Chapter 6 รังสีอำมหิต จูบร้อนแรงของคิงคอง
โอ้ว คิงคองกับตั๋มมองหน้าผมด้วยสายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ราวกับว่าผมทำอะไรผิด ยังไม่ได้ทำอะไรเลยน้า คนมันน่ารัก ช่วยไม่ได้คร้าบบบ ฮ่าๆๆ
“สำหรับในกิจกรรมวันนี้ ผมคิดว่าทุกคนคงจะทราบแล้วนะครับว่า ใครเป็นพี่รหัส ใครเป็นน้องรหัส ยังไงก็พยายามพูดคุยกันช่วยเหลือกันในทุกๆ เรื่อง เพื่อให้อุปสรรคทุกอย่างผ่านพ้นไปได้นะครับ กิจกรรมวันนี้สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ เจอกันในวันเรียนจริงนะครับ ขอบคุณครับ” พี่เด่นพูดจบก็มีเสียงปรบมือพร้อมเสียงวิ้วๆ ดังมากเลยละครับ
“น้องโจ้จะกลับบ้านหรือยังครับ” พี่หลุยส์ถาม
“ก็คิดว่าเลิกคงกลับเลยครับพี่ กลัวรถติด กลับถึงบ้านดึกโดนดุอะครับ แหะๆ”ผมตอบฉีกยิ้มหวานๆ ไปทีนึง
“ครับ งั้นเจอกันวันเปิดเรียนจริงนะ”พี่หลุยส์ยิ้มตอบโบกมือลา แล้วก็เดินไปสมทบกับกลุ่มของพี่เด่น
หลังจากพี่หลุยส์หันหลังกลับไป ผมก็ยังคงมองตามแผ่นหลังกว้างนั่น พลางคิดในใจว่า หล่อน่อ เท่ห์จัง ฮิฮิ เขินไปเรื่อย จนได้ยินเสียงของ
“ผู้ชายจับมือนี่ ชอบละซิ” คิงคองป่าถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ไม่ใช่โว้ย กรูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ก็แค่แสดงมิตรภาพที่ดีเท่านั้น” ผมตอบผสมอารมณ์โกรธนิดๆ
“จริงเรอะ กรูเห็นหน้าแดง หน้าตาและสายตาเมิงที่มองไอ้รุ่นพี่นั่น แสดงอาการพอใจนี่ หรือว่าเมิงชอบให้ผู้ชายมารุมล้อมลวนลาม”คิงคองต่อว่าด้วยอารมณ์เครียด
“เฮ้ยไอ้คิงคอง กรูไม่ใช่คนที่มักมากบ้ากามนะเว้ย ที่จะพอใจให้ใครมาลวนลาม เมิงเป็นอะไรมากปะเนี่ย จะประชดแดกดันกรูไปถึงไหน” ผมตอบด่ามันไปด้วยอารมณ์ที่โมโหมากละครับ พอด่ามันเสร็จผมก็เดินกึ่งวิ่งหนีออกจากมันมา เดินไปที่อาคารจอดรถขึ้นชั้น 7 เพื่อจะกลับบ้าน
ระหว่างที่เดินกึ่งวิ่งจนมาถึงลิฟท์ของอาคารจอดรถ ในช่วงที่กำลังยืนรอหน้าลิฟท์ หมับ......ผมตกใจมากที่มีคนมาคว้าแขนไว้ หันกลับไปดู เป็นไอ้คิงคอง
“เมิงจะหนีกรูไปไหน ยังคุยไม่รู้เรื่อง” คิงคองมันตามผมมาอะ แว๊กๆ
“กรูว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ หรือเมิงอยากจะให้รู้เรื่องมากกว่านี้ โอเคได้ ไอ้เป๊บ กรูเกลียดเมิงงงงงงงงงง” ผมตะโกนใส่หน้ามัน “เข้าใจมั้ยไอ้เชี่ย อย่ามายุ่งกรูอีกกกกกกกก กรูเกลียดดดดดดดมะ........”
อุ๊ฟ............... ริมฝีปากของไอ้เป๊บประกบกับปากของผม ผมตกใจมาก........ ไอ้เป๊บจูบผมพยายามดันลิ้นเข้ามา ช่วงเวลาตอนนั้น ผมพยายามเอามือผลักออก ทั้งทุบ ทั้งต่อย แต่ดูเหมือนว่าจะสู้แรงไอ้เป๊บไม่ได้ ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งโดนกอดแน่นมากขึ้นเท่านั้น ...ฮือๆๆ... ฮึกๆๆ.....อยู่ดีๆ ก็น้ำตาไหล อารมณ์รู้สึกว่าตัวเองปั่นป่วนครับ เหมือนกับว่าปกป้องตัวเองไม่ได้ อ่อนแอ สู้ใครไม่ได้ ทุบไปทุบมาสักพักกลายเป็นเคลิ้ม ตกหลุมรสจูบของไอ้เป๊บซะงั้น(พิมพ์ไปเขินไป อยากจะบอกว่า จูบเก่งมาก ฮิฮิ) จนไอ้เป๊บมันรู้สึกตัว
“กะ....กรูขอโทษ..” ไอ้เป๊บมันหน้าเสียมาก
“ฮือๆๆ ฮึก....” ผมร้องไห้ครับ พอรู้สึกตัวก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้น 7

(ตอนนี้ก็มานั่งคิดนะว่า วิ่งขึ้นไปได้วะนั่น เหนื่อยตายHA)
“โจ้...โจ้... กรูขอโทษ เมิงรอก่อน เมิงหยุดฟังกรูก่อนน กรูขอโทษษษษษษษ” ผมได้ยินคำขอโทษดังตามหลังมา แต่ด้วยความกลัวและตกใจ เลยวิ่งไม่คิดชีวิตเลยครับ พอถึงชั้น 7 ก็รีบกดรีโมทเปิดประตูรถ สตาท และเหยียบคันเร่งเต็มที่เลย มองผ่านกระจกหลังไป เห็นไอ้เป๊บมองตามหลังรถมา
ขับออกมาได้สักพัก....Where ever you go what ever you do หน้าจอขึ้นชื่อ เป๊บ.... ผมขับรถไปน้ำตาไหลไป ใครจะไปรับสายเมิงละ เหยียดหยามกรูขนาดนั้น ไอ้ชั่วเอ้ย ด่าไปน้ำตาไหลไป มันโทรมานับสิบสายเลยครับ แต่ผมก็ไม่รับแม้แต่สายเดียว จนกระทั่งถึงบ้าน
“เอ้าลูกมาพอดีเลย มาทานข้าวด้วยกัน” แม่ผมชวน
“ทำไมตาบวมแดงละนั่น ไปทำอะไรมา” พ่อผมคงสังเกตเห็นเลยถาม แม่ก็หันมามองหน้าด้วย
“นั่นซิลูก ตาโดนอะไรมา ร้องไห้หรือลูก ใครทำอะไร บอกแม่มา” แม่ผมแสดงอาการเป็นห่วงมากเลยครับ
“พ่อครับแม่ครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ ฝุ่นเข้าตานะครับ” ข้ออ้างยอดฮิตเลยนะนั่น
“ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ รู้สึกเหนื่อยมากๆ พ่อกับแม่ทานได้เลยนะครับ” ไม่ทันที่พ่อกับแม่จะพูดอะไรออกมาอีก ผมก็รีบเดินขึ้นไปห้องนอนชั้นบน
ฮือ...ฮึกๆๆ.... ทำไมชีวิตกรูต้องเจอแบบนี้ ทำไมต้องเจอแต่คนใจร้าย ทั้งนั้น ผมนอนร้องไห้บนเตียงนอน Where ever you go what ever you do ผมเหลือบมองโทรศัพท์ เบอร์น้องนี่ ผมกดรับสาย
“พี่ เป็นอะไร ใครทำอะไร พ่อกับแม่โทรมาบอกว่า เหมือนพี่ร้องไห้หนักมาก บอกมาใครทำอะไรเดี๋ยวกลับไปจะกระทืบให้จมดิน” น้องผมยิงคำถามเร็วจี๋
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ แล้วนี่เที่ยวเป็นยังไงบ้าง สนุกมั้ย” ผมพยายามทำน้ำเสียงปกติ
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะพี่ ตกลงไอ้หน้าไหนมันทำอะไร เล่ามา จะหมดสนุกก็ตอนที่พี่เศร้าเนี่ย” น้องผมคาดคั้นยังกะอยู่ DSI ชิ
“พอเถอะ ไม่มีอะไรหรอก อย่าห่วงพี่น่า ดูแลตัวเองได้ เราเหอะเที่ยวให้สนุก แล้วจะกลับวันไหนนี่ ซื้อของมาฝากด้วย ฮ่าๆๆ” ผมไม่ตอบคำถามของน้อง น้องรู้นิสัยผมดีครับว่า ถ้าผมปฏิเสธซ้ำกันสองสามครั้ง มันจะไม่เซ้าซี้ คงรอให้ผมใจเย็นมากกว่านี้คงจะเล่าเองในภายหลัง
“เอาเถอะพี่ ไม่เล่าไม่เป็นไร จะกลับวันมะรืนนี้แหละ เดี๋ยวจะซื้อขนมไปฝาก ยังไงก็เข้มแข็งละกัน ใครซ่าเดี๋ยวน้องไปถีบให้ ดูแลตัวเองดีๆ” น้องผมปลอบ
“ได้ๆ เที่ยวให้สนุก ไปนอนได้แล้ว ชิ่วๆๆ” วางสายปุ๊บ น้ำตาแตกอีกรอบ ซึ้งที่น้องเป็นห่วงครับ
ร้องไห้จนสะใจแล้ว ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำ ชำระล้างร่างกาย แต่มือก็ไปเผลอลูบปากที่ไอ้เป๊บจูบ อะไรกันเนี่ย เสียใจอยู่นะโว้ยไอ้โจ้ เมิงจะมาลูบตรงที่มันจูบทำไมเนี่ย แง่งๆๆๆ แฮ่ๆๆๆ โว้ยยยยผมสะบัดหัวไปมาเผื่อว่าจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ อะไรกันนักหนาวะเนี่ย
หลังจากออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวชุดนอนเรียบร้อย ล้มลงบนเตียงนอน ก็หยิบโทรศัพท์มาดู
“โห ไอ้เป๊บโทรมาไม่ได้รับตั้ง 49 สาย ช่างแม่ง ใครจะรับสายเมิงละ ไอ้คิงคองป่าเถื่อน” ผมก็ปิดเครื่องแล้วก็หลับไปในที่สุด
ตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมานี้ เป๊บโทรมาเป็นร้อยๆ สาย แต่ว่าผมตัดสินใจไม่รับ กดสายทิ้งบ้าง ตั้งเสียงเงียบไว้บ้าง ตั้งสั่นไว้บ้าง ไม่รับสายเด็ดขาด ชิ ทำกะกรูขนาดนั้น ไม่มีทางให้อภัยเด็ดขาด เชอะๆๆๆ ปังๆๆๆ เสียงคนเคาะประตู
“เฮียๆๆ ผมกลับมาแล้ววววว เปิดประตูๆๆๆ ปังๆๆ” น้องชายผมครับ เคาะซะราวกับว่าผมโดนฆ่าซะงั้น
“เออๆๆ รอเดี๋ยวๆๆ อย่าเคาะมากโว้ย ประตูจะพังแล้ว” ผมตะโกนกลับไป ลากตัวเองออกมาจากเตียง เดินงัวเงียมาเปิดประตู พอปลดล๊อก น้องชายผมผลักเข้ามาทันที แทบจะล้มทั้งยืน
“เฮียๆๆ เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง ใครทำอะไร ตกลงเล่าได้ยัง” น้องผมรัวคำถามเป็นชุด แถมยังเอามือมาประคองหน้าผลิกไปผลิกมา
ผมจับมือน้องชาย “เลิกจับหน้าผลิกไปมาได้แล้ว คนนะเว้ยไม่ใช่ปลา ชิ”
“เฮียก็เล่ามาซิ ว่าใครทำอะไร จนเฮียร้องไห้โฮกๆๆ ขนาดนั้นนะ” ดูมันถามพี่มันแต่ละ น่าจับปาดคอซะจริง
ผมนั่งเงียบสักครู่นึง ก็ตัดสินใจเล่า “พี่โดนจูบนะ”
“หาๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครมาจูบพี่ ไอ้หน้าไหน แล้วพี่ยอมมันทำไม ไม่ต่อยมันไปละ”
“ก็ต่อยแล้ว ผลักแล้ว แต่มันแรงเยอะกว่านี่ สู้มันไม่ไหว”ผมตอบน้องไป
“มันชื่ออะไร เป็นใคร เดี๋ยวจะไปซัดมันเอง”น้องผมทำท่าขึงขัง
“เดี๋ยวๆ ว่าแต่ พี่ชอบมันหรือเปล่า ถึงได้ยอมนะ” น้องผมเปลี่ยนจากท่าขึงขัง มาทำสายตาระยิบระยับ ไอ้น้องเวร
ผมเงียบ อยู่ดีๆ ก็เขินหน้าแดง

เวรกรรมกรูจริงๆ ไอ้อาการเขินหน้าแดงเนี่ยมันแก้ไม่หาย
“ฮ่าๆๆๆๆ ตกลงพี่แอบมีใจให้มันใช่มั้ยละ หน้าแดงขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆ” น้องผมขำ เจ็บใจที่มันรู้ทัน ชิ
อ่านถึงตรงนี้ งง ใช่มั้ยครับว่าทำไมน้องชายผมถึงได้ถามและพูดคุยแบบนี้ ใช่ครับ ครอบครัวของผมทราบดีกว่า ผมเป็นอย่างไร ความแตกก็ตอน ม 4 โน่น แต่ผมขอไม่เล่าเรื่องในอดีตสมัย ม.ปลายนะครับ ขอเริ่มจากตอน ป. โท นี่แหละ ความแตกในตอนนั้น พ่อผมแกก็เสียใจนะครับ ส่วนแม่แกก็ตกใจบ้างแต่ก็ยอมรับได้ แม่ผมบอกว่าเรื่องที่ผมเป็นแบบนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของแก เพราะแกเลี้ยงผมกับน้องชายมา แกสังเกตพฤติกรรมบางอย่างออก ส่วนพ่อผมก็ทราบจากแม่ครับ แต่แกคิดว่าพอโตขึ้นอาจจะเปลี่ยนแปลงกันได้ แกเลยสร้างภาพไม่ยอมรับความจริง พอความแตกตอน ม.4 พ่อผมใช้เวลาทำใจระยะนึงครับ แกพูดติดตลกว่า ก็ยังดีที่ไม่ตุ้งติ้งหรือคิดอยากจะแปลงเพศ ไม่งั้นแกคงเครียดมากกว่านี้ ผมจำได้ว่าตอนที่พ่อแม่รู้ความจริง ผมร้องไห้มากเลยครับ ราวกับว่าทำให้ท่านเสียใจที่มีลูกผิดปกติแบบผม ถ้าผมเลือกเกิดได้ก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอกครับ ส่วนน้องชายช่วงนั้นก็ยังเพิ่งเข้าวัยรุ่น พอทราบความจริงจากพ่อแม่ ผมก็นึกว่าน้องชายคงรังเกียจผมนะแหละ แต่ที่ไหนได้ น้องเข้ามาปลอบและพูดว่า เรามีกันสองคนนะพี่ ไม่ว่าพี่เป็นยังไงผมพี่ก็ยังเป็นพี่ผมและผมก็ยังรักพี่เสมอ ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก นับจากนั้นมา น้องผมจะเข้ามาดูแล เป็นห่วงในหลายๆ เรื่อง เพราะผมไม่ค่อยถนัดเรื่องเตะต่อยเท่าไหร่นัก ผู้ชายคนไหนที่เข้ามายุ่งกับผม ถ้าน้องไม่ชอบแล้วต้องมีเรื่องทุกทีซินะ
“ตกลงพี่พอใจคนนี้ละซิ ฮ่าๆ ผมไม่ห้ามนะพี่ แต่ยังไงก็ดูแลตัวเองบ้าง อย่าปล่อยให้เสียเปรียบ แล้วว่างๆ พามากินข้าวที่บ้านด้วย เผื่อพ่อแม่จะได้ลูกเขยดีๆ ฮ่าๆๆ”พอพูดจบมันก็วิ่งไปหน้าประตู
“อะ...ไอ้.....ไอ้น้องบ้า..” ผมพูดพลางหยิบหมอนเขวี้ยงใส่มัน มันก็ปิดประตูเดินหัวเราะออกไปซะงั้น ชิ รู้ทันซะจริง เสียฟอร์มๆๆๆ โว้ย แล้วไอ้หน้าแดงเนี่ย เมื่อไหร่มันจะมียารักษา ห๊าๆๆๆ ชิ
พรุ่งนี้แล้วซินะ วันเปิดเรียนของจริง เจอหน้าไอ้คิงคองแล้วจะวางตัวยังไงดีละ ไม่สบายใจเอาซะเลย อืม หรือว่าเราควรยกโทษให้มัน ไม่ๆๆ ทำกะกรูขนาดนั้น ไม่มีทางโว้ย เชอะ......
ต่อตอนหน้าครับบบบบ