ทองหยอดหยอดเนื้อทอง เหมือนพี่พร้องกับจอมขวัญ
หยอดรักลงทุกวัน วันละน้อยค่อยประจง......
รู้ตัวอีกทีน้องตัวต่อก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวเหนียวหน้าตาลเชื่อมโรยงาคั่วหอมๆ แบบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองไปที่อื่นแล้วล่ะครับ แล้วเพราะมือไม้มันสั่นแบบจริงๆไม่ได้แกล้งด้วย พอต้องมาใช้มือที่ไม่ถนัดเข้าอีกผมก็เลยซุ่มซ่ามทำขนมเลอะขอบปากบ้างไรบ้าง แล้ว...แทนที่จะต้องเช็ดเอง ก็มีมือใหญ่ๆของคนนั่งข้างๆแหละมันคอยยื่นมาเช็ดให้
แม่ผ่องน่ะเหรอครับ? หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ไปไม่บอกไม่กล่าวกันบ้างเลย ทิ้งให้ลูกกวางน้อยอย่างผมเผชิญหน้ากับเสือพี่อ๋องตามลำพัง ไม่ไหวแล้วครับ ขืนต้องติดอยู่ในบรรยากาศหวานๆอุ่นๆ นี่นานๆ ผมคงหายใจไม่เข้าเป็นตัวต่อขาดอากาศตายแน่ๆ
“อุ๊ย!! น้องขอโทษ”
ไม่มีอะไรมากครับ ผมก็แค่แกล้งเผลอใช้มือขวาหยิบขันน้ำดื่ม แต่ด้วยความที่ใส่เฝือกอ่อนจำกัดการเคลื่อนไหวอยู่ แถมมือไม่ได้ใช้งานหลายวันเลยไม่ค่อยมีแรง มันก็เลยกลายเป็นปัดขันน้ำ
‘โดยไม่ได้ตั้งใจ’ ฮี่ๆๆๆ
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย พี่ก็ไม่ได้เจ็บแล้วก็ไม่ได้เลอะเลยสักหน่อย”
มันก็แหงล่ะ ก็น้องตัวต่อไม่ได้ตั้งใจจะให้เลอะนี่ครับ น้องตัวต่อแค่อยากให้น้ำหกเฉยๆตะหากล่ะ
“ก็น้ำหกหมดแบบนี้พี่อ๋องก็ต้องเป็นคนไปตักมาให้น้องใหม่ไง”
เฮ้อ....ไล่มันไปพ้นๆตาได้แล้วครับ ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เหอะ เดี๋ยวน้องตัวต่อขอสูดลมหายใจเข้าลึกๆทดแทนกับอาการหายใจไม่ค่อยเข้าเมื่อกี้ก่อนนะครับ ไอ้พี่อ๋องนี่มันต้องเป็นตัวดูดอากาศแหงๆเลย ทีเผลอมันก็ชอบมาสูบลมใกล้ๆผม ทีไม่เผลอมันยังชอบทำให้ผมหายใจลำบากอีก คิดถูกแล้วแหละครับที่จะหาทางกำจัดมันออกไปจากชีวิตน่ะ
หลังเริ่มดำเนินการเล่นไปตามบทเข้าวันที่สาม ผมก็รู้สึกว่าต้องรีบหาไม้เด็ดไว้แสดงความนิสัยไม่ดีของนาย น. ตามโครงเรื่องแล้วครับ เพราะยิ่งหลายวันเข้า อาการหลุดบทเนื่องจากคำพูดบ้าง สายตาบ้างของไอ้พี่อ๋องก็ยิ่งถี่ แถมเวลาให้มันช่วยพาอาบน้ำยิ่งแล้วใหญ่ น้องตัวต่อแทบจะกลายเป็นลูกหมูคล้ายไอ้เจ้าลูกหมูสีชมพูหลานเล็กทางฝั่งบ้านพี่ตัวป่วนเข้าไปทุกทีแล้ว อยากจะหาผ้าดำมาผูกปิดตาไอ้คนช่วยอาบเสียให้รู้แล้วรู้รอด
น้องตัวต่อไม่ได้อายที่ตัวเองเข้าใกล้ความเป็นลูกหมูตัวจริงเพราะเริ่มมีพุงน้อยๆนุ่มนิ่ม เนื่องจากวันๆ ได้แต่กินกับนอนนะครับ แล้วผมก็ไม่ผิดด้วยที่จะมีพุงน่ะ ก็อยู่แต่บ้านแบบนี้มันมีขนมอร่อยๆล่อตาล่อใจทุกวัน พุงแห้งๆตอนเป็นหนุ่มออฟฟิศเดินย่ำต๊อก ผ่านมาแค่สิบวันหลังออกจากโรงพยาบาลเลยชักจะยื่นมาด้านหน้า แต่ที่อายน่ะ เพราะจากลูกหมูสีน้ำตาลอ่อนธรรมดา มาวันนี้ผมแทบจะกลายเป็นลูกหมูเนื้อแดงทุกทีที่ไอ้พี่อ๋องมันมองเอาน่ะสิครับ
แล้วไอ้บ้าพี่อ๋องก็ขยันมองเหลือเกิน ไม่รู้มองแล้วมันอิ่มหรือว่ายังไง นี่ผมแกล้งใช้มันอย่างกะทาสมันยังไม่เห็นปฏิเสธเลยสักคำ วันนี้ใช้มันไปสอยมะม่วงหลังบ้านมาชั่งกิโลได้ตั้งยี่สิบกว่ากิโลแล้วอะครับ หน้าไอ้พี่อ๋องงี้มันแผล็บ แถมเหงื่อนี่โชกเสื้อมาเลย พอมันยกตะกร้าล่าสุดที่มีทองดำสุกเกือบเต็มตะกร้าเข้ามากลิ่นเหงื่องี้คลุ้งมาเชียว อี๋ๆแหวะๆ
ไอ้พี่อ๋องน่ะนอกจากมันจะเป็นตัวขัดขวางการหายใจเต็มปอดของน้องตัวต่อแล้วมันยังชอบทำให้น้องตัวต่อเสียสมาธิในการทำงานด้วยนะครับ อย่างตอนนี้ที่ผมกำลังนั่งคัดมะม่วงอยู่ พอมันเข้ามานั่งยองๆข้างๆแคร่แล้วจับตามองมาเท่านั้นแหละ น้องตัวต่อก็ทำมะม่วงงามๆหลุดมือหล่นให้ช้ำจนต้องแยกไว้สำหรับจะเอาไปทำมะม่วงกวนกันง่ายๆ เห็นมั้ยครับพี่น้อง...ว่าไอ้พี่อ๋องมันชักจะทำความลำบากให้บ้านเราโดยเฉพาะนายไผทมากขึ้นทุกที
“พี่อ๋องจะมานั่งมองน้องทำไม?”
เออ จะมามองทำไมเนี่ย เห็นมั้ยว่าคนมันทำงานไม่ได้แล้ว ไปที่อื่นไปวู้ว! เสียเวลาทำมาหากินหมด นี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาใจมันนะครับ ที่หยิบพัดมาโบกลมส่งให้มันเพราะมันจั๊กจี้หัวใจจนไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนต่างหาก จะหยิบมะม่วงต่อก็กลัวจะมือไม้อ่อนทำของเสียอีก
“ก็พี่เห็นน้องตั้งใจทำงาน....น่ารักดีนี่ครับ” เออเนอะ ไอ้บ้านี่มันก็คิดได้เนอะ....โว้ยยยยยยยย ถ้าน้องตัวต่อกรี๊ดเป็นน้องตัวต่อจะกรี๊ดใส่หน้ามันให้ตกใจเปิดตูดกลับบ้านไปไม่กลับมาอีกเลย ไอ้บ้านี่!! คนบ้านไหนบ้างทำงานแล้วน่ารัก บ้าไปแล้ว ผมยังไม่เคยมองใครตอนทำงานแล้วรู้สึกว่าน่ารักจังสักทีเลย แต่เอาก็เอา จะเล่นกับคนบ้าก็ต้องบ้าตามมันครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะพานต่อบทไม่ได้เอา
“พี่อ๋อง....พูดอย่างงี้ได้ไงอ้ะ..”
ผมแอ๊คชั่นเขินทันทีที่เรียกชื่อมัน.....ก้มหน้าลงเหมือนกับตั้งใจจะหลบสายตา แล้วก็เห็นเป้าหมายเป็นแถวมดตะนอยตัวอ้วนพีที่เดินตามก้นกันอย่างเป็นระเบียบน่าให้เด็กอนุบาลดูเป็นแบบอย่าง พร้อมกับความคิดบางสิ่งสมกับเป็นตัวร้ายที่ผุดขึ้นในหัว
“อ้าว!! ก็พี่อ๋องรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนี่ครับ น้องน่ารัก...ยิ่งรู้จัก พี่ก็เห็นว่าน้องน่ารักขึ้นทุกวัน...”
“พอเหอะน่า....เดี๋ยวน้องก็เขินเผลอบิดขากระดูกแตกซ้ำซากกันพอดี”
น้องตัวต่อไม่ได้ดีแต่พูดหรอกครับ แต่ผมทำท่าเขินขั้นแอ๊ดวานซ์บิดตัวแถมมือที่ถือพัดอยู่ก็ปัดโน่นปัดนี่บนแคร่ให้ดูเสมือนไร้ทิศทาง แต่อันที่จริงน่ะหรือครับ.....หึๆๆๆ
“เอ้าๆ เขินอะไรขนาดนั้นน้อง...ฮ่าๆๆๆๆๆ เฮ้ย!!”
เอาแล้วมั้ยล่ะ ก๊ากกกกกกกกกก ดูสิครับ ไม่ต่ำกว่าสิบตัวแน่นอนผมรับประกัน ด้วยฝีพัดของน้องตัวต่อ คุณมดตะนอยก็ไปแหมะอยู่แถวอกแถวคอของไอ้พี่อ๋องเรียบร้อย
“โอ๊ะ!! .......พี่อ๋อง จะทำอะไร?” ไอ้พี่อ๋องมันเด้งตัวขึ้นมายืนครับ แต่แทนที่จะปัดน้องมดออกแล้วเกาเป็นลิงให้ผมดูเป็นขวัญตา มันกลับยกผมขึ้นทั้งตัวแล้วเดินดุ่มๆเข้าไปวางผมบนเก้าอี้ยาวใต้ถุนเรือน
“เมื่อกี้มีมดตะนอย น้องคันตรงไหนรึเปล่า!!?”
ฮะ!!...มาถามผมเนี่ยนะ แล้วดูสิมันก้มเข้ามาจนใกล้หยิบมดที่เกาะอยู่นอกเฝือกออกให้ผมอีกสองตัว แล้วตัวมันล่ะ ผมเห็นนะว่าไอ้ที่ปัดๆไปมันเข้าเป้าเต็มๆน่ะ
“เอ่อ....น้องไม่เป็นอะไรเลย พี่อ๋องดูตัวเองเถอะ.....”
“น้อง!!!”“แม่........น้องไม่ได้ตั้งใจ.......”
โอ๋ย...สะดุ้งเฮือกเลยอะครับ แค่นี้น้องก็รู้สึกผิดแล้วนะ แม่อย่าดุน้องเลย หวา.....ทำไมแม่ผ่องของผมถึงทำหน้าโหดแบบนั้นล่ะครับ แม่ไม่ดุน้องจริงๆแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะครับ
“น้องตั้งใจแกล้งพ่ออ๋องเขา แม่เห็นอยู่ มองมาตั้งแต่ไปตัดเตยตรงท้ายบ่อแล้ว น้องตั้งใจแกล้งเขาชัดๆ......ไหนถอดเสื้อออกให้แม่ดูซิพ่ออ๋อง.....”
หงะ....น้องตัวต่อแค่จะแกล้งนิดเดียวเอง ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นผื่นแดงขนาดนั้นจริงๆนะครับ ก็ถ้าไอ้พี่อ๋องมันลุกปัดน้องมดออก ไม่มายุ่งอุ้มผมเข้ามา มันก็ไม่โดนกัดเยอะขนาดนี้หรอก ผมไม่ผิดนะ ไอ้พี่อ๋องสิ มันหาเรื่องใส่ตัวเองต่างหาก
“พี่อ๋อง....น้อง...”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวนะน้อง ถึงน้องเจ็บแม่ก็ต้องตีบ้างแล้ว”“อะไรแม่ น้องโตแล้วนะ!!”“ยิ่งโตยิ่งต้องรับผิดชอบสิ นี่น้องแกล้งเขาจนเจ็บขนาดนี้ น้องจะไม่ยอมรับผิดได้เหรอ? น้องลูกพ่อรึเปล่า?” อะไรกัน น้องไม่ได้กะจะให้เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้สักหน่อย แค่มดกัดเองนะ...ถึงมดมันจะตัวใหญ่ก็เหอะ แล้วแม่มาพูดแบบนี้ ยังไงน้องต้องถูกตีแน่ๆ
“แม่ผ่องใจเย็นๆนะครับ น้องไม่ได้ตั้งใจหรอก มดมันคงมากับมะม่วง ทีนี้ผมไปแกล้งแหย่น้องก่อนด้วย.....”
ใช่ๆๆ ดีมากเลยพี่อ๋อง ช่วยพูดให้น้องหน่อย แม่ผ่องโหด สงสัยนวดแป้งแทบทุกวันเลยมือหนัก ถึงจะไม่โดนตีมานานแล้วแต่น้องตัวต่อก็จำได้เหอะว่าโดนทีมันเจ็บแค่ไหน ไม่รู้แหละครับ แต่ตอนนี้ผมยึดมือไอ้พี่อ๋องคนดีไว้แน่นเลยแหละ
“พ่ออ๋อง.....เลิกออกรับแทนลูกชายแม่ได้แล้ว อายุเท่ากันแท้ๆ น้องไม่ดูพ่ออ๋องเป็นตัวอย่างบ้างเลย ดูซิ เขาเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหน นี่ดีนะพี่เขาไม่แพ้ ถ้าคนแพ้เนี่ยมันจะเรื่องใหญ่แค่ไหนทำไมน้องไม่คิดบ้าง? พ่ออ๋องไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อน แล้วจะได้ออกมาทายา เอาผ้าในตู้ด้านบนน่ะผลัด เดี๋ยวแม่จัดการน้องแล้วจะขึ้นไปหาเสื้อผ้าให้”
“.....แต่....อ๋อๆ ครับๆ.......น้อง...ทนหน่อยนะครับ พี่อ๋องไปล้างตัวเดี๋ยวเดียวนะ”
ไอ้พี่อ๋องมันเดินขึ้นเรือนไปหยิบผ้าแล้ว ส่วนแม่ผ่องก็ตวัดตาดุอย่างกับเป็นแม่ลูกเสือไม่ใช่ลูกหมูมามองผม แถมด้วยดึงเอาไม้เรียวที่ผมน่าจะฉุกใจคิดเอาไปทิ้งเสียตั้งนานแล้วที่เสียบอยู่ประจำในซอกบันไดมาถือเสียมั่น
“แม่จ๋า....มะ เมื่อกี้แม่เคืองตาอยู่ไม่ใช่เหรอ? ไปล้างตาก่อนดีมั้ยแม่ อย่าเพิ่งรีบตีน้องเลย...เดี๋ยวมีขี้ฝุ่นเข้าตาทิ้งไว้นานๆ จะเป็นตาแดงเอานา”
“อย่ามาทำเฉโก แม่ไม่ได้เคืองตาอะไรสักหน่อย หาเรื่องเลี่ยงอีกสิ!”
“อู๊ย.....น้องเปล่า ก็น้องเห็นแม่กะพริบตาขวาถี่ๆอยู่เมื่อกี้นี้อะ ก็เลยนึกว่าเคืองตาไง.....น้องเปล่าเลี่ยงนะ แค่เป็นห่วงกลัวแม่ไม่สบายเอ๊ง”
“นั่งดีๆ ไม่ต้องร้องให้ใครมาช่วยด้วยนะ ไม่งั้นแม่จะตีสองเท่า แบมือมา!!” เรียบร้อยครับ น้องตัวต่อถูกคุณนายผ่องพรรณฟาดมาสามขวับ ผมหลับตาตั้งแต่คุณนายท่านง้างไม้แล้วล่ะ พอมีเสียงไม้เรียวแหวกลมขวับแรกมันเสียวขึ้นที่สมองก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรมากระทบที่ฝ่ามือจนแสบๆคันๆอีก
แหะๆ อันที่จริง ถูกตีตอนนี้มันไม่เจ็บเท่าตอนเด็กครับ แต่...ใจผมอะมันคิดว่าเจ็บตั้งแต่เห็นภาพไม้ที่ถูกยกขึ้นสูงแล้วน่ะสิครับ แถมคุณนายผ่องพรรณท่านก็แม่นเหมือนจับวาง หวดลงมาสามครั้งเข้าที่เดิมแนวเดิมเป๊ะเลยด้วย พอลืมตามาอีกทีมองเห็นมือตัวเองรอยแนวไม้เรียวนี่ชัดซะอายเลยอะครับ
“ฟู่.....น้องเจ็บมากมั้ย โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวก็หาย....”
พอตีเสร็จอบรมผมได้ไม่กี่ประโยคแต่ก็พอจะสังเกตได้ว่าคุณนายผ่องพรรณถึงกับหายใจหนักๆทางปาก ไอ้พี่อ๋องมันก็โผล่มาพร้อมคอสตูมผ้าขาวม้าผืนเดียว ทั้งหัวทั้งตัวยังเปียกไปหมด แม่ผ่องเลยดุมันไปอีกคนว่าไม่รู้จักหาผ้าเช็ดตัวมาใช้ แล้วเลยเดินขึ้นบ้านไป คงไปหาเสื้อผ้ามาให้มันแหละครับ
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเลย ไอ้พี่อ๋องก็จับมือผมไปแบจ่อตรงปากมัน แล้วก็เป่าลมพ่วงๆ อีกมือก็ลูบหัวเริ่มไม่เกรียนของผมเบาๆ แหม....ถ้าได้มันเป็นพี่จริงๆก็คงจะดีนะครับ ถึงจะไม่ดีเท่าพี่ผึ้ง แต่มันก็มีแววจะเป็นพี่ที่ดีเลยล่ะ
แต่เดี๋ยวก่อน.....ก่อนที่จะเผลอชมมันไปมากกว่านี้ ไอ้เป่าพ่วงๆ แล้วโอ๋นี่ผมเข้าใจครับ แต่ไอ้ที่มองซ้ายมองขวาแล้วตบท้ายด้วยกดปากมากลางฝ่ามือของผมด้วยมันอะไรกันครับพี่น้อง???
“งื้ออออออ!” พอดีกับเสียงฝีเท้าแม่เดินลงบันไดมา ไอ้พี่อ๋องรีบปล่อยมือผมแล้วทำเป็นยืนลอยหน้าลอยตาตี่ๆ ชมนกชมไม้ซะงั้น แหม....ไม่ได้เรื่อง อย่างนี้ถ้าเป็นสอบย่อยเรื่องว่าด้วยการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นนี่มันได้แต้มติดลบแน่ๆ อะครับ
แม่เดินมาวางเสื้อกางเกงแล้วก็ผ้าขนหนูไว้บนโต๊ะข้างเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ แล้วก็วางขวดยาหม่องสีเขียวอี๋มาเป็นอย่างสุดท้าย ไม่พูดอะไรกับผมสักคำเพราะปากและมืออีกข้างกำลังติดพันกับใครสักคนที่ปลายสาย หุๆ คุณนายผ่องพรรณกลัวลิฟต์ก็จริง แต่คุณนายท่านพัฒนาแล้วกับเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือนะเออ
ผมบุ้ยใบ้ให้ไอ้พี่อ๋องหยิบไม้ค้ำที่ยังถูกทิ้งอยู่ตรงแคร่หลังบ้านมาให้ มันก็ดีนะครับ ไม่ถามอะไรให้มากความ เดินไปหยิบมาให้ง่ายๆ เดี๋ยวนี้น้องตัวต่อใช้ไม้ค้ำเดินคล่องแล้วครับ พี่ชมพูกับพี่เค้กที่แวะมาดูเมื่อวันอาทิตย์ยังบอกเลยว่าเดินเก่ง กล้ามเนื้อแขนข้างซ้ายก็แข็งแรงขึ้นตั้งเยอะ เผลอๆแข็งแรงกว่าก่อนขาหักเสียอีก
ไม่อยากจะบอกเลยครับว่าที่ผมใช้แรงจากแขนซ้ายช่วยพยุงตัว รับน้ำหนักตัวเองได้ขนาดนี้ก็เพราะไอ้พี่อ๋องมันคอยบังคับให้ออกกำลังตามท่าที่ทั้งคุณนักกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล และพี่อีกสองคนสอนไว้ทุกวันวันละสามเวลา แย่นะครับ ทำไมน้องตัวต่อมีกล้ามแขนกับต้นขาเพิ่ม แล้วถึงต้องมีพุงเพิ่มมาด้วยล่ะครับ? ไว้คราวหน้าพี่ๆมาผมถามท่าสำหรับลดพุงด้วยดีกว่า
ได้ไม้ค้ำมาปุ๊บผมก็ทิ้งนายแบบผ้าขาวม้าหน้าอกดูมๆยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนไว้ตรงนั้นแหละ แล้วรีบเดินตามแม่ผ่องเข้าไปในครัว พอโผล่เข้าไปก็ทันได้ยินประโยคประมาณว่า อะไรสักอย่างบลาๆๆๆ....หนูผึ้ง
หืม? พี่ผึ้งโทรมา.......ผมจะหาพี่ผึ้งอะครับ มีเรื่องจะเล่าตั้งเยอะแน่ะ หุๆๆๆ
“แม่.....ขอน้องคุยกับพี่ผึ้งด้วยดิ”
“ไม่ให้ ยังอยู่ในช่วงลงโทษ แม่ยังไม่ให้คุย...” ....โห่ บอกมาตรงๆเหอะน่าว่าแม่ผ่องคิดถึงลูกสาวคนดีจะแย่แล้วอ้ะ ขอแบ่งให้ผมคุยกับพี่ผึ้งสักนาทีไม่ได้เลยเนี่ยนะ....