เดาพระเอกกันไป หุ ๆ ~ พระเอกออกมาแล้วนะคะ .... แต่พอผ่านสักค่อนเรื่อง (นานขนาดนั้นเชียว!) ก็น่าจะเดาออกได้หมดแล้วค่ะ ว่าใครจะมาวินครั้งนี้
ป.ล. หนูตูล ไม่ใช่พระเอกนะคะ

นุ่มนิ่มขนาดนั้นกดใครเป็นได้ไง

มีแต่จะโดนกดเสียมากกว่า

-------------------------
ม่านราตรี
บทที่ 6
ตุลาลุกจากเตียงนอนในห้องของตัวเองอย่างงัวเงีย แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จนเจ้าความรู้สึกมึนงง และอ่อนเพลียหายไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เจอใคร จึงเดินไปที่ระเบียงแล้วลองเรียกดู
“ทุกคน ...ยังอยู่กันไหมครับ?”
ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงแต่สายลมพัดมากระทบให้กิ่งต้นปีบสั่นไหว พุ่มดอกไม้เรียวขาวขยับไปมา บรรยากาศยามเย็นของคฤหาสน์ม่านราตรี ช่างแสนชวนให้รู้สึกหนาวสันหลังวูบวาบ โดยเฉพาะคนที่รู้อยู่เต็มอก ว่าที่นี่มีสิ่งใดอาศัยอยู่
ตุลาเงียบกริบเมื่อถามไปแล้วแต่ไร้การตอบสนอง เขาจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องลงไปชั้นล่างแทน โดยที่แม้จะยังมีแสงสว่างเข้ามาในบ้านให้เห็นอยู่บ้าง เขาก็ยังอดที่จะเปิดไฟตรงทางเดินขึ้นมาไม่ได้
“ทุกคนครับ? ยังอยู่กันไหมครับ?”
ตุลาตะโกนถามขณะที่ลงมาถึงชั้นล่าง เขามองไปทางโซนห้องครัวที่ว่างเปล่าไร้เงาคนก็ต้องถอนหายใจ จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน เพื่อตามหาคนอื่นต่อ
“ทุกคนครับ? คุณปิ่น? คุณราตรี? อยู่กันไหมครับ”
ตุลายังคงเรียกหาต่อ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เมื่อเดินหาสักพัก ก็ยังไม่ปรากฏแม้แต่เงาของคนที่เขาเรียกให้เห็นสักคน สีหน้าของชายหนุ่มดูเหงาเสียจนคนที่แอบอยู่แทบจะทนไม่ไหว
“ไม่ได้นะราตรี! ขืนออกไปตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ! ขนาดปิ่นยังยอมนอนนิ่ง ๆ ก้นสระไม่ยอมออกมาเลยนะ”
“แต่ว่าเขาเรียกชื่อฉันด้วยนะ...ทั้งที่ฉันทำร้ายเขาขนาดนั้นแท้ ๆ แต่ก็ยังเรียกหาฉันด้วย”
รุ้งพรายเหลือบมองวิญญาณสาวเพื่อนของเธออย่างกึ่งระอากึ่งหมั่นไส้ แต่ก็อดยิ้มน้อย ๆ ออกมาไม่ได้ เมื่อหวนคิดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา
ราตรีนั้น จริง ๆ แล้วเป็นหญิงสาวมนุษย์ที่ถูกฆ่าฝังไว้ใต้ต้นราตรีที่ขึ้นบนผืนดินแผ่นนี้ จนกระทั่งกลายมาเป็นภูตผีร้ายที่เกลียดมนุษย์ และยอมเปิดใจให้กับชายเพียงผู้เดียวในที่สุด จอมเดชเอ็นดูและสงสารในตัวของวิญญาณสาวที่อ่อนไหวเป็นพิเศษ จนลงทุนปลูกต้นราตรีไว้เต็มบ้าน และตั้งชื่อคฤหาสน์แห่งนี้ว่าม่านราตรี และเรียกวิญญาณสาวที่ทิ้งชื่อตัวเองไปแล้วว่าราตรีเช่นเดียวกัน
ในสายตาของรุ้งพราย และภูตผีตนอื่นในคฤหาสน์ ตุลานั้นคล้ายกับจอมเดชเมื่อก่อนแทบไม่มีผิด ทั้งที่ถูกทำเรื่องร้าย ๆ ใส่ แต่ก็ยอมอภัยให้ง่าย ๆ และยังยอมรับในตัวตนของอีกฝ่าย ซึ่งเธอไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ราตรีจะยอมเปิดใจให้กับมนุษย์อีกครั้ง ก็ในเมื่อชายหนุ่มผู้นี้ ช่างแสนดีเหมือนกับผู้มีพระคุณคนนั้นของพวกเธอขนาดนี้
“อากริช...ทุกคน... จะไม่อยู่ด้วยกันอีกแล้วหรือครับ”
ตุลาที่หยุดเดินหา มายืนพึมพำกับตัวเองที่ปากบ่อน้ำสีเขียวเข้มด้วยใบหน้าเศร้าหมอง พลางคิดว่าการอยู่คนเดียวมันช่างเหงาเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะหลังจากได้เจอผู้คนที่คิดว่าจะสามารถคบหาเป็นเพื่อนสนิท และจริงใจต่อกันได้แล้วแท้ ๆ
จากนั้นสักพักชายหนุ่มก็เดินคอตกกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ทำเอาแม้แต่รุ้งพรายที่ใจแข็งก็ยังอดสงสารไม่ได้
“ไม่เอาแล้ว ...รุ้งใจร้าย ...ฮึก ...เขาน่าสงสารขนาดนั้นแท้ ๆ...”
เสียงปิ่นสุดาร้องไห้สะอึกสะอื้นเบา ๆ ดังมาจากบ่อน้ำ แม้จะอยู่ก้นบ่อ แต่เงือกสาวก็สามารถมองเห็นภาพจากด้านบนผ่านผิวน้ำที่สะท้อนลงมาเบื้องล่างได้ชัดเจน
“ยะ...อย่ามาโทษฉันคนเดียวนะ ...ก็เป็นมติเอกฉันท์ของพวกเราทุกคนไม่ใช่หรือไง ...อดทนแป๊บเดียวสิ นี่อีกไม่กี่นาที อาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้าแล้ว ...แป๊บเดียวเองน่า”
รุ้งพรายรีบแก้ตัวตะกุกตะกัก เพราะราตรีเองก็มองเธอเหมือนจะขอให้ยกเลิกแผนการเช่นเดียวกัน
“แล้วพาทิศไปไหนเนี่ย ให้ฉันโดนรุมอยู่คนเดียว! หมอนั่นก็ตัวตั้งตัวตีคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนกันนะ!”
ปีศาจแมวสาวโวยวายแล้วรีบอาศัยจังหวะที่ราตรีเผลอ กระโดดแผล็วขึ้นระเบียงบ้าน ก่อนจะหนีขึ้นหลังคาไปอีก เพื่อหลีกเสียงบ่นของเพื่อนสาวทั้งสอง
ภายในคฤหาสน์ม่านราตรี ตุลาเอนกายลงบนโซฟาตัวยาว เริ่มรู้สึกหิวนิด ๆ ขึ้นมา เพราะเขายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มื้อกลางวัน ทว่าจู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยมาแตะจมูกของตน อย่างน่าแปลกใจ
“หือ? กลิ่นอาหาร”
ชายหนุ่มพึมพำ แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อจู่ ๆ ไฟที่เปิดไว้ในบ้านดับวูบสนิทพร้อมกันทั้งบ้าน ตุลากลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่แล้วสายลมวูบวาบที่พัดเย็นผ่านต้นคอไปมา พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักเบา ๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มเม้มปากแล้วเอ่ยเสียงสั่น
“ทุกคนครับ...อย่าเล่นแบบนี้สิครับ ...ผมไม่ค่อยถูกโรคกับอะไรแบบนี้เลยนะครับ”
“แฮ่! ฉันจะหักคอนาย!”
ทันทีที่มีเสียงตะโกนใกล้หู พร้อมกับมือเย็น ๆ ที่จับคอ ก็ทำให้ตุลาร้องจ๊าก แล้วเป็นลมล้มไปทั้งยืน ท่ามกลางเสียงโวยวายตามมายกใหญ่
“รุ้งบ้า! ใครใช้ให้ไปหลอกเค้าแบบนั้นกัน! คุณตุล อย่าเป็นอะไรไปนะคะ ฮือ ๆ”
ปิ่นสุดาสะอื้นไปพลางว่าเพื่อนไปพลาง ส่วนรุ้งพรายนั้นเกาศีรษะแกรก ๆ ไม่คิดว่าตุลาจะขวัญอ่อนหนักขนาดนี้
“กะ...ก็ ไม่คิดว่าจะกลัวจนเป็นลมนี่นา ตั้งใจแค่ให้ตกใจนิดหน่อยเองนะ”
“ใจเย็น ๆ ปิ่น เขาแค่เป็นลมไปเท่านั้น ...ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะกลัวหนักขนาดนี้เลยแฮะ ตอนเห็นจะ ๆ ยังไม่เป็นอะไร แต่พอแบบนี้กลับกลัวเสียได้”
พาทิศหันไปบอกเพื่อนสาว ก่อนจะมองร่างที่เป็นลมไปแล้วอย่างนึกขำ เมื่อนึกถึงตอนที่กริชแสดงฤทธิ์เผยให้เห็นสภาพซากศพเน่าเฟะขนาดนั้น แต่ตุลายังวิ่งไปกอดโดยไม่รังเกียจ แต่ตอนนี้แค่โดนรุ้งพรายแหย่ใส่ ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้เต็มอกว่าบ้านนี้มีผี ก็ดันกลัวจนถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้งไปอีกจนได้
“พาไปนอนพักก่อนดีกว่าพาทิศ รุ้งไปหายาดมมาทีซิ”
ราตรีบอกกับผีดิบหนุ่ม แล้วหันไปสั่งการปีศาจแมวสาว แต่รุ้งพรายนั้นขมวดคิ้วยุ่งก่อนถามกลับ
“แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ?”
“ก็ไปค้นดูเอาสิ เด็กคนนี้น่าจะพกติดตัวมาบ้างล่ะ...หรือถ้าไม่มีก็ไปขอยืมข้างบ้านแถวนี้มาก็ได้”
ราตรีบอกอย่างไม่คิดใส่ใจแถมยังทำตาดุ ๆ เข้าให้ จนรุ้งพรายต้องรับคำเนือย ๆ อย่างนึกเซ็ง
“เจ้าค่ะ ๆ จะไปหาให้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
จากนั้นร่างของตุลาก็ถูกพาทิศพามานอนพักที่โซฟา ส่วนปิ่นสุดาเดินไปนำน้ำและผ้าสะอาดมาให้พาทิศเช็ดเนื้อเช็ดตัวชายหนุ่มให้รู้สึกดีขึ้น
“ยังดีนะที่ตุลไม่เป็นโรคประจำตัวประเภทโรคหัวใจ ไม่งั้นเจอแบบนี้บ่อย ๆ มีหวังได้หัวใจวายตายแน่”
“ถึงจะมีบางส่วนคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนคุณจอมเดชเสียทีเดียวล่ะนะ”
ราตรีพึมพำ แล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“แน่ล่ะ ตุลไม่ได้เป็นตัวแทนใครนี่ เขาก็เป็นเขา และฉันก็ชอบเขาอย่างที่เขาเป็นแบบนี้...แล้วเธอล่ะราตรี”
พาทิศถามเพื่อนสาว เจ้าหล่อนนิ่งไปสักพัก ก่อนจะแย้มยิ้มอ่อนโยนตามมา
“นั่นสินะ... ไม่มีใครแทนที่คุณจอมเดชได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นอกจากคุณจอมเดชแล้ว ฉันจะยอมรับมนุษย์คนอื่นเพิ่มขึ้นมาไม่ได้นี่นะ”
“เข้าใจได้ก็ดีแล้ว เฮ้อ ...จะว่าไปฉันเองก็ผิด ที่ไม่ได้เฉลียวใจเรื่องของเธอก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย”
พาทิศพึมพำ ส่วนปิ่นสุดา พอเช็ดหน้าเช็ดตาตุลาเรียบร้อย เธอก็พูดขัดขึ้นมาบ้าง
“เพราะพวกที่มาอยู่ก่อนหน้านั้น ไม่เหมือนเขานี่คะ... ราตรีที่ผูกพันกับที่นี่มากที่สุด จะต่อต้านออกไป ก็เลยดูไม่แปลกและน่าผิดสังเกตเท่าใด”
ชายหนุ่มฟังที่เงือกสาวบอก แล้วก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นด้วย
“นั่นสินะ... เอาเถอะ! เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว จะไปรื้อฟื้นก็ใช่ที ก่อนอื่นเรามาทำให้ตุลฟื้น แล้วจัดงานเลี้ยงต้อนรับเขาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้กันดีกว่า!”
“มาแล้วจ้า! ยาดมมาแล้ว!”
รุ้งพรายในร่างของมนุษย์กระโดดลงจากชั้นสองอย่างง่ายดายไม่ต่างจากตอนที่เธออยู่ในร่างแมว เด็กสาวนำยาดมที่ติดมือมาส่งให้ราตรี ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไป และเปิดฝานำมาจ่อห่าง ๆ ที่จมูกของตุลา
“อืม...”
ร่างที่เป็นลมไป ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมา ท่ามกลางความดีใจของทุกคน ตุลามองไปรอบ ๆ กาย เขาเห็นสาวน้อยผมสั้นและผมยาวหยักศกนั่งคุกเข่าอยู่ติดโซฟา กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตายินดี ส่วนหญิงสาวสวยในชุดวันพีชสีขาวก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เขา ชายหนุ่มหน้าตาคมคายใส่เสื้อเชิตขาวแขนยาวสุภาพ ก็กำลังลูบศีรษะเขาด้วยใบหน้าอ่อนโยน
“ทุกคนอยู่ที่นี่เอง ...ผมนึกว่าพวกคุณหนีผมกันไปหมดแล้วเสียอีก”
พวกภูตผีและปีศาจจำแลงแห่งคฤหาสน์ม่านราตรีพากันนิ่งอึ้งต่อคำทักนั่น ก่อนที่พาทิศจะแย้มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้รื่นเริง
“เอ้า ๆ ตุลตื่นก็ดีแล้ว มาทางนี้สิ พวกเรามีอะไรจะอวดนะ!”
ตุลายันกายลุกขึ้นเดินตามทุกคนไปที่ครัว แล้วก็ต้องพบกับอาหารหน้าตาน่ากินมากมาย จัดวางอยู่บนโต๊ะ ทางด้านรุ้งพรายดีดนิ้วเบา ๆ ก็เกิดลูกไฟวิญญาณสีฟ้าลอยไปมารอบ ๆ เจ้าหล่อนบอกว่าเพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติก ซึ่งตุลาก็ไม่กล้าแย้ง ทั้งที่คิดว่ามันยิ่งเพิ่มความวังเวงมากขึ้นไปอีก จากนั้นพาทิศและราตรี จึงพาตุลาไปนั่งประจำที่ ซอมบี้หนุ่มขยับเก้าอี้ให้อีกฝ่ายนั่ง แล้วบอกกับเจ้าตัวพร้อมรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ม่านราตรี ต่อไปนี้ตุลและพวกเราก็เป็นสมาชิกของที่นี่เหมือนกันแล้วนะ”
ตุลานิ่งอึ้ง ก่อนจะพยักหน้ารับน้อย ๆ รู้สึกตื้นตันและอยากร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที ทางด้านราตรีนั้นมีท่าทางอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรกับตุลาบ้าง แต่ก็ยังไม่กล้า รุ้งพรายที่อยู่ใกล้ ๆ จึงเดินมาตบบ่าหญิงสาวเป็นกำลังใจให้หล่อน
“เอ่อ... เธอจะยอมรับฉันเป็นเพื่อนได้ไหม ตุล”
ราตรีถามแล้วรอคำตอบ ตุลาหันไปมองคนถาม เขานิ่งอึ้งจนอีกฝ่ายกังวล แต่ก็ต้องโล่งอกเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของชายหนุ่ม
“แน่อยู่แล้วครับ ...ผมต่างหากที่กลัวว่าคุณราตรีจะไม่ยินดีต้อนรับผม”
ตุลายื่นมือไปข้างหน้าเช่นเดียวกับราตรีที่ยื่นมือมาจับประสานแสดงถึงการยอมรับมิตรภาพระหว่างกัน จากนั้นมนุษย์เพียงคนเดียวในคฤหาสน์ ก็เริ่มต้นลงมือทานอาหารเลี้ยงต้อนรับสำหรับเขาอย่างเอร็ดอร่อย และหลังมื้ออาหารจบลง ทั้งหมดก็ปรึกษากันถึงเรื่องการปรับปรุงคฤหาสน์ม่านราตรีให้ร่มรื่นน่าอยู่ในลำดับต่อมา
“แล้วคุณแม้นศรีเขาจะไม่ว่าเอาหรือครับ ถ้าเราปรับปรุงบ้านตามใจชอบแบบนี้”
ตุลาเอ่ยถามอย่างกังวล แต่ก็ได้รับการยืนยันจากคนอื่นที่เหลือพร้อม ๆ กัน ว่าคนงกอย่างแม้นศรี มีแต่จะพอใจ ที่ไม่ต้องลงทุนลงแรง ปรับปรุงพื้นที่ด้วยตัวเองเสียมากกว่า ชายหนุ่มฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วจึงเอ่ยต่อ
“ความจริงผมชอบความร่มรื่นในสวนหลังบ้านนั้นนะครับ แต่ถ้าตัดหญ้าพื้นสนามให้เรียบร้อยสักหน่อยจะน่าดูกว่า แล้วตรงซุ้มราตรี ถ้าตัดแต่งสักนิด ก็จะดูโล่งสบายตา และน่านั่งพักยิ่งขึ้น”
ตุลาลองเสนอความเห็นบ้าง ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ด้านพาทิศนั้นเตรียมอาสาขนเครื่องมือทำความสะอาดและตัดแต่งสวน จากห้องใต้ดินที่เขาอยู่อาศัย ขึ้นมาเตรียมพร้อมไว้ก่อนในคืนนี้
“แล้วบ่อของปิ่นล่ะ จะวิดบ่อทำความสะอาดเปลี่ยนน้ำใหม่ดีไหม เอาแบบใสแจ๋ว แล้วเห็นปิ่นที่ก้นบ่อชัดไปเลยแบบนั้นน่ะ!”
รุ้งพรายเสนอขึ้นบ้าง แต่ทำให้เด็กสาวอีกคนหน้าแดงก่ำ พลางสั่นศีรษะปฏิเสธพร้อมกับไล่ตีเพื่อนแก้เขิน ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินอีกคนพูดขึ้น
“เรื่องบ่อน้ำนี่ผมเองก็ไม่รู้นะครับ แต่ถ้าเปลี่ยนน้ำแล้วทำให้คุณปิ่นอยู่สบายขึ้นก็น่าเปลี่ยน ... แต่ก็กลัวว่าคอลรีนจากน้ำประปา จะทำให้คุณแพ้หรือเปล่า?”
ตุลาถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งก็ยิ่งทำให้เงือกสาวหน้าแดงกว่าเดิม เจ้าตัวจึงอุบอิบบอกเสียงแผ่ว
“ฉันไม่แพ้น้ำประปาหรอกค่ะ...แต่ไม่ค่อยชอบ...ถ้าให้ดีเป็นพวกน้ำฝน หรือน้ำบาดาลจะดีกว่า...แต่น้ำบ่อที่อยู่ก็ดีแล้วนะคะ ...แค่ออกซิเจนเหลือน้อยไปหน่อย ตะไคร่มากไปนิด ก็เท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มนิ่วหน้า สรุปแล้วเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าที่พูดมานั่น ดีหรือไม่ดีสำหรับอีกฝ่ายกันแน่
“ด้านหลังที่ดินนี่มีบึงน้ำกว้าง มันมีโพรงเล็กโพรงน้อยใต้บึง ที่ทะลุไปถึงลำคลองใหญ่ด้านนอกนั่น ทำให้น้ำในบึงไหลเวียนตลอด ไม่เน่า แล้วก็ยังใสและสะอาดอยู่มาก ถ้าตุลไปทยอยตักมาเรื่อย ๆ ก็เปลี่ยนน้ำในบ่อให้ปิ่นอยู่ได้สบาย เพราะก่อนจะมาอยู่ที่บ่อนี่ ปิ่นเคยอยู่ที่บึงนั่นมาก่อน แต่พอเงือกอีกตัวสิ้นอายุขัย ก็เลยเหลือปิ่นแค่คนเดียวน่ะ นายท่านเลยชวนมาอยู่เสียที่นี่ด้วยกัน”
รุ้งพรายเล่าประวัติของเพื่อนให้ฟัง แล้วยังเสนอความเห็นเรื่องการทำความสะอาดบ่อของปิ่นสุดา แต่แน่นอนความคิดเห็นของเธอ ทำให้เพื่อนคนอื่นที่เหลือหันมามองตาปริบ ๆ
“แล้วจะให้ตุลไปแบกน้ำจากบึงนั่นมาใส่บ่อนี่นะ กว่าจะเต็มเขาก็เหนื่อยตายพอดี”
พาทิศบ่นใส่ ซึ่งราตรีก็พยักหน้าเห็นด้วย รุ้งพรายนั้นขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้น เพราะเธอคิดว่าข้อเสนอของเธอมันฟังเข้าท่าที่สุดแล้ว
“บ่อน้ำคุณปิ่นลึกมากไหมครับ แล้วใช้น้ำราว ๆ ไหน ผมจะได้กะถูกกว่าควรจะใช้น้ำเติมไปกลับกี่รอบ”
ตุลาตั้งคำถามที่ทำให้ทุกคนหันขวับมาทางเขา มีรุ้งพรายคนเดียวที่ถูกใจ แต่ปิ่นสุดารีบห้ามทันที
“อย่าเลยค่ะคุณตุล! บ่อน้ำแบบเดิมนี่ฉันก็อยู่ได้อยู่แล้ว คุณตุลอย่าลำบากเลยค่ะ ...อีกอย่าง ถ้ากลับมาป่วยแบบตอนเด็กอีก จะทำยังไงล่ะคะ”
คำพูดของปิ่นสุดา ทำให้รุ้งพรายและตุลาชะงัก ปีศาจแมวสาวมีสีหน้าสลดลง เมื่อนึกขึ้นได้ถึงคำพูดของกริชอาของชายหนุ่ม ส่วนตุลานั้นนิ่งเงียบไปสักพักแล้วจึงแย้มยิ้มอ่อนโยนให้ทุกคน
“ไม่หรอกครับ ...พอแข็งแรงขึ้น ผมก็เริ่มออกกำลังกาย เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับไปป่วยอีกเหมือนตอนเด็ก ๆ ตอนนี้ผมว่าผมแข็งแรงพอสมควรนะครับ”
“แน่ใจหรือ ...แค่ตกใจนิดหน่อยก็เป็นลมแล้วแท้ ๆ นี่นะ”
พาทิศแย้งยิ้ม ๆ ซึ่งก็ทำให้คนฟังสะดุ้ง แล้วหันไปบอกเสียงอ่อย
“ง่า...อันนั้นนอกประเด็นนะครับ ต่อให้แข็งแรงขนาดไหน แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่กลัวสักหน่อยนี่ครับ”
จากนั้นตุลก็ยืนกรานหนักแน่นว่าจะไปขนน้ำในบ่อมาเปลี่ยนให้ปิ่นเอง แต่คนอื่นนั้นยังคงคัดค้าน ไม่เห็นด้วย จนกระทั่งเมื่อใครคนหนึ่งปรากฏกาย พวกเขาก็นิ่งเงียบรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอขึ้นบ้าง
“ก็เงินที่อาให้ตุล มันก็มากพอที่จะเช่าอยู่ที่นี่ได้ตั้งหลายปีอยู่แล้วด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ ตุลก็เอาเงินจำนวนนั้นถอนออกมานิดหน่อย มาใช้อำนวยความสะดวกตัวเองบ้างสิ อย่างการจ้างมืออาชีพมาดูแลจัดสวน ทาสีบ้าน รวมไปถึง จ้างพวกรถสูบน้ำ สูบน้ำมาจากบึงนั่น แล้วก็จ้างคนให้วิดบ่อไว้รอให้เขาปล่อยน้ำลงไปใหม่น่ะ ง่ายจะตายจริงไหม?”
ทุกคนต่างเห็นด้วยในสิ่งที่กริชเสนอ แม้กระทั่งตุลาเอง เขายิ้มกว้างให้กับอาที่เขานับถือ ทำให้กริชต้องลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“ถึงจะแข็งแรงแล้ว แต่ก็อย่าประมาท ถ้าใช้ร่างกายหนักมากไป มันก็อาจทำให้เจ็บป่วยอีกก็ได้ เข้าใจไหม?”
กริชบอกกับตุลา แล้วเปรยสายตาเย็นชากึ่งตำหนิไปให้รุ้งพราย ที่สะดุ้งเฮือกแล้วรีบกระโดดหลบไปอยู่หลังพาทิศทันที
จากนั้นคุยกันอีกสักพัก กริชก็อ้างว่าเหนื่อยและขอตัวไปพักก่อน ทำให้ตุลาที่กำลังจะถามชายหนุ่มว่า ทำยังไงไปยังไงผู้เป็นอาถึงกลายมาเป็นวิญญาณคุ้มครองเขาได้ต้องผิดหวัง แต่ก็ยังคงเฝ้ารอโอกาสจนกว่ากริชจะบอกกับเขาด้วยตนเองในสักวันหนึ่ง
--- TBC ---