เรื่องของเก่ง กับ ตี๋ – ภาค 3 / ตอนที่ 8 : เมื่อความรักเดินทาง (จบภาค 3)
เปิดเทอมใหม่ผมก็มีน้องรหัสกับเขาอยู่ถึง 2 คน เพราะน้องอีก 1 คนเป็นน้องที่ผมรับมาดูแลแทนเพื่อนผมซึ่งเอ็นท์ใหม่ติดทันตแพทย์ จริงๆ แล้วผมก็อยากจะลองเอ็นท์ใหม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอยากจะเปลี่ยนที่เรียน เพียงแค่อยากทดลองเลือกคณะแพทยศาสตร์ทั้ง 4 อันดับ คงจำกันได้นะครับว่าความฝันสูงสุดของผมคือการได้เป็นนายแพทย์ แต่ด้วยเรื่องราวยุ่ง ๆ วุ่นวายของผม ทำให้ผมเสียโอกาสนั้นไป ไม่อย่างนั้น ก็ไม่แน่นะครับ คนที่นั่งพิมพ์เรื่องราวของเก่งกับตี๋ในขณะนี้ อาจจะเป็น คุณหมอเก่ง ก็เป็นได้
แต่มานึกดูอีกทีแล้ว ไม่เอ็นท์ใหม่ก็ดีเพราะน้องรหัสน่ารัก เอ้ย ... ไม่ใช่ เพราะว่าเทอมนี้ คงจะเป็นเทอมที่ผมเรียนอย่างมีความสุข ผมได้กลับมาคบกับไอ้ตี๋เล็กเหมือนเดิม ภาระหน้าที่ของผมเริ่มมีมากขึ้นเมื่อผมทำงานพิเศษ โดยมีรุ่นพี่ต่างคณะเป็นผู้แนะนำ ผมก็ดีใจที่งานพิเศษของผม สามารถทำรายได้ค่อนข้างมากพอสมควร (ธุรกิจขายตรงหลายชั้น) ผมจึงตัดสินใจให้ของขวัญไอ้ตี๋เล็กอีกหนึ่งชิ้นในวันเกิดของมันในปีนั้นเอง
ของขวัญชิ้นนั้นคือ ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ กรุงเทพ ฯ –สิงคโปร์ เรามีกำหนดการเดินทางในคืนวันศุกร์ และกลับมา กทม ในเย็นวันอาทิตย์ ผมกับไอ้ตี๋เล็กตื่นเต้นมาก เพราะเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิตของเรา
เริ่มจากการทำหนังสือเดินทางที่กองหนังสือเดินทางปิ่นเกล้า จากนั้นอีก 3 วันก็ไปรับ ผมซื้อตั๋วจากบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งเป็นตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก ในราคาคนละ 10,000 บาท ส่วนสายการบินเป็นสายการบินหนึ่งชื่อย่อขึ้นต้นด้วย S และลงท้ายด้วย S เช่นกัน
ผมกับไอ้ตี๋เล็กไปถึงดอนเมืองก่อนเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง หลังจากเช็คอินที่เคาน์เตอร์ ซึ่งมีขั้นตอนปฏัติเหมือนกันกับในประเทศ ผมซื้อบัตรค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินสำหรับสองคน จากนั้นเราก็ผ่านมายังตรวจคนเข้าเมืองขาออก เจ้าหน้าที่ถามผมเล็กน้อยว่าไปเที่ยวหรือ ทำงานหรือเปล่า ผมบอกว่าเป็นนักศึกษา ไปเที่ยวเฉย ๆ เจ้าหน้าที่ท่านนั้นประทับพาสปอร์ตแล้วส่งคืนให้ผม จากนั้นเราก็เข้ามารอที่ประตูทางออกขึ้นเครื่อง ก่อนที่จะมีเสียงประกาศเรียกให้ขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารในเที่ยวนี้น้อยมาก ๆ อาจเป็นเพราะเป็นสายการบินต่างชาติกระมัง ผมนึกในใจ เรานั่งประจำที่เรียบร้อย เหลือบตามองดูเพื่อนร่วมทางแล้วชวนให้เสียวว่าผีจะหลอก เพราะชั้นประหยัดมีคนอยู่ไม่ถึง 10 คน ส่วนชั้นธุรกิจมีแค่ 3 คนเท่านั้นเอง
มีการสาธิตวิธีใช้อุปกรณ์ชูชีพถูกฉายผ่านจอทีวีเล็ก ๆ ไม่มีการแสดงสด ภาษาไทยไม่มีเลยเพราะเป็นสายการบินต่างชาติ พอเครื่องเทคออฟและบินไปได้สักพัก ผมเดินกลับมาจากห้องน้ำบอกให้ไอ้ตี๋เล็กไปเข้าห้องน้ำ ถึงไม่ปวดก็ต้องเข้า จะได้รู้ว่าห้องน้ำบนเครื่องบินมันเป็นอย่างไร ถ่ายรูปไปด้วยยิ่งดี
สักพักอาหารก็มาถึง เป็นพิซซ่าและพาย อร่อยมากจนต้องขอเพิ่มอีกชุด ผมกินไดเอ็ทโค้ก ส่วนไอ้ตี๋กินน้ำส้ม เมียผมเป็นนางเอกได้ไม่เลือกสถานที่อยู่แล้ว
เครื่องบินแตะรันเวย์สนามบิน Changi ในเวลาประมาณ 4 ทุ่มของสิงคโปร์ (เวลาเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง) ระยะเวลาในการบินเพียง 2 ชั่วโมง 25 นาทีเท่านั้น ผมนึกในใจ ขนาดเราจะกลับบ้านนอก ยังนั่งรถ 6-7 ชั่วโมงด้วยซ้ำ นี่มาถึงต่างประเทศแล้ว
ไอ้ตี๋ผ่านตรวจคนเข้าเมืองไปฉลุย ส่วนผมมีปัญหาเล็กน้อยเมื่อเจ้าหน้าที่ขอดูตั๋วขากลับของผม (หน้าตาคล้ายคนอพยพมาจากแดนไกล) ผมล้วงตั๋วขากลับออกมายืนยันว่ากูกลับแน่ ๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ประทับวีซ่า (On arrival) ให้ผม 14 วัน
เรานั่งแท็กซี่มาที่โรงแรมแห่งหนึ่งบนถนน Scotts ตามที่ระบุในแพ็กเกจ วันนี้ดึกมากแล้ว คงไม่ได้ทำอะไรมากนอกจาก ......
*ตี๋ ใหน ๆ ก็มาถึงเมืองนอก เราหาอะไรทำหนุก ๆ ดีกว่า* ผมนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนดูไอ้ตี๋กำลังเช็ดผมให้แห้ง ตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนแล้ว
-อะไรล่ะที่ว่าหนุก ๆ – มันถามโดยไม่หันมามองหน้าผม
ผมวิ่งไปที่กระจกที่มันยืนอยู่ กอดมันจากข้างหลัง เริ่มซุกไซร้ที่ซอกคอมันทันที
*เว้นช่วงไปนาน ตอนแรกเราก็นึกว่าโดนไอ้กลดทำปู้ยี่ปู้ยำไปถึงใหนแล้ว* ผมพูดอย่างหื่นกระหาย
ไอ้ตี๋หันหน้าเข้ามาปะทะผม ต่อยผมเบา ๆ ที่ท้องหนึ่งครั้ง
-ปากเสีย วันนั้นยังไม่ไปถึงใหนเลยอ่ะ นึกเสียดายเหมือนกันนะ- มันพูดทำหน้าทะลึ่งทะเล้น ยิ่งยั่วโมโหผมเข้าไปอีก
*กินน้ำพริกถ้วยเก่านี่ล่ะ ให้มันรู้ไปว่าจะเบื่อหรือเปล่า* ผมเร่งระดมจูบไอ้ตี๋ ลิ้นดุนลิ้นกันอย่างเมามัน มือของมันอยู่ไม่สุข มันเอื้อมมาดึงกางเกงนอนผมลงอย่างง่ายดาย Kผมเริ่มตึง ๆ แล้วแต่ยังไม่แข็งตัวเต็มที่ ดุนดันอยู่แถว ๆ บริเวณหน้าขามัน
ผมใช้มือของผมถอดเสื้อและกางเกงมันออก Kไอ้ตี๋เล็กแข็งปั๋งเต็มที่ อุตส่าห์มาไกลถึงต่างประเทศ ไม่ได้มีกิจกกรมอะไรนี้ก็ดูจะกระไรอยู่ เหมือนกับมาไม่ถึง ผมโอบเอวตี๋เล็กเขามาแนบตัวผมจนเราสองคนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ปากก็ยังจูบกันอยู่อย่างดูดดื่ม
ตี๋เล็กผละปากออกจากปากผมแล้วนั่งลงตรงหน้าผม ผมขยับไปนั่งพิงโต๊ะเครื่องแป้งในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งยืน Kผมแข็งตัวเกือบเต็มที่ผงาดอยู่ตรงหน้าตี๋เล็กพอดี ไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ ตี๋เล็กเอามือจับโคนไว้ แล้วใช้ปากครอบเอาหัวKทันที มันเม้มตรงรอยหยักแล้วดูดอย่างแรง ผมร้องโอ้ย ต้องแอ่นตามแรงดูดเพื่อคลายความเสียว ผมจับหัวมันไว้ให้มันผละออกแต่มันก็ยิ่งแกล้งด้วยการขยับปากเข้ามาจนมิดลำ ผมคราง โอ้ว ซู้ดส์ปาก ออกมาอย่างลืมตัว
ปากของมันเริ่มทำงานขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ เพื่อลดแรงต้านความเสียว ผมต้องแอ่นตามจังหวะการดูด ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมว่าไอ้ตี๋มันไปทำอีท่าใหน ถึงประทับใจไอ้กลดนัก คิดขึ้นมาแล้วมันน่าหึงใหมล่ะครับ อยู่ดีดี ต้องมาทนรับรู้ว่าเมียตัวเองกำลังดูดKของคนอื่นอยู่ ไอ้ตี๋ดูดKเป็นจังหวะสม่ำเสมอเล่นเอาผมครางหงิงๆ บางจังหวะเผลอตัวกระเด้ารับจังหวะที่ปากของมันรูดเข้าลง มือมันยิ่งซุกซนข้างหนึ่งบีบเค้นคลึงไข่ผมเล่น มันยิ่งทำให้เสียวซ่านมากขึ้น ส่วนอีกมือ มันเอาลูบไปมาอยู่ระหว่างร่องก้นผมเบา ๆ ทำให้มีความรู้สึกเสียวปนระคนหวาดกลัว ... กลัวมันจะขอเอาผมบ้างสิครับวันนี้
ผมจับมันลุกขึ้นแล้วไปที่เตียงนอน จับไอ้ตี๋เล็กนอนหงายแผ่แยกขาออก ผมช่วยมันบ้างด้วยการจับKมันชักว่าวขึ้นลง 3-4 ครั้งก่อนผมจะเลียที่หัวKสีแดงเข้มของมันเบา ๆ มันครางฮือ ๆ ผมเลียตั้งแต่โคนไปหาปลาย 2-3 ครั้งก่อนจะเลียรัวที่หัวบาน ๆ นั้น ไอ้ตี๋เริ่มร่อนอยู่ไม่เป็นสุข มือทึ้งผ้าปูที่นอน ก่อนที่ผมจะครอบปากลงไปจนมิดด้ามในทีเดียว ผมแทบหายใจไม่ออก มันใช้มือมาจับหัวผมดึงออก ผมไม่ยอมเมื่อกี้แกล้งกูดีนัก
ผมรูดปากเข้าออกในจังหวะที่ไอ้ตี๋เล็กร่อนกระเด้งตูดให้Kรับกับจังหวะการดูดของผม มันร้องโอ้ว ๆ คงเสียวน่าดู ผมกลัวมันจะอยู่เฉย ๆ ไม่มีอะไรทำ จึงกลับตัวผม Up-side down จ่อKของผมเข้าที่ปากมันพอดี มันรีบงับไว้อย่างรวดเร็ว ส่วนผมจับKมันพาดมาทางหน้าท้อง สำรวจจุดหมายของผมทันที ผมเจอแล้วรูดตูดของมัน นั่นเอง เพื่อทดสอบความฟิตผมใช้นิ้วแยงไปเบา ๆ 1 นิ้ว มันเข้าได้ยากมากผมจึงถ่มน้ำลายใส่แล้วค่อย ๆ แหย่เข้าไปใหม่ เบา ๆ มือ ไอ้ตี๋ร้อง อื้อ อื้อ ในขณะที่ดูดKผมอยู่ในปาก
เมื่อนิ้วเข้าได้ผมลองควานรอบ ๆ ก่อนจะใส่เพิ่มไปอีกหนึ่ง และหนึ่ง ไอ้ตี๋ผละออกจากKผมร้อง โอย ๆ ๆ ผมถามว่าเจ็บเหรอ มันบอก อือ .. อือ .. ผมเดาเอาว่านั่นคือคำตอบว่าไม่เจ็บ ผมจึงย้ายตำแหน่งมานั่งยอง ๆ จับขาไอ้ตี๋แหกออก พาดมาทางหน้าอก ตูดมันลอยเด่นออกมา เห็นรูตูดขยายตัว เป็นสีชมพูยั่วอารมณ์
ผมจับหัวKที่ชุมน้ำลายของไอ้ตี๋เมื่อครู่จ่อเข้าที่รู กดพรวดเดียวอย่างแข็งใจทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันต้องเจ็บ ผมก็ต้องเจ็บ มันร้อง ฮื่ออออ ออกมา คงเจ็บมาก ผมสูดปากด้วยความเจ็บ แช่ไว้อย่างนั้นยังไม่ได้ทำอะไร ตูดไอ้ตี๋ยังคงฟิตเปรี๊ยะ มันตอดผมตุบ ๆ ๆ ๆ จนKผมที่แช่อยู่รู้สึกได้
ผมจึงชักออกมาจนเกือบสุดด้าม ติดปลายหัวเงี่ยงไว้เท่านั้น และกดเข้าไปช้า ๆ แล้วเร่งจังหวะขึ้นเป็นรวดเร็ว ไอ้ตี๋ร้องครวญครางสลับกับเสียงครางหงิง ๆ ด้วยความเสียว ผมเล่นไม่เลิกโดยการยกตูดมันขึ้นแล้วทะลวงมากจากข้างล่าง โอ้ว แค่สองสามนาที น้ำจากKไอ้ตี๋แตกพุ่งปริ้ดเต็มหน้าท้องและหน้าอกมัน ผมเร่งจังหวะของผมบ้าง จับเอาไอ้ตี๋นอนตะแคง ยกขามันขึ้นหนึ่งข้าง ให้ความรู้สึกว่าKโดนบีบแน่นมาก ๆ ผมซอยเข้าซอยออกอย่างไม่ลดละ ยังไงจุดหมายของผมก็คงอยู่อีกไม่ไกล ไอ้ตี๋ยิ่งครางหงิง ๆ ตามจังหวะที่ผมเสียบผมก็ยิ่งเสียวมากขึ้น ในที่สุดผมก็รู้สึกร้อนวูบวาบที่ปลายK น้ำแตกฉีดพุ่งเข้าไปในรูได้ตี๋ ผมร้อง โอ้ย ออกมาอย่างดังแล้วโยกเข้าให้สุด ๆ อีก 2 ที
ผมนอนกอดก่ายไอ้ตี๋เล็กโดยไม่ได้เอาKออกมา รูตูดมันตอดKผมตุบ ๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจมัน ผมกอดมันไว้เนิ่นนานจนกระทั่ง เราสองคนหลับไป
ตื่นเช้ามาเราไปเที่ยวตามข้อมูลที่หามาได้ล่วงหน้า เริ่มจากหาข้าวกินตามศูนย์อาหาร ผมบ่นว่าอาหารจีนให้กินได้สักพัก ผมคงเบื่อ เพราะไร้รสชาติอะไรทั้งนั้น แม้แต่รสชาติอร่อยก็ไม่ได้ใส่มาให้เรา มิน่าล่ะ อาตี๋ที่นี่ถึงได้ขาว ๆ ซีด ๆ ดูไม่มีสุขภาพพลานามัยกันทั้งนั้น เราไปเที่ยวที่เซ็นโตซ่า ไชน่าทาวน์และตอนเย็นแวะซื้อของที่ถนน Orchard เราซื้อของที่อยากได้ และของฝากคนที่เมืองไทยบางส่วนก่อนจะกลับไปที่โรงแรม
ตี๋เล็กอยู่ในห้องน้ำ ส่วนผมนอนเกลือกกลิ้งดูทีวีอยู่บนเตียง ผมคอยชำเลืองดูว่าไอ้ตี๋จะออกมาเมื่อไหร่ จนผมเผลอหลับไป
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีคนมาหอมแก้มผม ไอ้ตี๋เล็กนั่นเอง มันนั่งอยู่บนเตียงยิ้มอย่างอารมณ์ดี
*ขอบใจนะ สำหรับของขวัญ* มันพูดยิ้ม ๆ
-ของขวัญอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง- ผมงัวเงีย ไม่รู้ไม่ชี้
*จะเซอร์ไพรส์ก็ไม่น่านอนหลับก่อนจะให้ของคนอื่นนะ* ผมน่ะสิ นอนหลับกอดกล่องของขวัญไปเลย
-เอามานะ เค้าอาย- ผมอายจริง ๆ หน้าแดง เหมือนเด็กทำผดแล้วถูกจับได้
ผมซื้อของขวัญเป็นแหวนทองคำขาววงบาง ๆ ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากมายนักให้กับตี๋เล็กตอนที่เราไปซื้อของเมื่อเย็น ผมอยากมีอะไรบางอย่างที่ช่วยเตือนใจทั้งผมและมันเวลาที่เราอาจจะห่างไกลกัน เพราะผมต้องทำงานพิเศษไปด้วย ผมซื้อ 2 วงที่มันตั้งโชว์คู่กันในร้าน ผมเอาออกมาจากกล่อง 1 อันสวมไปที่นิ้วนางข้างขวามัน
-ใส่ให้ด้วยสิ- ผมบอก
ตี๋เล็กบรรจงใส่แหวนที่นิ้วนางข้างขวาของผมเช่นกัน
-กูอยากให้มีของบางอย่างเตือนเราสองคนเสมอ ๆ ว่ากว่าเราจะมาถึงวันนี้ เราต้องเข้มแข็ง ฝ่าในอุปสรรคมาสักเท่าไหร่- ผมบอก
*โรแมนติกจังผัวกู* มันทำหน้ายียวน
-ก็รักนี่- ผมกระโดดเข้าหอมแก้มมันพันลวัน ความรักของคู่ชื่นชุลมุน ได้เริ่มต้นเดินทางอีกครั้งหนึ่งแล้ว จะดีจะร้าย ...... ยังไม่มีใครทราบ ...
นอกเสียจากว่า.... คราวนี้..... ไม่ว่าจะอย่างไร... เราจะเดินไปพร้อม ๆ กัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรียน มิตรรักนักอ่านทุกท่านครับ
เรื่องของเก่งกับตี๋ในภาคที่ 3 คงจะจบลงเพียงเท่านี้ ขอขอบพระคุณสำหรับการติดตามอ่านและเป็นกำลังใจ เป็นเพื่อนกันผ่านตัวอักษรเรื่อยมานะครับ สำหรับเหตุการณ์สุดท้ายในภาค 3 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1997-98 เหตุการณ์หลังจากนั้นถัดมา ผมจะทยอยนำมาลงเผื่อแผ่กับท่านผู้อ่านในโอกาสต่อไปครับ สำหรับเรื่องราวในชุดถัดไป ซึ่งผมตั้งใจจะให้มีภาคเดียวนั้น จะเป็นเรื่องราวของความรัก อุปสรรค ระหว่างที่เก่งกับตี๋อยู่มหาวิทยาลัยปี 3 และ ปี 4 นะครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากท่านผู้อ่านเป็นอย่างดีตลอดไป
รักมากมาย
เก่ง
19.00 น.
07/06/07