Loving you too much กิ๊กหลอกๆอยากบอกว่ารัก* [บทสุดท้าย] จบแล้วรบกวนย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Loving you too much กิ๊กหลอกๆอยากบอกว่ารัก* [บทสุดท้าย] จบแล้วรบกวนย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 127489 ครั้ง)

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




Loving you too much กิ๊กหลอกๆอยากบอกว่ารัก

สวัสดีค่ะ นักอ่านทุกท่าน นี่เป็นเรื่องแรกที่มีโอกาสได้ลงในเล้า
ยังไงก็ขอแนะนำและคำติชมด้วยนะคะ

'สวนส้ม'
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2014 20:46:35 โดย สวนส้ม »

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
   บทนำ

   ผมมองรายชื่อหนังสือในมืออย่างหงุดหงิดแล้วถอนหายใจ หยิบหนังสือหลายเล่มที่มีชื่อตรงกับรายชื่อในมือ น้ำหนักและจำนวนของมันมากพอที่จะทำให้ผมเซได้ง่ายๆ

   “ทั้งหมดสามพันหนึ่งร้อยบาทค่ะ”

   ผมควักเงินให้พี่พนักงาน มือก็พัลวันถือถุงหลายใบที่ทั้งหนักทั้งเยอะ

   “เงินทอนสี่ร้อยบาทค่ะ”

   “ครับๆๆ”

   ผมตอบลวกๆและรับเงินทอนมาอย่างทุลักทุเล ในจังหวะที่หมุนตัวจะออกจากร้านนั้นเอง...
   
   ตุบ!

   “เฮ้ย ขอโทษครับ” ผมขอโทษเหยื่อผู้โชคร้ายที่ถูกถุงหนังสือของผมร่วงใส่

   “…” เค้ามองกองหนังสือพวกนั้น ก่อนจะพยักหน้าว่า ‘ไม่เป็นไร’ (ถึงแม้หน้าตามันจะไม่บ่งบอกถึงการให้อภัยผมซักเท่าไรก็เถอะ -_-)

   “ขอบคุณครับ” ผมบอกขอบคุณเมื่อเค้ายังอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยหยิบหนังสือให้ผม

   ตุบ!

   “แหะๆ” ผมเงยหน้ามองถุงหนังสือที่ถูกยื่นให้กองลงไปกับพื้นอีกครั้ง “หนังสือมันหนักน่ะครับ” อ๊ากก บอกทีว่านี่เป็นคำพุดที่ดีที่สุดเท่าที่ผมคิดได้

   “งั้นผมช่วยถือให้แล้วกัน นายก็ฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ก่อนแล้วค่อยกลับมาเอา”

   “….”

   ...อ่า เอาเป็นว่าตกลงตามนั้นแล้วกัน

.
.
.
.

     “เอ่อ หนักมั้ย ให้เราถือถุงนั้นดีกว่า” ผมออกความคิดเห็น เมื่อเค้าคนนั้นเลือกช่วยผมถือถุงที่หนักที่สุดและเหลือเพียงถุงเบาๆให้ไว้ผม

   “ไม่เป็นไร ผมอยากช่วย”

   “คือว่านะ เอิ่ม...”

   “ถ้าอยากขอบคุณแล้วก็ขอโทษผม นายก็อยู่เงียบๆเถอะ”

   ติ๊งๆๆๆ (เสียงระฆังหมดยก) ผมโดนน็อคดาวน์ครับพี่น้อง!

   “ติณห์!”

   ผมหันไปมองตามเสียง คนข้างๆก็เหมือนกัน แต่เมื่อเค้าเห็นหน้าคนเรียกก็มีอาการเบ้ปากและเดินต่อไม่สนใจ (คนเรียกอย่างน่าสงสารอ่ะ - -)

   “ติณห์!!” คราวนี้เรียกดังกว่าเดิมและเดินเข้ามาขวางพวกผม ก่อนตาคมๆนั่นจะมองผม...ด้วยสายตาแปลกๆ “ทำไมพี่เรียกถึงไม่หยุด”

   อ้อ... ที่แท้ผู้ชายที่สุดจะหล่อและแสนดูดีคนนี้คือพี่ของไอ้นายติณห์นี่เอง

   “ผมไม่ได้ยิน” ตอแหล! (ตะโกนด่าในใจ) เมื่อกี้มันหันไปมองชัดๆเลยอะ ผมเห็นเต็มสองตา สาบานต่อความหล่อวิ้งสุดโอโม่ของมันที่กระแทกเบ้าตาผมเลยเอ้า!

   ไอ้คนที่พึ่งเข้ามาใหม่มองผม (ด้วยสายตาแปลกๆ) อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากถามคำที่ผมแทบลมจับ!

   “ที่นายไม่ยอมไปดูตัวกับคุณริต้าเพราะเด็กคนนี้หรอ”

   เฮ้ย! บ้าเรอะ!

   “ไม่ชะ....”

   “แล้วจะทำไม”

   พรึ่บ! (เสียงผมสะบัดไปหามันด้วยความเร็วแสง) ทำไมไม่ปฏิเสธเค้าไปล่ะเว้ยยยยยย!!!

   “เฮ้อ” พี่คนนั้น (ไม่รู้ชื่อครับ) ถอนหายใจเหมือนเหนื่อยหน่าย “งั้นนายก็น่าจะบอกพ่อไปตรงๆ”

   “พ่อคงจะฟังผมหรอก” ติณห์พูดเจือเสียงแดกดัน “แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็จะไม่หมั้นไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น” พูดพลางฉวยมือผมไปกุม

   รู้สึกถึงลางร้ายแปลกๆที่กำลังมาเยือนเลยแฮะ อะไรกันนะไอ้ความรู้สึกแบบนี้

   “เพราะคนที่ผมรักเพียงคนเดียวคือคนๆนี้”

   ไม่จริ๊งงงงงงง!!!!! มึงรู้ชื่อกูแล้วเรอะ! ชื่อกูมึงยังไม่รู้ มึงมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาสามหาวแบบนั้นน่ะ ห๊า!!!

   “เอ่อ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนนะ” ผมพยายามจะหยุดเรื่องบ้าๆนี่

   “ไม่เป็นไร ผมรู้ว่านายอึดอัด แต่ผมจะพยายามพูดกับพ่อเรื่องของเรา” พูดพลางกระชับมือผมและส่งสายตาแสบอบอุ่นมาให้

   ...มึงเอาไปเลยรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม T^T

   “ฉันก็ลำบากใจเรื่องนายว่ะติณห์ แต่ถ้านายมีคนที่ชอบอยู่แล้วพ่อก็น่าจะคิดดูใหม่”

   อะไร อะไร ผมเกี่ยวอะไรด้วย เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น บอกผมที ทำไมผมต้องมายืนให้ผู้ชายจับมือท่ามกลางประชากรนับสิบนับร้อยในห้างแบบนี้ด้วย อ๊าก!

   “สวัสดี พี่ชื่อเต็นท์เป็นพี่ชายของติณห์ยินดีที่ได้รู้จัก” พี่เต็นท์พูดพลางยิ้มหวานมาให้

   “ผะ...ผมชื่อนานาครับ”

   “งั้นผมขอตัวก่อนนะ นานาเมื่อกี้นานาบอกผมว่านายหิวใช่มั้ย ผมจะพาไปหาอะไรทานนะครับ”

   พรึบบบ อ๊ากกก ขนแขนแสตนด์อัพแบบพร้อมเพรียงเลยทีเดียว

   “งั้นพี่ไม่รบกวนเวลานายกับ ‘แฟน’ แล้ว เที่ยวให้สนุกล่ะ” พี่เต็นท์จากไปพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจทำเอาคนมองอย่างผมโบกมือค้างเลยทีเดียว
   
   เพี๊ยะ

   “โอ๊ย อะไรเนี่ย” ผมเหวี่ยงเมื่อถูกตีมือ

   “แฟนนายอยู่ตรงนี้ทั้งคนยังจะมีหน้าไปโบกมือให้ผู้ชายอื่นอีก”

   “อะ...อะไรของนาย ใครแฟนใครพูดดีๆ อย่ามาขี้ตู่ได้เปล่า ฮึ่ย!”

   “ผมเห็นนายไม่ปฏิเสธอะไร ก็นึกว่าสมยอมน่ะสิ” พูดพลางยักคิ้วกวนตีน

   สมยอมบ้าอะไรเล่า! อีกอย่างผมจะเอาเวลาที่ไหนไปค้าน อึ้งค้างขนาดนั้นน่ะ

   “ฮึ จะยังไงนายก็ผิดอยู่ดีที่เอาฉันไปยุ่งเรื่องอะไรก็ไม่รู้”

   “ช่างเถอะ ที่ผมทำไปก็ไม่ได้คิดอะไร แค่หาข้ออ้างเล็กๆน้อยๆ”

   “งั้นเราก็หายกันเรื่องที่ฉันทำหนังสือตกใส่นาย!” ผมกระแทกเสียง แย่งถุงหนังสือในมือหมอนั่นแล้วเดินออกมา

   อารมณ์เสีย โดนรูมเมทใช้มาซื้อหนังกองเท่าภูเขาแล้วยังได้แฟน(ปลอมๆ)กลับมาเป็นของแถมอีก ผมควรจะดีใจใช่มั้ยเนี่ย!!





'สวนส้ม'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2013 11:07:19 โดย สวนส้ม »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
มา :pig2: :mc4:   ต้อนรับเรื่องใหม่

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
เรื่องคงน่ารักใสๆใช่ไหม คงไม่ดราม่าหรอกนะ o13

ออฟไลน์ EVE910

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1

I am books

  • บุคคลทั่วไป
ชอบแนวนี้ค่ะ สนุกมาก

มาต่อไวไวนะคะ^^ :-[

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
นานาน่ารักมากๆเลย
อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อไปแล้วเนี๊ย
อยากให้คนแต่งมาลงทุกวันเลย
อ่านบทนำก็รู้แล้วว่าสนุก เนอะ!

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
โมเมที่สุดเลยตัว  น้องนานาสมยอมนะ หรือว่าอันที่จริงกำลังตะลึงในความหล่อของคุณพี่กันแน่ค่ะ
ของแถมแบบนี้อยากได้ อยากได้  :impress2: :impress2: :impress2:
ปล. ความคิดคุณพี่ ให้บอกพ่อเหรอ แล้ว...เค้าจะยอมรับได้เรอะ   :a5: :a5:

ออฟไลน์ luckyzaaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
น่าสนุกดีแฮะ มาต่อบ่อยๆ นะคะ

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
   ตอนที่ 1 ข้อตกลง

   ผมกำลังมีความสุขครับ ตรงหน้าผมตรงนี้มีแต่ไอศกรีมเย๊ เย สุขเท่านี้ไม่มีอีกแล้ว

   “นานา เราว่านายกินเยอะไปแล้วนะ เดี๋ยวท้องเสียหรอก”

   “ปล่อยมันเถอะวุ้น ไอ้นานามันตะกละ ฮึ”

   ผมเคี้ยวตุ้ยๆไม่สนใจ มันสองตัวเลยครับ วุ้นเส้นกับไอ้กราฟ ตัวการจิกหัวใช้ผมให้ไปซื้อหนังสือให้ไง ต้นเหตุของเรื่องเมื่อสองวันก่อน ชิส์ เห็นหน้าพวกมันแล้วพาลหงุดหงิด กินไอติมแก้เครียดดีกว่า งั่ม!

   “ว๊าย ตายแล้วแกดูนั่นสิหล่อจังเลย”

   “ไหนๆ ว๊ายจริงด้วย”

   จู่ๆผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ก็เกิดวี๊ดว๊ายขึ้นมาทั้งที่เมื่อกี้พวกเธอจ้องไอ้กราฟตาเป็นมันแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับหันไปกรี๊ดคนอื่นซะงั้น ผู้หญิงนี่ใจโลเลชะมัด

   “ติณห์ทำไมนายถึงไม่ยอมอธิบายเรื่องของนายให้พ่อเข้าใจ”

   อะไรวะ เดี๋ยวชื่อนี้มันโหลนักหรือไง ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากได้ยินชื่อนี้เลยจริงๆ

   “พูดไปเค้าคงไม่ฟังผมหรอก ดูโกรธขนาดนั้น ขืนพูดเรื่องนานาออกไปผมคงโดนพ่อเตะดิ้น”

   เฮ้ย! เมื่อกี้มันชื่อผมนี่ ด้วยระบบประสาทอัตโนวัติที่ว่องไวระดับเทพ หัวของผมจึงสะบัดอย่างแรงไปทางต้นเสียงและ........

   ตาของเราสองคนก็สบกันแบบที่ถ้าเป็นในการ์ตูนคงจะได้ยินเสียงปิ๊งๆออกมาแล้ว โอ้จอร์ช!!! เหตุไฉนถึงได้บังเอิญอย่างกะพระเจ้ากำหนดให้ผมเกิดมาเป็นคู่แท้กับมันขนาดนี้!

   แต่เมื่อเวลาผ่านไปเศษสามส่วนสี่วินาทีไอ้ติณห์ก็ส่งยิ้มหวานขนาดน้ำตาลยังอายและตรงดิ่งมาหาผมทันที

   ไม่ๆๆๆๆๆ มันไม่ได้มาทางนี้ ผมพยายามโกหกตัวเอง

   “นานาครับ” มันเรียกผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง ถ้าผมเป็นผู้หญิงนี่คงจะสยบแทบเท่ามันไปเป็นที่เรียบร้อย (แต่บังเอิญผมไม่ใช่น่ะครับ)

   นั่น เป็นไง อึ้งแดกกันทั้งโต๊ะ โดยเฉพาะไอ้กราฟ มันมองหน้าผมเหมือนถามว่าไอ้นี่มันเป็นใคร ทำไมถึงได้เรียกมึงซะเสียงหวานขนาดนี้ แต่โทษว่ะเพื่อน กรูไม่มีอะไรจะอธิบาย

   “อ้าว น้องนานา”

   “สวัสดีครับพี่เต็นท์” ผมจำใจต้องส่งยิ้มกลับไปให้คนมนุษย์สัมพันธ์ดี

   “ทำไมนานามาทานไอติมแล้วไม่บอกผมล่ะครับ” ไอ้ติณห์ถามพร้อมทั้งเบียดลงนั่งที่โซฟาข้างๆผม

   โถ ไอ้คุณติณห์ครับที่มีเยอะแยะมาเบียดผม(กู)ทำไม

   “เอ่อ คือเรา...” ติณห์ส่งสายตาอาฆาตมาให้ ทำนองว่า ‘ตอบไม่ดีมึงตายยย’ “คือ นามากับเพื่อนน่ะ...ครับ แล้วก็กลัวว่า...เอ่อ นายจะไม่ว่าง” ติณห์ยิ้มหวานพอใจในคำตอบ

   “ครับ” ตอบและยิ้มให้อีก ขยันยิ้มจริงนะ ยิ้มอยู่นั่นแหละ แบบนี้มันก็หวั่นไหวได้นะเว้ย “นานาครับ”

   “หือ...เฮ้ย!” ผมร้องอย่างดังเมื่ออยู่ๆ มันก็ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยที่มุมปากผม

   “ไอติมเลอะปาก ^^”

   โอ๊ยยยย!! ผมจะเป็นลม อะไรมันจะสมบทบาทขนาดน้าน แคร์เพื่อนๆพี่ๆในโต๊ะที่อ้าปากค้างกับสาวโต๊ะข้างๆที่เป็นลมสลบกันไปเป็นแถบๆบ้าง

   “อะแฮ่ม!” ไอ้กราฟเป็นคนที่ได้สติก่อน “ใครวะนานา”

   “เอ่อ...” ถามแบบนี้ไปต่อไม่ถูกเลย “ติณห์เค้าเป็น เอ่อ เป็น...”

   “เป็นแฟนน่ะ” เสียงนั่นไม่ใช่เสียงผมและเสียงติณห์ แต่เป็นเสียงนุ่มๆของไอ้พี่เต็นท์ต่างหาก

   ....ก๊า ก๊า...

   อึ้งแดกกันอีกแล้วล่ะสิพวกมึง (กูก็อึ้งเหมือนกัน -_-)

   “พี่ติณห์เป็นแฟนกับนานาหรอครับ” ท่ามกลางความงุนงงของสมาชิกในโต๊ะ (ติณห์เองก็ดูจะอึ้งๆไปเหมือนกัน) ไอ้วุ้นเส้นก็โพล่งถาม

   หืม...ผมเลิกคิ้ว ไอ้วุ้นมันไปรู้จักมักจี่กับติณห์ตอนไหนวะ

   “อ้าว ผมไม่เห็นนายเลย เป็นไงบ้างวุ้นเส้น”

   สรุปรู้จักกันใช่มั้ย? ผมทำหน้าตาสงสัยจ้องไอ้ตัวเล็กเขม็ง

   “นานาไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ เรากับพี่ติณห์เคยอยู่โรงเรียนเดียวกันตอนม.ต้นน่ะ” ไอ้วุ้นทำเสียงตื่น แก้ตัวพัลวัน

   “แล้วฉันคิดอะไรวะ วุ้น” ผมถามทำหน้างง

   “ก็แบบ...” ไอ้วุ้นเอานิ้วชี้มาจิ้มๆ กัน “ก็หึงเรากับพี่ติณห์ไง”

   พรึ่บ! สายตาคนทั้งโต๊ะหันมามองผมเป็นตาเดียว

   มันไม่ใช่อย่างง้านนนนนนนน !!!!

   “บ้าหรอ! ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น แค่สงสัยเฉยๆ”

   “หรอ ก็เห็นนาคิ้วขมวดก็เลยคิดว่า......”

   “ลืมมันเถอะ” ผมสูดหายใจเข้า ก่อนจะเอ่ยบอกประโยคที่ค้างคาใจมานาน “ทุกคนฟังนะ พี่เต็นท์ด้วยฟังผมนะ ความจริงแล้ว ผมกับติณห์เราไม่ดะ...เฮ้ย!!” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคน้ำเปล่าทั้งแก้วก็หก (ถูกสาด) ลงบนตัวผมเต็มๆ โดยมีไอ้ตัวการร้องโวยวายอยู่ข้างๆ

   บ้าเอ๊ย!

   “นานา เป็นยังไงบ้าง ผมขอโทษนะ...ดูสิเปียกหมดแล้ว เดี๋ยวพาไปห้องน้ำนะครับ”

   ไม่พูดพล่ามทำเพลง มันก็ลากผมจากตรงนั้น ตรงดิ่งเข้าห้องน้ำและล็อกห้องอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน

   ปัง!

   มันกักผมไว้ในอ้อมแขน จ้องหน้าผมด้วยสายตาน่ากลัว

   “เมื่อกี้นายจะพูดอะไร”

   “ก็พูดความจริงน่ะสิ!” ผมตอบมัน กอดอกและเชิดหน้าไปอีกทาง

   “นายกำลังทำให้ผมเดือดร้อน”

   “นายก็ทำฉันเดือดร้อนเหมือนกัน!”

   “แต่มันไม่เหมือนกัน!” ติณห์ตะคอก

   “ไม่เหมือนตรงไหน!” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดังไม่แพ้กัน

   ให้ตายสิ ไอ้หมอนี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

   “ไม่เหมือนก็คือไม่เหมือน ยังไงนายก็ต้องช่วยผม”
   
   “ถ้าไม่แล้วจะทำไม!”

   “ก็ไม่ทำไม แต่ผมบอกเต็นท์ไปแล้ว”

   “อะ...ไอ้!!”

   ผมจนด้วยคำพูด ทำไมมันถึงพูดอะไรแบบนี้ได้นะ น่าเกลียดที่สุดเลย ไม่คิดถึงหน้าผมเลยหรือไงเนี่ย เห็นแก่ตัวที่สุด ไอ้ติณห์บ้า!

   “ไม่รู้แหละ ยังไงก็ไม่ทำ บอกความจริงเค้าไปก็สิ้นเรื่อง”

   “จะทำไม่ทำ” ติณห์ถามด้วยน้ำเสียงน่ากลัว

   “ม่ายยย!!”

   “ดี...” ติณห์พูดด้วยร้ำเสียงทุ่มต่ำ ก่อนจะแสยะยิ้ม ให้ตายเถอะ ถึงหมอนี่จะยิ้มหล่อกระชากใจขนาดไหนผมก็ไม่ชอบมันเอาซะเลย “งั้นผมจะบอกกับพ่อว่าเรามีอะไรกันแล้ว และนายก็อยากให้ผมรับผิดชอบ...มากๆ”

   “บ้าไปแล้วหรอ!” ผมตะโกน “ฮึ จะบอกยังไงก็บอกไป เรื่องจริงเป็นยังไงเรารู้ดี” ผมพูดอย่างเหนือกว่า (แม้จะแอบหวั่นๆบ้างก็เถอะ)

   “หรอ…” มาอีกแล้วน้ำเสียงกวนตีน... “งั้นผมจะข่มขืนนายในห้องน้ำเลยดีมั้ย”

   โถ่ มุขปัญญาอ่อนหลอกเด็กสามขวบ ผมชื่อก็โง่แล้ว!

   “กล้าก็เอาเด่ะ”

   ติณห์ยิ้มกว้างก่อนจะเบียดเข้ามาใกล้ และโน้มลงไปฝังกับซอกคอผมก่อนจะซุกไซร้ไปทั่วจนผมขนลุกไปทั้งตัว โอ้ ชิท! แม่งมันทำจริงหรอวะ

   “เฮ้ย อย่า...อื้อ พอแล้ว” ผมบอกพร้อมทั้งพยายามดันตัวหนักๆของมันออกไปด้วย

   ไม่นะ T_T! มันจะทำผมจริงหรอ ไม่เอ๊า!

   “ปะ ปล่อย พอแล้ว...อืม พออ”

   ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ มือที่เคยกักตัวผมไว้ตอนนี้มันเริ่มลูบๆคลำๆที่สะโพกของผม...

   “หยุดๆ พอ...ยอม แล้ว ยอมแล้ววว” มันชะงักมือ ถอนใบหน้าหล่อๆออกมาจากคอผม

   “สมยอมแล้วหรอ” ถามพลางยักคิ้วเท่ๆให้ทีนึง

   “บ้า!” ผมตะคอกใส่มันทั้งๆที่ตัวยังอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของติณห์ “ปล่อยได้แล้ว” ผมบอกอ้อมแอ้ม ก้มหน้า

   “พึ่งรู้นะว่าชอบรุนแรง ขอร้องดีๆไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง”

   ที่ทำนั่นเรียกว่าขอร้องหรอ -_-^ (แถวบ้านเรียกขู่กรรโชก โทษจำคุกตลอดชีวิตนะรู้เปล่า!) > มั่วแล้วมึง

   “ในเมื่อนายยอมตกลงปลงใจกับผมแล้ว ก็มาคุยข้อตกลงของเรากันเถอะ” ทำไมรู้สึกเหมือนเราเป็นพวกตัวการคิดทำอะไรไม่ดีซักอย่างวะ (ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ผมว่าประโยคหน้ามันแปลกๆ)

   “จะอะไรก็ช่าง ปล่อยฉันได้แล้ว ขืนอยู่ท่านี้นานๆฉันท้องพอดี” ติณห์ขยับตัวออกจากผม กระแอมไอเล็กน้อย

   “ก็เรื่องที่นายต้องเป็นแฟนผมไง ผมไม่รู้ว่าเราต้องแกล้งเป็นแฟนกันนานแค่ไหน แต่ผมอยากให้นายช่วย”

   “…”

   “นายก็แค่แกล้งเป็นแฟนกับผม คุยกัน กินข้าวด้วยกัน ดูหนังกัน แล้วพอพ่อผมยกเลิกงานดูตัวบ้าๆนั่นเมื่อไร เราก็เลยค่อยเลิก”

   “แล้วเค้าไม่สงสัยหรอว่าทำไมเราเลิกกันง่ายจัง”

   “หน้าตาอย่างผมนี่จะบอกเลิกใครมันดูยากนักหรอ”

   เออ ไอ้หล่อเลือกได้!

   “แล้วถึงตอนนั้น เราก็ทางใครทางมัน ไม่มีใครเสียผลประโยชน์ โอเคหรือเปล่า”

   ผมคิดตามที่หมอนั่นพูด จะว่าไปมันก็จริง ผมแค่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มันคงไม่ผิดนักหรอก (มั้ง)

   “เอางั้นก็ได้ แต่เท่าที่ฟังมาไม่เห็นฉันจะได้ผลประโยชน์อะไรเลย” กรุณาอย่ามองผมอย่างนั้นครับ ผมไม่ได้ขี้งกหน้าเลือดแต่อย่างใด

   “ไม่ได้ประโยชน์ตรงไหน ค่าข้าวค่าหนังผมก็เป็นคนเลี้ยง ไปไหนผมก็ไปรับไปส่ง สบายยิ่งกว่าอะไร พูดๆไป ผมนี่เสียเปรียบนายเห็นๆ”

   “โอเค ฉันจะยอมช่วยนายก็ได้”

   ผมกับมันตกลงทำสัญญากันผ่านทางคำพูดเรียบร้อย เอาวะ! ก็แค่ละครคิดอะไรมาก สบายจะตาย ผมจะกินให้มันหมดตัวไปเลย!

   “อ้อ อีกอย่าง”

   “อะไร” เรื่องมากจริงวุ้ยไอ้หมอนี่

   “นายเรียกผมว่าติณห์เฉยๆไม่ได้ ต้องพี่ติณห์”

   “ทำไม”

   “เพราะผมอายุมากกว่า”

   “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ” เกี่ยวเปล่าวะ แต่ช่างเถอะ เรียก ‘พี่’ แล้วมันกระดากปากชอบกล

   “แต่ผมถือ ต้อง-เรียก-พี่” มันเน้นชัดๆทีละคำ “แล้วเวลาเรียกแทนตัวเองให้เรียกด้วยชื่อเข้าใจมั้ย”

   “ไม่เข้าใจ”

   “เข้าใจ...หรือ...ไม่-เข้า-ใจ” ผมเน้นชัดๆ และเริ่มเบียดกายเข้ามาอีก

   “เออๆๆๆๆ เข้าใจแล้ว(ไอ้)พี่ติณห์”

   โว้ยยยยยยยยยย ทำไมผมต้องแพ้มันตลอดด้วยอ่ะ ไม่เข้าใจ!

   “แค่นี้ใช่มั้ย! งั้นไปละ ไอติมละลายหมดแล้ว”

   “เดี๋ยว”

   “อะไรอีก!”

   “ถอดเสื้อ”

   “เฮ้ย! อะไร บ้าไปแล้ว” ผมรวบเสื้อนักศึกษาเข้าหากัน ส่ายหน้ารัว

   “อย่าดื้อได้มั้ย เสื้อนายเปียก เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมหรอก”

   “ไม่เป็นไร แค่นี้ทนได้” ปอดผมคงไม่บวมไปได้มากกว่านี้แล้วล่ะ...

   “นานา...” ให้ตายเถอะ! ผมล่ะเกลียดเสียงทุ้มต่ำแสดงอำนาจของมันจริงๆ

   “ถอดก็ได้ หันหน้าไปสิ”

   “อายอะไร ไม่มีอะไรให้ดูซักหน่อย”

   “หันไปเถอะน่า!!” ผมตะคอกหน้าแดง ทำไมมันทะลึ่งแบบนี้ นานารับม๊ายด๊าย!

   เขินวุ้ย ให้มาถอดต่อหน้าคนพึ่งรู้จักกันแบบนี้ แถมมันยังเป็นแฟน(ปลอมๆ)ของผมด้วย วันนี้ดันไม่ได้ใส่กล้ามมาอีก โอย...ซวยยกกำลังสอง

   “เสร็จละ” ผมบอก และติณห์มันก็...

   ถอดเสื้อตัวเองออก O_o! เหลือแค่เสื้อกล้ามสีขาวบางเท่านั้นเอง

   “ทะ...ทำอะไร” ผมกอดเสื้อเข้าหาตัว หลังติดผนังจนแทบจะหายเข้าไปในนั้นอยู่แล้ว ใครใช้ให้มันทำอะไรแบบนี้ฟะ เมื่อกี้ยังหื่นใส่อยู่เลย เดี๋ยวผมก็สมยอมจริงๆซะหรอก! (ล้อเล่นนะครับ - -)

   “ใส่ซะ ผมทำนายเปียก ผมรับผิดชอบ” โถๆ พ่อสุภาพบุรุษไม่ดูเวล่ำเวลา ทีตอนทำล่ะไม่คิด ตอนนี้จะมารับผิดชอบ (พูดอย่างกะมันทำผมท้องเลยเนอะ)

   “ถ้านายไม่ใส่ ผมจะ......”

   “เออๆ ใส่แล้วคร้าบ ไม่ต้องขู่ แค่นี้ก็กลัวจนขี้ไม่ออกไปสามวันแล้ว” ผมตอบประชด และรับเสื้อนักศึกษาตัวโคร่งของติณห์มา

   “ขี้ไม่ออกเดี๋ยวผมเข้าไปสวนให้”

   ปื๊ดดดดดด!!!! เสียงเลือดพุ่งออกจากหัวใจตรงไปที่หน้าผมเอง

   “นาย อ...ไอ้!”

   “รีบใส่สิ ผมจะกลับโต๊ะแล้ว”

   ทำไมผมต้องแพ้มันด้วยยยยยยยยยย!~


.
.
.
.

   “เหมือนน้องม.3เอาเสื้อพี่มาใส่เลยว่ะ” ไอ้กราฟทัก

   “อย่ามาเวอร์ได้มั้ย กูสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบ เด็กม.3นั่นมันไอ้วุ้นนู่น” คนไม่เกี่ยวถึงกับมองค้อนผมเลย

   กลับสู่สถานการณ์การปัจจุบัน ผมกระแทกลงนั่งข้างๆ ติณห์ที่ยิ้มหวานรอผมอยู่ ทำไมมันน่าหมั่นไส้แบบนี้วะ กระดกน้ำแก้เครียด!

   “นานาอยากทานเพิ่มมั้ย เดี๋ยวพี่สั่งให้”

   “แค่กๆ” ผมถึงกับสำลัก 'นานาอยากทานเพิ่มมั้ย เดี๋ยวพี่สั่งให้' พระเจ้า ไม่เคยได้ยินประโยคไหนเลี่ยนเท่านี้มาก่อนเลย

   “น้ำครับ” ผมรับน้ำมากระดกแก้สำลัก

   “ไม่เป็นไร ฉะ...เอ่อ นาอิ่มแล้วพะ...พี่ติณห์สั่งเถอะ…ครับ” กระดากปากอะไรเยี่ยงนี้

   “ไม่เป็นไร นาอิ่มพี่ก็อิ่ม”

   อัวกกกกก! ผมพร้อมกับทุกคนในโต๊ะพร้อมใจกันอ้วกทันที (มันเป็นเรื่องที่ผมคิดไปคนเดียวน่ะครับ แต่ผมว่าทุกคนคิดเหมือนผมหมดอะ)

   หมั่นไส้! ว่างๆ ผมคงต้องแอบไปมีชู้ให้มันเสียชื่อหน่อยละ (ความคิดชั่ววูบ)


   



เอาตอนแรกมาลงเพิ่มค่ะ ขอบคุณทุกความเห็นเลย พออ่านแล้วดีใจม๊ากมาก
เรื่องนี้ใสๆไม่ดราม่าเนอะ ส่วนการอัพก็ตามมีตามเกิด (ฮ่าๆๆๆ)
ไว้จะมาลงเพิ่มอีกในโอกาสหน้า สะวีดัด สวัสดีค่าา~

'สวนส้ม'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2013 11:05:27 โดย สวนส้ม »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






FoN LiGhT~

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักอ่ะมาต่อๆๆนะ
  :-[ :o8:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
 :mc4: ฉลองเรื่องใหม่ ตอนแรกก็สนุกและ อย่าลืมมาต่อนะจ้า :L2: :call:

baros

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

killy

  • บุคคลทั่วไป
นานาน่ารักอ่ะ :o8:

ออฟไลน์ iranen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เรื่องน่าสนุกเลยมาอ่าน
คงไม่มาม่าอืดยืดเส้นได้นะ
ไม่อยากอ่านไปเคล้าน้ำตาไป

แล้วจะติดตาม

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
   ตอนที่ 2 ประวัติส่วนตัว

   ‘พรุ่งนี้วันเสาร์ ไปหาผมที่ร้านเดิมตอนเที่ยงนะ
ติณห์’


   ผมมองข้อความในโทรศัพท์แล้วรู้สึกอยากจะปามันให้แตกกระจายไปกับผนังซะเดี๋ยวนั้น ฮึ่ย ทำมาเป็นสั่ง กะอีแค่ผมตกลงยอมเป็นแฟนหลอกๆ ให้มันหน่อยเนี่ยทำวางอำนาจใส่ผมเลยนะ ชิๆๆ โอ๊ย! แค้นเว้ย!

   “นานา ทำไมทำหน้าตาน่ากลัวอย่างนั้นล่ะ”

   “อยากฆ่าคน ฮึ” ผมตอบวุ้นเส้น พร้อมกับเสียงเปิดประตูของรูมเมทอีกคน

   “อ่ะวุ้น น้ำส้มแก” ไอ้กราฟที่พึ่งกลับมาจากร้านขายของข้างๆหอบอก และโยนขวดน้ำส้มให้ไอ้วุ้น

   ตอนนี้พวกเรากลับมาสิงที่หอกันเรียบร้อยแล้วครับ (ผมสามคนพึ่งอยู่ปีหนึ่งครับ) หลังจากเกิดเหตุการณ์ช็อคโลกที่ร้านไอติมนั้นผมก็ใบ้แดกตลอดงาน ถามคำตอบคำ ไม่มีอารมณ์เสวนากับใครทั้งสิ้น

   “นา ตกลงมึงจะเล่าได้ยังว่ามึงกับไอ้พี่ติณห์นั่นไปเป็นแฟนกันได้” ไอ้กราฟถามเป็นรอบที่ร้อยล้านหลังจากพวกเราขึ้นแท็กซี่เพื่อแยกกับสองพี่น้องจอมปัญหา (ความจริง ด้วยสปิริตความเป็นแฟนอันแรงกล้าของไอ้พี่ติณห์ มันก็จะมาส่งพวกผมอยู่หรอก แต่ผมนั้นปฏิเสธจนมันจนปัญญา พวกเราก็เลยได้โอกาสเมาส์มันด้วยประการฉะนี้)

   “ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาเรียบเรียงเหตุการณ์ว่ะกราฟ”

   “กูให้เวลามึงมาสามชั่วโมงแล้ว ไม่มากไปหรือไง” ไอ้กราฟยักคิ้วถาม

   แม่ง ไม่ให้โอกาสกูเตรียมเรื่องโกหกเลยไอ้บ้านี่ -*-

   “ก็ เอ่อ อืม คือ....” ผมพยายามนึกหาเหตุการณ์ในละครที่เคยดูมายำกัน “มันเป็นเรื่องก่อนที่กูเข้ามามหา’ลัยว่ะ กูกับพี่ติณห์เจอกันโดยบังเอิญ”

   อ่า... ยังไงต่อล่ะมึง อ๊าก! กูเครียดว้อย!!

   “คือแบบว่า เออ พวกกูเจอกันที่สวนสนุก แล้วพี่ติณห์มันไปคนเดียวไง วันนั้นอ่ะมันพึ่งโดนแฟนสาวบอกเลิก แล้วก็ประชดชีวิตไปเล่นพวกเครื่องเล่นเสียวปอดทะลวงตับจนมันอ้วกแตกแทบไม่เป็นผู้เป็นคน กูบังเอิญไปเจอพอดีไง ก็เลยเข้าไปช่วยเอาไว้”

   “หร๊อ” ไอ้กราฟเสียงสูง ส่วนไอ้วุ้นทำตาปิ๊บๆ

   “เออ แล้วมันก็ขอให้กูพามันไปร้านเหล้า มันก็ซัดเหล้าเมาปลิ้น วันนั้นนะแม่งเมาอย่างกับหมา แถมยังอ้วกเรี่ยราด หาความเป็นผู้เป็นคนไม่เจอเลย!” ผมได้ทีก็ใส่ไฟไปด้วยความแค้น แม่ง ชอบบังคับกู อ๊ากก! “กูก็เวทนามันไง เลยช่วยพามันกลับบ้าน แล้วคืนนั้น......”

   “มึงก็เสร็จพี่ติณห์”

   “เหี้ย! ไม่ใช่เว้ย กูยังบริสุทธิ์อยู่ล้านเปอร์เซ็นต์ กูจะบอกว่าคืนนั้นกูก็ช่วยเช็ดอ้วกเช็ดตัวให้ แถมยังดูแลอย่างดี แล้วก็ให้กินยาแก้แฮงค์ แล้วเราก็ติดต่อกันตั้งแต่นั้นแหละ”

   ผมสรุปจบแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง นี่ผมไม่เนียนตรงไหนปะวะ หลุดอะไรออกไปมั่งเนี่ย ไอ้กราฟจะเชื่อรึเปล่าอะ (ไอ้วุ้นปล่อยมันเหอะ รายนี้ใสซื่อหัวอ่อน จูงซ้ายวุ้นก็ซ้าย จูงขวาวุ้นก็ขวา > คนหรือควายวะเนี่ยเพื่อนกู!)

   “เออ วุ้นแกรู้จักพี่ติณห์ด้วยหรอวะ” และก่อนที่ไอ้กราฟจะประมวลความได้ว่าผมโกหก ผมก็ต้องรีบเบี่ยงเบนประเด็น - -*

   “เราเคยอยู่ชมรมดนตรีกับพี่ติณห์น่ะ เลยรู้จักกันนิดหน่อย อ๊ะ แต่เรากับพี่ติณห์ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากหรอกนะ แค่รู้จักแบบพี่แบบน้องน่ะ”

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ -_-“     
   
   เอ๊ะ ไอ้นี่...ชอบคิดเองเออเองเรื่อยเลยเว้ย~

   “เออนี่ เล่าเรื่องตอนที่นายรู้จักกับพี่ติณห์ให้เราฟังหน่อยสิ....ก็แบบว่า อยากรู้ว่าเมื่อก่อนพี่เค้าเป็นยังไงน่ะ” ที่อยากรู้เนี่ยก็แค่ต้องการศึกษาประวัติแฟน(ปลอมๆ)ไว้เฉยๆหรอกนะ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษ ทำไมพวกมันต้องมองผมแบบนั้นด้วยวะ (มองแบบนี้ก็ประหม่าเหมือนกันนะเว้ยเฮ้ย!)

   “เราก็ไม่ได้สนิทอะไรกับพี่ติณห์มากหรอก ก็อย่างที่บอกว่าอยู่ชมรมดนตรีด้วยกัน แล้วพี่ติณห์เค้าก็เป็นมือเบสของวงไง พี่เค้าฮอตมากๆเลยอะ แล้วทีนี้เราก็เล่นคีย์บอร์ดกับเบส แต่เล่นเบสไม่ค่อยเก่งบางครั้งพี่เค้าก็เลยมาช่วยสอนให้”

   อะไรกันไอ้หมอนั่น ถ้าจำไม่ผิดนี่รู้จักกันตั้งแต่ม.ต้นใช่มะ อะไรจะฮอตแต่เด็กขนาดน้าน บ๊ะ! น่าหมั่นไส้!

   “แต่พอจบม.ต้นพี่ติณห์ก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะ แล้วก็คงจะกลับมาเรียนมหา’ลัยที่ไทยเนี่ยแหละ”

   “อ๋อ...” ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

   “ว่าแต่มึงยังไม่เสร็จไอ้พี่ติณห์นั่นจริงหรอวะ” ไอ้นี่ก็...พากูเข้าเรื่องเสียตัวอยู่เรื่อย

   “ก็เออน่ะสิ!” ผมเชิดหน้า กอดอกและตอบมันด้วยท่าทางมั่นใจ ไอ้กราฟยิ้มขำๆ 

   ความจริงผมกับไอ้สองคนนี้ก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันมานานนักหรอกครับ ก็พึ่งจะมารู้จักกันตอนเป็นเมทกันเนี่ยแหละ ถ้าจะให้นับก็...เดือนเดียวเองมั้ง แต่พวกเรามีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง อย่างเรื่องกินง่ายอยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก หรือไม่ชอบกินเผ็ดเหมือนกันอะไรทำนองนี้อ่ะครับ ก็เลยเข้ากันได้แล้วก็สนิทกันเร็ว

   อย่างไอ้วุ้นมันก็หนุ่มเหนือน่ะครับ ขาวๆตัวก็พอประมาณกำลังน่ากอด นิสัยก็เรียบร้อยไม่นิยมคำหยาบคาย ส่วนไอ้กราฟก็คนกรุงเทพฯ รูปหล่อพ่อมีตังค์ ผิวแทนแบบคนออกกำลังกาย นิสัยมันก็ดีแถมยังติดดินขั้นเทพ ไม่มีนิสัยอะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณหนูไฮโซแม้แต่อย่างเดียว ไอ้กระผมก็มาจากชลบุรีอ่ะครับ แสงสีก็ไม่แพ้ที่กรุงเทพฯนัก นิสัยก็อย่างที่ทุกท่านทราบนั่นแหละครับ เป็นขี้ข้าพวกมันบางเวลา ดื้อบ้าง เกรียนบ้าง ตามประสา

   สรุปง่ายๆว่าผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ครับ > ไม่เกี่ยวอะไรเลยนะ -_-^

.
.
.
.

   “สวัสดีครับ นานา”

   “ไม่ต้องมายิ้มหวานกับฉันเลย อยู่กันแค่สองคน ขนลุก บรื๋อ~”

   “ผมก็ขนลุกเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร ฝึกไว้จะได้ชิน”

   ไม่เป็นไรกับผีน่ะสิ บังอาจมารบกวนเวลาอ่านการ์ตูนอันมีค่าของผมนี่ ถ้าไม่มีธุระสำคัญจะเตะก้านคอให้เลย

   เอาล่ะ ตอนนี้เราก็กลับมาอยู่ ณ ร้านไอติมที่เกิดเหตุเมื่อวานอีกครั้งนะครับ และที่ผมต้องลาน้องการ์ตูนน้อยออกมาก็เพราะ...

   ‘พรุ่งนี้วันเสาร์ ไปหาผมที่ร้านเดิมตอนเที่ยงนะ
ติณห์’


   ชิ...บังอาจจิ๊กโทรศัพท์และเอาเบอร์ผมไปโดยพละการนี่ก็น่าจับเข้าเครื่องประหารหัวสุนัขอยู่แล้ว นี่ยังทำลายเวลาว่างอันมีค่าของผมอีก มันน่านัก! ฮึ่ย!!

   “แล้วมีอะไร ถึงได้นัดมา”

   “อะไร แฟนกันก็ควรจะออกมาเดทบ้างไม่ใช่หรือไง” ติณห์ทำหน้าเหมือน ‘มึงแย่มากที่ไม่รู้เรื่องแบบนี้ โง่ซะจริงๆ เกิดมาชีวิตนี้เคยมีแฟนกับเค้าบ้างมั้ยเนี่ย’

   ถ้ามึงคิดแบบนั้นจริงๆจะบอกให้ก็ได้ว่า กูไม่เคยมีแฟนโว้ย!

   “แฟนอย่างเราไม่จำเป็นก็ได้มั้ง” ผมตอบ แอบประชดมันนิดๆ

   “อย่างน้อยเราก็ควรจะศึกษาประวัติส่วนตัวกันไว้คร่าวๆก่อนนะ เพื่อความแนบเนียน” อ้อหรอ “ไหนนายลองพูดซิ”

   “ห๊า....?” อะไรฟะ อยู่ๆบอกให้พูด แล้วจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย

   “อะไร พูดสิ ประวัติส่วนตัวของนายไง ไม่พูดแล้วผมจะรู้หรอ”

   “อ๋อ เอ่อ ก็ชื่อจริงชื่อ นรารักษ์ ชื่อเล่นชื่อ นานา อายุ 18 เกิดวันที่ 15 กุมภา...เอ แล้วก็ ตอนนี้เรียนปีหนึ่งที่ มหา’ลัย A คณะอักษร...” ตันครับท่าน “คิดไม่ออกแล้ว นายพูดบ้างสิ”

   “ผมชื่อ ตฤณวัฒน์ อายุ 20 วันเกิด 1 ตุลา อยู่ปีสองสถาปัตฯ มหา’ลัย M มีพี่น้องสามคน....” แล้วมันก็เงียบไปซะเฉยๆ “ช่างมันเถอะ คนรักกันไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องส่วนตัวกันทุกเรื่องหรอก”

   อะไรนะ ตัดจบได้หน้าด้านมาก -*-

   “ติณห์” เสียงหวานใสเรียก ติณห์หันไปหาต้นเสียงก่อนจะยิ้มรับ

   “ไงแอนนา”

   “ว่างมั้ย เรามีเรื่องจะบอก” ผู้หญิงคนที่ชื่อแอนนาถามพลางมองมาที่ผม

   “ว่าง มีอะไรล่ะ”

   “คือวันอาทิตย์หน้าวันเกิดแอน ติณห์จะมามั้ย”

   “ไปสิ ผมจะพลาดได้ไง” ติณห์ตอบยิ้มหวาน (หมั่นไส้ว่ะแม่ง) “แต่ผมพาแฟนไปด้วยได้มั้ย”

   พรึ่บ! ผมหันไปหามันด้วยความเร็วแสง

   “แฟน......?” พี่แอนนาทวนคำถาม ตอนนี้หัวใจผมมันเต้นตุ้บๆๆๆ อย่างกับจะออกมาระบำลัลล้าข้างนอก

   ไอ้ติณห์ (สรรพนามเปลี่ยนตามอารมณ์) ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ ก่อนจะย้ายก้นตัวเองมานั่งๆข้างผม มือไวปานวอกของมันก็โอบรอบเอวผมอย่างรวดเร็ว แล้วมันก็......

   ฟอด!

   หอมแก้มผมต่อหน้าประชาชีดัง ‘ฟอด!’ =[ ]=!

   “แฟนคนนี้ไง ขี้เหงาขี้น้อยใจ ต้องพาไปด้วย”

   “เฮ้ย” ผมส่งเสียงปรามมัน ทำตาดุๆ

   “ไม่ต้องเขินหรอกครับนานา นี่พี่แอนนาเพื่อนที่คณะ”

   “สวัสดีจ้ะ” พี่แอนนายิ้มอย่างเป็นมิตร มองผมด้วยแววตาเอ็นดู

   “หวัดดีครับ แหะๆ...”

   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!! หลังจากที่ผมตอบได้เพียงแค่นั้นพี่แอนนาก็เดินจากไป และไอ้ติณห์มือปลาหมึกก็กลับไปนั่งที่เดิมด้วยท่าทางที่ดูจะสบายอารมณ์เหลือเกิ๊น~ ผิดกับผมที่หน้าบูดเป็นตูดลิง แม่ง พ่อแม่ผมรู้จะทำไงเนี่ย ว่าผมมานั่งให้ผู้ชายกอดหอมในที่สาธารณะ โอ๊ย! ปวดเฮด!

   “ทีหลังไม่ต้องสมบทบาทขนาดนั้นก็ได้” ผมบอก

   “ไม่ทำแบบนี้ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก หล่อๆอย่างผมมาคบคนหน้าตาแบบนายเนี่ย”

   “พูดแบบนี้เลิกกันเลยดีมั้ย ฮะ”

   “โอ๋ๆ ผมล้อเล่นน่า ทำเป็นจริงจังไปได้”

   “ใช่ซิ๊ นายมันไม่ใช่คนเสียหายนี่นา ดูซิเนี่ย คนอื่นเค้าจะมองฉันใจง่ายยอมให้นายกอดจูบในร้านรึเปล่าก็ไม่รู้”

   “ไม่เห็นเป็นไร เชื่อได้เลย ว่าชาตินี้ทั้งชาตินายก็ไม่มีวันได้แฟนหล่อแบบผมหรอก นายน่ะโชคดีมากกกกก” ติณห์ลากเสียงยาว

   คราวนี้ผมยืดหลังตรง นั่งไขว่ห้าง เชิดอกเชิดหน้า ก่อนจะตอบออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำด้วยน้ำเสียงเชิดๆว่า

   “เออ ถึงจะหาแบบนายได้ฉันก็ไม่เอาเว้ย เพราะฉัน-อยาก-มี-แฟน-เป็น-ผู้-หญิง! รู้เอาไว้ซะ ฮึ่ย!!!”





ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ  :pig4:

'สวนส้ม'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2013 11:23:30 โดย สวนส้ม »

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
 :laugh:สนุกดีค้า
มาอัพบ่อยๆ นะ  :กอด1:

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เธอคือคนที่ฉันตามหาใช่ไหมเนี่ย

....ดูเข้าเค้าสุดแล้วนา...

โอะๆ  เม้นเอาไว้ก่อน  เดี๋ยวกลับมาอ่าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 3 how to… (Part 1)

   “ไอ้นานา!!”

   “อะไรวะไอ้กราฟ อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมมึงต้องตะโกนด้วย อารมณ์เสีย ฮึ่ย”

   ไอ้กราฟทำหน้าเซ็ง

   “คนที่อารมณ์เสียควรเป็นกู ไม่ใช่มึง กูเรียกมึงตั้งหลายรอบแล้ว แม่งมัวแต่เหม่อ” ไอ้กราฟบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

   อะไรวะ แค่เรียกไม่ได้ยินแค่ถึงกับต้องดุเลยรึไง -*-

   “เออ โทษที กูคิดอะไรเพลินๆ”

   “คิดถึงไอ้พี่ติณห์อ่ะดิ กูเห็นนะพวกมึงคุยโทรศัพท์กันดึกทุกคืน คนจะหลับจะนอนต้องมานอนดูพวกมึงคุยกันเนี่ย”

   “แล้วผมใช้ให้คุณนอนดูผมคุยโทรศัพท์กับแฟน(หลอกๆ)หรือไงล่ะครับ ท่านคุณกราฟ”

   ผมประชดไปทีหนึ่ง

   อ๊ะๆ ทุกคนอย่าพึ่งเข้าใจผิดคิดว่าผมสวีตวิ๊ดวิ้วอะไรกับติณห์นะครับ ที่มันโทรมาทุกคืนนั่นก็เพราะว่ามันกลัวไม่เนียน ก็เลยโทรมา แต่เราไม่ได้คุยอะไรกันหรอกครับ ที่ผมได้ยินผ่านโทรศัพท์ก็มีแค่เสียงยิงกันสนั่นจอหนังเท่านั้นล่ะ ส่วนผมก็......พูดคนเดียว (ยิ่งอยู่กับมัน ผมยิ่งเพี้ยนว่ะ) 

   “น้องนานา”

   “พี่เต็นท์........?” ผมหันไปมองด้วยความงงงวย ไอ้พี่เต็นท์ทำไมมาอยู่นี่วะ

   “พึ่งรู้ว่าเราอยู่มหา’ลัยเดียวกัน” อ๋อ รู้แล้วทำไมเค้ามาอยู่นี่

   เฮ้ย!? ว่าไงนะ ถ้าจำไม่ผิดติณห์มันไม่ได้อยู่ม.นี้นี่หว่า นี่พี่เต็นท์กับติณห์มันอยู่คนละมหา’ลัยกันหรอ โฮก หนีเสือปะจระเข้ หนีน้องมาเจอพี่ ซวยอะไรอย่างนี้กู

   “มึงรู้จักกับนานาด้วยหรอ” อีกเสียงหนึ่งถาม

   คงเพราะผมมัวแต่ตะลึงที่เห็นพี่เต็นท์ก็เลยลืมมองคนที่เดินมาข้างๆกันซะสนิท

   “อ้าวพี่แซนด์ หวัดดีครับพี่” ผมยกมือไหว้พี่รหัส

   “ดีนา ดีกราฟ” พี่แซนด์ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวน่ารักๆของตัวเอง “แล้วสรุปนี่นานารู้จักกับไอ้เต็นท์หรอ”

.
.
.
.

   หลังจากที่ได้คุยกันคร่าวๆ ก็ได้ความว่า พี่แซนด์ซึ่งเป็นพี่รหัสของผมนั้นเป็นเพื่อนกับไอ้พี่เต็นท์ตอนมัธยม และพี่เต็นท์ก็เป็นพี่ชายของแฟนปลอมๆของผม แหมชีวิตกรูอย่างกับห่วงโซ่อาหาร อนาถแท้...

   “อ้าวนานาเป็นแฟนกับติณห์หรอ ไม่เห็นเคยเล่าให้พี่ฟัง” พี่แซนด์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นซะจนผมรู้สึกอยากจะเอาหลอดดูดน้ำอัดลมแทงเข้าไปในกล่องเสียงใสๆนั่นซักที (อารมณ์เสียทีไรดิบทุกทีเลยกู...)

   “แหะๆ....”

   “เออ กูก็พึ่งรู้ นี่ถ้าวันนั้นไม่ไปเห็นติณห์เดินนานาก็คงไม่รู้หรอก”

   เออ ใช่แล้ว! ถ้าย้อนความไปตอนนั้น ความจริงคนที่ผิดคือเค้าคนนี้เลย (หลับตาแล้วชี้ไปทางพี่เต็นท์) เค้าคือคนที่คิดอกุศลหาว่าผมเป็นแฟนกับติณท์! (แล้วก็ได้เป็นจริงๆ ...เอ๊ะ หรือปลอมๆวะ สับสนเว้ย)

   “อ๋อ ไอ้นานา ที่แท้มึงก็เอาเวลาซื้อหนังสือของพวกกูไปหาผู้ชายหรอวะ เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้วนะ”

   เชี่ยกราฟ! มึงนั่นแหละผิดสุด ใช้กูไปซื้อหนังสือแม่ง ชีวิตกูถึงได้ยุ่งเหยิงแบบนี้ T^T นานาเศร้า

   “เออ ว่าแต่วันนี้ติณห์จะมารับนานามั้ย พี่เห็นมันบอกว่าจะมารับเราทุกวันเลย” พี่เต็นท์ตั้งคำถาม พี่แซนด์มองอย่างรู้อยากเห็น ไอ้กราฟทำหน้างง (เพราะไอ้เชี่ยนั่นมันไม่เคยมารับผมจากม.แม้แต่ครั้งเดียว งามไส้!) ส่วนผมก็อึ้งแดกอีกตามเคย

   ...ก๊า ก๊า...

   (ซักวันผมจะเอาปืนไปยิงไอ้กาตัวนี้ แม่งชอบร้องตอนอารมณ์เปลี่ยว(?)ทุกที)

   “.....ผ๊ม...บอกว่าไม่ต้องมาน่ะครับ ฮ่าๆ เกรงใจพี่ติณห์”

   “ก็ว่า ไม่เห็นมั...พี่เค้ามารับมึงเลย” เร็วจริงนะ แถมเนียนด้วยไอ้กราฟกะล่อน

   (Rrrrrrr) > เสียงโทรศัพท์ผมเองครับ

   ‘พี่ติณห์’

   ตายยากจริง พึ่งจะนินทาไปเมื่อกี้ก็โทรมาแล้ว

   “ครับพี่ติณห์” บอกได้คำเดียวว่าอ้วกจะแตกครับพี่น้อง

   (เดี๋ยวผมไปหา)

   “ไม่ต้องมาหรอกพี่ติณห์ นาเกรงใจพี่” ได้ทีก็ทำเสียงออดอ้อนอย่างตอแหล

   (นายอย่าทำเสียงอ่อนเสียงหวานให้ผมขนลุกได้มั้ย)

   นี่กูทำเพื่อความเนียนอยู่นะเว้ย เห็นชอบจังไอ้ทำเนียนเนี่ย เนียนตลอดดดดด

   “พี่เต็นท์ครับ ทานน้ำหน่อยมั้ยครับ” พี่เต็นท์ที่กำลังคุยกับพี่แซนด์อยู่ถึงกับงง ทำหน้าประมาณว่ากูมานั่งตั้งนานทำไมมึงพึ่งชวน แต่ขอโทษนะครับ ผมต้องทำให้ไอ้คนซื่อบื้อในสายรู้ว่าผมอยู่กับใคร

   (อยู่กับเต็นท์หรอ...อืม ลืมไปว่านายกับหมอนั่นอยู่ม.เดียวกัน)

   “ครับ”

   (เอาเป็นว่าผมจะไปหาแล้วกัน)

   “ครับพี่ติณห์….งั้นแค่นี้นะครับ ผมรออยู่หน้าคณะ”

   หลังจากผมวางสายแล้วทุกคนก็มองมาทางผมยิ้มๆ อะไร๊! แฟนเค้ามาหงมาหาเป็นธรรมด๊า!

   “อะแฮ่ม ติณห์จะมารับน้องนานาหรอ”

   “เปล่าครับ แค่มาหา” ผมชอบอ้อมแอ้มพอเป็นพิธี พี่เต็นท์ยิ้มให้แปลกๆ เขินอ่ะ

   ยี่สิบนาทีถัดมาออดี้สีดำคันหรูก็มาจอดเทียบหน้าคณะผม และคนขับก็จะเป็นไปไม่ได้นอกจาก....

   “มาแล้วหรอติณห์”

   “สวัสดีครับพี่แซนด์” ติณห์หันไปทักพี่แซนด์ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเดินมาหาผม “ไปกันเถอะครับนานา”

   “หะ...ห๊ะ? ไปไหน ไม่เอาไม่ไป”

   ติณห์ขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ

   “พี่หิวแล้ว นานาไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่นะครับ”

   “อ่า....แต่ว่านาต้องอยู่เป็นเพื่อนกราฟ”

   “มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก กูมีเรียนต่อตอนบ่าย เชิญพี่ติณห์พามันไปได้เลยครับ” กูไม่ได้เป็นห่วงมึงเว้ย กูเป็นห่วงตัวเอง ไอ้เพื่อนเฮงซวย! 

   เมื่อได้ยินคำอนุญาตจากไอ้กราฟไอ้พี่ติณห์ก็ตรงมาจับแขนผมและกระชาก (ย้ำว่ากระชาก) ผมจนตัวปลิวขึ้นไปอยู่บนรถ

   “โอ๊ย!! เจ็บนะ!” ผมโวยวายทันทีที่รถเคลื่อนตัว

   “ผมไม่ชอบให้ใครขัดใจ”

   “ก็ไม่เห็นต้องรุนแรงขนาดนี้เลยนี่!”

   “งั้นก็จำไว้ และต่อไปก็อย่าทำอีก ผมจะไม่รุนแรงกับนาย”

   ผมมองคนขับข้างๆอย่างนึกเคือง เค้าเห็นผมเป็นอะไร นางทาส? จำเลยรัก? ทำไมต้องใจร้ายกับผมขนาดนี้ด้วย บรรยากาศภายในรถเงียบและชวนอึดอัด ผมมองออกไปนอกหน้าตลอดเวลาการนั่งในรถ และติณห์ก็สนใจแต่ทางข้างหน้าไม่สนใจผมเลยซักนิด ทำกับผมขนาดนั้นไม่คิดจะถามผมบ้างหรอว่าผมเจ็บหรือเปล่า?

   ความรู้สึกน้อยใจตีขึ้นมาจนถึงอก ผมกอดอกหน้างอ เออ! แล้วใครสนล่ะ ผมก็มีความรู้สึกนะ ทำอย่างกับผมเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ งอนแล้วด้วย แม่ง!

   รถจอดที่ลอนจอดรถของห้าง...ห้างเฮงซวยห้างเดิมที่ผมกับติณห์เจอกันครั้งแรกนั่นแหละ

   “ลง” เสียงติดจะเย็นชาบอกสั้นๆ ผมทำตามอย่างว่าง่าย และเดินนำหน้าติณห์ไปโดยไม่รอ

   ติณห์ดูจะหัวเสียเล็กน้อย แต่ก็วิ่งตามผมมาจนทัน

   “นานา”

 “…..”

   “นานา นี่!”

 “…..”

   “นานา!!!!!!”

   “โอ๊ย!!!!!!” ผมร้องออกมาอย่างดังเมื่อเสียงทุ้มต่ำนั่นตวาดและจับแขนผมให้ไปเผชิญหน้ากับเค้าอย่างแรง

   “อย่าดื้อกับผม!!!” ติณห์ตวาดลั่น

   “ไม่ได้ดื้อ บอกให้มาก็มา บอกให้ลงก็ลงแล้ว จะเอายังไงอีก!” ผมตะคอกกลับและพยายามกลืนก้อนแข็งๆที่มาจุกตรงคอไม่ให้มันขึ้นมาและทำให้เสียงของผมสั่น

   “แบบนี้เค้าเรียกว่าดื้อ...รั้น แล้วผมก็ไม่ชอบนิสัยแบบนี้ด้วย”

   ไม่ชอบ...?

   “ไม่ชอบก็ไปหาคนใหม่เลย! คิดว่าฉันอยากทำรึไง เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ให้นายบังคับลากไปนู่นมานี่ แม่ง!!”

   “นานา!!! ผมเครียดกับพ่อก็มากพอแล้วอย่าทำให้ผมอารมณ์เสียได้มั้ย!!” ติณห์ตะคอกผมอีกครั้ง สองมือของติณห์จับแขนของผมและบีบไว้แน่น ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นและไม่รู้ว่าเค้า...เห็นน้ำใสๆที่มาคลออยู่ที่ตาของผมรึเปล่า... “ผมชักเริ่มจะหมดความอดทนกับนายแล้ว”

   “…..”

   “อย่าทำแบบนี้อีก อย่าดื้อ อย่าประชด อย่าพูดคำหยาบกับผม อย่าขัดใจ เข้าใจมั้ย”

   “ไม่ให้ทำเพราะนายไม่ใช่ชอบใช่รึเปล่า” ผมถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เงยหน้าที่มีน้ำตาไหลเป็นสายขึ้นไปสบตากับติณห์

   ติณห์ชะงัก

   “นา…”

   “ฮึก ฮืออ”

   “นานา ผมขอโทษ หยุดร้องไห้เถอะ นานา” ติณห์ปลอบและพยายามจะเอามือเช็ดน้ำตาให้แต่ผมก็ปัดมือนั่นออกพัลวัน

   “ฮึก ปล่อยเลย ไม่ต้องมา ฮืออ ไม่ต้องมายุ่ง คำก็ไม่ชอบสองคำก็ไม่ชอบ ไม่ใช่ของเล่นของนายนะ! แม่ง แล้วฉันจะพูดคำยาบกับนายแล้วจะทำไม ไม่ชอบก็ไปหาคนอื่น ฉันไม่มีให้นายหรอกนิสัยดีๆแบบนั้น”

 “….”

   “นายก็ชอบบังคับ ชอบดุฉันเหมือนกัน ฉันก็ไม่ชอบแล้วทำไมนายไม่คิดถึงความรู้สึกของฉันบ้าง”

   “ผมขอโทษ” ติณห์พูดพร้อมทั้งพยายามเช็ดน้ำตาให้ผม แต่ผมก็ยังปัดมือนั่นไม่ให้เข้ามา

   “ฮึก ปล่อยๆ ไม่เอาด้วยแล้ว บอกให้ปล่อย!”

   ผมพยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดนั่น แต่มันก็ยากเย็นเหลือเย็น หนอย...ไอ้มือปลาหมึก ผมเลยจัดการกระทืบเท้าหมอนั่นเข้าเต็มรักโดยที่มันไม่ทันตั้งตัว

   “โอ๊ย!! เดี๋ยวก่อน นานา!”

   ไม่ทันแล้ว ไม่ต้องมาเรียกเลยไอ้บ้า ผมวิ่งออกมาจากตรงนั้นและไม่ได้หันกลับไปมองอีก เฮ้อ...กลับหอดีกว่า

.
.
.
.

   (Rrrrrrrr)

   “นานา ไม่รับโทรศัพท์หรอ” เสียงไอ้วุ้นถามเป็นรอบที่ล้าน

   “ไม่ล่ะ ปล่อยเถอะ”

   ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่โชว์ชื่อว่า ‘ติณห์’ และชื่อนี้ก็โชว์เป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมปิดเสียงโทรศัพท์และปิดระบบสั่นตัดความรำคาญและมองดูมันโชว์ชื่อเดิมซ้ำๆอย่างรู้สึกสะใจ (โรคจิตนะเนี่ยกู...) และมีไอ้วุ้นมาคอยลุ้นว่าเมื่อไรผมจะใจอ่อนรับสายรุ่นพี่มันซักที

   แต่ผมไม่ได้เล่าอะไรให้วุ้นฟังหรอก ผมก็สรุปเองตามอาการเบื้องต้นว่าผมกับติณห์คงทะเลาะอะไรกันซักอย่าง

   ติณห์ 52 สายไม่ได้รับ

   ติ๊ดๆ (เสียงข้อความ)

   ‘นานาครับ ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมนะ’

   ติ๊ดๆ และอีกไม่ถึงนาทีก็มีข้อความเข้ามาอีก

   ‘ผมอยากคุยกับนานา รับโทรศัพท์ผมนะครับ’

   ผมมองข้อความในมือแล้วอมยิ้ม ไม่รู้ยิ้มทำไมแต่มันรู้สึกดีใจ...แปลกๆ ก็เลยยิ้ม และมันก็โทรเข้ามาอีก แต่ก็เหมือนเดิม ผมไม่รับ อะไร...คุณอย่าหาว่าผมเล่นตัวไปหน่อยเลย ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก ผมนะ น้อยใจจะแย่ ฮึ่ย!

   ติ๊ดๆ ซักพักเมื่อการโทรเข้าไม่ประสบความสำเร็จมันก็ส่งข้อความเข้ามาอีก

   ‘นานา ผมจะไปรออยู่ที่ร้านไอติมตอนหกโมงนะครับ นานาไปหาผมด้วยนะ’

   ข้อความเพียงแค่นั้นและก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ไม่มีสายโทรเข้า ไม่มีข้อความ ผมถอนหายใจ ตอนนี้ห้าโมงแล้ว... ผม...คง ผมไม่คิดจะไปหรอก

.
.
.
.

   ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง อ่านการ์ตูนบ้างดูหนังบ้าง แต่จิตใจมันไม่สงบซักที

   สองทุ่มแล้ว... หมอนั่นจะยังรออยู่รึเปล่านะ

   โอ๊ย! นี่มันตั้งสองชั่วโมงแล้วคนบ้าที่ไหนจะมารอ เรานี่ฟุ้งซ่านไปใหญ่แล้ว

.
.
.
.

   สามทุ่ม... ร้านไอติมปิดสามทุ่มติณห์จะกลับบ้านรึยัง

   โอยย! อย่าไปคิดถึงหมอนั่นสิ คิดมากนักก็หลับไปเลยดีกว่า คร่อก!

.
.
.
.

   สี่ทุ่ม...

   อ่า... ผมนอนไม่หลับ ทำไมวะเนี่ย T^T!

   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไม่มีสายโทรเข้า ถ้าผมให้เค้ารอนานขนาดนั้น เค้าคงจะโทรมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มี...

   จริงด้วย ใครจะรอกันจนป่านนี้ แฟนก็ไม่ใช่ แถมผมยังทำให้เค้าไม่ชอบตั้งหลายอย่าง เค้าคงรำคาญผมแล้วมั้ง แล้วทำไมผม...

   ต้องเสียใจด้วย…

   ...เฮ้อ...




Part 2 กำลังจะตามมา...
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ

'สวนส้ม'

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2013 11:46:15 โดย สวนส้ม »

lunar

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักอ่ะแต่เค้างอลลล์กันแร้ว ดีกันเร็วๆ น๊า


ออฟไลน์ iranen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ติณท์หงรักนานาจริงแล้วใช่ไหม
ถ้าไม่ใช้ก็สันดารมากเลยที่บังคับกันขนาดนั้น
ทั้งที่ขอให้นานาเปป็นคนช่วยแท้ๆ
รอลุ้นอยู่หน่า

mukwan

  • บุคคลทั่วไป
นานา น่ารักอ่ะ ติณ อย่ารุนแรงสิ นานาออกจะบอบบาง 55

diFil

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยปวดใจ ไปเถอะนาเอ๊ย ยังไงเค้าก็รอ  :oo1: อยู่แล้ว (ไม่ใช่ละ 55)
น่าติดตามๆ รอพาร์ทสองค่ะ

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
ติณณ์รออยู่แหงๆ เลย  ถ้าเป็นอดทนไม่ไหวหรอก ถึงไม่เข้าไปหา ก็ต้องไปแอบดูละว้า ว่ามาจริงอ้ะป่าว  :o8: :o8:
นานาขึ้ใจน้อยจัง เปลี่ยนมาเป็นแฟนกันจริงๆ ก็ดีนะ
ปล. ดูแลน้องวุ้นกันหน่อยเน้อ ใสซื่อจนกลัวว่าใครจะลากไป  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
เพิ่งเข้ามาอ่าน นายเอกชื่อแปลกดี 
ชอบมากกกกกกกกกกก (ไม่รู้จะบอกยังไง ขอลากยาวๆ 555)
พี่ติณห์หล่อ นานาน่ารัก
ที่โมโหจนเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตนี่เพราะหวงนานากับกราฟรึเปล่าพี่ติณห์ หึหึหึ
แอบระแวงวุ้นด้วย ..เคยชอบพี่ติณห์ป่ะน่ะ ดูร้อนตัวพิกล ><"
รอตอนต่อไป เย้ๆๆ

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
เข้ามาตามหลงรักนานาด้วยอีกคน ติณก็ทำนิสัย เที่ยวบังคับจิตใจนานา พอนานาทำบ้างก็โกรธ จิ๊
แต่ดูท่านานาจะใจอ่อนแล้ว แต่จะออกตามหาหรือใช้วิธีไหนกัน

สวนส้ม

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 3 How to... (Part 2) end of parts


   ผมไม่ได้เจอติณห์มาสองวันแล้ว เค้าไม่โทรมาผมก็ไม่โทรไป เออ สงสัยจะจบแล้วล่ะมั้ง ไอ้หน้าที่ปลอมๆของผม

   ‘หน้าตาอย่างผมนี่จะบอกเลิกใครมันดูยากนักหรอ’

   จู่ๆคำพูดของติณห์ก็ลอยแว่บเข้ามา เออ ใช่ ก็เค้าเคยพูดไว้แบบนี้นี่นา ป่านนี้คงควงคนอื่นไปแล้วมั้ง เชอะ!

   “ไอ้นา แกไม่มีเรียนตอนบ่ายใช่มั้ย ไปรอรับฉันหน้าคณะหน่อยดิ” ไอ้กราฟบอก ผมพยักหน้า วันนี้เราเลิกพร้อมกันครับ บางวันผมเลยไปรอกลับพร้อมไอ้กราฟ

   
   (บ่ายโมง)

   ผมมานั่งแกร่วอยู่หน้าคณะเศรษฐศาสตร์อันเป็นที่สิงสถิตของไอ้กราฟ แล้วผมก็ใจลอยไปนึกถึง... อ๊ากกกก!! ฟุ้งซ่านอีกแล้วกู ว่างๆคงต้องไปนั่งทำสมาธิที่วัดซะหน่อยแล้ว

   “นานา” เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง และแน่นอน ผมไม่ได้ยินมันมาตลอดสองวันตั้งแต่เรา (ดูเหมือนจะ) ทะเลาะกัน

   ผมไม่ได้หันกลับไป แต่ในใจมันเต้นตุ้บๆๆๆ ไม่รู้จะตื่นเต้นไปเพื่ออะไร

   “นานาครับ หันมาหาผมหน่อยนะ” ทำไมเสียงมันอ้อนแบบนี้ แล้วไอ้ข้อความนั่น...ที่มันส่งมาจะเป็นน้ำเสียงแบบนี้ด้วยรึเปล่า

   “…” ผมไม่พูด ไม่ตอบ แต่ก็รู้สึกว่ามันหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ ผม

   “นานาจำได้มั้ย ที่แอนนามาชวนเราไปงานวันเกิดวันอาทิตย์นี้” ติณห์เว้นช่วงและพูดต่อ “วันนั้นผมตั้งใจจะชวนนานาไปเลือกชุดด้วยกัน แต่ผมก็ทำนิสัยเสียใส่นาย ผมขอโทษ”

   “…”

   “สุดท้ายผมก็เลยต้องไปเลือกชุดคนเดียว ผมซื้อมาให้นานาด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่านานาใส่ได้รึเปล่า” ติณห์หยิบถุงที่ติดมือมาด้วยยื่นให้ผม

   “…” ไม่ตอบ และไม่ได้ยื่นมือไปรับ

   “เจอกันวันอาทิตย์ที่บ้านแอนนานะครับ ผมจะรอ”

   พูดจบก็เดินออกไป ผมไม่ได้รั้งไว้ ไม่ตอบรับด้วยซ้ำ อะไร คิดว่าผมจะไปหรอ คิดผิดแล้ว ผม...ไม่คิดจะไปหรอก

.
.
.
.

   วันนี้วันอาทิตย์ เป็นวันตัดสินใจสำคัญระดับชาติ ผมไม่รู้จะทำยังไง ชุดที่ติณห์ซื้อให้ก็ยังกองอยู่ที่หอ (แอบลองแล้ว พอดีเป๊ะเลย) ในถุงนั้นก็มีที่อยู่ของบ้านพี่แอนนาพร้อมเวลางานเริ่มไว้เสร็จสรรพ

   “น้องนานา”

   “พี่เต็นท์” ทำไมต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจอด้วยวะ แม่ง เห็นหน้าพี่เต็นท์แล้วพาลไปถึงอีกคน ฮึ

   “มาคนเดียวหรอ”

   “สองคนครับพี่”

   “ฮ่าๆ กวนนะเรา” พี่เต็นท์บอกและนั่งลงข้างๆผม ลมเย็นๆที่ลานม้านั่งอันเป็นที่สิงสถิตของนักศึกษาทั้งหลายทำให้ผมผ่อนคลาย

   เราเงียบ แต่ไม่รู้สึกอึดอัดเลย

   “นี่ก็จะห้าโมงแล้ว ไปหาอะไรกินกัน พี่เลี้ยง”

.
.
.
.

   “พี่มีเรียนเย็นหรอครับ” ผมถาม

   “ใช่ เราด้วยหรอ”

   “เปล่าครับ แค่ยังไม่อยากกลับหอ”

   แล้วเราก็เงียบกันอีก พออาหารมาเราก็ลงมือกินกันโดยไม่ได้พูดอะไร

   “ทะเลาะกับติณห์เรื่องอะไรหรอ”

   “…”

   ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้เลย

   “ช่วงนี้พี่เห็นมันซึมๆ ถามอะไรก็ไม่ตอบ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร” พี่เต็นท์เว้นช่วงไป “พอมาสังเกตดีๆ ก็เลยรู้ว่าติณห์มันไม่ค่อยมายุ่งกับเรา ก็เลยคิดว่าพวกนายคงจะทะเลาะกัน”

   “…” ผมเขี่ยข้าวไปมา แต่ไม่ได้ตอบอะไร

   “วันนั้นที่มันจะออกไปหาเราน่ะ…” ผมเงยหน้ามองพี่เต็นท์ หมายถึงวันที่มันบอกจะไปรอที่ร้านไอติมน่ะหรอ “พี่เห็นมันรีบร้อนออกไปก็เลยนึกว่านานายอมดีกับมันแล้ว แล้วกว่ามันจะกลับก็...ซักห้าทุ่มได้มั้ง”

   “ห้าทุ่ม!!??” พระเจ้า หมอนั่นไปรอผม!

   “อือ ก็แบบไงอ่ะ พี่คิดว่าน้องนานายอมยกโทษให้มันแล้วก็เลยไปเที่ยวกันต่อ วันนั้นมันกลับมาบ้านห้าทุ่มแถมยังซึมกว่าเดิมอีก”

   “…” ทำยังไงดี ทำยังไงดี ผม... ผม...

   ผมดีใจจนหุบยิ้มไว้ไม่อยู่แล้ว

   “ยิ้มอะไร ดีใจที่มันไปรอเราค่อนคืนหรอ ใจร้ายจังเลยน้องสะใภ้คนนี้” พี่เต็นท์พูด ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้

   “บ้า! ไม่ใช่นะครับ ผม...ผม...” ผมกำลังจะหาคำแก้ตัว แต่แล้วสายตาก็สะดุดกับนาฬิกาเรือนใหญ่ของร้าน

   17.55 น.

   เฮ้ย!! ซวยแล้ว!

   “พี่เต็นท์ เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ พอดีนึกได้ว่ามีนัด”

   “ได้สิ พี่บอกแล้วว่าพี่เลี้ยง”

   “ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้พี่เต็นท์ลวกๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากร้าน

   ติณห์เขียนบอกไว้ว่างานเริ่มตอนหกโมง...   

   “เจอกันวันอาทิตย์ที่บ้านแอนนานะครับ ผมจะรอ”

   คำพูดของติณห์สะท้อนเข้ามาในหัวผม ติณห์บอกว่าจะรอ....

   ผมรีบเรียกแท็กซี่ และเมื่อถูกคนขับถามที่หมาย ผมก็ต้องชะงัก... ตายห่า ผมจำที่อยู่พี่แอนนาไม่ได้!

   ติ๊ดๆ (เสียงข้อความ)

   ‘แอนนา 3/25...’

   ผมไม่รู้ว่าใครส่งข้อความมา แต่ผมขอบคุณเค้ามาก ผมบอกคนขับตามที่อยู่ในข้อความ หวังว่าจะไปทัน (ทั้งๆที่แม่ง ขอไปก็ไม่ได้อะไร ตอนนี้มันหกโมงแล้วเว้ย!)

.
.
.
.

   “พี่ทำไมรถติดงี้อะ” ผมถามคนขับอย่างร้อนรน

   18.35 น.

   โอ๊ย! ผมสายแล้ว ติณห์จะยังรอผมอยู่มั้ยเนี่ย T_T!

   “มันก็อย่างนี้แหละ ติดทุกวัน”

   “พี่ผมจะไปไม่ทันนะ”

   “งั้นก็ลงไปขึ้นมอ’ไซค์ดีกว่าน้อง แบบนี้อีกครึ่งชั่วโมงก็ไม่ถึง”

   “ขอบคุณครับ” ผมบอกและยื่นเงินให้ แต่พี่แกไม่เอา ผมไหว้ขอบคุณแล้วหาวินมอ’ไซค์แถวนั้นไปต่อ

.
.
.
.

   18.55 น.

   ร่างสูงท่าทางคุ้นเคยยืนอยู่หน้าประตูรั้ว เพื่อนๆหลายคนเข้ามาทักแล้วเดินหายเข้าไปในบ้าน แต่เค้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน

   ‘เจอกันวันอาทิตย์ที่บ้านแอนนานะครับ ผมจะรอ’

   ผมสาวเท้าเร็วๆเข้าไปหา

   “ติณห์” ผมเรียกคนที่กำลังเหม่อ ติณห์หันมามองผม และฉีกยิ้มกว้าง

   “มาแล้วหรอ รถติดหรอครับ” ติณห์เข้ามาหา มือใหญ่จับผมที่ยุ่งเหยิงของผมให้เข้าที่

   “ทำไมยังไม่เข้าไปอีก” ผมถามด้วยน้ำเสียงเคืองๆ แม่ง ผมโคตรรู้สึกผิดเลย

   “รอแฟน” ติณห์พูดยิ้มๆ และนั่นทำให้ผมรู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมาทันที

   เราเงียบกันซักพัก มือของติณห์ยังจัดผมของผมไม่เลิก

   “ขอโทษนะ” ท่ามกลางความเงียบ ผมบอกอ้อมแอ้ม หลบตาคมๆที่มองลงมา

   “ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ไม่รู้ว่าคนแถวนี้ยกโทษให้หรือยัง” ติณห์ยิ้ม

   เออ ยิ้มมันเข้าไป แล้วทำไมกูเขินงี้วะ!

   “แล้วยืนอยู่นี่ไม่เข้าไปในงานหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่อง สถานการณ์แบบนี้ผมตกเป็นรองมันชัดๆ

   “ก็อยากเข้า แต่ไม่มีคนเข้าไปด้วย นัดแฟนไว้แต่แฟนงอน ไม่ยอมยกโทษให้ซักที มารอนานแล้ว”

   “…”

   “นานา ยกโทษให้ผมหรือยังครับ”

   “…”

   “…”

   “อือ”

   “อะไรนะครับ” ติณห์กระเซ้า ผมรู้นะว่ามันรู้แล้ว ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อย!

   “อะไร ไม่ได้พูดอะไรซักหน่อย ถ้าไมเข้าก็จะกลับแล้ว หิวข้าว”

   ติณห์ยิ้มและจูงมือเข้าไปในงาน ตอนแรกก็กะว่าจะสะบัดมือออกอยู่หรอก แต่เห็นแก่ที่มันยอมรอผมตั้งหลายชั่วโมง ครั้งนี้ยอมก็ได้ อ๊ะๆ ผมไม่ได้ใจง่ายนะ แค่รู้สึกผิดเฉยๆ แค่นั้นจริงจริ๊ง...




   :: แถม ::

   “ทำไมนานาถึงไม่ใส่ชุดที่ผมซื้อให้ล่ะครับ” ติณห์ถามขณะที่ผมกำลังตักอาหารใส่จาน

   “ก็รีบน่ะสิ” ผมตอบเสียงเบา

   “หรอครับ” ติณห์ยิ้ม ผมรู้สึกขัดใจคำสุภาพของมันยังไงก็ไม่รู้

   “พูดเหมือนเดิมเถอะน่า ขนลุกจะแย่”

   คราวนี้หมอนั่นหัวเราะ ทั้งๆที่ฟ้ามืดขนาดนี้แต่ผมกลับรู้สึกว่าโลกมันสดใสจัง (อ๊าก! พูดเองก็เขินเอง นี่ผมคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย!)

   “ผมนึกว่านายจะชอบ”

   “ไอ้ชอบมันก็ชอบอยู่หรอก แต่มันสยองมากกว่า” ผมตอบไปตามตรง

   เรานั่งกินอาหารกับโต๊ะของกลุ่มพี่แอนนา ติณห์มันก็ช่างเอาใจตักนู่นตักนี่มาให้ผมกินเรื่อย จากที่หิวๆอยู่กี้ตอนนี้กินไม่ไหวแล้วอ่ะ

   “แหม ไอ้ติณห์ดูแลดีจังนะแฟนเนี่ย”

   แค่ก! ผมสำลักน้ำเมื่อเพื่อนสาวในกลุ่มพี่แอนนาออกปากแซว ติณห์หัวเราะ มือนั่นก็ช่วยลูบหลังผมไปด้วย

   “ไม่ดูแลไม่ได้หรอก แฟนทั้งคน แถมขี้งอนด้วย” เสียงโห่แซวดังมาจากโต๊ะข้างๆ ทำเอาผมหน้าแดงไปหมดเลย

   (Tell Tell Tell) > เสียงโทรศัพท์ติณห์

   “ไง” ติณห์ทักง่ายๆ ระหว่างที่คุยก็เหล่มองผมเป็นระยะ “มาแล้ว ขอบใจนะเต็นท์ ไว้ผมจะตอบแทนพี่ทีหลัง”

   ผมไม่ได้สนใจที่ติณห์คุยซักเท่าไร ก็แหม...อาหารมันอร่อยนี่นา ผมไม่ได้กินอะไรอย่างสบายใจแบบนี้มาหลายวันแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องติณห์หรอกนะ ผมไม่ค่อยสบายต่างหาก แต่ตอนนี้หายแล้ว วันนี้รู้สึกฟ้ามันสดใส แล้วผมก็มีความสุขอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมาหลายวัน...ก็แค่นั้นแหละ




มาต่อพาร์ท 2 แล้วค่าา
อ่านบางคอมเม้นต์แล้วฮา อย่าใส่ร้ายติณห์กันนักน๊า
ติณห์เค้าออกจะเป็นคนดี  :-[

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ

'สวนส้ม'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2013 11:50:56 โดย สวนส้ม »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด