สืบเสน่หา (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สืบเสน่หา (จบ)  (อ่าน 169314 ครั้ง)

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
«ตอบ #90 เมื่อ13-07-2011 19:04:31 »

คุณตำรวจโดนเล็งเป้าหมายซะแล้ว

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
«ตอบ #91 เมื่อ13-07-2011 20:12:15 »

 :jul3:

เหมือนจะน่ารัก    เอ๊ะ ยังไง

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
«ตอบ #92 เมื่อ13-07-2011 21:00:39 »

เจมส์เล่าเรื่องให้คุนตำรวจฟังเร็วๆน้าาาาาาาา

หวังว่าคุนตำรวจจะไม่เปนอะไรน้า

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
«ตอบ #93 เมื่อ13-07-2011 21:32:54 »

อ่านแล้วสนุกชวนติดตามดีค่ะ

ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #94 เมื่อ13-07-2011 22:07:58 »

(ตอนที่ 5/2 จบตอนที่ 5)


    กลิ่นอาหารทำให้คนกำลังหลับตื่นขึ้นมาจนได้เพราะท้องเริ่มร้องประท้วง ยามนี้เที่ยงแล้ว เลยเวลาอาหารเช้าไปเอาการอยู่ ปกติอาหารเช้าของเจมส์จะมีแค่กาแฟแก้วเดียวเท่านั้น แต่ในวันนี้ที่เสียพลังงานไปมาก เขากลับรู้สึกหิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัว

    และในตอนนี้ ข้าวต้มหอมกรุ่นที่วางอยู่ด้านข้าง ก็ทำเอาเขาน้ำลายสอ

    ร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว พร้อม ๆ กับความต้องการอาหารเสียด้วย หน้าตาอาหารที่น่ากิน ยิ่งทำให้คนพึ่งตื่น มองมาตาเป็นประกาย

    มือที่จับช้อนทำท่าจะป้อนชะงัก เมื่อเผลอสบสายตาออดอ้อนราวลูกหมาตัวน้อยอย่างยินดีเกินเหตุนั้น

    “มือนายไม่ได้เจ็บนี่นะ กินเองแล้วกัน” ปวินต์ตีหน้านิ่งพูดต่อไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายท่าทางดีขึ้นมากกว่าที่คิด เห็นได้ชัดจากการผุดลุกขึ้นนั่ง โดยไม่มีท่าทางอ่อนแรงเหลืออยู่อีก

    “โธ่ คุณวินต์ล่ะก็ ผมเป็นคนป่วยนะครับ” ชายหนุ่มเริ่มออดอ้อน

    “แต่เท่าที่ฉันเห็น ดูนายจะอาการดีขึ้นมากแล้วนี่ อ้อ…จริงสิ” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ มือที่ถือชามข้าว ตั้งท่าจะส่งให้แต่ทีแรก กลับหยุดกึก แล้วดึงกลับอย่างจงใจ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มซีเรียส

    “เล่าให้ฉันฟังให้หมดก่อน แล้วค่อยกิน” ตำรวจหนุ่มพูดหน้าตาเฉย

    มือที่ยื่นไปรับเก้อได้แต่วางลงอย่างเสียดาย คนกำลังหิวกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ก่อนจะตีสีหน้าน่าสงสาร “คุณอย่าเอาอาหารเป็นเครื่องต่อรองสิครับ เกิดผมหิวตายขึ้นมาจะทำยังไง”

    “บ้านนายก็ใกล้วัดอยู่แล้วนี่ สวดสักสามคืนแล้วเผา คงไม่ยุ่งยากอะไรนัก” เสียงราบเรียบตอบกลับอย่างทำทีไม่สน

    “ผมรู้ว่าคุณใจดีกว่านั้นเยอะ น่า ให้ผมกินก่อนดีกว่า แล้วคุณจะถามอะไร ผมจะบอกให้หมด…เท่าที่คุณน่าจะได้รู้”

    “แค่บอกให้หมดทุกอย่าง มันยากนักหรือไง” มือนั้นยกชามห่างไปอีก ก่อนทำท่าจะวางลงเก็บบนถาดที่ยกมาแต่แรก

    “อ๊ะ อย่าเอาไปสิครับ เรื่องนั้นผมจำเป็นจริง ๆ นะ เข้าใจผมหน่อยสิครับ”

    เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นอีก ทำให้คนกำลังแกล้งเก๊กหลุดขำจนได้

    “เอ้า เชื่อแล้วว่าหิวจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็กินก่อน แต่กินเสร็จแล้ว ต้องเล่าซะทีแล้วนะ”

    เจมส์มองมาพลางยิ้มแห้ง ๆ “ครับ ๆ ผมไม่กล้าแล้ว คุณเป็นช้างเท้าหน้าจริง ๆ ถ้าเราแต่งงานกัน ผมคงเป็นทาสของคุณไปจนตายแน่เลย”

    ปวินต์เผลอหน้าแดง ก่อนทำเสียงดุแก้เขิน “ใครบอกจะแต่งงานกับนาย”

    คนฟังอมยิ้มไม่แย้งอะไร เพราะตอนนี้กำลังมีความสุขกับการรับประทานจนคนมองเริ่มหมั่นไส้ มือเพรียวยึดชามจะดึงกลับอีก แต่สู้แรงคนป่วยไม่ได้เสียอย่างนั้น

    “อ้อยเข้าปากช้างแล้ว มีหรือจะยอมคืน” เจมส์พูดยิ้ม ๆ ก่อนตั้งหน้าตั้งตากินต่ออย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งยังคงยึดชามไว้ไม่มีปล่อย

    “ก็หายแล้วนี่นา ทำฟอร์มเป็นคนป่วยอยู่ได้” ตำรวจหนุ่มบ่นพึมพำ แต่เจมส์ทำเป็นไม่ได้ยิน จนสุดท้ายปวินต์ต้องยอมแพ้ ปล่อยให้อีกฝ่ายกินต่อไปจนหมดโดยไม่ขัดอีก

    “ฮ้า…อิ่มดีจัง อาหารฝีมือคุณอร่อยสมกับที่น้องปรางคุยไว้จริง ๆ เสียด้วย” คนป่วยพูดลูบท้องอย่างมีความสุข หลังจากอ้อนขอเติมเพิ่มจนหมดหม้อ กินเยอะจนปวินต์เองยังอึ้ง เขามองมาพลางตอบว่า

    “ถ้ากินล้างกินผลาญขนาดนี้ สงสัยคงต้องงดเชิญไปกินข้าวที่บ้านฉันแล้ว”

    เจมส์ทำตาปริบ ๆ “วันนี้ผมป่วยหรอกครับ ถึงกินเยอะขนาดนี้ ชดเชยส่วนที่สึกหรอยังไงล่ะ แต่ว่านะ…ถ้าเป็นอาหารฝีมือคุณ จะให้ทานเมื่อไหร่ ผมก็ต้องทานให้หมดอยู่ดี ไหน ๆ คนทำอุตส่าห์ทำด้วย ‘ความรัก’ เสียขนาดนี้”

    คำพูดแอบแทงใจดำ เล่นเอาปวินต์แทบยืนไม่ติด เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องบรรจงทำมากกว่าทุกทีขนาดนี้ด้วย

    “เอ้า กินก็อิ่มแล้ว ทีนี้จะพูดได้หรือยัง” ชายหนุ่มเบี่ยงประเด็น ดวงตาคมยังมองมาจริงจังอย่างไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้อีก

    ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถามว่า “แล้วคุณอยากรู้เรื่องอะไรล่ะครับ”

    “ลูกชายนายอยู่ไหนกัน”

    คนฟังอดขำมากกว่าเดิมไม่ได้ เขาค่อย ๆ ลุกขึ้น โดยมีอีกฝ่ายตั้งท่าจะช่วยประคอง หากชายหนุ่มยิ้มให้ แล้วบอกว่า “ผมหายแล้วล่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”

    “ทีเมื่อกี้ทำมารยานะ ไม่น่าทำให้กินเลย” ผู้กองหนุ่มแอบบ่น

    “ผมหายดีเพราะอาหารฝีมือคุณไง เอ้า ผมจะพาคุณไปหาลูกชายผม ตามมาสิครับ”

    ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนเดินไปที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ห้องนี้เป็นห้องพระ เพราะท้ายที่สุดปวินต์ก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายเจมส์ออกไป แต่ปล่อยให้นอนพักในห้องพระดังเดิม

    ที่มุมด้านหนึ่งของโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ จัดวางเครื่องรางของขลังไว้อย่างเป็นระเบียบ และหนึ่งในนั้น ก็มีตุ๊กตารูปเด็กผมจุกหน้าตาน่ารัก ยืนเท้าสะเอวจังก้าในชุดโจงกระเบนโบราณ ด้านบนไม่สวมเสื้อแต่เป็นสร้อยสังวาลห้อยไขว้กันไว้ ทั่วตัวประดับเครื่องประดับทอง เช่นสร้อยคอและกำไลข้อมือข้อเท้าเสียเต็มยศ

    “นี่ไงครับ เจ้าเคน ลูกชายผม” ชายหนุ่มชี้ตุ๊กตาตัวนั้นให้ปวินต์ดู

    คนเดินตามมาดูใกล้ ๆ หันมาสบตาแกร่งอีกครั้งอย่างงุนงง

    “ลูกชายนายเป็นตุ๊กตางั้นเหรอ”

    เจมส์ฟังคำถามซื่อ ๆ นั้นแล้วอดขำไม่ได้ “คุณช่างไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทางคุณไสยเลยนะครับ”

    คำพูดนั้นเล่นเอาคนถามแอบหน้าชา ก็เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้นี่นา เรื่องอะไรจะต้องไปสนใจด้วย “ไม่เห็นจะอยากรู้เลยนี่ เรื่องหลอกลวงพรรค์นั้น”

    สีหน้าของเจมส์เคร่งขรึมมากขึ้นก่อนจะถามชายหนุ่มว่า “ถ้ามีคนมาดูถูกอาชีพตำรวจของคุณ คุณจะรู้สึกยังไงครับ”

    คนถูกถามหันควับมามอง ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก อาชีพตำรวจนี้ สำหรับเขาแล้ว ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เสมอมา เหมือนผู้เป็นพ่อที่จากไปในหน้าที่ แม้จะตายจากก็ยังเป็นที่เคารพรักและชื่นชมต่อทุกคน

    เพียงแค่แววตาที่มองมาก็แสดงคำตอบได้เด่นชัด เจมส์พูดต่อไปว่า “คุณรักและเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณเป็น ในสิ่งที่คุณทำ ใช่ไหมครับ ผมอยากจะบอกว่า ผมก็เช่นกัน ผมเองก็เป็นหมอผี ที่รักในอาชีพของผม และแน่นอนว่า…ถ้ามีใครมาดูถูก ผมเองก็ใช่ว่าจะยินดี ผมไม่คิดจะกรอกหูให้คุณเชื่อ ไม่ได้คิดจะเล่นกลหลอกลวงให้คุณยอมทำตาม ของพวกนี้ มันสัมผัสได้ด้วยใจ และด้วยความศรัทธา คุณจะไม่เชื่อ นั่นไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณตั้งแง่ปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น คุณก็จะไม่สามารถรับฟังเสียงเล็ก ๆ ที่เขาอยากจะพูดคุยกับคุณมาตลอดได้เลย”

    คำพูดของเจมส์ย้อนสิ่งที่เขาเป็นเข้าอย่างจัง ปวินต์เถียงไม่ออกเลยทีเดียว เขาเริ่มเข้าใจในงานของอีกฝ่ายมากขึ้นเล็กน้อย ของทุกอย่าง มันต่างจิตต่างใจ และต่างมุมมอง ขึ้นกับว่าแต่ละคนจะคิดอย่างไร

และสิ่งสำคัญก็คือ เขาควรจะรับฟัง มากกว่าจะเอาแต่ปฏิเสธสินะ

ตำรวจหนุ่มหายใจเข้าลึก พยายามทำความเข้าใจอีกฝ่ายมากกว่าเดิม

“นายกำลังอยากจะบอกฉันว่า?”

    “เปิดใจสิครับ อย่าปฏิเสธเขา ลูกชายของผมน่ะ เขาชอบคุณนะ เขาอยากคุยกับคุณมาตลอด เพียงแต่ว่าคุณไม่เคยจะยอมเชื่อและรับฟังเลย”

    “หมายความว่ายังไง”

    “เจ้าเคนลูกของผม เป็นกุมารทองที่ผมเลี้ยงไว้ จริง ๆ เขาอยู่มาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว และเขา…ก็มาอยู่กับผมต่อ คุณรู้ไหม กุมารทองน่ะ เป็นเด็กที่มีกรรม และน่าสงสารมากนะครับ”

    “ไม่ใช่แค่ผีที่สิงในตุ๊กตาหรอกเหรอ” ปวินต์ถามออกไป ก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่าย ที่ดูจะไม่พอใจนัก

    “ขอโทษ…ฉันอาจจะพูดไม่คิด เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ แต่ว่า…เมื่อวานนี้ ฉันได้ยินเสียงเขา ชัดเจนมากด้วย และแน่ใจว่าคงหูไม่ฝาด เอาล่ะ นายเล่ามาสิว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง”

    “เมื่อวานเขาใช้พลังงานไปมากทีเดียว ทั้งช่วยป้องกันพวกเรา และพยายามสื่อสารกับคุณ จนวันนี้ เขาเลยไม่สามารถปรากฏกายได้ดีเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ ผมจะเล่าความเป็นมาตั้งแต่แรกให้ฟังก่อนแล้วกันครับ”

    “กุมารทองเป็นเด็กที่ตายในท้อง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ตายทั้งกลม แต่ถูกนำออกมาด้วยวิธีการเฉพาะ และปลุกเสกเพื่อให้เป็นกุมารทอง คอยช่วยเหลือผู้มีอาคมนั่นเอง คุณรู้ไหม ไม่ใช่เด็กที่ตายทุกคน จะสามารถเป็นกุมารทองได้ แต่เด็กที่สามารถเป็นได้ คือเด็กที่มีกรรมติดตัว”

    “มีกรรมงั้นเหรอ”

    “ใช่ครับ คนที่ชาติก่อนเคยทำแท้งฆ่าลูกตัวเองมาก่อน มาในชาตินี้ พอมาเกิดด้วยบ่วงแห่งกรรม เลยทำให้ตายตั้งแต่อยู่ในท้องไม่สามารถเกิดออกมามีชีวิตอยู่ได้ และเพราะวิบากกรรมนั้น หมอผีบางประเภท จะอาศัยความโชคร้ายของพวกเขา ในการผูกมัดและตั้งตัวเป็นเจ้านาย เพื่อบงการพวกเขา ให้ทำอะไรตามต้องการ”

    “ถึงผมจะพูดแบบนั้น ก็ใช่ว่าหมอผีที่ทำเช่นนั้น จะเลวไปหมดทุกคนหรอกนะครับ พวกเขาคล้ายมีกรรมผูกกันมาแต่ชาติปางก่อน มาถึงตอนนี้ จึงได้มาอยู่ร่วมกันอีก” ว่าพลางยิ้มน้อย ๆ แก้เครียด ก่อนจะพูดว่า “เหมือนกับคุณและผมไง”

    คนกำลังฟังอิน ๆ ถึงกับชะงัก ก่อนจะแกล้งทำตาดุ

    “ครับ ๆ ผมเล่าต่อก็ได้ ท่าทางผมจะเคยทำกรรมอะไรกับคุณไว้แน่เลย เผลอทีไรโดนเล่นกลับซะทุกที”

    “ไม่ต้องมานอกเรื่องเลย รีบ ๆ เล่าต่อได้แล้ว” ปวินต์เร่งด้วยความอยากรู้

    “พ่อของผม ท่านก็เป็นหมอผีแบบเดียวกับผมนี่แหละ แล้วก็เก่งมากด้วย แต่ท่านไม่เคยคิดจะเลี้ยงกุมารทองหรอกนะครับ เพียงแต่อาจจะพูดได้ว่า มีชะตาต้องกัน เพราะมีหมอผีคนหนึ่งทำตัวไม่ดี และกดขี่เด็กน้อยที่เลี้ยงไว้เป็นกุมารทองมาก ๆ จนพ่อทนไม่ไหว พ่อพยายามทำทุกอย่าง เพื่อตัดบ่วงกรรม แม้ว่ามันต้องลดทอนอายุขัยของท่านลง แต่ท่านก็รับเด็กคนนั้น มาเลี้ยงดูแทนได้ในที่สุด”

    ว่าพลางถอนหายใจ “คุณอาจจะสงสัย ว่าทำไมถึงไม่ให้ไปผุดไปเกิดแทนสินะครับ อย่างที่ผมเคยบอก กุมารทองเป็นเด็กที่มีกรรม ดังนั้น ถ้ายังไม่ถึงคราวหมดกรรม เขาก็จะยังไม่สามารถไปเกิดได้ การจะปล่อยเขาวนเวียนอยู่ในโลกต่อไปโดยลำพัง มันก็คล้ายคุณปล่อยให้เด็กไร้เดียงสา เผชิญโลกลำพังนั่นแหละ และเพราะอย่างนั้น ครอบครัวของเรา เลยเลี้ยงเขาไว้”

    “จนพ่อของผมตายจากไป และผม…อาจจะมีบางอย่าง ที่คล้ายพ่ออยู่บ้าง…เอ้อ ไม่ได้หมายถึงหน้าตาหรอกนะครับ เพราะผมก็เป็นเด็กที่พ่อเก็บมาเลี้ยงเหมือนกัน แต่เพราะพวกเรา มีชะตาต้องกันอย่างที่บอก เด็กคนนี้ เลยนับถือผมเป็นพ่อ ต่อจากพ่อของผม ที่ตายไปแล้ว”

    “แสดงว่าที่เรียกว่าลูก ก็เพราะเป็นแบบนี้สินะ”

    ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมน่ะ เรียกเขาว่าเจ้าจุก แต่หลัง ๆ มานี่ เคน ธีระเดช กำลังดัง เขาปลื้มมาก เลยขอให้ผมเรียกว่า ‘เคน’ แทน”

    คนฟังอมยิ้ม นึกถึงเสียงเล็ก ๆ ที่ช่วยเขาไว้เมื่อวาน ท่าทางคงเป็นเด็กกระตือรือร้น และน่ารักเอามาก ๆ แน่

    “งั้นฉันเรียกเขาว่าเคนด้วยได้ไหม”

    “ได้สิครับ เขาน่ะ เห็นคุณเป็นเหมือนพ่ออีกคนของเขามานานแล้ว เจ้าเคนน่ะวัน ๆ เอาแต่ชมคุณให้ผมฟัง จนผมตกหลุมรักแล้วเนี่ย”

    ดวงตาคมค้อนควับเข้าให้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เลิกนอกเรื่องซะทีเถอะน่า เอาล่ะ ตอนนี้ฉันเข้าใจเรื่องลูกชายของนายแล้ว แต่ว่า เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

    เจมส์นิ่งไปอย่างตัดสินใจ เขาไม่รู้ว่าควรจะบอกปวินต์ดีหรือไม่ ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามา เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี ที่คงไม่ยอมให้เขาต้องต่อสู้เพียงลำพังแน่ ๆ มันเป็นเรื่องน่าดีใจอยู่หรอก แต่เขาก็ไม่อยากลากให้ปวินต์ ต้องมารับเคราะห์ไปด้วย ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ

    “เรื่องเมื่อวาน…” ชายหนุ่มพูดต่อหน้าตาเฉยต่อว่า “ก็แค่คู่อริของผม เล่นงานผมเข้าแล้ว พอดีคุณเข้ามา มันกลัวก็เลยหนีไป” เรื่องฟังดูง่ายดายเกินคาด

    “แค่นี้เนี่ยนะ?”

    “ครับ แค่นี้สิครับ พวกเราสู้กันด้วยอาคมนิดหน่อย ผมพลาดท่าไป แต่ดีได้ท่านเจ้าที่ กับเจ้าเคนช่วยไว้ แล้วคุณก็เข้ามาพอดีเลย เรื่องก็เลยจบลงอย่างแฮปปี้” เจมส์พูดต่อไป

    ปวินต์มองหน้าชายหนุ่ม ด้วยใบหน้าอันราบเรียบ ซึ่งจากเท่าที่คบกันมา เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธ “ฟังดูเหมือนนิยายดีนะ ฉันควรจะเชื่อนายดีไหม”

    เจมส์ลอบถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “มันก็แค่นั้นแหละครับ”

    “เรายังเป็นเพื่อนกันแน่เหรอ ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้ว” ทั้งคำพูดและแววตาคล้ายตัดพ้อเสียจนคนมองเริ่มเจ็บแปลบ แต่เขาก็ยังคงไม่พูดอะไร

    “นายก็หายแล้วนี่นะ ฉันคงหมดความจำเป็นแล้ว ถ้าอย่างนั้น ฉันกลับก่อนล่ะ ฝากลาเจ้าเคน ลูกนายด้วยแล้วกัน”

    เขาว่าพลางทำท่าจะเดินออกไป

    “เดี๋ยวก่อนครับ คุณวินต์”

    ร่างผอมบางชะงัก หันกลับมามอง และเห็นเพียงรอยยิ้มน้อย ๆ ของอีกฝ่าย ที่ดูสุดฝืน

    “ยังไงผมก็ขอบคุณมากนะครับ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา…ขอบคุณมาก…และก็ขอโทษ ที่ทำให้คุณผิดหวัง”

    “ถ้ารู้ตัวก็คิดให้ดีแล้วกัน ว่าควรจะทำยังไง!” เสียงจากอีกฝ่ายตอบสะบัด ก่อนที่ปวินต์จะออกไปจริง ๆ

    “พ่อฮะ แบบนี้ดีแล้วเหรอฮะ” เสียงเล็ก ๆ ของเจ้าเคนถามขึ้นเบา ๆ รับรู้ได้ดีถึงความเจ็บปวดของผู้เป็นพ่อ

    “ดีแล้วล่ะ เราอยู่ของเราแบบนี้ ก็อยู่กันได้ไม่ใช่เหรอ อย่าให้คุณตำรวจของเจ้า ต้องมาเดือดร้อนไปกับเราด้วยเลย”

    “คุณตำรวจของพ่อต่างหาก ไม่ใช่ของผมสักหน่อย” เด็กชายบ่นพึมพำ “แต่ยังไงผมก็จะอยู่ข้างพ่อนะฮะ อย่าเสียใจไปเลย”

    “ขอบใจนะ เจ้าเคน คืนนี้ไม่รู้พวกมันจะมาไม้ไหนกับเราอีก ยังไงก็…ฝากด้วยแล้วกันนะ”

    ร่างเล็กรับปากเบา ๆ ก่อนจะหายตัวไป ก่อนจะไป เจ้าตัวยังคงบ่นพึมพำกับตัวเองไม่เลิก

เด็กน้อยไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมกันหนอ ผู้ใหญ่ถึงได้ชอบปากไม่ตรงกับใจกันเสียจริง!


จบตอน

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #95 เมื่อ13-07-2011 22:32:21 »

งอนกันซะแล้ว เฮ้อผู้ใหญ่ไม่ยอมรับความจริง

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #96 เมื่อ13-07-2011 22:53:42 »

 :pig4:

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #97 เมื่อ13-07-2011 23:12:14 »

ดีกันได้ไม่เท่าไหร่ก็งอนกันซะแล้ว o16
เจ้าเคนทีหลังไม่ต้องเรียกคุณตำรวจแล้วนะ
ให้เรียกว่าพ่อเล็กแทนนะจ๊ะ
พ่อเล็กกับพ่อใหญ่ :เหอะ1:

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #98 เมื่อ13-07-2011 23:39:37 »

 :o12: :o12: :o12: :o12:

เสียใจแทนคุณตำรวจ แต่ก้เข้าใจเจมส์นะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #99 เมื่อ14-07-2011 00:06:07 »

 o13 o13 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
« ตอบ #99 เมื่อ: 14-07-2011 00:06:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #100 เมื่อ14-07-2011 00:19:34 »

ง่า หวานแหววกันได้แป๊บเดียวเอง  :m31:

ออฟไลน์ คนริมคลอง

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-1
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #101 เมื่อ14-07-2011 00:50:16 »

 “พ่อฮะ แบบนี้ดีแล้วเหรอฮะ” นั่นหน่ะสิ ดีแล้วจริงๆเหรอ

ถึงไม่อยากให้เกี่ยวข้องแต่ก็เกี่ยวไปแล้วเต็มๆ โดนหมายหัวอีกต่างหาก

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #102 เมื่อ14-07-2011 12:58:01 »

ทำกับข้าวให้กินด้วย ดูเป็นแม่บ้านแม่เรือนดีจริง :z1:
เนี่ยแหละ จะเห็นใจกันก็ตอนดูแลกันยามเจ็บป่วย หวานๆคั่นหวีดสยอง :laugh:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #103 เมื่อ14-07-2011 13:08:03 »

ทุกคนต่างก็คิดว่าตัวทำดีที่สุดแล้ว
แต่.....มันดีที่สุดสำหรับใคร?

ออฟไลน์ jaymaza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #104 เมื่อ14-07-2011 14:48:11 »

 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #105 เมื่อ14-07-2011 16:30:51 »

 เหนื่อยใจแทนทั้งสองคน
อีกคนก็เป็นห่วง อีกคนก็อยากรู้ เออนะ

raphaello

  • บุคคลทั่วไป
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #106 เมื่อ14-07-2011 18:16:42 »

โย๋ คราวหน้าสงสัยจะเจอวินจังสภาพตัวประกันไม่ก็ตัวล่อซะแล้วล่ะมั้ยเนี่ย

@StaR@

  • บุคคลทั่วไป
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #107 เมื่อ14-07-2011 18:36:52 »

รู้น่ะว่าคดีมันสำคัญ และคุณตำรวจก็อยากรู้มาก
แต่บางครั้งคนที่รู้เรื่อง รู้ทุกอย่าง อย่างเจมส์มันพูดไม่ได้จริงๆ
สิ่งที่ทำได้คือรอเวลาเท่านั้น น้องเคนน่ารักจังตอนนี้ออกมานิดเดียวเอง
 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #108 เมื่อ14-07-2011 19:58:35 »

 :เฮ้อ:

งอนกันแว้วววว

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #109 เมื่อ14-07-2011 20:49:42 »

โกรธกันซะแล้ว   :เฮ้อ:

เอาใจช่วยทั้งสองคนนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
« ตอบ #109 เมื่อ: 14-07-2011 20:49:42 »





ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
«ตอบ #110 เมื่อ14-07-2011 20:57:10 »

ชอบนิยายแนวนี้มากเลยค่ะ ประทับใจมาก แต่งได้ดีมากๆ >^<

จะติดตามรออ่านผลงานนะคะ

ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #111 เมื่อ15-07-2011 15:59:03 »

สืบเสน่หา

ตอนที่ 6


(ตอนที่ 6/1)


วันนี้งานยุ่งกว่าทุกวัน เพราะเมื่อวานลางานไป แต่ปวินต์กลับนั่งเหม่อ จ่าเดี่ยวคู่หูเวลาปฏิบัติงาน ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะด้านข้าง มองเพื่อนร่วมงานอย่างแปลกใจ โดยปกติแล้วปวินต์เป็นคนเคร่งครัดในหน้าที่การงานมาก เรียกได้ว่า มากเกินกว่าคนปกติทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

    แต่ในวันนี้ คนขยันกลับเหม่อลอยกว่าทุกที แถมทำงานผิดพลาดมากกว่าปกติเสียด้วย

    “ผู้กองครับ” เสียงเรียกทำให้คนอยู่ในภวังค์เผลอสะดุ้ง

    “อ๊ะ…อ้อ จ่า มีอะไรเหรอ”

    “เมื่อวานมีสารวัตรคนใหม่ย้ายมา ผู้กองทราบไหมครับ”

    คนถูกถามพยักหน้ารับ “ก็ได้ยินมาบ้าง มีอะไรงั้นรึ” เขาลางานเมื่อวาน จึงไม่ได้อยู่ด้วยตอนอีกฝ่ายมา แต่ปวินต์ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เรื่องเลียแข้งเลียขาผู้บังคับบัญชา ไม่ได้อยู่ในนิสัยของเขาอยู่แล้ว

    “สารวัตรคนใหม่เขาอยากพบผู้กอง”

    “งั้นเหรอ” เสียงตอบรับเนือย ๆ ทำให้คนพูดคิ้วขมวด

    “ผู้กองไม่สบายหรือเปล่าครับ จะลาอีกวัน ก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ เมื่อวานเห็นว่าลาป่วยไปไม่ใช่เหรอ”

    ผู้กองหนุ่มทำหน้าไม่ถูกไปเลย เพราะลากะทันหันจนทำเรื่องลากิจไม่ทัน เขาเลยต้องบอกว่าป่วย แต่จริง ๆ แล้ว คนป่วยนั้นไม่ใช่เขาเสียหน่อย ไม่น่าบ้าจี้ไปลาป่วยเฝ้าคนพรรค์นั้นเลย เสียงานเสียการ เสียเวลาหมด เขาคิดต่อไปอย่างหงุดหงิด ยังโมโหไม่หาย ที่เจมส์ไม่ยอมพูดความจริงกับเขาเสียที

    แล้วจะมาขอเป็นเพื่อน เพื่อนที่มีอะไร ก็ไม่ยอมให้เพื่อนช่วย แล้วจะเป็นเพื่อนกันไปเพื่ออะไร

    จนกว่าเจมส์จะเล่าทุกอย่างที่เขาควรจะต้องรู้ให้ฟัง เขาจะไม่คุยกับเจมส์อีก

    “ผู้กองครับ” เสียงจ่าเดี่ยวเรียกซ้ำ คนกำลังคิดนอกเรื่องชะงัก หันมามองอย่างงง ๆ

    “สารวัตรรอพบอยู่นะครับ เมื่อกี้ผมบอกไปทีแล้ว หรือผู้กองจะไปหาหมอดี?” มือนั้นจับที่แขนชายหนุ่มเบา ๆ “แต่ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”

    ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่หรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไร ขอบใจนะ เมื่อวานก็หยุดไปวันนึงแล้ว ต้องให้จ่าทำงานแทนตั้งเยอะ วันนี้ฉันไม่เป็นไรหรอก”

    “…ไม่เป็นไรหรอกครับ ผู้กองทำงานหนักกว่าคนอื่นตั้งหลายเท่า จะหยุดซักสองสามวัน ผมก็ยินดีช่วยครับ” จ่าเดี่ยวตอบรับอย่างขันแข็งจริงใจ

    ปวินต์เริ่มรู้สึกผิด ที่โกหกเรื่องป่วยไปวันก่อน “ไม่หรอก แล้วลูกของจ่าเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าพึ่งจะคลอดอาทิตย์ก่อนไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”

    คนฟังยิ้มร่า พอพูดถึงลูกสุดที่รัก “ลูกชายครับผม กำลังกินกำลังนอนทีเดียว เล่นเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งพ่อทั้งแม่” เขาหัวเราะต่อไปอย่างอารมณ์ดี

    “ท่าทางจะน่ารักมาก ไว้ฉันจะซื้อของเล่นไปฝาก เด็กผู้ชายเขาจะเล่นอะไรบ้างนะ”

    จ่าเดี่ยวอดขำไม่ได้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมัวแต่ทำงาน จนแทบไม่สนเรื่องทั่วไปสักเท่าไหร่ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผู้กองอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ เด็กพึ่งจะอาทิตย์เดียว ไม่รู้เรื่องหรอกครับ”

    “อ้อ งั้นเหรอ” คนฟังตอบรับอย่างเขิน ๆ ก็เขายังโสด ไม่เคยมีลูกกับใครเขานี่นะ

    “จริงสิครับ ผมว่าผู้กองรีบไปดีกว่า อย่าให้สารวัตรเขารอนานเลย”

    “อื้ม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอบใจมากนะ” เขาว่าพลางลุกขึ้นเดินไปห้องสารวัตรคนใหม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะไร้วิญญาณ

    คนมองมาลอบส่ายหน้าเบา ๆ ไม่รู้ว่าผู้กองคนเก่งของเขาไปเจออะไรมา ท่าทางแบบนี้ถ้าออกปฏิบัติงาน จะแย่เอารึเปล่าไม่รู้…



    ห้องสารวัตรคนใหม่ ยังดูโล่งอย่างเห็นได้ชัด เพราะยังขนข้าวของมาได้ไม่มากนัก ปวินต์เองจำชื่อสารวัตรคนใหม่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ตามประสาคนไม่ค่อยสนใจใคร นอกจากงานที่ได้รับผิดชอบในหน้าที่ แต่โชคยังดี ที่มีป้ายเขียนไว้หน้าห้อง เป็นป้ายใหม่เอี่ยมเช่นเดียวกัน

    “สารวัตรธนดลสินะ ชายหนุ่มพึมพำ หลังจากได้อ่านป้าย พร้อมบันทึกชื่อนั้นไว้ในสมองเพื่อไม่ให้เกิดการเรียกผิด ตอนพูดคุยกัน…แต่ชื่อนี้ คุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน ปวินต์นึกต่อไป แต่นึกไม่ออก

    เขาเคาะประตูก่อนได้ยินเสียงทุ้มจากด้านใน บอกให้เข้าไปได้

    พอประตูเปิดออก เขาก็เห็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน จากที่เห็นน่าจะอายุราว ๆ 35 ปีได้ ร่างสูงสมส่วนและดูดี เข้ากันได้กับชุดในเครื่องแบบ ทั้งยังมีรอยยิ้มอย่างยินดีเมื่อหันมาเห็นคนเคาะ

    “อ้าว มาแล้วเหรอ วินต์” เสียงคุ้นหูทักขึ้นอย่างง่าย ๆ เรียกชื่อเสียสนิทจนปวินต์ยังอึ้ง

    “เอ้า ยืนงงอะไรกัน เข้ามาสิ เข้ามา” เขากวักมือเรียกต่อ ปวินต์ที่ลังเลนิดหน่อย จึงตัดสินใจเข้ามา ปกติแล้วมีคนเรียกเขาแบบนี้ไม่เยอะนัก นอกจากครอบครัว เพื่อนสนิท…แล้วก็คงมีแต่…เจ้าบ้านั่น

    ทำไมเขาต้องคิดถึงเจ้าหมอผีลวงโลกนั่นอีกแล้วล่ะ

    ชายหนุ่มพยายามสลัดความคิดนั้นออกไป แล้วก็เผลอสะดุ้ง เมื่อสบตาเข้ากับดวงตาคมเข้ม ซึ่งกำลังจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่างกระตือรือร้น

    คนถูกจ้องถอยหลังอย่างตกใจนิดหน่อย “อ่ะ…เอ่อ สารวัตรมองผมแบบนี้ทำไมกันครับ”

    สารวัตรคนใหม่มองมาแล้วหัวเราะ “นี่จำฉันไม่ได้จริง ๆ เหรอ ไม่ได้เจอซะนาน โตขึ้นเยอะเลยนะวินต์”

    ปวินต์มองมาที่อีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะทำหน้าประหลาดใจเมื่อจำได้ “อา…อาดลเหรอครับเนี่ย!”

    “ใช่แล้ว นั่งลงสิ ไม่ได้เจอกันนาน อามีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลย”

   

    ยามเที่ยงของวันทำงาน ร่างสูงของเจมส์ในชุดสปอร์ตรัดรูปรับรูปร่าง ยืนอยู่กลางลู่วิ่ง คอนเซปวันนี้ที่ถ่ายไปแล้วเป็นแนวเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่เพื่อออกกำลังกาย และร่างกายที่แข็งแรงมีกล้ามกำลังสวยของเขา ก็เป็นที่ต้องตาของประจักษ์ เจ้าของผู้ออกแบบนัก

    “เหนื่อยหน่อยนะครับ” เสียงคนดูแลพูดขึ้นพลางส่งผ้าขนหนูชุบน้ำให้ ก่อนจัดการสั่งให้เก็บข้าวของ งานเสร็จตอนพักกลางวันพอดี เจมส์ที่กำลังจะกลับไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวชะงัก เมื่อเห็นร่างคุ้นตาของผู้เป็นเพื่อนเดินเข้ามาหา คนที่เข้ามาเป็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางกระตือรือร้นสูง แถมยังแต่งตัวทันสมัยรับแฟชั่นเสียจนโดดเด่น

    “ไง เจมส์ สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันหลายวันเชียวนะ” เขาทักทายขึ้นด้วยความสนิทสนม

    “เออ คงสบายกว่านี้ ถ้านายเลิกหางานที่ต้องแต่งตัวโชว์หุ่นขนาดนี้ให้ฉันเสียที” ว่าพลางมองลงต่ำ เจ้ากางเกงรัดติ้วเน้นเป้าเสียขนาดนั้น ทำให้อีกฝ่ายอดขำไม่ได้

    “เอาน่า ก็นายมีดี มันก็ต้องโชว์สิ งานง่าย ๆ แค่เก๊ก ๆ หน่อยก็ได้เงิน ดีออกจะตายไปไม่ใช่รึ จริงไหมเจ้าเคน” เสียงท้าย ๆ กระซิบเบา ๆ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่เขาก็รู้ ว่าเด็กน้อยจอมซนย่อมตามเจมส์มาด้วยแน่ ๆ

    “จริงฮะ พี่นัท” เสียงตอบรับทันใจ เล่นเอาคนส่งมุกอดหัวเราะไม่ได้ แต่คนฟังขำไม่ออกด้วยแน่ เจมส์หน้านิ่วเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “เข้ากันดีนักนะเจ้าตัวแสบ เดี๋ยวงดของเล่นที่จะซื้อวันนี้เสียเลย”

    “ขู่จังนะพ่อ เดี๋ยวเคนให้พี่นัทซื้อให้ก็ได้” เจ้าตัวแสบพูดอย่างไม่ง้อ

    “ถ้างั้นก็ไปอยู่กับพี่นัทเขาเลยสิ พ่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายลง ไม่ต้องมาถ่ายแบบโชว์เนื้อหนังแบบนี้” คนพูดว่างอน ๆ

    “โธ่พ่อฮะ เคนรักพ่อที่สุดนะ ยิ่งดูพ่อถ่ายแบบเท่ ๆ เคนยิ่งช้อบชอบ” เด็กน้อยรีบประจบเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเลิกซื้อของเล่นให้จริง ๆ

    “พ่อไม่ได้ชอบด้วยนี่” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ แต่ถึงอย่างไร ถ้าได้รับปากแล้ว เขาก็ตกลงทำงานอยู่ดี ส่วนหนึ่งก็เพราะเจมส์นั้นรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณธนัทอยู่มาก เขาเลยมักไม่ค่อยปฏิเสธยามอีกฝ่ายโทรมาขอร้องให้ช่วย แม้จะไม่พูดออกมา แต่ธนัทก็รู้เช่นกัน และมักจะคิดว่า คนหล่อ ๆ ขนาดนี้ มัวไปเก็บตัวซ่อนในสำนักพ่อปู่มันเสียของ

    เพราะคิดแบบนั้น ธนัทเลยมักหาเรื่องลากเจ้าเพื่อนจอมสมถะ ให้ออกมาโชว์ตัวอยู่บ่อย ๆ ยิ่งเห็นหน้ามุ่ย ๆ ของคนไม่เคยอยากดัง ทั้ง ๆ ที่ยิ้มนิดเดียวก็ดังแทบระเบิด เขายิ่งแอบอารมณ์ดี

    ธนัทเป็นเพื่อนกับเจมส์มาตั้งแต่เล็ก เพราะสมัยก่อนเรียนอยู่ที่เดียวกัน รู้จักทั้งบ้านและครอบครัว รวมถึงงานของเจมส์เป็นอย่างดี และแน่นอน สนิทกับเคน กุมารทองของเจมส์ เป็นพิเศษเสียด้วย

    ช่วงที่พ่อของเจมส์ตายไปเป็นช่วงหนึ่งที่เจมส์อยู่ในสถานะลำบากมาก เพราะต้องยืนหยัดด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ ท่ามกลางความสูญเสีย ถึงที่บ้านจะไม่มีใคร แต่เจมส์…ก็ยังมีเพื่อนผี ๆ อยู่อีกหลายตน แม้ธนัทจะมองไม่เห็น แต่เขาก็รู้ได้ว่าที่เจมส์พยายามจะเข้มแข็งขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยเหลือดูแลบรรดาผีเหล่านั้น

    เขาจึงได้ไปขอร้องผู้เป็นพ่อ ซึ่งทำงานเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า ให้ช่วยหางานให้เจมส์ทำ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ยอมรับเงินช่วยเหลือฟรี ๆ มากไปกว่านี้

    และเพราะแบบนั้น เจมส์เลยรับงานพวกนี้อยู่เรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัว ไม่ได้อยากจะโชว์ตัวกับใครเขา ข้อตกลงหนึ่งกับนายจ้างทุกคนจึงเป็นว่า ห้ามเปิดเผยเรื่องส่วนตัว หรือแม้กระทั่งชื่อให้ใครรู้เด็ดขาด ทุกคนจึงรู้แค่ชื่อในวงการของเขาเท่านั้น ความลึกลับของนายแบบคนนี้ จึงเป็นเสน่ห์อีกอย่างของเจ้าตัว ที่ทำให้ใคร ๆ ล้วนแล้วแต่สนใจ

    เพียงแต่ว่าหากเข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวของเขาเมื่อไหร่ อาจโดนคุณผี ๆ ช่วยกันหลอกหลอนจนหัวโกร๋นเสียก่อน ดังนั้นพวกปาปารัสซี่ทั้งหลาย จึงเข็ดหลาบเลิกตามกันเป็นแถว

    “จริงสิเจมส์ วันก่อนคุณประจักษ์บอกฉันว่า มีตำรวจมาหานายถึงที่นี่แน่ะ นายมีปัญหาอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มเข้าเรื่อง เขามาหาเจมส์ในวันนี้ก็เพราะเป็นห่วงถึงเรื่องนั้นนั่นเอง

    เจมส์มองหน้าเพื่อนอย่างซาบซึ้งใจ เขารู้ดีเช่นกันว่าธนัทนั้นเป็นห่วงเขาเสมอ และมักจะหาทางช่วยทุกครั้ง แต่คราวนี้ มันเป็นปัญหาของเขาเอง ซึ่งเขาไม่ต้องการลากใครมาเดือดร้อนด้วย

    “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”

    “งั้นเหรอ นั่นสินะ อย่างนายจะไปมีปัญญาไปจี้ปล้นใคร ถ้าเรื่องลวนลามค่อยว่าไปอย่าง” เขาว่าพลางหัวเราะ

คนฟังหน้ามุ่ย “ฉันเคยลวนลามใครที่ไหน ถึงช่วงนี้จะอยากอยู่ก็เถอะ”

“เฮ้ย นั่นฉันพูดเล่นนะ หรือพักนี้นายเจอใครที่จะเป็นตัวจริง?” ธนัทพูดขึ้นอย่างผิดคาด เขารู้ว่าเพื่อนนั้นเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย และขี้เล่นอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นแค่เพียงเปลือกนอก ที่ไว้ใช้กลบเกลื่อนความในใจของตัวเองต่างหาก น้อยคนนักจะรู้ ว่าเป็นเช่นนี้

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เจมส์ก็ไม่ได้คบกับใครยืดเลย นั่นเป็นเพราะเจ้ากุมารทองตัวน้อยที่หวงพ่อ เลยมักชอบแกล้งคนที่พยายามจะเข้าใกล้ โดยเฉพาะกับสาว ๆ ที่เจ้าตัวไม่ถูกใจ

“ก็แค่…เจอคนที่ถูกใจเท่านั้นแหละ” ชายหนุ่มสารภาพ กับเพื่อนคนนี้ เจมส์รู้ดีว่าสามารถบอกได้ทุกอย่าง ธนัทเป็นคนดีที่เปิดเผยและไว้ใจได้ และเขาก็ชอบนิสัยนี้มากเสียด้วย เวลามีปัญหาอะไร ธนัทจึงเป็นที่ปรึกษาชั้นดีได้เลยทีเดียว

คนฟังอึ้งไปเป็นครู่ ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ งั้นเรอะ แหม ชักอยากเห็นคน ๆ นั้นซะแล้ว”

“ไม่เห็นขำสักหน่อย ฉันชอบเขาข้างเดียวต่างหาก” เจมส์บ่นพึมพำ ด้วยสีหน้าที่ออกจะเศร้านิด ๆ จนธนัทชะงักรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

“เออ จริงสิ วันนี้นายว่างแล้วใช่มั้ย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ไม่ได้เจอตั้งนาน มีเรื่องคุยเยอะเลย”

    คนถูกถามกลับดูซึมหนักกว่าเก่า เพราะแอบเผลอใจอยากจะไปชวนใครบางคนกินข้าวเพื่อง้อให้หายโกรธ แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้ จนกว่าเขาจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

    เจมส์หันไปพยักหน้ารับด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก “อืม เอาสิ ฉันไม่มีอะไรจะทำ จนกว่าจะถึงตอนเปิดตำหนักเย็น ๆ นั่นแหละ”

    ธนัทฟังแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะชักชวนเจมส์ไปยังร้านโปรดที่พวกเขาชอบไปทานอาหารกันเป็นประจำสมัยเรียนด้วยกัน



    ร้านอาหารร้านนั้นเป็นร้านเล็ก ๆ ที่ตกแต่งน่ารักสบาย ๆ ตามประสาเจ้าของเป็นคนรักต้นไม้ ภายในร้านจึงมีกระถางดอกไม้เล็ก ๆ อยู่แทบทุกซอกทุกมุมของร้าน และล้วนแต่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ดอกไม้มักทำให้จิตใจคนผ่อนคลาย และสิ่งนั้น จะลงลึกไปถึงจิตวิญญาณที่จะสงบและมีความสุขได้

ดังนั้นเจมส์จึงชอบมาที่นี่บ่อย ๆ ในตอนเด็ก แม้ตอนนี้จะมีภาระหน้าที่การงานมากขึ้น จนไม่ได้มาบ่อย ๆ อีก แต่เขาก็ชอบที่จะแวะมา เจ้าของร้านเป็นคู่สามีภรรยาที่เป็นกันเองและใจดีมาก ทั้งสองจำเจมส์กับธนัทได้เป็นอย่างดี จึงมีการพูดคุยรำลึกความหลังกันเป็นที่สนุกสนาน

ขณะที่กำลังคุยกัน เจมส์ก็ขอตัวไปห้องน้ำ หากระหว่างกำลังเดินไป เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตาเข้า

เพียงแค่ได้เห็นเขาก็แอบใจเต้น คน ๆ นั้น…ที่เขาคิดจะไปง้อมาตลอดทั้งวันนี้แล้ว เพียงแต่พยายามอดทนไม่ยอมไป

เจ้าเคนที่ตามเขามาก็เห็นเช่นกัน เด็กน้อยพึมพำอย่างยินดี “นั่นคุณตำรวจนี่ฮะพ่อ เราไปทักเขากันเถอะ”

    ชายหนุ่มก้าวเข้าไปอีกก้าวอย่างลืมตัว ก่อนจะชะงัก เพราะเห็นใครอีกคน ที่ฝั่งตรงข้าม

    ร่างสูงดูมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ในชุดตำรวจเช่นเดียวกัน กำลังพูดคุยอย่างสนิทสนม ใบหน้าสวยแย้มยิ้มรับดูเป็นธรรมชาติแบบที่นาน ๆ จะยิ้มให้เขาสักที เวลาลืมตัวเท่านั้น

    ปกติปวินต์เป็นคนระมัดระวังในการแสดงออกมาก ๆ แต่ในวันนี้ กลับมีรอยยิ้มแบบนั้น…กับคนที่ไม่ใช่เขา

    รู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เจมส์หันหลังให้ ทำทีจะก้าวจากไป หากถูกเด็กน้อยเรียกไว้เสียก่อน

    “พ่อฮะ แย่แล้ว ผมรู้สึกว่า…มีอะไรชั่วร้าย อยู่ในแก้วน้ำของคุณตำรวจ!”

    “อะไรนะ!” ชายหนุ่มหันกลับมาทันที แล้วลอบมองอย่างระมัดระวังกว่าเดิม

    ร่างเล็กที่มีเพียงเจมส์ที่มองเห็นพยักหน้ารับ “คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ใส่อะไรบางอย่างลงในแก้วน้ำนั่นฮะ เป็นของที่ชั่วร้ายมากด้วย”

    “ยาสั่งงั้นเรอะ!” เสียงชายหนุ่มถามเสียงแผ่วอย่างตกใจ

    เด็กน้อยพยักหน้ารับ เจมส์อึ้งไปเล็กน้อย เขารู้ดีว่าถ้าเป็นยานอนหลับ หรือยาทั่วไป เคนย่อมไม่รู้แน่ ว่ามีการใส่ลงไป

    แต่ยาสั่ง เป็นยาอันชั่วร้าย ที่ผ่านการปลุกเสกและทำคุณไสยมา

    ไม่แปลกที่กุมารทองอย่างเคนจะรู้สึกได้!

    ชายหนุ่มรีบก้าวยาว ๆ เข้าไปที่ข้างโต๊ะนั้นในทันที


(TBC)

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #112 เมื่อ15-07-2011 16:38:05 »

จิ้มๆๆๆๆ

โห คนกันเอง ทำกันได้เนาะ
พี่เจมส์ช่วยน้องวินด์ด่วนๆ

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #113 เมื่อ15-07-2011 16:47:04 »

อ้าวคุณอา ทำไมทำแบบนี้อะ ดูน่าจะไว้ใจได้แท้ๆ  :angry2:
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #114 เมื่อ15-07-2011 16:56:41 »

 :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #115 เมื่อ15-07-2011 18:50:10 »

อ๊ากก เจมส์รีบช่วยด่วน
แล้วว่าแต่คุณตำรวจจะเชื่อไหมนะเนี่ย

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #116 เมื่อ15-07-2011 19:04:51 »

โชคดีของวินนะเนี่ยที่เจมส์มาเจอเสียก่อน ช่วยให้ได้นะคะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #117 เมื่อ15-07-2011 19:22:22 »

สารวัตรคนใหม่เป็นคนของฝ่ายดำรึ ถึงได้ทำอะไรอุบาทว์แบบนั้น

ออฟไลน์ คนริมคลอง

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-1
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #118 เมื่อ15-07-2011 20:05:03 »

อ้าวๆๆๆ บ่ะแล้วกัน ทำงี้ได้ไง น้องเคนจัดการโดยด่วน


ออฟไลน์ zeit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
«ตอบ #119 เมื่อ15-07-2011 20:46:24 »

ยาสั่งมีฤทธิ์เป็นไงหรอค่า??
ผลที่ได้จะทำให้เกิดอะไร แลถจะต้องถอนยังไงค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด