INDY in love เกรียนนัก..แต่ก็รักละวะ! 2/4/59 ::Special Idylle:: Final P.289
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: INDY in love เกรียนนัก..แต่ก็รักละวะ! 2/4/59 ::Special Idylle:: Final P.289  (อ่าน 2487616 ครั้ง)

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
บอกตรงๆ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเส้นเรื่่องคู่โจหนุ่ม เป็นยังไง
จำได้แต่ว่าคู่นี้น่าสนใจ ดราม่าหนักอยู่ ดีใจที่เข้าใจกันได้
รักกันก็ควรเข้าใจกันอย่าทรมานตัวเองเลย

ออฟไลน์ KMprince

  • kyumin QingYu
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ดีใจมาก กไก่หลายล้านตัว ในที่สุด โจ หนุ่ม ก็มีความสุขสมหวังกันซะที
อร๊ายๆ ปกงดงามคะ รอคอยรีปริ้นนะค่ะ
 :mew1:

ออฟไลน์ arnis

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สมหวังแล้ว ดีใจจัง มารอ reprint ค่ะ

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
เกรียนได้อีกนะเกรย์

คู่พี่โจกับพี่หนุ่มนี่ลุ้นแทบตายเลย

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ปริ้มมากกก ดูแลกันไปนานๆนะ

ไม่มีใครหนีใจตัวเองได้จริงๆนะ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
อ๊ากกกกก ลุ้นมากคู่นี้ อดทนกันมานานมากกก ในที่สุดก็สมหวังกันสักที
ขอบคุณคนเขียนมากๆ ครับ ที่เขียนต่อคู่นี้จนจบ

ชอบนิสัยโจมากๆๆ ไม่รู้จริงๆ จะมีคนนิสัยแบบโจอยู่เปล่า 555

ออฟไลน์ Loogling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่อยากให้จบเลยยยยยยยยยยยย
ขอตอนพิเศษเพิ่มค่า  :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เย้ๆ ในที่สุดJ&N ก็ Happy

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ sukiraw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งื้อออออ ชอบเรื่องนี้มากๆเบย >//////<
คนเขียนเกรียนน่าร๊ากด้วย 55555 ^^
เป็นกำลังใจให้แต่งเรื่องดีๆแบบนี้ต่อไปนะ  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ชอบมากมาย ถ้าเป็นอาหารก็ครบทุกรส เปรี้ยว เค็ม หวาน มัน ขม
รอส่งสัญญาณโอนเงินค่าหนังสือทั้ง 2 เรื่อง
เต้นรอนะเกรียนน้อย  :110011:

ออฟไลน์ Hope2TheEnd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอรีปริ๊นท์เลยค่าาาาา งวดที่แล้วพลาด ...

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ในที่สุด.... โจกับหนุ่มก็ได้เจอเรื่องดีๆซักที :katai1:
ทัศน์กับเกรย์ ก็ยังคงเกรียนเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ
ถ้ามีร้านกาแฟ เฮ้ย ไอ้เห่ย อยู่แถวบ้าน เราคงได้เป็นลูกค้าประจำแน่นอนค่ะ5555

ออฟไลน์ Trystan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ว้อนท์ โจหนุ่ม อีกกอะะะะะ  ขอสเปเชี่ยลคู่นี้เพิ่มมมม  :z3:

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เกรียนกว่านี้มีอีกไม๊ น่าร๊าคคคคคคคคค ชอบๆ

ออฟไลน์ NAS

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
รอรีปริ้น แจ้งข่าวด้วนนะคะเผื่อไม่ได้เข้ามาดู

ออฟไลน์ max_ang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-3
ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีวันนี้ โจ หนุ่ม

ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกก  :hao5:

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จอง ไอดีล 1 ชุดค่ะ

จะมีการแต่งเรื่องใหม่อีกใหมคะ คิดถึงน้องคนเขียนมาก

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ร้องไห้ตลอด ฮือออออออ

ออฟไลน์ LawlietV

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โจหนุ่ม!!!!!!!! :z3: :z3: :z3:

เรากำลังตามอ่านรวดเดียว แต่ต้องมาสะดุดกับดราม่าของคู่นี้จนต้องข้ามตอนเลยทีเดียว  :katai1:

คู่โจหนุ่มนี่อินมาก ทั้งร้องไห้ ใจหายวาบตอนเห็นการ์ดงานแต่ง แล้วก็ยิ้มแบบหุบไม่ลงตอนที่ทำความเข้าใจกันแล้ว :heaven

แว่บกลับไปอ่านคู่หลักให้จบเรื่อง แล้วจะมาอีดิทนะคะ :katai4:

รักและขอบคุณคนเขียน  :กอด1:

-----------------------------------------------------
มันดีทุกคู่เลย ประทับใจมากค่ะ >v<

แอบช็อคกับคู่หมอไผ่กับกุหนิง แต่ถ้ารักกัน จะเพศไหนมันไม่ใช่ประเด็นเลย!!

รักและขอบคุณคนเขียนมากเลยนะคะ สำหรับนิยายเรื่องดีๆ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2015 09:45:14 โดย LawlietV »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ๊ยยย
ในที่สุดก็จบซักที
เป็นเรื่องที่ให้ทุกอารมจิงๆ
ขอบคุณมากๆค่ะ

ออฟไลน์ foamonp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 
 เมล์ไปจองเรียบร้อยแล้ววววว :katai2-1: เปิดจองนานหน่อยจะดีมากเลยค่ะ
 

 
 

 


 

ออฟไลน์ d_ploy_d

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รวบยอด เหมาทั้ง2ค่า

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
เราชอบคู่นี้มากกว่าคู่หลัก ไม่รู้เพราะไร อาจเพราะมันหน่วงดี แต่ก้อดีใจที่มันจบแฮปปี้ มีพิเศษเป็นของขวัญปีใหม่ให้แฟนนักอ่านได้ไหมค่า

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

ออฟไลน์ Cheese[C]ake

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชอบมากอ่านสองรอบแล้ว   :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ nutae or

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แวะมาบอกว่า........ยังรออยู่นะคะ.......^^

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
          เอาบทส่งท้าย โจ-หนุ่ม ภาคพิเศษมาฝากแฟนคู่นี้ครับ
ใครที่จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องราวของสองคนนี้เป็นยังไงก็ไม่ต้องซีเรียสนะครับ ผมก็อ่านใหม่หมดนั่นแหละ ถึงจะเขียนได้ ฮ่ะๆ
ถ้าใครสั่งหนังสือรอบใหม่ รออ่านในเล่มทีเดียวก็ได้นะครับ จะได้ต่อเนื่อง ใครที่มีของเก่าแล้วหรือไม่ได้สั่งก็อ่านในนี้ล่ะครับ  มิมีปัญหา
           วันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึกว่ามีความหมาย.. จึงอยากทำอะไรเป็นพิเศษ เป็นเกียรติเป็นศรีกันเสียหน่อย
29 กุมภาพันธ์ เมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมก็ยังจำได้ว่าตัวเองนั่งแต่ง INDY in love ตอน 'ความในใจของนายอินดี้' อยู่ที่อ่างแก้ว
และสี่ปีนี้ ผมก็ยังคิดถึงอ่างแก้ว คิดถึงตัวละคร ที่ที่เคยอยู่ เคยเรียน เคยเขียนนิยาย
ใช้เวลาเขียนตอนนี้อยู่นานเหมือนกัน  ละเลียดไปเรื่อยๆ  ก็หวังว่าคงจะ complete สิ่งที่ขาดหายไปนะครับ..
           อนึ่ง หนังสือยังรีฯอยู่ครับ แค่ยังไม่เสร็จ เนื้อหาในเล่มเรียบร้อย แต่ต้องทำปกกับบ็อกซ์เซ็ตอีก ขอให้ไฟล์ทั้งหมดพร้อมพิมพ์ก่อน ผมค่อยแจ้งไปนะครับ ลืมๆ ไปก่อนว่าได้จองหนังสือไว้นะ จะได้ไม่หงุดหงิดจนโบกเกรียนคนเขียน 

 :katai5:


:: Epilogue ::

‘I close my eyes..
The moment I surrender to you
Let love be blind
..Innocent and tenderly true’*

“อืม..”
ผมครางในลำคอแผ่วเบา เปลือกตายังปิดสนิท ทว่า.. สตินั้นเริ่มออกจากภวังค์
กลิ่นกายที่คุ้นเคยอวลอยู่ในความรู้สึก  สัมผัสที่ไม่อาจลืมค่อยๆ คืนสู่ความทรงจำ
สัมผัส..? เฮ้ย!
ดวงเบิกตาโพลงปะทะกับแผ่นอกกำยำเปล่าเปลือยที่ใบหน้าตัวเองซุกซบอยู่
ผมเพ่งมอง ลังเลอยู่ชั่วครูว่านี่มันคือความฝันหรือความจริง หรือกูยังไม่สร่างเมา..
ทว่า ดวงหน้าเข้มหลับพริ้ม เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะที่ผมได้ยิน มันคือเครื่องยืนยัน..
จริงเสียยิ่งกว่าจริง..

ภายในห้องสว่างไสวด้วยแสงแดดยาม.. ยามไหนผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ
ที่แน่ๆ คือไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เกรงว่าหากเจ้าของท่อนแขนที่โอบกอดอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วผมไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร

มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ? 
ผมไม่รู้ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงได้ยอมพ่ายแพ้กับหัวใจตัวเองและหัวใจของคนตรงหน้า 
ทั้งๆที่มันก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นตั้งหลายครั้งตลอดระยะเวลาที่เรายังพบกันในมหาวิทยาลัย
ทำไมมันถึงเพิ่งเกิดขึ้นตอนนี้? หรือทำไมมันไม่เกิดขึ้นในอีกหลายๆปีถัดจากนี้
แต่..สงสัยไปก็เท่านั้น เวลาเป็นสิ่งที่น่ากังขา เมื่อสมควรแก่เวลา.. เหตุการณ์ก็คงจะดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น..

ผมไม่รู้ว่าเมื่อไร  นาทีไหนกันที่น้ำหนักของอดีตหายออกไปจากบ่า 
แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้ำหนักนั้นเบาลงเบาลงทุกครั้งที่เราสองคนได้เจอกัน   
และแล้ว..วันหนึ่ง มันก็เบาลงจนจางไป..

มือข้างหนึ่งของผมทาบอยู่บนแผ่นอกกำยำของคนข้างตัว 
ห้ามตัวเองไม่ทันที่จะลูบมือไปมาบนความแข็งแกร่งนั้น
ซึมซับความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาให้.. และนั่นก็ทำให้คนหลับรู้สึกตัว 
ดวงตาสีเข้มค่อยๆลืมขึ้น เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อทั้งงัวเงีย
“หนุ่ม..”
เออ กูเอง ผมตอบรับในใจ
“ตื่นแล้วเหรอ” ไอ้โจขยับตัวบ้าง ละอ้อมแขนไปลูบเรือนผมเบาๆ
“อือ..” ผมครางรับ บังคับตัวเองไม่ให้หน้าแดง เมื่อมันตื่นเต็มตาและมองร่างเปล่าเปลือยของผมยิ้มๆ
ผ้าห่มคลุมร่างเราสองคนไว้แค่เอว แผ่นอกจึงแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรกั้น
ผมหลบสายตา เสมองหาเสื้อผ้าว่ามันหายไปอยู่ตรงไหน   ร่างกายค่อยๆ ขยับยันตัวขึ้นนั่ง
“เจ็บรึเปล่า..” โจยันตัวลุกตาม ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย
จะว่ายังไงล่ะ จะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็ไม่ใช่ มันก็รู้ปวดหนึบๆบ้าง แต่คือมึงอ่อนโยนมากจนกูไม่อยากเจ็บเลยไง  มึงเข้าใจไหมนี่..?    ผมพยายามตอบคำถามมันในใจ

โจมองตา มือแกร่งข้างหนึ่งยกขึ้นมาไล้ร่างกายผมอย่างสำรวจความเสียหาย และ หยุดอยู่ที่เกียร์รุ่นของตัวเองเหนือหน้าอก..
“กูคิดถึงมึง..”
พูดเพียงแค่นั้น แล้วริมฝีปากหนาก็โน้มเข้ามาใกล้ แนบลงกับริมฝีปากผม
เรียวลิ้นแทรกเข้ามาช้าๆ ตวัดไปมาอย่างลึกซึ้ง จงใจบอกความรู้สึก..
ผมตวัดตอบเบาๆ ครางแผ่วในลำคอ เปลือกตาปิดลงอย่างยินยอม
“กูคิดถึงมึงโคตร..”
...
โจผละริมฝีปากออกมาเพียงไม่กี่วินาที กระซิบถ้อยคำนั้น  แล้วก็จูบซ้ำลงมาใหม่
...
“กูคิดถึงมึงจนเหมือนจะตายไปกี่ครั้งแล้วรู้ไหม..”
เสียงเข้มพึมพำ จมูกเคลียจมูก ริมฝีปากยังแนบไว้บางๆ
ผมยกมือทาบแผ่นอกมันไว้อีกครั้ง กระซิบตอบ “กูก็คิดถึงมึงแทบตายเหมือนกัน”
ใบหน้าเข้มผละออกมาประสานสายตา มุมปากแต้มด้วยรอยยิ้ม
ผมกลืนน้ำลาย แล้วมึงจะมาจ้องหน้าให้กูอายทำไมวะเนี่ย..

“อย่าหลบสายตา” ฝ่ามือประคองแก้มไว้ เมื่อผมจะเบี่ยงหน้าหนี “กูอยากมอง..”
“หึหึ..” มันหัวเราะโรคจิตกับใบหน้าแดงซ่านของผม  ผมจึงชกอกมันไปเบาๆอย่างหมั่นไส้
โจโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ประทับริมฝีปากลงมาอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
แขนแข็งแรงนั้นทำท่าจะเอนตัวผมกลับลงไปนอน เพื่อจะทำอะไรก็ไม่รู้ของมัน
คือว่าไม่ใช่กูไม่ชอบนะ แต่..
“โจ คือ..” ผมดันอกมันออก บอกเบาๆ แต่โคตรจริงใจ “กูหิวข้าวมากเลยว่ะ!”
“เฮ้ย!” ดวงตาเข้มเบิ่งขึ้น มือหยุดการกระทำ
“บ้าเอ๊ย กูลืมไปเลย มึงยังไม่ได้กินอะไรนอกจากน้ำ”
ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเตียง   ผมเบือนหน้าหนีรูปร่างสมส่วนนั้นเมื่อผ้าห่มเลื่อนหลุดจากเอว แต่มันคงไม่สนใจจะมาแกล้งผมแล้วล่ะ เจ้าตัวรีบเดินไปยังส่วนที่เป็นครัว เปิดตู้เย็นสำรวจ..
“เอ่อ..” มันขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ
“ไม่มีอะไรให้มึงกินเลย กูก็.. ไม่ค่อยจะมีอะไรติดตู้เย็นไว้เท่าไหร่”
ผมพยักหน้าเข้าใจ ไอ้โจไม่ใช่คนที่จะทำกับข้าวหรืออาหารกินเอง ถนัดแต่กินอะไรง่ายๆที่หาได้ทั่วไป ขี้เกียจมากเข้าก็มาม่าคัพนั่นแหละ  ผมก็เห็นหลักฐานอยู่ในถังขยะหลายคัพละ
ผมขยับตัวไปปลายเตียง แอบส่องตู้เย็นมัน มีไข่ไก่นี่หว่า..

“มึงรอแป๊ปเดียว กูออกไปซื้อข้าวมาให้ ไม่นานหรอก”
มันเอ่ยเร็วๆ คว้าเสื้อยืด กางเกงขาสั้นปลายเตียงมาใส่ลวกๆ  ตั้งท่าจะหันหลัง แต่ผมคว้าข้อมือไว้
“เดี๋ยวกูเจียวไข่กินเอง ไม่ต้องไปหรอก”
“แต่..” มันขยับจะค้าน ผมจึงขัดสั้นๆ “นะ ไม่ต้องไป..”
“อ่า..” มันส่งเสียงลังเลในลำคอ ก่อนจะตอบรับ “อืม งั้นเดี๋ยวกูทำให้”
ระหว่างที่มันรื้อหากระทะ  ผมก็หยิบเสื้อผ้าของตัวเอง  ซึ่งจริงๆก็คือเสื้อผ้าของมันมาใส่บ้าง พลันสายตาเห็นสร้อยเงินห้อยเกียร์ของตัวเองวางอยู่ข้างหมอน ไอ้โจไม่ได้มองมาทางนี้ ผมจึงหยิบสร้อยมาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก่อน..
ร่างสูงเปิดเตา วางกระทะลงบนนั้น   แต่ไข่ยังไม่ได้หยิบออกจากตู้เย็นเลย  มึงเปิดเตาแล้วเหรอวะนั่น แล้วน้ำมันมึงอยู่ไหน..
ผมค่อยๆ ขยับเดินไปใกล้ ท่อนล่างปวดหนึบเล็กน้อยแต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคมากนัก

“อ้าว ลุกขึ้นมาทำไม ไม่เจ็บเหรอวะ” มันเลิกคิ้ว ทำท่าจะเดินมาช่วยประคอง
แต่ผมยกมือห้าม “ปิดเตาก่อน เดี๋ยวกระทะไหม้”
“เออว่ะ” มันพยักหน้า มือเอื้อมไปปิดเตา
“ข้าวสารมีรึเปล่า” ผมถาม เพราะเห็นหม้อหุงข้าว
“มีแหงๆ แม่ซื้อมาไว้ให้ทุกอย่างนั่นละ เพียงแต่อยู่ตรงไหนนี่แหละ”
ผมหัวเราะ ขณะมันเปิดตู้   ในใจนึกถึงสาวใหญ่ใจดี   แม่ของไอ้โจซึ่งเพิ่งได้เจออีกครั้งตอนไปงานแต่งงานของพี่เจษ 
เธอใจดีกับผมเสมอ แม้แต่เมื่อวานซืนนี้.. ตอนที่ผมทำแก้วแตก เธอยังเข้ามาจับมือไว้..
“ไม่เป็นไร น้องหนุ่มไม่ต้องเก็บ..”

ผมว่า ‘แม่ๆ’ นั้นมักจะมีลักษณะเหมือนกัน  นั่นคือ  จะลูกชายหรือลูกสาวก็ห่วงใย  และอันดับต้นๆของเรื่องที่ห่วงคืออาหารการกิน  แม่ของไอ้โจเป็นตัวอย่าง ที่ถึงแม้ลูกชายคนเล็กจะทำอาหารไม่เป็น แต่เธอก็ยังเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม แล้วห้องที่มีครัวในตัวเช่นนี้   ก็คงเป็นเธออีกนั่นและที่เลือกให้ลูกชาย เหมือนกันกับแม่ของไอ้ทัศน์ และเหมือนกันกับแม่ผม..ที่ขุนผมจนมีเนื้อหนังเสียขนาดนี้

“นี่ล่ะ.. คลังสมบัติของแม่กู” ไอ้โจพึมพำ  ขยับตัวเผยให้เห็นภายในตู้ ที่ซึ่งมีข้าวสาร น้ำมัน น้ำปลา เครื่องปรุงต่างๆพรั่งพร้อม
“เอาออกมาทั้งหมดนั่นแหละ มึงยังหุงข้าวเป็นอยู่นะ?” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“เออ มึงสอนกูเองตอนมอปลาย จำไม่ได้หรือไง”
เป็นเพียงคำพูดที่ไม่ได้มีเจตนาอะไร  เป็นเพียงความจริงที่เคยเกิดขึ้น  แค่พูดเฉยๆ
แต่ก็เป็นคำพูดที่ทำให้เราสองคนนิ่งมองตากัน  มากกว่ารัก.. คงเป็นความผูกพัน..
และแล้วก็เป็นผมเองที่หลบสายตาก่อน ผมหันไปเปิดตู้เย็น หยิบไข่ไก่ออกมาสามฟอง ตอกมันใส่ถ้วยเล็ก
“แล้วมึงจะทนหิวไหวเหรอ กว่าข้าวจะสุกนะ”
“มึงตักหุงป๋องเดียวพอ สิบนาทีก็สุกแล้ว เร็วกว่าออกไปซื้ออีก”
โจพยักหน้า ล้างข้าวสารแล้วเติมน้ำ กดไฟหุง
ส่วนผมเปิดเตา ตั้งกระทะ เปิดจุกขวดน้ำมันที่ยังไม่เคยใช้ เทลงในกระทะเล็กน้อย  แล้วเปิดขวดแม็กกี้ที่ยังไม่เคยใช้เช่นกัน เหยาะลงในถ้วยไข่สี่ห้าหยด แล้วคนแรงๆ
อีกสองสามครั้ง กะว่าน้ำมันร้อน จึงใส่ไข่ลงไป..

        วางจานไข่เจียวลงบนโต๊ะครัวเรียบร้อย..  ระหว่างที่รอข้าวสุก   ผมจึงเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานไอ้โจ กะว่าจะดูงานวิจัยเรื่องเครื่องบำบัดน้ำเสียให้มันต่อ
“เฮ้ยๆ ทำอะไร” มันเดินเข้ามาขวางไว้
“ก็จะดูงานให้มึง” ผมเลิกคิ้ว
“มึงนี่นะ” มันเอามือมายีหัวผมเบาๆ แต่ก็ชะงักนิดหนึ่ง
กิริยาเช่นนี้ มันไม่ได้ทำมานานแล้ว  แม้เรากลับมาคุยกันดีๆอีกครั้ง  ก็ยังไม่เคยทำ
แทบไม่เคยแตะต้องตัวกันเลยด้วยซ้ำ นอกจากแตะไหล่กันฉันเพื่อนธรรมดา..
มันก็ยังขัดเขินกันทั้งคู่นั่นแหละนะ แต่กระนั้น  มันก็น้อยลงทุกๆครั้งที่เราสัมผัสกัน

“น้องเกรย์บอกว่ามึงเครียดเรื่องงานนี้  นอนน้อยมาหลายวันก็เลยหงุดหงิด  กูดูให้ นะ เหลืออีกไม่กี่หน้าเอง”  ผมอธิบาย 
ซึ่งเป็นความจริงที่น้องเกรย์เฝ้าบอกผมซ้ำๆ ว่าพี่โจแค่หงุดหงิด  พี่โจไม่ได้ตั้งใจจะว้ากพี่หนุ่ม และผมก็ทำได้แค่พยักหน้ารับฟัง
ขณะที่กระดกเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่าเมื่อวานนี้..

. . . . . . . . . . . . . . . . .

         “อร่อยมาก แม่งโคตรอร่อยจริงๆ” โจตักเข้าปากพลาง ชมพลาง
ไข่เจียวนะมึง กูได้ข่าวว่าเป็นไข่เจียว มึงพูดเสียอย่างกับกำลังกินขาหมูในงานแต่ง
ผมหัวเราะขำมัน กินของตัวเองบ้างจนอิ่มแปล้  แล้วทิ้งจานไว้ให้ไอ้โจล้าง ก่อนจะกลับไปสำรวจงานของวิศวกรสิ่งแวดล้อมต่อ..

   เป็นเวลาเย็นย่ำแล้วกว่าที่ผมกับมันจะออกจากหอ.. เพราะผมเองที่ยืนยันว่าจะดูงานของมันให้เสร็จ (มันจะได้เลิกทำหน้าเครียดสักที)
“อยากแวะกินข้าวแถวนี้หรือให้กูไปส่งบ้านเลย?”
“กลับบ้านเถอะ แม่คงเป็นห่วงแล้ว”
“อืม” ไอ้โจพยักหน้ายิ้มๆ “ลูกชายคนเดียวนี่นะ”
“เออ ไอ้ลูกชายสามคน” ผมตอกกลับ ฮ่ะๆ แล้วเราสองคนก็หัวเราะกัน
ทว่า เมื่อเดินมาถึงมอเตอร์ไซค์ อีกฝ่ายก็ขมวดคิ้ว
“เป็น.. เป็นอะไรวะ” ผมถามค่อยๆ ไอ้โจหันมาจ้องหน้า พลางไล่สายตาลงต่ำ
“มึงนั่งได้รึเปล่า กูหมายถึง ตอนขึ้น..”
อ้อ ตอนที่ต้องเหวี่ยงขาขึ้นน่ะนะ เอ่อ ก็.. คง..ไม่เป็นไรมั้ง?
“มานั่งข้างหน้าแล้วกัน”
เฮ้ย.. ก็ใช่ที่เคยนั่งแบบนั้น แต่นั่นมันตอนที่กูตัวเล็กกว่านี้ป่ะวะ!?
“งั้นกูขี่เอง”
“มึงไม่คล่อง” มันส่ายหน้า เหวี่ยงขาขึ้นมอเตอร์ไซค์ มือข้างหนึ่งจับแฮนด์ อีกข้างละไว้ เพื่อเปิดช่อง
“เอาจริงเหรอวะ” ผมลังเล
“มาเถอะน่า ถนนใหญ่ แล้ววันนี้วันอาทิตย์ ไม่ค่อยมีรถ ไม่มีใครมองหรอก”
“แต่ มึงจะขี่ถนัดเหรอ..”
“ไม่มีปัญหา มึงเตี้ยซะขนาดนี้ ไม่มีปัญญาบังอะไรได้หรอก”
“สัด!” ด่าแม่ง!   

. . . . . . . . . . . . . . . . .

        “นุ่ม แม่เป๋นห้วงเน่อ ดีตี๊โจโทรมาบอก!”
แม่ตรงเข้ามาสำรวจเมื่อผมมาถึงบ้าน  ไอ้โจเองก็เดินตามเข้ามา  ยกมือไหว้สวัสดีแม่ รวมทั้งพ่อผู้ซึ่งยืนเลิกคิ้วให้มันน้อยๆเป็นเชิงถาม ไม่รู้ถามอะไร  แต่ไอ้โจก็ตอบรับด้วยการพยักหน้า ผมกลอกตาไปมาระหว่างผู้ชายสองคนที่ยืนมองกันอยู่..

“กิ๋นข้าวแลงกั๋น มาๆ ทั้งคู่เลย”
แม่ทำลายความเงียบขึ้น ก่อนลากแขนผมกับโจไปที่โต๊ะกินข้าว

   เรากินข้าว.. ล้างถ้วยชามกันเสร็จเมื่อค่ำจัด พ่อกับแม่นั่งดูทีวีอยู่ด้านหน้าส่วนผมกับไอ้โจยังอยู่ในครัว
ร่างสูงยืนพิงเคาน์เตอร์มองมาขณะผมล้างไม้ล้างมือ  ขายาวขยับเข้ามาใกล้ๆ   ฝากปลายจมูกไว้ที่แก้มของผมเพียงเสี้ยววินาที  ก่อนจะผละออก
“เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ”
“เอ่อ..”
เอ่ออะไรไม่ทันได้พูด เพราะคนที่จะให้ฟังเดินออกไปจากครัวเสียแล้ว

“พ่อครับ แม่ครับ ผมกลับก่อน” ไอ้โจยกมือไหว้คนทั้งคู่อีกครั้ง
“เอ๋า โจ้บ่ค้างนี่ก๋า เดิ้กละเน้อ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับแม่ พรุ่งนี้วันจันทร์ ทำงานแต่เช้า”
มันปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะค้อมหลังผ่านท่านทั้งสองออกประตูหน้าบ้านไป

“โจ!” ผมก้าวยาวๆ ไปเรียกไว้
“หืม?” มันหันมาเลิกคิ้ว
“ค้างเถอะ” ผมก้มหน้าก้มตาข่มอาย “มันมืดแล้ว”
“ไม่เป็นไร สบายมาก” มันยกมือขึ้นยีหัวผมเบาๆอีกครั้ง และคราวนี้ไม่ชะงัก ไม่ขัดเขินเหมือนตอนอยู่ที่หอ
“แต่..” ผมขยับจะค้าน มันจึงชิงตัดบทเสียงเจ้าเล่ห์ “มึงก็รู้.. ว่าทำไมกูไม่ค้าง”
ทำไม.. ทำไมน่ะเหรอ ก็คงเป็นเพราะ.. ผมอ้าปากค้างนิดๆ ขณะนึกถึงเหตุผลที่ว่า
มันหัวเราะหึหึ ส่ายหน้าน้อยๆ ล้วงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง
และก็เป็นอีกครั้งของวันนี้..ที่ผมคว้าข้อมือนั่นเอาไว้..รั้งไม่ให้ไป
“มันดึกแล้วจริงๆ ค้างเถอะ กูเป็นห่วง..”
ผมเป็นห่วงจริงๆครับ  ถึงแม้ไอ้โจมันจะเป็นผู้ชายอกสามศอกก็เถอะ  แต่ถนนซอยนั้นมืดมากแล้วก็เปลี่ยว ถนนใหญ่รถก็ขับเร็ว มีข่าวอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ผม..

“ค่อยออกไปพรุ่งนี้เช้าพร้อมกัน..” ผมยืนยัน ไม่สนสายตาร้อนแรงที่มองมา
“ก็ได้..” เสียงเข้มเอ่ยออกมาในที่สุด แล้วยื่นหน้าเข้ามากระซิบใกล้ๆหู
“แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมึงอีกรอบนี่กูไม่รับผิดชอบนะ”
สัด!


   ห้องนอนของผมไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม.. 
ก็คงจะเหมือนที่มันจำได้  เหมือนที่มันรู้อยู่แล้ว.. พื้นไม้ เตียงเล็ก ผ้าห่มลายหมีพูห์ ม่านครึ่งสีขาวริมหน้าต่าง รูปถ่ายและสายข้อมือบนโต๊ะเล็กข้างเตียง.. 
เพราะเดินเข้าห้องมาพร้อมกัน จึงไม่มีเวลาให้ผมเอาอะไรไปแอบซ่อนเหมือนคราวก่อน

   “มึงจะ เอ่อ.. อาบน้ำก่อนหรือเปล่า”
ชักจะเงียบเกินไปแล้ว ผมจึงก้มหน้ารื้อหยิบผ้าขนหนูมาส่งให้อีกฝ่าย
มันรับไปยิ้มๆ ไม่รู้แม่งจะยิ้มอะไรนักหนา  แต่ก็เพียงแค่ยิ้ม  แล้วร่างสูงกว่าจึงเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมถอนหายใจโล่งๆ คือ.. มันก็ไม่ได้รู้สึกสบายๆขนาดนั้น ความรู้สึกขัดเขินมันต้องมีบ้างแหละ ธรรมดา.. 
ผมส่ายหัวน้อยๆ ตั้งสติ แล้วเลือกเสื้อกางเกงตัวที่ใหญ่และหลวมที่สุดของตัวเองเอาไว้ให้มัน..

   ‘มันเป็นเรื่องผิดพลาดแล้วล่ะ’ 
ผมคิดกับตัวเอง  เมื่อไอ้โจออกมาจากห้องน้ำ 
ผิดพลาดที่ทำไมกูไม่เอาเสื้อผ้าให้มันพร้อมผ้าขนหนูไปเลยวะ  แม่งจะได้แต่งตัวในห้องน้ำซะให้เรียบร้อย ไม่ต้องมาโชว์แผงอกที่มีหยดน้ำเกาะพราวให้กูใจสั่นเล่นแบบนี้..

       “ทำไมหน้าแดง?”
ไอ้สัด ไม่ต้องมาถามเถอะ กูรู้มึงตั้งใจ
ผมปาเสื้อผ้าใส่อกมัน  แล้วเดินฮึดฮัดสวนเข้าห้องน้ำ  ไม่สนใจเสียงหัวเราะโรคจิตที่ดังตามหลังมา..

. . . . . . . . . . . . . . . . .

   โจอยู่บนเตียงแล้วเมื่อผมออกมาจากห้องน้ำโดยใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย
ร่างสูงขายาวนั้นนอนเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย เท้ากระดิกดิ๊กๆ อย่างอารมณ์ดี
โคตรน่าหมั่นไส้ ผมเม้มปากใส่มันนิดๆ
“กูปิดไฟนะ” ผมบอก มือแตะที่สวิตช์
“อ่าฮะ” มันพยักหน้ารับ หรี่ตาเจ้าเล่ห์กวนประสาทผม
ผมค่อยๆนั่งลงบนเตียง พร้อมๆกับที่มันเองก็ลุกขึ้นนั่ง ตามองตาในความสลัวของห้อง โจรั้งใบหน้าไปจูบอย่างที่ผมรู้ว่าจะต้องเป็น มืออีกข้างโอบรัดรอบเอวเข้าใกล้ให้ร่างกายแนบชิดกันยิ่งขึ้น..

“คิดถึง.. อืม..”
“อื้อ..” ผมพยายามกลั้นเสียงคราง เมื่อลิ้นเปียกชอนไชเข้ามาภายในโพรงปาก
“กูคิดถึงมึง..”
อะไรคือการพึมพำว่าคิดถึงซ้ำๆแบบนี้วะ?
“กูรู้แล้ว..”
และกูก็อายจะตายแล้ว 
อาย..ที่ตอบรับทุกสัมผัส อาย..ที่ต้องการเหมือนกัน
อาย..ที่คิดถึงแทบขาดใจไม่ต่างกัน แต่ก็ต้องพยายามรั้งตัวไว้..

“ไม่..ไม่เข้ามาได้ไหม” ผมอ้อมแอ้มขอ
พ่อกับแม่อยู่ห้องติดกันและผมก็ไม่มีทางกลั้นเสียงไว้ได้แน่ ถ้ามันทำถึงที่สุด..

“ด..เดี๋ยวพ่อกับแม่รู้..” ผมตะกุกตะกัก สะกดกลั้นอารมณ์ วอนขอให้มันเข้าใจ
โจละใบหน้าออกมานิดหนึ่ง ถอนใจเบาๆ และเอ่ย “พ่อกับแม่รู้แล้ว”
ห๊ะ? ผมเบิ่งตากว้าง พยายามเพ่งมองคนพูดในความมืด “พ่อกับแม่ใคร?”
โจคลายอ้อมกอดให้หลวมขึ้น ไล้มือกับท่อนแขนผมเบาๆ “ก็.. ทั้งคู่นั่นแหละ”
“รู้ได้ยังไง”
“กูบอก”
เฮ้ย! ผมผละตัวออกจากอ้อมแขน จ้องหน้ามัน
“บอกเมื่อไหร่”
“ก็.. กูบอกพ่อกับแม่กูเมื่อสัก.. คงทำงานไปได้สักปีนึงน่ะ ตอนมึงเรียนจบ..”
เฮ้ย! “แล้วพ่อกับแม่มึงว่าไง?”
โจยักไหล่ “แม่กูชอบมึง”
ก็ใช่ ชอบในฐานะเพื่อนลูก แต่พอรู้ว่าไม่ใช่แค่เพื่อนล่ะ?

“วันที่มึงไปงานแต่งพี่เจษ แม่กูยังให้ชวนมึงค้างด้วยอยู่เลย”
อ่า.. “แล้วพ่อมึงล่ะ..”
“ไม่มีปัญหา ยิ่งพี่เจษแต่งงานแล้วยิ่งไม่มีใหญ่ คงรอหลานคนโตแหละ ฮ่ะๆ”
เฮ้อ.. ผมนึกว่าไอ้โจจะโดนกระทืบเสียแล้ว แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อกี๊มันบอกว่า..ทั้งคู่
“แล้ว..” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก โจยกมือขึ้นลูบหัวให้คลายกังวล
“กูบอกพ่อกับแม่มึงหลังงานรับปริญญา..”
“บอก..ว่าไง”
“กูบอก..ว่าเรารักกัน”
ผมกลืนน้ำลายอีกครั้ง
“แต่เรามีปัญหากัน  ถ้าปรับความเข้าใจกันได้เมื่อไหร่ก็คงคบกันเหมือนเดิม และกูแน่ใจว่ามันจะต้องมีวันนั้น กูถึงขออนุญาตพ่อกับแม่มึงเอาไว้ก่อน ทีนี้กูก็รอแค่มึงเท่านั้น..”
“นี่มึง.. แล้วพ่อกู..” ผมเลิ่กลั่ก เสียวไส้แทน
“แทบจะกระทืบกูเลยล่ะ” ไอ้โจหัวเราะน้อยๆ ก่อนเสริมเมื่อเห็นผมทำท่าจะเป็นลม
“แต่แม่มึงช่วยพูดให้  กูว่า.. ลึกๆ ท่านทั้งสองคงรู้อยู่แล้วล่ะ  พ่อกับแม่มึงเห็นกูมานาน  ถึงยอมให้รักกับลูกชายคนเดียว ถ้าเราเพิ่งรู้จักกันก็คงยากกว่านี้มากแหละ”
“โจ นี่มึง ดีนะที่พ่อกูไม่.. ทำไมมึงไม่รอก่อน..”  ผมว้าก แต่มันเอ่ยขัดคำพูดของผม
“กูทรมานแทบตายอยู่แล้วตอนนั้น  กูขอรอแค่มึงคนเดียวเถอะ  อยากเตรียมอย่างอื่นให้พร้อม คือถ้ามึงตกลงใจนี่กูโทรตามพ่อกับแม่มาขอได้เลย ว่างั้นเถอะ”
“ไอ้..” ผมอ้าปากพะงาบๆ 
ขอบคุณมาก  ขอบคุณที่ห้องมืด ไอ้โจจึงไม่ต้องเห็น ว่าหน้าผมแดงเถือกไปถึงไหนต่อไหน
“หึหึ..” มันหัวเราะในลำคอ
“เชี่ย” ผมสบถแก้เขิน
“ตอนช่วงรับปริญญา กูได้ยินมึงบอกน้องเกรย์ว่า  ถ้ากูเลือกเหมือนเดิม  มึงก็จะปล่อยกูไป แต่เตรียมการขนาดนี้  ไม่ได้คิดจะปล่อยเลยนี่หว่า”
“ฮ่ะๆ” คราวนี้ ไอ้โจหัวเราะลั่น “กูก็ไม่ได้ตื้อนี่ แค่รอ..”
ผมก้มหน้างุด ความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อมันมาตลอดไม่เคยจางหายลุกโชนขึ้นมาเติมเต็มในใจ..   
และแม้ไม่ได้มองเห็นแววตา  แต่ไออุ่นจากร่างกายอีกฝ่ายก็ทำให้ผมรู้ว่าเราไม่ได้ต่างกัน..

“มึงจะรอจนกว่ากูจะพร้อมเหรอ..”  ผมถามขึ้นค่อยๆ ลอบยิ้มซึ้งใจ
ทว่า.. มันโคลงศีรษะ “ไม่เชิงหรอก”
อ้าว..
“นี่ก็เรียนจบ ทำงานเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวกันแล้วทั้งคู่  ให้เต็มที่ เต็มที่เลยนะ.. กูคงรอไหวแค่อีกไม่เกินสองสามปี ถ้าถึงตอนนั้นมึงยังไม่ยอม กูว่าจะฉุด..”
“สัด!”
นี่กูด่ามึงด้วยคำนี้ไปกี่ครั้งแล้ววะเนี่ยวันนี้!
ผมสงสัย แต่ก็ได้แค่สงสัย.. ไม่อาจหาคำตอบ 
เพราะหลังคำสบถนั้น  ริมฝีปากของผม.. ไม่ใช่ของผม รวมถึงร่างกายทั้งหมด.. ก็ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป..

ผมกัดปากครางร่ำ เมื่อถูกเล้าโลม.. รุกล้ำ..
กายแอ่นขึ้นตอบรับ.. เรียวแขนโอบรั้ง.. เรียกร้อง.. สัมผัสคุ้น.. ที่เคยห่างไป..
คิดถึง.. โหยหา.. ต้องการ.. จนทรมานไปหมดทั้งร่าง     
ความรู้สึกเต็มตื้นและวาบหวามย้อนแย้งกันจนกลั่นเป็นหยาดน้ำตา  หยดรินลงช้าๆ สองข้างแก้ม..

“ชู่วว์.. ร้องไห้ทำไม..”
มือแกร่งปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนเบา มืออีกข้างไล้ลาดไหล่ปลอบใจ
ไม่รู้สิ ผมไม่รู้.. มันเป็นอารมณ์ที่เกินกำลังจะรับไหว
ผมได้แต่หลับตา ปล่อยให้หัวใจซึมซับทุกการกระทำ  มือตัวเองทาบสัมผัสแผ่นอกกำยำที่หลงใหล กลั้นเสียงครางอื้ออึงเอาไว้ในลำคอ..

“ครางออกมาเถอะ กูอยากได้ยิน..” เสียงเข้มพึมพำริมหู
ถ้อยคำนั้นมีแต่ยิ่งทำให้รู้สึกมากกว่าเดิม แต่ผมก็ไม่กล้า..
“อ๊ะ..ม..ไม่ได้ เดี๋ยว..อื้อ..”
“ครางกับอกกูนี่แหละ..” โจขบริมฝีปากผม อ้อนขอเบาๆ
“ไม่มีใครได้ยินหรอก นะ..นะครับ”
ริมฝีปากที่ขบแน่นค่อยเผยอออก ขณะรู้สึกถึงคนตรงหน้าเคลื่อนไหวอยู่ภายในตัว
ผมโอบไหล่หนาไว้แน่น ดวงหน้าซุกซบกับอก ครางเรียกอีกฝ่ายเบาๆ..
“โจ..อ๊ะ..อือ..อ”
“อะ..อืม..หนุ่ม..หนุ่มครับ”
เสียงหอบหายใจปะปนด้วยเสียงครางพึงใจในลำคอจากคนข้างบน
คำเรียกชื่อ ‘หนุ่ม’ ทำให้รู้สึกวูบไหวจนแทบฆ่าผมตาย.. เท่าๆกับที่ชุบชีวิตผมกลับขึ้นมาใหม่..
กายใจตอบสนองต่อสัมผัสลึกซึ้งที่ดำเนินไป.. ร่างกายชื้นเหงื่อปะทะกันอีกครั้งและอีกครั้ง.. จนปลดปล่อยทุกปรารถนาออกมา..

ริมฝีปากร้อนบรรจงจูบซับน้ำตาเบาๆ  มือทั้งสองข้างลูบหลังลูบไหล่บรรเทาอาการเหนื่อยหอบ แล้วโอบกอดผมเอาไว้นิ่งๆ จนลมหายใจเป็นปกติ..
“ดีไหม..”
นี่คือคำถามที่กูต้องตอบเหรอวะ? ผมถลึงตาใส่คนถามในความมืด
“หึหึ..” เสียงเข้มหัวเราะน้อยๆ กระซิบเอ่ยแสนเบา “แต่กูโคตร..รู้สึกดี”
ผมทุบอกมันไปทีหนึ่ง ไม่รู้จะขยันทำให้เขินทำไมนักหนา
“ครางน่ารักมากเลย..”
“ไอ้โจ!” ผมตั้งท่าจะด่ามัน เลิกบรรยายสรรพคุณสักทีได้ไหมนี่
โจมองตาผมยิ้มๆ ผมเองก็อดใจไม่ไหว สุขจนล้น.. ได้แต่ยิ้มตอบกลับไปอายๆ
ร่างกำยำโอบกอดผมแรงๆ ทีหนึ่ง ก่อนผละตัวออก ไอ้ผมก็มองตามอย่างงๆว่ามันจะไปไหน
แล้วคำตอบก็ปรากฏ.. เมื่อเห็นว่าแขนยาวเอื้อมไปหยิบสายข้อมือ J&N จากบนโต๊ะ ค่อยๆ แกะตะขอออกและใส่เอาไว้บนข้อมือของผม..

“อย่าถอดอีกเลยนะ..”
ผมประสานสายตาตอบกลับ   พยักหน้ารับหนักๆ   ก่อนที่เสียงเข้มจะกระซิบบอกบางอย่าง..   
“กูรักมึง”

..กูรักมึง..
ไม่ใช่ไม่เคยได้ยินคำรักจากปากโจ 
ทว่า ‘รัก’ คำนี้  ในเวลานี้.. มันมีความหมายมากมายเหลือเกิน
หมายถึง.. ความคิดถึงจับใจ   
หมายถึง.. การยอมอดทนต่อความทุกข์ทรมานจากความห่วงหาอาทรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
และที่สุดของรักคำนี้คือ..การให้อภัย

“กูก็รักมึง..”
ผมพึมพำตอบ ..สาบานกับทุกอณูอากาศว่าจะภักดีต่อคนตรงหน้าจนชั่วชีวิต..
โจจูบขมับผมเบาๆ รั้งร่างเข้าไปกอดไว้หลวมๆ หลับไปในความสงัดของราตรีกาล

. . . . . . . . . . . . . . . . .

   
*Every Time I Look At You - Il Divo
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2016 20:05:03 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
      “อืม..”
สถานการณ์ไม่ได้ต่างจากเมื่อวานนัก.. 
ผมครางในลำคอเมื่อตื่นจากภวังค์  ไออุ่นจากคนข้างกายอวลอยู่ใกล้ชิด   ใบหน้าแนบแผ่นอกข้างขวา และมือก็ทาบไว้ที่อก
ข้างซ้ายของอีกฝ่าย ทว่า วันนี้.. ผมรู้ชัดเจนว่านี่คือความจริง  ไม่มีข้อกังขาอีกแล้ว

   ผมขยับกายลุกขึ้น  โจยังไม่ตื่น.. รอยคล้ำใต้ดวงตาของมันจางลงไปมากแล้วเมื่อได้นอนเต็มที่มาทั้งคืน 
ผมอมยิ้มมอง..  มือเอื้อมไปเปิดลิ้นชัก  หยิบสร้อยเกียร์ของตัวเองขึ้นมา   
สร้อยที่หยิบออกจากกระเป๋ากางเกงขาสั้น  และเอาไว้ในนี้ขณะคนบนเตียงกำลังอาบน้ำเมื่อคืน
ตอนนั้น.. ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกล้าให้ แต่ตอนนี้  ผมมองข้อมือขวาของตัวเอง ..ก็ไม่เห็นจะต้องรออะไรอีกแล้ว..

   ผมอ้าตะขอออกเล็กน้อย  ให้ห่วงส่วนปลายสร้อยออกมาได้  แล้วบรรจงสอดสายสร้อยไว้รอบคอคนกำลังหลับและเม้มตะขอให้ชิดสนิทแน่นเหมือนเดิม

โจรู้ดีอยู่แล้ว..ว่าวิศวกรให้เกียร์นั้นหมายความว่าอย่างไร
และต่อให้เป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ได้มอบให้ ..ใจของผมก็อยู่กับมันมาตลอดอยู่ดี..

. . . . . . . . . . . . . . . . .


   “วันนี้ย๊ะหยังกิ๋นจ๊ะแม่”
ก็เหมือนทุกเช้า ผมเข้าครัวกับแม่ ช่วยหยิบนู่นทำนี่
“ข้าวต้มปลา หอมก่”
“หอมจ๊าดนัก อื้มม ฟอดดด”
ผมชนจมูกกับแก้มเนียนของแม่ จนร่างอวบหัวเราะเสียงดัง
“ตั๋วนี่” แสร้งทำน้ำเสียงเหมือนตำหนิ แต่แล้วก็วางจวักและหันมามองผม จ้องตา มือขาวยกขึ้นลูบหัวผมเบาๆอย่างรักใคร่ รอยยิ้มจริงใจสื่อความหมายเมื่อเอ่ยถาม
“โจยังบ่ตื่นก๋า”
ผมกดความร้อนผ่าวบนใบหน้าตอบกลับไป “บ่ได้ปลุก ฮื้อโจนอนต่ออีกน่อย”
แม่พยักหน้ารับ แล้วเราก็ช่วยกันเตรียมมื้อเช้าต่อ..

          ผมคนข้าวต้มในหม้อจนใกล้จะได้ที่.. นานเหมือนกันกว่าที่ผมจะรู้สึกตัวว่าถูกจ้องมอง
“อ้าวโจ้ ตื่นละก๋า” แม่เอ่ยทักทาย
ไอ้โจยิ้มรับ กล่าวอรุณสวัสดิ์ แม่จึงทิ้งผมไว้ในครัวกับมัน
“ไม่ปลุกเลยนะ..” มันเอ่ยลอยๆ
“ก็ก่อนหน้านี้มึงนอนน้อย เลยอยากให้หลับไปก่อน”
ผมตอบกลับ ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะจับจ้องเพียงหม้อข้าวต้ม
“แต่เรื่องบางเรื่อง กูก็อยากตื่นมาดูนะ..”
ไม่ได้มอง แต่จากหางตาก็เห็นได้ว่ามือแกร่งยกขึ้นสัมผัสเกียร์รุ่นของผมเบาๆ
“ไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวค่อยกินข้าว” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“มีอะไรให้ช่วยไหม” มันเอื้อเฟื้อ ขยับเดินเข้ามาใกล้ๆ
“เสร็จแล้ว ทีเมื่อกี๊ยืนส่องอยู่ได้ ไม่ยักมาช่วย” ผมว้ากไม่จริงจังนัก
“ก็.. มึงทำครัวคล่อง มองแล้วเพลินดี”
อะ.. เอ่อ..
“ก็.. ก็ช่วยแม่ทุกวัน” ผมอธิบายตะกุกตะกัก จะเขินทำไมวะกู?
“ท่าดีไปงั้นแหละ รสชาติไม่ได้เรื่องหรอก” ผมเสริมอีก
“ขนาดไข่เจียวยังทำอร่อยเลย”
ผมลอบยิ้มกับคำพูดนั้น ทำใจกล้าบอกไป..
“งั้น.. เดี๋ยวค่อยไปทำอย่างอื่นให้กินบ้างแล้วกัน มึงจะได้เลิกกินมาม่าสักที”
โจยิ้ม “ขอบคุณครับ”
ครับ..คำนั้น ดันทำให้ผมนึกถึง ‘ครับ’ คำอื่น..

‘ครางกับอกกูนี่ละ นะ..นะครับ’ ‘อืม..หนุ่ม..หนุ่มครับ’

ครับบ้านมึง! ผมไม่ยอมพูดอะไรต่อเพราะลำพังบังคับตัวเองไม่ให้คว่ำหม้อข้าวต้มก็ลำบากพออยู่แล้ว.. 


         “นุ่ม ข้าวต้มแล้วละแม่นก่”
แม่เดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้งพร้อมตะกร้าที่มีช่อดอกบัวอยู่ข้างใน
“แล้วละคั๊บ” ผมพยักหน้า
ร่างเจ้าเนื้อที่เคลื่อนไหวรวดเร็วไม่สมตัวจึงลงมือตักข้าวต้ม  จัดผลไม้ และขนมใส่ลงในปิ่นโตสามชั้น บรรจุลงตะกร้า แล้วส่งให้กับไอ้โจ
“ไปใส่บาตรเต๊อะลูก รอหน้าวัดก่ได้เน้อ  พระท่านใกล้ปิ๊กจากบินฑบาตรแล้ว บอกท่านว่าปิ่นโตหื้อแม่ไปฮับตี๊วัดเองเน้อ แล้วอย่าลืมแวะกราบหลวงปู่ตี๊ศาลาโตย”

ผมกับไอ้โจมองหน้ากัน.. 
โจเคยใส่บาตรให้ผม..  ผมเคยรับของบิณฑบาตจากมัน ทว่า เราไม่เคยใส่บาตรด้วยกัน..

“ขอบคุณครับแม่”
ไอ้โจยิ้มแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นยิ้มอย่างปิติที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจากมัน


     เราสองคนเดินเคียงกันไป..   
ไม่กี่นาทีก็ถึงประตูใหญ่หน้าวัด  บ้านในชนบทก็แบบนี้  ใกล้วัด ใกล้โรงเรียน อันที่จริง โรงเรียนก็อยู่ในวัดนั่นแหละ วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านเรื่อยมา..

“นิมนต์ครับหลวงพ่อ” ผมเอ่ยเมื่อหลวงพ่อเดินกลับวัด
ผมกับไอ้โจถอดรองเท้าออก เพื่อไม่ให้สูงกว่าพระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตเท้าเปล่า
“แม่ยะข้าวต้มคั๊บ แม่บอกว่าปิ่นโตค่อยมาฮับ” หลวงพ่อพยักหน้า
ไอ้โจจึงวางดอกบัวลงบนฝาบาตร
“ตั้งจิ๋ตตั้งใจ๋ฮับพรเน้อ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลหื้อป้อแม่ ครูบาอาจ๋ารย์ เจ้ากรรมนายเวรโตย”
เราสองคนคุกเข่าลง ประนมมือไหว้ ตั้งใจรับศีลรับพร และตั้งจิตแผ่บุญ อุทิศกุศลไปยังสรรพสิ่ง..

“อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน,
จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง..”
“สาธุ” เราสองคนรับพร้อมกัน
“รักษาศีลกันให้บริสุทธิ์เน้อลูกเน้อ..” หลวงพ่อทิ้งท้ายไว้ ก่อนเดินเข้าวัดไป
ผมกับไอ้โจมองหน้ากันอีกครั้ง   แล้วเดินต่อไปทางศาลาที่ประดิษฐานรูปสักการะของหลวงปู่นักวิปัสสนาที่แม่ผมเคารพ

    หลายครั้งมาแล้ว..  ผมเคยมานั่งอยู่ตรงนี้  ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีวันหนึ่งที่บุคคลผู้ซึ่งผมตั้งจิตอุทิศบุญถึงเสมอจะมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย
ผมก้มลงกราบหลวงปู่  ขอขมาลาโทษกับสิ่งที่ผิดพลาดทั้งหลาย
และขอบพระคุณกับสิ่งดีที่เกิดขึ้นทั้งหลายด้วย ตาเหลือบมองโจ อธิษฐานในใจ..

หากที่ผ่านมาเราเป็นคู่เวร ก็ขอให้นับจากนี้ เราเป็นคู่บุญ
คอยเกื้อหนุน ส่งเสริมกันและกันในทางที่ดีตลอดจนถึงสติสุดท้าย..


. . . . . . . . . . . . . . . . .

         “ทำไมมึงไม่บวชวัดนี้ล่ะ ใกล้บ้านดี”
ไอ้โจชวนคุย ขณะเดินกลับไปตามถนนคอนกรีตที่ทอดกลับบ้าน
“ตอนนั้นอยากบวชวัดที่ใกล้มอ”
ผมตอบตามตรง  ไม่อธิบายเหตุผล  แต่เหมือนโจเข้าใจ..
“วัดนี้ก็ดี เงียบสงบ มาถือศีลปฏิบัติธรรมได้นะ ถ้าอยากมา”
ไอ้โจพยักหน้ารับ ไม่ได้แปลกใจอะไร
“อย่าบอกนะ ว่ามึงเคยมา.. เอ่อ..”
ไอ้โจพยักหน้ารับอีกครั้งยิ้มๆ “กูเห็นมึงใส่ชุดขาวหลายทีแล้ว คราวก่อนน้องนนพาเด็กชมรมพุทธศิลป์มา ที่มึงช่วยดูแลน่ะ  น้องนนก็บอกกู  กูมา  ยังเห็นมึงนั่งสมาธิในศาลาหลวงปู่อยู่เลย”
“มึงรู้ไหม กูเริ่มหลอนแล้วนะเนี่ย” ผมชกไหล่มันขำๆ
“กูทำได้แค่นั้นนี่ แค่มอง แล้วก็รอ..” มันพูดทีเล่นทีจริง
“นี่..” ผมจ้องตากลับไป อ้อมแอ้มถาม “ถ้าอีกสองสามปี กูยังไม่ยอม มึงจะฉุดจริงเหรอวะ..”
“เฮ้ย ฮ่ะๆ!” เสียงเข้มทั้งอุทานทั้งหัวเราะ  แต่แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่มีร่องรอยความเศร้าอยู่ลึกๆ
“นึกว่ากูจะกล้าผิดศีลข้อกาเมฯอีกหรือไง?”
ผมก้มหน้า ปกติโจเป็นสุภาพบุรุษ ผมรู้ดี..การฝืนใจผมครานั้นก็คงกระเทือนความ รู้สึกมันไม่น้อย
ผมขอโทษจริงๆ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้..

“กูก็.. ไม่กล้าผิดศีลข้อนั้นเหมือนกัน” ผมเอ่ยน้ำเสียงแห้งผาก
“ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่ได้เหมือนกัน..” ไอ้โจแตะไหล่ จ้องตา
“ที่มึงไม่เคยทำผิดอีกเลย  ไม่ใช่เพราะมึงไม่กล้า ..มึงไม่ทำเพราะมึงรักกู”
ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองตอบกลับไป
“มึงไม่มีอะไรจะต้องเสียใจอีกแล้ว” เสียงเข้มยืนยันหนักๆ
“หนุ่ม.. เชื่อใจกูเถอะนะ เพราะ.. กูก็เชื่อใจมึงเหมือนกัน”
ผมไม่อาจมองดวงตาคู่นั้นต่อไปได้  เพียงหลุบตาลงพื้นเสีย ปล่อยให้หยาดน้ำเอ่อไหลออกมา
ถัดจากบิดามารดา.. ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งที่สามในชีวิตผม

“ขี้แยสุดๆ อ่ะคนนี้” ไอ้โจปาดน้ำตาให้ ดึงผมเข้าไปกอด ผมเองก็ยกมือขึ้นเกาะเอวมันไว้
“เดี๋ยวทำให้เปลี่ยนจากร้องไห้ เป็นร้องครางซะดีไหม?”

คือ.. มึงกะจะวกเข้าเรื่องนี้ตลอดเลยเหรอวะ!?


. . . . . . . . . . . . . . . . .

         “อร่อย อร่อยสุดๆ เลยครับ”
ที่โต๊ะกินข้าว  ไอ้โจโอเวอร์กับข้าวต้มปลาไม่ต่างจากที่โอเวอร์กับไข่เจียวมาแล้ว
แม่ยิ้มกว้างอย่างถูกใจกับคำชม
“ลำก่มากิ๋นแหมเน้อ อ้อ แต่นุ่มก่ยะลำ หื้อนุ่มยะหื้อตี๊หอก่ได้ โจ้จ๊อบกิ๋นหยัง”
แม่ครับ.. แม่ต้องการถาดหรือพานหรืออะไรไหม? ผมใบหน้าร้อนผ่าว
“ผมชอบกินแกงเขียวหวานครับ มึงจะทำให้กินใช่ไหม?
ประโยคแรกนั้นยิ้มตอบแม่ ประโยคหลังนั้นเสียงเข้มกระซิบกับผม
“เออ” ผมตอบรับ ขณะงับช้อน
“แกงเขียวหวานนะ” มันยังย้ำ
“เออ!” ผมตอบรับหนักๆ อีกครั้งอย่างหมั่นไส้  พลางเสริมให้แม่งสบายใจ ว่าได้กินแน่ๆ
“เดี๋ยวทำให้.. มึงชอบแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย กูจำได้ ไอ่สัด
มันหลุดหัวเราะ ชอบใจที่โดนด่า หรืออาจชอบใจที่ผมจำรายละเอียดของมันได้ทุกอย่างก็ไม่รู้
ใบหน้าเข้มนั้นจึงเอี้ยวมาใกล้เกินจำเป็น  “ขอบคุณครับ..”
ผมถึงกับต้องถลึงตาใส่แม่ง ขณะพ่อเหล่มาทางเราสองคน ไอ้โจ พ่อกูนั่งอยู่!


        “อั๊นวันนี้พ่อออกบ้านก่อน”
พ่อเอ่ยขณะเอาแขนเสื้อที่พับขึ้นไว้ลงมาแนบข้อมือ เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว
“ตั๋วไป๋กับโจ้แม่นก่..”
เป็นคำถามธรรมดาที่เข้าใจได้และสอดคล้องกับสถานการณ์ 
ไอ้โจมาส่งผมเมื่อคืน.. เช้านี้ ผมก็ต้องออกไปกับมัน.. ไม่น่าแปลกอะไร
ทว่า บางอย่างในน้ำเสียงที่ขอคำยืนยัน ทำให้ผมตอบรับหนักแน่น
“ครับ..” 
ผมพยักหน้ารับคำพูดบิดา  พยักหน้ารับทุกอย่าง.. 
ไม่ว่าจะไปทำงานพร้อมกันหรือใช้ชีวิตด้วยกัน อะไรที่พ่อหมายถึง ..ผมพยักหน้ารับ

ไอ้โจที่ยืนอยู่ข้างผมยกมือไหว้และพ่อก็พยักหน้าเช่นเดียวกันขณะเดินสวนจะออกผ่านประตูไป..
“ถ้าดีกันแล้ว โจก็บอกพ่อกับแม่ให้มาแล้วกัน ผู้ใหญ่สี่คนจะได้ผูกข้อไม้ข้อมือให้”

……
ผมยกมือขึ้นปิดหน้า  ไหล่สั่นไหวอย่างไม่อาจกลั้นสะอื้น   
ไม่มีคำใดสามารถแทนความรู้สึกขอบคุณต่อถ้อยคำที่พ่อเอ่ยทิ้งท้ายเอาไว้ได้
แม่เดินเข้ามาบีบไหล่หนักๆ โอบผมกับโจเข้าหาลำตัวของเธอ..

. . . . . . . . . . . . . . . . .

“ตกลงได้กันยัง?”

.

.

ห๊ะ? นี่คือกูมาที่นี่เพื่อเจอคำถามนี้เหรอวะ!? ผมเบิ่งตาค้าง ทำตัวไม่ถูก
ไอ้ทัศน์ ไอ้โก น้องเกรย์พร้อมใจกันถามคำถามและจ้องกูอย่างเอาเป็นเอาตาย!
คือ.. พวกมึงคิดเรื่องอื่นกันบ้างก็ได้นะ คิดเถอะ กูไม่ว่าอะไรเลยจริงๆ..
ไอ้โจที่เดินไปทักทายไอดิลส่ายหน้าปลงๆ นี่สินะ.. คือสิ่งที่มันพบเจอมาตลอด

“ว่าไงหนุ่ม.. ตอบเร็วๆ” ไอ้โกกดดัน
“เออ พวกกูลุ้นจนหงอกจะขึ้นแล้ว” ไอ้ทัศน์สมทบ
“กะ..กู..”
มึงจะให้กูตอบยังไงวะ ไอ้พวกเวร!

“พยักหน้าหรือส่ายหน้าก็ได้พี่”
ดี เป็นการประนีประนอมที่ดี จะบ้าเรอะ มันไม่ใช่แล้วน้องเกรียน!
ผมทนการจ้องหน้าคาดคั้นเอาคำตอบจากพวกแม่งไม่ไหว ตั้งท่าจะลุกหนี
“หยุดเลย..” ไอ้โกลุกขึ้นกันไว้ด้านหนึ่ง และไอ้ทัศน์ก็กันไว้อีกด้าน
“พวกกูใช้ทั้งเล่ห์  ทั้งกล ทั้งอุบาย  เหนื่อยแทบตาย  สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รู้ความคืบหน้า มึงตอบมา เอาชัดๆ” ไอ้ทัศน์ย้ำ
“ได้กันรึยัง?”

“ตอบๆ ไปเถอะหนุ่ม” พี่กรีนแนะนำ “ไอ้พวกนี้มันจะได้ตาหลับ”
เฮ้ย! ไอ้.. ไอ้โจช่วยกูด้วย.. ผมหันไปมองมัน ใบหน้าร้อนผ่าว

“เฮ้อ พวกลูกก็อย่าไปกดดันหนุ่มเลยน่า” ท่านแม่เกรียนส่ายหน้าอ่อนใจ
“ว่าแต่รู้แล้วมาบอกแม่ด้วยนะเกรย์ เนี่ย พ่อ ทิว แล้วก็เจ้ากรก็ยังอยากรู้เลย”
เย้ย!!

ไอ้โจหัวเราะน้อยๆ เดินมาโอบไหล่ผมเข้าหาตัว
“พวกมึงพอเลย ไอ้หนุ่มจะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น กูก็จะไม่ตอบ”
มันเอ่ยน้ำเสียงเข้มๆ ปกป้องผมจากทุกอย่างรอบตัว แม่ง รู้สึกดีโคตร..
แต่นั่นก็ก่อนที่มันจะพูดประโยคต่อไป..
“พวกมึงเลิกถามสักทีได้ยินไหม เลิกคาดคั้นเมียกูได้แล้ว”
ไอ้สัดโจ!

ฮิ้ววว!  ฮ่ะๆ..

เสียงโห่ฮาและเสียงหัวเราะดังลั่นร้าน
กูอยากจะบ้าตายกับพวกแม่งจริงๆ

“พี่กรีน ผมสบายใจแล้ว ไปกันเหอะ ฝันดีแน่ๆ แล้วคืนนี้”
“อ้าว โกไม่อยู่ร้านเหรอ”
“ไม่ต้องพี่ เดี๋ยวแอร์กับนนมาอยู่ อ้าว มาพอดี..”
แน่นอน น้องรหัสไอ้ทัศน์กับน้องเนิร์ดนนผู้เป็นแฟนเข้ามายกมือไหว้สวัสดีพวกผม
“มีอะไรกันเหรอพี่ ท่าทางอย่างกับใครเพิ่งจะได้กัน เอ๊ย เพิ่งจะแต่งงานแน่ะ”
ไอ้.. แอร์..
“ใครครับ พี่โจกับพี่หนุ่มเหรอ โอ้ จริงเหรอครับ  ยอดเลยนะครับเกรย์  ไว้ผมจะเอากบมาร่วมแสดงความยินดี!”

เว้ย! กูไม่อยู่แล้วเว้ย!! นี่มันร้านกาแฟหรือลานประหารวะ!?
ผมย่ำเท้าหนีออกจากร้าน ‘เฮ้ย ไอ้เห่ย’   พยายามอย่างยิ่งที่จะแทรกแผ่นดินหนีไป
“หนุ่ม..” ไอ้โจตามมาคว้าแขนไว้ ผมอยากโบกใบหน้าหล่อเหลานั่นเป็นอย่างยิ่ง
เชี่ย.. เพราะมึง เพราะมึงเลย ทำเหมือนจะช่วยกู แต่มึงน่ะประกาศเองเลย แม่ง!

“ฮ่ะๆ ไม่ต้องอายน่า” ไอ้ทัศน์ตามออกมาด้วย
“พวกมึงรักกันแค่ไหน พวกกูก็รู้อยู่แล้ว”
“ช่ายยย..” น้องเกรย์พยักหน้าหงึกหงัก “ได้กันไหม ไม่ใช่ประเด็นเนอะ..”
“ถูกต้อง..” ไอ้ทัศน์ทำหน้าจริงจัง ก่อนที่น้องเกรย์จะเสริมอีกครั้ง “แต่ถ้าได้กัน มันก็ดี”
ไอ้ ไอ้..!

“ฮ่าๆ ขอโทษพี่ พวกผมไม่แซวแล้ว”
น้องเกรย์ยกมือสองข้างขึ้นอย่างยอมแพ้ เมื่อผมอ้าปากจะด่า แล้วเอ่ยชวนยิ้มๆ
“ไปนั่งเล่นอ่างแก้วด้วยกันนะครับ”
ห๊ะ? ผมขมวดคิ้วมอง อารมณ์ไหนวะ?
แต่ไอ้ทัศน์โอบเอวเกรย์เดินนำหน้าไปทาง Mazda2 ที่จอดอยู่ ก่อนผมจะได้ถาม
ผมเหล่มองไอ้โจอย่างขอความเห็น มันจึงยักไหล่สบายๆ “แล้วแต่มึง”
ผมบ่น แต่ก็เดินเคียงกับไอ้โจ ตามหลังทัศน์และน้องเกรย์ไป
“สี่ปีผ่านมาแล้ว เกรย์แม่งเกรียนไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ..”

. . . . . . . . . . . . . . . . .

         พระอาทิตย์อัสดงทอแสงอ่อนบางล้อผิวน้ำสีเข้ม..
อ่างแก้วไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม จากที่เห็นครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงรับปริญญา
ผมทรุดนั่งลงข้างไอ้โจ ไอ้ทัศน์กับน้องเกรย์เดินเล่นห่างออกไปไม่ไกล
            “กูยังไม่ได้คิดบัญชีกับมึงเลย” ไอ้โจเอ่ยออกมาในสายลม
บัญชงบัญชีบ้าอะไร กูต่างหากที่ต้องคิดกับมึงน่ะ ผมถลึงตาใส่แม่ง
“แอบให้เกียร์ตอนกูหลับไม่รู้เรื่อง ที่สุดของความใจร้ายว่ะ..”
มึงสมควรได้รับแล้วล่ะกูว่า ผมหันหน้าหนี แต่แขนแข็งแรงนั้นโอบเอวเข้ามาใกล้..
“จำได้ไหมว่ากูให้มึงยังไง..”
“จำไม่ได้”  ผมฝืนตอบเสียงหนัก  ขณะภาพริมฝีปากคนตรงหน้าจูบเกียร์ที่หน้าอกยังประทับชัดเจนอยู่ในใจ
“ไม่เป็นไร” มันหัวเราะหึหึ “เดี๋ยวกูค่อยทวนความจำให้..”
เอาเลย กูเริ่มชินแล้ว พูดให้กูอายมากๆก็ดี เพราะคราวนี้กูไม่อายแล้ว กูจะตอบว่า..
“เออ เจอกันคืนนี้แล้วกัน กลางวันไม่ต้องพูดมาก”
ไอ้โจหัวเราะลั่น สีหน้าผ่อนคลายส่งรอยยิ้มมาให้ผมซึ่งผมก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ

รัก.. ยิ่งกว่ารัก..
และที่สุดของรักนี้.. คืออภัย..


ผมเอียงคอไปซบไหล่หนาข้างๆ..   
สายตาเรามองไปยังคนอีกสองคนที่มีความหมายอย่างมากเหลือเกินในชีวิต
สองคน..ที่เดินเคียงกันริมสันเขื่อนอ่างแก้วในแสงอาทิตย์อัสดง
คนที่เป็นเสมือนทั้งเพื่อนและครอบครัว คนที่ผมกับโจจะมอบทุกความปรารถนาดีที่มีเพื่ออวยพรให้ชีวิตของทั้งคู่มีแต่ความสุขสดใส
..อินดี้ทัศน์และเกรียนเกรย์..

 



.. T  H  A  N  K     Y  O  U    F  O  R     E V E R Y T H I N G  ..
INDY-POET


Edit: แก้คำผิดครับ ขอบคุณสำหรับการแจ้งเน้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2016 20:02:56 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 :pig4: :pig4: :pig4:
ยินดีด้วยครับ สมหวังเจาะ
น่ารักมากๆ
 :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด