื่องนี้เตรียมไว้แล้วค่ะ
และมิคฟินรอจ่อคิวคู่กัสวินอยู่นะคะ ขอให้รอติดตามได้น้า
ปล.2 เราได้+1 ให้ทุกท่านแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ