ตอนพิเศษ : ฮันนีมูนว้าววว! ว้าววว!! ว้าววว!!!ผมได้แต่ยืนร้องว้าวๆ ในใจ สุดยอด!! ยอดเยี่ยมจริงๆ อาจจะสงสัยว่าอะไรยอดเยี่ยมนะครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้ผมกับไอ้โซโล่มาฮันนีมูนกันหลังงานแต่งเสร็จสิ้น ที่ๆ ไอ้โซโล่พามานั้นเป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ไอ้วินเซอร์มันแนะนำให้มาครับแล้วอะไรที่สุดยอดงั้นเหรอ? ก็เกาะนี่น่ะสิครับ!!
ผมกับไอ้โซโล่แพ็กกระเป๋าขึ้นเครื่องมาถึงเกาะแห่งนี้ใช้เวลาสามชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงครับ ตอนแรกที่มาถึงที่เกาะแห่งนี้เป็นเวลาบ่ายอ่อนๆ พนักงานบริการพามาทำพาสปอร์ต จะบอกให้ว่าพนักงานของที่นี้บริการดีมากครับแถมสวยอีกต่างหากรู้สึกว่าจะเป็นคนไทยด้วย ไอ้โซโล่จัดการเรื่องพาสปอร์ตเสร็จใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจากนั้นพนักงานคนเดิมก็พาพวกเราไปทำความเข้าใจกับระบบต่างๆ ในเกาะครับ
ห้องนั้นทำเป็นแผนผังการ์ตูนอธิบายน่ารักโคตรๆ สร้างสรรค์ได้อีก ผมดูอย่างสนใจฟังพนักงานอธิบายบ้างไม่ฟังบ้างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามีสิครับ เรื่องอะไรผมจะไปจำให้มันหนักหัวเล่า สิ่งที่ผมรู้คร่าวๆ ก็คือเกาะอะไรสักอย่างเป็นชื่อภาษาปะกิดแต่ชื่อไทยคือเกาะแห่งดวงดาว เกาะดวงดาวเนี่ยก็จะแบ่งออกเป็นห้าส่วนน้ำขึ้นน้ำลงอะไรสักอย่างผมไม่ได้ตั้งใจฟังอะ มัวแต่ลองจิ้มการ์ตูนขึ้นมาดู ไฮเทคจังเนอะ ใช้เวลาทำความเข้าใจเรื่องของเกาะคร่าวๆ ไม่ถึงสิบห้านาทีพนักงานคนสวยนำพวกผมมารับสัมภาระแล้วพาขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางต่อไปที่ที่พักของผมซึ่งได้จองเอาไว้แล้วครับ
นี่แหละครับที่ผมร้องว้าวมาตั้งแต่ขึ้นรถโดยสารไฟฟ้าขบวนสีเหลือง ขอบอกว่าที่นี้แบ่งชนชั้นกันด้วยล่ะครับ! รถโดยสารขบวนสีเหลืองเป็นของพวกวีไอพีส่วนรถโดยสารไฟฟ้าขบวนสีขาวคันยาวเป็นของนักท่องเที่ยวทั่วไปและที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือรถกำลังวิ่งอยู่กลางทะเลครับ! ผมก้มหน้ามองล้อที่กำลังแล่นบนทรายสีขาวอย่างตื่นตาตื่นใจ นี่มันทะเลแหวกสินะ! จะว่าไปตอนที่พนักงานคนสวยอธิบายว่าตอนกลางวันน้ำลดอะไรสักอย่างคงจะหมายถึงไอ้นี้ล่ะมั้ง แต่พอตอนกลางคืนน้ำก็จะขึ้นกลายเป็นทะเลเหมือนเดิมสินะ กว้างพอๆ กับถนนสี่เลนมีรถแล่นสวนทางไปเหมือนจารจรทั่วไปอีกต่างหาก
“ที่เกาะแห่งนี้ได้ชื่อว่าแอสทรัลไอร์แลนด์หรือเกาะดวงดาวก็เพราะว่าเวลาน้ำลดลงเกาะทั้งห้าจะเชื่อมต่อกัน ถ้ามองจากบนอากาศจะเห็นเป็นรูปดาวค่ะ”พนักงานคนสวยมองผมที่ตื่นเต้นแบบเด็กๆ แล้วอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง
“แล้วที่ตั้งชื่อห้าเกาะด้วยชื่อซีซั่นเพราะอะไรงั้นเหรอครับ?”ไอ้โซโล่มันถามขึ้นอย่างข้องใจ ผมหันมามองเล็กน้อยก่อนจะหันมารับสายลมเย็นๆ อ่า~ อากาศวันนี้เย็นสบายดีจังเลย
“อ้อ ตั้งโดยนำจุดเด่นของแต่ละเกาะน่ะค่ะ อย่างเช่นเกาะสพริงหรือเกาะวสันต์ที่เรากำลังจะถึงนี่ในช่วงเดือนพฤศจิกาถึงปลายปีจะสวยเป็นพิเศษเพราะต้นไม้ที่เกาะนั้นจะออกดอกบานสะพรั่ง เราได้รวบรวมต้นตระกูลพรุนมาปลูกไว้ ดอกท้อ ดอกบ๊วย ดอกเชอร์รี่ สวยงามมันเหมือนอยู่สวรรค์เลยค่ะ”
ผมฟังแล้วจินตนาการตาม ดอกไม้ทั้งหลายที่บานสะพรั่ง อ่า~ มันต้องโรแมนติกมากแน่! ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีพวกเราก็มาถึงเกาะสพริงกันครับ รถโดยสารไฟฟ้าแล่นออกไปจอดรอคิวต่อไป ไอ้โซโล่มันถามถึงเรื่องเช่ารถส่วนตัวพนักงานคนสวยก็แนะนำพาเรามาที่ร้านเช่ารถที่อยู่ใกล้ๆ กับจุดรถโดยสารข้ามเกาะ เธอบอกว่าที่นี้มีรถโดยสารไฟฟ้าวิ่งรอบเกาะด้วยแต่ถ้าอยากสะดวกก็เช่ารถสักคันไว้ใช้ส่วนตัว
“ที่เกาะแอสทรัลเราไม่อนุญาตให้ท่านใช้ยานยนต์ใดๆ ยกเว้นรถไฟฟ้าเท่านั้นค่ะ รถเช่ามีให้คุณเลือกตั้งแต่จักรยาน จักรยานไฟฟ้า หรือรถกอล์ฟไฟฟ้าส่วนมากแขกจะเช่ารถกอล์ฟกันนะค่ะ เรามีให้เลือกตั้งแต่เดี่ยว คู่และแบบครอบครัว เชิญเลือกเช่าได้ตามสบายค่ะ”
ไอ้โซโล่เลือกอยู่นานมันก็ตัดสินใจเลือกรถกอล์ฟสีขาวเป็นแบบครอบครัวมันบอกว่าเผื่อพื้นใช้สอย พอเลือกเสร็จพนักงานสาวก็พามันไปทำเรื่องเช่าไม่นานก็กลับมาแล้วบอกว่าทางร้านจะเอารถไปส่งถึงที่พักให้ โอ้ โคตรสะดวกสบายเลยว่ะ! ผมกับไอ้โซโล่เดินตามพนักงานคนสวยมาขึ้นรถกอล์ฟของทางที่พัก พนักงานโรงแรมที่มารับเราแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงขาก๊วยสีน้ำตาลขนข้าวของไว้บนรถรอไว้แล้วพวกเราออกเดินทางไปที่พักกันต่อ ระหว่างทางนั้นผมก็มองดูวิวทิวทัศน์ข้างทางที่มีดอกอะไรก็ไม่รู้หรอกนะบานสะพรั่งอยู่เต็มสองข้างทางเลย มีทั้งสีขาว สีชมพู่ สีม่วง เหมือนซากุระที่ญี่ปุ่นเลยครับ มันสวยเหมือนสวรรค์จริงๆ นั้นแหละครับ สุดยอด!!!
เราเดินทางไปอย่างไม่เร่งรีบเพื่อให้ผมกับไอ้โซโล่ดูดอกไม้ตามรายทาง มันมีเยอะละลานตาไปหมดเลยครับ ผมก็จัดการแชะรูปถ่ายไปหลายรูปเลยทีเดียว ว้าว! สุดยอดจริงๆ มันสวยสุดๆ เลยล่ะครับ ผมยื่นมือออกไปรับกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงมาแล้วหันมาเป่าใส่ไอ้โซโล่ที่หันมามองผมนิดหน่อย ระหว่างทางที่เรากำลังเดินทางก็มีรถกอล์ฟแล่นผ่านพวกเราไปบ้าง ไม่นานก็มีรถเก๋งคันหรูแล่นสวนทางผมหันมองตามไปอย่างแปลกใจ
“ไหนคุณบอกว่าที่เกาะห้ามใช้รถล่ะครับ?”ผมรีบหันไปสะกิดถามอย่างสงสัยทันที คนขับรถของโรงแรมหันมายิ้มให้กับผมเล็กน้อย พนักงานคนสวยก็หัวเราะหน่อยๆ
“ค่ะ ห้ามใช้เด็ดขาดแต่เมื่อสักครู่เป็นกรณียกเว้นพิเศษค่ะ รถคันที่คุณเห็นนั้นเป็นรถของเจ้าของเกาะแห่งนี้ ท่านเป็นคนเดียวที่ใช้รถในเกาะนี้ได้ค่ะ”
อ้อ อภิสิทธิ์เจ้าของเกาะสินะ! “เรามาถึงที่พักของพวกคุณแล้วค่ะ”
รถที่ผมนั่งค่อยๆ เลี้ยวเข้าเส้นทางเล็กๆ เข้าไปในสวนที่จัดสไตล์ญี่ปุ่น มีกระบอกไม้ไผ่มันกระดกเหมือนในหนังที่ผมเคยดู อ่า บรรยากาศหยั่งกับผมอยู่ในญี่ปุ่นแน่ะ แถมที่พักของเราก็ยังเป็นแบบเรียวกังขนาดใหญ่ท่ามกลางดอกไม้สีชมพูขาว พนักงานของโรงแรมเดินออกมาต้อนรับพวกเราอย่างเป็นกันเองแล้วพาพวกเรามาเช็คอิน พนักงานคนสวยที่มากับเราตลอดทางก็ขอตัวกลับอย่างสุภาพ ไอ้โซโล่เรียกตัวไว้แล้วให้ทิปแต่เธอกลับปฏิเสธไม่รับแล้วขอตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ไอ้โซโล่มันดูงงๆ เหมือนกันครับ พนักงานของโรงแรมที่ขับรถไปรับเราก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ที่นี้ไม่ต้องให้ทิปหรอกครับ คุณเที่ยวอย่างสบายใจได้เลย”
“งั้นเหรอครับ”ไอ้โซโล่พยักหน้ารับแล้วเดินตามพนักงานหนุ่มที่ขนกระเป๋าสัมภาระของพวกเรามาที่ห้องพัก เจ้าของเรียวกังเดินนำพวกเรามาแล้วไขห้องเข้าไปก่อนจะก้มตัวเผยมือให้พวกเราเข้ามาดูครับ ผมกับไอ้โซโล่เดินเข้ามาดูแล้วอ้าปากค้างเหวอกับความหรูหราฟู่ฟ่าของมัน
ผมรีบเข้าไปเดินดูประตูมันเป็นแบบเลื่อนเหมือนประตูญี่ปุ่นเจอห้องนอนเตียงใหญ่มีประตูเชื่อมไปห้องนั่งเล่นที่มีมีเฟอร์นิเจอร์ครบถ้วนและที่สำคัญมีโต๊ะโคทัตสึด้วย อุปกรณ์ให้ความสะดวกสบายพร้อม ผมเดินสำรวจมาเจอประตูเป็นกระจกฝ้าเปิดเข้าไปเป็นระเบียงห้อง เห็นดอกไม้อยู่ใกล้แค่เอื้อมเองครับ สุดยอด หันหลังกลับไปเจออ่างน้ำออนเซ็นส่วนตัว ว้าว! มีอ่างน้ำร้อนส่วนตัวด้วย ผมเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องออนเซ็น ว้าว แจ๋วไปเลยครับ
“สุดยอดไปเลยโซโล่!”ผมกระโดดเหยงๆ มาหาไอ้โซโล่ที่พนักหน้ารับเรียบๆ
“ไม่ทราบว่าจะรับมื้อเย็นกี่โมงดีครับ?”
“พรีสต์หิวหรือยัง?”ไอ้โซโล่มันหันมาถามผม นั้นสิ กินแค่มื้อเช้ามาแค่นั้นเอง ผมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย งั้นกินเที่ยงบวกมื้อเย็นไปเลยดีกว่า
“หิวสิ”
“รับเป็นอะไรดีครับ? อาหารญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลีหรือแม้แต่อาหารไทยก็เชิญสั่งได้เลยครับ”
“เอ่อ...”ผมหยุดคิดเล็กน้อย อาหารไทยเหรอก็กินมันทุกวันอยู่แล้วนี่นะ ฝรั่งเศส? หรืออิตาลีดี? ไม่ๆ มาสไตล์ญี่ปุ่นขนาดนี้ก็ต้องกินอาหารญี่ปุ่นสิ เจ้าของเรียวกังที่หายตัวไปก็เดินเข้ามาพร้อมกับสมุดแนะนำเมนูอาหารมากมายเป็นเล่มๆ เชียวครับ
“ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ค่ะ ดูเมนูตามหนังสือแล้วค่อยโทรลงไปสั่งเคาน์เตอร์ข้างล่างก็ได้”
“ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยขอบคุณแล้วรับหนังสืออาหารมาถือไว้ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะโคทัตสึ พนักงานหนุ่มเดินมาที่โซฟาแล้วเอ่ยแนะนำชี้มือไปที่หน้าต่าง
“หน้าต่างนี้เลื่อนได้นะครับ คุณสามารถชมดอกไม้จากห้องนี้ได้”แล้วเขาก็จัดการเลื่อนหน้าต่างเปิดกว้างแล้วผมก็เห็นดอกสีชมพูสีม่วงบานสะพรั่งเต็มที่ สุดยอดสุดๆ! ทั้งสองคนขอตัวลาไปทำงานกันต่อเหลือแค่ผมกับไอ้โซโล่ไว้ที่ห้อง ไอ้โซโล่มันเดินออกไปลากกระเป๋าเข้ามาจัดเก็บของไว้เป็นที่เป็นทางแถมยังจัดให้ผมด้วย ส่วนผมก็นั่งเปิดหนังสือแนะนำอาหารต่างๆ ในเกาะทั้งห้านี่ดู แสดงว่าจะสั่งจากเกาะไหนก็ได้หรือเนี่ย? สุดยอดเลย!
“โซโล่ มึงอยากกินอะไรวะ?”
“มีอะไรน่าสนใจไหม”ไอ้โซโล่มันเดินมานั่งข้างๆ ผมแล้วหยิบหนังสือที่เจ้าของเรียวกังเอามาให้ มีแนะนำที่เที่ยวด้วยแหละครับ ผมเปิดดูไปเรื่อยๆ อะไรน่าสนใจน่ะเหรอ? โห อยากบอกว่ามีเยอะมากว่ะ กูอยากจะสั่งมันมาแดกทั้งหมดเล่มเนี่ยแหละ! อ๊ะ กินอาหารทะเลดีไหมนะ?
“ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะกินอะไร?”
“ไม่ได้อ่า อยากกินทั้งหมดนี่เลย”
“ยังอยู่อีกหลายวันน่า ค่อยๆ กินไปทีละอย่าง”
“อ๊ะ งั้นเอาอาหารญี่ปุ่นก่อนไหม? ร้านนี้น่ะ”ผมวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วชี้ให้ไอ้โซโล่ดู มันก็ตกลงเออออไปกับผมแล้วพวกเราก็โทรไปสั่งกับเคาน์เตอร์ข้างหลัง หลังจากที่สั่งอาหารไอ้โซโล่มันเอาโน้ตบุ๊กมาต่อเน็ตแล้วเช็คอะไรของมัน สงสัยพี่โมโนจะส่งงานมาให้มันล่ะมั้ง ตอนนี้ไอ้โซโล่มันกำลังฝึกงานอยู่ที่บริษัทของครอบครัวครับมันไม่ได้ตำแหน่งใหญ่เลยนะเพราะพ่อเอกให้มันเป็นเด็กฝึกก่อน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปซะสองสามปีแล้วค่อยให้ตำแหน่งใหญ่กับมัน สมกับเป็นพ่อเอกล่ะครับ ความคิดของท่านก้าวล้ำเสมอ!
ผมไม่มีอะไรทำก็เดินมาที่ห้องนอนเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดยูกาตะมาเปลี่ยน จะได้สบายตัวหน่อยไงครับแล้วผมก็เดินออกมาที่ระเบียงของห้องนั่งเก้าอี้ที่มุมระเบียงเพื่อดูดอกไม้สีสันสวยงาม แถมตอนนี้ก็เวลาเย็นแล้วพระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงทอแสงสีแสดไปทั่วท้องฟ้า อากาศก็เย็นสบาย ช่างเป็นเกาะที่น่าอยู่จริงๆ! ผมนั่งมองนกตัวเล็กที่บินมาเกาะกิ่งของต้นดอกอะไรก็ไม่รู้แต่เป็นสีม่วงเข้ม ผมมองลงไปข้างล่างที่เป็นพื้นหญ้าสีเขียวถูกกองทับด้วยกลีบสีอ่อนของดอกไม้ดูเหมือนหิมะเลยนะครับ หิมะสีชมพู! ผมลุกขึ้นเอื้อมมือไปจับกิ่งไม้ว่าจะหักมันมาดูแต่ก็ตัดใจไม่ทำ ให้มันสวยบนต้นมันดีกว่าผมรู้สึกอย่างนั้นนะ
“พรีสต์ อาหารมาแล้วนะ”ไอ้โซโล่เดินมาตามผมเมื่ออาหารมาถึง ว้าว รวดเร็วทันใจสุดๆ เลยครับ! ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ไอ้โซโล่มันก็หยิบอะไรบางอย่างบนหัวของผม
“นั่งนานจนมันปลิวมาตกบนหัวแล้ว”
พนักงานจากร้านที่พวกผมสั่งอาหารกำลังจัดชุดอาหารไว้บนโต๊ะโคทัตสึเป็นระเบียบสวยงาม พวกเขาสองคนถอยหลังแล้วโค้งตัวเล็กน้อยให้กับพวกผม ผมกับไอ้โซโล่ก็มานั่งประจำที่เตรียมทานมื้อเย็นกัน ก่อนจะไปพนักงานทั้งสองบอกพวกเราว่าถ้าทานเสร็จให้เก็บทุกอย่างลงถังที่พวกเขาเตรียมมาให้แล้วนำไปวางไว้ที่หน้าห้องเพื่อพวกเขาจะย้อนกลับมาเก็บ
ผมกับไอ้โซโล่ทานกันอย่างอร่อย ดูอย่างซาชิมิสิครับ หวานมาก รับรู้ถึงความสดของทะเลเลยล่ะ วัตถุดิบอื่นๆ ก็สดไม่แพ้กัน ผักก็กรอบอร่อย ให้ตายสิ นอกจากบริการดีแล้วยังรสชาติดีอีกต่างหาก พวกเราใช้เวลานั่งทานมื้อเย็นอยู่นานผมถึงจัดการพวกอาหารเต็มโต๊ะได้หมด จากนั้นผมกับไอ้โซโล่ก็ช่วยกันจัดเก็บลงในถังแล้วเอาไปวางไว้ที่หน้าห้อง ผมล้างหน้าแปรงฟันหลังอาหารเสร็จไอ้โซโล่มันก็เดินมาบอกว่าจะลงไปเช็ดรถที่เช่าไว้ว่าทางร้านส่งมาให้หรือยัง ผมพยักหน้ารับส่งๆ ไป
หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็มานอนขึ้นอืดอยู่บนเตียงนอน เตียงก็นุ่มโคตรๆ ไม่ยุบตัวซะด้วย อ่า มีความสุขจัง นอนอยู่บนเตียงไปสักพักผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินมาที่ห้องนั่งเล่น เปิดลิ้นชักใต้ทีวี ว่าแล้วต้องมีแผ่นซีดีหนังผมทำการค้นหาหนังดูทันที มีหนังครบทุกชาติเชียวครับ ผมค้นไปเรื่อยๆ แล้วมาสะดุดกับแผ่นหนังที่เรียงกันเป็นตับท้ายๆ ของลิ้นชัก ลองพลิกดูหน้าปกไปเรื่อยๆ แล้วหยิบแผ่นที่น่าสนใจขึ้นมาดู
อืม~ ผมมองไปที่ประตูแล้วหันมายิ้มกับตัวเองอย่างซุกซน หึๆ ขอดูหน่อยล่ะกัน! ผมเปิดเครื่องเล่นแล้วใส่แผ่นเข้าไปถอยหลังกลับมานั่งดู หนังที่ผมเลือกมาก็เริ่มเล่นดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็ว ใช่ หนังที่ผมดูอยู่มันไม่ค่อยมีบทพูดหรอกครับมันมีแต่บทแอ๊กชั่นเท่านั้น หึๆ แล้วพระเอกหน้าแบบยันฮียังส่ายหน้ากับนางเอกสาวสวยก็เริ่มเล่นบทแอ๊กชั่นบู๊กันอย่างเร่าร้อน
“...พรีสต์ มึงดูอะไรอยู่?”ไอ้โซโล่เดินเข้ามาแล้วหยุดชะงักก่อนจะจ้องเขม็งหน้าจอทีวีที่นางเอกกำลังส่งเสียงร้องครางดังลั่น มันน่ารำคาญจริงๆ เลย ร้องอะไรนักหนาวะ! ผมแหงนหน้าไปมองไอ้โซโล่แล้วตอบหน้าตาย
“หนังเอวีไง หรือว่ามึงเห็นเป็นสารคดีสัตว์ป่า”
“อยากโดนแบบนั้นหรือไง?”ไอ้โซโล่มันเหลือบมองมาที่ผมแล้วถามเสียงเย็นเฉียบ อะไรของมึงวะเนี่ย? จู่ๆ ก็โกรธกูซะงั้น แค่ดูเอวีเองนะโว้ย! ผมทำหน้ามุ่ยแล้วลุกขึ้นไปปิดแต่ไอ้โซโล่มันก็เข้ามาจับมือของผมไว้
“กูถามว่าอยากโดนแบบนั้นเหรอ?”
“อะไรกันเล่า! ก็แค่เปิดดูเฉยๆ ไม่ได้หรือไง ผู้ชายดูเอวีมันแปลกตรงไหนวะ?”ผมสะบัดแขนออกจากไอ้โซโล่แต่ก็ไม่สำเร็จโดนมันผลักหงายหลังไปแล้วมันก็ขึ้นคร่อมตัวผมดึงผ้าคาดเอวของยูกาตะออก ผมมองมันอย่างตกใจแล้วปัดมือของมันออก
“ไอ้โซโล่ จะทำอะไรนะ!”
“เฮ่ย~ อย่าถามในสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจหน่อยเลย”
เสียงเฮ่ยของมันโคตรน่าถีบมากครับ ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วปล่อยให้มันดึงสายโอบิออก
“มึงไม่ได้โกรธใช่ไหม?”
“โกรธสิ กูโกรธตัวเองที่ปล่อยให้เมียอดอยากขนาดต้องไปพึ่งหนังเอวี!”
“ไอ้บ้า ไม่ได้อดอยากสักหน่อยแค่ดูเฉยๆ”
“เหรอ สนุกไหมล่ะ?”
“ก็ดี”
“หึ งั้นกูจะแสดงให้มึงรู้ว่าเอวีน่ะเทียบของจริงไม่ได้หรอก”ไอ้โซโล่กระซิบบอกเบาๆ แล้วก้มหน้าจูบผม กูอยากจะบอกว่ากูรู้นานแล้วว่ะ! ผมกับไอ้โซโล่จูบคลอเคลียดูดลิ้นสลับเลียแลกสัมผัสทางริมฝีปาก มือของมันค่อยๆ ดึงชุดยูกาตะของผมออก จูบอ้อยอิ่งที่ริมฝีปากแล้วค่อยๆ ผละจูบเม้มต่ำไป ปลายคางแผ่วเบา จูบสัมผัสลำคอใช้จมูกซุกไซ้รู้สึกจั๊กจี้หน่อยๆ เสียงจูบตามผิวกายดังเป็นจังหวะเบาๆ ผมก้มมองไอ้โซโล่ที่จูบเม้มตามไหล่ของผม มือของมันก็ลูบไล้สัมผัสตัวของผมใต้เนื้อผ้า
โซโล่ขยับตัวขึ้นมาจูบผมอีกครั้งแล้วมือลูบไล้ตามแผงอกของผมแผ่วเบาแล้วลูบลงต่ำไปเรื่อยๆ จนถึงสุดปลายจุดหมาย อ่า...เพราะหนังเอวีเมื่อกี้หรืออยู่ต่างสถานที่ก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมตื่นตัวเร็วขนาดนี้ ผมจูบดันลิ้นเข้าไปหาความนุ่มนวลและร้อนผ่าวข้างในของโซโล่ รู้สึกถึงสัมผัสที่กำลังจับต้องเนื้อกายปลุกเร้าให้ผมทะยานพุ่งด้วยความใคร่แสนวูบหวาน โซโล่จูบผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วค่อยๆ จูบแผ่วตามใบหน้าอย่างรักใคร่ขบเม้มติ่งหูและใช้ลิ้นสากเลียเข้าไป ผมขนลุกด้วยความเสียว อ่า จุดอ่อนไหวของผมเลยนะ
“พรีสต์...”เสียงกระซิบข้างหูที่แหบพร่า ดึงดูดให้ผมหันไปมองแล้วเผยอปากยื่นลิ้นสัมผัสริมฝีปากบาง ไอ้โซโล่ก็ขยับตัวก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วจูบถ่ายทอดความรู้สึกของเราผ่านริมฝีปากแสนร้อนแรงนี้ เสียงลมหายใจที่หอบของพวกเราประสานรวมเป็นหนึ่ง ผมค่อยๆ ผละจูบจากไอ้โซโล่เบี่ยงหน้าจูบตามรูปหน้าของมัน มือลูบไล้ร่างแข็งแน่นของอีกฝ่าย
ผมขยับตัวใช้แขนชันกายขึ้นพลิกตัวตะแคงจูบไอ้โซโล่คละเคล้าไม่ยอมห่าง มือลูบไล้ใบหน้าหล่อดูดีของคุณชายตวัดขาเกี่ยวก่ายลำตัวของโซโล่เอาไว้ สัมผัสจากมือของอีกฝ่ายตามดูแลไม่ห่างกาย อ่า เพราะเราไม่ได้ทำกันนานหรือเปล่านะ ตั้งแต่ผมกลับมาที่บ้านก็ไม่ได้สัมผัสกอดจูบกับมันเลยจนกระทั่งมาถึงตอนนี้ทุกอณูความคิดถึงมันถึงได้ระเบิดออกมาจากภายในมากมาย แววตาหวานฉ่ำของเราทอดมองกันเงียบๆ ท่ามกลางสัมผัสวาบหวิวทางกาย
นิ้วแกร่งลูบไล้ปากทางเข้าไปมาราวกับมันกำลังปลอบประโลมและเตือนให้รับรู้ถึงการมาเยือนที่จะเกิดขึ้น นิ้วของไอ้โซโล่ค่อยๆ ชำแรกเข้าไปอย่างช้าๆ และนิ่มนวล ผมครางแผ่วขณะที่ริมฝีปากยังเคล้ากรุ่นที่ริมฝีปากร้อนของโซโล่ มันบรรจงละเลงนิ้วผ่อนปรนความแน่นของเส้นทางนั้นแล้วผมก็ถอนจูบกระซิบถามเสียงแผ่ว
“เจลหล่อลื่นล่ะ?”
“บนเตียง”
“ไปเอามาสิ”
“ไปด้วยกันเถอะ”
ต่อรีล่าง