สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นตามที่อาม่าได้บอกไว้ ทันทีที่ขาขวาผมก้าวออกจากศาลาโรงฉันท์ สายฝนที่โปรยปรายอย่างหนัก กลับหยุดสงบในทันทีทันใด การหยุดสนิท เปรียบเทียบได้ว่า เหมือนใครสักคนปิดมอเตอร์สูบน้ำ มากไปกว่านั้น สายฝนที่หยุดสนิททันทีทันใด ก็ปรากฎซึ่งแสงแดดของพระอาทิตย์ สาดส่องเข้ามาภายในวัด ซึ่งนั่นทำให้ผมประหลาดใจถึงขีดสุด และที่สำคัญแด๊ด มัม พ่อกับแม่ ต่างก็หันมามองสบตากับตัวผม เหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายนี้ ก็เรียกเสียงฮือฮากับทุกคนในขบวนแห่นาคเช่นกัน
โห่วฮีโห่วๆๆ ฮิ้วววววว เสียงขบวนกองยาวและกองรำด้านหน้า ต่างเพิ่มความสนุกสนานเต็มที่ เพราะตอนนี้อากาศโปร่งใสมาก ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกดีไปตามๆ กัน
“เป๊บเชื่อแล้วว่า แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้จริงๆ”
เป๊บเอี้ยวตัวมาและพูดแซวผม
“เกินไปเป๊บ เป็นจังหวะบังเอิญมากกว่า”
“ไม่หรอกครับ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปและถูกกำหนดไว้แล้ว”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเป๊บอีก เพราะในใจตอนนี้มันรู้สึกอิ่มเอิบและปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก
ขบวนแห่นาคเวียนรอบโบสถ์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่รอบที่สามซึ่งจะเป็นรอบสุดท้ายก่อนที่จะนำตัวนาคเข้าไปในโบสถ์
“ตั้งใจบวชศึกษาพระธรรมนะครับ ในเพศฆราวาส เป๊บมาส่งสุดทางได้แค่นี้ เจอกันอีกครั้งหลังจากสึกเข้าสู่เพศฆราวาสนะครับ”
ประโยคที่เป๊บพูด ในตอนแรกผมไม่เข้าใจ จนกระทั่งมาเข้าใจในภายหลังว่า ความหมายของเป๊บคือ เมื่อผมเข้าไปในโบสถ์เข้าสู่พิธีการบวชสวมจีวรแล้ว สำเนียงการพูดคุย การวางตัว จะแปรเปลี่ยนเป็น ฆราวาสกับพระภิกษุ จะไม่สามารถทำอะไรเหมือนเดิมได้ครับ
ขบวนแห่นาคเวียนรอบโบสถ์ครบสามรอบ ลุงมัคทายก ก็นำผมพร้อมด้วย แด๊ด มัม พ่อและแม่ ไปทำพิธีสวดขอขมากรรมหน้าพัธสีมาตรงประตูโบสถ์ หลังจากนั้นก็โปรยกัมพฤกษ์ โปรยเสร็จเรียบร้อย ลุงมัคทายกก็เดินนำผมไปยังทางเข้าโบสถ์ และนั่นก็ทำให้ผมได้เข้าใจว่า เพราะเหตุใด เบิดกับโอ๊ตถึงมายืนคอยตรงนี้
“พ่อนาค หลังจากเพื่อนยกตัวลอยขึ้นให้เอามือขวาเตะขอบประตูบนโบสถ์สามครั้งนะ” ลุงมัคทายกแนะนำผม
ผมหันไปสบตาเบิดกับโอ๊ตที่แสดงแววตายินดีและดีใจอย่างมาก
“เพื่อนนาค ส่งได้แค่นี้นะ เจอกันหลังสึก” โอ๊ตบอกพร้อมยิ้ม
“ตั้งใจศึกษาพระธรรมนะ แผ่บุญมาให้ด้วย” เบิดแซว
ทั้งสองคนประสานมือกันอุ้มผมลอยตัวขึ้น ผมเอื้อมมือขวาแตะประตูโบสถ์สามครั้ง หลังจากนั้นลุงมัคทายก ก็นำผมเขาไปในโบสถ์
ภายในโบสถ์ มีท่านเจ้าอาวาสนั่งเป็นประธานตรงกลางท่ามกลางคณะสงฆ์ ขวามือท่านเจ้าอาวาสเป็นพระอาจารย์ ซ้ายมือ รองเจ้าอาวาส และที่เหลือเป็นพระภิกษุที่มาร่วมชุมนุมเพื่อเป็นสักขีพยานในการบวชครั้งนี้
“คุณพ่อคุณแม่ครับ หลังจากที่นาคได้เริ่มกล่าวคำขอบวชอุปสมบท ผมจะให้สัญญานเมื่อนาคหันตัวกลับมา คุณพ่อคุณแม่ยกชุดผ้าไตรจีวรมอบให้กับนาคนะครับ”
ผมได้ยินที่คุณลุงมัคทายกนัดแนะพ่อกับแม่ ผมกวาดสายตามองไปรอบ พ่อกับแม่นั่งอยู่ข้างหลังผมซึ่งห่างไปไม่มากนัก แล้วตามด้วยแด๊ด มัม อาม่า เพื่อนๆ และเป๊บ สำหรับญาติพี่น้องและคนอื่นๆ ต่างก็นั่งกระจายๆ กันไปตามพื้นที่ว่างในพระอุโบสถ
“พ่อนาค เมื่อพร้อมแล้ว ก็เอ่ยคำขออุปสมบทได้เลยนะ” พระอาจารย์ท่านบอกกับผม
ความรู้สึก ณ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก มันเป็นอะไรที่อธิบายยาก ราวกับว่า ผมคงต้องบอกลาชีวิตเพศฆราวาสชั่วคราว ไปสู่ เพศบรรพชิต โลกใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผมหันกลับไปมองสบตากับเป๊บเป็นครั้งสุดท้าย เป๊บยิ้มให้พร้อมกับชูนิ้วส่งสัญญานว่า เริ่มได้แล้ว ผมสูดหายใจลึกๆ ตั้งสติ กำหนดสมาธิ แล้วเปล่งเริ่มเปล่งคำขออุปสมบท
เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ......
“เปรี้ยงงงงง ครืนนนนน...ซา....หวิ้วววววววว”
เสียงฟ้าร้องคำรามขึ้น พร้อมกับฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมพัดเข้ามาในพระอุโบสถ จนข้าวของไหวปลิวไปตามแรงลม และนั่นก็ทำให้ผมสติหลุด หยุดคำกล่าวอุปสมบททันที
“ไม่เป็นไรโยมพ่อนาค คนมีบุญมากได้บวช เทพเทวดาปลื้มปิติดีใจ ย่อมเป็นธรรมดาเช่นนี้ ฝากท่านอุดมด้วยนะ”
ท่านเจ้าอาวาสบอกกับผมเพื่อให้คลายความตกใจ เมื่อสิ้นคำที่ท่านเจ้าอาวาสบอกกับพระอาจารย์ พระอาจารย์ท่านก็หลับตา ไม่ถึงสามวินาที กระแสลมและเม็ดฝน ก็หยุดทันที
“โอเคนะครับ เจ้านาค เริ่มพิธีใหม่อีกครั้งนะครับ” ลุงมัคทายกเห็นว่า เหตุการณ์รอบตัวสงบเป็นปกติ เลยบอกให้ผมให้เริ่มใหม่
ผมตั้งสติ เรียกสมาธิกลับคืนมา แล้วเริ่มกล่าวเปล่งวาจาบทขออุปสมบทอีกครั้ง ด้วยเสียงที่ดังและกังวานมากกว่าเดิม
เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทังฯ
ทุติยัมปาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต,ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทังฯ
ตะติยัมปาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวินะเยปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทังฯ
อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ, อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตวา, ปัพพาเชถะ มัง ภันเต, อะนุกัมปัง อุปาทายะฯ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ, อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตะวา, ปัพพาเชถะ มัง ภันเต, อะนุกัมปัง อุปาทายะฯ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ, อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตะวา, ปัพพาเชถะ มัง ภันเต, อะนุกัมปัง อุปาทายะฯ
ผมกล่างบทขออุปสมบทท่อนแรกด้วยเสียงดัง กังวาน ชัดเจน ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในพิธีอุปสมบทต่างนั่งนิ่งเงียบ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ดูทุกคนใจจดจ่อกับการที่ได้มองตัวผมกล่าวคำขออุปสมบทอย่างมาก
“เจ้านาค หันตัวกลับมารับผ้าไตรจีวร พร้อมเครื่องอัฐบริขาร.....คุณพ่อคุณแม่เมื่อเจ้านาคหันมาตรงหน้าแล้ว วางผ้าไตรลงตรงมือเจ้านาคนะครับ”
ผมค่อยๆ หันตัวกลับมา ก็เห็นพ่อกับแม่ ถือชุดผ้าไตรจีวร มีแด๊ด มัม อาม่า และเพื่อนๆ รวมถึงเป๊บ บ้างก็แตะที่มือพ่อกับแม่ บ้างก็แตะที่หลัง ที่เอว ต่อยาวไปตามๆ กัน วินาทีนั้น ผมมองหน้าพ่อกับแม่ เห็นท่านดวงตาแดงก่ำ พ่อกับแม่คงดีใจและปลื้มมากมากที่เห็นผมบวชให้ ผมมองอาม่า ท่านก็มีสีหน้าที่อิ่มเอิบดีใจ มองไปที่เพื่อนๆ ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะฉัตรที่ดูเหมือนจะปลื้มมากที่สุด สำหรับเป๊บผมไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าเลยครับ กลัวใจไม่มีสมาธิ
พ่อกับแม่วางผ้าลงบนแขนที่ผมกำลังพนมมือ เมื่อผ้าวางลงบนแขน ก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นหนึ่งครั้งจนทุกคนในพระอุโบสถต่างส่งเสียงอื้ออึงเบาๆ
“พ่อนาค ค่อยๆ หันตัวกลับมา ประเคนชุดผ้าไตร ให้ท่านเจ้าอาวาสนะครับ”
ผมค่อยๆ หันกลับมาประเคนชุดผ้าไตรจีวรและเครื่องอัฐบริขารต่างๆ ให้ท่านเจ้าอาวาส ท่านรับประเคนพร้อมกับให้คำสอนที่พระพุทธองค์เคยตรัสสอนกับผู้ที่อุปสมบทใหม่ คำสอนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของอานิสงส์ที่ได้จากการบวช พ่อแม่จะได้บุญอย่างไร และก็ขอให้ตั้งใจศึกษาพระธรรม
“ขอให้พ่อนาคกล่าวคำตามอาตตมาทีละบทโดยอนุโลม (กล่าวไปข้างหน้า) และปฏิโลม (กล่าวทวนย้อนหลัง) ไปตามลำดับ”
เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ (อนุโลม)
ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา (ปฏิโลม)
หลังจากที่ท่านเจ้าอาวาสกล่าวเสร็จ ท่านก็ดึงผ้าอังสะออกจากชุดผ้าไตร มาสวมให้ผม แล้วเอ่ยปากให้พระอาจารย์กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปช่วยผมครองชุดผ้าไตรจีวร
พระอาจารย์ลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับพระภิกษุสองรูป เป๊บก็เดินนำพาผมไปด้านหลังพระอุโบสถ จะมีช่องว่างขนาดไม่ใหญ่มาก เพียงพอกับเป็นสถานที่ในการครองผ้าจีวร พระอาจารย์และพระอีกสองรูป ต่างก็ช่วยครองผ้าจีวรให้กับผมโดยมีเป๊บคอยส่งผ้าแต่ละส่วนให้
ใช้เวลาไม่นานนัก การครองผ้าเสร็จเรียบร้อย
“มาครึ่งทางแล้วนะ อีกนิดเดียวจะครบพิธีอย่างสมบูรณ์แล้ว ตั้งสติให้มั่นนะ”
ผมพยักหน้าให้กับพระอาจารย์ ในขณะที่เป๊บมองผมด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มมาก
ผมเดินกลับเข้ามาในพิธีด้วยการครองผ้าไตรจีวรอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกคนในพิธีต่างมองผมด้วยความตกตะลึง มีเสียงอื้ออึงเบาๆ แต่คำที่จำได้แม่น คือ ผ่องมาก
ผมนั่งคุกเข่ากราบเจ้าอาสาวในฐานะพระอุปัชชา สามครั้ง พร้อมรับเครื่องสักการะ แล้วกล่างเปล่งวาจาต่อว่า
อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิฯ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิฯ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิฯ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ (ว่า 3 หน)
เอวัง วะเทหิ
อามะภันเต
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง
อามะ ภันเต
ปาณาติปาตา เวระมะณี
อะทินนาทานา เวระมะณี
อะพรัหมจะริยา เวระมะณี
มุสาวาทา เวระมะณี
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี
วิกาละโภชะนา เวระมะณี
นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา เวระมะณี
มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี
อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี
ชาตะรูปะระชะตะปฏิคคะหะณา เวระมะณี
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิฯ
อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิฯ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิฯ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิฯ
อุปัชฌาโย เม ภันเต, โหหิ
พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า โอปายิกัง, ปะฏิรูปัง, ปาสาทิเกนะ สัมปาเทหิ
สาธุ ภันเต
อัชชะตัคเคทานิ เถโร, มัยหัง ภาโร, อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโรฯ (ว่า 3 หน) เสร็จแล้วกราบลง 3 ครั้ง
อะยันเต ปัตโต อามะ ภันเต
อะยัง สังฆาฏิ อามะ ภันเต
อะยัง อุตตะราสังโค อามะ ภันเต
อะยัง อันตะระวาสะโก อามะ ภันเต
ถาม ตอบ
1. กุฏฐัง นัตถิ ภันเต
2. คัณโฑ นัตถิ ภันเต
3. กิลาโส นัตถิ ภันเต
4. โสโส นัตถิ ภันเต
5. อะปะมาโร นัตถิ ภันเต
ถาม ตอบ
1. มะนุสโสสิ อามะ ภันเต
2. ปุริโสสิ อามะ ภันเต
3. ภุชิสโสสิ อามะ ภันเต
4. อะนะโณสิ อามะ ภันเต
5. นะสิ ราชะภะโฏ อามะ ภันเต
6. อะนุญญาโตสิ มาตาปิตูหิ อามะ ภันเต
7. ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ อามะ ภันเต
8. ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง อามะ ภันเต
ถาม ตอบ
กินนาโมสิ อะหัง ภันเต (1) กตปุญโญ นามะ
โก นามะ เต อุปัชฌาโย อุปัชฌาโย เม ภันเต
อายัสสะมา (2) วิริทโย นามะ
พระคู่สวดจะกลับเข้ามาสวดขอเรียกอุปสัมปทาเปกขะเข้ามา อุปสัมปทาเปกขะพึงเข้ามาในสังฆสันนิบาต กราบลงตรงหน้าพระอุปัชฌาย์ 3 ครั้ง แล้วนั่งคุกเข่าประนมมือเปล่งวาจาขออุปสมบท ดังนี้
สังฆัมภันเต, อุปะสัมปะทัง ยาจามิ, อุลลุมปะตุ มัง ภันเต, สังโฆ อะนุกัมปัง อุปาทายะฯ
ทุติยัมปิ ภันเต, สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ, อุลลุมปะตุ มัง ภันเต,สังโฆอะนุกัมปังอุปาทายะฯ
ตะติยัมปิ ภันเต, สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ, อุลลุมปะตุ มัง ภันเต,สังโฆ อะนุกัมปังอุปาทายะฯ
พิธีอุปสมบทเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์เรียบร้อย ลุงมัคทายกแจ้งนิมนต์พระทุกรูปรับภัตตาหารเพลเพื่อฉลองพระใหม่ รวมถึงแจ้งทุกคนให้ไปร่วมใส่บาตรพระใหม่ที่โรงฉันท์ ในช่วงเวลานั้นภายในโบสถ์จะมีเพียงแค่ญาตพี่น้องและผองเพื่อนอยู่ร่วมถ่ายรูปกับพระใหม่ ที่มีฉายาว่า กตปุญโญ (กะตะปุญโญ แปลว่า ผู้มีปัญญาดุจแสงสว่าง) ซึ่งนั่นคือ ฉายาที่ผมได้รับ
ทุกคนมาร่วมกันถ่ายรูปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานมาก มีเพียงแต่ผมที่กลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด เป็นอารมณ์ที่นิ่งเฉยไปโดยอัติโนมัติ ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรเหมือนกัน
“นิมนต์พระใหม่ที่โรงฉันท์นะครับ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะล่วงไปก่อนนะครับ” พ่อบอกกับผมแล้วเดินออกไปพร้อมกับญาติๆ ปล่อยให้ผมอยู่กับเพื่อนๆ
“เอ่อ ท่านดูผ่องใสมากเลยนะคะ” ฉัตรก้มกราบพร้อมเอ่ยชม
“เจริญพรนะโยม” ไม่ค่อยชินเลยไม่กล้าตอบอะไรมาก
“งั้นนิมนต์ท่านไปโรงฉันท์นะครับ เอ้ยพวกเราไปใส่บาตร” เป๊บบอกกับผมและทุกคน
ผมเดินมายังที่โรงฉันท์ด้วยลักษณะแบบสำรวม โดยมีเพื่อนๆ เดินตามมาแบบห่าง และเป๊บก็ช่วยถือย่าม โรงฉันท์ดูครึกรื้นพอสมควร เพราะมีแขกของพ่อกับแม่ มาเป็นส่วนใหญ่ สำหรับแด๊ดและมัม ก็มีแขกที่สนิทมาบ้าง แต่โดยภาพรวมคนเยอะมากพอสมควรครับ
เป๊บพาผมไปนั่งยังจุดที่รับบิณฑบาต ท่านเจ้าอาวาสและพระภิกษุทุกรูป เริ่มสวดบท ชยันโต เป็นการส่งสัญญานให้ทุกคนรู้ว่า การตักบาตรพระใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นการตักบาตรพระใหม่ พระอาจารย์ก็ได้พาไปนั่งร่วมฉันท์ภัตตาหารกับคณะพระภิกษุรูปอื่นๆ ทั้งที่บวชมานานบ้างหรือพระใหม่ที่บวชก่อนหน้าไม่กี่วัน ในช่วงเวลานั้นยอมรับเลยครับว่า วางตัวไม่ถูกและมีความเกร็งอย่างมากด้วยเหตุที่ไม่รู้ว่า การสำรวมในแบบของพระภิกษุทำต้องทำอย่างไรถึงจะไม่อาบัติ หรือผิดพระธรรมวินัย
“ท่านทำตัวตามสบายนะ ไม่ต้องเกร็ง อยู่ในอาการสำรวมเป็นพอ”
พระอาจารย์ให้คำแนะนำ ทำให้ผมรู้สึกลดความเกร็งลงไปได้บ้าง สำหรับเป๊บหลังจากทานข้าวเสร็จ ก็เดินมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูแลว่ามีอะไรที่ขาดตกบกพร่องไปบ้าง
หลังจากฉันท์ภัตตาหารเสร็จเรียบร้อย พระอาจารย์ได้พาผมไปยังกุฎิเพื่อดูว่าจะต้องนอนจำวัตรที่ไหน ยังไง อย่างไร รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ปลีกย่อยที่จะต้องทำในฐานะกิจของพระสงฆ์ ในเวลาไม่นานนัก พ่อกับแม่ แด๊ด มัม เป๊บ เพื่อนๆ พี่ๆ และรวมถึงทุกคน ได้มาล่ำลาที่กุฎิเพื่อกลับไปพักผ่อน
“พ่อกับแม่และทุกคนต้องกลับก่อน หากต้องการหรือขาดเหลืออะไร ท่านบอกจิมได้นะครับ” พ่อกล่าวลา
“ได้ครับโยมพ่อ เหนื่อยมากแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะครับ”
“ท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม ฝากบอกเจ้าเป๊บมาได้นะครับ” แด๊ดกล่าวย้ำกับผม
“ได้ครับโยมแด๊ด”
“ท่านคะ พี่กราบละนะคะ” พี่สาวลูกอาม่ากล่าวลา
“พะคุงเจ้า อาม่าลาละน้า”
“เจริญพรครับโยมพี่โยมอาม่า เดินทางกลับปลอดภัยนะครับ”
“ท่างผ่องใสมากน้า เทพเทวดามากังเยอะมากมายเลยน่า อนุโมทนาบุงด้วยน้า”
“สาธุบุญครับโยมอาม่า ขอให้สุขภาพแข็งแรงๆ นะครับ”
พวกเราทุกคนส่งอาม่าขึ้นรถ
“อาม่าลาทุกๆ คงน้า อนุโมทนาบุงน้า”
“ครับอาม่าเดินทางปลอดภัยครับ”
รถอัลพาร์ดที่ไปส่งอาม่าเคลื่อนตัวออกจนลับสายตาไป
“ช่วงสามวันแรกอาตมาอยากได้โยมพ่อโยมแม่หรือคนสนิทได้มาร่วมตักบาตรทุกเช้า พอสะดวกไหม” พระอาจารย์ถามพ่อกับแม่
“เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วครับพระอาจารย์ จะต้องมาถึงวัดเวลาใดครับ”
“อาตมาจะนำพระใหม่ออกบิณทบาตร ราวๆ ตีห้าครึ่ง โยมมาคอยตรงประตูทางเข้าวัดสักประมาณหกโมงเช้าได้นะ”
“ได้ครับ”
“โยมกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะต้องมาเช้าอีก จะได้ไม่เหนื่อยมาก” พระอาจารย์กล่าวส่งทุกคน
“งั้นกราบนมัสการลานะครับพระอาจารย์ นมัสการลาครับท่าน”
“เจริญพรโยมพ่อโยมแม่และทุกคน”
“เป๊บจะกลับพร้อมกันไหมลูก” แด๊ดหันไปถามเป๊บ
“เดี๋ยวเป๊บกลับพร้อมฉัตรก็ได้ครับ แด๊ดกับมัมกลับก่อนได้เลย”
คณะผู้ใหญ่เดินทางกลับก่อนล่วงหน้า เหลือเพียงแต่เป๊บและกลุ่มเพื่อนๆ ที่ยังอยู่หน้ากุฎิ
“พวกโยมคุยกันตามสบายนะ แต่ระวังโยมเพื่อนผู้หญิง ห้ามเข้าใกล้พระใหม่เด็ดขาดนะ”
“ค่ะพระอาจารย์ หนูจะไม่ย่างกรายเข้าไปเด็ดขาด”
ฉัตรพูดติดตลกทำให้ทุกคนรวมถึงพระอาจารย์ตลกขบขันไปตามๆ กัน
“เออนี่ท่าน รู้หรือยังว่าจีวรที่ท่านสวมอยู่ โยมฉัตรเขาตั้งใจถวายมาก มีความพิเศษมากกว่าจีวรอื่นๆ ทั่วไปนะ”
“หา...พิเศษยังไงหรือครับพระอาจารย์” ผมมองหน้าฉัตรสลับกับพระอาจารย์ ฉัตรเองก็ทำหน้าตกใจราวกับว่าไม่คิดว่าพระอาจารย์จะพูดออกมา
“จีวรผลิตจากเนื้อผ้าพิเศษเวลาสวมตอนอากาศร้อนจะรู้สึกเย็นสบาย เวลาสวมตอนอากาศหนาวจะรู้สึกอุ่น ท่านรู้สึกแบบนี้ไหมละ”
จะว่าไปก็จริง เพราะยืนกลางแดดเปรี้ยงๆ รู้สึกเย็นสบายตัว
“จริงครับ”
“โยมฉัตรเขาตั้งใจมาก แถมสั่งไว้ด้วยว่า ห้ามบอกท่านจนกว่าจะได้สวม พอนึกได้ก็เลยบอก...เอาละทำหน้าที่เสร็จแล้ว พวกโยมคุยกันตามสบายนะ” พระอาจารย์ก็เดินขึ้นกุฎิไป
“เป็นความจริงหรือโยมฉัตร” ผมถามฉัตร
ฉัตรไม่ได้ตอบอะไรไปกว่าการยิ้มให้
“จริงครับท่าน ฉัตรสั่งทำจีวรชุดนี้เป็นพิเศษจากประเทศพม่า และบินไปรับมาด้วยตัวเอง ฉัตรบอกว่า อยากทำอะไรให้ท่านสักครึ่งหนึ่งในชีวิต เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่จะหาได้บนโลกนี้” เบิดอธิบายยาว
“แล้วโยมเป๊บก็รู้เรื่องหรือ”
“ใช่ครับ จริงๆ พวกเราทุกคนก็ช่วยเตรียมการ ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์เลยไม่ได้ขัดครับ”
“จริงไม่น่าลำบากขนาดนี้ ราคาคงแพงมาก”
“ชุดละหกหมื่นบาท แพงสำหรับพวกเราครับ แต่สำหรับฉัตรไม่มีขนใดๆ ร่วงลงพื้น” โอ๊ตพูดติดตลก ทำให้ทุกคนได้หัวเราะกัน
“ถวายท่านไปสามชุดนะครับ เผื่อว่าท่านจะต้องไปธุดงภ์ กับพระอาจารย์ จะได้ไม่ลำบากเรื่องอากาศ”
“ขอบคุณโยมทุกคนมากนะ....ขอบคุณโยมฉัตรมากนะ ที่เป็นธุระจัดหาให้ขนาดนี้ บุญใดที่เราทำดีแล้ว ขอให้โยมฉัตรและทุกคน ประสบแต่ความดี สิ่งที่ดี ปราศจากความทุกข์นะ”
“สาธุครับท่าน”
ผมเห็นฉัตรน้ำตาไหล ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว สีหน้าของฉัตรดูอิ่มเอิบ มีความสุข และนั่นก็ทำให้ผมสบายใจ ฉัตรคงสมความปรารถนาตามที่ได้ตั้งใจไว้
“พวกเราทุกคนลาท่านนะครับ พรุ่งนี้จะมาใส่บาตรแน่นอนครับ” เป๊บบอกผม
“เจริญพร เดินทางปลอดภัยนะ”
“กราบนมัสการลาครับ/ค่ะ”
รถอัลพาร์ดมาเทียบรอยังจุดที่ทุกคนยืน เหลือฉัตรขึ้นเป็นคนสุดท้าย
“อนุโมทนาบุญกับท่านนะคะ ขอให้ท่านตั้งใจศึกษาพระธรรม ขาดเหลือสิ่งใดบอกได้ตลอดนะคะท่าน”
“ขอบคุณมากโยมฉัตร อย่าได้กังวลเลย เดินทางกลับปลอดภัยนะ”
“ค่ะ กราบนมัสการลาค่ะ”
รถอัลพาร์ดค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปทางหน้าวัด จนลับสายตา ผมหันกลับมามองที่กุฎิ พลางคิดในใจว่า
“เป็นก้าวแรกของชีวิตเพศบรรพชิตซินะ สัญญาว่าจะตั้งใจอย่างดีที่สุด”