(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT  (อ่าน 322360 ครั้ง)

JaeTae

  • บุคคลทั่วไป

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งมากเลยอ่ะคับตอนที่วุธบอก นึกถึงคำเหล่านี้มากๆ

โอ๊ยยย ฟามรัก เทนั้นแหละฟามรัก

รักๆๆๆๆๆนิยายเรื่องนี้

มาต่ออีกนะคับ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ซึ้งๆๆๆๆๆๆๆอ่ะ หวานด้วย

nartch

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะ เอาใจคนอยู่ดึก เดี๋ยวต่อให้อีกท่อนนนนนน  ช่วงโปรโมชั่นนนน  :m4:
=========================================================
12 Wishing on the stars

.....ในที่สุดก็ถึงวันที่พวกผมรอคอย เย็นนี้ก็จะเดินทางไปกันอยู่แล้ว ยังตกลงกันไม่ได้เลยว่าจะไปดูฝนดาวตกที่ไหน.....ไอ้ผมน่ะ ยังไงก็ได้ มีหน้าที่เป็นคนขับรถให้อีพวกคุณนายที่กำลังเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด....แต่เรื่องที่ผมกังวลกลับเป็นเรื่องไอ้วุธ ก็ตอนแรกผมชวนมันไปดูดาวด้วยกัน ไปช่วยผมขับรถ เพราะนี่จะเป็นการขับรถออกต่างจังหวัดครั้งแรกของผม แถมยังเป็นตอนกลางคืนอีก...วุธรับคำชวนโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยครับ.....
.....แต่สุดท้ายผมก็ไม่ยอมให้มันไปด้วยเมื่อวันก่อนที่ผมจะเดินทาง เนื่องจากมันไม่สบาย ตัวร้อนจี๋ ให้ไปหาหมอก็ไม่ยอม บอกว่ากินยาแล้วนอนพักเดี๋ยวก็หาย....ผมขู่มันว่าถ้าไม่หาย โปรแกรมวันรุ่งขึ้นเป็นอันยกเลิก ผมจะไปกับพวกเพื่อนผมตามลำพัง....เย็นนั้นวุธกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน ก่อนนอนมันโทรมาหาผม รบเร้าจะไปให้ได้ ผมก็ยังยืนยันคำเดิม.....รู้สึกผิดจังเลยเลยครับ ผมยอมรับ ตอนนั้นผมยังไม่อยากให้มันหายหรอก เพราะผมยังไม่อยากให้มันเจอกับอีเต็ม และผมเพิ่งจะรู้เย็นนั้นว่า ที่ต้องมาเจอกับเพื่อนผมวันนี้ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผมเท่านั้นนะครับ กลุ่มอื่น ๆ ก็จะเดินทางไปด้วยกัน ประมาณว่าขับตามกันไปไม่น่าจะต่ำกว่า 5-6 คัน แถมจะมีรุ่นพี่ไปแจมกันอีกหลายคน ถ้าสถานที่ที่ผมไปน่าสนใจ.....
.....เช้าวันนั้นพอผมตื่นปุ๊บ สิ่งแรกที่ผมทำคือโทรไปหาไอ้วุธ เป็นห่วงมันด้วย และที่สำคัญลุ้นอยู่ว่ามันจะหายทันมั๊ย....ทันทีที่รับสาย ผมได้ยินเสียงมัน ใจนึงโล่งอก มันยังไม่หาย วันนี้มันไปไม่ได้แน่ ๆ อีกใจนึงก็เป็นห่วงมัน ไม่อยากไปกับเพื่อนซะแล้ว อยากอยู่กรุงเทพฯ ดูแลมันมากกว่า แต่จะเสียคำพูดกับเพื่อนก็ไม่ได้.....ผมบอกมันว่าเย็นนี้ไม่ต้องไปแล้ว ให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน มันก็ไม่ยอมบอกว่ามันหายดีแล้ว ฟังเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกของมันแล้ว ผมก็รู้ว่ามันฝืนทำเสียงให้ร่าเริงเป็นปกติ.....ยังไงผมก็ไม่ยอมให้มันไปหรอก จะเอามันไปลำบากกับผมทำไม ผมหาเหตุผลมาหว่านล้อม จนมันต้องอือออ ฟังจากเสียงมันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่ขัดผมไม่ได้.....
.....เลิกเรียนแล้ว ขณะที่พวกผมนั่งเม้าธ์กันอยู่ในซุ้ม อีพวกนั้นมันเผาผมให้คนอื่นฟังว่าผมเตรียมของเยอะมากเหมือนจะไปค้างคืนซัก 2 คืน ผมเถียงไม่ออกเลยครับ ก็ตอนที่พวกมันเอาสมบัติมันไปเก็บที่กระโปรงหลังรถผมมันเห็นกระเป๋า ตะกร้าใส่ขนมและสัมภาระอย่างอื่นอีกเพียบ อีเต็มขำก๊าก พาคนอื่นหัวเราะผมไปด้วย คิดในใจว่า ถ้ามึงขาดเหลืออะไรอย่ามาขอกูชียวนะ เผลอหันไปคุยกับอีนันแป๊บเดียว เสียงอีเต็มก็ดังทะลวงบทสนทนา ผมหันไปตามเสียง อะไรยังไงเนี่ย ไอ้วุธเดินตรงดิ่งเข้ามา หน้าแดง ไม่รู้ว่าแดงเพราะอากาศร้อน หรือพิษไข้

“...เฮ้ย...My soul mate...” อีเต็มทึกทักเอาเอง
“...หวัดดีครับเต็ม...” วุธทักทาย
“...จำชื่อเราได้ด้วย...” อีเต็มเขินบิดไปบิดมา ไอ้วุธจำไม่ได้หรอก กูนี่แหละเล่าเรื่องมึงให้ไอ้วุธมันฟัง ผมคิดในใจ
“...มาหาเต็มเหรอ...” อีนันถาม ไอ้วุธทำหน้าไม่ถูก
“...เอ่อ...เอ่อ...”
“...วุธเค้าจะไปดูดาวกับพวกเราอ่ะ...” ผมชี้แจง
“...หา...” เต็มกับอีนันแหกปาก ตอนแรกคนก็มองไอ้วุธอย่างสงสัยอยู่แล้ว เสียงพวกมันทำให้คนอื่นในซุ้มให้ความสนใจ ผู้ชายผมยาว สูง ขาว ใส่เสื้อช้อปสีเข้ม ปักตรามหาวิทยาลัย สะพายเป้อาร์ต ๆ ในมือมีหนังสือเล่มหนา และกางเกงยีนส์สีดำ เข้ากับรองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ ดูเถื่อนแต่ไม่สกปรก ผมแอบภูมิใจที่ได้มันเป็นแฟนจริง ๆ นี่แหละสเปคของผม
“...กูขอโทษ...กูไม่ได้บอกพวกมึงก่อน...” ผมลากพวกมันสองคนไปเคลียร์กันห่าง ๆ ซุ้ม ทิ้งวุธไว้กับอีกุ้ง
“...อีเอ้...อีเวร...ทำไมมึงไม่บอกตอนกูเยกับมันเลยล่ะ...” อีเต็มฉุน
“...กูก็อยากบอก แต่กูกลัวมึงจะโกรธ อีกอย่างเรื่องมันยาวด้วย...”
“...โกรธเรื่องอะไรวะ...” อีนันถาม
“...ก็...ก็...อีเต็มมันชอบไอ้วุธไม่ใช่เหรอ...แล้ว...จะให้กูพูดยังไงล่ะ ว่าไอ้วุธมันเป็นคนที่กูเคยรักมาก่อน...” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ
“...อีดอก...ชอบเชิบอะไรล่ะ...กูก็กรี๊ดกร๊าดไปตามเรื่องตามราว...กูเห็นมึงทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนรับน้องแล้ว ยิ่งวันกีฬาเฟรชชี่ กูก็ยิ่งแน่ใจว่าพวกมึงต้องมีอะไรกันมาก่อน... นี่กูก็รอให้มึงพูดออกมาอยู่เนี่ย...”
“...อ้าว...อีห่า...แม่ง...กูก็เครียดอยู่ซะตั้งหลายวัน...” ผมตัดสินใจเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้พวกมันฟังคร่าว ๆ ไม่บ่อยครั้งนักที่พวกมันยืนฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีขัด ไม่มีแทรก ถ้ามันตั้งใจฟังอาจารย์เหมือนอย่างที่ฟังผมอยู่ตอนนี้ พวกมันคงได้เกียตินิยมแล้วหล่ะ
“...ถ้าเป็นกูนะ...กูคงยอมเจ็บ แต่ไม่ยอมเสียมันไปหรอก...” อีนันอินเกินค่าตัวอีกแล้ว
“...มึงโดนเค้ากระชากซิงยังวะ...” อีเต็มพูดหน้าระรื่น
“...ยัง...อยากโดนอยู่เหมือนกัน...” ผมทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
“...คืนนี้เลยมั๊ย...เดี๋ยวกูช่วย...”
“...จะบ้าเหรอ...ไม่ต้องเลยมึง...ไปได้แล้ว...ทิ้งไว้กับอีกุ้งนาน ๆ เดี๋ยวพี่ก้องมาเห็นจะเข้าใจผิดอีก...” ผมเดินนำพวกมันกลับไปซุ้ม
.....ตอนนี้พวกเราใช้วิธีโหวตเลือกสถานที่ดูดาว และก็ได้มาเรียบร้อยแล้ว เป็นที่ไหนผมไม่บอกล่ะกันนะครับ บอกได้แค่ว่าเป็นจังหวัดชายทะเลไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อนร่วมรุ่นคนนึงมีคอนโดที่นั่น สะดวกดีเหมือนกัน เผื่อจะได้อาศัยนอน อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ.....พอได้ที่หมาย พวกเราก็แพลนกันว่าจะไปไหนก่อน แล้วจะเจอกันที่ไหน เพราะถ้าคลาดกันก็คงจะหากันไม่เจอแน่ ๆ
.....เวลาออกเดินทางที่นัดกันไว้คือ 6 โมงเย็น รถที่จะไปทั้งหมดจอดที่หน้าคณะเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ทำให้พวกเราประหลาดใจที่สุดคือ อีแอ๊บ ขับรถยุโรปคันใหญ่คันเดิมของมันมาจอดต่อแถว เท่าที่จำได้ มันกลับบ้านไปตั้งนานแล้วนี่นา แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ ใครเชิญเนี่ย.....
“...กินยายัง...” ผมถามวุธหลังจากที่ออกจากมหาลัยได้ไม่นาน
“...กินแล้ว...” มันหาวแล้วกระพริบตาถี่ ๆ
“...งั้นนอนก่อนเถอะ...เดี๋ยวถึงแล้วปลุก...” มันเอนหัวพิงหลับตาลงอย่างว่าง่าย
“...เต็ม...หยิบหมอนให้กูหน่อย...” ผมหมายถึงหมอนที่วางไว้บริเวณเบาะหลัง
“...แหม...เป็นห่วงกันจังนะ...” อีเต็มกัดพร้อมวางหมอนรูปแตงโมใบโปรดของผมไว้ที่ตักวุธ มันหยิบขึ้นมากอดไว้ ผมเห็นมันยิ้มนิด ๆ ด้วย
“...เอาเค้ามาลำบากแล้วก็ต้องดูแลนิดนึง...” ผมเอาหลังมือวางทาบไปที่ต้นคอวุธ ตัวมันก็ยังร้อนรุม ๆ อยู่
“...จะได้เห็นดาวซักกี่ดวงวะเนี่ย ไม่ใช่มาเสียเที่ยวนะมึง...” อีนันบ่นเป็นเรื่องปกติ
“...มึงก็คิดซะว่าไปเที่ยวสิวะ...แต่ของอีเอ้มันต้องเรียกว่าไปฮันนีมูน...” อีเต็มได้โอกาสกัดอีกแล้ว วุธมันไอแค่ก ๆ หลับตาแต่ยิ้มแฉ่ง
“...ยิ้มอะไร...นอนไปเลย...” ผมดึงหมอนขึ้นไปปิดหน้ามัน อีพวกข้างหลังมันแกลังทำท่าเลียนแบบผม นี่ถ้าอีกุ้งมันมาด้วยคงจะสามัคคีกันกัดผมแน่ ๆ
.....ใช้เวลา 3 ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงที่หมาย ขับรถเข้าเมืองไปหาข้าวเย็นกินกัน เป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างทาง พวกเราไปกันเยอะต้องเอาโต๊ะมาต่อกันหลายตัว บรรยากาศคึกคัก....สั่งอาหารอย่างละ 4 จาน มีทั้งข้าวต้ม ข้าวสวย กับข้าวเต็มโต๊ะเลยครับ วุธมันอาการดีขึ้น อาจจะเพราะฤทธิ์ยา และได้นอนหลับไปซักพัก.....มันเริ่มคุยกับเพื่อนผมทุกคน เริ่มเล่นมุข มีแอบจิบเหล้าที่รุ่นพี่รินให้ ไอ้ผมจะห้ามก็ไม่ได้ แต่ที่ผมไม่ชอบมาก ๆ เลยคืออีแอ๊บมันพยายามแซวผมกับวุธ แต่มันก็โดนพวกผมตอกกลับหน้าหงายไปหลายหน ส่วนโมทย์ก็มองหน้าผมสลับกับวุธ ไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองมันแปลก ๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคิดอะไร.....
.....มีเวลาเหลืออีกตั้งนาน ทุกคนกระสันอยากจะเที่ยวกลางคืนที่เธคต่างจังหวัด ไปก็ไปวะ ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่ จากการถามวัยรุ่นในพื้นที่ ส่วนใหญ่แนะนำให้ไปเธคแห่งหนึ่งในโรงแรมกลางเมือง ลองหน่อยแล้วกัน ไปถึงมองภายนอกดูดีเหมือนกันนะ.....ข้างในก็กว้าง มีวงดนตรีสดสลับกับเปิดแผ่น เรื่องเพลงไม่ขอพูดถึงนะครับ แต่สนุกมากบรรยากาศพาไป ไอ้วุธถอดเสื้อช้อปออก เหลือไว้แต่เสื้อยืดข้างใน เถื่อนดีผมชอบ.....พวกเราเต้นกันเต็มที่ สร้างความฮือฮา คิดดูนะครับ ชายหญิงในชุดนักศึกษากลุ่มใหญ่ มาจากกรุงเทพฯ เปิดเหล้าฝรั่ง (อันนี้รุ่นพี่เลี้ยง) เกาะเอวกันเดินเต้นไปรอบ ๆ ลืมไปเลยว่าที่เรามาไกลถึงนี่ เราแค่จะมาดูฝนดาวตก ไม่ใช่มาเที่ยวกลางคืน แต่กว่าจะรู้ตัวก็ปาเข้าไปเกือบตี 1 แล้ว

“...เอ้...มึงระวังอีแอ๊บไว้นะ...” กุ้งพูดกับผมในห้องน้ำ

“...อะไรวะ...” ผมงง
“...กูเห็นมันมองไอ้วุธแล้วยังไงไม่รู้ดิรู้สึกแปลก ๆ นี่กูยังแอบเห็นมันชนแก้วกับวุธตั้งหลายที...”
“...มันไม่กล้าทำอะไรหรอก...” ผมพูดขำ ๆ
“...ไว้ใจไม่ได้นะโว้ย...อีนี่มันไวจะตาย...ดูไอ้โมทย์สิ ทุกวันนี้พวกเรายังไม่รู้เลยว่าตกลงมันเป็นอะไรกับอีแอ๊บกันแน่...”
“...อืม...” ผมรับปากมันไปส่งเดช แน่ใจ่ว่ายังไงอีแอ๊บมันก็ไม่ใช่คู่แข่งของผม
.....ออกมาจากห้องน้ำ แทบจะลากไอ้วุธกลับซะเดี๋ยวนั้น อีแอ๊บกำลังชนแก้วกับมันครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ เพราะมัวแต่แรด ๆ กับเพื่อนคนอื่นอยู่ มองมืด ๆ ยังเห็นเลยว่าแก้วอีแอ๊บมันบางจนแทบจะเป็นน้ำเปล่า แต่ของไอ้วุธนี่สิ คนละเรื่องกับอีแอ๊บเลย.....
“...วุธ...พอได้แล้ว...” ผมพูดเสียงแข็ง
“...อีกนิดน่า...” อีแอ๊บยั่วผม
“...ไม่เป็นไรหรอกเอ้...แค่นี้เอง...” ไอ้วุธกระดกเหล้าต่อ ผมอึ้ง โมโหมันมาก เสียหน้าด้วย
“...เออ...งั้นแดกต่อไปละกัน...” ผมหันขวับ กะจะเดินไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก แต่ดันชนกับโมทย์ซะนี่
“...เมาเหรอเอ้...” ดีนะที่โมทย์มันจับไหล่ผมไว้ ไม่งั้นคงเซไปโดนโต๊ะข้าง ๆ ผมส่ายหัว หางตาเห็นทั้งวุธและอีแอ๊บจ้องเขม็ง ทีกูมั่งล่ะ
“...ไปตรงโน่นกันเหอะ...” ผมจูงมือโมทย์ไปที่กลุ่มผมเต้นกันอยู่ มือมันนิ๊มนิ่ม
.....เป็นไงล่ะ ทนดูได้ก็ดูสิ ผมตั้งใจเต้นสีโมทย์แบบเนียน ๆ เดี๋ยวจับมือ เดี๋ยวโน้มตัวมันมาใกล้ ๆ ทำเป็นหาเรื่องคุย หัวเราะคิกคัก ตอนนั้นโมโหจนลืมอาย....ได้ผล ไม่กี่อึดใจไอ้วุธก็เดินแทรกกลุ่มผมเข้ามา.....
“...เอ้...” ไอ้วุธสะกิด ผมทำเป็นไม่ได้ยิน “...เอ้...เราปวดหัว...” เท่านั้นแหละ ผมหันขวับ
“...ไหวมั๊ย...” ผมมองหน้ามัน เห็นตามันที่เริ่มโรย ๆ แล้วใจอ่อนยวบ
“...กินยาอีกซัก 2 เม็ดคงดีขึ้นอ่ะ...” กินยาอย่างเดียวมันจะหายได้ไงวะ เป็นไข้อย่างนี้มันต้องพักผ่อนด้วย
“...ไปที่รถละกัน นอนพักซักแป๊บนึง นี่คงใกล้จะเลิกกันแล้ว...” ผมเดินนำวุธไปบอกเพื่อน ๆ ว่าจะรออยู่ที่รถ
.....หลังจากวุธกินยาแล้วเอนตัวนอนได้ซักพัก ทุกคนก็ออกมาพร้อมกันที่ลานจอดรถ ได้เวลาเดินทางไปดูดาวที่คอนโดเพื่อนคนนั้นแล้ว ขับรถเลียบชายหาดไปอีกไม่ไกลนักก็ถึงที่หมาย....แบกสมบัติกันลงไป ปูเสื่อ กางเก้าอี้ผ้าใบ รื้อขนม ของกินออกมาเหมือนไปปิกนิค ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นมันมืดมาก พวกผมต้องขอให้เจ้าของพื้นที่เปิดไฟให้ แต่เมื่อเห็นดาวตกจะต้องปิดไฟแหมือนเดิม เพราะไม่อย่างนั้นแล้วจะมองเห็นดาวไม่ชัด.....
.....ผมให้วุธนอนพักในรถไม่ปลุกเมื่อมาถึงคอนโด มันก็หลับไม่รู้เรื่อง ผมเอามืออังที่ตัวมันก็ยังร้อนอยู่ แต่มีเหงื่อซึมออกมาบ้าง....มองหน้าซีด ๆ ของมันแล้วรู้สึกสงสารมาก ไม่น่าเอามันมาลำบากด้วยเลย.....ผมเดินไปเดินมาระหว่างชายหาดกับรถเพื่อดูอาการของวุธ มืดก็มืด แรก ๆ ก็ชวนเพื่อนเดินมาด้วยกัน แต่รอบ 3 รอบ 4 ไม่มีใครมากับผมเลย เดินคนเดียวก็ได้วะ แต่เสียวสันหลังวาบ.....
“...วุธ...ตื่นเถอะ ไปดูดาวกัน...” ผมวิ่งมาปลุกไอ้วุธเพื่อลงไปดูดาวที่เริ่มตกลงมาแล้ว
“...อืม...” วุธงัวเงีย สะบัดหน้าเบา ๆ
“...เดินไหวมั๊ย...” ผมเข้าไปประคอง จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ป่วยอะไรขนาดนั้น แต่ผมอยากให้มันเดินไวขึ้น พอถึงเสื่อที่พวกผมปูนั่งกัน อีพวกนั้นก็ขยับตูดแบ่งที่ให้ไอ้วุธ ผมนั่งลงพร้อมมัน
“...ยังปวดหัวอยู่เหรอ...” ผมเห็นมันเงียบไป
“...อืม...มึน ๆ ด้วย...” เสียงมันแห้งมาก ผมต้องรินน้ำให้มันกิน
“...ไม่สบายแล้วยังกินเหล้าอีก...” ผมบ่นเบา ๆ
“...กินนิดเดียวเองนะ...” มันเอาหัวมาพิงไหล่ผม อีพวกนั้นแอบมอง แต่พอผมกระแอมเบา ๆ มันก็หันกลับไปดูดาวต่อ
“...เห็นดาวตกหรือยัง...” วุธทำท่าเหมือนจะหลับอีก
“...ยังไม่เห็นซักดวง...” มันจะเห็นได้ไงล่ะ ก็พอผมมองหน้ามัน มันหลับตาอยู่อ่ะ
“...เข้าไปนอนต่อเถอะ...” ผมดันตัวมันออกจะให้มันกลับไปนอนในรถเหมือนเดิม
“...นอนตรงนี้แหละ...” วุธขยับตัวลงไปนอนตักผมเฉยเลย ไม่เป็นไร มืดขนาดนี้คงไม่มีใครว่าอะไรหรอก ผมคิดในใจ ทีตอนนี้ไม่เห็นมันจะหลับตาเลย มองหน้าผมที มองฟ้าที ตาแป๋วเชียว
.....ดึกมากแล้วทุกคนเริ่มง่วง ฝนดาวตกก็ไม่เห็นเป็นอย่างที่เคยได้ยินมาเลย ตกจริง แต่ไม่ได้เยอะอย่างนั้น สวยดีเหมือนกัน.....ตอนนี้อีพวกนั้นกำลังเลื้อย นอนพาดกันไปเกะกะ รุ่นพี่ผู้ชายก็ตั้งวงกินเหล้า พวกผู้หญิงก็ขึ้นคอนโดไปอาบน้ำอาบท่า จะนอนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้.....
“...พวกมึงจะเอาไงวะ...” ผมถามเพื่อน ๆ
“...ก็นอนนี่แหละ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว...”
“...นอนตากน้ำค้างเนี่ยนะ...” ผมเสียงดัง
“...เข้าไปนอนข้างในก็ได้...” อีนันลุกเก็บข้าวของ
“...อัดกันเป็นปลากระป๋องเลยมึง...” อีเต็มบ่นบ้าง ผมมองหน้าวุธอย่างช่างใจ
“...กูจะกลับกรุงเทพฯ มึงจะไปกับกูมั๊ย...” ทุกคนหันมามองหน้าผม
“...มึงจะขับรถไหวเหรอ...”
“...ไหวดิ...2-3 ชั่วโมงเอง...”
“...นั่นแหละ 2-3 ชั่วโมงก็เช้าแล้ว รอไปพร้อมกันดิ...”
“...กูว่าตอนนั้นแหละที่กูจะขับไม่ไหว...” ผมเถียงกับพวกมันอยู่นาน ยืนยันความคิดตัวเองจะกลับกรุงเทพฯ ให้ได้ อีกุ้งกับพี่ก้องต้องเข้ามาช่วยพูด แต่สรุปแล้ว ผมก็จะกลับ และให้อีพวกนั้นกับรถพี่ก้องพรุ่งนี้เช้า
“...ขับดี ๆ นะมึง...ถ้าไม่ไหวก็แวะปั๊มนะโว้ย...” อีพวกนั้นเป็นห่วง
“...เออ...พวกมึงก็อย่าแดกเหล้าให้มากนะ...พรุ่งนี้เจอกัน...” ผมรู้ว่างานนี้คงไม่ได้นอนกันแน่ ๆ ขนาดมันเดินมาส่งผม มันยังถือแก้วเหล้ามาส่งเลย
“...ทำไมไม่นอนที่นั่นล่ะ...” วุธถาม
“...ไม่เอาอ่ะ...อึดอัด...”
“...เอ้นอนก่อนมั๊ย เดี๋ยวเราขับให้...”
“...ตัวเองน่ะ เอาให้รอดก่อนเหอะ...” ผมหัวเราะเบา ๆ
“...ตอนดาวตกอธิษฐานอะไรอ่ะ...”
“...ไม่บอก...”
“...สงสัยจะเป็นเรื่องเดียวกัน...” มันแหย่ผม ก็ตอนแรก ๆ พอดาวตกที พวกผมก็เงียบกันที เป็นอันรู้กันว่ากำลังอธิษฐานอยู่
“...เป็นอะไรหรือเปล่าเอ้...” วุธพูดหน้าตาตื่นเมื่อเห็นผมหักหลบกระทันหันจนเกือบตกข้างทาง
“...เปล่า...ไม่มีอะไร” ผมพูดเสียงสั่น ๆ
“...แล้วทำไม...” มันคงเห็นหน้าผมเครียดเลยไม่ถามต่อ
“...เมื่อกี้เห็นอะไรปะ...” ซักพักผมก็ถามไอ้วุธ ตอนนี้ผมตามจ่อตูดรถอีกคันอยู่ในตัวเมืองอีกจังหวัด ไม่ยอมแซงเลย ท่าทางเค้าจะเข้ากรุงเทพเหมือนกัน
“...ไม่เห็นมีอะไรนี่...”
“...เราเห็นคนใส่ชุดสีขาวนั่งอยู่บนต้นไม้...”
“...ตาฝาดมั้ง...”
“...สองต้นติดกันเนี่ยนะ...” วุธเงียบ
“...แวะปั๊มก่อนมั๊ย...” วุธถาม
“...อืม แวะนอนปั๊มก่อนก็ได้ ไม่อยากขับต่อแล้วอ่ะ รอเช้าก่อนดีกว่า...” จะให้ย้อนกลับไปหาเพื่อนก็คงไม่ไหว ผมมาไกลเกินไปแล้ว
“...เอ้...เราว่าไม่ต้องนอนปั๊มหรอก...แวะตรงนั้นดิ...” ไอ้วุธชี้ป้ายโรงแรมเหมือนจะเป็นม่านรูดข้างทาง
“...จะบ้าเหรอ...” ผมยังมีอารมณ์อาย
“...นอนแป๊บเดียว ไม่เห็นเป็นไรเลย...” คิดไปคิดมา นี่มันต่างจังหวัดนี่หว่า ไม่มีใครรู้จักเรา
“...เออ...ก็ได้...” ผมขับเข้าไปในช่องตามที่เด็กรูดม่านรอไว้ ตกลงราคากัน จ่ายเงินเรียบร้อย เด็กคนนั้นมองพวกผมแปลก ๆ อายเหมือนกันนะโว้ย ผู้ชายกับผู้ชายเข้าม่านรูดเนี่ย
“...คล่องจังนะ...” วุธมันแอบกัดผม
“...เมื่อก่อนเคยเข้าบ่อย ๆ”
“...หา...” มันตกใจ
“...เคยโดดเรียนไปเล่นไพ่ในม่านรูดแถว ๆ โรงเรียนอ่ะ...”
“...โล่งอก นึกว่าไปทำอะไร...” มันเดินพาผมเข้าไปในห้อง โอเคนะ สภาพห้องสมราคา
“...เราอาบน้ำก่อนนะ...” ผมแบกกระเป๋าเข้าห้องน้ำไปด้วย พอออกมาไอ้วุธก็อยู่ในชุดผ้าขนหนูตัวเดียวรออยู่แล้ว ผมหลบสายตามัน รู้สึกเขิน ๆ เหมือนกันที่ต้องมาอยู่ในที่ที่คนส่วนใหญ่เค้าเข้ามาทำอะไรกัน
.....และคืนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นฝ่ายนอนกอดมันจนหลับไปด้วยความเพลีย ภาพคนชุดขาวบนต้นไม้ทำให้ผมกลัวมาก ไอ้วุธก็นอนยิ้ม ดีนะที่มันไม่ฉวยโอกาสทำอะไรผม แต่ก็เสียดายเหมือนกันนะ.....มันน่าจะกล้ากว่านี้หน่อย.....

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อิอิ ของแถมยามดึกเหรอคุณ nartch  ชอบๆๆๆ

พออ่านถึงฝนดาวตกตอนนั้นปี พ.ศ. อะไรจำไม่ได้แล้วแต่ผมยังเรียนอยู่ม.6มั้ง

จำได้ว่าข่าวดังมากๆ ตอนนั้นเลยเหมารถตู้ไปดูที่เขาใหญ่กัน คนเยอะมากๆๆๆต้อง

ลงมาดูที่ตีนเขาขึ้นไปไม่ได้ คนเยอะจัด เห็นไม่เยอะน่ะ แต่ประทับใจมากๆเลย คิดแล้วนึกถึงความหลัง

แต่ดันมาอ่านเจอตอนท้ายๆที่เห็น.....นั้นน่ะ นี้ดึกแล้วด้วย อ่านแล้วขนลุกเลย  o21

JaeTae

  • บุคคลทั่วไป


    หนุกอ่า เอาอีกๆ ไม่เอาตอนมีผีแล้วน้า  :o

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

เย้ๆ ๆ  กลับมาคืนดีกันแร้ว

จะเป็นไงต่อไปน๊า......

รออ่านต่อไปครับ

 o15

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
ขนลุกเลยอ่ะ คนชุดขาว อู๊ยยย

เอามาลงอีกเลยได้ป่าวอ่ะคับ อิอิ อยากอ่านต่อแร้นนน :m1:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
13 Sometimes love just ain’t enough
.....แม้ว่าได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ผมกลับสดชื่น รู้สึกอบอุ่น ตอนที่ตื่นขึ้นมาเห็นหน้ามันห่างจากหน้าผมแค่คืบ แขนของมันวางพาดอยู่บนเอวผม หวัดเหรอ ไม่กลัวติดเลย ทั้ง ๆ ที่ผมเกลียดการเป็นหวัดมาก ปกติจะไม่ค่อยได้คลุกคลีกับคนที่เป็นหวัด เราต่างรู้ว่าหวัดติดกันได้ยังไง แต่ตอนนี้....กับวุธ.....ยอมครับ.....
.....ผมค่อย ๆ ลุก ไม่อยากให้มันตื่นด้วย อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเปลี่ยนแค่เสื้อตัวใหม่ที่แขวนไว้ในรถอย่างเดียว กางเกงใส่ตัวเดิม บรรยากาศในห้องมันมืดมาก ไฟมีจริงแต่มันเป็นไฟสีส้ม ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 6 โมงครึ่ง แต่ผมดันตื่นก่อน สักพักเสียงนาฬิกาดังขึ้น ไอ้วุธถึงได้งัวเงียตื่น มองรอบ ๆ ห้องและหยุดที่ผม.....
“...ทำไมไม่ปลุกอ่ะ...” เสียงมันยังอู้อี้อยู่
“...จะรีบตื่นทำไม...นอนต่อก็ได้ เดี๋ยวเราออกไปหาซื้ออะไรมาให้กิน...” ผมแพลนไว้ว่าจะออกจากโรงแรมนี้ตอนประมาณซัก 7 โมงกว่า ถึงมหาลัยก็น่าจะ เกือบ ๆ 9 โมง เข้าห้องสายนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก
“...ไม่เอา...ไปด้วย...” วุธลงจากเตียงด้วยความรีบร้อน ทำให้ผ้าห่มพันขา เซถลามาทางผม ทิ้งน้ำหนักลงมาเต็ม ๆ ดีนะว่าผมรับมันไว้ทัน ไม่งั้นหน้าทิ่มหมดหล่อแน่ ๆ
“...โอ๊ย...หนัก...” ผมกอดมันไว้ วุธมองผมตาเยิ้มอีกแล้ว “...มองอะไร รีบไปอาบน้ำเลย...” ผมพูดแก้เขิน มันก้มลงแกะผ้าที่พันขาออก ทันทีที่มันพร้อมจะออกจากวงแขนของผม มันดันฉวยโอกาสตอนผมเผลอจุ๊บแก้มผมไปหนึ่งที
“...Morning Kiss...” มันหัวเราะแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปเลย
“...ไอ้บ้า...ฟันก็ยังไม่ได้แปรง...อุบาทว์ว่ะ...” ผมด่ามัน แต่ก็อดยิ้มไม่ได้
.....เราตัดสินใจเก็บข้าวของ Check out ขับรถออกมาเลย ไปหาของกินเอาข้างหน้า เมื่อคืนเห็นมีตลาดสดอยู่ไม่ไกลนัก.....คนพลุกพล่าน ยัดดีที่มีที่จอดรถข้าง ๆ ตลาด ผมกับวุธลงมาเดินหาของกินกัน ไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างต่างกับที่กรุงเทพฯ ผู้คนไม่ต้องรีบร้อน รถไม่ติด หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน.....ผมเลือกร้านที่นั่งกินได้ร้านหนึ่ง สั่งอาหารมากินกันง่าย ๆ ระหว่างรอ เห็นพระเดินบิณฑบาตอยู่หน้าร้าน.....
“...ใส่บาตรกันมั๊ย...” ผมชวน
“...เอาดิ ไม่ได้ทำบุญมานานแล้ว...”
“...พี่...เดี๋ยวมานะ...” ผมบอกพี่คนขาย เค้าพยักหน้างง ๆ เดินออกมานอกร้านนิดเดียวก็เจอร้านข้าวแกง มีร้านขนมอยู่ข้าง ๆ ซักพักก็ได้กับข้าว ขนม น้ำ เดินไปอีกนิดซื้อดอกไม้มา 2 กำ ซองไม่ได้เตรียมมา ไม่เป็นไรมั้ง
“...นิมนต์ครับ...” พระสงฆ์เดินผ่านมาพอดี ผมเอาข้าวใส่บาตร ไอ้วุธเอากับข้าวใส่ตาม ผมมองมัน เฮ้ย ผมคิดว่าเราต่างคนต่างใส่ ก็ซื้อมาสองชุดนี่หว่า มันเก้ ๆ กัง ๆ ผมเชื่อแล้วว่ามันไม่ได้ใส่บาตรมานาน
“...ทำบุญด้วยกันไง...ชาติหน้าจะได้เจอกันอีก...” มันอ่านสายตาผมออก
“...เออ ๆ...” แค่ผู้ชายกับผู้ชายมายืนใส่บาตรด้วยกันข้างถนนเนี่ยกูก็เขินพอแล้ว ยังมาทำซึ้งอีก พอใส่บาตรพระรูปที่สองเสร็จ ผมก็เดินไปร้านเดิม ซื้อแบบเดิมเพิ่มอีก
“...ทำไม...” มันมองถุงในมือผม
“...แม่บอกว่าให้ใส่บาตรเป็นเลขคี่ 1-3-5-7-9...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...”
“...เหรอ...” มันไม่ถามต่อ หันไปมองพระที่กำลังจะเดินมาทางนี้
.....หลังจากที่เรากินข้าวเช้ากันเสร็จ ขับรถมาได้ไม่ไกล ผมขอแวะปั๊ม ระหว่างที่เรากรวดน้ำกันบนโต๊ะที่เค้าจัดไว้ให้พักผ่อนหน้าห้องน้ำ ไอ้วุธมันก็มองหน้าผมไม่วางตา เล่นเอาผมพูดผิด ๆ ถูก ๆ แต่ไม่ก็ลืมอุทิศส่วนกุศลให้คนชุดขาวเมื่อคืน....ไม่ได้อยากจะเป็นนางเอก เป็นคนดีอะไรขนาดนั้นนะครับ ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่คนไทยพุทธควรจะหาโอกาสได้ทำบุญกันนะครับ.....ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม ต่างกันตรงที่แต่ก่อนแม่อยู่ เราจะทำกับข้าวใส่บาตรเอง แต่ตอนนี้ผมขี่รถไปตลาดตอนเช้า ๆ ซื้อข้าวมันไก่บ้าง หมูย่างบ้าง ใช้เวลาใส่บาตรแค่แป๊บเดียวเอง.....
.....ในที่สุดก็ถึงมหาวิทยาลัยโดยสวัสดิภาพ ผมให้วุธเอารถผมไปเรียนด้วย ตอนแรกมันไม่ยอม แต่ผมพูดแกมบังคับ ขู่มันว่าไม่งั้นผมจะขับไปส่งมันที่มหาลัยแล้วค่อยกลับมาเรียนต่อ มันถึงยอม ผมไม่อยากให้มันลำบาก ที่ผ่านมามันก็ทำเพื่อผมมามากแล้ว อีกอย่างมหาลัยของมันไกลโคตร ประมาณว่าคนละฝั่งกรุงเทพฯ เลยครับ.....

.....เมื่อกี้ทำไมมันไม่ง่วงวะ พอเข้าห้องเรียน ฟังอาจารย์พูดอยู่หน้าห้องที่มีนักศึกษาอยู่ไม่ถึงครึ่ง ผมหาวแล้วหาวอีก ง่วงมาก ๆ ตาจะปิดอยู่แล้ว อีพวกเพื่อนผมก็ยังไม่มากันเลย ท่าทางจะโดดทั้งวันแน่ ๆ โชคดีที่อาจารย์ปล่อยเร็ว ไม่มีอารมณ์จะกินข้าวกลางวันแล้ว ผมเดินเอาหนังสือบังแสงแดดตอนเที่ยง ๆ ออกไปเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านที่หน้ามหาลัย.....
.....ฝ่ารถติดซักพักก็ถึงบ้าน แต่ เอ๊ะ...นั่นมันรถกูนี่หว่า จอดอยู่ใต้ต้นไม้ริมรั้วนอกบ้าน ผมลงจากแท็กซี่เดินเข้าไปดู เห็นไอ้วุธเปิดกระจกประมาณ 2 นิ้ว เอนเบาะนอนหลับอยู่ข้างใน ไม่อยากคิดว่ามันจะร้อนแค่ไหน แล้วคนข้างบ้านเดินผ่านไปผ่านมาจะคิดยังไงผมเคาะกระจกเบา ๆ เรียกมัน.....
“...วุธ...วุธ...” มันงัวเงีย ทันทีที่เห็นผม มันยิ้มอาย ๆ
“...ทำไมกลับมาเร็วจังอ่ะ...”
“...แล้วทำไมไม่ไปเรียน...หา...” ผมไม่ตอบ
“...ไปไม่ไหว...นี่ก็โดดเหมือนกันอ่ะดิ...” มันล้อผม
“...เออ...ง่วงชิบเป๋งเลย...เข้าบ้านเหอะ...” ผมเปิดประตูให้มันถอยรถเข้า ออกไปซื้อของกินไม่ไหวแล้ว ร้อนมาก ดีนะที่ในตุ้เย็นมีของสดเหลืออยู่ เราทำอะไรง่าย ๆ กินกัน แล้วก็นอนแผ่อยู่ในห้องรับแขกนั่นแหละ
.....เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราสองคนสนิทกันมากขึ้น บ้านผมก็เหมือนกับบ้านมัน ตอนนี้วุธจะเข้าจะออกเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดเวลา ผมไว้ใจถึงขนาดให้กุญแจอีกดอกเพื่อทีมันมันจะได้เข้ามารอผมข้างในบ้าน เพราะหลายครั้งที่มันเลิกเรียนก่อนผมและต้องนั่งรอในรถ สงสารมันมาก อีกอย่างผมมั่นใจว่ามันเป็นคนดี เหมือนมันเป็นสมาชิกในบ้านคนนึง ทรัพย์สมบัติ ของมีค่าในบ้านผมก็ไม่มีอะไรมากมาย แม่หอบขึ้นไปไว้เหนือหมดแล้ว.....
“...เรื่องใหญ่โว้ย...” อีเต็มวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาที่โต๊ะกินข้าวกลางวันระหว่างพักเที่ยงของการสอบปลายภาคเรียนที่ 2 อีกไม่นานผมก็ได้เป็นรุ่นพี่แล้ว
“...อะไรของมึง...” อีนันขมวดคิ้ว มันซีเรียสอยู่คนเดียวในช่วงเวลาสอบ ทั้ง ๆ ที่มันเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม
“...อีแอ๊บ...” มันหยุดพูด แล้วหายใจเข้าลึก ๆ “...อีแอ๊บ...มันจะลาออก...”
“...หา...” พวกผมตกใจ
“...แล้วมันจะไปเรียนไหนวะ...”
“...มันไม่บอกใครเลยว่ะ...แต่กูว่ามันต้องไปเมืองนอกแน่ ๆ เฮ้อ...เสียเวลาเรียนมาตั้งปีนึงเต็ม ๆ”
“...นี่ก็ได้ข่าวว่าโมทย์มันเอ็นท์ใหม่ ท่าทางจะติดด้วย...” อีนันพูดบ้าง ตอนแรกมันก็กะจะลองสอบเอ็นทรานซ์อีกที พวกผมก็เห็นด้วย ถ้าเพื่อนจะไปได้ดี แต่สุดท้ายมันก็ไม่ยอมไป
“...อีแอ๊บไปน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่โมทย์ของกู...ฮือ ๆ อย่าสอบติดเล้ย สาธุ...” อีเต็มแช่ง
“...อีห่า...ถึงเค้าอยู่เค้าก็ไม่เอามึงหรอก...” อีกุ้งเบรค
“...อี...............”
“...พอ ๆ อีพวกนี้ แดกข้าวกะลาเดียวกันแล้วยังจะกัดกันอยู่นั่นแหละ...” ผมเคาะโต๊ะเบา ๆ
“...กูไม่ใช่หมา...” อีสองคนนั่นพูดพร้อมกันได้
“...รีบแดก...รีบอ่านหนังสือต่อเหอะ...” อีนันเร่ง
.....ช่วงสอบเป็นช่วงที่ทั้งผมและวุธต่างต้องให้เวลากับการเรียนอย่างเต็มที่ เนื่องจากพื้นฐานของพวกเราไม่ได้ดีอย่างเด็กสายสามัญ....เราสองคนเจอกันไม่บ่อยนัก วุธมีรายงานต้องทำเพื่อเก็บคะแนน ส่วนผมมีติวกับเพื่อน ผมเน้นเรื่องภาษา อีกุ้งเก่งบัญชี อีนันเรียนม. ปลาย ติวเลขกับพวกวิชาสถิติ อีเต็มความจำมันดีมาก มันจะคอยทักท้วงเวลาพวกเราลืมพูดถึงเรื่องที่อาจารย์เก็งข้อสอบให้.....
.....ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเป็นเด็กดีได้ขนาดนี้ วันเสาร์อาทิตย์ วุธมาขลุกอยู่บ้านผมทั้งวันตามปกติ เรานั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือ ทำแบบทดสอบ ช่วยกันติว แม้ว่าจะเรียนกันคนละสาย แต่บางอย่างเราก็ช่วยกันได้ ผลัดกันนอนหนุนตัก อ่านหนังสือ .....หิวปุ๊บ เราก็ช่วยกันทำกับข้าวบ้าง ขี่รถไปซื้อก๋วยเตี๋ยวบ้าง อ่านหนังสือเมื่อย ๆ เราก็ผลัดกันนวด พักดูหนังดูละคร ดูทไวไลท์ โชว์ตอนเย็น ๆ ขี่รถเล่นเป็นการพักผ่อน รับลมเย็น ๆ บ้าง อุดอู้อยู่ในบ้านมาทั้งวัน.....
“...เอ้...รู้ปะ เราได้รับเลือกให้เป็นพี่ว๊ากด้วยนะ...” วุธพูดขณะนอนหนุนตักผมอ่านหนังสือสอบ
“...แล้วน้องมันจะกลัวเหรอ...” ผมยิ้ม
“...โห...เดี๋ยวทำให้ดู...” มันลุกขึ้นทำท่าขึงขัง พูดเสียงดัง เป็นอย่างที่ผมเคยเห็นมาตอนรับน้องเลย ถ้าผมไม่รู้จักมันมาก่อน ผมก็ว่ามันดูโหด ๆ อยู่นะ
“...พอ ๆ กลัวแล้ว...” ผมดึงมือวุธให้ลงมานั่งข้าง ๆ กลัวข้างบ้านแตกตื่นเพราะกับเสียงของมัน
“...นี่ยังน้อยไปนะ ตอนเราโดนรับอ่ะ ยิ่งกว่านี้อีก...”
“...กลุ่มเราก็ได้รับมอบหมายให้เป็นคนหากิจกรรม หาเกม คอยปลอบน้องเวลาว๊ากเสร็จ...” ผมเล่าถึงงานในมหาลัยตัวเองบ้าง เราเงียบไปทั้งคู่ นึกได้ว่า ต่อไปเราต้องไม่มีเวลาให้กันแน่ ๆ
“...ปิดเทอมไปเที่ยวไหนปะ...” วุธทำลายความเงียบ
“...ไม่อ่ะ...มีเรียนซัมเมอร์...”
“...กะจะจบ 3 ปีครึ่งเลยเหรอ...” วุธแซว ผมได้แต่ยิ้ม จริง ๆ แล้วผมต้องไปเตรียมการรับน้องด้วย เรื่องเรียนซัมเมอร์เป็นแค่ข้ออ้างในการออกนอกบ้านของทุกคน และไม่ต้องกลับบ้านต่างจังหวัดของอีนันด้วย.....ตารางเรียนที่เราจัดไว้ก็เรียนแค่ตอนเช้า ส่วนตอนบ่ายก็ว่างกันแล้ว.....ผมน่ะไม่ได้อยากออกจากบ้านทุกวันขนาดนั้นหรอก เหนื่อยจะตาย แต่ภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากรุ่นพี่ค้ำคอผมอยู่ทำให้ปฏิเสธคำชวนของเพื่อน ๆ ไม่ได้
.....และแล้วผลการสอบก็ประกาศอย่างเป็นทางการ คุ้มค่ากับที่อดหลับอดนอนอ่านหนังสือเป็นวรรคเป็นเวร ได้ A ตั้งหลายตัว เกรดเฉลี่ยอยู่ในขั้นดีทั้งกลุ่ม ลบคำสบประมาทที่เคยได้ยินลอย ๆ มาจากกลุ่มไฮโซของอีแอ๊บ.....
.....แต่ช่างเถอะ ต่อไปนี้คงไม่ได้ยินคำกระแนะกระแหน คำด่าทีเล่นทีจริงจากอีแอ็บอีกแล้ว เพราะบนบอร์ดคณะตรงหน้าผม ไม่มีชื่อมัน แสดงว่าเรื่องที่มันลาออกเป็นเรื่องจริง และที่น่าเสียดาย เอ๊ะ จะเสียดายทำไมวะ ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย.....ชื่อของโมทย์ก็ไม่ปรากฏบนบอร์ดเช่นกัน หมายความว่า โมทย์เอ็นท์ติดมหาลัยรัฐซักแห่ง และผมก็รู้ทีหลังว่า เป็นที่เดียวกับไอ้โย แต่คนละคณะ.....ขอให้ไปได้ดีด้วยกันทั้งสองคนเลยละกันนะ ผมอวยพรในใจ.....
“...ฮัลโหล...เอ้...” วุธโทรมาเวลาเดิม
“...คิดถึงจัง...” ผมหยอดคำหวาน ทันทีที่ได้ยินเสียงมัน
“...คิดถึงเหมือนกัน...พรุ่งนี้ไปหานะ...”
“...พรุ่งนี้เรากลับดึกอ่ะ...” ผมพูดหลังจากอึ้งไป
“...งั้นมะรืนนี้ก็ได้...” วุธพยายามทำเสียงร่าเริง
“...อืม...แต่ไม่รู้ว่างานจะเสร็จหรือเปล่านะ...” ผมตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“...งานอะไรเยอะแยะวะ...” ท่าทางมันจะหงุดหงิด
“...ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละ ยุ่งมาก ๆ ตอนนี้พวกเด็กปี 1 ที่เข้าตอนซัมเมอร์เริ่มโดนรับน้องแล้ว ต้องดูแลดี ๆ หน่อย เหนื่อยจะตาย เข้าห้องประชุมทุกเย็นเลย นี่ยังเครียดเรื่องเงินที่จะต้องเตรียมไปรับน้องต่างจังหวัดอีก...” ผมเผลอบ่นให้มันฟัง
.....ถ้าใครเคยเข้ากิจกรรมรับน้องตอนที่เราเป็นรุ่นพี่จะรู้ว่ามันวุ่นวายขนาดไหน มากคนก็มากความ แล้วยิ่งเพื่อนของผมแต่ละคนยอมใครที่ไหน.....ส่วนไอ้วุธระหว่างปิดเทอมนี่มันก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ช่วยงานที่ร้าน บางวันก็มานั่ง ๆ นอน ๆ ในบ้านผมขณะไม่มีคนอยู่ มันบอกว่ามาเฝ้าบ้านให้ผม.....ไม่อยากจะนับเป็นวันที่ผมกับวุธไม่เจอกัน ไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว....อย่างดีที่สุดคือเราได้คุยกันทางโทรศัพท์ทุกวัน เราไว้ใจกัน และที่สำคัญ ผมยังเผื่อใจไว้อีก 20% คิดซะว่า เวลาจะทำให้เราเห็นว่าเค้าจริงใจกับเราแค่ไหน
.....ถ้าวุธอยากไปจากผมด้วยเหตุผลเหมือนอย่างที่เพื่อน ๆ เคยเตือนเรื่องผมไม่มีเวลาให้เค้า ผมจะตอบกลับอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ผมรู้ตัวว่าผมทำอะไร ผมไม่ได้โกหกมัน ผมไม่ได้มีใครใหม่ ผมยังรักมันอยู่ แต่เราต้องมีเวลาส่วนตัวกันบ้าง.....เรื่องนี้วุธมันเข้าใจ มันรู้ว่าผมเป็นคนที่อาจจะให้ได้ทุกอย่างที่ผมมี แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่ค่อยได้ให้ใครคือเวลา ผมหวงเวลาส่วนตัวมาก และวุธก็รู้ว่าเวลาพักผ่อนเป็นเวลาที่มีค่ามากสำหรับผม ผมเคยคุยกับวุธเรื่องนี้ในบรรยากาศที่ค่อนข้างซีเรียส.....เราสองคนดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ผมคิดว่าผมเป็นผู้ใหญ่มากว่ามันนะ เพราะผมมีเรื่องให้ต้องรับผิดชอบมากกว่า.....
“...นี่เหรอ...งานเยอะ...” วุธเดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะขณะที่ผมกำลังหัวเราะคิกคักกับรุ่นน้องที่โดนพวกผมแกล้งให้ทำท่าประหลาดอยู่ตรงหน้า ผมชะงัก เพื่อนผมเงียบกริบ น้องปี 1 ฉวยโอกาสหยุดเต้นแล้วเดินไปมองห่าง ๆ
“...มาได้ไงอ่ะ...” ผมพึมพำเบา ๆ “...มานานยัง...” ผมยิ้มทำเป็นไม่สนใจหน้าตาที่บึ้งตึงของมัน เดินนำมันออกมาจากซุ้มเพื่อไม่ให้คนมองมาก
“...นานแล้ว นานจนเห็นว่างานของเอ้ยุ่งแค่ไหน...” มันประชด ผมพยายามข่มอารมณ์บ้าง
“...วันนี้ไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่...” ผมแก้ตัว ก็จริงนี่ ตอนนี้อยุ่ในช่วงที่ให้น้องขอลายเซ็นต์รุ่นพี่ มันก็ต้องมีแกล้งกันนิดหน่อย เพื่อให้น้องจำชื่อรุ่นพี่ได้อ่ะ
“...ยุ่งสิ ต้องคอยเทคแคร์รุ่นน้องผู้ชายหน้าตาดี ๆ นี่...”
“...เป็นอะไรเนี่ย...วุธ...” ผมชักเริ่มโมโหแล้ว
“...ทำไมต้องทำขนาดนั้น...” มันพูดเสียงเข้ม
“...ทำอะไร...” ผมจ้องหน้ามัน
“...เนคไทของรุ่นน้องน่ะ ให้คนอื่นผูกให้ หรือไม่ก็เอามาผูกที่คอตัวเองก็ได้...รู้มั๊ยว่าคนที่เห็นเค้าจะคิดยังไง...” ผมเงียบ คิดทบทวนว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ตายแล้ว นี่แสดงว่ามันมานานแล้วสิ และคงแอบมองผมอยู่ด้วย ก็เมื่อสักพัก มีรุ่นน้องที่โดนรุ่นพี่จากโต๊ะอื่นสั่งให้ถอดเนคไทเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการแกล้ง พอผ่านมาถึงโต๊ะผม พวกเราก็ให้ผูกเหมือนเดิม ไม่อย่างงั้นถ้าพี่ว๊ากมาเห็นจะโดนทำโทษ พอดีมีรุ่นน้องหลายคนผูกเองไม่เป็น พวกเราก็ช่วยกันผูกให้ มันก็ต้องมีบ้างที่พอสวมให้น้องเค้าแล้วก็ต้องรูดให้ติดที่ปกเสื้อ จัดให้เข้าที่เข้าทาง มันไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย
“...อย่ามาเวอร์...เราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะ ส่วนใครจะมองยังไงก็เรื่องของเค้าดิ...ไม่มีใครสนใจหรอก...” ผมถียง
“...เหรอ...ไม่มีใครสนใจใครเหรอ...แล้วที่แกล้งรุ่นน้องให้มาคุกเข่าขอความรัก กอดรัดฟัดเหวี่ยงรุ่นพี่เนี่ยไม่มีคนมอง ไม่มีคนสนใจเลยเนอะ...ที่มหาลัยเราไม่เห็นมีแบบนี้เลย...” ชิบหายแล้ว มันเห็นตอนนั้นแน่ ๆ รุ่นพี่ปี 3 สั่งให้มาขอความรักพวกผม มีถึงขั้นหอมแก้มพวกผมใครก็ได้คนนึง แล้วเค้าจะเซ็นชื่อให้ เราก็สงสารน้องอ่ะนะ จริง ๆ แล้วชอบด้วย สนุกดี แต่ก็ไม่ได้คิดอกุศลนะครับ.....เป้าหมายน่ะเหรอ ผมคนเดียวเลย อีเต็มก็ระริกระรี้เกินไป เด็กไม่กล้าหอม....อีนันก็หน้าบึ้ง กลบเกลื่อนความอาย อีนี่ยังไม่เคยมีแฟน ค่อนข้างหัวโบราณ.....อีกุ้งมีพี่ก้องนั่งขนาบอยู่ข้าง ๆ มันแอบมาบ่นทีหลังว่าเสียดายจริง ๆ....ส่วนใหญ่จะใช้วิธีให้จมูกเฉียดแก้มผมเฉย ๆ ไม่โดนกันจริง ๆ หรอก แต่ก็มีบ้างไอ้พวกที่ทโมน ๆ ทั้งหลายมันหอมแก้มผมไปเต็ม ๆ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเพื่อน ๆ ในซุ้ม แต่ก็ยืนยันคำเดิมนะครับ ว่าไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นกับรุ่นน้องทุกคน แม้ว่าจะมีหลายคนที่หน้าตาดีเข้าตากรรมการ.....
“...จะให้มันเหมือนกันทุกมหาลัยได้ไงอ่ะ...ถ้าไม่ไว้ใจกันก็มานั่งเฝ้าทุกวันเลยก็ได้นะ...” ผมไม่ยอมแพ้ พูดจบผมก็เดินหนีมัน
“...เดี๋ยว...วันนี้จะกลับกี่โมง...” มันดึงมือผมไว้
“...ไม่รู้...” ผมตอบเสียงกระด้าง
“...เรารอนะ...” มันเดินตามผมมาที่ซุ้ม ตอนนี้มีคนเหลือไม่มากแล้ว เพราะต้องพารุ่นน้องไปที่สนาม
“...เออ...” ผมไม่สนใจมัน ยังนึกเคือง ๆ มันอยู่
.....และนี่มันก็ได้เห็นแล้วว่าหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบมันเยอะขนาดไหน รุ่นน้องที่เข้าเรียนตอนซัมเมอร์มีประมาณ 50 กว่าคน ถือว่าเป็นการวอร์มเครื่องก่อนรับน้องจริง ๆ ตอนเปิดเทอมที่จะถึงในเร็ว ๆ นี้.....การที่ต้องควบคุมคนหมู่มากให้ทำอะไรแบบเดียวกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เรากำลังลองผิดลองถูกกันอยู่ กลุ่มผมมีหน้าที่หาเรื่อง หาเกมส์ หาท่าเต้นพิสดารมาสอนน้อง และรุ่นพี่ทุกคน ประมาณว่า ถ้าจะให้รุ่นน้องทำ รุ่นพี่ต้องทำได้ด้วย....ไม่อยากบอกเลยว่า ขณะที่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้วุธ แต่คนนึงที่ผมได้เจอบ่อยมากกว่าดันเป็นไอ้โยซะนี่ ก็เรามีเรื่องให้ต้องคุยกันเยอะ ต้องนัดเจอกันเพื่อให้มันสอนท่าเต้น สอนร้องเพลงตลก ๆ แอบทะลึ่งสองแง่สองง่าม มันลงทุนถึงขนาดนั่งรถมาหาผมที่มหาลัยเลยนะครับ ปีนี้มันก็จะขึ้นปี 3 แล้ว (มันสอบเทียบได้ และเข้ามหาลัยก่อนผมไงครับ) งานที่มหาลัยของไอ้โยก็ไม่ได้มีอะไรมากแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้องปี 2 มันจึงมีเวลาว่างมาหาผมบ่อยขึ้น และโชคดีที่วันนี้มันไม่มา ไม่งั้นต้องเจอกับไอ้วุธแน่ ๆ ถึงปากมันจะบอกว่าไม่หึงไอ้โย แต่ผมก็ไว้ใจไม่ได้หรอก พักหลังมานี่มันอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เอาใจไม่ถูกเลย.....
.....วันนั้นผมขอตัวกลับเร็วกว่าปกติ เพราะเกรงใจไอ้วุธที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอที่หลังห้องประชุม มองผมเป็นระยะ.....ตลอดทางกลับบ้าน เราไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก ต่างคนต่างไว้ฟอร์ม ถามคำตอบคำ ขนาดตอนกินข้าวยังเงียบเลยครับ บรรยากาศน่าอึดอัดที่สุด จนเกือบ ๆ สามทุ่ม ผมขี่รถมอไซค์ออกไปส่งมันที่หน้าปากซอย เพราะตอนนี้มันไม่มีรถใช้ ก็พี่มันที่เพิ่งสึกออกมาเมื่อเดือนก่อนเอารถคืนไปแล้ว นี่มันกำลังอ้อนแม่ขอรถคันใหม่อยู่.....และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่มันไม่ได้มาหาผมบ่อยเหมือนเดิม และอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มันหงุดหงิดง่ายด้วยดีนะว่าช่วงนี้มันปิดเทอมอยู่ ไม่อยากคิดว่าถ้ามันต้องโหนรถเมล์ไปเรียนไกลขนาดนั้น มันจะมีสภาพยังไง.....

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ได้อ่านก่อนนอนมีความสุขและ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
เห้อ เอ้สวย ซะป่านนั้น วุธ ถึงป่านนี้

รอต่ออีกนะคับ

เลิฟๆ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

น่ารักกันจิง ๆ คู่นี่

แล้วจะเป็นไงต่อไปหว่า

รออ่านต่อไปน๊า......

 o15

bigynew

  • บุคคลทั่วไป
วู้ ๆ ๆ
ชอบจังคู่นี้ ยังไงก็มาต่อไวไวนะครับ
ติดตามอยู่อ่ะครับ อิอิ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
หวังว่าทั้งคู่คงจะร่วมกันผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้น้า   :m5:

ลุ้นต่อปายยยยยย  :m4:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะนะ เป็นใครเห็นแฟนทำงั้นก็คงหึงเป็นธรรมดา เข้าใจวุธอ่ะ แต่เอ้นี่ดิ พูดเหมือนไม่แคร์วุธเลย  :m19: :m19:
เอาใจช่วยทั้งคู่ให้สมหวังนะ  :m13:

papae

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจเอ้นะ  :m17:   สู้ต่อไป ขอให้สมหวังนะ

anston

  • บุคคลทั่วไป
 :m3:ชอบจังเยย..มีงอน..มีหวง..หึงด้วย.. :m3:
แต่ถ้ามากไปก็น่ารำคาญนะ..
แล้วมาต่ออีกน๊า.. :bye2:

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากๆ ค่ะ

ขอบคุณคนโพสต์มากๆ ด้วย ไม่อยากบอกว่าไม่ได้ตอบกลับนานมากเพราะไปเที่ยวสองอาทิตย์ เพิ่งกลับบ้าน แต่ขนาดไปเที่ยว ยังหาโอกาสไปเนตคาเฟหาอ่านเลย คิดดูละกันว่าติดเรื่องนี้ขนาดไหน

ชอบเรื่องนี้มากๆ ตอนนี้วุธน่ารักมาก

nartch

  • บุคคลทั่วไป
14 LOVE TAKES TIMES (PART I)

.....ไม่มีเวลา.....ไม่ใช่ข้ออ้างนะครับ.....มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมเรียนตอนเช้า ช่วงบ่ายรับน้อง พอปล่อยน้องกลับบ้าน รุ่นพี่ต้องเข้าห้องประชุมต่อ แวะกินข้าวกับเพื่อน ๆ กว่าจะถึงบ้านก็เกือบสามทุ่มทุกวัน.....วุธดูเหมือนจะเข้าใจความเป็นจริงที่เราต้องเจอ เราต่างไว้ใจกันและกัน โทรคุยกันบ้าง ลึก ๆ แล้วผมก็กลัวว่าจะประคับประคองความรักที่ผิดธรรมชาตินี้ไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง.....ผมพยายามทำทุกทางเพื่อจะชดเชยเวลาให้วุธหลังจากที่เรารับน้องรุ่นซัมเมอร์ไปได้ซักระยะ ตอนนี้เป็นช่วงพัก ของทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ให้ได้เตรียมการสอบกลางภาค แต่สำหรับรุ่นพี่ หลังสอบคราวนี้ รุ่นน้องภาคปกติก็จะเข้ามาสอบ ประกาศผลสอบ รายงานตัว ตรวจร่างกาย ปฐมนิเทศ และเปิดเทอม ตื่นเต้นมาก ผมคิดว่าผมพร้อมแล้วกับการเป็นรุ่นพี่ที่ดีต่อไป.....
“...วุธ...วันเสาร์นี้มานอนบ้านเรามั๊ย...” เป็นครั้งแรกที่ผมชวนมันนอนค้าง
“...หา...” วุธส่งเสียงดังด้วยความประหลาดใจ จนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“...จะมาปะ...” อายนะโว้ย คบกันมาตั้งนาน มีแต่มันที่ขอมานอนด้วย แต่ครั้งนี้ผมตั้งใจชวนมันเพื่อให้มันรู้ว่าผมยังเหมือนเดิม
“...ไปดิ...ไปตั้งแต่วันศุกร์เลยได้มะ...” เสียงวุธดีใจมาก ผมเงียบให้มันลุ้นนิดนึง
“...อืม...จะมาวันไหนก็ได้ เราว่างแล้ว...” ผมนั่งยิ้มอยู่คนเดียว บิดสายโทรศัพท์เกือบขาด ในหัวคิดว่าจะทำอะไรพิเศษตอบแทนความดีของมันบ้าง
“...กลับวันอาทิตย์เลยนะ...” ผมเงียบนานกว่าเดิม “...ว่าไง...” มันทวงคำตอบ
“...ตามใจ...”
“...งั้นเย็นวันศุกร์เราช่วยที่บ้านเก็บร้านก่อน แล้วมืด ๆ ไปหานะ...”
“...โอเค...”
“...ไม่ต้องรอกินข้าวนะ ถ้าหิวก็กินก่อนเลย...” มันยังมีแก่ใจเป็นห่วงผม
“...โอ๊ย ทุกวันก็กินตอนมืด ๆ อยู่แล้ว...”
.....ผมวางแผนจะลงมือทำกับข้าวให้มันกินด้วยตัวเอง ได้ยินมันบ่นว่าอยากกินหลายอย่างเลยครับ ผมเก็บรายละเอียดไว้ในหัว ประกาศลั่นซุ้มเย็นวันศุกร์ใครอย่าได้ชวนไปไหนเชียวนะ ผมไม่ไปหรอก เพื่อน ๆ ทุกคนรู้ว่าผมมีนัด เที่ยงปุ๊บกระเด้งกลับบ้านแน่นอน.....อยากให้ถึงวันศุกร์เร็ว ๆ จัง ผมนั่งคิดนอนคิด จะใส่ชุดอะไร จะจัดโต๊ะกินข้าวยังไง เพราะของที่มันอยากกินบางอย่างมันไปด้วยกันไม่ได้เลย.....
.....ตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ในที่สุดวันศุกร์ วันสุขก็มาถึง นี่คงเป็นข้อดีของการที่เราไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน ผมถึงขนาดฝากอีนันซื้อเทียนหอมไว้จุดในห้องนอน ย้ำพี่ที่ทำความสะอาดให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นลายการ์ตูนน่ารัก ๆ ที่ซื้อมาตั้งนานแล้วแต่ผมอายไม่เคยใช้ให้มันเห็น ลงทุนซื้อดอกไม้สดมาจัดเองทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน หมดไปหลายบาทเชียว แต่ไม่เป็นไรนาน ๆ ครั้ง.....เพื่อวุธ.....
.....กว่าจะทำกับข้าวทุกอย่างที่มันเปรย ๆ ว่าอยากกินเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็น ข้าวหุงรอไว้เต็มหม้อ เพราะผมกับมันเคยมีประวัติกินข้าวสองคน มื้อเดียวหมดหม้อมาแล้ว วันนี้ขอมีแอลกอฮอล์นิดหน่อยให้แก้มแดง ๆ ตาเยิ้ม ๆ แต่ยังสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมมีอะไรกับวุธเด็ดขาด.....ผมเช็คทุกอย่างจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไร อาหารเสร็จแล้ว โต๊ะสวยเชียว มีดอกไม้ในแจกันทั้งในห้องรับแขก ห้องกินข้าวข้าง ๆ ห้องครัว ปกติไม่ค่อยได้ใช้โต๊ะนี้เท่าไหร่ เพราะจะเอากับข้าวโปะราดลงไปบนข้าวแล้วเดินไปนั่งกินหน้าโทรทัศน์เป็นประจำ.....ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ขอขัดเนื้อขัดตัวหน่อย จะได้ลื่น ๆ เนียน ๆ เวลาวุธมันอยากจะลูบ ๆ คลำ ๆ โอ๊ย แค่คิดก็เขินแล้ว.....
.....ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านตัวเองแต่เสื้อผ้าหน้าผมนี่ สามารถออกไปเที่ยวกลางคืนได้เลย กะว่าอีกซักพักไอ้วุธมันคงจัดร้านเสร็จ จะโทรไปบอกว่าไม่ต้องหาซื้ออะไรมาให้อีก เพราะเท่าที่เตรียมไว้ให้นี่ก็ไม่รู้จะกินกันหมดหรือเปล่า.....น้องชายผมน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วง มันไม่เป็นก้างขวางคอแน่ ๆ เพราะตอนนี้มันมีแฟนแล้ว พอกินข้าวเสร็จ มันก็เข้าห้องโทรศัพท์ทั้งคืน ครั้งละนาน ๆ ผมไม่ว่าอะไร จะว่าได้ไงล่ะ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบเดียวกับมัน.....ขณะที่ผมกำลังแต่งตัว หมุนซ้าย หมุนขวา อยู่หน้ากระจก เสียงน้องหมาผมก็เห่าดังมาก ดังจนกลบเสียงเพลงที่ผมชอบเปิดค้างไว้เพื่อให้ได้ยินถึงในห้องน้ำ ซักพักตามมาด้วยเสียงร้อง ครางหงิง ๆ ด้วยความดีใจ ผมนึกในใจว่าไอ้วุธมาแล้วแน่ ๆ แต่ก่อนเวลามันมาจะต้องได้ยินเสียงท่อไอเสียดังไปเจ็ดแปดบ้าน นี่คงนั่งมอไซค์เข้ามาอ่ะดิ ทำไมมันเก็บร้านเสร็จเร็วจังวะ ผมคิดในใจ หรี่เสียงวิทยุแล้วเดินยิ้มลงไปข้างล่าง.....
“...พี่เอ้...” น้องชายคนเล็กถลาเข้ามากอดขาผมที่ยิ้นตะลึงอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย
“...อ้าว...ยืนงงอยู่นั่นแหละ มาช่วยขนของเข้าบ้านหน่อยสิลูก...” เสียงพ่อผมเรียกสติให้คืนมา
“...ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนอ่ะครับ...” ผมถามหลังจากที่ยกมือไหว้พ่อกับแม่ และญาติห่าง ๆ ผมอีก 3-4 คน
“...อ้าว...ไม่ได้บอกพี่เค้าเหรอ...” แม่หันไปถามน้องชายคนกลางของผม
“...ลืมครับ...” สั้น ๆ แต่เล่นเอาผมฉุนกึก
“...แล้วนี่จะไปไหนล่ะ...” แม่มองผมด้วยความสงสัย
“...เปล่า...ลองเสื้อผ้าเฉย ๆ ครับ...”
“...ดีแล้ว...นาน ๆ พ่อกับแม่จะลงมาซักที จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน....” ผมยืนตัวชา
“...เอ้...ทำอะไรเนี่ย...กินกันกี่คน...ไหนบอกว่าไม่รู้ไงว่าพ่อกับแม่จะมา...” พ่อเดินมาจากห้องครัว คงเห็นกับข้าวที่ผมเตรียมไว้ให้วุธ
“...ก็...ก็...ทำเก็บไว้อ่ะพ่อ...”
“...นี่เก็บไว้ได้สามวันเลยนะ...” แม่พูดเสริมหลังจากที่เดินเข้าไปดูในครัวบ้าง
“...หิวมั๊ย...ไปล้างไม้ล้างมือแล้วมากินข้าวกัน...” พ่อหันไปพูดกับญาติ ๆ
“...เอ้...หนูไปอุ่นกับข้าวหน่อยลูก...แม่ทำน้ำพริกอ่องมาฝาก...เดี๋ยวแม่เข้าไปช่วย...” ผมเหวอ อะไรกันเนี่ย ทำไมวุ่นวายไปหมด แล้วไอ้วุธมันจะมาได้ยังไงอ่ะ คนเต็มบ้านขนาดนี้
.....โอ๊ย...โทรเข้าบ้านไอ้วุธก็ไม่มีคนรับ ใช่สิ มันเก็บร้านอยู่ โทรศัพท์อยู่ในห้องมันนี่นา เพจบอกก็ได้วะ ผมฝากข้อความให้มันโทรกลับบ้านผมด่วน.....ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมวิ่งไปรับตัดหน้าน้องชายผมที่กำลังจะขยับตัวเพราะคิดว่าสายของมันแน่นอน...และก็ใช่จริง ๆ ด้วย ผมยืนกระสับกระส่าย ส่งสายตาเร่งให้มันวางสาย มันคงอึดอัดที่ผมยืนจ้องมันอยู่ ถึงได้วางหูกระแทกดังโครม ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่อยู่ด้วย ผมจะตบกบาลมันซักที.....
“...ฮัลโหล...” พอน้องผมวางหู โทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี
“...กำลังจะออกไปแล้ว...” วุธพูดสวนทันทีที่ได้ยินเสียงผม
“...วุธ...อย่าโกรธนะ...มาค้างวันหลังได้มั๊ย...ตอนนี้พ่อกับแม่เรากลับมาบ้านอ่ะ...” ผมกระซิบ
“...แล้วไง ไม่เห็นเป็นไรเลย...” มันพูดหลังจากเงียบไป
“...ญาติเต็มบ้านเลย...”
“...ก็ดีสิ...”
“...จะบ้าเหรอ...คนเค้ายิ่งสงสัยอยู่...” ผมพูดตามความจริง เวลาเจอหน้าญาติโกโหติกา ชอบมีคนถามว่าผมมีแฟนหรือยัง บางคนสนิทกันหน่อยถึงกับถามว่าจะมีแฟนเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
“...อายเหรอ...” ผมไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงของมัน
“...เออดิ...” ผมตอบโดยไม่คิดอะไร
“...แล้วพรุ่งนี้ล่ะ...” วุธถามเสียงเรียบ
“...เมื่อกี้ได้ยินพ่อบอกว่าจะพาเรากับน้องไปเยี่ยมญาติอ่ะ...”
“...เอางี้...เอ้บอกมาเลยดีกว่า ว่าจะเจอกันได้เมื่อไหร่...”
“...ยังไม่รู้เลย...รอให้พ่อกับแม่กลับไปก่อนดีกว่า...”
“...เมื่อไหร่ล่ะ...”
“...ไม่รู้...ใครจะกล้าถามล่ะ เค้าเพิ่งจะมาถึง...”
“...โอเค...แค่นี้นะ...”
“...เดี๋ยว...” ไม่ทันครับ ไอ้วุธวางหูไปซะแล้ว ท่าทางมันจะโกรธซะด้วยสิ แต่ผมก็ไม่ชอบเลยจริง ๆ นะไอ้คนวางหูใส่เนี่ย ยังพูดไม่เคลียร์เลย จะโทรกลับก็ไม่ได้ พ่อกับแม่รอกินข้าวอยู่ อีกซักพักค่อยโทรไปคุยกับมัน ง้อมันนิดนึงละกัน...
.....ผมขยับทำอะไรไม่ได้เลย กินข้าวเสร็จพ่อกับแม่ก็ลากผมไปพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบ คุยไปคุยมา ชักเริ่มวกเข้าเรื่องผมที่เริ่มยาวประบ่า เรื่องหน้าตาที่ผมดูแลเป็นอย่างดี จนดูเหมือนผมเจ้าสำอาง วิพากษ์วิจารณ์กับพวกญาติของผมกันเป็นเรื่องเป็นราว พวกเค้ากลัวว่าผมจะเป็นกะเทย พวกเค้าไม่อยากให้ผมเป็นเหมือนอาเล็ก.....ผมนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันถึงเรื่องอนาคตของผมด้วยความอึดอัด มีแม่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีความเห็นอะไร และยังมองด้วยสายตาที่เข้าใจความรู้สึกของผม ในที่สุดแม่ก็ให้ผมไปล้างจานชามที่คาไว้ในห้องครัว ปกติผมต้องมีอาการอิดออดบ้าง แต่เวลานั้น ไม่เลยครับ เหมือนหลุดจากที่ที่ไม่มีอากาศหายใจ ผมแอบแวบไปบนห้องกะจะโทรศัพท์หาวุธ แต่พอยกหูขึ้นมา น้องผมดันใช้อยู่ซะแล้ว ผมยอมเสียมารยาทพูดแทรกบทสนทนาตามประสาวัยรุ่นของน้องชายผม ขอมันใช้โทรศัพท์แป๊บนึง แค่จะโทรไปนัดเวลาคุยกับวุธ อยากเล่าให้มันฟังว่าวันนี้ผมเตรียมทำอะไรให้มันบ้าง....ผมอึดอัดแค่ไหนที่ต้องกลายเป็นเด็กอีกครั้ง หลังจากเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านมานาน....อยากระบายให้มันฟัง อยากได้ยินเสียงหัวเราะของมัน อยากให้มันพูดอะไรก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น.....
“...วุธ...”
“...อะไร...” มันตอบรับด้วยเสียงเย็นชา มันคงงอนอ่ะ ผมคิดในใจ
“...ทำอะไรอยู่...” ผมถามเสียงใส
“...เปล่า...”
“...วันนี้อ่ะ เรา.....” กำลังจะเริ่มพูดเกริ่น ๆ มันดันแทรกขึ้นมา
“...เอ้...เราไม่ว่างแล้ว แค่นี้นะ...”
“...อ้าว...” ผมพูดได้แค่นั้นแหละ มันวางหูไปซะแล้ว เมื่อกี้มันบอกว่าไม่ได้ทำอะไรนี่หว่า หรือว่ามันจะโกรธกูจริง ๆ วะ โทรใหม่ก็ได้
“...ฮัลโหล...วุธ...” นานมากกว่ามันจะรับ ทั้ง ๆ ที่ผมโทรกลับไปทันทีหลังจากวางสายเมื่อกี้
“...บอกแล้วไงว่าไม่ว่าง...” มันเสียงดังใส่ผม เท่านั้นแหละ ตบะแตก อารมณ์ผมขึ้นบ้าง
“...เออ...กูผิด ขอโทษ...” ผมวางหูดังโครม ไม่กลัวโทรศัพท์พังเลยครับ
.....นั่งเงียบซักพัก ขอสงบสติอารมณ์ก่อน โกรธไอ้วุธมาก น้อยใจด้วย อยากจะคุยกับมันดี ๆ แต่ดูมันทำสิ...ผมวิ่งลงไปเคาะประตูบอกน้องชายว่าใช้โทรศัพท์เสร็จแล้ว และจะดึงปลั๊กบนห้องออกด้วย ถ้ามีใครโทรมาให้บอกว่าไม่ว่าง ให้เพจมาอย่างเดียว ถ้ามีเวลาจะโทรกลับเอง......
.....ผมเดินหน้าหงิกไปล้างจานชามกองใหญ่ เสียงผู้ใหญ่คุยกันดังลอดมาถึงข้างใน นึกโมโห พาลไปหมด รู้สึกเหนื่อยมากทั้ง ๆ ที่เมื่อเย็นยังสดใสร่างเริงอยู่เลย.....มองดอกไม้ มองเศษอาหารที่เหลือ ผมยิ่งน้อยใจไอ้วุธที่มันไม่ฟังผมอธิบายเหตุผลเลย โอเค ถ้ามันไม่ว่างจริง ๆ ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ผมรับไม่ได้กับเสียงที่บ่งบอกว่ารำคาญที่มันตะคอกใส่ผมเมื่อครู่....พยายามไม่คิดมาก แต่มันก็อดไม่ได้ ล้างจานไป น้ำตาก็หยดติ๋ง ๆ ต้องคอยเอาแขนเช็ดมันออก กลัวคนจะเข้ามาเห็น.....
.....ตลอด 5 วันที่พ่อกับแม่ผมอยู่บ้าน แรก ๆ อึดอัดบ้าง เคยเป็นคนสั่ง แต่ตอนนี้ต้องเป็นฝ่ายโดนสั่งให้ทำนู่นทำนี่ เช้าไปเรียน บ่ายรีบกลับบ้าน มีกิจกรรมที่ต้องทำด้วยกันทั้งครอบครัวเยอะมาก ไปเที่ยว ไปซื้อของ และนี่ก็ดีเหมือนกัน ผมอยากได้อะไร พ่อกับแม่ก็ซื้อให้ และผมก็ได้สิ่งที่ผมอยากได้ที่สุดตอนนั้นคือโทรศัพท์มือถือซึ่งแพงมาก ๆ และโปรโมชั่นไม่ได้ดีอย่างสมัยนี้ แต่กว่าจะได้ ผมต้องใช้ความสามารถพิเศษส่วนตัวในการหว่านล้อมให้เห็นว่าสิ่งที่ผมอยากได้มันจำเป็นแค่ไหน ผมก็คงเหมือนกับเด็กที่เห่อของใหม่มัวแต่เล่นโทรศัพท์ทั้งวัน ทำให้ลืมเรื่องไอ้วุธไปได้บ้าง.....ใจจริงแล้วอยากให้มันรู้เบอร์โทรใหม่ของผมเป็นคนแรก ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ มันก็คงเป็นอย่างนั้น แต่ผมเลือกที่จะบอกเบอร์เพื่อน ๆ ผมทุกคน และกำชับว่าไม่ให้บอกเบอร์นี้กับใครถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผม.....
.....อยู่ไปอยู่มา รู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิม ถึงผมจะเรียนมหาลัยแล้ว แต่ในสายตาพ่อกับแม่ ผมยังเป็นเด็กเสมอ ผมใช้เวลากับครอบครัว พาน้องคนเล็กไปเที่ยวหลังเลิกเรียน ให้มันไปนั่งรอผมเรียนที่มหาลัยในวันที่ผมรู้ว่าอาจารย์วิชานี้ไม่เช็คชื่อ ผมก็เข้าไปแป๊บเดียว ซักพักก็ออกมานั่งเล่นกับมันที่ซุ้มรอเวลาห้างเปิด.....เด็กอ่ะนะครับ ให้ไปไหนก็ไป ให้ทำอะไรก็ทำ มันยังเด็กเกินไปนักที่จะอายเวลาโดนล้อว่าเป็นเด็กติดพ่อแม่ ติดพี่ วันนั้น เพื่อนผมเข้ามาหอมบ้าง หยิกแก้มบ้าง น้องผมมันน่ารักจะตายเหมือนผมตอนเด็ก ๆ เลย.....
.....จนกระทั่งถึงวันที่พ่อแม่และน้องเดินทางกลับเหนือ ใจหายเหมือนกัน ใจนึงก็อยากให้พวกเค้าอยู่ด้วยกันนาน ๆ อยากให้แม่ทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้กิน อยากให้พ่อพาไปซื้อของในห้าง อยากตอบคำถามวันละหลายสิบคำถามของน้องในวัยกำลังซน.....แต่อีกใจนึงก็อยากเป็นอิสระ บางทีก็เบื่อที่พ่อชอบมายุ่งกับเสื้อผ้า ผมเผ้า เค้าอยากไม่อยากให้ไว้ผมยาว แต่ผมไม่ยอมหรอก บางทีก็หงุดหงิดแม่ที่ชอบให้ทำอะไรที่ไม่เห็นจำเป็นต้องทำในขณะนั้น.....แต่ถ้าถามจริง ๆ จากใจ ผมอยากให้พวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ให้ผมเป็นเด็ก ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย ในตอนที่ผมอ่อนล้าจากปัญหาส่วนตัว มีคนที่รักและหวังดีคอยชี้นำทาง เวลาผมหาทางออกไม่ได้.....
.....วุธไม่มีการติดต่อกลับมาเลยครับ ผมนั่งนับวันรอครบ 1 สัปดาห์ที่มันไม่โทรหรือแม้กระทั่งเพจ ผมชักเริ่มเครียดที่มันแรกหายไปนาน นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่เราคงต้องจบกันจริง ๆ แล้วมั้ง.....ได้เวลาทำใจแล้วเรา ผมปลอบตัวเอง.....

“...พี่เอ้...เมื่อกี้พี่วุธโทรมา แต่บอกเค้าแล้วหล่ะว่าพี่ไม่ว่าง ให้เพจเข้ามาอย่างเดียว...” น้องผมเดินขึ้นมาบอกผมบนห้อง
“...อืม...แล้วมีคนอื่นอีกปะ...”
“...มี...แต่เค้าไม่ได้บอกว่าใครโทรมา แต่ผมก็บอกให้เพจหาอย่างที่พี่เอ้สั่งนะ....แล้วทำไมพี่ไม่ให้บอกเบอร์มือถือล่ะ...”
“...ต้องเป็นคนสนิทจริง ๆ โว้ยถึงให้ได้...” ผมตัดบท น้องชายผมพยักหน้าหงึก ๆ แล้วเดินกลับลงไปห้องมัน....ใช่ ต้องเป็นคนสนิทเท่านั้น ผมบอก
.....ในที่สุดไอ้วุธก็เพจมา ให้ผมโทรกลับในวันรุ่งขึ้น นับได้ 8 วันที่เราไม่ได้คุยกันเลย ผมอ่านข้อความของมันซ้ำไปซ้ำมา ลังเลจะโทรหรือไม่โทรดีหว่า......

JaeTae

  • บุคคลทั่วไป



  พรุ่งนี้มาต่อไม๊อ่า อยากอ่าน มาต่อน้า   :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
โกรธกันอีกและ..........เฮ้อ

a22a

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ย...ปวดใจจิงๆคับ โกรธกันอีกแล้วทำไมไม่ค่อยๆคุ่ยกันคับแต่ละคนฑิฐิแรงกันจิงๆความรักใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆนะคับ ถนอมกันหน่อยนะคับขิงก็รา ข่าก็แรงกันจิง คุณเอ้นะคุณเอ้

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
แหมวุธ ถ้ารุ้ว่าเอ้เตรียมการ ไว้เยอะขนาดนี้ คงหายโกดได้แระล่ะ

แหมชวนมาบ้านช่างเปนคนที่พิเศษมากมาย

มาต่ออีกนะคับ

อยากอ่านต่อมากมายยยยย

papae

  • บุคคลทั่วไป
หุหุหุ !!!  :m25:  วิธีการมันคล้ายๆใครหว่า  เอิ๊กๆๆ  เข้าใจเอ้อ่ะแต่ก็เห็นใจวุธด้วย พยายามเข้า  อิอิ

ขอบคุณนะคะ มาต่ออีกนะ   :m4:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
ขอให้ดีกันเร็วๆเถอะ สาธุ  :m5: :m5: :m5:

bigynew

  • บุคคลทั่วไป
โทรกลับไปเถอะอย่าทิฐิเลย
จะดี ๆ ทะเลาะกันอีกล่ะเฮ้อ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

เพิ่งจะดีกันได้ไม่นาน ทะเลาะกันอีกแระ

เข้าใจกันไว ๆ และกันนะ

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15

papae

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องเล่า)"อด$
«ตอบ #417 เมื่อ09-10-2007 13:20:49 »

โทรกลับไปเถอะอย่าทิฐิเลย
จะดี ๆ ทะเลาะกันอีกล่ะเฮ้อ :เฮ้อ:


โทรดิคะ...รออยู่เหมือนกันอ่ะ  แฮ่ ๆ   :impress:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2007 11:51:43 โดย papae »

niph

  • บุคคลทั่วไป
 :m16:
คนอ่านก็อึดอัดนะนี่  :เฮ้อ:

ตามมาดู

  • บุคคลทั่วไป
เหมือนเห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลแฮะ ไหนว่าฟ้าหลังฝนจะสดใสงัยอะ ..
สงสัยต้องเป็นฤดูมรสุมแน่นอน เมฆฝนมาถี่ยิบ ..  :m15:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด