เรื่องนี้ไม่ยาวมาก แต่รับ......ประ......กัน

เรื่องที่ 12 เหงา......
“รอด้วยสิ....”
แกร๊ก.... หญิงสาวรีบร้อนลุกจากโต๊ะเพื่อไปให้ทันเพื่อนทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าหย่อนลิปสติกไม่ลงกระเป๋า มันกลิ้งตกจากโต๊ะทำงาน ธนัทที่นั่งโต๊ะทำงานตรงข้ามกับหล่อนมองตาไม่กระพริบ เขาเงยหน้าขึ้นประตูลิฟต์ก็ปิดลงแล้ว ในห้องเหลือพนักงาน 2-3 คนที่ยังง่วนอยู่กับงาน เขาจึงค่อยๆลุกไปหยิบมาอย่างระมัดระวังไม่อยากให้ใครเห็น ลิปสติกสีแดงอมชมพูสวยมาก
เอื้ออิสรา เป็นสาวสวยที่สุดในออฟฟิส ทั้งหน้าตาดี ความรู้ก็ดี ที่สำคัญใครๆก็รู้ว่าหล่อนกำลังคบอยู่กับลูกชายเจ้าของบริษัท ตอนนี้เธอเหมือนนางพญาที่ใครต่อใครต่างให้ความสนใจ ส่วนเขาที่เพิ่งเข้าใหม่ได้ 6 เดือนแล้วคุยไม่ค่อยเก่ง เลยกลายเป็นเหมือนคนที่ถูกลืมไปจากโลกนี้เลยทีเดียว
ชายหนุ่มเก็บลิปสติกไว้ในลิ้นชักทั้งที่ควรวางไว้บนโต๊ะหล่อน แต่เขากลับไม่ทำ มันซ่อนอยู่ในลิ้นชักอยู่ตั้งสัปดาห์ แน่นอนเลยว่ามันไม่สลักสำคัญอะไรก็แค่ลิปสติกแท่งเดียว เอื้ออิสราก็ยังร่าเริงเหมือนเดิมและเธอก็มีลิปสติกแท่งใหม่ สีสวยกว่าแท่งเดิมเสียอีก
เงาที่สะท้อนในกระจกห้องน้ำสะท้อนผู้ชายวัย 20 ต้นๆ หน้าตาธรรมดาใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยม พอถอดแว่นออกมาแล้วก็แทบไม่มีอะไรแตกต่าง เขามันจืดชืดสิ้นดีแทบจะไร้ตัวตนในโลกใบนี้ มีบางไหมที่เขาจะมีตัวตนเหมือนกันอื่นบ้าง ไม่ใช่.....แค่กระดาษซีดๆใบหนึ่ง ธนัทมองรอบๆห้องน้ำ
ที่เงียบสงัด ชั้นนี้คนขึ้นมาใช้น้อย แล้วเป็นเวลาเย็นมากแล้ว พนักงานส่วนใหญ่จะรีบกลับบ้านกัน
เขาหยิบลิปสติกออกมา สีมันสวยมีชีวิตชีวาเหมือนเจ้าของมัน ชายหนุ่มอยากได้ความมีชีวิตชีวา มียิ้มที่เปิดเผย สีแดงระเรื่อระบายลงบนริมฝีปากเบาๆ แปลก..ตัวเขาในกระจกเปลี่ยนไป ราวกับอีกคนที่มีแววตาเป็นประกายสดใส
หึ...ก็แค่สีเท่านั้น ทุเรศจริง เขาเป็นบ้าอะไรกันนะ ธนัทหัวเราะเยาะตัวเองแล้วหยิบทิชชู่เช็ดสีบนเรียวปากออก แต่มันติดทนจริงๆต้องถูแรงๆก็ยังเหลือรอยจางๆดูริมฝีปากอวบอิ่มอยู่ดี
“ลบออกทำไมล่ะ สวยดีออก”
ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงตกใจสุดขีด ประตูห้องน้ำห้องสุดท้ายเปิดออกคนที่ออกมานั้นอยู่ในชุดฟรอม์ยามของบริษัท ธนัทหน้าซีดเหลือสองนิ้ว ซวยๆๆๆๆๆ โดนเห็นเสียแล้ว ทำไงดี.....
เขาหันหลังเผ่นออกจากห้องน้ำ ออกจากบริษัทให้เร็วที่สุด หมอนั้น.....รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร ไม่สิ ทำงานแผนกไหน ถ้าเกิด.....หมอนั้นโพทะนาล่ะว่า??? เขาไม่มีหน้าจะอยู่ที่นี่แล้ว
ธนัทคิดมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน เช้ามาก็โทรลาหยุดอ้างว่าไม่สบาย ตลอดเวลาเขาคิดว่าเรื่องคงแดง ทั้งแผนกคงเอาเรื่องเขาไปพูดกัยสนุกปาก ว่าเขาเป็นตุ๊ด เป็นแต๋ว ลักเพศแน่ๆ แต่ตอนโทรลาหยุดกับหัวหน้าแผนก น้ำเสียงแกปกติมากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแค่บอกว่า
“ตอนนี้งานกำลังเร่งอยู่ ถ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วก็มาทำงานเลยนะ”
“ครับ พรุ่งนี้ผมไปทำงานให้เสร็จ”
“ดีแล้ว เอ่อ....ผมรู้ว่าคุณอยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดใช่ไหมมีใครดูแลหรือเปล่า”
“ครับ มีคนดูแลอยู่”
“ดีแล้ว อยู่ไกลครอบครัวหน่อยก็คงเหงาเป็นเรื่องธรรมดา อย่าลืมดูแลตัวเองนะ”
“ขอบคุณครับ”
สราวุธวางหูแล้วถึงพบว่ามีใครมานั่งรออยู่ในห้อง
“อ้าว คุณชลบดี มาเมื่อไรครับ”
“เดี๋ยวนี้เอง”
“เป็นไงครับ ฝึกงานอาทิตย์แรก”
“เฮ้อ.......น่าเบื่อ ถ้าฝึกงานจริงผมควรได้ฝึกในแผนกคุณมากกว่าจริงไหม” ชายหนุ่มวัยย่าง 19 บ่น เขาเพิ่งก่อเรื่องวิวาทกันในโรงเรียน โดนคาดโทษพักเรียนถึง 2 เดือน พ่อเลยจับเขามาเป็นยาม ทั้งที่แม่บอกจะส่งไปเรียนนอกแท้ๆ
“คุณพ่อคุณคงอยากให้เรียนรู้งานตั้งแต่ระดับล่างแล้วค่อยๆไต่เต้าขึ้นไปไง พวกยามรู้ดีเลยล่ะเรื่องพนักงานระดับล่างๆคนไหนนิสัยไม่ได้ คนไหนติดเหล้า ติดการพนัน หรือคนไหนขี้ขโมย คุณจะรู้ไงครับว่าพนักงานในบริษัทส่วนใหญ่เป็นยังไง”
“ก็จริง.....พูดถึงพนักงานแล้วนึกขึ้นได้ คุณพอจะรู้จัก....”
“ครับ” สารวุชตั้งใจฟัง
“พนักงานเรา ชาย อายุสัก 20-25 หน้าตาดีแต่ดูเซียวๆเหมือนคนอมทุกข์ ใส่แว่นตาสี่เหลี่ยมดูตลกๆไหม”
“อ๋อ ธนัท วันนี้เขาลาหยุดครับ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างดีใจ “ขอที่อยู่หน่อยสิ”
(ติดตามตอนต่อไป)
