"ของขวัญวันเกิด"พฤษภาที่ไปจัดแจงอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยเดินเข้ามาในครัว เขาทำจมูกฟุดฟิด
“ผมได้กลิ่นไข่ดาว”
คนที่ยืนหันหลังให้เอียงเสี้ยวหน้ามามอง เขาขอยืมครัวของกุ๊กเมย์เป็นการชั่วคราวหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าจะไม่ระเบิดอะไรจนพังพินาศอีก
“ทำไมต้องไข่ดาวด้วยล่ะ ไข่เจียว ไข่นึ่ง ไข่ตุ๋น ไข่คนก็มีนี่”
“กลิ่นไม่เหมือนกัน” กุ๊กยิ้ม เท้าคางมองคนที่พยายามเต็มที่กับการทอดไข่ และตอนนี้..แด๊ดดี้เฟรดก็สามารถทำอาหารจากไข่ได้โดยไม่ไหม้แล้ว
“คุณให้ผมกี่คะแนน” เฟรดอ้อน
“เท่าไหร่ดีนะ” และคนมองก็อดยิ้มเขินไม่ได้
เด็กชายเมษาสำลักมาร์ชเมลโลไส้ช็อคโกแลตดังค่อกแค่ก จอชชี่พยายามช่วยลูบหลัง ไอ้ตัวน้อยเลยบ้วนขนมนิ่มๆออกมาได้ติดกันสามชิ้น สองพ่อที่กำลังหวานกันได้ที่เลยถูกกระตุ้นสติ รีบก้าวเข้ามาหาลูกๆของตน
“โธ่..น้องเมษ ทำไมหนูตะกละแบบนี้”
“อา..อ่อย” ขนาดถุยออกมาแล้วยังไม่วายยัดกลับเข้าไปใหม่นะนั่น
พวกเขาหัวเราะที่เจ้าตัวเล็กไม่มีท่าทีตกใจอะไรเลย ซ้ำยังคว้าขนมห่ออื่นมากินต่อหน้าตาเฉยได้อีก ผิดกับจอชชี่ที่น้ำตาคลอด้วยความเป็นห่วง
มื้อเช้าวันนั้นมีแด๊ดดี้เฟรดเป็นลูกมือกุ๊กเมย์ ส่วนเจ้าตัวร้ายทั้งสองก็ถูกมอบหมายให้ค่อยๆใช้มีดสองคมปอกเปลือกแครอทกับหัวไชเท้า
พฤษภายืนซ้อนหลังโจชัวร์ จับมือน้อยๆไว้มั่นคงแล้วประคองแครอทอันเล็กด้วยมือข้างหนึ่ง “แบบนี้นะลูก ไม่ต้องรีบ”
โจชัวร์พยักหน้าหงึกหงัก ปล่อยแรงตามมือของพ่อจ๋าที่กำลังสอน
น้องเมษเคยปอกเปลือกหัวไชเท้าแล้วเลยทำได้ไวกว่าเพื่อน ตอนนี้เด็กชายกำลังบดมันฝรั่งด้วยมือ เรื่องใช้แรงน่ะขอให้บอกมาเลย
“นี่..” เฟรดสะกิดคนที่ตั้งหน้าตั้งตาคุยกับเด็ก
“หืม?”
“เพื่อนผมกำลังจะทำร้านอาหาร” ร่างสูงยิ้มน้อยๆ เป็นยิ้มกระจ่างใสที่ส่งให้ดวงตาสีฟ้าสว่างกลายเป็นประกายวิบวับ “มีห้องว่างพื้นที่ประมาณสามห้องอยู่แถวบริษัทที่ผมทำงานอยู่ ตรงนั้นเป็นอาคารชั้นเดียว แต่ถ้าตกแต่งดีๆ มันคงกลายเป็นร้านอาหารที่สวยได้”
พฤษภาพยักหน้ารับ “แล้ว?”
“ผมอยากชวนคุณไปดู”
“ทำไมล่ะ” เขางุนงง
“เพื่อนผมบอกว่า เขาอยากให้คนที่มีความรู้เรื่องอาหารช่วยดูพื้นที่หน่อย เขาไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน เลยสงสัยว่าต้องทำยังไงบ้าง”
“ให้พวกสถาปัตย์ พวกก่อสร้าง หรือพวกตกแต่งบ้านดูไม่ดีกว่าเหรอ” กุ๊กเมย์เกาแก้ม “ผมขลุกอยู่แต่ในครัว คงช่วยได้ไม่เยอะ” พอตอบออกไปอย่างนั้นก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองขาดเพราะแด๊ดดี้ทำหน้าหงอยเหงาทันที
ดังนั้น ในบ่ายของวันเสาร์ พฤษภาจึงจูงมือลูกๆทั้งสองคนไปดูที่แถวบริษัทคุณเฟรด ส่วนคนชวนก็ทำหน้าดีใจราวกับเจอฝนตกลงมาเป็นทอง
ถัดจากตึกที่เฟรดทำงานไม่กี่บล็อก พวกเขาเจออาคารชั้นเดียวตั้งอยู่กลางพื้นที่ว่างไม่ใหญ่นัก ความกว้างของมันประมาณสามห้องตึกแถว ผนังด้านข้างก่ออิฐ มีรอยแตกเล็กน้อยเพราะน้ำฝนเซาะ ดูเหมือนว่ากำลังมีการซ่อมแซมขนานใหญ่เพราะกระจกด้านหน้าที่มีรอยร้าวถูกถอดออกและใส่กระจกบานใหม่แทน กำแพงบางด้านที่ถูกมือดีพ่นสีเล่นก็ถูกทาสีแดงอิฐทับ
มันคงเคยเป็นร้านอาหารมาก่อน พอปิดกิจการ เจ้าของเลยย้ายออก
“ต้องปรับกันพอควรเลยนะเนี่ย” พฤษภาจับมือเจ้าเด็กกำลังซนทั้งสองไว้แน่นเพราะกลัวจะเล่นจนไปถูกอะไรอันตรายเข้า
“กำลังทำข้างในใหม่ ทาสี สร้างเคาน์เตอร์ ติดชั้นวาง”
กุ๊กพยักหน้า “แต่พื้นที่ดีนะครับ คนเดินผ่านไปมาแถมติดถนน” เขามองโดยรอบ “ถางต้นไม้รกๆตรงที่ว่างให้โล่งแล้วทำเป็นที่จอดรถได้”
“คุณชอบมั้ย” เฟรดอมยิ้ม
“ชอบสิ ชอบมาก” พฤษภาหลับตานิ่ง “ตอนนี้กำลังคิดว่า ถ้าในอนาคตได้มีร้านเป็นของตัวเองบ้างก็ดี สงสัยต้องรีบทำงานเก็บเงินแล้ว”
“จริงๆที่ดินตรงนี้ไม่แพงนะ เจ้าของเก่าขายให้กับบอสของผม ตอนแรกบอสว่าจะซื้อตึกใกล้ๆกันเผื่อขยายสำนักงาน แต่ตอนหลังเขาเปลี่ยนใจ”
คนฟังเลิกคิ้วแทนคำถาม
“เขาพบรักแล้วย้ายลงไปอยู่ทางใต้แทน” เฟรดหัวเราะ “ผมรู้ว่าบอสจะขายที่ตรงนี้ทิ้งเลยไปถาม บอสก็ให้ราคาถูกๆมา แทบจะได้เปล่าเลยล่ะ”
“โอ้โห” กุ๊กทำตาโต “เจ้านายคุณใจดีจัง”
“เดี๋ยวสักวันก็ได้เจอ เพราะเขาบอกให้ผมพาลูกไปเที่ยวกระบี่ด้วย”
พฤษภาทำไม่รู้ไม่ชี้ “เขาชวนคุณ ไม่ได้ชวนผม”
“ชวนใครก็เหมือนกัน ใช่มั้ยครับ” แด๊ดดี้หันไปหาลูกคู่ที่ยืนสงบเสงี่ยม ฟังพ่อๆตาใสแป๋ว “เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“แควมมิลี่” เด็กชายเมษาวาดรูปไว้แล้วนะ สวยมากๆด้วย
กุ๊กเมย์แก้มแดงก่ำ รีบเดินหนีไปเมียงมองด้านใน มีคนเข้ามาเคลียร์พื้นที่เอาไว้แล้วและกำลังดำเนินการทาสีใหม่
“เข้าไปดูมั้ย” เฟรดชวน
“จะดีเหรอครับ เดี๋ยวเจ้าของเขาว่าเอา”
คนชวนส่ายหัว “ไม่ว่าหรอก ออกจะดีใจด้วยซ้ำ จริงๆนะ” เขาขยายความเมื่ออีกคนทำหน้างุนงง “เพื่อนผมอยากทำร้านอาหารไทยกับอาหารฝรั่ง มีขนมขายด้วย” เขาพึมพำ “เอาแบบไม่หรูมาก ให้อารมณ์อบอุ่นเป็นกันเอง แต่ทีนี้..หมอนั่นไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดี”
พฤษภายิ้มน้อยๆ “เขาฝันไว้แบบผมเลย”
“เห็นมั้ย เมย์ช่วยเราได้” เฟรดยิ้มแก้มปริ “เพราะฉะนั้น คุณหลับตาแล้วจินตนาการให้หน่อย ว่าถ้าร้านนี้เป็นของคุณ อยากจะทำยังไงกับมัน”
“มันก็ออกมาในแบบที่ผมชอบน่ะสิ ไม่ใช่เพื่อนคุณชอบ”
“เขามีแบบไว้ในหัวอยู่แล้วที่รัก” คนบอกยิ้มอ่อนโยน รุนหลังแล้ววางมือทั้งสองลงบนไหล่เล็ก “ไม่ต้องคิดมาก บอกความฝันของคุณออกมา แล้วเขาจะรับไว้พิจารณาหรือไม่..นั่นเป็นอีกเรื่อง”
เมื่อเพื่อนเจ้าของสถานที่บอกว่าตามสบาย กุ๊กพฤษภ์เลยได้ฤกษ์ฝอยความในใจของตนเต็มที่ เขาชอบร้านอาหารสีเอิร์ธโทน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อให้ดูอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน แสงสว่างที่ใช้มาจากโคมไฟกระดาษสาราคาถูก ตัวเคาน์เตอร์ก่ออิฐทับเพื่อเล่นลวดลายและทำพื้นแบบปูนเปลือยจะได้สะดวกต่อการทำความสะอาดเพราะร้านอาหารย่อมเลอะเทอะได้ง่าย
“ตรงนี้ต่อชั้นวางของ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ติดภาพเด็กๆให้ทั่วเลย” เขาหัวเราะ “ข้างนอกปลูกคุณนายตื่นสาย แล้วก็ตรงกำแพงอิฐที่มีรอยก็หาต้นตีนตุ๊กแกมาปลูก พอมันโตได้ที่นะ รากมันจะช่วยยึดรอยแตกไว้ได้ด้วยละ”
เฟรดยืนกอดอกฟังอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “งบไม่เยอะเท่าไหร่นะ”
“ไม่เยอะๆ” คนพูดส่ายหัวดิก “อย่างโต๊ะก็ไม่ชอบพวกไม้แผ่นใหญ่นะ มันทำลายธรรมชาติ เอาแบบจั๊งค์สไตล์นี่ละ เขากำลังฮิต ดูเหมือนอยู่บ้านดี”
“แบบนี้นี่เอง”
พฤษภายิ้มเผล่ “ประมาณนี้..ความฝันของผม”
“เพื่อนผมต้องชอบมากแน่ๆ” เฟรดเดินเข้ามาโอบไหล่ลาด น้องเมษกับโจชัวร์เริ่มยืนไม่ติดที่เพราะท้องกำลังร้องจ๊อกๆ “ไปหาอะไรกินกัน”
“ร้านเพื่อนของคุณเปิดวันไหน” คนถามตาเป็นประกาย “ผมจะแวะมาเยี่ยมแล้วก็จะพาน้องเมษมากินข้าวที่นี่”
“วันที่ห้า พฤษภา” เฟรดยิ้มมั่นใจ “เขาเชิญพวกเรากับแขกวีไอพี เดี๋ยววันนั้นผมไปรับคุณที่บ้านก็แล้วกัน”
คนฟังผงกหัวอย่างไม่คิดอะไรเพราะตอนนี้เขาเริ่มหิวจนไส้กิ่วตามลูกๆแล้ว “ฮ่อๆ ตกลงโป๊ะเช๊ะ”
หนุ่มฝรั่งไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกตอนที่จูงเด็กๆเดินออกไปนอกเขตลานว่าง ระหว่างนั้น กุ๊กพฤษภ์แอบหันมามองร้านในฝันของตัวเองอีกหน
..สักวัน..เขาจะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง..

ซิก.... เอามาแปะไว้เพื่อบอกว่า ยังเขียนต่อน้าา

แต่ที่หายไปนี่ไปปั่น Wrath ก่อนจนจบ พอดีตอนนี้กำลังรีไรท์น้ากุ้งใหม่สำหรับเล่ม เลยยังไม่ว่างต่อ 5555+
หลังจากเรียบร้อยแล้วจะเข็นเรื่องนี้ให้จบจ้า
