อ่ะ เอาใจคนอยู่ดึก เดี๋ยวต่อให้อีกท่อนนนนนน ช่วงโปรโมชั่นนนน
=========================================================
12 Wishing on the stars
.....ในที่สุดก็ถึงวันที่พวกผมรอคอย เย็นนี้ก็จะเดินทางไปกันอยู่แล้ว ยังตกลงกันไม่ได้เลยว่าจะไปดูฝนดาวตกที่ไหน.....ไอ้ผมน่ะ ยังไงก็ได้ มีหน้าที่เป็นคนขับรถให้อีพวกคุณนายที่กำลังเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด....แต่เรื่องที่ผมกังวลกลับเป็นเรื่องไอ้วุธ ก็ตอนแรกผมชวนมันไปดูดาวด้วยกัน ไปช่วยผมขับรถ เพราะนี่จะเป็นการขับรถออกต่างจังหวัดครั้งแรกของผม แถมยังเป็นตอนกลางคืนอีก...วุธรับคำชวนโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยครับ.....
.....แต่สุดท้ายผมก็ไม่ยอมให้มันไปด้วยเมื่อวันก่อนที่ผมจะเดินทาง เนื่องจากมันไม่สบาย ตัวร้อนจี๋ ให้ไปหาหมอก็ไม่ยอม บอกว่ากินยาแล้วนอนพักเดี๋ยวก็หาย....ผมขู่มันว่าถ้าไม่หาย โปรแกรมวันรุ่งขึ้นเป็นอันยกเลิก ผมจะไปกับพวกเพื่อนผมตามลำพัง....เย็นนั้นวุธกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน ก่อนนอนมันโทรมาหาผม รบเร้าจะไปให้ได้ ผมก็ยังยืนยันคำเดิม.....รู้สึกผิดจังเลยเลยครับ ผมยอมรับ ตอนนั้นผมยังไม่อยากให้มันหายหรอก เพราะผมยังไม่อยากให้มันเจอกับอีเต็ม และผมเพิ่งจะรู้เย็นนั้นว่า ที่ต้องมาเจอกับเพื่อนผมวันนี้ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผมเท่านั้นนะครับ กลุ่มอื่น ๆ ก็จะเดินทางไปด้วยกัน ประมาณว่าขับตามกันไปไม่น่าจะต่ำกว่า 5-6 คัน แถมจะมีรุ่นพี่ไปแจมกันอีกหลายคน ถ้าสถานที่ที่ผมไปน่าสนใจ.....
.....เช้าวันนั้นพอผมตื่นปุ๊บ สิ่งแรกที่ผมทำคือโทรไปหาไอ้วุธ เป็นห่วงมันด้วย และที่สำคัญลุ้นอยู่ว่ามันจะหายทันมั๊ย....ทันทีที่รับสาย ผมได้ยินเสียงมัน ใจนึงโล่งอก มันยังไม่หาย วันนี้มันไปไม่ได้แน่ ๆ อีกใจนึงก็เป็นห่วงมัน ไม่อยากไปกับเพื่อนซะแล้ว อยากอยู่กรุงเทพฯ ดูแลมันมากกว่า แต่จะเสียคำพูดกับเพื่อนก็ไม่ได้.....ผมบอกมันว่าเย็นนี้ไม่ต้องไปแล้ว ให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน มันก็ไม่ยอมบอกว่ามันหายดีแล้ว ฟังเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกของมันแล้ว ผมก็รู้ว่ามันฝืนทำเสียงให้ร่าเริงเป็นปกติ.....ยังไงผมก็ไม่ยอมให้มันไปหรอก จะเอามันไปลำบากกับผมทำไม ผมหาเหตุผลมาหว่านล้อม จนมันต้องอือออ ฟังจากเสียงมันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่ขัดผมไม่ได้.....
.....เลิกเรียนแล้ว ขณะที่พวกผมนั่งเม้าธ์กันอยู่ในซุ้ม อีพวกนั้นมันเผาผมให้คนอื่นฟังว่าผมเตรียมของเยอะมากเหมือนจะไปค้างคืนซัก 2 คืน ผมเถียงไม่ออกเลยครับ ก็ตอนที่พวกมันเอาสมบัติมันไปเก็บที่กระโปรงหลังรถผมมันเห็นกระเป๋า ตะกร้าใส่ขนมและสัมภาระอย่างอื่นอีกเพียบ อีเต็มขำก๊าก พาคนอื่นหัวเราะผมไปด้วย คิดในใจว่า ถ้ามึงขาดเหลืออะไรอย่ามาขอกูชียวนะ เผลอหันไปคุยกับอีนันแป๊บเดียว เสียงอีเต็มก็ดังทะลวงบทสนทนา ผมหันไปตามเสียง อะไรยังไงเนี่ย ไอ้วุธเดินตรงดิ่งเข้ามา หน้าแดง ไม่รู้ว่าแดงเพราะอากาศร้อน หรือพิษไข้
“...เฮ้ย...My soul mate...” อีเต็มทึกทักเอาเอง
“...หวัดดีครับเต็ม...” วุธทักทาย
“...จำชื่อเราได้ด้วย...” อีเต็มเขินบิดไปบิดมา ไอ้วุธจำไม่ได้หรอก กูนี่แหละเล่าเรื่องมึงให้ไอ้วุธมันฟัง ผมคิดในใจ
“...มาหาเต็มเหรอ...” อีนันถาม ไอ้วุธทำหน้าไม่ถูก
“...เอ่อ...เอ่อ...”
“...วุธเค้าจะไปดูดาวกับพวกเราอ่ะ...” ผมชี้แจง
“...หา...” เต็มกับอีนันแหกปาก ตอนแรกคนก็มองไอ้วุธอย่างสงสัยอยู่แล้ว เสียงพวกมันทำให้คนอื่นในซุ้มให้ความสนใจ ผู้ชายผมยาว สูง ขาว ใส่เสื้อช้อปสีเข้ม ปักตรามหาวิทยาลัย สะพายเป้อาร์ต ๆ ในมือมีหนังสือเล่มหนา และกางเกงยีนส์สีดำ เข้ากับรองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ ดูเถื่อนแต่ไม่สกปรก ผมแอบภูมิใจที่ได้มันเป็นแฟนจริง ๆ นี่แหละสเปคของผม
“...กูขอโทษ...กูไม่ได้บอกพวกมึงก่อน...” ผมลากพวกมันสองคนไปเคลียร์กันห่าง ๆ ซุ้ม ทิ้งวุธไว้กับอีกุ้ง
“...อีเอ้...อีเวร...ทำไมมึงไม่บอกตอนกูเยกับมันเลยล่ะ...” อีเต็มฉุน
“...กูก็อยากบอก แต่กูกลัวมึงจะโกรธ อีกอย่างเรื่องมันยาวด้วย...”
“...โกรธเรื่องอะไรวะ...” อีนันถาม
“...ก็...ก็...อีเต็มมันชอบไอ้วุธไม่ใช่เหรอ...แล้ว...จะให้กูพูดยังไงล่ะ ว่าไอ้วุธมันเป็นคนที่กูเคยรักมาก่อน...” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ
“...อีดอก...ชอบเชิบอะไรล่ะ...กูก็กรี๊ดกร๊าดไปตามเรื่องตามราว...กูเห็นมึงทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนรับน้องแล้ว ยิ่งวันกีฬาเฟรชชี่ กูก็ยิ่งแน่ใจว่าพวกมึงต้องมีอะไรกันมาก่อน... นี่กูก็รอให้มึงพูดออกมาอยู่เนี่ย...”
“...อ้าว...อีห่า...แม่ง...กูก็เครียดอยู่ซะตั้งหลายวัน...” ผมตัดสินใจเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้พวกมันฟังคร่าว ๆ ไม่บ่อยครั้งนักที่พวกมันยืนฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีขัด ไม่มีแทรก ถ้ามันตั้งใจฟังอาจารย์เหมือนอย่างที่ฟังผมอยู่ตอนนี้ พวกมันคงได้เกียตินิยมแล้วหล่ะ
“...ถ้าเป็นกูนะ...กูคงยอมเจ็บ แต่ไม่ยอมเสียมันไปหรอก...” อีนันอินเกินค่าตัวอีกแล้ว
“...มึงโดนเค้ากระชากซิงยังวะ...” อีเต็มพูดหน้าระรื่น
“...ยัง...อยากโดนอยู่เหมือนกัน...” ผมทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
“...คืนนี้เลยมั๊ย...เดี๋ยวกูช่วย...”
“...จะบ้าเหรอ...ไม่ต้องเลยมึง...ไปได้แล้ว...ทิ้งไว้กับอีกุ้งนาน ๆ เดี๋ยวพี่ก้องมาเห็นจะเข้าใจผิดอีก...” ผมเดินนำพวกมันกลับไปซุ้ม
.....ตอนนี้พวกเราใช้วิธีโหวตเลือกสถานที่ดูดาว และก็ได้มาเรียบร้อยแล้ว เป็นที่ไหนผมไม่บอกล่ะกันนะครับ บอกได้แค่ว่าเป็นจังหวัดชายทะเลไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อนร่วมรุ่นคนนึงมีคอนโดที่นั่น สะดวกดีเหมือนกัน เผื่อจะได้อาศัยนอน อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ.....พอได้ที่หมาย พวกเราก็แพลนกันว่าจะไปไหนก่อน แล้วจะเจอกันที่ไหน เพราะถ้าคลาดกันก็คงจะหากันไม่เจอแน่ ๆ
.....เวลาออกเดินทางที่นัดกันไว้คือ 6 โมงเย็น รถที่จะไปทั้งหมดจอดที่หน้าคณะเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ทำให้พวกเราประหลาดใจที่สุดคือ อีแอ๊บ ขับรถยุโรปคันใหญ่คันเดิมของมันมาจอดต่อแถว เท่าที่จำได้ มันกลับบ้านไปตั้งนานแล้วนี่นา แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ ใครเชิญเนี่ย.....
“...กินยายัง...” ผมถามวุธหลังจากที่ออกจากมหาลัยได้ไม่นาน
“...กินแล้ว...” มันหาวแล้วกระพริบตาถี่ ๆ
“...งั้นนอนก่อนเถอะ...เดี๋ยวถึงแล้วปลุก...” มันเอนหัวพิงหลับตาลงอย่างว่าง่าย
“...เต็ม...หยิบหมอนให้กูหน่อย...” ผมหมายถึงหมอนที่วางไว้บริเวณเบาะหลัง
“...แหม...เป็นห่วงกันจังนะ...” อีเต็มกัดพร้อมวางหมอนรูปแตงโมใบโปรดของผมไว้ที่ตักวุธ มันหยิบขึ้นมากอดไว้ ผมเห็นมันยิ้มนิด ๆ ด้วย
“...เอาเค้ามาลำบากแล้วก็ต้องดูแลนิดนึง...” ผมเอาหลังมือวางทาบไปที่ต้นคอวุธ ตัวมันก็ยังร้อนรุม ๆ อยู่
“...จะได้เห็นดาวซักกี่ดวงวะเนี่ย ไม่ใช่มาเสียเที่ยวนะมึง...” อีนันบ่นเป็นเรื่องปกติ
“...มึงก็คิดซะว่าไปเที่ยวสิวะ...แต่ของอีเอ้มันต้องเรียกว่าไปฮันนีมูน...” อีเต็มได้โอกาสกัดอีกแล้ว วุธมันไอแค่ก ๆ หลับตาแต่ยิ้มแฉ่ง
“...ยิ้มอะไร...นอนไปเลย...” ผมดึงหมอนขึ้นไปปิดหน้ามัน อีพวกข้างหลังมันแกลังทำท่าเลียนแบบผม นี่ถ้าอีกุ้งมันมาด้วยคงจะสามัคคีกันกัดผมแน่ ๆ
.....ใช้เวลา 3 ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงที่หมาย ขับรถเข้าเมืองไปหาข้าวเย็นกินกัน เป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างทาง พวกเราไปกันเยอะต้องเอาโต๊ะมาต่อกันหลายตัว บรรยากาศคึกคัก....สั่งอาหารอย่างละ 4 จาน มีทั้งข้าวต้ม ข้าวสวย กับข้าวเต็มโต๊ะเลยครับ วุธมันอาการดีขึ้น อาจจะเพราะฤทธิ์ยา และได้นอนหลับไปซักพัก.....มันเริ่มคุยกับเพื่อนผมทุกคน เริ่มเล่นมุข มีแอบจิบเหล้าที่รุ่นพี่รินให้ ไอ้ผมจะห้ามก็ไม่ได้ แต่ที่ผมไม่ชอบมาก ๆ เลยคืออีแอ๊บมันพยายามแซวผมกับวุธ แต่มันก็โดนพวกผมตอกกลับหน้าหงายไปหลายหน ส่วนโมทย์ก็มองหน้าผมสลับกับวุธ ไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองมันแปลก ๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคิดอะไร.....
.....มีเวลาเหลืออีกตั้งนาน ทุกคนกระสันอยากจะเที่ยวกลางคืนที่เธคต่างจังหวัด ไปก็ไปวะ ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่ จากการถามวัยรุ่นในพื้นที่ ส่วนใหญ่แนะนำให้ไปเธคแห่งหนึ่งในโรงแรมกลางเมือง ลองหน่อยแล้วกัน ไปถึงมองภายนอกดูดีเหมือนกันนะ.....ข้างในก็กว้าง มีวงดนตรีสดสลับกับเปิดแผ่น เรื่องเพลงไม่ขอพูดถึงนะครับ แต่สนุกมากบรรยากาศพาไป ไอ้วุธถอดเสื้อช้อปออก เหลือไว้แต่เสื้อยืดข้างใน เถื่อนดีผมชอบ.....พวกเราเต้นกันเต็มที่ สร้างความฮือฮา คิดดูนะครับ ชายหญิงในชุดนักศึกษากลุ่มใหญ่ มาจากกรุงเทพฯ เปิดเหล้าฝรั่ง (อันนี้รุ่นพี่เลี้ยง) เกาะเอวกันเดินเต้นไปรอบ ๆ ลืมไปเลยว่าที่เรามาไกลถึงนี่ เราแค่จะมาดูฝนดาวตก ไม่ใช่มาเที่ยวกลางคืน แต่กว่าจะรู้ตัวก็ปาเข้าไปเกือบตี 1 แล้ว
“...เอ้...มึงระวังอีแอ๊บไว้นะ...” กุ้งพูดกับผมในห้องน้ำ
“...อะไรวะ...” ผมงง
“...กูเห็นมันมองไอ้วุธแล้วยังไงไม่รู้ดิรู้สึกแปลก ๆ นี่กูยังแอบเห็นมันชนแก้วกับวุธตั้งหลายที...”
“...มันไม่กล้าทำอะไรหรอก...” ผมพูดขำ ๆ
“...ไว้ใจไม่ได้นะโว้ย...อีนี่มันไวจะตาย...ดูไอ้โมทย์สิ ทุกวันนี้พวกเรายังไม่รู้เลยว่าตกลงมันเป็นอะไรกับอีแอ๊บกันแน่...”
“...อืม...” ผมรับปากมันไปส่งเดช แน่ใจ่ว่ายังไงอีแอ๊บมันก็ไม่ใช่คู่แข่งของผม
.....ออกมาจากห้องน้ำ แทบจะลากไอ้วุธกลับซะเดี๋ยวนั้น อีแอ๊บกำลังชนแก้วกับมันครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ เพราะมัวแต่แรด ๆ กับเพื่อนคนอื่นอยู่ มองมืด ๆ ยังเห็นเลยว่าแก้วอีแอ๊บมันบางจนแทบจะเป็นน้ำเปล่า แต่ของไอ้วุธนี่สิ คนละเรื่องกับอีแอ๊บเลย.....
“...วุธ...พอได้แล้ว...” ผมพูดเสียงแข็ง
“...อีกนิดน่า...” อีแอ๊บยั่วผม
“...ไม่เป็นไรหรอกเอ้...แค่นี้เอง...” ไอ้วุธกระดกเหล้าต่อ ผมอึ้ง โมโหมันมาก เสียหน้าด้วย
“...เออ...งั้นแดกต่อไปละกัน...” ผมหันขวับ กะจะเดินไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก แต่ดันชนกับโมทย์ซะนี่
“...เมาเหรอเอ้...” ดีนะที่โมทย์มันจับไหล่ผมไว้ ไม่งั้นคงเซไปโดนโต๊ะข้าง ๆ ผมส่ายหัว หางตาเห็นทั้งวุธและอีแอ๊บจ้องเขม็ง ทีกูมั่งล่ะ
“...ไปตรงโน่นกันเหอะ...” ผมจูงมือโมทย์ไปที่กลุ่มผมเต้นกันอยู่ มือมันนิ๊มนิ่ม
.....เป็นไงล่ะ ทนดูได้ก็ดูสิ ผมตั้งใจเต้นสีโมทย์แบบเนียน ๆ เดี๋ยวจับมือ เดี๋ยวโน้มตัวมันมาใกล้ ๆ ทำเป็นหาเรื่องคุย หัวเราะคิกคัก ตอนนั้นโมโหจนลืมอาย....ได้ผล ไม่กี่อึดใจไอ้วุธก็เดินแทรกกลุ่มผมเข้ามา.....
“...เอ้...” ไอ้วุธสะกิด ผมทำเป็นไม่ได้ยิน “...เอ้...เราปวดหัว...” เท่านั้นแหละ ผมหันขวับ
“...ไหวมั๊ย...” ผมมองหน้ามัน เห็นตามันที่เริ่มโรย ๆ แล้วใจอ่อนยวบ
“...กินยาอีกซัก 2 เม็ดคงดีขึ้นอ่ะ...” กินยาอย่างเดียวมันจะหายได้ไงวะ เป็นไข้อย่างนี้มันต้องพักผ่อนด้วย
“...ไปที่รถละกัน นอนพักซักแป๊บนึง นี่คงใกล้จะเลิกกันแล้ว...” ผมเดินนำวุธไปบอกเพื่อน ๆ ว่าจะรออยู่ที่รถ
.....หลังจากวุธกินยาแล้วเอนตัวนอนได้ซักพัก ทุกคนก็ออกมาพร้อมกันที่ลานจอดรถ ได้เวลาเดินทางไปดูดาวที่คอนโดเพื่อนคนนั้นแล้ว ขับรถเลียบชายหาดไปอีกไม่ไกลนักก็ถึงที่หมาย....แบกสมบัติกันลงไป ปูเสื่อ กางเก้าอี้ผ้าใบ รื้อขนม ของกินออกมาเหมือนไปปิกนิค ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นมันมืดมาก พวกผมต้องขอให้เจ้าของพื้นที่เปิดไฟให้ แต่เมื่อเห็นดาวตกจะต้องปิดไฟแหมือนเดิม เพราะไม่อย่างนั้นแล้วจะมองเห็นดาวไม่ชัด.....
.....ผมให้วุธนอนพักในรถไม่ปลุกเมื่อมาถึงคอนโด มันก็หลับไม่รู้เรื่อง ผมเอามืออังที่ตัวมันก็ยังร้อนอยู่ แต่มีเหงื่อซึมออกมาบ้าง....มองหน้าซีด ๆ ของมันแล้วรู้สึกสงสารมาก ไม่น่าเอามันมาลำบากด้วยเลย.....ผมเดินไปเดินมาระหว่างชายหาดกับรถเพื่อดูอาการของวุธ มืดก็มืด แรก ๆ ก็ชวนเพื่อนเดินมาด้วยกัน แต่รอบ 3 รอบ 4 ไม่มีใครมากับผมเลย เดินคนเดียวก็ได้วะ แต่เสียวสันหลังวาบ.....
“...วุธ...ตื่นเถอะ ไปดูดาวกัน...” ผมวิ่งมาปลุกไอ้วุธเพื่อลงไปดูดาวที่เริ่มตกลงมาแล้ว
“...อืม...” วุธงัวเงีย สะบัดหน้าเบา ๆ
“...เดินไหวมั๊ย...” ผมเข้าไปประคอง จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ป่วยอะไรขนาดนั้น แต่ผมอยากให้มันเดินไวขึ้น พอถึงเสื่อที่พวกผมปูนั่งกัน อีพวกนั้นก็ขยับตูดแบ่งที่ให้ไอ้วุธ ผมนั่งลงพร้อมมัน
“...ยังปวดหัวอยู่เหรอ...” ผมเห็นมันเงียบไป
“...อืม...มึน ๆ ด้วย...” เสียงมันแห้งมาก ผมต้องรินน้ำให้มันกิน
“...ไม่สบายแล้วยังกินเหล้าอีก...” ผมบ่นเบา ๆ
“...กินนิดเดียวเองนะ...” มันเอาหัวมาพิงไหล่ผม อีพวกนั้นแอบมอง แต่พอผมกระแอมเบา ๆ มันก็หันกลับไปดูดาวต่อ
“...เห็นดาวตกหรือยัง...” วุธทำท่าเหมือนจะหลับอีก
“...ยังไม่เห็นซักดวง...” มันจะเห็นได้ไงล่ะ ก็พอผมมองหน้ามัน มันหลับตาอยู่อ่ะ
“...เข้าไปนอนต่อเถอะ...” ผมดันตัวมันออกจะให้มันกลับไปนอนในรถเหมือนเดิม
“...นอนตรงนี้แหละ...” วุธขยับตัวลงไปนอนตักผมเฉยเลย ไม่เป็นไร มืดขนาดนี้คงไม่มีใครว่าอะไรหรอก ผมคิดในใจ ทีตอนนี้ไม่เห็นมันจะหลับตาเลย มองหน้าผมที มองฟ้าที ตาแป๋วเชียว
.....ดึกมากแล้วทุกคนเริ่มง่วง ฝนดาวตกก็ไม่เห็นเป็นอย่างที่เคยได้ยินมาเลย ตกจริง แต่ไม่ได้เยอะอย่างนั้น สวยดีเหมือนกัน.....ตอนนี้อีพวกนั้นกำลังเลื้อย นอนพาดกันไปเกะกะ รุ่นพี่ผู้ชายก็ตั้งวงกินเหล้า พวกผู้หญิงก็ขึ้นคอนโดไปอาบน้ำอาบท่า จะนอนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้.....
“...พวกมึงจะเอาไงวะ...” ผมถามเพื่อน ๆ
“...ก็นอนนี่แหละ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว...”
“...นอนตากน้ำค้างเนี่ยนะ...” ผมเสียงดัง
“...เข้าไปนอนข้างในก็ได้...” อีนันลุกเก็บข้าวของ
“...อัดกันเป็นปลากระป๋องเลยมึง...” อีเต็มบ่นบ้าง ผมมองหน้าวุธอย่างช่างใจ
“...กูจะกลับกรุงเทพฯ มึงจะไปกับกูมั๊ย...” ทุกคนหันมามองหน้าผม
“...มึงจะขับรถไหวเหรอ...”
“...ไหวดิ...2-3 ชั่วโมงเอง...”
“...นั่นแหละ 2-3 ชั่วโมงก็เช้าแล้ว รอไปพร้อมกันดิ...”
“...กูว่าตอนนั้นแหละที่กูจะขับไม่ไหว...” ผมเถียงกับพวกมันอยู่นาน ยืนยันความคิดตัวเองจะกลับกรุงเทพฯ ให้ได้ อีกุ้งกับพี่ก้องต้องเข้ามาช่วยพูด แต่สรุปแล้ว ผมก็จะกลับ และให้อีพวกนั้นกับรถพี่ก้องพรุ่งนี้เช้า
“...ขับดี ๆ นะมึง...ถ้าไม่ไหวก็แวะปั๊มนะโว้ย...” อีพวกนั้นเป็นห่วง
“...เออ...พวกมึงก็อย่าแดกเหล้าให้มากนะ...พรุ่งนี้เจอกัน...” ผมรู้ว่างานนี้คงไม่ได้นอนกันแน่ ๆ ขนาดมันเดินมาส่งผม มันยังถือแก้วเหล้ามาส่งเลย
“...ทำไมไม่นอนที่นั่นล่ะ...” วุธถาม
“...ไม่เอาอ่ะ...อึดอัด...”
“...เอ้นอนก่อนมั๊ย เดี๋ยวเราขับให้...”
“...ตัวเองน่ะ เอาให้รอดก่อนเหอะ...” ผมหัวเราะเบา ๆ
“...ตอนดาวตกอธิษฐานอะไรอ่ะ...”
“...ไม่บอก...”
“...สงสัยจะเป็นเรื่องเดียวกัน...” มันแหย่ผม ก็ตอนแรก ๆ พอดาวตกที พวกผมก็เงียบกันที เป็นอันรู้กันว่ากำลังอธิษฐานอยู่
“...เป็นอะไรหรือเปล่าเอ้...” วุธพูดหน้าตาตื่นเมื่อเห็นผมหักหลบกระทันหันจนเกือบตกข้างทาง
“...เปล่า...ไม่มีอะไร” ผมพูดเสียงสั่น ๆ
“...แล้วทำไม...” มันคงเห็นหน้าผมเครียดเลยไม่ถามต่อ
“...เมื่อกี้เห็นอะไรปะ...” ซักพักผมก็ถามไอ้วุธ ตอนนี้ผมตามจ่อตูดรถอีกคันอยู่ในตัวเมืองอีกจังหวัด ไม่ยอมแซงเลย ท่าทางเค้าจะเข้ากรุงเทพเหมือนกัน
“...ไม่เห็นมีอะไรนี่...”
“...เราเห็นคนใส่ชุดสีขาวนั่งอยู่บนต้นไม้...”
“...ตาฝาดมั้ง...”
“...สองต้นติดกันเนี่ยนะ...” วุธเงียบ
“...แวะปั๊มก่อนมั๊ย...” วุธถาม
“...อืม แวะนอนปั๊มก่อนก็ได้ ไม่อยากขับต่อแล้วอ่ะ รอเช้าก่อนดีกว่า...” จะให้ย้อนกลับไปหาเพื่อนก็คงไม่ไหว ผมมาไกลเกินไปแล้ว
“...เอ้...เราว่าไม่ต้องนอนปั๊มหรอก...แวะตรงนั้นดิ...” ไอ้วุธชี้ป้ายโรงแรมเหมือนจะเป็นม่านรูดข้างทาง
“...จะบ้าเหรอ...” ผมยังมีอารมณ์อาย
“...นอนแป๊บเดียว ไม่เห็นเป็นไรเลย...” คิดไปคิดมา นี่มันต่างจังหวัดนี่หว่า ไม่มีใครรู้จักเรา
“...เออ...ก็ได้...” ผมขับเข้าไปในช่องตามที่เด็กรูดม่านรอไว้ ตกลงราคากัน จ่ายเงินเรียบร้อย เด็กคนนั้นมองพวกผมแปลก ๆ อายเหมือนกันนะโว้ย ผู้ชายกับผู้ชายเข้าม่านรูดเนี่ย
“...คล่องจังนะ...” วุธมันแอบกัดผม
“...เมื่อก่อนเคยเข้าบ่อย ๆ”
“...หา...” มันตกใจ
“...เคยโดดเรียนไปเล่นไพ่ในม่านรูดแถว ๆ โรงเรียนอ่ะ...”
“...โล่งอก นึกว่าไปทำอะไร...” มันเดินพาผมเข้าไปในห้อง โอเคนะ สภาพห้องสมราคา
“...เราอาบน้ำก่อนนะ...” ผมแบกกระเป๋าเข้าห้องน้ำไปด้วย พอออกมาไอ้วุธก็อยู่ในชุดผ้าขนหนูตัวเดียวรออยู่แล้ว ผมหลบสายตามัน รู้สึกเขิน ๆ เหมือนกันที่ต้องมาอยู่ในที่ที่คนส่วนใหญ่เค้าเข้ามาทำอะไรกัน
.....และคืนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นฝ่ายนอนกอดมันจนหลับไปด้วยความเพลีย ภาพคนชุดขาวบนต้นไม้ทำให้ผมกลัวมาก ไอ้วุธก็นอนยิ้ม ดีนะที่มันไม่ฉวยโอกาสทำอะไรผม แต่ก็เสียดายเหมือนกันนะ.....มันน่าจะกล้ากว่านี้หน่อย.....