Sweet Home in Hong Kong ความรัก น้ำแข็งไส หัวใจสีส้ม [จบบริบูรณ์]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sweet Home in Hong Kong ความรัก น้ำแข็งไส หัวใจสีส้ม [จบบริบูรณ์]  (อ่าน 793515 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
คิดถึงบันนี่แอนด์เจ้านายแล้วคร้าบบบ

ปล.คิดถึงคุณ เคน ด้วยนะคับ  อิอิ เดี๋ยวคนเขียนงอน

Maize

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามากดดัน  คิคิ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
มาช่วยดันด้วย

Keniji Teruyama

  • บุคคลทั่วไป
Chapter  20.



        หมอหลินขับรถยนต์คันใหญ่เข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านของเคลวิน  เมื่อมองลงไปที่หัวเสาตรงประตูรั้วบานเล็ก       
จะเห็นแสงไฟสีเหลืองดวงน้อยที่ส่องสว่างกับฝนเม็ดใหญ่ที่ยังร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง  ใกล้กันนั้น  บันมองเห็นต้นไม้ในบ้าน
โอนเอนไปมาด้วยแรงลมอย่างน่ากลัว  หมอหลินขยับตัวแล้วเอื้อมเอาร่มสีเขียวที่พ่อบ้านนำมาใส่ไว้ให้ในรถส่งให้บัน  พร้อม
กับใช้มือใหญ่ขยี้หัวเบาๆ

“ เป็นเด็กขอโทษผู้ใหญ่  ยังไงก็ไม่น่าเกลียดนะบันนี่ ”
หมอหลินส่งยิ้มและยกนิ้วโป้งให้  ก่อนที่จะขับรถกลับไป  บันผลักประตูบานเล็กแล้วเอียงร่มเดินเข้าไปในบ้าน  เมื่อเดินขึ้น
บันไดไปที่ประตูใหญ่แล้วใช้มือผลัก  ปรากฏว่าประตูถูกล็อคเอาไว้  ไม่มีวี่แววว่ามีคนอยู่

“ ไปไหนกันหมด  ทั้งคนทั้งหมา  ไม่มีใครอยู่ซักคน ”
บันลงนั่งกอดเข่าตรงหน้าประตูใหญ่  มือขวาล้วงเอาโทรศัพท์ที่เคลวินให้เอาไว้ออกมา  เมื่อกดปุ่มสีเงินเล็กๆ ก็ต้องผิดหวัง 
เนื่องจากไม่มีทั้งมิสคอล  และไม่มีข้อความใดๆ  ปรากฏอยู่ทั้งสิ้น  หน้าจอโทรศัพท์ตอนนี้เกิดฝ้าไอน้ำขึ้น  เนื่องจากบันถอน
หายใจออกมา
ฝนตกและอากาศเย็นรอบตัว  เมื่อรวมกับสภาพร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งระยะไกล  ทำให้บันผล็อยหลับไป


จะเป็นเวลานานซักเท่าไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  บันรู้สึกว่าตัวเองปวดปัสสาวะอยากเข้าห้องน้ำ  แต่เมื่อเดินเข้าไปถึงกลับ
พบว่าห้องน้ำแต่ละห้องถูกปิดตายด้วยกุญแจขนาดใหญ่

“ ปวดฉี่  ปวดฉี่ !! ”
บันสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ในห้อง  ข้างกันนั้นมีเจ้าหลันชิงนอนส่งยิ้มมาให้
“ หลันชิง ! ”
บันดึงตุ๊กตากระต่ายสีชมพูขึ้นมากอดแล้วหอมฟอดใหญ่

“ เดี๋ยวมานะ  ตอนนี้ปวดฉี่ ”
บันเม้มปาก  แล้วรีบวิ่งไปทางประตูห้องน้ำทันที 


บันรู้ตัวและย้อนอดีตได้ว่าตัวเองเคยนั่งรอเคลวินอยู่หน้าประตูใหญ่  ความทรงจำนี้  มาพร้อมกับท้องที่ร้องโครกคราก
ด้วยความหิว  เข็มนาฬิกาของเจ้าแมวการ์ฟิลด์สีส้มที่ข้อมือชี้บอกเวลา 22.15 น.

“ ป่านนี้คงหลับกันหมดแล้ว  หลันชิง  พ่อจะพาแกไปหม่ำข้าว  ตามมานี่ ”
บันหนีบเอาตุ๊กตากระต่ายสีชมพูตัวใหญ่ไว้ข้างเอว  จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องไปเปิดประตูแล้วเดินด้วยปลายเท้าไปที่ห้องอาหาร
โถงกลางบ้านที่สว่างด้วยไฟ  ตอนนี้ไม่มีใครอยู่   โต๊ะทำงานของเคลวินก็เช่นเดียวกัน  บันเดินไปกดดูแล้วพบว่า  เครื่องไม่ได้
เปิดใช้งาน  ความกระหยิ่มยิ้มย่องใจที่พบว่าตัวเองมีอิสระจากสายตาพิฆาตของเจ้านาย  ตอนนี้อยู่ในหัวใจของบันอย่างเต็ม
เปี่ยม 

บันก้าวเดินตามจังหวะดนตรีที่ท่องอยู่ในใจเข้าไปในห้องอาหาร  ก่อนที่จะพบว่า  ตอนนี้ตัวเองได้กลายเป็นจุดศูนย์กลาง
ของสายตาอย่างน้อยสองคู่ที่มองมาจากโต๊ะไม้โอ๊คขัดเงากลางห้อง  เคลวินยกแก้วชาร้อนขึ้นจรดปากแล้วมองดูบันที่กำลัง
ค้างอยู่ในท่าระบำฮาวาย  ส่วนอัลเบิร์ตที่นอนหมอบอยู่ใกล้ๆ เคลวิน  ก็เหวี่ยงกระดูกปลอมที่คาบไว้ในปากทิ้ง  แล้วรีบเดิน
สะบัดหางเข้ามาหาบันด้วยความรักใคร่

“  ยังไม่หลับกันหรอกเหรอ ? ”
บันกลืนน้ำลายลงคอแล้วหดขากับมือที่ระเริงระบำฮาวายนั้นกลับเข้าตัว  เจ้าหลันชิงที่หนีบเอาไว้  ถูกนำไปวางบนเก้าอี้ตรง
ข้ามเคลวิน   ซึ่งกำลังหันมามองบันด้วยความสงสัย
“ ขอบคุณนะครับ  ที่พาผมเข้ามานอนในห้อง  พอดีมันง่วงเลยเผลอหลับไป ”
บันประกบมือไหว้เคลวินไวปานความเร็วแสง  ก่อนที่จะเดินงุดๆ เข้าไปค้นถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปบนชั้นวางที่อยู่เลยหัวขึ้นไป

“ ยกมือไหว้อัลเบิร์ตด้วยสิ  ”
คนพูดลุกขึ้นมากดน้ำร้อนเพิ่ม  แล้วกลับมานั่งที่เดิม  ส่วนบันก็เดินไปกดน้ำร้อนใส่ลงในถ้วยบะหมี่ที่เดียวกับเคลวินแล้วยกไป
วางไว้หน้าเจ้าหลันชิง  เมื่อหาตะเกียบกับช้อนมาได้  บันก็เข้ามานั่งประจำที่  เพื่อรอเวลาที่บะหมี่พร้อมย้ายเข้าสู่ท้องอันหิว
โหย

“ ไหว้อัลเบิร์ตทำไมล่ะ  มันอุ้มผมเข้ามาเหรอ ? ”
“ เปล่า  แต่มันสะกิดฉันให้มองดูกองผ้าผืนใหญ่ที่วางอยู่หน้าประตูบ้าน ”
หัวคิ้วของบันทั้งสองข้างเข้ามาชนกันด้วยความสงสัย
“ ผ้าอะไรวางอยู่ตรงหน้าประตู ? ”
“ ก็ผ้าที่นายใส่อยู่ไง ”
เคลวินส่งสายตาไปยังเสื้อผ้าที่บันเปลี่ยนมาจากบ้านหมอหลิน

“ จะว่าผมเป็นกองผ้าขี้ริ้วหน้าบ้านก็พูดมาตรงๆ ดีกว่า   พูดอ้อมค้อม  ฟังไม่เข้าใจ ”
บันยักคิ้วแล้วฉีกฝาอลูมิเนียมฟอยล์ออกจากถ้วยบะหมี่  ใช้ตะเกียบคนไปมาสองสามที  ก็จัดการสูบเอาเส้นและน้ำเข้าไป
ในปากด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
“ พรุ่งนี้มีเรียนหรือเปล่า ? ”
“ ไม่มีครับ  หยุดยาวหนึ่งอาทิตย์ ”
“ งั้นก็ไปทำงานที่บริษัท ”
บันกัดเส้นบะหมี่ลงในถ้วย  ก่อนที่จะคว้าแก้วขึ้นมาดื่มน้ำ
“ ไม่อยากไปทำงานกับคุณย่านี่นา  ไหนสัญญาแล้วไง  ว่าจะไม่ส่งไป ”
“ อัลเบิร์ตมันบอกนายหรือไง  ว่าฉันจะส่งไปทำงานกับคุณย่า ? ”
เคลวินดีดนิ้วหนึ่งครั้ง  ทำให้อัลเบิร์ตที่พยายามดึงหลันชิงลงมาจากเก้าอี้ข้างตัวบันหยุดทันที
“ ถ้างั้นหมายความว่า  ให้ผมไปทำงานที่บริษัทเจ้านายใช่หรือเปล่า ”
“ รีบกินแล้วก็ไปนอนซะ  พรุ่งนี้ทำงานให้คุ้มกับค่าจ้างด้วยล่ะ ”
เคลวินถือแก้วไปล้าง  เสร็จแล้วก็เดินออกไปจากห้องอาหาร    ส่วนบันจัดการบะหมี่ที่เหลือในเวลาแค่ไม่กี่วินาที  ก่อนที่จะ
ดื่มน้ำแล้วเข้ามากอดอัลเบิร์ตที่สะบัดหางไปมา
“ เช้านี้น่ะ  ขอโทษทีนะอัลเบิร์ต  ฉันเป็นคนไม่ดี ”
บันคุกเข่าลงกับพื้นแล้วโอบเจ้าขนฟูเอาไว้  โดยมีสายตาอีกคู่จ้องมองมาจากโถงกลางบ้าน


“ อะไรนะ  ไปไทเปเหรอ  ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย ! ”
บันหอบเอาเอกสารกองใหญ่วางบนโต๊ะทำงานเคลวิน  แล้วลากเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ
“ จะไม่ไปก็ได้นะ ”
“ พูดอะไรอย่างนั่นเล่า   เพื่อเจ้านายแล้ว  จะให้บุกน้ำลุยไฟ  ผมไปได้ทุกที่นั่นแหละ ”
“ ไม่ใช่อยากไปเที่ยวหรอกเหรอ ? ”
“ นั่นเขาเรียกว่าผลพลอยได้ ”
บันยักคิ้วแล้ววางแผนไว้ในใจถึงแผนการท่องเที่ยวในไต้หวัน
“ ไปที่โต๊ะทำงานของเฉิน  แล้วหยิบเอาเอกสารภาษาอังกฤษมาแปลเป็นจีนกลางให้หมด  ถ้าไม่เสร็จ ”
“ ก็ไม่ต้องไปไทเป ”
บันต่อคำพูดของเคลวิน  ก่อนที่จะเดินลิ่วออกไปจากห้องทำงาน

ในบริษัทเล็กๆ ของเคลวินนั้น  มีพนักงานอยู่ประมาณ สามสิบคน  แต่ละคนก็จะมีหน้าที่รับผิดชอบส่วนงานต่างกัน  ทั้งฝ่าย
ติดต่อต่างประเทศ  ฝ่ายการตลาด  ฝ่ายบริการลูกค้า  ฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศ  บันคิดเอาเองว่า  แต่ละฝ่ายน่าจะมี
พนักงานคนเดียวที่อาจจะต้องทำงานหลายๆ อย่าง  แล้วบางคนก็มีรับตำแหน่งหัวหน้า  โดยที่ตัวเองไม่มีลูกน้อง

“ พนักงานที่นี่ทำงานหนักกันทุกคนเลยนะครับ  เคยมีคนคิดลาออกกันบ้างไหม ? ”
บันลากเก้าอี้เข้ามานั่งหน้าโต๊ะทำงานของเฉิน  แม้ว่าจะอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้  แต่บันก็มองไม่เห็นอยู่ดี  เพราะกองเอกสารสูง
ท่วมหัว   บังเฉินเอาไว้จนมิด  มีแต่เสียงที่ดังลอดออกมาจากหลังกองเอกสารเท่านั้น
“ ไม่ค่อยมีคนลาออกนักหรอกบันนี่  พนักงานที่นี่สวัสดิการดีมาก  เงินเดือนก็สูง  โบนัสก็ได้ทุกสามเดือน ”
“ แล้วเขาไม่กลัวเจ้านายกันเหรอ ? ”
“ คุณเคลวินน่ะเหรอครับ ? ”
“ ครับ ”
“ ไม่เห็นมีใครกลัว  แต่ก็ไม่ค่อยกล้าเล่นด้วยมากเท่าไหร่ ”
เฉินหัวเราะแล้วเอนหลัง  ซักพัก  บันได้ยินเสียงของหล่นลงพื้นเสียงดัง  ‘ ตุบ ! ’
“ เป็นไงบ้าง  คุณเฉินเป็นอะไรหรือเปล่า ? ”
“ ผมไม่เป็นอะไรครับบันนี่  เล่าต่อนะ   ที่นี่อยู่กันแบบครอบครัว  บางคนทำงานตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่  พอพ่อแม่ตัวเองรีไทร์
ออกไป  ก็ส่งลูกตัวเองเข้ามาแทน ”
“ ทำไมอย่างนั้นล่ะ ? ”
บันดันตั้งกระดาษที่กองอยู่หน้าตัวเองให้ขยับออกไป  เพื่อจะได้มีที่วางแขนสองข้าง  ตอนนี้คำสั่งของเคลวินที่ให้มารับงาน
กับเฉิน  ลอยหายไปแล้ว
“ ก็บริษัทนี้ตั้งมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของเจ้านายน่ะสิครับบันนี่  พอบริษัทเติบโตมั่นคง  คนพวกนั้นก็เป็นทรัพยากรของบริษัท
เราถึงต้องรักษาทรัพยากรเอาไว้ ”
“ อ๋อ  เหมือนที่เจ้านายบอกว่า  พ่อของคุณเฉินเคยทำงานที่นี่มาก่อนสินะครับ ”
“ ใช่ครับบันนี่  พ่อของผมเคยทำงานกับคุณพ่อของเจ้านายมาก่อน  พอพ่อเสียไป  พ่อของเจ้านายก็ตามผมเข้ามาทำงาน
พอพ่อของเจ้านายเสียไป  เจ้านายก็เลยต้องจ้างผมต่อ ”
“ ว๊า  มีหลายพ่อจัง  ว่าแต่  ตอนนี้เคลวินก็เป็นพ่อของเราสองคนสินะ ”
บันพูดขึ้นมาเบาๆ  ซักพัก  เฉินส่งมืออ้อมกองกระดาษมาจับมือกับบันเพื่อแสดงความเห็นด้วย

เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะของเฉินดังขึ้นมาสองครั้ง  ก่อนที่เจ้าของโต๊ะจะยื่นมือออกไปรับแล้วพูดตอบ
“ อยู่ครับ  บันนี่นั่งอยู่กับผมที่โต๊ะ ”
เฉินพูดกับคนในโทรศัพท์  บันรู้ทันทีว่าคุณน้ำแข็งโทรมาตาม

“ บันนี่  เจ้านายบอกว่า  เอกสารจะได้เมื่อไหร่ ? ”


“ มาแล้วๆ  เจ้านายนี่รักลูกน้องทุกคนเลยนะ  มีโทรไปตามกลับมาทำงานด้วย  ”
บันลากเก้าอี้ตัวเดิมที่เคยนั่งมาชิดตรงโต๊ะทำงานด้านซ้ายของเคลวิน  พจนานุกรม  อังกฤษ – จีนกลาง  เล่มหนาถูกหยิบจาก
ชั้นวางเตรียมพร้อม  สำนักงานแปลเอกสารชั่วคราวของบัน  อยู่ห่างจากเคลวินระยะเอื้อมมือถึง
“ ถ้ารับผมเข้าทำงาน  ขอโต๊ะตัวใหญ่ๆ  แล้วก็ห้องทำงานที่เห็นวิวอ่าววิคตอเรีย  แล้วก็ ……… ”
“ เฉิน  มีอะไรจะรายงาน ? ”
เคลวินตัดบทของบันที่กำลังสาธยายเรื่อยเปื่อยมาหาเฉินที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้า
“ มีโอกาสสูงที่เราจะพลาดงานติดตั้งระบบอินเตอร์เนตและเชื่อมโครงข่ายโทรศัพท์สำนักงานใหม่ครับผม ”
“  บริษัทนี้เป็นลูกค้าเก่าของเราตั้งแต่สมัยคุณพ่อฉันไม่ใช่หรือไง  แล้วเราก็ไม่เคยทำงานผิดพลาดมาก่อน
คุณเหลียงที่เป็นผู้จัดการใหญ่ก็รู้จักกับฉันดี ”
เคลวินวางปากกาลงบนแฟ้มแล้วเลื่อนออกมายังด้านที่บันกำลังทำงานอยู่
“ คือตอนนี้บริษัท PCC เข้ามาซื้อกิจการแล้วก็ถือหุ้นใหญ่เอาไว้เกือบทั้งหมดครับเจ้านาย  ทำให้เขาประกาศประกวดราคา
บริษัทที่จะเข้ามาติดตั้งโครงข่ายในตึกสำนักงานใหม่ที่ไทเป ”
“ ฉันว่าคุณเหลียงน่าจะคุยให้เราได้  เพราะเราทำธุรกิจด้วยกันมานาน ”
“ ได้ข่าวมาว่า  ท่านประธานคนใหม่เป็นพวกไต้หวันหัวเก่าครับเจ้านาย  สงสัยจะคุยยาก  เห็นว่าจะให้บริษัทของอเมริกันเข้า
มาประมูลด้วย  ผมว่าการประมูลโครงการครั้งนี้อาจจะเป็นการประมูลหลอก  เพราะประธานคนที่ว่า  เขาล็อคบริษัทเอาไว้แล้ว
ครับ ”
เฉินรายงานเสร็จก็เดินงุดๆ ออกไป  ด้วยท่าทางเป็นกังวล

“ ไต้หวันหัวเก่าเป็นไงเหรอ   แล้วไต้หวันกับอเมริกันทำไมถึงฮั้วกันล่ะเจ้านาย ? ”
บันหยุดทำงานแล้วหันไปถามเคลวินที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ ไต้หวันหัวเก่า  ก็ไม่ค่อยชอบคนจีน  รวมคนฮ่องกงเข้าไปด้วย  ”
“ ทำไมล่ะ ? ”
“ หนังสือเล่มสีแดง  หน้าที่  100 – 228  ”
เคลวินหยิบเอาเอกสารขึ้นมาอ่านต่อ  มือซ้ายชี้ไปยังชั้นวาง  ที่ซักครู่บันเพิ่งหยิบพจนานุกรมออกมา   บนชั้นกลาง  มีหนังสือ
ปกแข็งสีแดงที่เคลวินพูดถึงอยู่

‘ ถามล่ะไม่เคยตอบ  อ่านเอง  อ่านเอง  จะได้ฉลาด  บัน  นายมันไม่ได้เรื่อง ’
บันคิดออกมาทางสีหน้าจนเคลวินสังเกตได้
“ ด่าฉันในใจอยู่หรือไง ? ”

“ เปล่านะ  ใครจะกล้า  อื้อปวดเมื่อย  ปวดฉี่  ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ ”
บันคิดแผนการหาข้อมูลได้แล้ว  ตอนนี้ต้องออกไปใช้โทรศัพท์ข้างนอก  เพื่อไม่ให้เคลวินรู้
“ ที่นี่ก็มีห้องน้ำ ”
เคลวินเอาปากกาชี้ไปยังห้องน้ำที่อยู่มุมห้องด้านขวา
“ ก็  เอ่อ  ห้องน้ำเจ้านายไม่มีตัวตุ๊กตาเต้นได้เหมือนห้องน้ำข้างนอก   มันทำให้เครียดแล้วฉี่ไม่ออก ”
บันเดินหน้าตั้งทำท่าจริงจังแล้วเดินออกจากห้องและตรงไปยังมุมต้นไม้ที่ใช้เป็นจุดรับแขกของบริษัท

“ ขอสายคุณพ่อบ้านครับ ”
“ พูดอยู่ครับ  จากไหนครับ ? ”
“ บันนี่ครับคุณพ่อบ้าน  โชคดีจัง  ต่อก็ติดเลย  ไม่ต้องรอ ”
บันส่งน้ำเสียงดีใจเข้าไปในโทรศัพท์
“ คุณหนูบันนี่นั่นเอง  มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ ”
พ่อบ้านส่งเสียงใจดีตอบกลับมา
“ คือผมสงสัยเรื่องไต้หวันหัวเก่า  กับคนอเมริกันครับคุณพ่อบ้าน ”
“ คนไต้หวันหัวเก่า  มีอะไรเหรอครับ คุณหนู ? ”
“ คือ  ทำไมคนไต้หวันหัวเก่า  ไม่ชอบคนจีน ? ”
“ เรื่องมันนานมาแล้ว  ตั้งแต่สมัย เจียง ไค เช็ก  อพยพผู้คนลงเรือมาไต้หวัน  พวกไต้หวันกลุ่มแรกๆ ที่มา  ก็จะไม่ชอบคนจีน
แผ่นดินใหญ่  เพราะคิดว่าคนพวกนั้นเป็นพวกนิยมความรุนแรงแล้วก็เป็นพวกคอมมิวนิสต์ ”
“ แค่นี้เองเหรอครับ? ”
“ การที่คนไต้หวันหัวเก่าเกลียดคนจีน ก็เพราะคนจีนทำให้พวกเขาต้องมาผจญชีวิตในเกาะที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนไงครับคุณหนู ”
“ แล้วอเมริกันล่ะครับคุณพ่อบ้าน ? ”
“ อเมริกันเป็นประเทศแรกๆ ที่ช่วยไต้หวันตั้งประเทศ ”

บันยืดอกเดินกลับเข้าห้องทำงานของเคลวิน  เนื่องจากรู้ข้อมูลเรื่องไต้หวันมาเป็นอย่างดีแล้ว
“ เจ้านายครับ  งั้นที่เราไปครั้งนี้  เราต้องทำให้บริษัทนี้  กลับมาจ้างเราเหมือนเดิมให้ได้ ”
บันชูกำปั้นแสดงความมั่นใจ
“ ฉันเสียเงินไป  เพื่อซื้อชุดติดตั้งมาเตรียมเอาไว้หลายล้านเหรียญ  ถ้าเราไม่ได้งานนี้  ฉันอาจต้องส่งนายไปขายข้าวโพดปิ้ง 
เพื่อเอาเงินมาใช้เป็นค่าจ้างพนักงานก็ได้ ”
เคลวินพูดเสร็จก็พิมพ์ข้อความสี่ห้าบรรทัดส่งไปหาคุณเหลียงที่ไทเป
“ ถ้าถึงขนาดนั้นก็ลำบากแย่เลยเนอะ ”
บันคิดภาพคุณชายเคลวิน  เข็นรถบรรทุกฝักข้าวโพดมาส่งที่ร้าน  เพื่อให้เขาปิ้งขายให้กับลูกค้า


ไต้หวันมีรูปร่างเหมือนเมล็ดข้าวเปลือกกลับหัว  มีกรุงไทเปเป็นเมืองหลวง  นอกจากจะเป็นเมืองหลวงแล้ว  ไทเปยังเป็นเมืองที่
มีประชากรมากที่สุด  และเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการค้าอีกด้วย   ไทเปอยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะ  เมื่อรถจากโรงแรมมารับ
บันกับเจ้านายที่สนามบิน    บันก็อ่านหนังสือนำเที่ยวที่ซื้อมาจากฮ่องกงไปด้วย  แม้เคลวินจะบอกว่า  หนังสือนำเที่ยวไร้สาระ
ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก  แต่บันก็ยืนยันว่าจะไม่ทิ้งหนังสือนี้  แล้วแบกเอาตำราหนาหลายพันหน้ามาด้วยเด็ดขาด
“ หนังสือนั่นน่ะ  อ่านทั้งชีวิตก็ไม่หมด  แถมยังเป็นสำนวนโบราณอีก  ผมอ่านไม่เข้าใจ ”
“ มีเวลาพักที่โรงแรมสองชั่วโมง  ดังนั้น  นายต้องอาบน้ำแล้วกินข้าวให้อิ่ม  ตอนบ่ายเราต้องไปประมูลโครงการ ”
“ เสร็จแล้วไปไหน ? ”
บันวาดฝันเอาไว้ว่า  หลังจากการประมูลจบลง  เคลวินน่าจะพาไปเที่ยวรอบๆ กรุงไทเป

“ เสร็จแล้วก็กลับมานอน ”
“ อะไรกัน  มาไต้หวันทั้งที   นี่ตั๋วเครื่องบินก็ยังไม่ได้จองเที่ยวกลับ  จะไปรีบไปไหน ”
“ มาทำงานครั้งนี้  ฉันไม่อยากมาเสียเที่ยว  เราต้องได้ทำโครงการนี้  ”



ต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2011 23:20:51 โดย Keniji »

Keniji Teruyama

  • บุคคลทั่วไป


“ แต่ว่า  ถ้าเขาไม่เลือกบริษัทเจ้านาย  เราก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา ”
บันส่งเสียงอ่อยๆ ไปยังเคลวินที่นั่งนิ่ง  ท่าทางกำลังคิดเรื่องสำคัญ


“ ถ้าได้งานนี้  อยากไปไหน  ฉันจะพาไป  แต่ถ้าพลาด  พรุ่งนี้เก็บกระเป๋ากลับฮ่องกง ”

บันถอนหายใจออกมาหลายที   มาไต้หวันครั้งนี้  คงจะไม่ได้เที่ยวเสียแล้ว  ท่าทางเจ้านายคงจะเครียดมาก

สองชั่วโมงผ่านไปไวเหลือเชื่อ  บันรับเอาเสื้อสูทสีดำสนิทมาจากแม่บ้านโรงแรมขึ้นมาสวม  เนคไทด์สีเลือดหมูผูกเข้ากับคอ
อย่างรีบเร่ง  รองเท้า  ที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง  ถูกลากออกมาอย่างทุลักทุเล
“ รอด้วย  รอผมก่อนนะ  อย่าเพิ่งไป ”
บันร้องบอกเคลวินที่ปัดเสื้อสูทสีเทาสองสามครั้ง  ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
“ ไม่น่ากินน้ำเข้าไปเยอะเลย ”
บันวิ่งตามหลังเคลวินเข้ามาที่ลิฟต์  มือสองข้างจัดการติดกระดุมเข้าหากันด้วยความรีบร้อน

บริษัทใหญ่โตที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าทำให้บันรู้สึกขาสั่น  เมื่อคิดภาพพวกคนไต้หวันหัวเก่าอย่างที่คุณพ่อบ้านเล่าให้ฟังก็ยิ่ง
กลัวเข้าไปอีก  ภาพคนแก่ท่าทางเอาเรื่อง  วนเวียนอยู่ในหัวของบันตลอดช่วงที่ลิฟต์วิ่งขึ้นมาถึงชั้นสำนักงาน
พนักงานต้อนรับสาวสวยสองคนเชื้อเชิญบันกับเคลวินให้เข้าไปนั่งในห้องประชุม  เพื่อรอโครงการเปิดประมูลที่จะเริ่มในอีกไม่
กี่ชั่วโมงนี้

“ มีเวลาสิบห้านาที  ที่เราจะนำเสนองานผ่านจอแอลซีดี  หน้าที่ของนายคือ  จดทุกคำถามไว้  หลังจากที่พูดจบ  ฉันจะเอา
คำถามมาตอบ ”
“ ไม่มีปัญหา ”
บันพูดตอบเคลวินขณะที่นั่งหันหน้าเกือบชนกัน  เมื่อมองเห็นริมฝีปากของเคลวิน  บันก็นึกไปถึงตอนที่ถูกจูบ
“ ร้อนมากเหรอ ? ”
“ เปล่าครับ ”
“ ทำไมหน้าแดง ? ”
“ สงสัยจะตื่นเต้นมั้ง ”
“ ฉันเผื่อใจไว้แล้ว  ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ”
“ ถ้าไม่ได้  ผมก็ต้องไปขายข้าวโพดเลี้ยงเจ้านาย  ผมไม่ยอมหรอก  ยังไงเราก็ต้องได้งานนี้ ”
“ กลัวลำบากขนาดนั้นเชียว ? ”
เคลวินจ้องผ่านตาดำของบันเข้ามา  ราวกับว่าพยายามจะค้นหาคำตอบจากใจ
“ กลัว ………. สิ ”
บันถอยออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเคลวิน  เมื่อมายืนชิดริมหน้าต่าง  ตอนนี้ค่อยหายใจโล่งขึ้น

ผู้จัดการใหญ่รูปร่างท้วม  อายุประมาณสี่สิบปี  ออกมาทักทายบริษัทที่มาร่วมประมูล  ซึ่งตอนนี้เข้ามาในห้องประชุม
ครบแล้วทั้งสองบริษัท  บันเห็นบริษัทคนอเมริกันเข้ามาคุยกับผู้จัดการด้วยท่าทางคุ้นกันเคยกันและคิดว่าคงยากที่บริษัทของ
เคลวินจะได้งานนี้ไป
“ ดูสองคนนั่นสนิทกันจังนะครับเจ้านาย ”
“ อาจจะเคยทำธุรกิจด้วยกันมาก่อน ”
“ ถ้าเขาฮั้วกันล่ะ  ถ้าฝรั่งนั่นรู้ราคาประมูลแล้วส่งราคาต่ำกว่าเรา ”
“ ถ้าเขาจะทำแบบนั้น  คงไม่เชิญเรามาประมูลหรอก ”
“ ก็ประมูลเป็นพิธี  ที่จริงก็แอบคุยกันไว้แล้ว ”
“ นายนี่มันรู้ดีจริงนะ ”
“ เขาเรียกว่าทันคนต่างหากล่ะ ”
“ อ้อ  หมายความว่าฉัน ”
“ ผมเปล่าพูด ”

เคลวินได้รับกระดาษแข็งสีขาว  เพื่อเขียนราคาประมูล  เจ้าหน้าที่ในห้องประชุมแจ้งว่า  อีกหนึ่งชั่วโมง  จะรับเอาราคาประมูล
ทั้งสองใบจากสองบริษัทมาเปิด  แล้วคุยเรื่องสัญญากัน

“ เราจะใส่กี่ล้านเหรียญดีล่ะเจ้านาย ? ”
“ ก็ใส่แพงกว่าครั้งที่แล้วนิดหน่อย ”
“ ทำไมล่ะ ? ”
“ ไหนว่าทันคนไง ? ”
“ บอกหน่อยน่า ”
“ ราคาเก่ามันผ่านมาหลายปี  ตอนนี้ค่าจ้าง  ค่าอุปกรณ์  ค่าแรงมันก็ขึ้น ”
“ ถ้าฝรั่งเขาใส่ราคาน้อยกว่าเรา  ก็จบล่ะสิ ”
“ นายก็ต้องไปขายข้าวโพดปิ้งที่วิคตอเรียพีค ”


อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลายื่นราคาประมูล  บันเดินออกมารับลมตรงริมระเบียง  เมื่อมองไปยังทางเดินข้างๆ กัน  บันเห็น
ทางเชื่อมเล็กๆ  ทอดตัวไปยังมุมตึก  เมื่อเดินตามทางจนสุดมุม  บันเจอชั้นดาดฟ้าย่อมๆ  บนลานนั้นมีต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น  มี
สนามหญ้า  และมีดอกไม้นานาพันธุ์ขึ้นอยู่
“ อะไรเนี่ย  สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลนหรือไงกัน ? ”
บันเดินช้าๆ เหมือนกับถูกมนต์สะกดเข้าไปตามทางที่ปูด้วยหิน  ดอกไม้หลายชนิด  กำลังส่งดอกที่บานได้ที่ออกมาแข่งกัน
บันเดินอ้อมไปอีกมุมที่มีต้นไม้ใหญ่  ขณะที่เดินลัดสนามหญ้าไปนั้น  บันได้ยินเสียงคนร้องเบาๆ
“ ใครน่ะ  ใครร้อง ? ”
บันพูดด้วยภาษาจีนเพื่อหาต้นตอของเสียง
“ ฉันอยู่นี่  ช่วยที ”
บันหันไปทางพุ่มไม้สีเขียวที่มีดอกเล็กๆ สีม่วงขึ้นแซมตามพุ่ม  ใกล้กันมีชายแก่ท่าทางเป็นคนสวนกำลังนอนหายใจรวยริน
ใกล้กันมีบัวรดน้ำสแตนเลสคว่ำอยู่  น้ำในบัวไหลเจิ่งนองไปถึงทางเดินอีกด้านที่ปูด้วยหิน
“  ตา  ตาเป็นอะไรครับ ? ”
บันสอดมือเข้าไปช้อนร่างของชายสูงวัยขึ้นมาจากพื้น
“ พาไปหายาหน่อย  ยาอยู่ในห้อง ”
ชายสูงวัยชี้ไปยังทางเดินด้านที่บันเพิ่งเข้ามา

เมื่อเดินไปตามทางและลัดเลาะไปยังทางลัด  ไม่นานบันก็เจอประตูเหล็กตรงชั้นลอย  เมื่อผลักประตูเข้าไปก็เจอกับห้อง
ทำงานกว้าง  ตกแต่งด้วยภาพวาดของจีนโบราณขนาดใหญ่  ชุดรับแขกมีโต๊ะลวดลายมังกรกำลังบิดตัวไปมาเหนือกลุ่มเมฆ
บันเข้าไปเปิดลิ้นชักตามที่ชายชราบอก  ในนั้นมีขวดยาพ่นสีฟ้าอยู่ขวดเดียว
“ พ่นยาให้ฉัน ”

ผ่านไปแค่ไม่กี่นาที  ชายชราใกล้ตายของบัน  กลับมานั่งชงชาด้วยความสบายใจ  ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  บันลอบมองไปที่
ประตูไม้ขนาดใหญ่บ่อยครั้ง เนื่องจากกลัวว่าใครจะเข้ามาเห็น
“ คุณตาเป็นเจ้าของห้องนี้เหรอครับ ? ”
“ ใช่  ห้องนี้เป็นห้องของฉันเอง ”
“ แล้วคุณตา…………….  ไม่ได้ทำงานแล้วเหรอครับ ? ”
บันแอบมองชุดมอซอที่ชายชราใส่
“ ฉันเกษียณแล้ว  ตอนนี้กลายเป็นคนสวน ”
“ มาทำสวนอยู่บนที่สูงแบบนี้  ไม่กลัวตกลงไปตายเหรอครับคุณตา ? ”
“ ฉันยังแข็งแรงดีอยู่  เรื่องอะไรจะตกลงไปตาย ! ”
ชายชราพูดเสียงดังจนบันตกใจ
“ ก็เมื่อกี้  ตานอนเหมือนคนตายเลยนี่นา ”
“ เธอทำงานแผนกไหน  ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ! ”
“ ไม่เห็นต้องพูดเสียงดังเลยนี่ครับ  ผมไม่ได้หูตึงซักหน่อย ”
บันทำใจดีสู้เสือ  ก่อนที่จะหาทางหนีทีไล่ออกไปจากห้อง
“ ตกลงทำงานที่ไหนล่ะไอ้หนู  ? ”
“ ผมเป็นคนของบริษัทที่เข้ามาประมูล ”
“ เฮ้อ   บริษัทไอ้พวกฮ่องกง ! ”
“ อ้อ  เจอแล้ว ! ”
บันร้องด้วยความดีใจ  ในที่สุดก็เจอคนไต้หวันหัวเก่าเหมือนที่คุณพ่อบ้านพูดเอาไว้แล้ว
“ ร้องดีใจอย่างกับเจอสมบัติ   เธอดีใจอะไรนักหนา ? ”
“ คุณตาสั่งให้พวกอเมริกันนั่นมาแย่งประมูลใช่ไหมครับ   ทั้งๆ ที่บริษัทเดิมก็ทำงานดีอยู่แล้ว ? ”
ชายชราเปลี่ยนสีหน้าทันที  ตลอดช่วงการทำงานมาเกือบห้าสิบปี  ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเขามาก่อน
“ บังอาจใหญ่แล้วไอ้หนู  เธอเป็นใครถึงได้มาสู่รู้ ! ”
“ ก็ผม  ผมเห็นผู้จัดการส่งยิ้มให้ฝรั่งที่เข้ามาประมูลนี่นา ”

ชายชรานึกโกรธผู้จัดการที่แสดงสีหน้าออกมาจนเด็กจับได้
“ ผมไปล่ะครับ  อีกครึ่งชั่วโมงจะยื่นราคาแล้ว ”
“ ก็กลับฮ่องกงไปซะสิ  ยื่นไปก็ไม่ได้อยู่ดี ”
“ มันเป็นศักดิ์ศรีครับคุณตา  ก็เหมือนกับนักชก  ถึงจะรู้ว่าแพ้  แต่ก็ต้องสู้เต็มที  จะโดนน็อคบนเวทีก็ไม่เป็นไร ”
“ เฮอะ  พูดดีไปเถอะ  ไอ้พวกฮ่องกงลิ่วล้อ ”
“ ผมไม่ใช่คนฮ่องกง  แต่ผมก็รักฮ่องกง ”
“ แล้วเธอเป็นใคร ? ”
“ ผมเป็นคนไทย  แต่มาเรียนที่ฮ่องกง  มาเรียนภาษาจีน ”
“ ฉันเกลียดคนจีน ! ”
“ เกลียดคนจีน  แล้วคุณตาพูดภาษาจีนทำไม ! ”
บันเริ่มเสียงดังขึ้นเพื่อแข่งกับเสียงชายชรา

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  คุณตาที่เถียงกับบันจนตัวโยนรับขึ้นมาแล้วกรอกเสียงพูดลงไป
“ ไม่ต้องเข้ามา  ฉันกำลังสั่งสอนไอ้พวกเด็กที่ไม่รู้สำนึก ! ”
ชายชรากระแทกหูโทรศัพท์ลงไปเสียงดังโครม  ก่อนที่จะหันมาทำหน้าดุใส่บัน
“ กล้ามากนะ  กล้ามาก  ใครมันบอกเธอว่าฉันพูดภาษาจีน  ฉันพูดไต้หวันต่างหาก ”
“  ภาษาไต้หวันมีที่ไหน  นี่ภาษาจีนกลางชัดๆ  ภาษาจีนปักกิ่ง ”

คำว่าปักกิ่งของบันกระแทกเข้าไปที่หัวใจของชายชราอย่างจัง  ปักกิ่ง  เมืองที่เขาต้องอพยพหนีขึ้นเรือเข้ามายังเกาะไต้หวัน
“ หยุดพูดเรื่องไร้สาระนั่นได้แล้ว ”
“ ขอโทษครับ  ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ”
บันก้มหัวขอโทษชายชรา  ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
“ เดี๋ยว  มานี่  มานั่งตรงนี้ ”
บันหันกลับไปมอง  เห็นชายชราชี้ให้ไปนั่งตรงโซฟาสีแดงสด
บันเดินเข้าไปแล้วใช้มือจับดู   เมื่อพบว่าโซฟานี้ไม่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาได้  จึงนั่งลงแล้วมองไปยังชายชรา
“ เธอรู้เรื่องไต้หวันดีแค่ไหนเชียว ? ”
“ นายพลเจียงไคเช็ก  แพ้สงครามกลางเมือง ต่อเหมาเจ๋อตุง   เสร็จแล้วก็จัดการหอบเอาทรัพย์สินมากกว่าแสน
ชิ้น  หนีลงเรือมายังเกาะไต้หวัน ”
“ เหลวไหลทั้งเพ  เจียงไคเช็ก  ถอยมาตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นต่างหาก  สมบัติพวกนั้นก็คือหลักประกันการตั้งประเทศ ”
“ แต่มันเป็นของคนจีนนี่ครับคุณตา ”
“ แล้วไต้หวันไม่ใช่จีนหรือไง ! ”
“ ก็เมื่อกี้คุณตาบอกว่าไม่ใช่ ”
ชายชราเบือนหน้าไปอีกทาง  ก่อนที่จะหันมาพูดใหม่
“ เข้าใจซะใหม่นะไอ้หนู  คนไต้หวันคือกลุ่มปัญญาชนที่ถอยมาจากปักกิ่ง  เราคือเจ้าของประเทศตัวจริง  เราใช้ภาษาแมนดา
รินต้นฉบับ  เราใช้ตัวอักษรต้นฉบับ  เราพูดด้วยสำเนียงแมนดารินแท้  ไม่เหมือนพวกจีนเดี๋ยวนี้หรอก  สิ้นคิด ”
“ ที่แท้คุณตาก็เป็นคนไต้หวันหัวรุนแรงที่เกลียดคนจีนกับฮ่องกงนี่เอง  มิน่า ”
“ มิน่าอะไรไอ้หนู ! ”
“ มิน่า  ถึงได้ไม่ให้บริษัทเจ้านายผมทำงานต่อ  เพราะเจ้านายผมเป็นคนฮ่องกง ”
“ ยะหยุดพูดเดี๋ยวนี้  ไอ้หนู  เธอเอาอะไรมาพูด ! ”
“ จี้ใจดำล่ะสิ  จีนใหญ่  จีนไต้หวัน  จีนฮ่องกง  ยังไงก็จีนเหมือนกัน  ถ้าคิดอย่างตาทุกคน  ชาตินี้สามจีนก็คงไม่ได้คุยกัน
ญาติพี่น้องคงไม่ได้ข้ามทะเลเจอกัน ”
“ พอได้แล้ว  จะไปไหนก็ไปซะ  ฉันไม่อยากฟัง ”
บันเดินลิ่วออกจากห้อง  เนื่องจากเห็นว่าออกมานานมากแล้ว  เคลวินอาจจะตีหน้ายักษ์รออยู่


“ โอ๊ย ! ”
บันกุมหัวเอาไว้  เพราะรู้สึกว่า  มีก้อนแข็งๆ ลอยเข้ามากระแทก
“ คุณตาเอากระดาษมาปาผมทำไม ? ”
“ รางวัล  เอาไปซะ  แล้วตั้งใจทำงานด้วยล่ะ  ฉันจะคอยดูว่าคนฮ่องกงจะทำงานได้เรื่องหรือเปล่า ”
บันก้มลงหยิบเอาก้อนกระดาษขึ้นมา  เมื่อคลี่ออกดู  ปรากฏว่ามีตัวเลขอยู่ข้างใน
“ ตัวเลขนี้เป็นของบริษัทอเมริกันเหรอครับ ? ”
“ อย่าโง่เสนอราคาสูงกว่านี้ล่ะ  ออกไปได้แล้ว  ฉันเหนื่อยกับเด็กหัวปฏิวัติอย่างเธอ  ฉันอยากพักผ่อน ”

“ ยะฮู้  ในที่สุดก็ไม่ต้องไปขายข้าวโพดแล้ว  แถมยังได้เที่ยวไต้หวันไม่มีกำหนดอีก  สุดยอดไปเลย ”
บันสอดกระดาษที่คลี่ออกมาเป็นแผ่นใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ  แล้วรีบเดินเข้าไปหาเคลวินที่ห้องประชุมทันที  ไม่คิดว่าชายแก่ที่มี
นิสัยเหมือนเด็ก  จะให้รางวัลที่มีค่ามากขนาดนี้

20.00 น.  โรงแรมที่พัก

บันกางหนังสือนำเที่ยวที่เคลวินเคยบอกให้โยนทิ้งขึ้นมาเปิดหาข้อมูล  หลายที่ที่บันสนใจจะมีรอยปากกาเคมีสีแดงวงเอาไว้
ทั้งสวนสนุก  ตลาดขายของ  พิพิธภัณฑ์  และที่พลาดไม่ได้คือตึกไทเป 101  ตึกที่เคยสูงที่สุดในโลก

“ ตึกนี้มีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลกด้วยนะครับเจ้านาย  หนังสือนี่บอกไว้ ”
“ ตึกก็มีแค่หิน  ปูน  ทราย    จะไปให้เสียเวลาทำไม ”
“ ผมไม่ต้องการข้อเสนอแนะครับ  ทริปที่เหลือในไต้หวันนี้  ผมจะกำหนดเอง  เจ้านายแค่จ่ายเงินก็พอ ”
“ งั้นพรุ่งนี้เอาบัตรเครดิตไป  อยากไปไหนก็ตามสบาย ”
เคลวินพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไป  ปล่อยให้บันพูดเจื้อยแจ้วต่อไปคนเดียวบนเตียง
“ นี่นะ  แล้วเราก็ไปชายหาดนี้ด้วย  ไปชิมหอยเป๋าหื้อ  แล้วก็ไปดูโลมานะ  จากนั้นก็……………   อ้าว  ”

“ รู้งี้ไม่ช่วยโกงประมูลก็ดี  อุตส่าห์ยอมเจ็บตัวโดนกระดาษปาหัว ”
บันพูดเสียงดังเข้าไปในห้องน้ำหวังให้เคลวินได้ยิน  หลังจากบ่นได้หลายประโยคและคิดว่าเจ้านายคงสำนึกได้แล้ว  บันก็เดิน
ไปหน้าตู้เย็นเพื่อเปิดหาเครื่องดื่มแก้กระหาย
“ บ่นจนหอแห้ง  มีอะไรให้ดื่มบ้างน้า ? ”
บันเลือกชามะนาวมาได้หนึ่งกระป๋อง  หลังจากที่ใช้เล็บมือแงะและดึงฝาขึ้นมาได้  จังหวะที่กำลังจะยกกระป๋องชามะนาว
ขึ้นดื่ม  โลกที่อยู่รอบตัวก็เหมือนกับมันจะหมุนไปมา  น้ำชารสเปรี้ยวที่กำลังจะได้จังหวะเข้าปาก   เปลี่ยนมารดเข้ากับตา
ของบันแทน  เป็นครั้งที่สองในรอบไม่กี่วัน  ที่บันเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับตา

“ ทำไมอยู่ดีๆ ก็เวียนหัวนะ  เจ้านายๆ  พาผมไปล้างตาหน่อยสิครับ  น้ำชามันหก ”
บันล้มคะมำลงกับพื้นแล้วชนเข้ากับตู้เสื้อผ้าอย่างจัง  ไฟที่เคยส่องสว่างในห้องดับวูบ  เสียงสัญญาณเตือนภัยจากโรงแรมดัง
ขึ้นและเตือนให้แขกที่เข้าพักทุกคน  รีบลงไปรวมตัวกันที่สนามหญ้าหน้าโรงแรมเนื่องจากขณะนี้เกิดแผ่นดินไหว
บันใช้มือคลำไปมาตามพื้นพรม  ตอนนี้ไม่รู้ว่าทางออกอยู่ไหน  ทั้งความมืดและตาที่ปิดสนิท  ทำให้บันสับสนไปหมด  โลกที่
หมุนวนรอบๆ ตัว  ทำให้บันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นหนูตัวเล็กๆ  ที่อยู่ในลูกบอลใบใหญ่  มันกำลังกลิ้งไปมาอย่างไร้ทิศทาง


“ บัน    บัน  นายอยู่ไหน  ส่งเสียงหน่อย  นายอยู่ไหน   ได้ยินหรือเปล่า   บัน  ! ”
เสียงเคลวินดังออกมาจากที่ไหนซักแห่ง  บันร้องบอกว่าตัวเองอยู่ใกล้กับตู้เสื้อผ้า  ไม่กี่อึดใจ  สองแขนของเคลวินก็เข้ามาช้อน
ตัวบันขึ้น  แล้วพาหนีออกจากห้องออกไปตามทางเดินที่มีไฟฉุกเฉินส่องสว่าง

“ ทำไมเรียกแล้วไม่ขานรับ ! ”
เสียงเคลวินฟังดูโกรธจนบันตกใจ  ตอนนี้สองแขนของบันกอดรวบเข้ากับคอของเคลวิน   เจ้านายน้ำแข็งจับบันขึ้นหลังแล้วอุ้ม
ลงมาจากชั้นบน
“ ก็ผมกลิ้งไปชนตู้  มันมึนหัวไปหมด    ดาวขึ้นเต็มหัวเลย  ”
เมื่อออกมาจากทางเดินฉุกเฉินได้  บันก็สังเกตว่า  ที่จริงแล้วคุณน้ำแข็งมีแค่ผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียว  พันท่อนล่างอยู่



ต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2011 00:20:29 โดย Keniji »

Keniji Teruyama

  • บุคคลทั่วไป
“ มิน่า  ถึงได้เปียก  ที่แท้เจ้านายก็เปลือยลงมานี่เอง ”
บันเช็ดหน้าตัวเองกับเสื้อหลังจากที่แนบกับหลังเคลวินมาตลอดทาง
เคลวินเริ่มหันมองคนรอบข้าง  ไม่มีใครซักคนที่อยู่ในสภาพวาบหวิวเหมือนเขา  บันที่เข้าใจความรู้สึกของเจ้านาย  จัดการพูด
เพื่อให้กำลังใจ
“ ดูแหม่มคนนั้นสิครับเจ้านาย  เขาใส่ชุดนอนตัวบางๆ ลงมาด้วย  แขกคนนั้นก็ใส่แค่บราเซียกับแพนตี้ลงมา ”
“ เลิกพูดได้แล้วน่า ”
เคลวินขยับผ้าเช็ดตัวไปมาหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่หลุดลงต่อหน้าคนอื่น
“ แผ่นดินไหวไม่แรงมาก  เดี๋ยวเราก็คงกลับขึ้นไปนอนได้นะครับเจ้านาย ”
บันพาตัวเข้ามาบังเคลวินจากสายตาของเกย์สาวที่เดินกรีดกรายผ่านเข้ามา
“ เจ้านายเนี่ย  ที่แท้ก็ซ่อนรูปนะ  น่าจะไปเป็นนายแบบ   หุ่นดีกว่าดาเนียลตั้งเยอะ ”
“ ไปเห็นดาเนียลแก้ผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  ! ”
เคลวินเข้ามาคว้าข้อมือของบันขึ้นมาถาม
“ ก็ผมกับดาเนียลนอนด้วยกันบนเตียง ”
บันแกะมือตัวเองออกจากนิ้วของเคลวิน
“ แล้วดาเนียลแก้ผ้าหรือเปล่า ? ”
“ เปล่า  แต่ดาเนียลชอบเข้ามากอดผม  เลย ”
“ เลยเผลอกอดตอบงั้นเหรอ ! ”
ผู้หญิงต่างชาติสองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ  หันมามองบันกับเคลวินด้วยความตกใจ
“ เจ้านายเป็นบ้าไปแล้ว ”
“ ฉันถามว่ากอดตอบหรือเปล่า  ไม่ได้ยินหรือไง ”
เคลวินกระซิบถามบันข้างๆ หู
“ เปล่า  แต่ดาเนียลเข้ามากอด ”
“ ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือไง  ว่าห้ามรับรางวัลจากดาเนียล ! ”
“ นั่นมันก่อนที่เจ้านายจะห้าม  ตอนที่ผมหนีออกจากบ้านไงล่ะ  จำได้หรือเปล่า ”
บันกระซิบตอบกลับไปบ้าง
“ ดีแล้ว  แล้วตาไปโดนอะไรมา  ทำไมมันแดงอย่างนั้นล่ะ ? ”
“ ก็ตอนเปิดชามะนาวออกมาดื่ม  แผ่นดินก็สั่นขึ้นมาพอดี  แทนที่ชามะนาวจะไหลลงปาก  กลับขึ้นมาบนนี้แทน ”
“ แสบหรือเปล่า  ไหนมาดูซิ ”
เคลวินดึงบันเข้ามาใกล้แล้วใช้นิ้วเลิกเปลือกตาบันที่กะพริบไปมานั้นออกดู  กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่บันแยกไม่ออกว่ามันคือของ
อะไรลอยเข้ามาแตะจมูกของบัน  หน้าอกกว้างของเคลวินที่บันเคยสัมผัส  ตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ
บันมองดูหยดน้ำที่เกาะบนหน้าอกนั้นด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ  คล้ายกับว่าแผ่นดินไหว  ย้ายเข้ามาสั่นในหัวใจของตัวเอง

“ เป็นอะไรกับตานักนะ  คราวที่แล้วก็บีบโลชั่นใส่ตาตัวเอง  วันนี้ก็น้ำมะนาวอีก   ไม่ระวังตัวเอาซะเลย ”
“ ไม่เป็นไรแล้ว  เจ้านายครับ  ตอนนี้เขาให้กลับเข้าห้องได้แล้ว ”

ข้าวของที่ล้มระเนระนาดตามทางเดินในห้อง  เคลวินบอกให้บันยกเฉพาะของที่เบาและไม่เกะกะทางเดิน  ส่วนของที่มีน้ำหนัก
มากอย่างตู้เสื้อผ้าที่เลื่อนมาใกล้กับทางเดิน  เคลวินปล่อยให้อยู่ในสภาพเดิม
“ ถ้าโรงแรมให้เราพักฟรีก็ดีสินะ ”
บันก้มลงเก็บหนังสือที่กระจายตามพื้นห้อง  ส่วนเคลวินจัดการเลื่อนกระถางต้นไม้ออกไปจากทางเดิน  ไม่นานสองคนก็หัน
หน้าเข้าหากันขณะที่กำลังก้มลงเก็บของ
“ เจ้านายไปอาบน้ำต่อเถอะครับ  เดี๋ยวผ้าขนหนูหลุดล่ะก็แย่เลย ”
บันแกล้งแซวเคลวินที่นุ่งผ้าผืนเดียวตั้งแต่ช่วงแผ่นดินไหว
“ ฉันไม่ชอบนอนในห้องที่ไม่เป็นระเบียบ ”
“ ถ้าเห็นของกองไม่เป็นระเบียบ  จะนอนไม่หลับเหรอ ? ”
บันจัดหนังสือเสร็จเรียบร้อยก็ลุกยืนโดยไม่ทันสังเกตว่าเท้าเหยียบอยู่กับชายผ้าขนหนูของเคลวิน  เมื่อเจ้าของผ้าลุกตามขึ้นมา
บ้าง  ผ้าสีขาวที่เคยพันรอบเอวเคลวินอยู่  ก็ลงไปกองกับพื้นทันที 

ไม่ทันที่บันจะร้องหรือแสดงอาการตกใจ  ร่างสูงของเคลวินก็เข้ามากอดเอาไว้แล้วกดหน้าของบันเข้ากับอกของตัวเอง

“ ห้ามมอง !  ”
เคลวินร้องสั่งบัน
“ เปล่านะ  ผมไม่ได้มอง ! ”
“ ฉันไม่เชื่อ ! ”
“ ปล่อยสิ   หายใจไม่ออก ”
“ เอาเท้าเขี่ยผ้าขึ้นมา ”
เคลวินร้องสั่งบันที่ส่งเสียงอู้อี้เนื่องจากถูกกดเข้ากับหน้าอก
“ มองไม่เห็นแล้วจะเขี่ยได้ไงล่ะ  ปล่อยก่อนสิ ”
“ ค่อยๆ นั่งลง ”
เคลวินดันตัวบันให้ย่อลงกับพื้น  แล้วใช้มือขวาหยิบผ้าที่หล่นอยู่ขึ้นมา  โดยที่มือซ้ายยังกดอยู่ที่หัวของบัน




บันโล่งใจเมื่อรู้ว่า  สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในไทเปยังเปิดให้บริการตามปกติ  แม้จะเป็นช่วงหลังแผ่นดินไหวมาไม่กี่
ชั่วโมง  แต่คนไต้หวันก็ดูเหมือนจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติ  ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น  บันขยับหมวกเบสบอล
สีขาวคาดดำไปมาเพื่อบังแสงแดดจ้าด้านบน  เมื่อกางแผนที่ในมือพร้อมกับสังเกตป้ายนำเที่ยวที่ติดตามท้องถนน  บันก็โบก
รถประจำทางพร้อมกับดึงแขนเคลวินขึ้นรถ

“ ค่ารถ 160 เหรียญไต้หวัน  ขึ้นได้ทั้งซับเวย์และรถไฟความเร็วสูง  หรือจะเป็นรถประจำทางก็ได้ครับ ”
บันอธิบายเรื่องจิปาถะต่างๆ  ราวกับว่าเป็นไกด์นำเที่ยว  เคลวินที่นั่งมาด้วยนั้น  ดูเหมือนว่าจะยังไม่คุ้นกับชุดเสื้อยืด รองเท้า
ผ้าใบและหมวกผ้าใบเล็กๆ สีครีมที่บันเป็นคนเลือกให้
“ มาเที่ยวแบบนี้  ขืนใส่สูทกับรองเท้าหนังก็เหนื่อยแย่ ”
“ ให้เวลาเที่ยว 1 วัน ”
“ ไม่มีในข้อตกลงนี่นา  ผมว่าจะเที่ยวจนกว่าจะพอใจแล้วค่อยกลับ ”
“ วัดแบบนี้ที่ฮ่องกงก็มี ”
“ เจ้านายนี่ขวางโลกจริง  แต่ละที่มันก็ต้องมีอะไรที่แตกต่างกันซี่  เงียบๆ แล้วเดินตามผมอย่างเดียว  โอเค้ ? ”

บันพาเคลวินมาลงที่ป้ายหน้าวัดใหญ่ชานกรุงไทเป  วัดนี้มีชื่อเสียงด้านพระไตรปิฏกที่นายพลเจียงไคเช็ก  อัญเชิญมาจาก
ปักกิ่ง  เมื่อมองจากลานหน้าวัด  จะเห็นทะเลสาบและต้นหลิวปลิวไสวตามแรงลมไปมา  บันอธิบายตามที่อ่านในหนังสือนำ
เที่ยวว่า  วัดนี้มีศาลาพยากรณ์ดวงชะตาที่แม่นยำ

“ เป้าหมายแรก  เสี่ยงดวง  ลุ้นชะตาชีวิต ”
“ ไร้สาระ ”
“ เอาล่ะ  ไปกันได้ ”
บันทำหูทวนลมแล้วเดินลิ่วไปทางหอระฆังใบใหญ่หล่อด้วยโลหะสำริดรมดำ  ใกล้กันมีหอเสี่ยงทายที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา
เบียดเสียดกันเพื่อรับคำพยากรณ์ชีวิต

บันจ้องกระบอกไม้ที่เขียนเรื่องการงานเอาไว้  เมื่อจะเอื้อมมือเข้าไปจับ  ปรากฏว่ามีคนคว้าเอาไปก่อน  เมื่อหันไปอีกทางเพื่อ
หยิบกระบอกการเงินก็ไม่ทันเช่นกัน  กระบอกสุดท้ายที่เหลืออยู่เป็นกระบอกพยากรณ์ความรัก

‘ เก็บกระดาษชุดนี้ไว้ 1 ชั่วโมง  จากนั้นเปิดกระดาษหมายเลข 1 ’
บันได้ชุดพยากรณ์มาสามใบ  แต่ละใบมีหมายเลข 1 – 3 กำกับเอาไว้    ใบนอกสุดที่เป็นซองสีแดง  มีข้อความติดไว้ว่า  ให้เก็บ
ชุดพยากรณ์ไว้หนึ่งชั่วโมง  แล้วค่อยเปิดใบแรก

เมื่อเดินผ่านมาจนถึงร้านขายเครื่องดื่ม  บันแวะซื้อชาสองกระป๋อง  เมื่อได้โอกาสก็ถามเรื่องแหล่งท่องเที่ยวกับเจ้าของร้าน
แต่ปรากฏว่าเจ้าของร้านชี้ไปที่หูแล้วโบกมือไปมา  บันก้มหัวขอโทษแล้วส่งยิ้มให้  ก่อนที่จะเดินไปหาเคลวินที่รออยู่ในศาลา
ริมน้ำ  เมื่อเดินอ้อมมุมต้นสนเข้ามาเกือบถึง    นักท่องเที่ยวเสื้อเขียวที่อยู่ใกล้ๆ  ก็ทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาหาบัน

“ ไปไหนต่อ ? ”
บันหันหลังไปตามเสียงที่ดังขึ้น  เห็นเคลวินยืนรออยู่
“ ในนี้บอกว่าไปอีกไม่ไกลก็จะถึงตึกไทเป 101  ”



บนชั้นลอยของตึกระฟ้า  บันยกนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดขึ้นมาดู  ตอนนี้ได้เวลาเปิดคำพยากรณ์แรกแล้ว  คำพยากรณ์ของบัน
ถูกเปิดบนตึกที่สูงห้าร้อยเมตรเหนือพื้นดิน  เมื่อมองจากจุดที่ยืนอยู่นี้  บันเห็นรถยนต์ที่ขับอยู่ข้างล่างคันเล็กเท่ามด  กระดาษ
ชุดที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง  ถูกดึงขึ้นมาเปิดด้วยความตื่นเต้น
“ คู่แท้  คู่แท้  ”
บันถูฝ่ามือไปมา  ก่อนจะแกะกระดาษแผ่นที่หนึ่งหลังจากที่รอเวลาตามที่เขียนเอาไว้หน้าซอง  หนึ่งชั่วโมง

‘ ชุดคำพยากรณ์นี้จะให้คนที่ดวงสัมพันธ์กับคุณ  สามคน  หนึ่งในสามคนนี้จะเป็นคู่แท้ของคุณ 
และหากทั้งสามใบให้คำพยากรณ์เป็นคนเดียวกัน  เชื่อว่านั่นจะเป็นคู่แท้ของคุณ ’

บันอ่านทวนคำพยากรณ์อยู่สามรอบ  กว่าจะตีความว่า  คำใบ้จะชี้คนสามคน  และถ้าบังเอิญทั้งสามใบชี้บอกคนเดียวกัน
คนนั้นจะเป็นคู่แท้

“ แล้วถ้าสามคนไม่ซ้ำกัน  เราไม่ต้องใช้มาลัยเสี่ยงทายเหมือนนางรจนาเหรอเนี่ย  ? ”

‘ คำพยากรณ์แรก  คนที่พูดกับคุณเป็นคนแรก  นับตั้งแต่หยิบคำพยากรณ์มา  จะเป็นคนที่คอยปกป้องคุณจากอันตราย ’

บันหลับตาคิดตาม  ตอนที่หยิบคำพยากรณ์มา  บันไม่ได้คุยกับใครในศาลาเสี่ยงทาย  เมื่อเดินมาถึง

“ คนขายน้ำกระป๋อง !  ”
บันสะดุ้งเฮือก 
“ คู่แท้เราทำไมแก่จัง ”
“ ไม่ใช่สิ  คนขายน้ำ  หูหนวก  พูดไม่ได้  ถ้างั้นก็ ”
คนที่ดูเหมือนจะเข้ามาคุยกับบันคนแรกคือ  นักท่องเที่ยวชุดเขียว  ที่บันเจออยู่ริมทะเลสาบ

“ คุยอะไรกันนะ ? ”
บันนึกย้อนไปถึงตอนที่หิ้วเอากระป๋องน้ำชามาให้เคลวินแล้วเจอนักท่องเที่ยวชุดเขียวส่งยิ้มให้  แต่ก็แน่ใจว่าไม่ได้คุยกัน
เพราะ  เคลวินเข้ามาเรียกซะก่อน  เคลวินเข้ามาเรียกบันจากด้านหลังตอนยืนอยู่หลังทะเลสาบว่า  ‘ ไปไหนต่อ ’

“ เจ้านายเหรอ  เราคุยกับเจ้านายคนแรกนี่นา   อื้อ  ขนลุก ”

ที่แท้คนที่คอยดูแลปกป้องบันก็คือเจ้านายน้ำแข็งนี่เอง

“ 33.33 %  กลายเป็นเจ้านายไปแล้ว   ที่เหลืออาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ ”

คำพยากรณ์ที่สอง  ให้ไปแกะอ่านในที่โล่งไม่มีคน  บันหันซ้ายมองขวา  ได้โอกาสก็เดินเข้ามาตรงทางเชื่อมกว้างขวางที่ไร้ผู้คน
สองมือแกะกระดาษแผ่นน้อยด้วยใจสั่นระรัว

‘ คนที่คุณเห็นคนแรกนับตั้งแต่แกะคำพยากรณ์   คือคนที่ห่วงใยคุณ  ’
บันสูดหายใจลึก  ก่อนที่จะเดินต่อไป  ใครกันหนอที่เราจะเห็นคนแรก



“ นั่นจะไปไหน  ทางออกอยู่ทางนี้ ”
เสียงคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง  บันนึกถึงคำพยากรณ์แล้วหลับตาปี๋ทันที  กลัวว่าจะเห็นเคลวินเป็นคนแรก
“ อยู่ทางไหนนะครับเจ้านาย ? ”
บันหันไปทางเคลวินขณะหลับตา  สองมือเกาะและคลำไปตามผนังเพื่อใช้นำทางไปยังลิฟต์
“ ตาเป็นอะไร ? ”
“ เปล่าครับ ”
“ แล้วหลับตาทำไม ? ”
“ พักสายตา  ลมมันพัดแรง ”
“ ในนี้ไม่มีลม ? ”
“ เอาเถอะน่า  เราไปตลาดกันเถอะ  ที่นั่นมีปลาหมึกทะเลย่างขายด้วยนะ  ตัวใหญ่กว่าที่ฮ่องกงตั้งเยอะ  ไปกันเถอะ ”
บันใช้ท่าคนตาบอดคลำทางไปจนถึงหน้าลิฟต์
“ นั่นมันประตูหนีภัย ”
“ อ้าวเหรอ  ลิฟต์ไปทางไหนล่ะ ? ”
“ ลืมตาแล้วเดินซะทีสิ ”
“ ก็บอกว่าแสบตา  ”
บันยังคงไม่ยอมมองเคลวิน  สองมือคว้าไปมาจนเจอกับผู้ชายอีกคน
“ คุณครับ  ช่วยพาผมลงไปชั่นล่างสุดหน่อยนะครับ  ผมตาไม่ค่อยดี ”
บันยิ้มย่องด้วยความดีใจ  มือทั้งสองข้าง  จับแน่นที่วงแขนของผู้ชายใจดีที่พาลงลิฟต์มาสู่ชั้นล่าง


“ ขอบคุณครับ  คุณใจดีที่สุดเลย  ขอผมมองหน้าคุณหน่อยนะครับ ”
บันลืมตาขึ้นมาขณะลิฟต์เปิด   ผู้ชายใจดีที่บันเกาะแขนลงมา  เดินลิ่วออกไปแล้ว   เห็นแต่หลังเดินไปลิบๆ

“ แย่แล้ว  เจ้านายนี่นา ”
บันกลับมาหลับตาอีกครั้ง  แล้วตัดสินใจวิ่งตามไปเพื่อเกาะแขนเอาไว้

‘ ยังไงก็ไม่เห็นหน้า  เห็นแค่หลัง ’


บันเกาะแขนเคลวินไว้อีกครั้ง  แล้วเดินตามออกมายังถนนเพื่อขึ้นรถประจำทาง
“ ไปไหนต่อ ? ”
“ ตลาดไงครับ  จากนี่ไปอีกห้ากิโลเมตร ”
“ ยังไม่หายแสบตาอีกเหรอ ? ”
“ ยังครับ  ต้องหลับตาเอาไว้อย่างนี้แหละ ”
“ ไปทางไหนล่ะ ? ”
บันไม่รู้ว่าเคลวินมองไปทางไหน  จึงอาศัยลูบไปจนเจอหลัง  จากนั้นก็เอาหลังตัวเองเข้าไปพิง
“ แค่นี้ก็ไม่เห็นหน้าแล้ว ”
“ ว่าไงนะ ? ”
“ เปล่าครับ ”
“ นำทางไปสิ  หรือว่าจะกลับโรงแรม ”

บันพยักหน้าแล้วเอามือซ้ายป้องตาเอาไว้เพื่อไม่ให้มองเห็นเคลวิน  เมื่อขึ้นรถประจำทางมาได้ก็หาทำเลที่มีคนอยู่มากๆ แล้ว
หย่อนตัวลงไป 

“ คราวนี้  เราจะเห็นใครเป็นคนแรกนะ ”
บันลืมตาขึ้นแล้วพยายามมองหาคนทางเบาะหลัง  แต่ก็ยังช้ากว่ามือใหญ่ของคนที่นั่งข้างๆ
เคลวินดึงบันเข้ามาใกล้ แล้วเปิดตาของบันออกดู  ตาคมนั้นจ้องเข้ามาจนบันใจสั่นไปหมด

“ ไม่เห็นมีอะไรอยู่ข้างในนี่  ทำไมยังแสบตาล่ะ ? ”
“ โธ่เอ๊ย  เสียแผนหมดเลย  เจ้านายนี่  โถ่ ”
บันทำหน้าเสียดายสุดขีดเพราะอุตส่าห์ฝืนหลับตามาตั้งแต่เดินอยู่ในตึกไทเป

“ เหลือใบสุดท้าย   คงไม่ใช่คุณน้ำแข็งอีกนะ ”



จบตอนที่ 20 ครับ  พบกันใหม่ตอนหน้า

Keniji Teruyama

  • บุคคลทั่วไป
มอๆๆๆๆๆๆๆ  เสียงเหมือนรถขายนมแถวบ้านเลย  :laugh:

กลับมาแล้วนะ  รูปหล่อกลับมาแล้ว  ชดเชยที่หายไปด้วยตอนที่ยาวเป็นพิเศษ
ตอนนี้เที่ยวไต้หวันกันนะ

ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันครับ

รัก
เคนอิจิ

ปล.  ขอบคุณรูปของพี่ฮันนี่เช่นเคย


ออฟไลน์ ao16

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +253/-4
เป็นตอนที่ยาวสุดๆ สมกับการรอคอย  o13 o13 o13

                :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :กอด1:ยาวมากๆๆถึงใจเลยครับ



 :กอด1:

ZuuZuu

  • บุคคลทั่วไป
กะว่าจะจิ้มเคนจังซักกะหน่อย แต่ว่าเค้าอ่านช้า เลยจิ้มไม่ทัน ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้กอดเคนจัง
ย๊ากกกกกกกกกกกกก
กระโดดกอดเคนจังกับน้องบันให้หายคิดถึง หายไปไหนมาตั้งหลายวันคะเนี่ย คิดถึงจะแย่อยู่ละ

ตอนนี้ยาวสะใจจริงๆ น้องบันยังคความน่ารักและกวนไว้ในตัวเองได้อย่างสมำเสมอจริงๆ
ชอบตอนที่น้องเถียงกับคุณตาเจ้าของบ.ในไต้หวันอ่ะค่ะ ทำเอาคุณตาเถียงไม่ออกเลย

ตอนนี้ลุ้นมากว่าคำทำนายใบที่3จะเป็นพ่อเคลวินอีกรึป่าว แอบไม่อยากให้ใช่เพราะยังหมั่นไส้ความเก๊กของอิตานี่อยู่นิดๆ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ -Otto-

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
อ๊ายๆๆๆ เควิลโชว์หวิว  :-[


ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
รอดูข้อสุดท้ายค่ะ

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
ฮ่าๆๆๆ สงสัยใบสุดท้ายก็จะเป็นเจ้านายน้ำแข็งอีกนั่นแหละบันนี่ หุๆๆ ψ(`∇´)ψ

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
 :z13: เบาๆ

 :laugh:บันนี่จ๋ายังไงก้ไม่รอดคุณน้ำแข็งแน่ๆ

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
รีบๆ เปิดใบที่ 3 นะบัน อิอิ

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5

ใบสุดท้ายก็เจ้านายน้ำแข็งอีกนั่นแหละ
บันนี่หนีไม่พ้นหรอกจ้า
+1 :กอด1:

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
ต้องได้แบบนี้...ถึงจะหายคิดถึง บันนี่กับพ่อน้ำแข็ง :man1:
เคลวินเป็นห่วงบันมากๆเลยนะ อ่านแล้วอบอุ่นถึงแกจะแสดงออกอย่างเย็นชาก็เถอะ
อยากรู้แบบทดสอบสุดท้ายของ เนื้อคู่ คู่แท้ จะเป็นอย่างไร
มีการจูบให้คนอ่านได้ฮือฮากันอีกหรือเปล่า  รอลุ้นครับ
ตลกนายน้ำแข็งมาก อายที่จะให้บันนี่เห็นรูปร่างของตัวเอง
แต่กลับชอบสัมผัสใช่ไหมล่ะ กอดบันนี่ซะแน่นเชียว :o8:
ขอบคุณ คนน่ารัก <3 (ไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าใคร)
กด+ ให้ เคนอิจิ ได้แต่กดให้ เป็ด ตอนนี้ไม่ได้ :confuse:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
รูปหล่อเพิ่งกลับมาจากเที่ยว
ส่วนน้องบันกับเจ้านาย เพิ่งจะได้ไปฮันนีมูน  เอ๊ย!!! ไปเที่ยว  :m20: :m20: :m20:

ployyunho

  • บุคคลทั่วไป
บันนี่น้อยยอมรับซะเถอะ คู่แท้เป็นคุณน้ำแข็งก็ดีออก เพราะเดี๋ยวนี้น่ารักขึ้นตั้งเยอะ  ทั้งห่วงทั้งหึงขนาดนี้หาไม่ได้อีกแล้ว
ถึงบางทียังเย็นชาอยู่บ้างก็ตามทีเถอะ  แต่รวมๆแล้วเคมีมันได้อ่ะ
แล้วรู้สึกว่าบันนี่จะแอบหวั่นไหวแล้วด้วย เมื่อไหร่จะจูบกันอีกน้า :z1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
จะใบไหน ก็บอกได้เลยว่าต้องเป็นคุณน้ำแข็ง
โฮะๆ ไม่มีทางให้เป็นคนอื่นหรอกนะ
ลุ้นมาซะขนาดนี้เนี่ย !!!!!
บันนี่ น่ารักจริงๆเล้ยยยย

hahn

  • บุคคลทั่วไป
หนีคุณน้ำแข็งไม่พ้นหรอกบันนี่   :L1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
กรี๊ดดดดดดดดดดดด

ยังไงบันก็หนีคุณเจ้านายน้ำแข็งไม่พ้นหรอก

 :impress3: :impress3: :impress3:

ออฟไลน์ Bee_YJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
มาแบบยาวๆ ให้อ่านกันสนุก มีครบทุกรส
จบตอยฃนให้อยากตามติดอีกด้วย

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
 :m20:ทำไมช่างน่ารักได้ขนาดนี้หนา.....น้องหนูบันนี่

ขอบคุณ...คุณเคนจิมั่ก ๆ  :L2:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
ฮาาาา เคนอิจิน่ารักที่สุด กระโดดกล้ิงทับ บันน่ารักจริงๆ ขำสุดตอนที่เจอเจ้าของบ.นั่น แล้วไหนจะคำทำนายอีก
เป็นเคลวิน 2/3 แล้ว เหลืออีกอันเดียวยังไง ภาษีคุณพ่อของอัลเบิร์ตก็สูงสุดล่ะ

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0

ค้้างงงงง :o8:อร๊ายยยย
ใบสุดท้่าย เคลวิลๆๆๆ :mc4:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   

เคนจังจ๋า................  2 ในสามคำพยากรณ์ บ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นคุณเจ้านาย เจ้านายน้ำแข็งแห้ง...

ใบสุดท้ายก็ไม่ต้องเปิดแล้วมั้งคะ 555+++


งดบวก รอ+ตอนเจอกันในทู้โน้นนะคะ 555

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ใบสุดท้าย ขอให้เป็นเจ้านายทีเถอะ ลุ้นๆๆ

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
บันรั่วที่สุดเลย  555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด