รักวุ่นวายของนายตัวขาวสุดซ่า ตอนอวสาน (THE END) Up 11/5/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักวุ่นวายของนายตัวขาวสุดซ่า ตอนอวสาน (THE END) Up 11/5/62  (อ่าน 514315 ครั้ง)

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 334
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :mew6:ขออนุโมทนาสาธุ กับการกระของน้องโจ้และน้องเป๊บ
สาธุ

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
อ่านจบแล้วรู้สึกซาบซึ้งมาก  :hao5:
ถ้าหลวงปู่ไม่สกัดไว้ เป๊บคงไม่ได้คู่กับโจ้แน่ๆ  :serius2:
ดีแล้วๆ...รอนิพพานไปพร้อมๆ กันเลย  o13

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
อ่านแล้วซาบซึ้งมากๆน้ำตาไหลเลย ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่เล่ามาให้ได้รับรู้
อ่านแล้วบางตอนขนลุกเลย น้องเป็นผู้มีบุญและกระทำดีมามาก
ซาบซึ้งในบุญกิจที่น้องได้กระทำและได้พบเจอ อนุโมทนาสาธุ
พี่ขอเกาะส่วนบุญที่น้องได้สะสมมาตลอดทุกชาติด้วยนะครับ
อนุโมทนาบุญด้วยใจจริง
 :pig4:
รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อครับ
 :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตื่นเต้นมากบอกเลย

เป๊บกับโจ้ได้มีโอกาสกลับไปที่วัดที่สร้างกันมาบ้างไหมคะ

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยจริงๆค่ะ น้ำตาซึม ขอให้น้องทั้งสอง ร่วมกันสร้างบุญบารมีต่อไป พี่ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ รักน้องทั้งสองค่ะ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
สวัสดีวันแม่แห่งชาติค่ะ
ขอให้ทั้งน้องโจ้และน้องเป๊บมีความสุขในวันหยุดยาวค่ะ
  :กอด1:

ปล.รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อค่ะ

ออฟไลน์ habanice

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สวัสดีครับทุกท่าน ผมเป๊บนะครับ นานๆ ได้เข้ามาทักทายสักครั้งหนึ่ง ก็ด้วยเหตุผลเดิมๆ คือ วันนี้ว่างครับ สำหรับในส่วนของวันอื่นๆ นั้นเวลาส่วนตัวแทบจะไม่ค่อยมีเลยครับ

ถ้าถามเหตุผลว่า ทำไมวันนี้ถึงว่าง คงเป็นเพราะวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา พี่ปริมมีคำสั่งให้ปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ทั้งองค์กร รวมถึงอะไรอีกมากมายหลายอย่าง ตามแผนเดิมคาดการณ์ว่าจะเสร็จในวันอาทิตย์ช่วงดึกๆ แต่พอทำจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น คงต้องใช้เวลาเพิ่มเติมอีกสองสามวัน คณะผู้บริหารก็เลยถือโอกาสหยุดพักผ่อน แต่ลูกน้องบางฝ่ายก็ยังคงทำงานนะครับ

ตอนแรกกะจะนอนเล่นตีพุงอยู่ที่คอนโด แต่สำหรับแมวน้ำ นางมีประชุมบอร์ดที่บริษัทของจิม

"เป๊บไม่ไปทำงานหรือ" แมวน้ำถามระหว่างกำลังแต่งตัว

"เมื่อกี้เลขาไลน์มาว่า ระบบที่ปรับปรุงยังไม่เสร็จครับ ถ้าเข้าไปทำงานจะไม่มีแอร์ใช้ เป๊บเลยถือโอกาสหยุด"

"อ้าวไหนว่าจะเสร็จเมื่อคืน"

"ไม่ทันครับ แล้วที่รักจะไปไหน"

"มีประชุมบอร์ดที่บริษัทจิมไง ครึ่งวันเช้า แบบนี้ตอนบ่ายโจ้ไม่ต้องเข้าบริษัทใหญ่อะจิ ไม่มีแอร์ใช้"

"ใช่ครับ ร้อนเปล่าๆ หยุดนอนกลิ้งดีกว่า"

"ก็ดีนะ ว่าแต่เป๊บไม่ได้ไปบริษัทจิมนานแค่ไหนละ" เริ่มมีลางสังหรณ์

"เอ...ก็...สองปี...หรือสาม....จำไม่ได้ครับ น่าจะนาน"

"งั้นไปแต่งตัว เข้าไปประชุมบอร์ด มีหุ้นอยู่นี่" ดังฟ้าผ่ากลางสมอง อยากจะนอนกลิ้ง แต่เมียสั่ง

"ไม่เป็นไรมั้งครับ หุ้นไม่กี่ล้านบาท ที่รักก็ดูให้เป๊บละกัน"

"โจ้ไปกินขนมรอข้างนอกนะ ถ้าแต่งตัวช้า รู้ใช่ปะจะเกิดอะไร" แล้วนางก็เดินออกไปโดยที่ไม่หันมามอง

วันนี้คุณเมียเป็นอะไรเนี่ย ดูหงุดหงิด ไม่ตลกเลย ประจำเดือนมาก็ไม่น่าใช่

ถามว่าผมทำยังไงต่อนะหรือครับ สิบห้านาที เสร็จเรียบร้อย ช้ากว่านี้กลัวตาย  :ling3:

ระหว่างเดินทาง แมวน้ำนั่งเงียบๆ ขรึมๆ ผมเองก็ชวนคุย แต่นางก็ประมาณว่า ถามคำตอบคำ ผมเองก็ไม่กล้าเซ้าซี้มาก เลยนั่งเงียบไปด้วย

มาถึงบริษัทจิม ลงจากรถ เดินเข้าบริษัท ทุกคนต่างยกมือไหว้แมวน้ำ และทำหน้าประหลาดใจมากเมื่อเห็นผม บางคนก็ตกใจ คงไม่คิดว่า กรรมการผู้บริหาร คนนี้จะมาด้วย อย่างว่าครับ นานๆๆๆ จะมาสักครั้งนึง

ด้วยความที่นานๆๆๆ มาสักครั้ง ถึงขั้นที่จิม ออกจากห้องเดินมาต้อนรับกันเลยทีเดียว

"พี่เป๊บ สวัสดีครับ ลมอะไรหอบมาหาผมถึงบริษัทเนี่ย"

ผมไม่ได้ตอบ แต่ทำหน้าโบ้ยไปที่แมวน้ำซึ่งทำหน้านิ่งๆ อยู่ จิมก็ยิ้มแหยๆ ราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

"ประชุมเริ่มกี่โมง" แมวน้ำถามจิม

"สิบโมงพี่ กรรมการใกล้มาครบแล้ว"

"ถ้าครบให้เลขาไปตามพี่ที่ห้องทำงาน" แล้วนางก็เดินเข้าห้องทำงานไป

"จิม วันนี้พี่ชายจิมเป็นอะไร ตื่นมาก็หน้าแบบนี้"

"พี่ยังไม่รู้แล้วผมจะรู้ได้ไงเนี่ย แต่ถ้าให้เดาน่าจะเมื่อวานที่ส่งเอกสารไปให้อ่าน แล้วคงไม่ถูกใจอะไรสักอย่างแน่"

"นึกแล้ว ไม่พ้นเรื่องงานจริงๆ พี่เองก็ไม่รู้จะบอกยังไงนะ ว่าอย่าจริงจังมาก มันจะเครียด"

"เคยห้ามได้หรือพี่ เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ดีที่ช่วงหลังไม่ค่อย shut down เท่านั้นเอง"

"ก็จริง แล้วนี่พี่ต้องเข้าประชุมด้วยหรือเปล่า"

"แล้วแต่ครับ พี่ลองถามเมียพี่ละกันว่าจะให้เข้าหรือเปล่า"

"โอเคๆ จิมไปนั่งสแตนบายรอในห้องประชุมเถอะ"

ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานของแมวน้ำ เห็นนางนั่งเก้าอี้ตรงโต๊ะ หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เหมือนดูวิวอะไรไปเรื่อย

"เอ่อ...ที่รัก เป็นอะไรหรือเปล่า"

"ก็...เหนื่อยนะเป๊บ"

"กับงานที่นี่หรือครับ"

"อื้อ...."

"เกิดอะไรขึ้นละครับ"

"เงินหายไปจากระบบห้าล้าน"

"มีคนโกงหรือ"

"ใช่ วันนี้คงเช็คบิลทีเดียว แต่โจ้เหนื่อยกับความไม่รอบคอบของจิม"

"ที่รัก บางครั้งจิมคนเดียวก็ไม่ไหวนะครับ"

"เข้าใจนะเป๊บ แต่เราเลือกที่จะคุมอาณาจักร เราต้องใช้พลังมากกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า บริษัทนี้พ่อกับแม่สร้างมา ตอนเขาบริหารไม่มีปัญหา พอมารุ่นเราจะมีปัญหาได้ยังไง"

"ที่รักแบ่งเวลามากขึ้นมาช่วยจิมก็ได้นะครับ"

"แล้วใครจะช่วยเป๊บละ"

"เป๊บทำเองได้ ไม่เป็นไร อย่างน้อยที่รักจะได้ไม่เครียดไง"

"เดี๋ยวก็เหมือนเมื่อก่อน ปากบอกว่าไหวๆ พอเป๊บล้มป่วยเป็นยังไงละ สุขภาพใช่ว่าจะดีมากนี่ ป่วยทีนึงโจ้ก็เป็นห่วง"

"ตอนที่รักป่วย เป๊บก็เป็นห่วงนะครับ"

"แล้วฟื้นตัวเร็วมั้ยละ ส่วนเป๊บกว่าจะฟื้นตัวนานกว่ามาก"

อันนี้เป็นความจริงนะครับ คือ จริงๆ ตั้งแต่หนุ่มๆ ผมเป็นคนดูแข็งแรงมากนะครับ แต่ดันเป็นภูมิแพ้ อะไรที่แปลกๆ มา จะเกิดอาการตลอด และนี่คือปัญหาเวลาทำงานหนักจนไม่ดูแลตัวเอง ก็จะป่วยบ่อยครับ

"แล้วให้เป๊บเข้าประชุมด้วยมั้ย"

"ไม่เป็นไรเป๊บ...ที่พามาด้วยเพราะอยากอยู่ใกล้ๆ จะได้มีกำลังใจ"

ไม่บ่อยครั้งนักที่แมวน้ำจะเอ่ยความในใจออกมา เอาเข้าจริงตกใจเหมือนกันนะครับ ตัวผมเองจะสวีทบ่อย แต่แมวน้ำจะน้อยกว่ามาก

ผมเดินเข้าไปหาแมวน้ำ เอามือแตะศรีษะ ก้มลงไปจุ๊บเหม่งทีนึง นางก็เอาศรีษะมาพิงหน้าท้องผมไว้

เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก กลับอยู่ในท่าแบบนั้น ผมเชื่อว่า นี่ก็เป็นกำลังใจให้นางมากแล้วครับ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดัง ผมก็ละตัวออกจากแมวน้ำ

"เชิญ"

"ท่านคะ ท่านประธานให้มาแจ้งว่าพร้อมแล้วค่ะ"

"เดี๋ยวไป"

"ค่ะๆ"

"เป๊บนั่งเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวโจ้เลิกประชุมค่อยไปกินข้าวกัน"

แมวน้ำออกไปจากห้อง ผมก็นั่งพิมพ์ก๊อกแก๊กเขียนเล่าทักทายทุกคนนี่ละครับ

นี่ก็แมวน้ำยังประชุมไม่เสร็จ ผมก็เริ่มหิวข้าวแล้วละครับ ยังไงก็ต้องทน จะไลน์ไปบอกนาง เดี๋ยวนางอาละวาด

ทักทายกันแค่นี้ก่อนนะครับ คิดถึงทุกคนนะครับ ว่างๆ จะมาเล่าอะไรเรื่อยเปื่อยอีกนะครับ

ขอบคุณครับ

Pep  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โถวๆน่าสงสาร กินไรรองท้องไปก่อนนะ
ว่าแต่ป่านนี้แล้ว คงประชุมเสร็จแล้วล่ะเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
 :mew1:ขอบคุณหนุ่มเป๊บที่แวะมาทักทายให้หายคิดถึงนะคะ ยังไงก็เอาใจแมวน้ำหน่อยนะจ๊ะ จุ๊บ จุ๊บ :mew1:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
เราเป็นเจ้าของ​ต้อง​เหนื่อย​กว่าลูกน้อง​เสมอ​ สู้​ๆนะคะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
เป็นกำลังใจให้น้องโจ้ ทุกอย่างมีทางแก้
ค่อยๆแก้ไปนะคะ
น้องเป็ปพาน้องโจ้ไปชาร์ตแบตหน่อย
คิดถึงนะคะ
 :mew1:


ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
วันนี้น้องโจ้ดีขึ้นหรือยัง
เป็นกำลังใจให้อีกแรงครับ
สู้ ๆ นะ :mew1:

ออฟไลน์ nepjun366

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นกำลังใจให้อีกแรงนะค่ะพี่โจ้ พี่เป๊ป
สู้ๆ นะค่ะ พักผ่อนกันบ้างนร้าาา

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
 :L2:
 :L2:
 :L2:
น้องโจ้สู้สู้ นะคะ
คนเก่งของเรา
รักนะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ lipure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เคยเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ตอนที่พี่ๆแต่งยังไม่จบคะ จำได้ว่าน่าจะสักสองสามปีที่แล้ว

ซึ่งก็เกือบลืมเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว แล้วมะสามสี่วันก่อนได้มาอ่านใหม่อีกรอบ รวดเดียวจบแทบไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว 55

แต่ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านจนจบ ช่วงครึ่งหลังๆก็มีพี่เป๊บมาทอล์คถึงพี่โจ้ด้วย

ชอบมากเลยเรื่องนี้ ถือได้เป็นท้อปทรี ของนิยาย(เรื่องจริง)ที่หนูได้อ่านมาเลย

เรื่องนี้มีความสนุก น่ารัก ความหวานของพี่ๆ และที่สำคัญมีธรรมมะด้วย อ่านเรื่องไหนๆ นี่ไม่เคยเจอธรรมมะเลย

แทบอยากจะไปบวชกันเลยทีเดียว

ขอบคุณพี่ๆที่เขียนเรื่องดีๆให้ได้อ่านนะคะ จะติดตามพี่ๆต่อไป

และเอาใจช่วยความรักของทั้งคู่

เข้ามาอัพเดทบ่อยๆนะคะ :L2: :L2: :L2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2018 19:05:22 โดย lipure »

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สวัสดีค้าบบบบบ หายไปนานร่วมเดือน 5555+ ข้ออ้างแบบเดิมๆ คือ งานเยอะมากกกก

วันนี้นำตอนใหม่มาลงแล้วนะคับ ตอนแรกคิดไว้ว่า จะเขียนให้เป็นตอนอวสาน แต่กลายเป็นว่า เขียนเล่าให้มีรายละเอียดเพิ่มหน่อยดีกว่า เลยแบ่งเพิ่มอีกตอนละกันนะคับ

สำหรับตอนต่อไปจะเป็นตอนอวสานจริงๆ แล้วอ่า ใจหายเหมือนกัน เขียนมานานมาก แต่วันหนึ่งทุกอย่างก็ต้องจบและเป็นตำนานไปนะคับ

ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินกับตอนนี้น้า อ่านแล้วรู้สึกยังไง มาเม้นๆ ด้วยน้า รักทุกคนเลยยย  :mew1: :mew1: :mew3: :mew3:


ตอนที่ 62 ขอแต่งงาน
   ล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่สองของการลาสิกขาจากเพศบรรพชิต ชีวิตของผมเปลี่ยนไปมากครับ อะไรที่เคยทำก็ไม่ทำ อะไรที่ไม่เคยทำกลับทำได้ เช่น การใช้ชีวิตประจำวัน จากเดิมเป็นคนที่กินยาก จุกจิก มีความเป็นอยู่ที่เป็นระเบียบมากเกินไป ก็แปรเปลี่ยนกลับกันตรงกันข้าม กินง่าย อยู่ง่าย ผ่อนคลายความจุกจิกลงไปมาก อะไรที่มองผ่านได้ก็ข้ามไป
   ในส่วนของเป๊บ ก็ขับรถไปกลับระหว่างบ้านของผมกับบ้านใหญ่ทุกวัน คำถาม คือว่า ทำไมเป๊บถึงไม่นอนค้างที่บ้านของผมหรือพาผมไปค้างที่บ้านใหญ่ เหตุผลก็คือ พระอาจารย์แนะนำว่าในช่วงสามวันแรกควรให้ตัวผมได้ปรับตัวเข้ากับเรื่องของทางโลก เพื่อป้องกันอาการซึมเศร้า เมื่อพ้นสามวันไปแล้ว ก็ค่อยๆ ปรับตัวใช้ชีวิตตามปกติ จะดีกว่ามากครับ
   และวันนี้ก็เช่นกัน เป๊บบอกล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานก่อนที่จะขับรถกลับว่า วันนี้จะมารับไปนอนค้างที่บ้านใหญ่ เอาเข้าจริงผมเองก็ยังไม่อยากออกไปข้างนอก ไปเจอความวุ่นวายหรือผู้คนมากสักเท่าไหร่ อีกอย่างเวลาเป๊บเข้ามาประชิดตัวก็มีอาการประหม่า คือ ร่างกายจะพยายามถอยออกไปทันที จุดนี้ก็สร้างความหนักใจให้ผมมากเช่นกันครับ
“ทำไมที่รักดูเงียบๆ ละครับ”
   เป๊บเอ่ยถามขึ้นมาระหว่างขับรถพาผมไปบ้านใหญ่
“เอ่อ...ก็...ไม่รู้อะเป๊บ คือ นึกอะไรไม่ออก อยากอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ประมาณนั่นอะเป๊บ”
“ยังคิดถึงชีวิตตอนบวชหรือ”
“ถ้าให้ตอบความจริงก็ใช่นะ แต่ไม่ได้อยากจะกลับไปบวชเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่มันเป็นความรู้สึกที่แบบว่า ทุกสิ่งมันไม่ยั่งยืน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป โจ้เลยรู้สึกนอยด์ๆ เศร้าๆ อะครับ”
“จริงนะที่รัก ความจริงเป็นแบบนั้น แต่ถ้าเราเข้าใจมันและยอมรับได้ว่า ทุกสิ่งที่ไม่ยั่งยืนเป็นไปเพื่อให้เราได้รู้ความจริง และมุ่งมั่นที่จะสะสมคุณงามความดี จนวันหนึ่งเราก็บรรลุพระนิพพานไม่ต้องกลับมาเจอความไม่ยั่งยืนอีก....ถ้าคิดแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือครับ”
   คำอธิบายของเป๊บกระตุ้นให้ผมคิดอะไรคนเดียวไปอย่างเงียบๆ ในเวลาไม่นานนัก เราสองคนก็เดินทางมาถึงบ้านใหญ่ ทุกคนที่บ้านใหญ่ดูตื่นเต้นมาก ต่างคนต่างอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อต้อนรับผมกันเลยทีเดียว
   รถคันงามจอดเทียบตรงหน้าบ้าน ผมเปิดประตูลงมาก็พบกับแด๊ด มัม พี่ปริม พี่ปัน พี่ลิน พี่เน็ต ยืนต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว
“แด๊ด มัม พี่ปริม พี่ปัน พี่ลิน พี่เน็ต สวัสดีครับ”
“สวัสดีลูก เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้มาบ้านนี้เสียนาน” แด๊ดเอ่ยทักผม
“เอาจริงๆ ก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ หลายเดือนเหมือนกันที่ไม่ได้มาบ้านใหญ่”
“ดีๆ งั้นไปทานข้าวกันเถอะ มัมสั่งให้เด็กๆ เตรียมของชอบของลูกไว้เยอะมาก”
   พวกเราทั้งหมดก็เดินไปยังห้องทานอาหาร อย่างที่มัมบอก ของโปรดของผมเยอะมากมาย ราวกับว่าเป็นการจัดงานเลี้ยงขนาดย่อมกันเลยทีเดียว
   ระหว่างการรับประทานอาหาร ทุกคนต่างรุมกันตั้งคำถามถึงชีวิตและรายละเอียดระหว่างบวชเป็นพระภิกษุ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจออะไรยังไง ผมก็เล่าไปตามความเป็นจริงในสิ่งที่ได้พบเห็นหรือสัมผัสมา ทุกคนต่างตกใจและประหลาดใจ
   ผมยังเล่าถึงเรื่องราวในอดีตชาติที่ผมกับเป๊บเคยเป็นคู่กันมา
“แด๊ดเชื่อเรื่องพวกนี้นะ คนเราต้องมีวาสนาต่อกันถึงจะมาเจอกันได้”
“แล้วลูกเห็นคนอื่นอีกหรือเปล่า” มัมถาม
“ไม่เห็นครับมัม เท่าที่ผมจำได้ก็เห็นตามที่เล่าไปหมดแล้ว”
“มันก็เป็นเรื่องที่ประหลาดดีนะ แต่ยังไงพี่ก็เชื่อว่า เราทุกคนอาจจะมีส่วนร่วมในการสร้างวัด ณ สถานที่นั้น ถึงได้มาเจอกันจนทุกวันนี้” พี่ปริมเอ่ยสำทับขึ้นมา
“แด๊ดคิดว่า เราน่าจะไปทำบุญที่วัดนั้น หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้วัดเจริญมากขึ้น”
“เห็นด้วยนะคะคุณพี่ อย่างน้อยก็ได้ต่อกระแสบุญ เป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปด้วย”
   สิ่งที่แด๊ดเอ่ยมาแสดงถึงความตั้งใจที่จะบูรณะวัดให้กลับมาเจริญสวยงามเหมือนเดิม พลันทำให้ผมนึกถึงคำพยากรณ์ของหลวงปู่สิม ก่อนที่ท่านจะละสังขารเข้านิพพาน
   <ในอีกไม่นาน วัดแห่งนี้จะเจริญมาอีกครั้ง จะมีเศรษฐีผู้มีอันจะกินจากแดนไกล เขาจะมาทำนุบำรุงวัดแห่งนี้ให้เจริญดังเดิม....>
   ผู้ที่มาจากแดนไกล คือ แด๊ดกับมัม นี่เองหรือ หลวงปู่ครับ คำพยากรณ์ของหลวงปู่ เป็นจริงดังที่ได้กล่าวไว้
   ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ผมก็ปลีกวิเวกด้วยการเดินมาพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่น ดูรายการทีวี ดูดีวีดี อะไรไปเรื่อยเปื่อย จนเผลอหลับไป
   ผมฝันถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ราวกับว่าเป็นสถานที่ที่ไม่มีบนโลก เพราะรอบตัวดูสวยงามไปหมดทุกอย่าง ทางเดินข้างหน้า ผมเห็นเงาของวัตถุบางอย่าง ค่อยๆ เดินเข้ามาหา ผมหยุดอยู่กับที่เพื่อดูว่า เงาที่เดินเข้ามาหานั้นเป็นอะไร เมื่อภาพปรากฏชัดเจนมากขึ้น
“หลวงปู่สิม” ผมอุทานออกมาเบาๆ และก้มคุกเข่า เมื่อหลวงปู่เข้ามาใกล้ ผมก้มกราบ
“สบายดีนะลูก” หลวงปู่สิมกล่าวทักทายด้วยเสียงที่เมตตาอย่างมาก
   ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหลวงปู่สิม ท่านผุดผ่อง ผ่องใส และมีรัศมีสีขาวแผ่ออกมาจากร่างกาย หน้าตาท่านอิ่มบุญมาก เป็นความงดงามที่จับจิตอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“สบายดีครับ หลวงปู่” ผมตอบหลวงปู่พร้อมน้ำตาไหล
“อย่าปล่อยให้จิตเศร้าหมองนะลูก ความเศร้าของจิตทำให้เราเกิดทุกข์ เราควรทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ เมื่อจิตผ่องใสเอ็งจะเกิดปัญญานะลูก”
“ครับหลวงปู่”
“กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้แล้วนะลูก คู่ของเอ็งเขาไม่สบายใจ เขากลัวเอ็งจะทิ้งเขาไป เอ็งรับปากข้าแล้วนะ ว่าจะทำตามที่ข้าบอก เอ็งกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้วลูก”
“ผมพยายามแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำไม่ได้”
“เอ็งยังไม่ได้เริ่มทำเลยลูก เอ็งยังยึดติดกับสัญญา เวทนา ถ้าเอ็งปล่อยมันได้ มองเห็นปัจจุบันและความเป็นจริง เอ็งจะทำได้และกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม”
“ครับหลวงปู่”
“ไม่ว่าจักรวาลนี้หรือจักรวาลไหน บุญกุศลและความดีที่เอ็งสั่งสมมาตลอด จะเป็นปัจจัยให้เอ็งพบเจอแต่ความสุข ปราศจากความทุกข์ ขอให้เอ็งทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส นะลูก”
“ครับ หลวงปู่ ผมจะทำตามที่หลวงปู่สอนครับ”
   ผมก้มกราบหลวงปู่สามครั้ง จนได้ยินเสียงเรียกของเป๊บ
“ที่รัก...ที่รัก....เป็นอะไรครับ”
   เป๊บเขย่าตัวผมจนตื่น ลืมตามาก็เห็นเป๊บทำหน้าตกใจ
“หา...เอ่อ...เปล่าอะเป๊บ ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วทำไมมานอนบนพื้นครับ แถมร้องไห้ด้วย”
   เอ จำได้ว่าก่อนจะเผลอหลับก็นอนบนเตียงตามปกติ หรือเราจะนอนดิ้นจนตกลงมาบนพื้น จะว่าไปก็
“อะ..โอ้ยยย....เจ็บๆ” พอขยับตัวมากๆ เข้า ก็รู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ สงสัยคงตกลงมาตอนฝันแน่ๆ
“อย่าขยับตัวมากนะครับ เดี๋ยวเป๊บไปเอากล่องยาก่อน”
   เป๊บรีบเดินกึ่งวิ่งออกไปเอากล่องยา มาถึงก็ลุกลี้ลุกลนเทยาออกมาจากกล่องทั้งหมด แล้วดูว่าอันไหนใช้ได้ใช้ไม่ได้ สุดท้ายก็ได้ยาหม่องมาทา แล้วก็พยายามที่จะเอาผ้ารัด (ผ้าที่รัดข้อเท้าข้อเข่าเวลาอักเสบอะครับ) มารัดที่หัวไหล่
“เป๊บๆ พอแล้วววว ไม่ต้องรัด”
“อ้าวเดี๋ยวมันจะเจ็บมากนะครับ”
“ทายาก็พอแล้ว ไม่ต้องรัดเว่อร์อะไรขนาดนั้น”
“งั้นไปหาหมอมั้ยครับ”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวนอนพักก็หาย”
“งั้นไปนอนบนห้องไหม”
“นอนตรงโซฟาก่อนก็ได้อะเป๊บ เดี๋ยวโจ้ดูทีวีไปเรื่อยๆ”
“ได้ครับๆ”
   เป๊บก็ลุกขึ้นไปจัดโซฟาให้ แล้วก็รีบเดินออกไปขนผ้าห่ม และหมอน มาให้ เอาเข้าจริงในช่วงแรกผมรำคาญนะ แต่พอมองให้เห็นถึงความเป็นจริง เป๊บคงเป็นห่วงและอยากดูแลผมให้ดีมากที่สุด เหมือนกับในฝันที่หลวงปู่แนะนำให้กลับไปสู่โลกความเป็นจริง
   <ปัจจุบันของเรา คือ สิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าซินะ เราไม่ควรไปโหยหาในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จะได้ไม่เสียใจเมื่อวันเวลาที่ผ่านมาทำให้เราหวนกลับไปทำไม่ได้>
   ผมคิดพิจารณาที่เห็นจากความเป็นจริง จึงตัดสินใจละทิ้งความรู้สึกยินดีในเพศบรรพชิต กลับใจเข้ามาสู่โลกของฆราวาส
“ที่รักพักผ่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวเป๊บไปข้างนอกก่อน”
   เป๊บรู้ดีว่า เมื่อเข้าใกล้ผมมากกินไป ผมจะรำคาญ แต่เป๊บก็ยังอดทน ไม่เคยต่อว่าหรือดุด่าอะไรเลย กลับเข้าใจในความคิดและความเป็นไปของตัวผม สามีดีๆ แบบนี้จะหาได้ที่ไหนอีก
“จะไปไหนอะเป๊บ ไม่มาดูทีวีด้วยกันหรือ”
   เป๊บหรี่ตามองผมและทำสีหน้าประหลาดใจ ไม่นึกว่าผมจะเอ่ยปากชวน ทั้งๆ ที่หลังจากที่ผมลาสิกขามา แทบจะไม่ให้เป๊บเข้าใกล้ด้วยซ้ำ
“แล้วที่รักไม่รำคาญเป๊บหรือครับ”
“ใครจะรำคาญสามีตัวเองละเนี่ย หรือถ้าเป๊บรำคาญโจ้ ก็ไปให้ไกลๆ ก็ได้”
“เฮ้ยไม่ใช่ๆ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ”
   เป๊บรีบเข้ามานั่งข้างๆ ผมก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักเป๊บ เป๊บเองก็ดูตกใจนะ คงเดาอารมณ์ผมไม่ถูก แต่เป๊บก็ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่า การนั่งยิ้มและมองผมเงียบๆ
   ความรู้สึกดีๆ ถาโถมเข้ามาในจิตใจ ผมไม่ได้สัมผัสอารมณ์และความรู้สึกในการนอนตักเป๊บมานานมากแล้ว ไม่รู้ซิครับ มันเป็นความรู้สึกอบอุ่น อุ่นใจ เหมือนราวกับว่า ทั้งชีวิตของเราฝากไว้กับคนคนนี้ และเราก็รู้ว่า คนคนนี้จะไม่มีวันทำร้ายหรือทำให้เราเสียใจ ผมเผลอหลับไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
   รู้สึกตัวลืมตาอีกครั้ง ก็เห็นเป๊บนอนหลับพิงโซฟา มือขวาของเป๊บจับมือซ้ายของผมไว้ ตอนนั้นก็ตกใจพอสมควรครับ เป็นเพราะการหลับที่นานแบบนี้ต้องทำให้เป๊บขาเป็นเหน็บชาแน่ๆ และก็เป็นไปตามที่คิด
“ตื่นนานแล้วหรือครับ” เป๊บลืมตาขึ้นมาก็ถามผมทันที
“ไม่ถึงนาทีนี้เอง” ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อให้เป๊บขยับตัวได้
   เป๊บไม่ได้ขยับตัว
“เป็นเหน็บหรือเปล่า”
“นิดหน่อยครับ”
“แล้วทำไมไม่ปลุกอะเป๊บ”
“ก็เห็นที่รักนอนหลับสบาย เป๊บก็ไม่กล้าปลุกครับ”
“ไม่ได้อะเป๊บ แล้วนี่เป็นเหน็บชา เพราะโจ้นะ ปวดมากหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่เป็นไรครับ สบายมาก ตอนบวชนั่งสมาธิเหน็บชามากกว่านี้อีกครับ”
“คราวหลังก็บอกนะเป๊บ อย่าอดทนกับอะไรแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ กับที่รักเป๊บเต็มใจเสมอ”
   พลังทางสายตาของเป๊บส่งมารุนแรงมาก จนผมใจเต้นสั่นไหวรุนแรงเลยทีเดียว จริงๆ ก็เป็นครั้งแรกที่หน้าตาร้อนผ่าว รู้สึกเขินอย่างมากในรอบหลายๆ เดือนเลยทีเดียว
   ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ” เป๊บตะโกนบอก
   เด็กแม่บ้านเปิดประตูเข้ามา
“เอ่อ คุณเป๊บ คุณโจ้คะ คุณฉัตรมาหา รอที่ห้องรับแขกค่ะ”
“ฉัตรบอกว่าจะมาด้วยหรือเป๊บ” ผมหันไปถามเป๊บ
“เป๊บก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ไปบอกคุณฉัตร เดี๋ยวออกไป”
“ได้ค่ะ”
   เด็กแม่บ้านออกไป ผมกับเป๊บก็เดินออกจากห้องนั่งเล่น มุ่งตรงไปยังห้องรับแขก
“ถวายยังคมเพคะ ท่านชายทั้งสอง” ฉัตรเอ่ยทักขึ้นมาพร้อมถอนสายบัว
   นอกจากฉัตรแล้ว เพื่อนๆ มากันครบแก๊งค์ นั่งหน้าสลอนกันเลยทีเดียว
“แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น อะไรดลใจให้มาหาพร้อมกันขนาดนี้วะ” เป๊บเอ่ยถามขึ้นมา
“อ้าวอีเป๊บ ก็เมิงบอกเองว่าวันนี้จะไปรับอีโจ้มานอนที่บ้าน พวกกรูก็อยากมาเฮฮางี้”
“อ้าวหรือ กรูบอกหรือ” เป๊บทำหน้างงๆ
“ก็เออดิ แต่เมิงเปรยๆต่อว่า ไม่รู้โจ้จะมาป่าว พวกกรูเลยเสี่ยงลองมานี่แหละ” โอ๊ตอธิบาย
“ดังนั้น พวกอิชั้นขอค้างที่บ้านพระองค์หนึ่งคืนนะเพคะ” ทรายย้ำ
“พร้อมมวลหมู่อาหารและฮาเร็ม” เบิดสำทับ
“ฮ่าๆๆๆ...อย่างอื่นหาได้ เว้นฮาเร็มเนี่ยแหละ” ผมบอกเบิด
   เป๊บเดินออกไปหาป้าจันทร์ เพื่อให้เตรียมอาหารเผื่อกลุ่มเพื่อนๆ เป็นช่วงจังหวะที่พี่ปริมลงมาจากชั้นสอง พวกเพื่อนเลยไหว้ทักทาย
“อ้าวแล้วนี่มีใครไปบอกห้องครัวหรือยังให้เตรียมอาหารเพิ่ม” พี่ปริมหันมาถามผม
“เป๊บกำลังไปบอกป้าจันทร์ครับพี่ปริม”
“แล้วจะกินที่ห้องทานอาหารหรือริมสระน้ำละ”
“เอ่อ....”
“ห้องอาหารก็ได้นะคะพี่ปริม ไม่ต้องลำบากจัดเตรียมตรงสระน้ำ”
“งั้นลองดูตามความเหมาะสมละกันนะ มีอะไรก็บอกป้าจันทร์ละกัน พี่ขอตัวไปดูงานที่ห้องทำงานก่อน”
“ค่า/ครับ”
“นี่อีหอย เมิงจะทำยังไงกับชีวิตต่อไป” ฉัตรหันมาถามผมระหว่างที่เป๊บไม่อยู่
“ไม่รู้เลยว่ะเมิง คือ กรูก็ยัง งงๆ ยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรต่อ แล้วเมิงละ”
“อ้าวอีนี่ ดันย้อนมาถามกรูซะงั้น....กรูก็คงไปเรียนต่อที่เมกา ตามที่พ่อกรูอยากให้เรียนว่ะ”
“อ้าวจริงอะ แล้วพวกเมิงละ” ผมหันไปถามเพื่อนๆ
“กูกลับไปช่วยกิจการที่บ้านว่ะเมิง พ่อกับแม่ก็อายุมากแล้ว” เบิดตอบ
“ส่วนกูกับทรายคงแต่งงานแล้วหางานทำที่ กทม นี่แหละ” โอ๊ตบอก
“ห๊ะ แต่งงาน” ฉัตรทำตาโต
“จริงอะ” เบิดทำตาโตด้วย
“อีทราย เมิงแต่งจริงอะ” ฉัตรถามทราย
“โอ้ยยย คุณแม่ขรา ขย่มกันมาขนาดนี้แล้ว คงต้องยอมเอาตานี่เป็นผัวแล้วละค่ะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“ยินดีด้วยยยยย แต่งเมื่อไหร่บอกนะ กรูจะไปช่วยงาน” ผมแสดงความยินดีกับโอ๊ตและทราย
“ได้ค่าองค์ชายยยยย ไม่พลาดแน่นอน”
“ทุกคนดูมีอนาคตละ เมิงละอีห่า ตกลงเอาไง”
   ตอบคำถามยากจริงๆ จะเอาไงละนี่
“ไปเรียนต่อที่เมกากะกรูมะละ” ฉัตรชวนเมื่อเห็นผมเงียบไม่ตอบคำถาม
“แล้วเป๊บละ”
“ก็ชวนมันไปด้วย จะทิ้งไว้ที่ไทยทำไม รวยแบบมันซื้อคฤหาสน์ที่เมกาสบาย”
“เดี๋ยวเป๊บมาเมิงลองถามดูละกัน”
“ถามอะไรหรือครับ” อายุยืนมาก มาทันประโยคสุดท้ายด้วย
“กรูกำลังชวนอีโจ้วไปเรียนเมกา เมิงไปปะละอีเป๊บ”
“เมกาหรือ ก็ได้นะ เรียนอะไรละ”
“สาขาเดิมนะแหละ แต่เน้นไปเอา connection กับความรู้ใหม่ๆ”
“ก็น่าสนนะ แล้วโจ้ไปด้วยป่าวครับ” เป๊บหันมาถามผม
“มันบอกว่าให้ถามเมิง ถ้าเมิงไปมันก็ไป”
“กรูได้หมด ถ้าโจ้ไปกรูไป”
“เออดี โยนกันไปมา อีห่า”
   เป๊บก็ดันโยนการตัดสินใจมาให้ผมอีก เฮ้อ ไม่อยากไปเรียนต่อ ไม่อยากทำอะไรเลย อยากอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย
“เอาแบบนี้มะ เดี๋ยวกรูประสานข้อมูลเรื่องเรียนให้ เผื่อเมิงพร้อมก็ไป ถ้าไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร”
“ถ้าเมิงไม่ลำบากก็ได้ ฝากด้วยนะ” ผมตอบฉัตรด้วยความเกรงใจ
   หลังจากคุยเรื่องเครียดๆ และจริงจังกันไป ทุกคนก็เฮฮาด้วยการร้องคาราโอเกะไปตามประสา จนกระทั่งล่วงเข้าสู่อาหารเย็น พวกเราก็ออกมาทานข้าวที่ห้องอาหาร
“นานทีปีหน โต๊ะทานข้าวมีคนนั่งเกือบเต็ม รู้สึกดีจริงๆ” แด๊ดเอ่ยขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
   โต๊ะทานอาหารบ้านใหญ่ เป็นแบบยาวๆ สิบเมตรได้มั้งครับ จำนวนที่นั่งรองรับแบบโปร่งๆ ได้ถึง 14 คนเลยทีเดียว สำหรับวันนี้พอเพื่อนๆ มา ก็ใช้พื้นที่เกือบเต็ม เชื่อว่าคงไม่บ่อยนักที่โต๊ะตัวนี้จะมีคนนั่งเกือบครบ
“จริงค่ะคุณพี่”
“เออแล้วนี่หนูฉัตร คุณพ่อสบายดีนะ”
“สบายดีค่ะคุณอา แต่ไม่ค่อยได้อยู่ไทยเท่านั้นเอง”
“ยังทำงานหนักตลอดเลยนะ อาฝากความคิดถึง เบาๆงานบ้าง เดี๋ยวไม่มีที่เก็บเงิน”
“ฮ่าๆๆ คงยากค่ะคุณอา ฉัตรเคยเห็นคุณพ่อหยุดงานได้วันนึง ก็บ่นตับแลบ กลับไปทำงานตลอดค่ะ”
“คนเคยทำเนอะ พอให้หยุดก็เบื่อเป็นธรรมดา”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วนี่หนูจะทำอะไรต่อหลังเรียนจบ”
“คุณพ่อให้ไปเรียนต่อที่อเมริกาค่ะ นี่ก็ว่าจะชวนเป๊บกับโจ้ไปด้วย”
“ดีมากๆ พ่ออยากให้เจ้าเป๊บไปเรียนต่อเหมือนกัน....เออนี่เจ้าเป๊บ ไปเรียนต่อ แล้วโจ้ลูกก็ตามไปเรียนด้วย จะได้ดูแลกันได้”
   แด๊ดหันจากฉัตรมาบอกผมกับเป๊บ ผมเองละเบื่อๆ ไม่อยากไปเรียนนี่น่า
“เดี๋ยวโจ้ปรึกษาพ่อกับแม่ก่อนนะครับ”
“โอ้ยไม่ต้อง เดี๋ยวแด๊ดโทรบอกเอง โจ้เตรียมไปเรียนนะลูก”
   ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการตอบรับว่า
“ครับ”
   ทานอาหารเย็นเสร็จ ผม เป๊บ และเพื่อนๆ ก็มารวมตัวกันที่ห้องดูหนัง จริงๆ ก็คือ ห้องโฮมเธียเตอร์ นั่นละครับ ใช้เครื่องโปรเจคเตอร์ต่อกับคอมพิวเตอร์ ใส่แผ่น CD , DVD ดูหนังได้ วันนั้นจำได้แม่นว่าดูหนังเก่าเรื่อง Fifith Element รหัส 5 คนอึดทะลุโลก เป็นหนัง SciFi ที่เป๊บชอบมากเป็นพิเศษ
“หนังนานละเนอะ ดูทีไรยังสนุก” เบิดเปรยขึ้นมา
“กูชอบตรงความไฮเทค ถ้ามีรถลอยได้ก็ดีนะ” เป๊บพูดขึ้นมาแบบชื่นชอบ
   เป๊บชอบพวกอะไรที่ไฮเทคมากครับ เอาเป็นว่าเมื่อก่อนโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ วางจำหน่ายเมื่อไหร่ เป๊บจะต้องมีครอบครองทุกครั้งไป แม้กระทั่งทุกวันนี้ เปลี่ยนปีละสิบเครื่องก็ทำมาแล้ว จนผมต้องดุ นางเลยเบาลงบ้าง
   หลังจากดูหนังจบแล้ว พวกเราทั้งหมดก็ขึ้นไปพักผ่อนชั้นสอง เพื่อนๆ เคยมาพักครั้งหนึ่งแล้วก็ได้นอนห้องเดิมตามปกติ ด้วยความเพลียและเหนื่อย ผมจึงขอเป๊บอาบน้ำก่อน เป๊บเองก็นั่งดูทีวีคอยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมอาบน้ำเสร็จ เป๊บก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำต่อ ผมก็นั่งหยิบรีโมทกดเลื่อนช่องทีวีไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะดูอะไรเหมือนกัน
“ยังไม่นอนหรือครับ”
“ยังไม่ง่วงเลยอะเป๊บ”
“โจ้นอนบนเตียงละกันนะครับ เดี๋ยวเป๊บจะไปเอาฟูกมาปูข้างๆ”
“อ้าว ทำไมไม่นอนด้วยกันละเป๊บ”
“อะ..ก็...เอ่อ..”
“นอนด้วยกันได้ รังเกียจโจ้ละหรือ”
“ปะ..เปล่าครับ..ก็เป๊บเห็นว่าโจ้เบื่อหน้าเป๊บอยู่ เลยไม่กล้านอนเตียงเดียวกัน”
   ผมก็อึ้งกับสิ่งที่เป๊บบอก
“เป๊บ โจ้ทำท่าทางเบื่อหน้าขนาดนั้นเลยหรือ”
“ก็..ใช่ครับ..จนบางครั้งเป๊บอยากจะถามว่า...โจ้ ยังรักเป๊บอยู่ใช่ไหม”
   เป็นคำบอกเล่าและคำถามที่เสมือนมีฟ้าผ่าฟาดลงมากลางใจ นี่ผมแสดงอาการมากขนาดจนถึงขั้นที่ว่า เป๊บรู้สึกและคิดแบบนี้เลยหรือ
“เป๊บ...โจ้รักเป๊บ รักมากด้วยนะ การที่ทำหน้าเบื่อ โจ้ก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน แต่ความรักที่มีให้ไม่เคยลดลงเลย มีแต่เพิ่มมากขึ้น...โจ้ขอโทษนะถ้าทำให้เป๊บไม่สบายใจ”
   ผมลุกขึ้น เดินเข้าไปกอดเป๊บ ถ่ายทอดความรู้สึก ความรัก ที่มีทั้งหมดให้เป๊บได้รับรู้ว่า โจ้คนนี้ไม่เคยคิดที่จะหมดรักเป๊บเลยแม้แต่วินาทีเดียว แม้นว่าครองอยู่ในเพศบรรพชิต ก็อาจจะมีลืมเลือนไปบ้าง แต่เมื่อนึกถึงก็ยังคงรักอยู่เสมอ
“ครับ...ยังไงก็เลือกที่โจ้สบายใจ วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไม่ว่านานแค่ไหน เป๊บก็รอได้ครับ”
“ขอบคุณมากนะเป๊บ”
   ในความทรงจำของผม คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่ผมยึดติดอยู่ในอารมณ์ของความเป็นเพศบรรพชิต

   วันเวลาผ่านไปร่วมๆ 2 เดือน การใช้ชีวิตของผมกับเป๊บกลับเข้าสู่สภาวะปกติเกือบ 100% สิ่งที่เราสองคนทำกิจกรรมร่วมกันมากที่สุด คือ การออกไปเที่ยวต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมถึงต่างประเทศ ที่เป็นประเทศใกล้ๆ เช่น ฮ่องกง มาเลซียไต้หวัน ฯลฯ เอาเข้าจริงแล้วการออกไปเที่ยวเป็นความต้องการของเป๊บมากกว่า ในบางเวลาผมก็รู้สึกแปลกใจนะ ว่าทำไมเป๊บถึงได้ขยันเที่ยวมากเหลือเกิน ถ้าไปเที่ยวสัก 10 ครั้ง ก็จะมีเพื่อนๆ ตามไปด้วยอย่างน้อยก็ 7 ครั้งแล้วละครับ แต่นั่นก็แค่ความสงสัย ผมกลับรู้สึกดีเสียมากกว่า ที่เราสองคนรวมถึงเพื่อนๆ แก๊งค์เดียวกัน ได้ใช้เวลาเที่ยวร่วมกันก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง
   เบิดจะย้ายกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด สานต่อกิจการธุรกิจของครอบครัว
   โอ๊ตกับทราย จะวางแผนแต่งงานกันในปีหน้าไปพร้อมกับการหางานทำและสร้างครอบครัวในเมืองหลวงแห่งนี้
   ฉัตร เดินทางไปเรียนปริญญาโทอีกใบที่อเมริกาอย่างแน่นอน และนั่นย่อมหมายความว่า เราสองคน คือ ผมกับเป๊บ ก็ตัดสินใจไปเรียนอเมริกาพร้อมกับฉัตร ต่างกันตรงที่ คนละรัฐและมหาวิทยาลัยเท่านั้นเอง
“เออนี่ กูนำเสนอ แบบ คืองี้ กูว่าก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันไป น่าจะรวมตัวเลี้ยงใหญ่กันสักครั้งดีมะ กินหรูๆ อะไรแบบนั้น” เบิดเป็นคนเริ่มเอ่ยขึ้นมาในระหว่างที่พวกเรากำลังเที่ยวกันในประเทศฮ่องกง
“ดีเลิศมาก กรูเห็นด้วยกับอีเบิดนะ”
   โอ๊ตกับทรายก็พยักหน้า เออ ออ ไปกับเบิดและฉัตร
“หรูๆ ที่เมิงว่า ที่ไหนละ” ผมถาม
“ที่ที่แก๊งค์เราคุ้นเคยมะ ไม่ได้นานแล้วนะเว้ยเฮ้ย”
“ที่ไหนละเบิด”
“Sirocco ไง” ฉัตรเอ่ยขึ้นมา
“อ๋อ...เออได้นะ อาหารอร่อยดี วิวสวยด้วย” ผมก็เห็นด้วยกับฉัตรและทุกคน โดยที่ไม่ทันได้คิดเลยว่า การรวมตัวทานอาหารที่นั่น จะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตผมมาจนถึงทุกวันนี้
   
   พวกเรานัดทานข้าวกันที่ Sirocco ก่อนจะถึงงานรับปริญญาประมาณครึ่งเดือน ในส่วนลึกของจิตใจ ผมรู้สึกใจหาย เพราะเมื่อหลังงานรับปริญญาเสร็จสิ้น เพื่อนๆ จะต้องแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง ไปสร้างชีวิต สร้างครอบครัว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นการสร้างความก้าวหน้าให้กับชีวิต แม้กระนั้น ผมก็ยังรู้สึกอุ่นใจได้บ้างว่า ผมยังมีฉัตรที่เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน เดินทางไปอเมริกาเพื่อเรียนปริญญาโทอีกใบ ถ้าคิดให้มากก็ยังคงเศร้าครับ เพราะเมื่อถึงอเมริกา ฉัตรก็ต้องแยกไปเรียนอีกรัฐ ผมก็รู้สึกเศร้า แต่ไม่เป็นไร ยังมีเป๊บทั้งคน เราคงเศร้าได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
“อีหอยยยย....วันนี้เลี้ยงใหญ่นะเว้ย แต่งตัวให้หล่อสุดๆ เลยนะ จะได้ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกด้วยกัน”
“ระลึก”
“ฮ่าๆๆ เออ ระลึกๆ แต่งแบบ คนเดินสวนเมิงเขาอ้าปากค้าง อุทานแบบ อีเหี้ย เทพลงมาจุติหรืออย่างไร”
“เมิงก็เว่อร์อะ แค่ไปกินข้าวจะแต่งอะไรขนาดนั้น”
“เอ้ยไม่ได้ๆ เชื่อกรูดิ ภาพนี้จะอยู่ไปจนวันตายเลยนะเมิง แต่งหล่อๆ ละกันนะ”
“เออๆ แค่นี้แหละ เดี๋ยวเจอกัน”

   



ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ผมวางสายฉัตรพร้อมกับอารมณ์ งงๆ จะแต่งตัวดีอะไรขนาดนั้น แล้วเป๊บก็แปลกๆ บอกให้เราขับรถไปเอง ปกติจะมารับ เออช่างเหอะ งานเลี้ยงครั้งสุดท้าย แต่งตามที่ฉัตรบอกละกัน
   ผมเลือกชุดโปรดตามทันสมัยนิยม เอาเป็นว่า แต่งจนพ่อกับแม่ตกใจ แซวกันว่า ลูกจะไปสมัครเล่นละคร หรือ เดินแบบ หรืออย่างไร ผมก็ได้แต่ขำๆ ครับ
“พ่อว่าให้จิมขับไปส่งดีไหมลูก”
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมขับเองได้ สบายมาก”
“แม่ว่าให้จิมไปส่งดีกว่า”
“ใช่ๆ เฮีย จิมว่างมาก เดี๋ยวจิมไปส่งเองงงงง”
   ผมละสงสัย ทำไมทุกคนดูลนลานแปลกๆ แต่ด้วยความที่ใกล้เวลานัด ถ้าออกช้ากว่านี้อาจจะไม่ทันเวลาได้ ก็เลยยินยอมทำตามข้อเสนอของพ่อกับแม่
“โชคดีนะลูก ขอให้เจอเรื่องดีๆ นะ” แม่ผมอวยพรแบบแปลกๆ
   ระหว่างเดินทาง จิมขับรถเร็วมาก จนผมท้วงเลยว่า ไม่ได้รีบขนาดนั้น จิมบอกว่าไปถึงก่อนสิดี จะได้ไม่ต้องเครียด ผมเองก็เห็นว่า ความเร็วที่ใช้ก็ยังอยู่ในระยะที่ปลอดภัย ก็ได้แต่นั่งเงียบๆ ไปตลอดทาง
   
   จิมมาส่งผมทันเวลา ณ ตอนนี้ ผมยืนอยู่ที่โรงแรมเลอบัว อันเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Sirocco ฉัตรบอกไว้แล้วว่า เราจะทานอาหารที่ Sky Bar ชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งนี้
“เป๊บ โจ้มาถึงแล้ว เป๊บถึงยัง” ผมโทรหาเป๊บ
“ถึงแล้วครับ ตอนนี้เป๊บอยู่ในห้องน้ำ โจ้คอยที่ล๊อบบี้แปบนึงนะ เดี๋ยวออกไปรับครับ”
“ได้ๆ”
   ยืนคอยเป๊บประมาณ สามนาที เป๊บก็พาผมไปชั้นบนสุด อันเป็นที่ตั้งของ sky bar ซึ่งเพื่อนๆ ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว
   เป๊บพาผมไปนั่งด้านในตรงข้ามฉัตร แล้วตัวเป๊บเองออกไปนั่งริมโต๊ะอีกด้าน ตอนแรกผมก็จะท้วงว่า ทำไมไม่นักติดกัน แต่เป๊บให้เหตุผลว่าจะได้เห็นวิวสวยๆ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยยอมนั่งตามที่เป๊บแนะนำ
   ทักทายเฮฮากันตามประสา ก็ได้เวลาเริ่มเสริฟอาหารในแต่ละอย่าง
“ทำไม คนดูน้อยๆ” ผมถามฉัตร
“กรูเหมาจองโซนนี้ไว้ คนส่วนใหญ่ไปนั่งโซนนู้น” ฉัตรโบ้ยหน้าชี้ไปอีกฝั่ง
“ถึงกับต้องเหมาเลยหรือวะ”
“เออดิ กรูกลัวแบบเราคุยเสียงดังโวยวาย งี้ เดี๋ยวแขกคนอื่นๆ รำคาญ”
    ผมก็พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ฉัตรอธิบาย พวกเราก็กินกันไป สนุกสนานกันไป เว้นแต่ เป๊บที่ดูเหมือนจะสนุก แต่กลับมีอากัปกิริยาอาการลนลาน ดูเกร็ง เหมือนกับเครียดอะไรสักอย่าง
“เป๊บ...เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” ผมเอ่ยถามขึ้นมา
“ปะ..เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร” ขนาดตอบกลับมายังลนลาน
“แล้วทำไมดูลนลาน เครียดๆ เกร็งๆ” ผมถามกลับ
“น้องๆ อาหารจานต่อไปออกมาเสริฟได้ละ...เออนี่เมิง แดกไอ้นี่ อร่อยยยย” ฉัตรหันไปตะโกนสั่งเด็กบริการ พร้อมหันมมาชวนผมกินต่อ
   ด้วยความที่ฉัตรชวนกินเม้ามอยอะไรไปเรื่อย ทำให้ผมไม่ได้เอะใจกับอาการผิดปกติของเป๊บมากเท่าไหร่นัก
“วันนี้วิวสวยเนอะ พวกเมิงว่ามะ” ฉัตรถามทุกคน
“สวยมาก และเป็นวันดีๆ ที่พิเศษด้วยนะ” เบิดตอบ
“จริง อย่างน้อยก็เป็นวันพิเศษของพวกเราและของอีโจ้มันละวะ” ฉัตรพูดขึ้นมา
“วันพิเศษของกรู” ผมทำหน้างง
“เออใช่...ถ้าเมิงอยากรู้ เมิงยืนขึ้นดิ แล้วกรูจะบอก” ฉัตรพูดจบก็ยืนขึ้น
   คือวันนี้ทุกคนก็แปลกๆ หรือไม่แปลก ไม่เข้าใจว่าพวกมันเป็นอะไรกัน การพูดการจาก็ผิดแปลกไปจากปกติ แต่ด้วยความที่การทานอาหารครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็ลุกขึ้นยืนตามที่ฉัตรบอก
“อยากรู้ใช่ปะว่าคืออะไร อีโจ้ มึงมองวิวด้านหลังกู สวยใช่ปะ” ผมมองผ่านไปยังวิวด้านหลังของฉัตร
“เออสวย...มึงอย่าลีลามาก บอกมา คืออะไร กูจะได้นั่งแล้วกินต่อ”
“คำตอบของเมิงอยู่ด้านหลัง หันไปดิ”
   ผมก็หันหลังไปอย่างว่าง่าย คิดเพียงอย่างเดียว คือ อยากรู้ว่า คำตอบของวันพิเศษที่ผมจะได้รับ คืออะไร

“แต่งงานกับเป๊บ..นะครับ”

   สิ่งแรกที่ผมเห็นจากการหันไปมอง คือ ผู้ชายคนหนึ่ง สูง ใบหน้าคม ปากสีชมพู ผมยาวประบ่า คิ้วเข้ม จมูก ตา ใบหน้า ทุกอย่างลงตัวราวกับเทพเจ้าสรรสร้างในการปั้นลงมาจุติ ผู้ชายคนนั้น ก็คือ เป๊บ เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ผมตัดสินใจมาตั้งแต่แรกเริ่มว่า จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต และในวันนี้ เขากำลังขอผมแต่งงาน
   ผมยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ไม่มีแม้แต่เสียงจะเอ่ยรับคำขอ ใครจะไปคิดละครับว่า ความรักระหว่างชายกับชาย จะยาวนานและไกลมาถึงขั้นในวันที่อีกฝ่ายกำลังขอแต่งงาน ในช่วงชีวิตนี้ คำว่าการจัดงานแต่งงาน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ..เป๊บ...รู้...ว่า....มัน....เอ่อ...กะทัน..หัน....แต่ว่า...เอ่อ...”
   ตั้งแต่ใช้ชีวิตร่วมกับเป๊บมาเป็นเวลาสองปีกว่าๆ เราสองคนผ่านความสุข ความทุกข์ ทั้งหลายทั้งปวงมาด้วยกัน บางครั้งต่างคนต่างแทบจะเอาชีวิตของตัวเองเกือบไม่รอด แต่เมื่อพ้นเหตุการณ์เลวร้ายมาได้ เราสองคนก็รักกันมากกว่าเดิม สิ่งหนึ่งที่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยบกพร่อง คือ การดูแลเอาใจใส่อย่างดีตลอดเวลา แม้ว่าในบางครั้งความเป็นผู้ชายอาจจะมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะนำมาเป็นตัวตัดสินในความรักระหว่างเราสองคน
   และในวันนี้ผู้ชายคนนั้น คนที่ผมรักอย่างสุดหัวใจ เขามีสีหน้าที่แดงจัดเพราะความเขินอย่างเห็นได้ชัด สีแดงที่ฉายชัดขึ้นบนใบหน้า ได้ลามไปถึงใบหู การพูดที่ตื่นเต้น ตะกุกตะกัก แต่แววตาที่มุ่งมั่นก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติในแบบฉบับของเขา
   (ไม่เคยเห็นเป๊บเขินขนาดนี้// นี่คือประโยคที่คิดในใจจนทำให้ตัวผมเผลออมยิ้มออกไป)
“ได้สิ..เป๊บ...โจ้ จะแต่งงานกับเป๊บ...เมื่อไหร่ดี”
   ประโยคที่ผมเอ่ยออกไปอย่างมีสติสมบูรณ์ครบถ้วน ผ่านการคิด พิจารณา อย่างถี่ถ้วนรอบคอบแล้ว คงไม่จำเป็นจะต้องเล่นตัวหรือแสร้งทำอะไร เพราะทุกอย่างที่ผมเปล่งเสียงออกไปล้วนมาจากใจทั้งสิ้น
   เป๊บมองหน้าผมด้วยความตะลึง คงคิดไม่ถึงว่า อะไรอะไรมันจะง่ายและลงตัวขนาดนี้ ดวงตาของเป๊บมีน้ำตาคลอเบ้า และค่อยๆ เดินเข้ามาหา พร้อมรั้งตัวผมเข้าไปกอดแน่น
“ขอบคุณครับ...ขอบคุณมาก”
   ผมสัมผัสถึงความเปียกตรงไหล่ซ้าย ผู้ชายคนนี้หลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ ไม่แตกต่างจากตัวผมเท่าไหร่นัก ที่กลายเป็นคนขี้แยเช่นกัน
“เฮ้ววววว วิ้วววววว โห่ววววว”
   เพื่อนๆ ต่างส่งเสียงแซวแสดงความยินดี และแขกคนอื่นๆ ที่อยู่อีกฝาก ต่างก็ปรบมือให้เช่นกัน คำถามสำคัญ คือ ผมเขินหรือไม่ ณ เวลานั้น ไม่ได้เขิน แต่พอกลับมาทบทวน เขินมาก ขอบคุณเทคโนโลยีในสมัยนั้นที่กล้องโทรศัพท์มือถือยังไม่ได้พัฒนาให้มีความคมชัด และสื่อโซเชียลมีเดียยังไม่แพร่หลาย มิฉะนั้นคงกลายเป็นไวรัลอย่างแน่นอน
“แหวนคู่นี้ เป๊บสั่งทำพิเศษให้กับเราสองคน....เป๊บจองแล้วนะครับ”
   แหวนที่เป๊บสวมบนนิ้วนางซ้าย เป็นแหวนเงิน แวววับ สวยงามมาก ขอบด้านในของแหวน สลักเป็นอักษรว่า

   For You…From Me.. J/P
“อีโจ้ว อย่าเพิ่งช๊อก มึงเอาแหวนอีกวงสวมให้เป๊บ”
   ผมตั้งสติได้ จึงหยิบแหวนอีกวง สวมไปที่นิ่วนางซ้าย ของเป๊บ
“จองแล้วเหมือนกันนะ” ผมมองหน้าเป๊บที่ยังคงเห็นรอยคราบน้ำตา
“ยินดีให้จองและครอบครองทั้งชีวิตครับ”
“หวานสัสๆ เฮ้วววววว” เพื่อนๆ ตะโกนแซว
“อะนี่ดอกไม้ กูถือจนเมื่อยละ” เบิดส่งช่อดอกไม้ช่อใหญ่ให้เป๊บ”
   ผมรับช่อดอกไม้จากเป๊บ ด้วยจิตใจและอารมณ์ที่บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ มันเหมือนกับอารมณ์ดีใจมากเกินไปจนบอกไม่ถูกเหมือนกัน
   พวกเราเริ่มทานอาหารกันอีกครั้ง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ เป๊บย้ายมานั่งตัวติดกับผม และเบิดออกไปนั่งแทนที่เป๊บริมด้านนอกแทน
“นี่พวกเมิงเตี๊ยมแผน” ผมเปรย
“เออดิ”
“ไปเตี๊ยมกันตอนไหน” ผมพูดพลางมองหน้าทุกคน
“ตั้งแต่ฮ่องกงไง จำได้ปะละที่กูเริ่มพูด” เบิดเท้าความ
“จำได้..พวกเมิงนี่แสบมาก”
“ไปด่าผัวเมิงโน่น มันขอร้องให้พวกกูช่วย” ฉัตรพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“เจ้าเล่ห์มากนะเป๊บ” ผมหันมาทุบไหล่เป๊บเบาๆ ทีนึง

   บทสนทนาแรกเริ่มที่เป็นเรื่องสัพเพเหระ ได้เปลี่ยนเป็นการเตรียมงานแต่งระหว่างเราสองคน เพื่อนๆ ต่างคุยกันแบบติดตลกว่าใครจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ผมก็แย้งไปว่า เจ้าบ่าวเจ้าบ่าวต่างหาก พวกเราก็ขำกัน
“เมิงจะเชิญเพื่อนในรุ่นไหม” ฉัตรเอ่ยถามผมกับเป๊บ
“ไม่สนิทมากเท่าไหร่ ไม่อยากเชิญมาวะฉัตร” เป๊บเป็นคนตอบก่อน
“เห็นด้วยนะ เอาแค่พวกเราก็พอแล้ว” ผมเห็นด้วยกับเป๊บ
“งั้นก็มีแต่พวกเรา เตรียมตัดชุดและแบ่งหน้าที่ แต่งวันไหน บอกด้วยละกัน”
   พวกเราทั้งหมดก็ดื่มด่ำกับอาหารการกิน และการเม้ามอยที่สนุกสนาน คงมีเพียงแต่ผมกับเป๊บมั้งครับ ที่หันมาสบตากันบ่อยมากขึ้น ยามที่ก้มลองมองไปที่นิ้วนางซ้ายทีไร ก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต จากที่มันเคยว่าง ณ ตอนนี้ กลับไม่ว่างเสียแล้ว
   ผมขอตัวมาเข้าห้องน้ำ เสร็จเรียบร้อย ก็กำลังเดินกลับไปยังโต๊ะอาหาร สายตาก็เหลือบเห็นเป๊บ ยืนดูวิว ในบริเวณที่ห่างออกมาจากโต๊ะพอสมควร แต่ยังอยู่ในเขตพื้นที่ ที่กลุ่มเราได้ทำการจองไว้
   ผมเปลี่ยนใจจากการเดินกลับไปที่โต๊ะ ค่อยๆ เดินไปยังจุดที่เป๊บกำลังยืนชมวิวทิวทัศน์ ทุกอากัปกิริยาที่ผมเห็น เป๊บ ยืนอมยิ้ม พร้อมกับก้มมองแหวนเงินบนนิ้วนางซ้ายอยู่คนเดียว ณ ช่วงเวลานั้น ผมพลันคิดไปว่า อยากจะสำเร็จวิชาหูทิพย์ ตาทิพย์ เหลือเกิน จะได้อ่านใจ เป๊บ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“อมยิ้ม คิดอะไรอยู่เป๊บ” คำทักทายของผมทำให้เป๊บตกใจเล็กน้อย
“อ๋อ..เปล่าครับ”
“ปากแข็ง...โจ้เห็นยืนอมยิ้มคนเดียว คิดอะไรอยู่”
“เอ่อ..ก็...คิดเรื่องที่ผ่านมาเมื่อกี้ แล้วก็เขินตัวเอง”
   ผมก็เขินเหมือนกัน หน้าแดงโดยไม่รู้ตัว
“ไม่อายหรือ”
“ไม่ครับ เขินมากกว่า เพิ่งเข้าใจว่า เวลาพระเอกขอนางเอกแต่งงาน ทำไมถึงต้องดีใจขนาดนั้น พอมาเจอกับตัวเอง จึงรู้ว่า เอาเข้าจริงแล้ว มันเขินมากจริงๆ”
“จะเหมือนกันหรือ นี่มันเป็นการขอพระเอกกับพระเอกนะ” ผมแซว หน้าแดง หูร้อนมาก
“พระเอกที่ไหนจะหน้าหวานและสวยขนาดนี้ครับ โจ้เป็นนางเอกสำหรับเป๊บคนเดียวแหละดีแล้ว ไม่ต้องเป็นพระเอกสำหรับคนอื่น”
   หลังจากบวชเรียนมา หัดใช้คำพูดที่เป็นคำคมเหลือเกินนะคิงคอง เล่นซะผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“ปากหวานขึ้นนะ Before กับ After ต่างกันจริงๆ”
“ต่างกันยังไงครับ”
“ปกติเป๊บจะหวานแบบเลี่ยนๆ แต่นี่หวานแบบโรแมนติค โจ้ไม่เคยเจอไง”
“คงเป็นเพราะการตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่างชัดเจนมากขึ้นมั้งครับ....แต่ยังไงสำหรับวันนี้ เป๊บมีความสุขมาก ที่รักก็เหมือนกัน ใช่ไหม”
   ผมพยักหน้าตอบรับแทนคำพูด ใบหน้าร้อนผ่าว หูแดงไปหมดแล้วครับ
“มายืนตรงนี้ครับ”
   ผมเดินเข้าไปหา เป๊บถอยร่นมาก้าวหนึ่ง แล้วรั้งตัวผมไปด้านหน้า โดยมีเป๊บยืนกอดจากด้านหลังไว้ ด้วยความสูงกว่า คางของเป๊บจึงตั้งบนศรีษะผมพอดี
   เราสองคนต่างมองวิวอันสวยงามของกรุงเทพยามเวลาค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นสะพานพระรามเก้า ตึกธนาคารกสิกรไทย หรือตึกอื่นๆ ต่างก็ส่องแสงแพรวพราว ให้เห็น นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่า ยามค่ำคืน กรุงเทพมหานคร ของเราจะสวยงามขนาดนี้ และยิ่งอยู่ภายใต้อ้อมกอดของคนที่เรารักและฝากชีวิตไว้แล้ว มันเป็นอารมณ์และความรู้สึกที่มีความสุขจนยากแก่การอธิบายจริงๆ ครับ
   “เป๊บ...หลงรักช่วงเวลาแบบนี้...”
   ประโยคสั้นๆ ที่ทำให้ใจผมพองโตและน้ำตาคลอเบ้า
   “เหมือนกันนะเป๊บ...”
   เป็นประโยคที่สั้นที่สุดในชีวิต แต่ความหมายที่แฝงไว้ยิ่งใหญ่เหลือเกินยากแก่การอธิบาย
“ถวายบังคมเพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันเรียนเชิญไปเหวยกระยาหารต่อเพคะ จะได้กลับวัง” ทรายเดินมาถึงถอนสายบัวสองครั้ง พร้อมเอ่ยแซว
“ขัดจังหวะสวีทจริงๆ เล้ยยยย” ผมบ่นขึ้นมา
“เฮ้ยๆ มาแดกๆๆ เดี๋ยวเมิงสองคนค่อยไปสวีทกันที่บ้าน” ฉัตรตะโกนมา
   เฮ้อ หมดอารมณ์แบบฉับพลันนนน กำลังดีเลยอ่า แต่จำใจต้องเดินกลับมากิน
   ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ทุกคนเห็นว่าควรได้เวลาแยกย้าย
“แล้วนี่เมิงจะกลับบ้านวันไหนวะ” ฉัตรหันไปถามเบิด
“ตอนแรกตั้งใจจะกลับมะรืนนี้ แต่กูว่าอยู่ยาวงานรับปริญญาและงานแต่งโจ้กับเป๊บเลยละกัน ค่อยกลับบ้านยาว”
“กูคงคิดถึงมึงมาก” ฉัตรบ่น
“เฮ้ย หาดใหญ่ ใกล้ๆ เมิงบินไปเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ากูว่างพวกเราก็นัดเจอกัน”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ห่วง กลัวมึงไม่ว่างงี้”
“แล้วเมิงละจะแต่งวันไหน” ฉัตรหันไปถามโอ๊ตกับทราย
“ปีหน้าละค่ะคุณแม่ เดี๋ยวจบก็หางานทำ สร้างครอบครัวกันที่นี่ ว่าแต่คุณแม่เถอะ ไปเมืองนอกก็กลับมาบ้าง คิดถึงแน่ๆ”
“งานแต่งมึงสองคนกูมาแน่ๆ ไม่ต้องห่วง”
“งานแต่งมึงกูก็ไปแน่ๆ เหมือนกัน” โอ๊ตบอกฉัตร
“ก่อนจะไปงานแต่ง หาผัวให้ฉัตรก่อน” เป๊บแซว
“ค่า อีจะแต่งแล้ว อีมีเมียแล้วววววว” ฉัตรแหกปากใส่เป๊บ
   พวกเราก็ขำกันลั่น เป็นอะไรที่ตลกมาก ตอนพิมพ์เล่าให้ทุกคนได้อ่านนี้ ผมนั่งอมยิ้มไปด้วย นึกถึงวันเวลาแห่งความสุขของวันนั้นที่ไม่หวนคืนมาได้อีก
“ขอโทษครับ..ทั้งหมด....” พนักงานมาแจ้งการชำระเงิน
“น้องๆ เอานี่ไป” ฉัตรส่งบัตรเครดิตให้
“เฮ้ย ฉัตร ไม่ต้องๆ กูจ่ายเอง” เป๊บเอ่ยห้ามปราม
“เมิงเก็บเงินไว้แต่งงาน วันนี้กูเป็นเจ้าภาพ ให้โอกาสกูได้ใช้เงินบ้าง จะขึ้นราหมดละ” ฉัตรพูดติดตลก
“แค่เมิงช่วยจัดงานนี้ขึ้นมา กูไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว” เป๊บบอกฉัตร
“คำขอบคุณของเมิงเปลี่ยนเป็นดูแลอีโจ้และสร้างครอบครัวเมิงให้ดีๆ ทำได้แบบนั้นกูจะดีใจมาก...น้องๆ ไปรูดมา พี่รอเซ็นต์” พนักงานทำหน้าตกใจแล้วรีบเดินกลับไป
“ฉัตร” ผมเรียกชื่อ ฉัตรหันมาสบตา
“เมิงจำได้ใช่ปะ วันที่เป๊บขอเมิงเป็นแฟนก็ที่นี่ วันนี้เป๊บขอเมิงแต่งงานก็ที่นี่ ทุกอย่างกูทำให้เพราะกูอยากทำให้ ในชีวิตกูไม่มีเพื่อนที่จริงใจแบบพวกเมิง วันหนึ่งกูได้มาเจอเพื่อนดีแบบพวกเมิง ชีวิตกูโชคดียิ่งกว่าถูกหวย โชคดียิ่งกว่าการที่ตระกูลกูมีเงินหลายพันล้าน กูทำให้เมิงแค่นี้ กูยังคิดว่าน้อยไปเลย....แต่ทุกสิ่งที่กูทำให้ กูทำเต็มที่แล้วเท่าที่กูจะทำให้ได้ อยากให้พวกเมิงรักกันเป็นกลุ่มแบบนี้ จนแก่ตายไปด้วยกัน ถ้าได้แบบนั้นกูจะดีใจมาก”
   คำพูดของฉัตรทำให้ทุกคนซึ้งใจมาก และนั่นก็เหมือนเป็นคำมั่นสัญญาที่ทำให้กลุ่มของเราเหนียวแน่นกันมาจนถึงทุกวันนี้

“ขอบใจมากนะฉัตร” ผมเอ่ยขอบคุณฉัตรเป็นการส่วนตัวในระหว่างที่เพื่อนคนอื่นๆ กำลังเข้าห้องน้ำ
“กรูเต็มใจอีหอย อะไรที่เมิงมีความสุขกรูดีใจด้วย”
“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้บุญที่เมิงช่วยเหลือส่งผลให้เมิงเจอคู่ที่ดี มีความสุข ร่ำรวยๆนะ” ผมอวยพรฉัตร
“ขอบใจนะเมิง ขอแค่เจอคู่ที่ดีพอแล้ว เงินกรูมีเยอะละ เอาผัวดีๆพอ”
“ฮ่าๆๆ” เราสองคนหัวเราะกัน
   คำอวยพรของผมก็ศักดิ์สิทธิ์นะครับ ฉัตรก็ได้เจอผู้ชายที่ดีมาก และรักฉัตรมาก มีลูกด้วยกันสามคนแล้ว แถมผู้ชายทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานในอเมริกาและยุโรป ฉัตรเลยกลายเป็นคุณนายมหาเศรษฐีไปซะงั้น รวยเว่อร์วังกว่าเดิมอีก
   พวกเราทุกคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน ผมกลับกับเป๊บ ส่วนฉัตรก็อาสาไปส่งเพื่อนๆ ทุกคน
   ระหว่างขับรถเดินทางกลับบ้าน
“เดี๋ยวเป๊บจะให้แด๊ดกับมัมไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่นะครับ” เป๊บเอ่ยขึ้นมา
“หา..เอ่อ..แล้วเป๊บ งานจะจัดแบบไหนยังไงอะ คือ โจ้ไม่รู้ว่าจะทำยังไง”
“ทุกอย่างเป๊บเตรียมไว้หมดแล้วครับ แต่คงเป็นงานเล็กๆ เป็นการภายในนะครับ”
“หือ...อะไรคือเตรียมการไว้หมดแล้ว เป๊บ วางแผนมาล่วงหน้าแล้วหรือ”
“ใช่ครับ” หันมายิ้มหล่อสุดชีวิตให้ผมทีนึง
“ทำไมร้ายแบบนี้ เจ้าเล่ห์มาก”
“ที่รักก็พูดเกินไป เขาเรียกเตรียมความพร้อมต่างหากครับ”
“แล้วถ้าโจ้ไม่ยอมแต่งด้วยละ ที่เตรียมมาไม่พังหมดหรือ”
“ก็พังครับ แต่เป๊บเชื่อมั่นว่า หนูน้อยโจ้หมวกแดงต้องเสร็จหมาป่าเป๊บแน่นอน” แล้วหันมาทำสายตาหื่นๆ ใส่ หมาป่าหื่น ทะลึ่ง เชอะ
“ทำมามั่นใจ เห๊อะ”
   วันนนี้เป๊บมานอนค้างที่บ้านผม จอดรถเสร็จก็เดินเข้าบ้าน พ่อ แม่ ยังคงนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก และแปลกใจมากที่สุด จิม ก็นอนรออยู่ที่นั่นด้วย
“เอ่อ..แล้วทุกคนยังไม่นอนกันหรือครับ” ผมถามด้วยความ งงๆ
“รอฟังข่าวดีไงลูก” แม่ตอบผม
“ตกลงลูกเป๊บ สำเร็จใช่ไหม”
“ครับพ่อ”
“เยสสสสส....งั้นจิมไปนอนละ ได้ฟังข่าวดีก็นอนหลับสบายละ”
   ผมละงงกับทุกคน หันมองหน้าไปมา คืออะไร
“หมายความว่า พ่อกับแม่และจิม รู้เห็นเป็นใจ”
“ใช่จ๊ะลูก ลูกแม่ขายออกแล้ว แม่ก็สบายใจ”
“แม่” ผมอ้าปากเหวอ
“พ่อก็สบายใจ ลูกเป๊บ รับไปเลี้ยงดูแล้ว พ่อไม่รับคืนนะ”
“พ่อ” ผมอ้าปากเหวออีกรอบ
“ครับ พ่อกับแม่สบายใจได้นะครับ จะเลี้ยงดูอย่างดีครับ” เป๊บยิ้มกว้างพร้อมเอามือมาโอบไหล่ผม
“พ่ออ่าแม่อ่า หวงลูกคนนี้บ้างงงง”
“จะหวงทำไมละลูก โตขนาดนี้แล้วควรมีคนมาดูแล ไปๆ ไปนอนกันได้แล้ว แม่กับพ่อจะไปพักผ่อนแล้วลูก พรุ่งนี้แม่จะทำอาหารเช้าให้ ไปๆ”
   พ่อกับแม่ก็เดินไปยังห้องนอน ส่วนเป๊บก็เดินจูงมือผมขึ้นไปบนห้องนอน
“ปล่อยเลย คิงคองเพี้ยน วางแผนแยบยลนักนะ”
“ไม่ได้วางแผนแยบยลซักหน่อยครับ เขาเรียก วางแผนเตรียมพร้อม”
“นั่นแหละ เจ้าเล่ห์ตลอด”
“หือ คำก็เจ้าเล่ห์ สองคำก็เจ้าเล่ห์ ใช้คำแบบนี้กับสามีได้ยังไงครับ มานี่เลย”
   เปิดประตูห้องนอนได้ เป๊บก็เหวี่ยงตัวผมแบบเบาๆ ให้ล้มลงไปนอนบนเตียง เอ๊ะ!! ผมเริ่มรู้สึกว่าความซวยจะมาเยือน
“เดี๋ยวเป๊บบบบ....ใจเย็นๆ”
“ไม่เย็นแล้วครับ ยอมเป๊บซะดีๆ”
“เดี๋ยวๆ เป๊บ ถุงยางกับวาสลีนหมด....หยุดดดดด”
“ไม่ต้องใช้แล้วครับ”
“แว๊กกกกก....”
   คืนนั้นโจ้น้อยโดนหมาป่าเขมือบหลายรอบอยู่ครับ...นับจากสึกออกจาเพศบรรพชิตมา ก็เพิ่มจะโดนเขมือบนี่แหละ ผู้อ่านทุกคน ช่วยหนูน้อยโจ้หมวกแดงด้วยครับ ฮืออออ......


ออฟไลน์ nutto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ดีงาม มีความละมุน มีความซาบซึ้ง และชอบความเป็นหมาป่าเป๊ปมากๆครับ
ขอให้รักและมีความสุขกันในทุกๆวันนะครับ

ปล. พี่ฉัตรคือสุดมากจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 334
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ยินดีด้วยนะครับ

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ตอนนี้น่ารักมากเลย  :m1:
ฉัตรเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ถ้ามีเวลาเขียนตอนพิเศษของฉัตรบ้างนะคะ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
กองเชียร์ฟินมากๆค่ะ

ออฟไลน์ lipure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 :กอด1: :กอด1:

ติดตามตอนต่อไป

และอย่างอ่านตอนที่พี่ๆ ไปเรียน’นอกกันกันอ่ะค่า

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 :-[
ฟินสุด ๆ เป็บเป็นผู้ชายอบอุ่น มีแต่น้องโจ้ที่อารมณ์ขึ้นลงแต่ก็น่ารัก อิอิ
ดีใจด้วยนะ ตอนต่อไปก็คงต้องรออ่านงานแต่งละนะ อย่าให้รอถึงปีหน้าล่ะ

 :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ยยย น่ารัก คนอ่านยิ้มแก้มแตก

ตอนหน้าก็จบเรื่องเล่าในอดีต รออ่านนะคะ
แต่ๆๆๆๆๆๆ เรื่องราวอัพเดตความรักของโจ้กับเป๊บไม่ต้องจบนะคะ คนอ่านรออ่านได้ตลอด ว่าก็มาเล่าให้ชื่นใจกันบ้างก็ดีค่ะ

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
 :pig4:ดขอบคุณเรื่องราวดีๆที่น้องทั้งสองนำมาแบ่งปัน ทั้งสนุกปนเศร้า ทั้งเรื่องดีๆ เหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งเรื่องเหลือเชื่อเหนือธรรมชาติ เรื่องนี้จบคงคิดถึงน้องสองคนแน่ๆ ยังไงก็แวะเวียนมาทักทายกันบ้างนะคะ รักมากมาย :L1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยินดี กับเจ้าบ่าวเบ๊ป เจ้าบ่าวโจ้ นะ  :mew1: :mew1: :mew1:
ชื่นชมกับความรักทั้งของเพื่อนๆ ครอบครัว และชีวิตคู่เบ๊ป โจ้

เบ๊ป  โจ้   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แม้ว่าเรื่องจบแต่อยากให้โจ้ เบ๊ป เข้ามาอัพเดทบ่อยๆนะ  :-[
ขอบคุณโจ้ เบ๊ป มากๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เรื่องราวน่านักมากเลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด